ดอกเหมยเบ่งบาน ลี่หยางนั่งมองสายน้ำทอดยาวสุดสายตาเพียงลำพัง ฝานกงกงเดินมาข้างหลัง“องค์ชาย ได้เวลาฝึกวรยุทธ์แล้ว”“กงกง ข้าไม่เข้าใจเหตุใดข้าต้องฝึกปรือวรยุทธ์ทั้งๆ ที่ตำแหน่งไท่จือก็เป็นของ ลี่กวง อีกทั้งฝ่าบาทมีทั้งท่านและเหล่าองครักษ์คอยดูแลปกป้อง”ฝานกงกงยิ้ม“ แม้ว่าเสด็จพ่อขององค์ชายจะมีคนคุ้มกันมากมาย แต่สักวันองค์ชายจะใช้มันป้องกันตัวเอง”“ข้าไม่คิดดิ้นรน หากใครจะปองร้ายข้ายอมพร้อมที่จะตาย”“สักวันองค์ชายจะ พบคนที่อยากปกป้อง”คำพูดนั้นยังก้องอยู่ในหัว คนที่อยากปกป้อง ฝานกงกงพูดไม่ผิดแม้จะน้อยใจฉีกวนลี่เพียงใด แต่ตอนนี้ลี่หยางกับขบฟันจนเป็นสันนูน เมื่อฝานกงกงส่งข่าวเรื่องลี่จางก่อกบฏ ฉีกวนลี่ถูกกักบริเวณให้อยู่เยี่ยงนักโทษ หว่านหนิงรับกระดาษแผ่นเล็กมาคลี่ออกอ่าน คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากัน เอื้อมมือจับที่ไหล่ของลี่หยางอย่างปลอบใจ“องค์ชาย ต้องเร่งเดินทางเสียแล้ว” ลี่หยางหันมองหน้าหว่านหนิง เขาคาดผิดไม่คิดว่าหว่านหนิงจะพูดเช่นนี้ หากเป็นคนอื่นคงปลอบประโลมเขาโดยการพูดว่าองค์ชายอย่าได้กังวล แต่นี่คำพูดของหว่านหนิง เสมือนเข้ามานั่งอยู่ในใจเขา หว่านหนิงร้อนใจไม่ต่างจากเขาแม้แต่น้อย“เจ้า
“องค์ชายตั้งใจไว้ชีวิตชายาขององค์ชายแปดจริงหรือ”ขันทีข้างกายถามขึ้นเบาๆ“ใครบอก เสด็จแม่เคียดแค้นนางถึงขนาดนั้น ตัดรากถอนโคนรอประหารพร้อมกันกับเหล่าบรรดาชายาของพี่แปดและคนในตระกูลจง พรุ่งนี้ข้าจะสอบสวนเรื่องชายาพี่ห้าและมารดาของนางว่าหายไปไหน หรือว่าไหวตัวทันทั้งสองคนเกรงว่าจะเป็นหนามทิ่มแทงเราในภายหลัง ชายาพี่ห้าเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว”ดวงตามุ่งร้ายอย่างที่สุด หากจะนั่งบัลลังก์เขาต้องกำจัดเสี้ยนหนามให้หมดไปเสียก่อนจึงจะสบายใจคนอย่างลี่จางไม่มีทางตีงูให้หลังหักไปอย่างแน่นอน งูพวกนั้นต้องตายเสียสิ้นจึงจะพอใจเขา“ใจข้าหวังลึกๆ อยากให้เจ้าตามไปเหมือนเมื่อครั้งตามข้ามาที่ชายแดนแคว้นหาน แต่ห่วงว่าเจ้าจะเกิดอันตราย”ลี่หยางผลักร่างบางออกช้าๆ ก้มลงหมายจูบสั่งลา แต่หว่านหนิงกลับเอี้ยวตัวหลบ“อายองค์ชายสิบสอง” ลี่หยางยิ้มยีวน หว่านหนิงไม่เข้าใจว่าพักนี้ทำไม เอารอยยิ้มแบบนี้มาใช้บ่อย อาศัยที่เผลอใช้ริมฝีปากอุ่นประกบริมฝีปากของหว่านหนิงสอดมือเข้าที่ท้ายทอย ตรึงศีรษะไว้แน่นบดจูบเร่าร้อนไม่สนใจสายตาผู้ใด หว่านหนิงเขินจนหน้าแดง ลี่หยางผลักร่างบางเข้าไปหลบที่ต้นไม้ใหญ่ใช้ตัวของเขาบดบังสายตาผู้อื่นไว้ ไม
