“อื้อ ที่นี่ที่ไหนเนี่ย” ผมมองคนที่งัวเงียจากการตื่นนอน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ยังคงนอนตะแคงมองหน้าเธอและยิ้มออกมาเฝ้าดูอาการเกียจคร้านของเธออยู่แบบนั้น“เอ๊ะ! ที่นี่คุ้น ๆ เหมือนเคยเห็น” น้ำทิพย์ยังคงไม่รู้ตัวว่าผมนอนอยู่ข้าง ๆ เธอ ซึ่งผมก็ไม่คิดจะบอก ผมยังอยากมองเธออยู่แบบนี้ต่อไป“อะ เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หรือว่า...ว้าย!”น้ำทิพย์ตกใจทันทีเมื่อหันหน้ามาเจอผมนอนอยู่ข้าง ๆ ส่งยิ้มละมุนให้เธออยู่ โดยที่ช่วงบนของผมไม่ได้ใส่เสื้อ นั่นจึงทำให้เมื่อเธอหันมาเห็นแผงอกผมเต็ม ๆและเมื่อเธอหายจากอาการตกใจ เธอก็ยังจ้องมองรูปร่างของผมอยู่ สายตาหื่นกระหายที่ลวนลามผมทางสายตานั่นทำให้ผมรู้สึกดีมากเลยทีเดียวล่ะครับนี่สิถึงจะคุ้มค่ากับแผนที่คิดทั้งคืน! น้ำทิพย์ค่อย ๆ ไล่สายตามองแผงอกผมขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่แบบนั้น และเหมือนเธอจะอดใจไม่ไหว จึงได้ยกมือเรียวบางของเธอขึ้นมารูปไล้ที่แผงอกของผมเบา ๆอา...นี่ผมคิดผิดหรือคิดถูกเนี่ยที่จะอ่อยเธอด้วยวิธีนี้“อรุณสวัสดิ์ครับ จะลวนลามพี่อีกนานไหม”“นาย!” และเมื่อได้ยินคำพูดผม เธอก็ผละมือออกจากแผงอกผมทันที ผมส่งสายตาล้อเลียนไปให้ เมื่อเห็นว่าเธอหน้าแดงก็รู้สึกภูมิใจ“
น้ำทิพย์โวยวายเมื่อหันมาแล้วเจอผมยืนอยู่ข้างหลัง ไม่รู้ว่าเธอตั้งใจหันมาหรือไม่ เพราะทันทีที่เธอหันมาผมที่ยืนใกล้กับเธออยู่แล้วก็ยิ่งใกล้มากกว่าเดิม เพราะตอนนี้เธอตกอยู่ในอ้อมกอดของผมแล้วนั่นเองสายตาของผมไม่ได้อยู่บริเวณหน้าเธอด้วยซ้ำ เพราะมันถูกสิ่งที่น่าสนใจกว่าอย่างหน้าอกดึงดูดไปหมดแล้ว!ผมเลื่อนสายตาขึ้นไปมองหน้าเธออย่างช้า ๆ ไล่ตั้งแต่ลำคอระหง ปลายคางมนรับใบหน้าอย่างดี ริมฝีปากเล็กสีชมพูน่าจูบ จมูกโด่งเชิดรั้นน่าหยิก ดวงตากลมโตกระจ่างใสที่กำลังจ้องมองผมด้วยอาการตระหนกเราสองคนสบสายตากันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงร่างกายเท่านั้นที่กำลังสัมผัสกัน โดยเฉพาะไอ้เจ้าน้องชายตัวดีของผมที่มันเริ่มจะแผลงฤทธิ์อีกแล้ว!“ปะ... ปล่อย”“ยะ... อย่าขยับ อย่าเพิ่ง” ผมร้องห้ามน้ำทิพย์ทันทีเมื่อเธอเริ่มขยับร่างกายเบา ๆ หวังจะออกไปจากอ้อมกอดของผม แต่ถ้าเธอทำแบบนั้นมันก็ยิ่งทำให้ผมต้องการมากขึ้นถ้าผมไม่ห้ามเธอ ผมคงต้องกลายร่างเป็นราชสีห์จับหนูตัวน้อยอย่างเธอกลืนกินลงท้องแน่“ขะ... เข้ามาได้ยังไง ประตูปิดแล้วนี่”เธอถามผมเสียงเบาโดยที่เธอไม่กล้าสบตาผมเลยสักนิด ซึ่งผมคิดว่าเธอคงสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่
