“คิดว่า แกล้งข้าได้หรือ”เมื่อ เปิดมือบางออกใบหน้างามที่อยู่ตรงหน้าทำเอาลี่หยางเบิกตากว้าง ขยับเอวกดกระแทกร่างใหญ่ลงไปเหมือนแกล้ง“ทำไมมันคับอย่างนี้”หว่านหนิงอายจนหน้าแดง เรื่องแบบนี้มาพูดเหมือนกับถามสารทุกข์สุกดิบ ช่างไร้เดียงสา หว่านหนิงขำจนแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหว อย่างนี้แสดงว่าอ่านตำรากามสูตรยังไม่จบ เผลอหัวเราะเสียงใส“เป็น องค์ชายที่ต้องหาคำตอบเองมิใช่หรือ”ซุกหน้ากับอกหลบตาคมที่จ้องมองด้วยสายตากรุ้มกริ่มหวานหยด สมองอันชาญฉลาดประมวลผลได้ว่าเป็นเพราะ เขาไม่ได้อยู่ปรนเปรอนางเสียนานกระนั้นหรือ จึงคงความคับแน่นชวนตื่นเต้นเหมือนในครั้งแรกก็ไม่ปาน“อย่างนี้เห็นทีต้องทำให้มันเหมือนเดิม คาดว่าคืนนี้เจ้าคงออกไปไหนไม่ได้ อีกทั้งยังไม่ได้นอนทั้งคืนเป็นแน่ ข้อหาลักลอบเข้ามาหาสามียามที่กำลังหิวกระหายเช่นนี้”กระซิบที่ข้างหูเบา ๆ หว่านหนิงยิ้มเขินอาย ลี่หยางไม่รอช้าปล่อยให้เวลาผ่านไปเสียเปล่าขยับเอวเร่งจังหวะเร็วรี่กลีบบุปผาแย้มเยิ้มชื่นฉ่ำเหมือนต้องน้ำทิพย์จากสวรรค์ที่ไหลหลั่งชโลมกลีบบุปผาที่แล้งน้ำมานาน เกลียวลิ้นหมุนวนเติมความหวานให้กลีบบุปผาที่พร้อมจะแย้มกลีบอ้าเสียงหอบเหนื่อยจนแทนลืมหายใจ
เรื่องเล่าเรื่องของพระราชทานจากฝ่าบาทที่ให้กับสนมจินเฟยบ้างก็พูดว่ามีมากจนขายเป็นเงินทองสบายทั้งชาติ บ้างก็ว่าของแต่ละชิ้นมีแต่ของล้ำค่าที่เหล่าราชทูตจากแคว้นต่างๆ คัดสรรมาถวาย ต่างรวบรวมอยู่ที่ตำหนักร้อยดาวจนสิ้น ในตอนนี้ตำหนักร้อยดาวไม่ได้น่ากลัวเหมือนแต่ก่อน ไม่มาในครั้งนี้จึงถือว่าโง่เขลาสิ้นดีฮองเฮาพานางกำนัลเกือบสิบคนมุ่งหน้ายังตำหนักร้อยดาวเช่นกัน"ค้น เฉพาะห้องที่มีกุญแจ""ทำไมต้องห้องที่มีกุญแจ เพคะฮองเฮา""ห้องที่ใส่กุญแจมักจะมีของมีค่า อีกทั้งนางกำนัล ที่ข้าส่งมาสอดแนมบอกข้าว่าเจ้าห้าลี่หยางมอบกุญแจห้องสมบัติในถุงหอมให้กับชายาห้าหว่านหนิง"สิ้นข้อสงสัยต่างแยกย้ายกันงัดแงะห้องที่คล้องกุญแจไว้เจ้าเฟยเหยียนไม่กล้าเข้าไปสุ่มอยู่ตรงมุมหนึ่งคอยสังเกตการณ์"ช้าไปอีกแล้ว