“เย่... สอบเสร็จแล้วค่า ในที่สุดพวกเราก็สอบเสร็จสักที” ทันทีที่ออกจากห้องสอบยายพิ้งค์ก็ตะโกนออกมาทันที และมันไม่ได้มีแค่น้ำพิ้งค์หรอกที่ตะโกน เพราะเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน สอบห้องเดียวกันต่างก็ตะโกนเหมือนกันทั้งสิ้นวันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของพวกฉันค่ะ เป็นวันสอบที่บ่งบอกว่าถ้าเปิดเทอมมาปีหน้าเราจะขึ้นปีสาม! พวกเราทุกคนต่างก็ดีใจกันมากที่ผ่านการสอบที่แสนทรหดมาได้ โชคดีที่ปีนี้ข้อสอบออกตรงตามที่อาจารย์เคยเปรยไว้ทุกอย่าง ฉันมั่นใจว่าทำได้เกินเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แน่นอน เพราะโดนน้ำมนต์ติวเข้มก่อนสอบวิชาเอกถึงหนึ่งคืน“สอบเสร็จก็ไม่ได้แปลว่าเราจะสอบผ่านนะ”“ปากเสียยายน้ำมนต์ เดี๋ยวเถอะ” ฉันพูดพร้อมกับทำตาเขียวใส่มัน แต่ก็จริงอย่างที่มันพูด คงต้องลุ้นกันตอนผลสอบออกอีกที “ว่าแต่พวกแกทำข้อสอบได้ใช่ไหม เพราะว่าข้อสอบมันออกตรงตามที่ฉันติวพวกแกหมดเลยนะ” น้ำมนต์พูดพร้อมกับจ้องมองพวกฉันเขม็ง“ทำได้สิ ยังไงก็ต้องขอบคุณมนต์นะที่ช่วยติวให้พวกเรา” น้ำหวานพูด“ใช่ ๆ แบบนี้ต้องฉลองไหมอะ” รอบนี้เป็นน้ำพิ้งค์พูดซึ่งฉันก็เห็นด้วยนะ แววตาเราทั้งสี่คนเป็นประกายวาววับ“อืม ฉันก็ว่าดีเหมือนกัน งั้นเอาไว้ฉลองตอ
“เหอะ ถึงพี่จะเขินอายหน้าแดง แต่ไม่เท่าทิพย์นะครับ”“ไม่เท่าทิพย์ยังไงคะ”“ก็วันนั้นพี่เพียงแค่หน้าแดง แต่ทิพย์นั้นแดงไปทั้งตัว จะให้พี่พูดไหมครับ ว่าทำไมตัวเราถึงแดง”“หยุดพูดไปเลยค่ะ คนลามก” ฉันพูดขัดเขาก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมาให้ฉันอายไปมากกว่านี้แล้วฉันกับเขาก็พูดคุยหยอกล้อกันอีกหลายคำ มีแกล้งกันบ้างเป็นครั้งครา จนกระทั่ง“ขอโทษค่ะ เอ่อ...”“มีอะไรหรือเปล่าคะ”“พี่ผู้ชายหน้าตาดีมากเลย ขอถ่ายรูปด้วยสักรูปได้ไหมคะ”อึก!เสียงพี่เหนือกลืนน้ำลาย ฉันมองน้องผู้หญิงที่เข้ามาพูดกับฉันนิ่ง ๆ“เอ่อ... คือพี่ไม่สะดว...”“ได้สิคะ มา! เดี๋ยวพี่ถ่ายให้” พี่เหนือยังพูดไม่ทันจบประโยค ฉันก็ตอบตกลงน้องไปซะก่อน“ขอบคุณนะคะพี่ นี่ค่ะโทรศัพท์”น้องคนนั้นพูดก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้ฉันถ่ายให้ ฉันก็กดถ่ายไปสองสามครั้งแล้วก็พอ หลังจากที่น้องเขาได้ภาพแล้วก็เดินออกไปคล้อยหลังน้องเขาเดินออกไปไม่นาน ฉันก็หันมาจ้องหน้าพี่เหนือนิ่ง ๆ อีกครั้ง ต่างคนก็ต่างไม่พูด และดูเหมือนพี่เหนือจะทนความอึดอัดไม่ไหวจึงได้เป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน“ทำไมทิพย์ถึงยอมให้น้องเขาถ่ายรูปกับพี่ล่ะครับ” ฉันถอนหายใจนิดหน่อยก่อนจะตอบออกไปว่า“ก