“รู้แล้วเสด็จพ่อทำเช่นไร ท่านก็หมางเมินท่านไม่พูด แต่กลับยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง หากเสด็จพ่อเพียงเอ่ยปากตักเตือนเสด็จแม่กับข้าด้วยความหวังดี ไม่เย็นชาเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา นั่นก็เท่าเสด็จพ่อแแสดงความใส่ใจและหวังดีกับเราสองแม่ลูกด้วยความจริงใจ แต่เสด็จพ่อกลับละเลยเรา ทุกอย่างพุ่งเป้าไปที่ลี่หยางนำเขามารับใช้ใกล้ชิด ให้โอกาสหรือแม้แต่ชายายังเลือกหญิงที่จะช่วยเชิดชูฉุดดึงเขา เขายิ่งเปล่งแสงดุจเพชรกล้า”เหตุใดไม่โทษตัวเอง เหตุใดโง่งมเช่นนั้นคนอย่างลี่จาง จะต้องรักเขาเช่นไรเขาถึงจะรู้สึกว่าคนผู้นั้นรัก“เจ้ามีฮองเฮาคอยส่งเสริมคนทั้งวังคอยตามใจ ลี่หยางไม่มีผู้ใดหากเจ้าเป็นเช่นเขาคงเคียดแค้นชักกระบี่สังขารข้าตั้งแต่ถือกระบี่เป็นแล้ว”“ข้าไม่ต้องการให้เสด็จพ่อตาย แต่อยากให้ท่านผิดหวังและรู้ว่า บัลลังก์ที่เสด็จพ่อ ตั้งใจมอบให้ลี่หยางนั้น กลับทำให้เขาต้องมาตายอยู่แทบเท้าเสด็จพ่อ”สะบัดชายเสื้อไปด้วยความโมโหก็ในเมื่อรักและห่วงเพียงนั้น สิ่งที่จะทรมานที่สุดก็คือเห็นคนที่รักตายต่อหน้าโดยที่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลยลี่หยางเดินทางจนถึงเขต วังหลวงได้อย่างปลอดโปร่งไม่มีการคุ้มกันไม่มีการเฝ้าเวรยามลี
“เหตุใดต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย” ลี่เจินอดไม่ได้ที่จะแสดงความไม่พอใจลี่จางที่เขาคิดว่าเป็นเพียงน้องเล็กสุดไม่มีพิษสงเที่ยวเล่นไปวันๆ สิ่งที่ทำไปเพียงเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์“ เจ้าเฟยเหยียนเปิดโปงเรื่องที่ฮองเฮาส่งคนเข้าค้นตำหนักร้อยดาวขององค์ชายห้า แต่ไม่เจอของมีค่าสักชิ้นสร้างความอัยอาย และเหมือนกับตั้งตัวเป็นศัตรูกับ ฮองเฮาและลี่เจินจนออกนอกหน้า อีกทั้งชายาเฟยเหยียนนางหลบออกนอกเมืองหมายส่งข่าวให้องค์ชายทั้งสองก่อนที่ลี่จางจะก่อกบฏ แต่ถูกจับได้เสียก่อน องค์ชายทั้งสอง ต้องระวังตัวให้จงหนักองค์ชายลี่จางหมายจะปลิดชีพท่านทั้งสองที่เป็นหอกข้างแคร่ และหนามยอกอก”“เข้าไปค้นในตำหนักร้อยดาวแล้วทำไมไม่พบของมีค่า”ลี่เจินอดสงสัยไม่ได้ก็ในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่าสิ่งของมีค่าของสนมจินเฟยมีมากมาย จะถูกใครยักย้ายถ่ายเทรวดเร็วปานนั้น“สิ่งของมีค่าทั้งหมด อยู่ที่ตระกูลจงแต่จนป่านนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหนจะ มีเพียงคนผู้เดียวที่จะตอบคำถามได้คืออาหญิงหว่านหวงลู่ ซึ่งบัดนี้นางก็หายตัวไป ข้าน้อยเองเพิ่งจะทราบก็ก่อนวันที่จะมีการก่อกบฏ ฝ่าบาทอยู่ๆก็อยากพบอาหญิงหว่านหวงลู่ขององค์ชายจึงให้ฝานกงกงออกไปส่งข่าวแต่ไม่