ฮองเฮาของพระราชทานของพระนางก็มากมายยังจะอยากได้ของผู้อื่นอีกหรือ”พูดไปก็ไม่นึกถึงตัวเองที่มาเอาของเขาเช่นกัน"ค้นจนทั่วไม่พบสิ่งใดเลย ข้าน้อยยังได้ให้คนเข้าไปค้นห้องอื่นที่ไม่ได้ใส่กุญแจแต่ทว่าไม่เจอสิ่งใดมีค่าหลงเหลืออยู่เลย"ฮองเฮาขมวดคิ้ว"ตอนนาง ไปกับเจ้าห้าก็ไม่เห็นมีสิ่งใดติดตัว ทหารหน้าประตูวังรายงานข้าว่านา
ห้องทรงหนังสือฮ่องเต้แคว้นจ้าว“ข้าลี่กวง วันนี้ตั้งใจมาช่วยเสด็จพ่อร่างหนังสือ สายตาเหลือบมองลี่จางที่นั่งฝนหมึกอยู่ในตำแหน่งเดิมของลี่หยาง ฝานกงกงยืนประสานมืออยู่ข้างหน้า แต่ไร้แม้เงาของฮ่องเต้“ อ้าว พี่แปดท่านก็มาหรือไร”“ข้ามาไม่น่าแปลกแต่เจ้าสิเจ้าสิบสี่ ร้อยวันพันปีไม่เคยจะตั้งใจทำสิ่งใด วันนี้ไยมานั่งแทนที่พี่ห้าได้”ยิ้มเย้ยหยัน“พี่ห้าไม่อยู่เสด็จพ่อย่อมเหงาเป็นธรรมดา อีกทั้งยังขาดคนมาช่วยงาน พี่แปดเสียอีกเป็นถึงไท่จือ เรื่องบ้านเมืองควรตั้งใจให้มากกลับเอาเวลาที่เหลือไปทำเรื่องที่ไม่สมควร””นี่เจ้า... เจ้าสิบสี่อย่านึกว่า มีเสด็จแม่ของเจ้าหนุนหลัง อย่างไรเสียตอนนี้คนที่เป็นไท่จือคือข้า”ฝานกงกงขยับตัว อย่างอึดอัด ฮ่องเต้เสด็จออกมาจากด้านในทั้งสองที่กำลังสะกดกลั้นอารมณ์ที่แทบจะระเบิดใส่กัน กลับกลายเป็นก้มหน้า ไม่มีใครเอ่ยปากคำใด“ วันนี้ ทำไม่เจ้าสองคนพร้อมใจเช่นนี้”“เสด็จพ่อ ลี่กวงเห็นว่า ระหว่างนี้พี่ห้าไม่อยู่อาศัยช่วงที่เสด็จพ่อต้องการคนช่วย มาศึกษางานราชสำนัก”“ 555ดี เจ้าสองคนคนหนึ่งเป็นไท่จือคนหนึ่งเป็นองค์ชายสิบสี ของแคว้นจ้าวแม้จะไม่โลดโผน ออกรบได้อย่างเจ้าห้ากับเจ้าส
ก่อนหน้านั้น“องค์ชายห้า ต้องนำทัพในครั้งนี้นับว่าเป็นเรื่องที่สร้างความห่วงใยให้ข้าไม่น้อย”“ท่านแม่ท่านจะกังวลใจไปทำไมกัน”“เจ้ากับองค์ชายเพิ่งจะแต่งงานกัน ก็ต้องแยกจากกันทั้งๆ ที่เพิ่งจะเรียนรู้นิสัยใจคอ ความจริงลี่หยาง ไม่สมควรถูกส่งไปรบด้วยซ้ำ ข้าไม่เข้าใจว่าฉีกวนลี่ (ฮ่องเต้แคว้นจ้าวพ่อของลี่หยาง) กำลังจะทำสิ่งใดกันแน่”“ท่านแม่อย่าได้กังวลไปเลย หว่านหนิงเชื่อว่าองค์ชายจะต้องปลอดภัย”“สงครามไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใดย่อมสร้างความสูญเสีย