Midnight Pub แสงไฟหลากสีเริ่มสาดส่องหมู่มวลผีเสื้อกลางคืนเริ่มย่างกรายเข้ามา กลิ่นแอลกอฮอล์โชยหลอกล่อให้ลิ้มลอง คลอเคล้าไปด้วยเสียงดนตรีที่ดังบิวต์อารมณ์เหล่านักท่องเที่ยวทั้งหลายตอนนี้พวกเรามาอยู่ที่ผับของพี่มิดไนท์ญาติของพี่วินอีกครั้ง มาครั้งแรกว่าดีแล้ว มาครั้งที่สองดียิ่งกว่า ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองหรือไม่ แต่ว่าวันนี้คนหน้าตาดีเต็มร้านเลยค่ะหูย ดูนั่นสิคะ สูง ยาว หล่อ ล่ำ บึก! โอ๊ย เห็นแล้วใจสั่นเลยค่ะ ไหนจะหน้าตาที่ราวกับถูกสวรรค์สรรสร้างพวกนั้นอีก ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ราวกับว่าค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนของคนหน้าตาดีทั้งสิ้นหึหึ อาหารตาชั้นดีของน้ำทิพย์ นั่น! นั่นซิกซ์แพ็กล่ะทุกคนโอ๊ยพ่อ ถ้าจะใส่เสื้อแล้วปลดกระดุมขนาดนี้ถอดเลยก็ได้ค่า น้ำทิพย์รับได้ น้ำทิพย์พร้อมอ้าย! มีการส่งสายตาวิบวับมาให้อีก หืม มันน่าขย้ำจริง ๆ อุ๊ยตาย! นั่นหนุ่มน้อยหน้าตี๋ ริอาจมาเที่ยวกลางคืนแบบนี้ ฉันควรทำตัวเป็นคนดีเป็นเจ้ามือเลี้ยงดีไหมนะคิกคิก! น่ารัก น่าหยิก น่ากอดทั้งนั้นเลย คุ้มแล้วค่ะ น้ำทิพย์คุ้มแล้ว ถ้าได้เจอได้เห็นแบบนี้ทุกวันก็คนดี สวรรค์ วันนี้มันวันรวมตัวคนหล่อคนสวยชัด ๆอุ๊ย!ฉันร้องออกมาเบา ๆ
“สวัสดีค่ะพี่เหนือ บังเอิญจังเลยนะคะ ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอพี่เหนือกับพี่ ๆ คนอื่น ๆ ที่นี่”เหอะ ไม่รู้ว่ามาจากไหน แต่หน้าด้านมากที่เลือกเดินเข้ามาทักทายพวกฉัน มารผจญชัด ๆ“น้องดาขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ พอดีน้องดาไม่เคยมาที่แบบนี้ น้องดากลัวค่ะ แต่จะไม่มาก็ไม่ได้ก็เพื่อน ๆ ของน้องดาน่ะสิคะบังคับน้องดามา”โอ๊ย ไม่ต้องขอก็ได้มั้งถ้าจะเชิญตัวเองนั่งลงมาแบบนี้ ฉันคิดกับตัวเองเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรออกไป พร้อมกับมองมันนิ่ง ๆ เท่านั้น“น้องดาขอฝากตัวกับพี่ ๆ ทุกคนด้วยนะคะ น้องดาขอนั่งด้วยน้า...เดี๋ยวน้องดาส่งข้อความไปบอกเพื่อนก่อน” เธอพูดพร้อมกับพิมพ์ข้อความบนโทรศัพท์ไปด้วย“เหอะ ถ้าจะพูดเองเออเองแบบนี้ ก็ไม่ต้องถามหรอก”น้ำพิ้งค์เป็นคนพูดออกมาด้วยความที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก“พี่ทิพย์ดื่มเบียร์ด้วยเหรอคะ รสชาติเป็นยังไงบ้างคะ พอดีน้องดาไม่กล้าดื่มค่ะ คุณแม่บอกว่ามันไม่ดี” ฉันมองดารินที่จีบปากจีบคอพูดกับฉัน ก่อนจะหันไปมองหน้าพี่เหนือที่ดูเหมือนว่ากำลังจะพูดอะไรบางอย่างปึก!ฉันวางแก้วเบียร์ลง แล้วมองหน้าคนที่แอ๊บใสแกล้งถามฉันนิ่ง ๆ ก่อนจะส่งยิ้มหวานที่ไปไม่ถึงดวงตาให้มัน แล้วพูดว่า“เรื่องของฉัน