วังหลวงลี่จางนั่งบนแท่นต่ำลงมาจากบัลลังก์ก็มังกร รอคอยการมาถึงของลี่หยางและลี่เจิน ลี่หยางกับลี่เจิน สาวเท้าเข้ามายังหน้าบัลลังก์มังกรสูง“พี่ห้ากับพี่สิบสองในที่สุดท่านทั้งสองก็ยอมมาพบข้า”“เจ้าสิบสี่ วางมือเสียเถอะ”ลี่เจินเปิดฉากพูดขึ้นก่อน“ฮ่าฮ่าๆๆ เรื่องมาถึงขั้นนี้ พี่สิบสองท่านคิดว่าจะเปลี่ยนใจข้าได้หรือไร”ลี่หยางยังคงนิ่ง“แต่สิ่งที่เจ้าทำมันผิดต่อบรรพชน”“บรรพชน พี่สิบสองท่านยังมีสิ่งใดที่จะพูดอีก ข้ายังมีเรื่องที่ท่านทั้งสองยังไม่รู้อีกมาก คิดหรือไรว่าเสด็จพ่อ...ไม่สิฉี่กวนลี่ที่นานปีจะเรียกหาเสด็จแม่ข้าเสียที ยังจะสามารถทำให้ข้าเกิดมาได้”ลี่หยางเบิกตาโพลง ลี่เจินกำมัดแน่น“เจ้าเข้าใจผิดไปหรือเปล่าลี่จาง”ลี่เจินยังเอาน้ำเย็นเข้าลูบทั้งๆ ที่บัดนี้แทบจะระงับความโกรธไว้ไม่อยู่ นานแค่ไหนแล้วที่เขาดีกับเจ้าสิบสองมาตลอด ไม่รู้สักนิดว่ามิใช่สายเลือดเดียวกัน“ท่านไม่ลองถามพี่ห้าดูเล่าว่าเขาคิดอย่างไรกับข้า เขาเคยเห็นข้าเป็นพี่น้องไหม”ลี่เจิน เหลือบตามองลี่หยางที่ยังมีสีหน้าเรียบเฉย“เลิกพูดพล่อยๆ ได้แล้วลี่จางเจ้าไม่คู่ควรกับบัลลังก์ หรือแม้แต่ตำแหน่งองค์ชาย”ลี่หยางยิ้มเยาะหยัน“ข้
“ทำไมถึงไม่ตัดรากถอนโคนเสียให้หมด”สวี่เยียนฮองเฮาเอ่ยปากถาม ลี่จาง“เสด็จแม่ บางอย่างที่มันค้างคาในใจลุกมาแสนนาน”ฮองเฮาหลบตามองพื้นคล้าายคนสำนึกผิด ภาพความทรงจำเก่าๆ องครักษ์ข้างกาย ที่นอนร่วมแท่นนอนคืนแล้วคืนเล่าจนสร้างความสุขสมทดแทนความรักความต้องการที่ฉี่กวนลี่มัวแต่เอาเวลาทั้งหมดไปทุ่มเทให้กับการจากไปของสนมจินเฟย นานหลายปีไม่ใส่ใจสนมนางในหรือแม้แต่ฮองเฮา ที่ยังไม่ผ่านพ้นวัยสาวไปเลยด้วยซ้ำจนในที่สุดเกิดเรื่องน่าอับอายขึ้น ความสนุกชั่วครั้งคราวก็ทำให้ลี่จางถือกำเนิดขึ้นมา แต่ความลับทั้งหมดถูกฝังไปพร้อมผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาของลี่จาง ความลับยังเป็นความลับต่อไป หากไม่มีคนผู้หนึ่งซึ่งแม้แต่สวี่เยียนเองยังไม่รู้ว่าเป็นใคร จงใจส่งจดหมายข่มขู่ในค่ำคืนหนึ่งจดหมายนั้นตกอยู่ในมือของลี่จางภายในกระท่อมร้าง เปล่าเปลี่ยวชายป่า“ฮองเฮาข้าน้อยจัดการผู้ที่เกี่ยวข้องจนหมดแล้ว เห็นทีต้องเร้นกายไปสักพักหนึ่ง”สวีเยียนยิ้มหวานหยด เหลือบตามองคนพูด“ดีมากเจ้าไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังไม่ว่าจะเป็นการฆ่าวางเพลิงสนมจินเฟย หรือการกำจัดเสี้ยนหนามพวกนี้ ข้าไม่รู้จะตอบแทนเจ้าเช่นไรดี”รินสุราในจอก กระดกลงคอ รวด