ตึก ตึก ตึก หลังจากเอาตัวเองออกจากสถานการณ์สุ่มเสี่ยงได้ เสียงหัวใจฉันก็เต้นอย่างรุนแรงราวกับว่าจะทะลุออกมานอกอกให้ตายเถอะ คนบ้านั่นคิดว่าฉันมีภูมิต้านทานมากนักหรือไงกัน ถึงได้เอาตัวเองมาหลอกล่อกันแบบนี้ นี่ถ้าฉันไม่มีสติปล้ำเขาขึ้นมาจะทำยังไง!ดีนะที่สมองส่วนลึกสั่งการว่ามันยังไม่ถึงเวลา ไม่อย่างนั้นล่ะก็ทั้งตัวเขาและความใหญ่โตของเขาคงโดนฉันปู้ยี่ปู้ยำไปแล้ว พูดแล้วก็เสียดายเฮ้อ! แต่ไม่เป็นไรหรอกของแบบนี้ยังรอได้ ไว้เขาทำตัวดีกว่านี้และเราคบกันอย่างเปิดเผยเมื่อไหร่ วันนั้นฉันค่อยทบต้นทบดอกก็ได้แต่ว่าก็ว่าเถอะนะ เมื่อสักครู่ฉันว่าเขาต้องการอ่อยฉันแน่ ๆ หึ สุดท้ายก็แพ้ภัยตัวเอง สมน้ำหน้า!กับผู้หญิงอาการแบบนี้นั่นไม่เท่าไหร่หรอก แต่กับผู้ชายถ้าไม่ได้ปลดปล่อยคงหงุดหงิดน่าดู คิดดูสิเขาสามารถใช้กำลังกับฉันก็ได้แต่เขาไม่ทำ นั่นทำเอาฉันแอบยิ้มไปเลยล่ะแรกเริ่มเมื่อเห็นว่าเขามีอาการฉันก็หวั่นใจเหมือนกัน เพราะสำหรับเราสถานะค่อนข้างที่จะคลุมเครือ ถ้าเขาใช้กำลังบีบบังคับฉันขึ้นมาแน่นอนว่าฉันคงไม่โกรธแต่คงจะรู้สึกผิดหวังกับเขานิดหน่อย เพราะสถานะสำหรับเราสองคนมันยังไม่ชัดเจนถึงแม้ว่าฉันจะเคย
สำหรับพี่เหนือฉันว่าเขาได้เรียนรู้และเจ็บกับสิ่งที่เขาเคยทำแล้ว และฉันก็ไม่ได้ให้โอกาสเขาเร็วไปเลย เราห่างกันห้าเดือนเลยนะคะ และอย่าลืมนะคะว่าสำหรับฉันเขายังคงเป็นแฟนฉันอยู่ แต่สำหรับเขาแล้วตอนนี้คือการเริ่มต้นจีบฉันใหม่ ความเข้าใจสถานะของเราสองคนมันต่างกันและโอกาสที่ฉันให้ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่ให้โอกาสตัวเองด้วย ครั้งนี้ถ้าเขาทำพังฉันก็จะเลิกกับเขาจริง ๆ ซึ่งฉันคิดไว้ว่าเขาคงไม่ทำมันพังอีกเป็นครั้งที่สองและการให้โอกาสเขาจีบฉันใหม่ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะมันจะทำให้เราทั้งคู่ต่างเข้าใจกันมากขึ้น และได้เห็นในมุมที่ตัวเองไม่เคยเห็นก็ได้ ดูอย่างช่อดอกไม้และการอดทนอดกลั้นอารมณ์ของเขานั่นสิ ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงไม่ได้ช่อดอกไม้ช่อใหญ่ขนาดนี้และเขาคงไม่ใจเย็นอย่างนี้แน่จะว่าดีก็ดีจะว่าเสียก็เสีย ทุกอย่างที่มันขึ้นอยู่ที่มุมมองของแต่ละบุคคล สำหรับฉัน ฉันว่าเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วนับจากวันนี้ก็ต้องมาดูที่ความพยายามของเขาแล้วว่าจะรักษาโอกาสที่ฉันหยิบยื่นให้ไว้ได้หรือไม่ฉันมั่นใจว่าเขาจะรักษามันไม่ได้ และเขาจะทำมันได้ดีกว่าเดิมแน่นอน เพราะบทเรียนที่ผ่านมาจะทำให้เขารู้จักคิดมากขึ้