มันจะไม่ดีขึ้นหรอกเพียงแค่เจ้าอยากให้มันดีขึ้น หากเจ้าอยากให้มันดีขึ้นจริงๆต้องลงมือแก้ไข”“ท่านแม่กังวลใจเช่นนี้ หว่านหนิงอยากจะแบ่งเบาท่านเหลือเกิน”กอดเอวมารดาอย่างออดอ้อนหว่านหวงลู่ลูบศีรษะอย่างแผ่วเบา“หว่านหนิง ลูกสาวของข้าเจ้าแต่เดิมเกิดมาก็อาภัพเต็มที แต่ไม่ว่าอย่างไรด้วยนิสัยของเจ้าช่างเหมือนข้าเหลือเกิน ไม่เคยยย่อท้อต่อสิ่งใด”หว่านหนิงยิ้มหวานอย่างเอาใจ“ข้าจำท่านพ่อไม่ได้ด้วยซ้ำไป สิ่งที่ข้าเห็นทั้งยามหลับและยามตื่น หรือแม้กระทั่งตอนที่ร้องไห้มีแต่ท่านแม่คนเดียว”“พ่อของเจ้าถูกประหารเพราะวามผิดที่เขาก่อขึ้นเอง ฝ่าบาทเมตตาเราสองคนแม่ลูกไม่น้
“ป้ายหยกที่เจ้าถือมานั่น คือสิ่งที่ข้าหวงแหนที่สุด”“หว่านหนิงได้มาจากท่านแม่” ดวงตาไหววูบมีแววเศร้าสร้อยในดวงตา“นาง เป็นท่านแม่เจ้าอย่างนั้นหรือ มิน่าข้าเห็นเจ้าจึงเหมือนเห็นนาง นางมีลูกสาวงดงามเหมือนนางเหลือเกิน”น้ำเสียงเหมือนจะกล้ำกลืนบางอย่างแสร้งยินดี หว่านหนิงยิ้มอย่างเป็นมิตร คนผู้นี้หากมองผิวเผินช่างเป็นคนที่หยิ่งยโสหรือว่าจะสะกดกลั้นความหยิ่งไว้แต่คำพูดบางคำช่างอ่อนโยนจริงใจ“ท่านแม่ให้ข้าหว่านหนิง นำของสิ่งนี้มามอบให้ฝ่าบาทจนถึงมือ”กล่องสีทองใบเล็กถูกส่งให้ขันทีข้างกาย ฟงฉานรับมาเปิดออกช้าๆ ม้วนกระดาษแผ่นเล็กถูกคลี่ออก แววตาสนเท่ห์ปรากฏอยู่ในนั้นในสายตาคมฝ่าบาท การศึกสงครามระหว่างสองแคว้นแต่เดิมเป็นหว่านหวงลู่ที่เป็น ..ตัวประกัน ..มิให้มีการก่อสงครามระหว่างแคว้น เพื่อประชาชนและเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวง แม้ฝ่าบาทจะพร่ำพูดเสมอว่าหวงลู่มิใช่ตัวประกัน หากเป็นสิ่งที่ฝ่าบาทไม่อาจเอื้อมคว้า แต่กระนั้นฝ่าบาทก็ทรงปล่อยมือจากหว่านหวงลู่คนนี้ตลอดระยะเวลา 18ปี เราสองคนหลายปีมานี้ต่างคนต่างคงสำนึกผิดบาปที่ทำให้ใจเป็นทุกข์ หวงลู่ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะเศร้าโศกเสียใจหรือไม่ หรืออาจดีใ