ยาสลบถูกจุดปล่อยควันให้พวยพุ่งไปยังทหารยามสองสามคน หว่านหนิงล้วงผ้ามาปิดจมูกแน่นเร้นกายเข้าไปในคุกหลวง ทางเดินมีแสงสว่างเพียงรางเลือนจากคบไฟข้างหน้านั่นลี่หยางนั่งพิงกำแพงห้องขัง ส่วนลี่เจินนอนหลับใหลด้วยพิษบาดแผล“องค์ชาย”หว่านหนิงถลาเข้าไปเกาะกรงขังแน่น ลี่หยางตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นหว่านหนิง เงาร่างของใครบางคนในชุดพรางตัว“ฝานกงกง”“พระชายาท่านมาได้อย่างไร”“ข้าคาดว่า องค์ชายหรือไม่ก็คงเป็นฝ่าบาทที่ถูกจับขังอยู่ในคุกหลวงแห่งนี้”“เป็นองค์ชายทั้งสอง ส่วนฝ่าบาทยังอยู่ที่ตำหนักการคุ้มกันแน่นหนา ไม่อาจย่างกรายเข้าไปได้”ฝานกงกงเหมือนจะ รู้ดีว่าใครควรอยู่ในที่แห่งใด“ลี่จางจงใจสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นฮ่องเต้ในวันพรุ่งนี้”“เป็นแผนใช่หรือไม่”“ใช้แล้ว เราวางแผนทั้งหมดนี้เพื่อให้ลี่จางวางใจ แต่เกรงว่าจะใช้กำลังโอบล้อมก็จะมีเหล่าทหารบาดเจ็บล้มตาย จำต้องวางแผนการเสียใหม่”“ครั้งนั้นที่เราเข้ามาในวังหลวงเหมือนกับตั้งใจเดินเข้ามาติดกับของลี่จาง เพียงเพราะเราสองคนคิดว่ายังมีโอกาสเจรจาแต่ตอนนี้ปิดประตูเจรจาเสียแล้ว แผนการของเราต่อจากนี้ หมายจะเปิดโปงลี่จางและฮองเฮา”“หมายความว่าอย่างไร”“ ลี่จางต้องก
“องค์ชายท่านเป็นไท่จือตั้งแต่อยู่ในครรภ์พระสนมแล้ว เวลานี้ถึงเวลาที่องค์ชายจะทวงทุกอย่างคืน ฝ่าบาทไม่เคยลังเลที่จะมอบมันให้แก่องค์ชายหากองค์ชายเข้มแข็งเหมือนในวันนี้ พิสูจน์ให้ฮองเฮาเห็นว่าท่านไม่ได้อ่อนแอตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาฮองเฮาพยายามตอกย้ำว่าองค์ชายไม่เหมาะสมกับตำแหน่งไท่จือ ฝ่าบาทจึงพยายามกดดันองค์ชายให้กลายเป็นผู้ที่เข้มแข็ง และฮองเฮายังยัดเยียดดวงพิฆาตให้องค์ชายอย่างหน้าไม่อาย ใช้โอกาสนี้จัดการคนชั่วให้ฝ่าบาทมอบตำแหน่งไท่จือให้องค์ชายด้วยความเต็มใจและเหมาะสม อย่าให้ฝ่าบาทรอนาน เพราะฝ่าบาทแต่เดิมไท่จือภายในใจของฝ่าบาทมีแต่องค์ชายเท่านั้น”ฝานกงกง ช่วยพูดอีกแรง ลี่หยางรู้สึกว่าที่ผ่านมาเขามองฉีกวนลี่ผิดไป“เสื้อคลุมมังกรนั่นอยู๋ในห้องหนังสือตำหนักร้อยดาว ด้านหลังเป็นห้องลับสามารถ ผ่านเข้าไปยังนอกเขตวังหลวงได้ หว่านหนิงเข้าไปสำรวจทางลับตั้งแต่เข้ามาอยู่ในตำหนักร้อยดาวใหม่ๆ ไม่คิดว่าจะได้ใช้มัน หว่านหนิงหวังว่าองค์ชายจะออกจากเงามืดของตำหนักร้อยดาวได้เสียที” หว่านหนิงรู้ว่ายามนี้สามีต้องการกำลังใจและ คำพูดปลุกใจไม่น้อย“ กลับไปวางแผนการเสียใหม่หว่านหนิงและฝ่าบาทรอการช่วยเหลือจากองค์
เกี้ยวสีแดงถูกหามส่งเข้าวังในตอนเย็นย่ำวันหนึ่ง หว่านหวงลู่รู้ดีว่าไม่ต้องมาส่งหว่านหนิง สิ่งที่หว่านหนิงต้องการคือการเข้าไปในตำหนักร้อยดาวแบบเงียบๆ ก็ในเมื่อลี่หยางมิได้เป็นที่สนใจ และไม่ได้มีพิธีรีตองอะไร“คุณหนู ข้าเห็นทีต้องกลับแล้วเช่นกัน ท่านนั่งรออยู่ในห้องบรรทมขององค์ชายห้า เพียงครู่คาดว่า องค์ชายคงเสด็จในไม่ช้าเพราะมิได้มีการเลี้ยงฉลอง งานแต่งอย่างที่ควรจะเป็น “แม่สื่อที่มีหน้าที่เดินนำเกี้ยว