“น้ำทิพย์ครับ เย็นนี้ว่างไหมไปทานข้าวกัน”ผมถามน้ำทิพย์พร้อมกับมองเธอด้วยความคาดหวังว่าเธอจะตกลง“อืม... ไม่ได้หรอกค่ะ วันนี้ทิพย์มีนัดกับพี่ไฟ”หลังจากที่ได้ฟังคำตอบของเธอหน้าผมก็สลดลงทันที ก่อนจะก้มหน้าเพื่อปิดบังความน้อยใจของตัวเอง“ไม่น้อยใจสิคะ ก็พี่เหนือไม่บอกทิพย์ก่อนนี่นา” เธอพูดพร้อมกับยิ้มให้ผม“ครับ พี่ผิดเอง” ผมก็ยังคงตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย จนคนตรงหน้าเริ่มที่จะไม่พอใจ“พี่เหนือ ถ้าจะมาทำหน้าแบบนี้ใส่ก็ไม่ต้องมารับก็ได้นะคะ ทิพย์กลับเองได้”“พี่ขอโทษครับ พี่จะไม่ทำหน้าเศร้าอีกแล้ว”“อย่าลืมนะคะว่าทิพย์ยังไม่ได้คืนดีกับพี่เหนือ ตอนนี้พี่เหนือก็แค่ได้รับโอกาสเท่านั้น พี่ยังไม่มีสิทธิ์หึงหวงอะไรในตัวทิพย์”“พี่รู้ครับ พี่แค่... เฮ้อ! ช่างเถอะครับ ขอแค่ทิพย์ยังอยู่ตรงนี้ก็พอ”“...”“ไปเถอะครับกลับคอนโดกัน” ผมรีบสลัดความเศร้าสร้อยและน้อยใจของตัวเอง เพราะไม่อยากให้เธอไม่พอใจวันนี้ผมมารับเธอที่มหาวิทยาลัยเพราะเธอมีเรียนแค่ครึ่งวันเช้า ส่วนผมก็ฝึกงานเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงว่าง และขับรถมารับเธอกลับแบบนี้ล่ะครับตั้งแต่ที่เธอให้โอกาสผม ผมก็ตามจีบตามตื๊อเธอทุกวัน จนวันนี้ก็ผ่านมาหน
ก๊อก ก๊อก ก๊อกผมกดหน้าต่างรถลงแล้วเลิกคิ้วรอฟังว่าเธอจะพูดอะไร“ขอบคุณนะคะที่ไปรับและมาส่ง”“พี่ยินดีครับ แค่เป็นทิพย์พี่ยินดีเสมอ”“ค่ะ ยังไงก็ขอบคุณ ขับรถกลับดี ๆ นะคะ บายค่ะ” เธอพูดและยิ้มให้ผมก่อนจะหันหลังเดินเข้าคอนโดไปผมรอจนเธอเดินหายเข้าไปในตัวคอนโดแล้ว ถึงได้ขับรถออกมา พลางคิดถึงคำเชิญชวนที่เธอชวนผมไปเจอกับคุณไฟเมื่อสักครู่เหอะ ขนาดไม่ได้ไปนั่งร่วมโต๊ะยังรู้สึกจุกอกขนาดนี้ แล้วถ้าผมไปนั่งร่วมโต๊ะด้วยผมจะเจ็บขนาดไหนอีกอย่างผมบอกเธอว่าไม่ไปก็ใช่ว่าผมจะไม่ไปตามที่ปากพูดซะหน่อย เพราะไม่ว่าจะเจ็บยังไง หรือต้องทนเห็นเธอยิ้มและหัวเราะกับผู้ชายคนอื่น สุดท้ายแล้วผมก็แอบตามและแอบมองดูเธออยู่ห่าง ๆ อยู่ดีที่ผมทำก็เพราะว่าห่วงเธอนั่นแหละครับทางด้านน้ำทิพย์ หลังจากที่ลงจากรถของเหนือนทีแล้ว เธอก็เดินเข้าไปในตัวคอนโด ก่อนจะเดินกลับออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่ารถเหนือนทีขับออกไปแล้ว“อยากจะรู้เหมือนกันวาพี่เหนือจะทำใจเย็นแบบนี้ได้นานแค่ไหน ได้ปั่นหัวคนแบบนี้ก็สนุกเหมือนกันแฮะ นาน ๆ ทีจะมีโอกาสเพราะฉะนั้นก็ทนเจ็บปวดไปสักพักแล้วกันนะคะพี่เหนือ” ฉันพูดกับตัวเองพร้อมกับมองไปยังรถที่ขับออกไปไกลแ
ฮือ เครียด จะสอบอยู่แล้ว แต่อ่านหนังสือไม่เข้าหัวเลย ไหนจะซีรีส์ที่กำลังฉายอีก อยากแยกร่างได้ฉันกำลังโอดครวญอยู่กับตัวเองเพราะสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แห่งการสอบ!ให้ตายเถอะ ฉันยังไม่พร้อม ฉันยังมีอะไรให้สงสัยอีกตั้งเยอะเลยนะ ทำไมมหา’ลัยถึงได้จัดสอบเร็วแบบนี้ แล้วแบบนี้ฉันจะเอาความรู้ที่ไหนเข้าไปสอบกันจะมีใครมานั่งคร่ำครวญเหมือนฉันบ้างไหมเนี่ย ปกติก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก แต่เทอมที่แล้วน่ะสิ เรียนอย่าง ติวอย่าง แต่อาจารย์ออกข้อสอบอีกอย่างใครมันจะไปทำได้!