ลี่เจินควบม้าตะบึงมายังค่ายที่ชายแดนแคว้นหานกับแคว้นเหว่ย"พี่ห้า ท่านคงได้รับสัญญาสงบศึกแล้วใช่หรือไม่""แม่ทัพของแคว้นหานเพิ่งจะนำราชสาสน์มาส่งถึงมือข้าเมื่อบ่าย""พี่ห้าท่านคิดว่าเป็นแผนลวงหรือไม่"ลี่หยางทำสีหน้าเรียบเฉย"แผนลวง...หรือ ราชสาสน์ส่งมาให้ร่วมงานเฉลิมฉลองการกลับมาขององค์หญิงเก้าของแคว้นหาน หรือว่าจงใจลวงเราเข้าไปท่ามกลางวงล้อม"ลี่เจินส่ายหน้า ลี่หยางใครเขาจะคิดแผนลวงง่ายๆเช่นนี้ ถูกความคิดถึงบดบังสายตา บัดนี้ใจจดจ่ออยู่กับการกลับมาของหว่านหนิง ด้วยในห้วงคำนึงของเขาเวลานี้มีแต่หว่านหนิงเท่านั้น"เท่าที่ข้าได้ยินมา แคว้นหานมีปัญหาภายในมายาวนาน บัดนี้แต่งตั้งองค์รัชทายาทเรียบร้อยแต่ไม่เคยได้ยินเรื่องการมีอยู่ขององค์หญิงเก้า"ลี่หยาง ยังคงไม่ได้สนใจองค์หญิงเก้าเท่าที่ควรจะเป็นเสี่ยวกู้ มาอีกคนประสานมือคารวะองค์ชายห้าและองค์ชายสิบสอง"องค์ชาย พระชายาให้ข้าส่งข่าว เรื่องที่ตกลงกันไว้""พี่ห้ากับอาซ้อตกลงเรื่องอะไรกัน แล้วไปตกลงกันตอนไหน"ลี่เจินชักรู้สึกว่าตัวเองไม่ทันเหตุการณ์เอาเสียเลย ไม่ตอบลี่เจินแต่หันกลับไปถามเสี่ยวกู้ด้วยอาการตื่นเต้น"พระชายบอกว่าอย่างไร"สีหน้าเหมือนเ
“องค์หญิงเก้าครั้งนี้พ่อได้ส่งราชสาสน์เชิญแคว้นต่างๆ ร่วมยินดีในการกลับมาของเจ้า หวังว่าวันนั้นหว่านหนิงของพ่อจะงดงามที่สุด”“เสด็จพ่อหว่านหนิง ส่งของให้ตามคำสั่งของท่านแม่เรียบร้อยแล้ว รอเพียงจะได้กลับไปดูแลท่านแม่""ข้าละเลยเจ้า เป็นเพราะข้ากับมารดาของเจ้าเราต่างคนต่างไม่เข้าใจกัน"ภาพความทรงจำเก่าๆ …หวานหวงลู่งดงามแรกแย้มรางอ้อนแอ้นอรชร ดวงตาแข็งกร้าวจมูกเชิดหยิ่ง ถูกส่งมาสานสัมพันธ์ในตำแหน่งสนมเอกของฟงฉาน ที่ตอนนั้นด้วยทั้งเขาและหว่านหวงลู่ต่างเป็นคนที่มีทิฐิสูง หว่านหวงลู่นางมักจะพูดว่า...นางคือตัวประกัน…."เสด็จพ่อข้ารับรู้เรื่องราว ของท่านแม่กับท่านน้อยเหลือเกิน""นางจากไปไม่ร่ำลา และข้าเองแม้จะรักนางเพียงใดแต่ไม่เคยสารภาพสิ่งที่อยู่ในใจ แม่ของเจ้าเป็นเช่นนกอิสระ นางเบื่อการอยู่ในระเบียบกฎเกณฑ์อีกทั้งข้าไร้หนทางปกป้องนางจากคนในวังหลวงแห่งนี้""ในเมื่อท่านรักท่านแม่ ทำไมไม่ตามท่านแม่กลับมา""ข้าอ่อนแอเกินไปและกลัวคำปฏิเสธของนางจะทำให้ใจสลาย ไม่สู้หลอกตัวเองตลอดมาว่าสักวันแม่ของเจ้าจะกลับมาและอภัยให้ข้า""ท่านแม่ต้องแต่งเข้าตระกูลจง เพียงเพราะบัญชาของฮ่องเต้แคว้นจ้าว""ข้าส่งคน