ตามธรรมเนียมเอ่ยขึ้นเมื่อมาถึงตำหนักร้อยดาว“ท่านป้ากลับไปเถิดข้าทำใจไว้แล้ว ว่าต้องเป็นแบบนี้ หลายอย่างไม่เกินคาดหมายนัก”แม่สื่อยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะถอยออกไปทันทีหว่านหนิงยืนนิ่งหน้าตำหนักรกร้างไม่มีการเลี้ยงฉลองไม่มีแม้กระทั่งการคารวะบรรพบุรุษ หรือญาติผู้ใหญ่มีเพียงส่งตัวหว่านหนิงเข้ามาในตำหนักร้อยดาวเพียงลำพัง“ท่านแม่ หว่านหนิงจะพยายามให้ถึงที่สุด”สูดลมหายใจเข้าลึกๆผลักบานประตูเข้าไปช้าๆ ภาพเบื้องหน้าคนผู้หนึ่งในอาภรณ์สีแดงรูปร่างสูงโปร่ง แต่ซูบผอมปากคอคิ้วคางแม้จะรับกับใบหน้าคิ้วดกดำผิวขาวจนกลายเป็นซีด ริมฝีปากบางแต่ทว่าซีดขาว หากมีสีเลือดกว่านี้ บุรุษผู้นี้อาจจะนับได้ว่าหล่อเหลาเราเ
หว่านหนิงในอาภรณ์เต็มพระยศในแบบของฮองเฮา ยืนเคียงข้างลี่หยางฮ่องเต้รูปงามแต่ใจเดียวสมกันราวกิ่งทองใบหยกมือข้างขวาถูกมือของลี่หยางเกาะกุมไว้ จุดธูปเทียนบูชาสวรรค์และบรรพบุรุษ เตรียมที่จะขึ้นนั่งบัลลังก์มังกร ฉีกวนลี่ยืนอยู่ข้างหน้าสวมมงกุฎสีทองอร่ามลงบนศีรษะของลี่หยาง“นับแต่นี้เจ้าคือฮ่องเต้แคว้นจ้าวองค์ใหม่ ลี่หยางฮ่องเต้พ่อหวังว่าเจ้าจะทำนุบำรุงศาสนาและปกป้องดูแลราษฎรดุจลูกหลานของเจ้า”ฝานกงกง ยื่นตราประทับของฮ่องเต้ ให้ฉี่กวนลี่ที่มอบมันให้กับลี่หยางหน้ามุขสูง ทั้งสองคนลี่หยางและหว่านหนิงยืนเคียงข้างกันเสียงแซ่ซ้องจากราษฎรดังไปทั่วลานกว้าง ลี่หยางยิ้มกว้าง ชีวิตเขาแม้ผ่านความลำเค็ญมากมายเพียงใดแต่เมื่อมองย้อนกลับไปกลับคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องราวที่เป็นบทเรียนสอนใจเท่านั้นต่อจากนี้ ชีวิตขององค์ชายห้าผู้อับเฉามีพร้อมแล้วซึ่งความสุขและครอบครัวในวันนั้นลี่หยางนั่งซุกอยู่ในมุมมืด เดียวดายเหน็บหนาวความมืดปกคลุมไปทั่วบริเวณท้องไส้ปั่นป่วนด้วยความหิว ในคืนไหว้พระจันทร์ที่หลายคนต่างสนุกสนาน แต่เขากลับเดียวดาย ครึ่งหลับครึ่งตื่นเด็กหญิงตัวอ้วนป้อมยกมืออุ่นขึ้นลูบใบหน้าเบาๆ แล้ววางขนมไหว้พระ
ลี่หยาง สืบเสาะหาสมุนไพรนานาชนิดมาบำรุงร่างกายให้หว่านหนิงทั้งสมุนไพรสำหรับช่วยให้การคลอดไหลลื่น และสุมนไพรบำรุงร่างกายทั้งทารกในครรภ์และตัวหว่านหนิงเอง อาหารทุกอย่างล้วนถูกลี่หยางชิมเสียก่อน ท่องจำเรื่องราวอาหารคาวหวานที่หว่านหนิงกินว่าสิ่งใดทำให้แพ้ท้อง สิ่งไหนที่หว่านหนิงไม่ชอบ วันว่าง ก็จะฝึกการนั่งการนอนและการหายใจ ตำราต่างๆ มากมายนำมากองรวมกัน ลี่หยางใช้เวลาทั้งหมดในการอ่านตำราเกี่ยวกับการตั้งครรภ์“ลี่เจินส่งสาสน์เรื่องการสถาปนาฮ่องเต้ของเแค้วนเหว่ย”“ส่งของกำนัลยังแคว้นเหว่ย ความจริงข้าอยากให้ไท่จือเดินทางเข้าร่วมงานพิธีในครั้งนี้ หากแต่ไท่จือเฟยใกล้จะคลอดเต็มที คงไม่เหมาะนักที่จะให้ไท่จือเดินทางแรมเดือน”“ฝานกงกง อาสาเดินทางนำของกำนัล ร่วมแสดงความยินดีกับองค์ชายสิบสองลี่เจิน”ฉีกวนลี่พยักหน้าเห็นด้วย“ลูกคิดว่ารอให้ไท่จือเฟยคลอดองค์ชาย จึงจะส่งสาสน์ให้ลี่เจินและอันฝูร่วมเฉลิมฉลองแสดงความยินดีอีกครั้ง ลูกเองก็คิดถึงลี่เจินไม่น้อยอยู่ต่างแคว้นต้องปรับตัว คงลำบากมากหน่อย”“ลี่เจินไม่นานก็จะขึ้นนั่งบัลลังก์ เป็นเขาที่จัดการบางอย่างได้ดีกว่าที่ข้าคิดไว้”ฉีกวนลี่ชื่นชมลี่เจิน ออกนอก
"หญิงผู้หนึ่งที่ยอมแต่งกับองค์ชายที่มีดวงพิฆาตไม่สนใจเสียงร่ำลืออีกทั้งพยายามฉุดดึงและสร้างองค์ชายที่แข็งแกร่งยอมทนลำบากเพื่อรอวันที่สวยงามวันที่ฟ้าสดใส แต่เมื่อวันนั้นมาถึงกลับต้องถูกปล่อยให้เดียวดายในตำแหน่งที่สูงส่ง"องครักษ์วิ่งเข้ามาข้างใน"ฝ่าบาทไท่จือเฟยเป็นลมหมดสติ อยู่ข้างๆ ที่ไท่จือคุกเข่าอยู่"ฉีกวนลี่ลุกขึ้นยืน ฝานกงกงถลาออกไปด้านนอกพบลี่หยางกำลังเขย่าร่างไร้สติของหว่านหนิง ปากก็ร้องเรียกหาหมอหลวง หยาดฝนยังโปรยปรายไม่หยุดลี่หยางและหว่านหนิงเปียกปอนร่มที่ถือมาถูกกางกันฝนให้ลี่หยางแต่ตัวเองยอมเปียกฝน ลี่หยางพยายามจะลุกขึ้นยืนทั้งที่ปวดหัวเข่าเพราะคุกเข่าอยู่เสียนาน"พาไท่จือเฟยเข้าไปข้างในตำหนักก่อน"ฉีกวนลี่พูดขึ้นดังๆ ลี่หยางมองสบตาฉีกวนลี่สายตาเจ็บซ้ำ ฝานกงกงช่วยพยุงทั้งสองคนให้ลุกขึ้นพาเข้าไปด้านใน"ตามหมอหลวง"ฉี่กวนลี่ออกคำสั่งด้วยเสียงอันดังฝานกงกง เตรียมอาภรณ์ชุดใหม่ให้ลี่หยาง"ให้ห้องเครื่องต้มน้ำขิงแล้วนำมาที่นี่ทันที"ตำหนักฮ่องเต้บังเกิดความวุ่นวายไม่น้อย หมอหลวงถือหลวมยาเข้ามา ลี่หยางถลาเข้าไปข้างๆหว่านหนิง"ไท่จือเฟยเป็นอย่างไรบ้าง แล้วลูกของข้าล่ะ"ฉีกวนลี่หันขวั
“ข้า..ข้า..ข้ากำลังจะเป็นพ่อเจ้าได้ยินไหม ลูกของเรา”หว่านหนิงยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นลูบที่ท้องอย่างทะนุถนอมตอนที่55ยอม"เจ้าเป็นสิ่งมีค่าที่สุดเท่าที่ข้าเคยมีบัดนี้กับให้สิ่งมีค่าที่สุดแกข้าเพิ่มเติม อย่างนี้จะไม่ให้รักเจ้าได้อย่างไร"กอดประคองหว่านหนิงแน่น"ท่านพี่ท่านกับลูกก็คือสิ่งเดียวที่ข้าหวงแหนที่สุด"ลี่หยางกลับพูดน้อยลงกว่าเดิม เขามีเรื่องให้ทำมากมายแต่รอยยิ้มกลับเพิ่มมากขึ้น เฝ้ามองหว่านหนิงทุกอย่างก้าว จะนั่งหรือเดินต้องคอยประคอง ดังกลัวว่าจะหกล้ม“กุ้ยอิงกับอิงไถต่อแต่นี้อย่าให้ไท่จือเฟยทำงานใดใดในตำหนักร้อยดาว พวกเจ้าต้องมั่นดูแลอย่าให้ไท่จือเฟยต้องลงมือทำสิ่งใดไม่อย่างนั้นข้าคงต้องสั่งลงโทษเจ้าทั้งสอง อีกไม่นานข้าจะหานางกำนัลที่ไว้ใจได้สักหลายคนหน่อยมาคอยดูแล ไท่จือเฟย”หว่านหนิงยิ้ม“ข้าให้หมอหลวงส่งยาบำรุงที่ดีที่สุดมาที่ตำหนักร้อยดาวข้าตั้งใจเคี่ยวยาให้เจ้าด้วยตัวเอง”“ท่านพี่จะทรงลำบากไปไย”“เพื่อเจ้า เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ เมื่อเทียบกับสิ่งที่เจ้าทำเพื่อข้าอีกทั้งยังอุ้มท้องลูกของข้า ทนลำบากอยู่หลายเดือนเรื่องที่ข้าทำจึงถือว่าเล็กน้อยเหลือเกิน”"อีกอย่างข้าเห็นท่าน หาซื้อผ