“พอแล้วครับ เมาแล้วนะ” ผมหันไปห้ามน้ำทิพย์ที่มีสภาพเมาแล้ว แต่ยังอยากจะยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มต่อ“ม่ายค่ะ ยังไม่เมา”“ไม่เมาอะไรเสียงยานครางขนาดนี้”“เอ้!..บอกว่าไม่เมาก็ไม่เมาไงคะ พูดมากจริง” เอาเข้าไป ให้มันได้แบบนี้ผมอยากจะถามเธอเหลือเกินว่ามีคนเมาที่ไหนบ้างที่บอกว่าตัวเองเมา ทุกคนก็ต้องบอกว่าตัวเองไม่เมาทั้งนั้นแหละแล้วก็นี่อีกชอบมองจังเลยผู้ชายคนอื่นเนี่ย ผมก็อยู่ตรงนี้แท้ ๆ แต่กลับไม่มอง ตอนไม่เมาก็บอกฟังอยู่หรอก พอเมาแล้วห้ามได้ซะทีไหน พอห้ามก็หาว่าเราอย่างนั้นอย่างนี้ ยกเรื่องเก่ามาพูด ผมจะบ้าตายปึก!เสียงวางแก้วเบียร์ของคนที่บอกว่าตัวเองไม่เมา สงสัยผมคงต้องได้พากลับแล้วแหละ ก่อนที่จะไม่มีสติไปมากกว่านี้“กลับกันเถอะครับ ดึกแล้ว”“ยังไม่หายสนุกเลย”“วันหน้าค่อยมาใหม่นะครับ เดี๋ยวจะเมาไปมากกว่านี้ ตื่นมาแล้วจะปวดหัวอีก” ผมบอกเพราะดูท่าแล้วเธอคงจะไม่ยอมไปง่าย ๆ“แต่ว่า...”“ถ้าทิพย์ยอมกลับตอนนี้พี่จะซื้อกระเป๋าใบใหม่ล่าสุดของแชนนัลให้”“ตกลงค่ะ กลับ กลับกัน ฉันกลับก่อนนะพวกแก บาย”นั่น จบที่ของแบรนด์เนมทุกที หึ จอมงกเอ๊ยที่จริงผมสามารถซื้อให้เธอได้ทุกอย่างที่เธอเอ่ยขอนั่นแหละ
“ผู้ชายเขาพูดขนาดนี้แล้วอะ เธอยังจะกล้าตอแยเขาอีกเหรอ เป็นฉันฉันไม่กล้านะ” เป็นน้ำทิพย์ที่หันมาพูดคุยกับเธอ เธอมองดารินนิ่ง ๆ ด้วยซ้ำ ซึ่งผมไม่รู้ว่าไอ้แววตานิ่ง ๆ ของเธอนั้นมันหมายถึงอะไร“เธอจะไปเข้าใจอะไร ฉันรักพี่เหนือ”“แต่พี่เหนือเขารักฉัน เขาไม่ได้รักเธอ ได้ยินชัดหรือยัง!”น้ำทิพย์สวนกลับดารินไป ตอนแรกผมไม่คิดอะไรหรอกแต่เมื่อเธอยกมือคล้องแขนผมและพูดออกไปแบบนั้น มันก็อดที่จะรู้สึกดีนิด ๆ ไม่ได้เธอกำลังหวงผมล่ะทุกคน เธอต้องหึงผมแน่ ๆผมก้มหน้าลงไปมองคนตัวเล็กกว่ายิ้ม ๆ ไม่คิดเลยว่าพอเธอแสดงความหึงหวงผมจะรู้สึกดีขนาดนี้ สงสัยกลับไปถึงห้องต้องให้รางวัลเธอแล้วล่ะ“ไปกันเถอะค่ะพี่เหนือ อย่าสนใจเลย” น้ำทิพย์พูดผมและเธอจึงหันหลังเพื่อที่จะไปขึ้นรถแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อดารินพูดขึ้นมาว่า“ดาไม่ยอมหรอกนะคะ ยังไงพี่เหนือก็ต้องเป็นของน้องดา”“งั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน”ผมพูดแล้วจึงเดินออกมา ส่วนดารินจะมีสีหน้าหรืออาการยังไงผมแล้วแต่ไม่สนใจ เพราะคนที่ผมสนใจมากที่สุดคือคนตัวเล็กที่เกาะแขนผมอยู่ตอนนี้“ไม่คิดว่าพี่เหนือจะพูดแบบนั้น”“ทำไมล่ะครับ” ผมหันไปมองน้ำทิพย์พร้อมกับถามเธอ“ก
โอ๊ย! จูบกันแบบนี้ฉันก็ตายน่ะสิ เล่นไม่ให้หายใจหายคอเลย แถมจูบเราเสร็จแล้วยังมีหน้ามาเดินออกไปอีก ฉันยังไม่พอสักหน่อยยังต้องการอยู่เลยเสียดายจัง...