“องค์หญิงเก้าครั้งนี้พ่อได้ส่งราชสาสน์เชิญแคว้นต่างๆ ร่วมยินดีในการกลับมาของเจ้า หวังว่าวันนั้นหว่านหนิงของพ่อจะงดงามที่สุด”“เสด็จพ่อหว่านหนิง ส่งของให้ตามคำสั่งของท่านแม่เรียบร้อยแล้ว รอเพียงจะได้กลับไปดูแลท่านแม่""ข้าละเลยเจ้า เป็นเพราะข้ากับมารดาของเจ้าเราต่างคนต่างไม่เข้าใจกัน"ภาพความทรงจำเก่าๆ …หวานหวงลู่งดงามแรกแย้มรางอ้อนแอ้นอรชร ดวงตาแข็งกร้าวจมูกเชิดหยิ่ง ถูกส่งมาสานสัมพันธ์ในตำแหน่งสนมเอกของฟงฉาน ที่ตอนนั้นด้วยทั้งเขาและหว่านหวงลู่ต่างเป็นคนที่มีทิฐิสูง หว่านหวงลู่นางมักจะพูดว่า...นางคือตัวประกัน…."เสด็จพ่อข้ารับรู้เรื่องราว ของท่านแม่กับท่านน้อยเหลือเกิน""นางจากไปไม่ร่ำลา และข้าเองแม้จะรักนางเพียงใดแต่ไม่เคยสารภาพสิ่งที่อยู่ในใจ แม่ของเจ้าเป็นเช่นนกอิสระ นางเบื่อการอยู่ในระเบียบกฎเกณฑ์อีกทั้งข้าไร้หนทางปกป้องนางจากคนในวังหลวงแห่งนี้""ในเมื่อท่านรักท่านแม่ ทำไมไม่ตามท่านแม่กลับมา""ข้าอ่อนแอเกินไปและกลัวคำปฏิเสธของนางจะทำให้ใจสลาย ไม่สู้หลอกตัวเองตลอดมาว่าสักวันแม่ของเจ้าจะกลับมาและอภัยให้ข้า""ท่านแม่ต้องแต่งเข้าตระกูลจง เพียงเพราะบัญชาของฮ่องเต้แคว้นจ้าว""ข้าส่งคน
เกี้ยวสีแดงถูกหามส่งเข้าวังในตอนเย็นย่ำวันหนึ่ง หว่านหวงลู่รู้ดีว่าไม่ต้องมาส่งหว่านหนิง สิ่งที่หว่านหนิงต้องการคือการเข้าไปในตำหนักร้อยดาวแบบเงียบๆ ก็ในเมื่อลี่หยางมิได้เป็นที่สนใจ และไม่ได้มีพิธีรีตองอะไร“คุณหนู ข้าเห็นทีต้องกลับแล้วเช่นกัน ท่านนั่งรออยู่ในห้องบรรทมขององค์ชายห้า เพียงครู่คาดว่า องค์ชายคงเสด็จในไม่ช้าเพราะมิได้มีการเลี้ยงฉลอง งานแต่งอย่างที่ควรจะเป็น “แม่สื่อที่มีหน้าที่เดินนำเกี้ยว ตามธรรมเนียมเอ่ยขึ้นเมื่อมาถึงตำหนักร้อยดาว“ท่านป้ากลับไปเถิดข้าทำใจไว้แล้ว ว่าต้องเป็นแบบนี้ หลายอย่างไม่เกินคาดหมายนัก”แม่สื่อยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะถอยออกไปทันทีหว่านหนิงยืนนิ่งหน้าตำหนักรกร้างไม่มีการเลี้ยงฉลองไม่มีแม้กระทั่งการคารวะบรรพบุรุษ หรือญาติผู้ใหญ่มีเพียงส่งตัวหว่านหนิงเข้ามาในตำหนักร้อยดาวเพียงลำพัง“ท่านแม่ หว่านหนิงจะพยายามให้ถึงที่สุด”สูดลมหายใจเข้าลึกๆผลักบานประตูเข้าไปช้าๆ ภาพเบื้องหน้าคนผู้หนึ่งในอาภรณ์สีแดงรูปร่างสูงโปร่ง แต่ซูบผอมปากคอคิ้วคางแม้จะรับกับใบหน้าคิ้วดกดำผิวขาวจนกลายเป็นซีด ริมฝีปากบางแต่ทว่าซีดขาว หากมีสีเลือดกว่านี้ บุรุษผู้นี้อาจจะนับได้ว่าหล่อเหลาเราเ
หว่านหนิงในอาภรณ์เต็มพระยศในแบบของฮองเฮา ยืนเคียงข้างลี่หยางฮ่องเต้รูปงามแต่ใจเดียวสมกันราวกิ่งทองใบหยกมือข้างขวาถูกมือของลี่หยางเกาะกุมไว้ จุดธูปเทียนบูชาสวรรค์และบรรพบุรุษ เตรียมที่จะขึ้นนั่งบัลลังก์มังกร ฉีกวนลี่ยืนอยู่ข้างหน้าสวมมงกุฎสีทองอร่ามลงบนศีรษะของลี่หยาง“นับแต่นี้เจ้าคือฮ่องเต้แคว้นจ้าวองค์ใหม่ ลี่หยางฮ่องเต้พ่อหวังว่าเจ้าจะทำนุบำรุงศาสนาและปกป้องดูแลราษฎรดุจลูกหลานของเจ้า”ฝานกงกง ยื่นตราประทับของฮ่องเต้ ให้ฉี่กวนลี่ที่มอบมันให้กับลี่หยางหน้ามุขสูง ทั้งสองคนลี่หยางและหว่านหนิงยืนเคียงข้างกันเสียงแซ่ซ้องจากราษฎรดังไปทั่วลานกว้าง ลี่หยางยิ้มกว้าง ชีวิตเขาแม้ผ่านความลำเค็ญมากมายเพียงใดแต่เมื่อมองย้อนกลับไปกลับคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องราวที่เป็นบทเรียนสอนใจเท่านั้นต่อจากนี้ ชีวิตขององค์ชายห้าผู้อับเฉามีพร้อมแล้วซึ่งความสุขและครอบครัวในวันนั้นลี่หยางนั่งซุกอยู่ในมุมมืด เดียวดายเหน็บหนาวความมืดปกคลุมไปทั่วบริเวณท้องไส้ปั่นป่วนด้วยความหิว ในคืนไหว้พระจันทร์ที่หลายคนต่างสนุกสนาน แต่เขากลับเดียวดาย ครึ่งหลับครึ่งตื่นเด็กหญิงตัวอ้วนป้อมยกมืออุ่นขึ้นลูบใบหน้าเบาๆ แล้ววางขนมไหว้พระ