พอมาสอบเทอมนี้ฉันก็เลยกลัว กลัวว่าจะเป็นแบบเทอมที่แล้วที่ข้อสอบออกไม่ตรงกับที่เรียนมาอีก จะไม่อ่านก็ไม่ได้ เพราะถ้าเป็นแบบที่ฉันคิดจริง ๆ ฉันจะไม่สามารถทำได้เลยสักข้อ กลับกันถ้าฉันอ่าน ถึงข้อสอบจะออกไม่ตรง แต่อย่างน้อยก็พอทำได้เฮ้อ! เกิดเป็นน้ำทิพย์นี่มันอยากจริง ๆแล้วก็นะ เพื่อนสามคนก็นานมาซะจริง ๆ นัดกันแล้วนะว่าให้มาติว บอกเวลาเท่านี้ เป็นไงเล่า สาย!ตรงเวลาของเพื่อนไม่มีอยู่จริง แต่จะไปว่าพวกมันก็ไม่ได้หรอก เพราะว่าฉันก็เคยสายและสายบ่อยด้วย ตอนพวกมันรอฉันก็คงรู้สึกแบบนี้แหละตุบ!อ้าว พูดถึงก็มาพอดี ว่าแต่น้ำพิ้งค์เป็นไรมาถึงก็หน้าบูด
“จริง ๆ ไม่ต้องถือให้ทิพย์ก็ได้นะคะ ทิพย์ไม่ได้หนักอะไรเลย”“ไม่ได้หรอกครับ พี่อยากถือให้นี่นา” เขาพูดพร้อมกับหันมาส่งยิ้มหวานให้ฉัน ซึ่งฉันก็ยิ้มรับ ก่อนจะเดินหนีเขาออกไปหน้าร้าน เพราะกลัวว่าตัวเองจะห้ามใจไว้ไม่อยู่ผู้ชายเวลาอ้อนมันน่ารักเกินต้านทั้งนั้นแหละ แล้วยิ่งพี่เหนือที่เป็นคนเล่นหูเล่นตาเก่งอยู่แล้วเนี่ย ไม่ต้องพูดถึงเลย ฉันทำหน้านิ่งอยู่ต่อหน้าพี่เขาได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว“ทิพย์อยากจะทานอะไรดีครับ”“อืม เคเอฟซีก็ได้ค่ะ อยากกินนานแล้ว ไม่ได้กินสักที”“ตกลงครับ งั้นไปกัน”เราทั้งสองตรงไปยังร้านเคเอฟซีใกล้ ๆ คอนโด เนื่องจากไปอยากไปไกล จึงได้กินแถวละแวกนี้แทน ซึ่งมันก็ดี เพราะถ้าไปห้างที่อยู่ไกล รถก็ติด ไปถึงกว่าจะได้กินก็นาน ถ้าเป็นแบบนั้นฉันต้องอารมณ์เสียแน่ ๆกลับกันเคเอฟซีที่ร้านตั้งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดที่ฉันและพี่เหนือพักอยู่มากนัก นอกจากจะได้กินเร็วแล้ว ยังไม่ต้องไปเสี่ยงรถติดบนท้องถนนอีกด้วย มองยังไงร้านนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเห็น ๆ“วันนี้ติวหนังสือเป็นยังไงบ้างครับ”“ฮือ เหนื่อยค่ะ น้ำมนต์ยัดอะไรก็ไม่รู้ใส่หัวเต็มไปหมดเลย” ฉันบอกกับเขา แต่ลักษณะท่าทางของฉันก็อ้อนเขาไปด้วย
ฉันผละออกจากอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของพี่เหนือ ก่อนจะเช็ดน้ำตาของตัวเองแล้วยิ้มให้เขาอย่างมีความสุขที่สุดตอนแรกที่เขาบอกว่าอย่าร้อง ฉันก็กะว่าจะไม่ร้องไห้นั่นแหละ แต่ใครมันจะไปอดทนได้เล่า ในเมื่อเขาน่ารักขนาดนี้คิดดูสิบรรยากาศภายในร้าน และอะไรต่าง ๆ ที่เขาทำวันนี้เป็นสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงทั้งสิ้นว่าเขาจะทำ เพราะสิ่งที่เขาทำวันนี้มันตรงกันข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิญพี่เหนือไม่ใช่คนที่โรแมนติก เขาค่อนข้างที่จะเป็นคนที่มีนิสัยไม่ยอมคน สายเอาแต่ใจ ที่สำคัญเขาหื่นมาก เพราะฉะนั้นการจัดตกแต่งร้านแบบน่ารัก ๆ ที่ฉันเห็นนี่มันสวนทางกับพี่เหนืออย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ที่ฉันเดินลงจากรถและเดินเข้ามา สองข้างทางล้วนประดับประดาไปด้วยหลอดไฟเล็ก ๆ น่ารัก ๆ หน้าประตูถูกประดับไปด้วยดอกไม้ที่ฉันชื่นชอบ ยิ่งเปิดประตูเข้ามาในร้าน ฉันยิ่งรู้สึกประทับใจ เพราะมันเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง และรูปของเรา ที่ขาดไม่ได้เลยคือป้ายคำว่า‘Anniversary 2 years’หลังจากที่เห็นทุกอย่างแล้ว และคิดถึงนิสัยของเขามันเลยทำให้ฉันตื้นตันใจจนอยากร้องออกมาแต่ก็ต้องกลั้นไว้เมื่อเขาห้าม แต่พอฟังเขาพูดประโยคพวกนั้นจบฉันก็ไม่สามารถกักเก็บความรู้สึ
“พี่เหนือ นี่จะพาทิพย์ไปไหนคะ ไม่เห็นบอกเลยอยู่ดี ๆ ก็บอกให้แต่งตัว”น้ำทิพย์ถามผม เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของเรา ผมจึงจะพาเธอไปยังที่แห่งหนึ่งซึ่งตอนนี้เราอยู่ที่คอนโดครับ ผมกับน้ำทิพย์กลับมาจากบ้านสวนได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว กลับมากรุงเทพเราก็ใช้ชีวิตไปตามปกติอ้อ ผมไม่ได้อยู่กับเธอตลอดเวลานะครับ เพื่อเป็นการให้เกียรติเธอและทางครอบครัว ผมจะมานอนกับเธอที่ห้องหรือให้เธอไปนอนที่ห้องกับผมแค่อาทิตย์ละสามวันเท่านั้นนอกจากนี้ผมยังให้คุณแม่ของผมคุยเรื่องการหมั้นหมายของผมกับเธอไปคร่าว ๆ ทางโทรศัพท์กับคุณพ่อคุณแม่ของเธอแล้วด้วยก่อนผมจะกลับกรุงเทพนั่นเองซึ่งผลจากการที่ผู้ใหญ่คุยกันเรื่องนี้นั้นได้ข้อสรุปว่า หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่กลับกรุงเทพแล้ว พวกท่านจะคุยเรื่องนี้และข้อตกลงกันต่าง ๆ กันอีกที ซึ่งผมและน้ำทิพย์ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะถือว่าได้บอกความต้องการของตัวเองออกไปแล้ว ต่อไปก็ให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่เขาคุยและตกลงกัน“อ้าวพี่เหนือถามไม่ได้ยินเหรอคะ จะไปไหน” น้ำทิพย์ถามผมหน้ายุ่ง“พาไปที่ที่สำคัญของเราสองคนไงครับ”ผมตอบเธอพร้อมกับยิ้ม น้ำทิพย์ย่นคิ้วคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาว่า“จะพา
ระหว่างทาผมก็ถามพนักงานชายไปด้วยว่าทำแบบนี้ทำไม ซึ่งคำตอบที่ได้รับทำให้ผมตาโตด้วยความไม่เชื่อ เพราะพนักงานคนนั้นบอกว่าถ้าทาแป้งและขี้เถ้าแล้วมดแดงมันจะไม่กัด เป็นความเชื่อที่คนโบราณทำสืบต่อกันมา ซึ่งพอเวลาผ่านไปการทำแบบนี้ก็เริ่มไม่มีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพนักงานของที่นี่เขาค่อนข้างจะเชื่อคำคนโบราณจึงได้เอามาทำที่ไร่นี้ พอว่าที่พ่อตามาเห็นและรู้ว่าได้ผลจึงไม่ได้ห้ามตอนแรกผมก็ไม่เชื่อหรอกว่ามันจะได้ผลจริง แต่พอขึ้นไปบนต้นมะม่วงแล้วก็ต้องชะงัก เพราะสิ่งที่ผมไม่เชื่อกลับสามารถได้ผลดี