‘สายตาของพี่มีไว้มองทิพย์คนเดียว’คนบ้า! พูดออกมาแบบนั้นใครมันจะไม่เขินเล่า ไอ้เราก็อุตส่าห์เก็บอาการ แต่เขาก็ขยันหยอดคำหวานขยันทำตัวน่ารักอยู่เรื่อยเลย ไอ้คำพูดเมื่อสักครู่นี่เองจูบแทนความคิดถึง จูบทำโทษเพราะมองผู้ชายคนอื่นฮึ่ย! อยากจูบฉันก็พูดมาตรง ๆ สิไม่เห็นต้องหาข้ออ้างให้วุ่นวายเลย ฉันไม่ได้คิดจะว่าซะหน่อยแล้วไอ้ที่พูดว่าครั้งหน้าจะจัดชุดใหญ่ให้นี่มันอะไรกัน นี่เขาคงอยากให้ฉันคางเหลืองจริง ๆ ใช่ไหม เห็นทีฉันคงต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมด้วยการออกกำลังกายรอซะแล้ว คิดเองเขินเอง โอ๊ย ใครก็ได้ช่วยฉันที คำพูดว่าจะจัดชุดใหญ่ให้ยังก้องอยู่ในหัวไม่หายไปไหนเลย...ติ๊ง!พี่เหนือ : พรุ่งนี้ตื่นเช้า ๆ นะครับ เดี๋ยวพี่พาไปเที่ยวน้ำตกน้ำทิพย์ : ที่ไหนคะพี่เหนือ : น้ำตกวังก้านเหลืองที่ลพบุรีครับ ไปค้างคืนนะจัดกระเป๋าให้พร้อมด้วย น้ำทิพย์ : ค่ะตายแล้ว ชวนฉันไปน้ำตก! ค้างคืน! ไปไกล ไปต่างจังหวัด! เสร็จแน่แล้ว บอกว่าจะออกกำลังกายรอคงไม่ทันแล้วฉ
เราแปดคนเดินลงจากรถและซื้ออาหารการกินให้พร้อมก่อนจะตรงไปที่ตาน้ำ พี่เหนือบอกว่ายิ่งขึ้นไปใกล้ตาน้ำมากเท่าไหร่น้ำจะยิ่งใสและคนไม่ค่อยพลุกพล่าน เพราะส่วนใหญ่คนที่มาเที่ยวจะเป็นพวกเด็กวัยรุ่น ไม่ก็เด็ก ๆ ที่มีผู้ใหญ่พามา จะไม่ค่อยพากันเดินไปไกลนักผิดกับกลุ่มพวกเราที่จะเดินขึ้นไปยังตาน้ำผุด แน่นอนว่าคนที่จะไปเล่นตรงนั้นไม่ได้มีแค่พวกเราแต่มันยังมีคนอื่นด้วย ซึ่งก็ไม่ได้มากอย่างที่ฉันเห็นตอนนี้ระหว่างที่พวกเรากำลังเดินไปยังโซนที่ว่า ฉันก็เห็นนักท่องเที่ยวหลายคนกำลังกระโดดน้ำอย่างมีความสุขและมองมาที่พวกเรามากมาย“เอาตรงนี้แหละ นี่ก็ไม่ไกลจากตาน้ำแล้ว และตรงนี้ก็มีคนเล่นน้ำไม่มากที่สำคัญน้ำก็ใส ปูเสื่อเลยจะได้กินของที่ซื้อมา” พี่เหนือพูด ก่อนที่พี่พายุที่ถือเสื่อผืนน้อยมาด้วย จะจัดแจงปูอย่างรวดเร็วพวกเราทั้งแปดคนนั่งล้อมวงจัดการอาหารที่ซื้อ จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากส้มตำไก่ย่าง และขนมอีกนิดหน่อย“ซี๊ด... เผ็ดจัง” น้ำหวานพูดขึ้นพร้อมกับจมูกแดง ๆ เพราะความเผ็ดของส้มตำ“ก็พี่บอกแล้วว่าให้บอกแม่ค้าใส่พริกน้อย ๆ เป็นไงล่ะ” พี่ดินบ่นน้ำหวาน แต่มือก็ส่งน้ำและขนมให้มันไม่ขาด“แล้วเราเผ็ดไหมครับ
ฉันผละออกจากอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของพี่เหนือ ก่อนจะเช็ดน้ำตาของตัวเองแล้วยิ้มให้เขาอย่างมีความสุขที่สุดตอนแรกที่เขาบอกว่าอย่าร้อง ฉันก็กะว่าจะไม่ร้องไห้นั่นแหละ แต่ใครมันจะไปอดทนได้เล่า ในเมื่อเขาน่ารักขนาดนี้คิดดูสิบรรยากาศภายในร้าน และอะไรต่าง ๆ ที่เขาทำวันนี้เป็นสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงทั้งสิ้นว่าเขาจะทำ เพราะสิ่งที่เขาทำวันนี้มันตรงกันข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิญพี่เหนือไม่ใช่คนที่โรแมนติก เขาค่อนข้างที่จะเป็นคนที่มีนิสัยไม่ยอมคน สายเอาแต่ใจ ที่สำคัญเขาหื่นมาก เพราะฉะนั้นการจัดตกแต่งร้านแบบน่ารัก ๆ ที่ฉันเห็นนี่มันสวนทางกับพี่เหนืออย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ที่ฉันเดินลงจากรถและเดินเข้ามา สองข้างทางล้วนประดับประดาไปด้วยหลอดไฟเล็ก ๆ น่ารัก ๆ หน้าประตูถูกประดับไปด้วยดอกไม้ที่ฉันชื่นชอบ ยิ่งเปิดประตูเข้ามาในร้าน ฉันยิ่งรู้สึกประทับใจ เพราะมันเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง และรูปของเรา ที่ขาดไม่ได้เลยคือป้ายคำว่า‘Anniversary 2 years’หลังจากที่เห็นทุกอย่างแล้ว และคิดถึงนิสัยของเขามันเลยทำให้ฉันตื้นตันใจจนอยากร้องออกมาแต่ก็ต้องกลั้นไว้เมื่อเขาห้าม แต่พอฟังเขาพูดประโยคพวกนั้นจบฉันก็ไม่สามารถกักเก็บความรู้สึ
“พี่เหนือ นี่จะพาทิพย์ไปไหนคะ ไม่เห็นบอกเลยอยู่ดี ๆ ก็บอกให้แต่งตัว”น้ำทิพย์ถามผม เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของเรา ผมจึงจะพาเธอไปยังที่แห่งหนึ่งซึ่งตอนนี้เราอยู่ที่คอนโดครับ ผมกับน้ำทิพย์กลับมาจากบ้านสวนได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว กลับมากรุงเทพเราก็ใช้ชีวิตไปตามปกติอ้อ ผมไม่ได้อยู่กับเธอตลอดเวลานะครับ เพื่อเป็นการให้เกียรติเธอและทางครอบครัว ผมจะมานอนกับเธอที่ห้องหรือให้เธอไปนอนที่ห้องกับผมแค่อาทิตย์ละสามวันเท่านั้นนอกจากนี้ผมยังให้คุณแม่ของผมคุยเรื่องการหมั้นหมายของผมกับเธอไปคร่าว ๆ ทางโทรศัพท์กับคุณพ่อคุณแม่ของเธอแล้วด้วยก่อนผมจะกลับกรุงเทพนั่นเองซึ่งผลจากการที่ผู้ใหญ่คุยกันเรื่องนี้นั้นได้ข้อสรุปว่า หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่กลับกรุงเทพแล้ว พวกท่านจะคุยเรื่องนี้และข้อตกลงกันต่าง ๆ กันอีกที ซึ่งผมและน้ำทิพย์ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะถือว่าได้บอกความต้องการของตัวเองออกไปแล้ว ต่อไปก็ให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่เขาคุยและตกลงกัน“อ้าวพี่เหนือถามไม่ได้ยินเหรอคะ จะไปไหน” น้ำทิพย์ถามผมหน้ายุ่ง“พาไปที่ที่สำคัญของเราสองคนไงครับ”ผมตอบเธอพร้อมกับยิ้ม น้ำทิพย์ย่นคิ้วคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาว่า“จะพา
ระหว่างทาผมก็ถามพนักงานชายไปด้วยว่าทำแบบนี้ทำไม ซึ่งคำตอบที่ได้รับทำให้ผมตาโตด้วยความไม่เชื่อ เพราะพนักงานคนนั้นบอกว่าถ้าทาแป้งและขี้เถ้าแล้วมดแดงมันจะไม่กัด เป็นความเชื่อที่คนโบราณทำสืบต่อกันมา ซึ่งพอเวลาผ่านไปการทำแบบนี้ก็เริ่มไม่มีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพนักงานของที่นี่เขาค่อนข้างจะเชื่อคำคนโบราณจึงได้เอามาทำที่ไร่นี้ พอว่าที่พ่อตามาเห็นและรู้ว่าได้ผลจึงไม่ได้ห้ามตอนแรกผมก็ไม่เชื่อหรอกว่ามันจะได้ผลจริง แต่พอขึ้นไปบนต้นมะม่วงแล้วก็ต้องชะงัก เพราะสิ่งที่ผมไม่เชื่อกลับสามารถได้ผลดี