“องค์ชายน้อยอยู่ในครรภ์ของเจ้าแล้วตอนนี้ ข้าจะทูลให้เสด็จพ่อยกเลิกกฎการมีชายารองและแต่งตั้งสนมมากมายให้เกิดเรื่องวุ่นวายเหมือนที่ผ่านมาเสียที”หว่านหนิงซุกหน้าลงบนอกกว้างที่บัดนี้กับอบอุ่นมิได้เย็นชาเหมือนที่ผ่านมา อ้อมกอดที่กระชับแน่นทั้งคืนไม่เขินอายหรือแอบประคองกอดเหมือนเมื่อครั้งแต่งเข้าตำหนักร้อยดาวใหม่ๆ“หว่านหนิงไม่ขอสิ่งใดขอเพียงได้เคียงข้างเช่นนี้ทุกค่ำคืน” หว่านหนิงตกใจใน คำพูดของตัวเองไม่น้อย ก่อนหน้านั้นยังคิดว่าการแต่งเข้าตำหนักร้อยดาวเป็นการตกนรกหรือไร แต่มาวันนี้กลับรู้สึกว่าตำหนักร้อยดาวแห่งนี้เป็นดั่งสวรรค์ เมื่อมีลี่หยางประคองกอดอยู่อย่างนี้ทุกค่ำคืนทั้งคืนหว่านหนิงสวมเสื้อคุลมมังกรสีน้ำเงินเข้มให้ลี่หยาง ใบหน้าหล่อเหลาช่างดูเหมาะกับเสื้อคลุมมังกรเหลือเกิน เหล่าขุนนางราชสำนักคุกเข่าส่งเสียงแซ่ซ้องสรรเสริญ“ไท่จือทรงพระเจริญ พันปี”หว่านหนิงยิ้มอย่างเป็นสุข ลี่หยางหันสบตากับหว่านหนิง ส่งยิ้มกว้างกว่าทุกครั้งที่หว่านหนิงเคยเห็นมา“เจ้าคิดว่าได้อย่างนั้นหรือ การที่เจ้าจะตัดสินใจสิ่งใดโดยใช้ความรู้สึกของตัวเองตัดสิน”“เสด็จพ่อ ฝ่าบาทลูกเห็นทีจะ ขอสละตำแหน่งไท่จือ”หว่านหนิ
“สวีเยียน เชื่อข้าเถอะ ลี่จางคือลูกของเราเป็นเจ้าสิบสี่ เจ้าคิดหรือว่าหากเขาไม่ใช่ลูกข้าข้ายังจะให้เขามีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้หรือ ข้าไม่ไว้ใจเจ้าแต่ทว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ เลือดของเจ้าสิบสี่ถูกนำมาพิสูจน์ความเป็นพ่อลูกกับข้าตั้งแต่ลืมตามาดูโลกคิดหรือไรว่าหากข้ารู้ว่าเขาไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของข้าแล้วเขาจะมีชีวิตยืนยาวเพียงนี้”ลี่จางทรุดกายลงกับพื้นก้มหน้าร้องไห้เหมือนคนเสียสติ เสียงร้องโหยหวน ด้วยดวงใจที่แหลกสลาย ลี่เจินเข้าไปพยุงแต่ลี่จางกลับสะบัดตัวหนี ภาพตรงหน้า สะเทือนใจไม่น้อย ฮองเฮาสวีเยียนเองก็ไม่ต่างจากลี่จาง ทรุดกายลงกับพื้นหมดเรี่ยวแรงดวงตาเหม่อลอยพร่ำพูดแต่คำพูดเดิมๆ“ไม่จริง ไม่จริง ไม่ใช่ ไม่จริง”น้ำตาไหลนองเต็มตาแต่ปราศจากเสียงสะอื้นฉีกวนลี่หลับตาลงช้าช้าไล่หยาดน้ำตา ให้ไหลคืนลงในอกกล้ำกลืนอย่างที่สุด หากจะโทษใครสักคน ให้โทษตัวเขาที่มีใจเดียวรักมั่นแต่จินเฟยคนเดียวไม่มีสายตาไว้มองใคร ความรักนั้นยังถูกถ่ายทอดไปยังลี่หยางรักเขายิ่งแแก้วตาทำทุกวิถีทางให้ลี่หยางรอดพ้นเงื้อมมือฮองเฮา แม้จะแสร้งไม่รักแต่กลับซ่อนไม่มิด หันมองลี่หยาง ที่จับตัวหวานหนิงมาสำรวจว่าบาดเจ็บตรงไหนห