แต่ใช่ว่าจะไม่โดนกัดเลย มันก็มีกัดบ้างแต่ไม่เท่ากับสามต้นแรกที่ผมไม่ได้ทาพวกมันแล้วขึ้นไปเก็บเรื่องนี้ก็นับว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่วิจารณญาณส่วนบุคคล สำหรับผมแล้วผมเชื่อครับเพราะมันใช้ได้จริงหลังจากเก็บมะม่วงสองต้นสุดท้ายเสร็จแล้วผมกับว่าที่พ่อตาก็กลับมาอาบน้ำที่บ้านก่อนจะมานั่งทานข้าวที่ถูกเตรียมไว้แล้วมื้ออาหารกลางวันเป็นไปด้วยความเรียบง่าย ไม่มีเสียงกระทบกระทั่งกันไปมาของผมและคุณพ่อของน้ำทิพย์ถึงผมจะค่อนข้างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เพราะไม่ต้องการจุดฉนวนให้ตัวเองโดนเล่นง
หลังจากที่เมื่อวานได้เปิดอกเปิดใจคุยกับคุณพ่อของน้ำทิพย์แล้ว วันนี้ผมก็ต้องมาทำงานใช้แรงงาน เพราะว่าที่พ่อตาท่านบอกว่าจะมานั่งกินนอนกินไม่ได้ จะมาอยู่ก็ต้องมาช่วยกันทำงาน แม้ว่าที่บ้านสวนจะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของพวกท่านก็ตามแต่พวกท่านก็ไม่ได้พักอย่างที่ใครคิด การพักผ่อนของพวกท่านคือการใช้ชีวิตชาวสวน วันนี้ผมจึงต้องมายืนสอยมะม่วงบ้าง ปีนต้นมะม่วงจนมดแดงกัดอยู่แบบนี้ไงครับ“ใช่ ๆ พวงนั้นแหละ ลูกมันดก ขนาดกำลังกิน”เสียงของว่าที่พ่อตาตะโกนส่งมาไม่ขาดสาย ในขณะที่ผมทั้งตัดพวงมะม่วง ทั้งปัดป่ายมดแดงที่ขึ้นอยู่ตามตัวและก็ไอ้มดแดงที่กำลังกัดผมอยู่นี่แหละ ที่ผมกินไข่ของพวกมันเมื่อวานนี้เห็นแบบนี้ก็อดยอมรับนับถือคนงานไม่ได้ที่ต้องมายืนแหงนคอสอยรังของมดแดง เพื่อที่จะนำไข่ของมันไปประกอบอาหารขนาดผมปีนต้นไม้เพื่อเก็บมะม่วงยังโดนกัดขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดภาพเลยว่ากว่าพวกเขาจะสอยได้แต่ละรังกว่าจะได้ไข่มาต้องลำบากกันขนาดไหน“มัวคิดอะไรอยู่ บอกเอาพวงนั้น พวงนั้น”“ผมก็ตัดอยู่นี่ไงครับว่าที่พ่อตา อย่าเร่งสิครับ มดมันกัดผมอยู่” ผมตะโกนโต้กลับกับคนที่ยืนชี้นิ้วสั่งผมอยู่ด้านล่าง“ผิวหนังด้าน ๆ อย่าง
บ้านสวนของน้ำทิพย์มีคนอยู่ไม่มากนัก จะมีแค่คุณพ่อคุณแม่ของเธอที่จะมาพักผ่อนหย่อนใจตามเวลาที่สะดวก มีน้ำทิพย์ และคนสวนที่ดูแลที่นี่เพียงสองคน คนดูแลบ้านอีกสองคน หลัก ๆ แล้วคนที่อยู่ที่นี่แค่สี่คนเท่านั้น ส่วนลุงเชิดกับป้าชมนั้นเป็นสามีภรรยากัน ลุงเชิดเป็นคนขับรถส่วนป้าชมเป็นหัวหน้าแม่บ้านและเป็นคนสนิทของคุณแม่ของน้ำทิพย์ด้วยเช่นกันอ้อ ผมลืมบอกไปที่เรียกว่าบ้านสวน เพราะบริเวณรอบบ้านของเธอล้วนปลูกผักผลไม้ทั้งสิ้น ยิ่งถ้าเป็นที่ดินด้านหลังบ้านที่ถัดออกไปอีกไม่ไกล มีเพียงคลองส่งน้ำเล็ก ๆ ขวางกั้นเท่านั้นเพียงก้าวข้าวสะพานไม้ที่ทำไว้ก็จะเจอกับสวนมะม่วงที่ให้คนงานลงปลูกไว้ขึ้นเต็มไปหมดผมโชคดีที่หน้านี้มะม่วงกำลังติดลูก คิดว่าคงจะได้เดินไปชมสวนของบ้านเธอแน่ ๆ ครับ เพราะนอกจากจะปลูกไว้กินแล้วเนี่ย ทางบ้านของน้ำทิพย์ยังส่งมะม่วงให้ตลาดในตัวอำเภอเพื่อขายอีกด้วย“เหม่ออะไรอยู่ ไปได้แล้วลูกเมียฉันรอ ไร้มารยาทจริง”ผมหลุดจากความนึกคิดของตัวเองแล้วเขม่นตามองว่าที่พ่อตาที่เดินนำออกไปไกลแล้ว จึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินตามท่านไปบ้าง“ขอโทษที่มาช้าครับ” ผมรีบพูดทันที เพราะคุณแม่ของน้ำทิพย์กำลังนั่งรออยู่จ
“เจ้าบ้านเขาไม่ต้อนรับก็ยังจะหน้าด้านอยู่อีก” คำกล่าวทักทายแรกหลังจากที่ออกมาจากห้องพัก ก็โดนพ่อตากระแหนะกระแหนใส่ซะแล้ว“คุณพ่อครับ ถ้าไม่เต็มใจต้อนรับผมจะได้พักที่ห้องข้าง ๆ ทิพย์เหรอครับ”“ใครพ่อแก!”“อา... ลืมไปว่าไม่ใช่ งั้นคงต้องเรียกว่า...”“ว่าอะไร”“พ่อตา”“ไอ้เหนือ!”ผมพูดเสร็จก็รีบพาตัวเองเดินลงมายังชั้นล่างของบ้านทันที โดยไม่สนใจคนที่กำลังทำหน้าราวกับจะฆ่าคนของคุณพ่อตาสักนิด แถมยังมียิ้มให้ก่อนจะเดินออกมาด้วย“คุณนทีเป็นอะไรคะ เสียงดังมาถึงข้างล่าง” คุณแม่ของน้ำทิพย์เดินมาชะเง้อขอถามตรงตีนบันได ซึ่งสวนกับที่ผมเดินลงไปพอดีผมยิ้มให้ท่านแล้วเดินจากมา แต่พอมาถึงโซฟาก็เจอน้ำทิพย์ยืนกอดอกขมวดคิ้วอยู่“เป็นอะไรครับ ทำไมทำหน้าแบบนั้น”“ทิพย์ต่างหากที่ควรถามพี่เหนือว่าเป็นอะไรถึงได้กวนคุณพ่อ จนคุณพ่อเสียงดังแบบนี้”“พี่เปล่าทำอะไรสักหน่อยนะครับ” ผมตีหน้าซื่อตาใสไม่ยอมรับ“พี่เหนือ เราคบกันอยู่แล้วทำไมทิพย์จะไม่รู้สันดาน เอ๊ย!นิสัยของพี่เหนือล่ะคะ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงหน่อยสิคะ”“โธ่... ที่รักก็คุณพ่อของทิพย์ท่านชอบว่าพี่นี่”“แต่ถ้าพี่เหนือยอมท่านปล่อยเวลาไปสักพัก ให้ท่านได้มีเวลายอมร
ปัง!“กรี๊ดดด! หยุดค่ะคุณพ่อ หยุดก่อน”ปัง!“แกหลบไปยายทิพย์ หลบไปก่อนพ่อจะเอาเลือดหัวมันออก”“ถ้าเอาแค่เลือดหัวผมออกไม่ต้องใช้ปืนก็ได้ครับ เอาเป็นไม้หรืออย่างอื่นก็ได้ เป็นปืนแบบนี้ถ้าคุณพ่อพลาดยิงผมตายขึ้นมานอกจากจะติดคุกแล้ว น้ำทิพย์ยังจะเสียใจอีกนะครับ”“ฮึ่ม ไม่โว้ย ลูกสาวฉันไม่เสียใจนานหรอก เดี๋ยวฉันหาผู้ชายคนใหม่มาดามใจให้เอง แล้วก็นะฉันไม่ใช่พ่อแก!”คุณพ่อของน้ำทิพย์พูดก่อนจะทำท่ายกปืนเล็กอีกครั้ง แต่มีหรือที่ผมจะยอม ผมรีบเอาตัวน้ำทิพย์เข้ามาบังตัวผมไว้ แล้วโผล่หน้าไปท้าทายท่านอีกครั้ง“พี่เหนือ ทิพย์บอกแล้วไงว่าอย่าไปตีรวนท่าน”“ก็ดูคุณพ่อทิพย์สิ มาถึงยังไม่ทันจะได้เข้าบ้านก็เอาปืนมาไล่ยิงกันซะแล้ว แบบนี้จะให้พี่อยู่เฉย ๆ ได้ไงครับ” ผมพูดอย่างไม่ยินยอม พร้อมกับหลบอยู่หลังเธอใช่แล้วล่ะครับ ตั้งแต่มาถึงและลงจากรถขณะที่ผมกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในตัวบ้าน คุณพ่อของน้ำทิพย์ก็วิ่งออกมาพร้อมปืนยาวหนึ่งกระบอกและยิงทันทียิงแบบไม่สนใจด้วยว่าจะถูกหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าท่านคงไม่กล้ายิงตรง ๆ นอกจากยิงขู่ ผมถึงได้กล้าตีฝีปากกับท่านนั่นเอง“มึง! ไอ้เหนือ ตายซะเถอะ”“โอ๊ย หยุดได้แล้วค่ะคุณ พอไ
“บอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยครับว่าพี่ขอไปด้วย” “พี่เหนือจะไปทำไมคะ” ทันทีที่เธอได้ยินคำพูดของผม น้ำทิพย์ก็ถามกลับมาทันที พร้อมมองผมขึ้น ๆ ลง ๆ“จะไปบ้านเมีย”“พี่เหนือ”“ก็พี่อยากไปด้วยนี่ พี่อยากเจอคุณพ่อคุณแม่ของทิพย์นี่ครับ ทิพย์ก็ได้เจอคุณพ่อคุณแม่พี่แล้ว ให้พี่ไปเจอพวกท่านบ้างสิเราจะได้เท่าเทียมกัน”“แต่คุณพ่อของทิพย์ไม่ชอบพี่เหนือ”“ก็ยิ่งไม่ชอบนั่นแหละครับ พี่ถึงต้องไป”ผมพูดออกมาด้วยความจริงจัง และใช่ครับ คุณพ่อของเธอไม่ค่อยชอบผม ย้อนกลับไปสามวันที่แล้ว ที่ผมพาน้ำทิพย์และคนอื่น ๆ ไปเที่ยวน้ำตกวันที่สองของการอยู่ที่นั่น คุณพ่อของเธอก็โทรเข้ามา แต่บังเอิญว่าน้ำทิพย์หลับอยู่ และผมก็อยู่ตรงนั้นพอดี จึงได้ถือวิสาสะรับสายท่านไป แค่ท่านได้ยินเสียงผม ก็โวยวายออกมายกใหญ่เลยครับผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้ต่อว่าท่านกลับหรอกนะครับ ผมยังคงรู้จักมารยาท แต่ว่าการตอบกลับของผมค่อนข้างที่จะรวนท่านนิดหน่อยจนเดือดร้อนให้คุณแม่ของเธอเข้ามาห้ามปรามและรับโทรศัพท์ไปคุยเอง เราถึงพูดกันรู้เรื่อง ความว่าคุณแม่และพ่อของเธอไม่ได้อยู่กรุงเทพ แต่เดินทางไปบ้านสวน ให้น้ำทิพย์ตามไปที่นั่นเพื่อพักผ่อน เพราะเห็
“แค่ก แค่ก กดหัวทำไมหายใจไม่ออก” ฉันไอหน้าดำหน้าแดง ส่วนคนที่ถูกต่อว่าก็ทำเพียงแค่ส่งสายตาสำนึกผิดมาให้“ขอโทษครับ”“เหอะ” ฉันส่งเสียงอย่างไม่พอใจ แล้วทำท่าจะลุกหนี“ไปไหนครับ” เขาคว้าจับแขนฉันไว้ โดยมีสายตาไม่พอใจของฉันจับจ้องอยู่“เสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ ก็ไปอาบน้ำสิ ถามมาได้” ฉันที่ไม่พอใจกับการที่ถูกเขากระแทกน้องชายเข้าปากอยู่แล้วก็ตอบกลับเขาไปอย่างอารมณ์เสีย“หืม ใครบอก เมื่อกี้แค่ยกแรกครับ เขาเรียกว่าของกินเล่น จากนี้ต่างหากของจริง”“ไม่”“ไม่ทันแล้วครับ ยังไงวันนี้ทิพย์ก็หนีไม่รอด”“ไม่นะพี่เหนือ มะ อื้อ”ฉันตกใจตาเบิกโพลง คำพูดที่ฉันจะพูดไม่ถูกพูดออกมาด้วยซ้ำ เพราะพี่เหนือที่ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน อยู่ดี ๆ ก็จับฉันนั่งตักและแทงน้องชายของเขาเข้ามาทีเดียวมิดโคนตอนนี้ฉันทั้งเสียว ทั้งจุก ทำได้แค่กอดเขาแน่น ๆ เท่านั้นเพื่อหวังว่ามันจะระบายอาการพวกนี้ออกไปได้บ้างพี่เหนือก็เหมือนรู้ เขาไม่ได้ขยับตัว แต่กลับยกมือขึ้นลูบไล้แผ่นหลังปลอบโยนฉันอยู่เรานั่งกันแบบนั้นอยู่ราว ๆ สองนาที ก่อนที่พี่เหนือจะเริ่มขยับตัว มือที่ลูบไล้แผ่นหลังบางของฉันทีแรกก็กลับกลายเป็นบีบขยำเนื้อหนังด้านหลัง ก่