แต่ใช่ว่าจะไม่โดนกัดเลย มันก็มีกัดบ้างแต่ไม่เท่ากับสามต้นแรกที่ผมไม่ได้ทาพวกมันแล้วขึ้นไปเก็บเรื่องนี้ก็นับว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่วิจารณญาณส่วนบุคคล สำหรับผมแล้วผมเชื่อครับเพราะมันใช้ได้จริงหลังจากเก็บมะม่วงสองต้นสุดท้ายเสร็จแล้วผมกับว่าที่พ่อตาก็กลับมาอาบน้ำที่บ้านก่อนจะมานั่งทานข้าวที่ถูกเตรียมไว้แล้วมื้ออาหารกลางวันเป็นไปด้วยความเรียบง่าย ไม่มีเสียงกระทบกระทั่งกันไปมาของผมและคุณพ่อของน้ำทิพย์ถึงผมจะค่อนข้างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เพราะไม่ต้องการจุดฉนวนให้ตัวเองโดนเล่นง
หลังจากที่เมื่อวานได้เปิดอกเปิดใจคุยกับคุณพ่อของน้ำทิพย์แล้ว วันนี้ผมก็ต้องมาทำงานใช้แรงงาน เพราะว่าที่พ่อตาท่านบอกว่าจะมานั่งกินนอนกินไม่ได้ จะมาอยู่ก็ต้องมาช่วยกันทำงาน แม้ว่าที่บ้านสวนจะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของพวกท่านก็ตามแต่พวกท่านก็ไม่ได้พักอย่างที่ใครคิด การพักผ่อนของพวกท่านคือการใช้ชีวิตชาวสวน วันนี้ผมจึงต้องมายืนสอยมะม่วงบ้าง ปีนต้นมะม่วงจนมดแดงกัดอยู่แบบนี้ไงครับ“ใช่ ๆ พวงนั้นแหละ ลูกมันดก ขนาดกำลังกิน”เสียงของว่าที่พ่อตาตะโกนส่งมาไม่ขาดสาย ในขณะที่ผมทั้งตัดพวงมะม่วง ทั้งปัดป่ายมดแดงที่ขึ้นอยู่ตามตัวและก็ไอ้มดแดงที่กำลังกัดผมอยู่นี่แหละ ที่ผมกินไข่ของพวกมันเมื่อวานนี้เห็นแบบนี้ก็อดยอมรับนับถือคนงานไม่ได้ที่ต้องมายืนแหงนคอสอยรังของมดแดง เพื่อที่จะนำไข่ของมันไปประกอบอาหารขนาดผมปีนต้นไม้เพื่อเก็บมะม่วงยังโดนกัดขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดภาพเลยว่ากว่าพวกเขาจะสอยได้แต่ละรังกว่าจะได้ไข่มาต้องลำบากกันขนาดไหน“มัวคิดอะไรอยู่ บอกเอาพวงนั้น พวงนั้น”“ผมก็ตัดอยู่นี่ไงครับว่าที่พ่อตา อย่าเร่งสิครับ มดมันกัดผมอยู่” ผมตะโกนโต้กลับกับคนที่ยืนชี้นิ้วสั่งผมอยู่ด้านล่าง“ผิวหนังด้าน ๆ อย่าง
บ้านสวนของน้ำทิพย์มีคนอยู่ไม่มากนัก จะมีแค่คุณพ่อคุณแม่ของเธอที่จะมาพักผ่อนหย่อนใจตามเวลาที่สะดวก มีน้ำทิพย์ และคนสวนที่ดูแลที่นี่เพียงสองคน คนดูแลบ้านอีกสองคน หลัก ๆ แล้วคนที่อยู่ที่นี่แค่สี่คนเท่านั้น ส่วนลุงเชิดกับป้าชมนั้นเป็นสามีภรรยากัน ลุงเชิดเป็นคนขับรถส่วนป้าชมเป็นหัวหน้าแม่บ้านและเป็นคนสนิทของคุณแม่ของน้ำทิพย์ด้วยเช่นกันอ้อ ผมลืมบอกไปที่เรียกว่าบ้านสวน เพราะบริเวณรอบบ้านของเธอล้วนปลูกผักผลไม้ทั้งสิ้น ยิ่งถ้าเป็นที่ดินด้านหลังบ้านที่ถัดออกไปอีกไม่ไกล มีเพียงคลองส่งน้ำเล็ก ๆ ขวางกั้นเท่านั้นเพียงก้าวข้าวสะพานไม้ที่ทำไว้ก็จะเจอกับสวนมะม่วงที่ให้คนงานลงปลูกไว้ขึ้นเต็มไปหมดผมโชคดีที่หน้านี้มะม่วงกำลังติดลูก คิดว่าคงจะได้เดินไปชมสวนของบ้านเธอแน่ ๆ ครับ เพราะนอกจากจะปลูกไว้กินแล้วเนี่ย ทางบ้านของน้ำทิพย์ยังส่งมะม่วงให้ตลาดในตัวอำเภอเพื่อขายอีกด้วย“เหม่ออะไรอยู่ ไปได้แล้วลูกเมียฉันรอ ไร้มารยาทจริง”ผมหลุดจากความนึกคิดของตัวเองแล้วเขม่นตามองว่าที่พ่อตาที่เดินนำออกไปไกลแล้ว จึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินตามท่านไปบ้าง“ขอโทษที่มาช้าครับ” ผมรีบพูดทันที เพราะคุณแม่ของน้ำทิพย์กำลังนั่งรออยู่จ
“เจ้าบ้านเขาไม่ต้อนรับก็ยังจะหน้าด้านอยู่อีก” คำกล่าวทักทายแรกหลังจากที่ออกมาจากห้องพัก ก็โดนพ่อตากระแหนะกระแหนใส่ซะแล้ว“คุณพ่อครับ ถ้าไม่เต็มใจต้อนรับผมจะได้พักที่ห้องข้าง ๆ ทิพย์เหรอครับ”“ใครพ่อแก!”“อา... ลืมไปว่าไม่ใช่ งั้นคงต้องเรียกว่า...”“ว่าอะไร”“พ่อตา”“ไอ้เหนือ!”ผมพูดเสร็จก็รีบพาตัวเองเดินลงมายังชั้นล่างของบ้านทันที โดยไม่สนใจคนที่กำลังทำหน้าราวกับจะฆ่าคนของคุณพ่อตาสักนิด แถมยังมียิ้มให้ก่อนจะเดินออกมาด้วย“คุณนทีเป็นอะไรคะ เสียงดังมาถึงข้างล่าง” คุณแม่ของน้ำทิพย์เดินมาชะเง้อขอถามตรงตีนบันได ซึ่งสวนกับที่ผมเดินลงไปพอดีผมยิ้มให้ท่านแล้วเดินจากมา แต่พอมาถึงโซฟาก็เจอน้ำทิพย์ยืนกอดอกขมวดคิ้วอยู่“เป็นอะไรครับ ทำไมทำหน้าแบบนั้น”“ทิพย์ต่างหากที่ควรถามพี่เหนือว่าเป็นอะไรถึงได้กวนคุณพ่อ จนคุณพ่อเสียงดังแบบนี้”“พี่เปล่าทำอะไรสักหน่อยนะครับ” ผมตีหน้าซื่อตาใสไม่ยอมรับ“พี่เหนือ เราคบกันอยู่แล้วทำไมทิพย์จะไม่รู้สันดาน เอ๊ย!นิสัยของพี่เหนือล่ะคะ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงหน่อยสิคะ”“โธ่... ที่รักก็คุณพ่อของทิพย์ท่านชอบว่าพี่นี่”“แต่ถ้าพี่เหนือยอมท่านปล่อยเวลาไปสักพัก ให้ท่านได้มีเวลายอมร
ปัง!“กรี๊ดดด! หยุดค่ะคุณพ่อ หยุดก่อน”ปัง!“แกหลบไปยายทิพย์ หลบไปก่อนพ่อจะเอาเลือดหัวมันออก”“ถ้าเอาแค่เลือดหัวผมออกไม่ต้องใช้ปืนก็ได้ครับ เอาเป็นไม้หรืออย่างอื่นก็ได้ เป็นปืนแบบนี้ถ้าคุณพ่อพลาดยิงผมตายขึ้นมานอกจากจะติดคุกแล้ว น้ำทิพย์ยังจะเสียใจอีกนะครับ”“ฮึ่ม ไม่โว้ย ลูกสาวฉันไม่เสียใจนานหรอก เดี๋ยวฉันหาผู้ชายคนใหม่มาดามใจให้เอง แล้วก็นะฉันไม่ใช่พ่อแก!”คุณพ่อของน้ำทิพย์พูดก่อนจะทำท่ายกปืนเล็กอีกครั้ง แต่มีหรือที่ผมจะยอม ผมรีบเอาตัวน้ำทิพย์เข้ามาบังตัวผมไว้ แล้วโผล่หน้าไปท้าทายท่านอีกครั้ง“พี่เหนือ ทิพย์บอกแล้วไงว่าอย่าไปตีรวนท่าน”“ก็ดูคุณพ่อทิพย์สิ มาถึงยังไม่ทันจะได้เข้าบ้านก็เอาปืนมาไล่ยิงกันซะแล้ว แบบนี้จะให้พี่อยู่เฉย ๆ ได้ไงครับ” ผมพูดอย่างไม่ยินยอม พร้อมกับหลบอยู่หลังเธอใช่แล้วล่ะครับ ตั้งแต่มาถึงและลงจากรถขณะที่ผมกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในตัวบ้าน คุณพ่อของน้ำทิพย์ก็วิ่งออกมาพร้อมปืนยาวหนึ่งกระบอกและยิงทันทียิงแบบไม่สนใจด้วยว่าจะถูกหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าท่านคงไม่กล้ายิงตรง ๆ นอกจากยิงขู่ ผมถึงได้กล้าตีฝีปากกับท่านนั่นเอง“มึง! ไอ้เหนือ ตายซะเถอะ”“โอ๊ย หยุดได้แล้วค่ะคุณ พอไ
“บอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยครับว่าพี่ขอไปด้วย” “พี่เหนือจะไปทำไมคะ” ทันทีที่เธอได้ยินคำพูดของผม น้ำทิพย์ก็ถามกลับมาทันที พร้อมมองผมขึ้น ๆ ลง ๆ“จะไปบ้านเมีย”“พี่เหนือ”“ก็พี่อยากไปด้วยนี่ พี่อยากเจอคุณพ่อคุณแม่ของทิพย์นี่ครับ ทิพย์ก็ได้เจอคุณพ่อคุณแม่พี่แล้ว ให้พี่ไปเจอพวกท่านบ้างสิเราจะได้เท่าเทียมกัน”“แต่คุณพ่อของทิพย์ไม่ชอบพี่เหนือ”“ก็ยิ่งไม่ชอบนั่นแหละครับ พี่ถึงต้องไป”ผมพูดออกมาด้วยความจริงจัง และใช่ครับ คุณพ่อของเธอไม่ค่อยชอบผม ย้อนกลับไปสามวันที่แล้ว ที่ผมพาน้ำทิพย์และคนอื่น ๆ ไปเที่ยวน้ำตกวันที่สองของการอยู่ที่นั่น คุณพ่อของเธอก็โทรเข้ามา แต่บังเอิญว่าน้ำทิพย์หลับอยู่ และผมก็อยู่ตรงนั้นพอดี จึงได้ถือวิสาสะรับสายท่านไป แค่ท่านได้ยินเสียงผม ก็โวยวายออกมายกใหญ่เลยครับผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้ต่อว่าท่านกลับหรอกนะครับ ผมยังคงรู้จักมารยาท แต่ว่าการตอบกลับของผมค่อนข้างที่จะรวนท่านนิดหน่อยจนเดือดร้อนให้คุณแม่ของเธอเข้ามาห้ามปรามและรับโทรศัพท์ไปคุยเอง เราถึงพูดกันรู้เรื่อง ความว่าคุณแม่และพ่อของเธอไม่ได้อยู่กรุงเทพ แต่เดินทางไปบ้านสวน ให้น้ำทิพย์ตามไปที่นั่นเพื่อพักผ่อน เพราะเห็
“แค่ก แค่ก กดหัวทำไมหายใจไม่ออก” ฉันไอหน้าดำหน้าแดง ส่วนคนที่ถูกต่อว่าก็ทำเพียงแค่ส่งสายตาสำนึกผิดมาให้“ขอโทษครับ”“เหอะ” ฉันส่งเสียงอย่างไม่พอใจ แล้วทำท่าจะลุกหนี“ไปไหนครับ” เขาคว้าจับแขนฉันไว้ โดยมีสายตาไม่พอใจของฉันจับจ้องอยู่“เสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ ก็ไปอาบน้ำสิ ถามมาได้” ฉันที่ไม่พอใจกับการที่ถูกเขากระแทกน้องชายเข้าปากอยู่แล้วก็ตอบกลับเขาไปอย่างอารมณ์เสีย“หืม ใครบอก เมื่อกี้แค่ยกแรกครับ เขาเรียกว่าของกินเล่น จากนี้ต่างหากของจริง”“ไม่”“ไม่ทันแล้วครับ ยังไงวันนี้ทิพย์ก็หนีไม่รอด”“ไม่นะพี่เหนือ มะ อื้อ”ฉันตกใจตาเบิกโพลง คำพูดที่ฉันจะพูดไม่ถูกพูดออกมาด้วยซ้ำ เพราะพี่เหนือที่ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน อยู่ดี ๆ ก็จับฉันนั่งตักและแทงน้องชายของเขาเข้ามาทีเดียวมิดโคนตอนนี้ฉันทั้งเสียว ทั้งจุก ทำได้แค่กอดเขาแน่น ๆ เท่านั้นเพื่อหวังว่ามันจะระบายอาการพวกนี้ออกไปได้บ้างพี่เหนือก็เหมือนรู้ เขาไม่ได้ขยับตัว แต่กลับยกมือขึ้นลูบไล้แผ่นหลังปลอบโยนฉันอยู่เรานั่งกันแบบนั้นอยู่ราว ๆ สองนาที ก่อนที่พี่เหนือจะเริ่มขยับตัว มือที่ลูบไล้แผ่นหลังบางของฉันทีแรกก็กลับกลายเป็นบีบขยำเนื้อหนังด้านหลัง ก่