“555 ฉีกวนลี่ผู้นี้ ปกป้องใครได้กัน แม้แต่สนมที่รักอย่างเช่นแม่ของเจ้ายังถูกแม่ข้าฮองเฮาส่งคนฆ่าวางเพลิง แม้จะเรียกตัวเองว่าพ่อแต่ปกป้องใครได้กัน เจ้าเองก็รู้ดีนี่ลี่หยางตลอดเวลาเขาเคยปกป้องเจ้าหรือไร”ฉีกวนลี่กัดฟันแน่น ทั้งๆ ที่ระแคะระคายมาบ้างแล้วว่าฮองเฮาเป็นคนส่งคนไปลอบสังหารสนมจินเฟยแต่ครั้งนี้ได้ยินกับหูจึงเกือบระงับความแค้นเคืองไว้ไม่ได้“ความผิดของข้าอย่างเดียว คือปล่อยให้เจ้าสองคนแม่ลูกมีชีวิต อยู่เสียนานคิดว่า อาจจะกลับตัวกลับใจได้”“ข้าเคยบอกแล้วว่าเป็นเพราะท่านฉีกวนลี่ ข้าเคยรักเคยเทิดทูนท่าน เหมือนที่ลูกพึงจะกระทำ หากท่านใส่ใจเราสองคนแม่ลูกสักนิดไม่เฉยชา เราสองคนอาจจะดีกับท่านอย่างจริงใจ”“จะให้ข้าดีกับพวกเจ้าอย่างจริงใจทั้งๆ ที่รู้ว่าฮองเฮาผิดต่อข้าเช่นนั้นหรือ”“เสด็จแม่จะไม่ผิดต่อท่าน หากท่านไม่มัวแต่อาลัยอาวรณ์คร่ำควรญกับการจากไปของสนมจินเฟย เสด็จแม่บอกว่าหัวใจของท่านอยู่ที่สนมจินเฟย ลี่หยางเป็นดั่งแก้วตาในเมื่ออยากให้ท่านตายคงต้องสังหารหัวใจและแก้วตาของท่านเสีย”“ทหารจับพวกมันไปขังไว้พรุ่งนี้ประหารเสียพร้อมกันให้หมด”องครักษ์นับรอยล้อม ลี่หยางและหว่านหนิงที่หันหลังชนกั
“ละทิ้งความโกรธเกลียดไม่ได้ เจ้าจะมีความสุขได้เช่นไร”“ฝ่าบาทเดิมทีตำแหน่งฮองเฮาต้องได้ความรักมากกว่าผู้ใด แต่ฝ่าบาทกลับละเลยมอบความรักให้แต่จินเฟยเพียงคนเดียว แล้วจะให้สวีเยียนยิ้มและเป็นสุขได้อีกหรือ เช่นนั้นข้าจำต้องหาความสุขเพียงลำพัง”กระซิบเบาๆ ข้างหูหัวหน้าขันทีออกมายืนด้านหน้า ตรงช่องทางเดินที่สองข้างขนาบซ้ายขวาด้วยเหล่าขุนนาง“พิธีเริ่มได้….”ฉีกวนลี่เชิดหน้านั่งตัวตรง“บัดนี้ถึงเวลา ข้าฉีกวนลี่จะประกาศอาณัติจากสวรรค์ แม้จะรวดเร็วไปบ้างแต่เมื่อเป็นลิขิตจากสวรรค์จึงไม่อาจทัดทาน”เหล่าขุนนางต่างซุบซิบบ้างก็สงสัยว่ามีเรื่องใดกันที่เป็นอาณัติสวรรค์บ้างก็บอกเล่าสิ่งที่ระแคะระคายมาเมื่อไม่นานมานี้นอกกำแพงเมือง ลี่เจินและฝานกงกง ยืนอยู่หน้าประตูวัง และทหารที่ติดตามหลายร้อยคนเสียงอื้ออึงโกลาหล กระบี่ในมือปัดป้องลูกดอกที่ถูกยิงลงมาจากกำแพงเมือง ทหารหลายนายกำลังใช้เครื่องทุ่นแรงกระทุ้งบานประตูใหญ่ให้เปิดออก การบาดเจ็บล้มตายหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ทหารแปดกองธงหาได้มีแค่เพียงหยิบมือจำนวนมากมายคณานับกองหน้าล้มตายก็มีกองหนุนเข้ามาเสริม เลือดไหลนองพื้นดั่งสายน้ำสวีถงนำองครักษ์เสื้อแพรช่วยกันต้า