ลี่หยาง สืบเสาะหาสมุนไพรนานาชนิดมาบำรุงร่างกายให้หว่านหนิงทั้งสมุนไพรสำหรับช่วยให้การคลอดไหลลื่น และสุมนไพรบำรุงร่างกายทั้งทารกในครรภ์และตัวหว่านหนิงเอง อาหารทุกอย่างล้วนถูกลี่หยางชิมเสียก่อน ท่องจำเรื่องราวอาหารคาวหวานที่หว่านหนิงกินว่าสิ่งใดทำให้แพ้ท้อง สิ่งไหนที่หว่านหนิงไม่ชอบ วันว่าง ก็จะฝึกการนั่งการนอนและการหายใจ ตำราต่างๆ มากมายนำมากองรวมกัน ลี่หยางใช้เวลาทั้งหมดในการอ่านตำราเกี่ยวกับการตั้งครรภ์“ลี่เจินส่งสาสน์เรื่องการสถาปนาฮ่องเต้ของเแค้วนเหว่ย”“ส่งของกำนัลยังแคว้นเหว่ย ความจริงข้าอยากให้ไท่จือเดินทางเข้าร่วมงานพิธีในครั้งนี้ หากแต่ไท่จือเฟยใกล้จะคลอดเต็มที คงไม่เหมาะนักที่จะให้ไท่จือเดินทางแรมเดือน”“ฝานกงกง อาสาเดินทางนำของกำนัล ร่วมแสดงความยินดีกับองค์ชายสิบสองลี่เจิน”ฉีกวนลี่พยักหน้าเห็นด้วย“ลูกคิดว่ารอให้ไท่จือเฟยคลอดองค์ชาย จึงจะส่งสาสน์ให้ลี่เจินและอันฝูร่วมเฉลิมฉลองแสดงความยินดีอีกครั้ง ลูกเองก็คิดถึงลี่เจินไม่น้อยอยู่ต่างแคว้นต้องปรับตัว คงลำบากมากหน่อย”“ลี่เจินไม่นานก็จะขึ้นนั่งบัลลังก์ เป็นเขาที่จัดการบางอย่างได้ดีกว่าที่ข้าคิดไว้”ฉีกวนลี่ชื่นชมลี่เจิน ออกนอก
"หญิงผู้หนึ่งที่ยอมแต่งกับองค์ชายที่มีดวงพิฆาตไม่สนใจเสียงร่ำลืออีกทั้งพยายามฉุดดึงและสร้างองค์ชายที่แข็งแกร่งยอมทนลำบากเพื่อรอวันที่สวยงามวันที่ฟ้าสดใส แต่เมื่อวันนั้นมาถึงกลับต้องถูกปล่อยให้เดียวดายในตำแหน่งที่สูงส่ง"องครักษ์วิ่งเข้ามาข้างใน"ฝ่าบาทไท่จือเฟยเป็นลมหมดสติ อยู่ข้างๆ ที่ไท่จือคุกเข่าอยู่"ฉีกวนลี่ลุกขึ้นยืน ฝานกงกงถลาออกไปด้านนอกพบลี่หยางกำลังเขย่าร่างไร้สติของหว่านหนิง ปากก็ร้องเรียกหาหมอหลวง หยาดฝนยังโปรยปรายไม่หยุดลี่หยางและหว่านหนิงเปียกปอนร่มที่ถือมาถูกกางกันฝนให้ลี่หยางแต่ตัวเองยอมเปียกฝน ลี่หยางพยายามจะลุกขึ้นยืนทั้งที่ปวดหัวเข่าเพราะคุกเข่าอยู่เสียนาน"พาไท่จือเฟยเข้าไปข้างในตำหนักก่อน"ฉีกวนลี่พูดขึ้นดังๆ ลี่หยางมองสบตาฉีกวนลี่สายตาเจ็บซ้ำ ฝานกงกงช่วยพยุงทั้งสองคนให้ลุกขึ้นพาเข้าไปด้านใน"ตามหมอหลวง"ฉี่กวนลี่ออกคำสั่งด้วยเสียงอันดังฝานกงกง เตรียมอาภรณ์ชุดใหม่ให้ลี่หยาง"ให้ห้องเครื่องต้มน้ำขิงแล้วนำมาที่นี่ทันที"ตำหนักฮ่องเต้บังเกิดความวุ่นวายไม่น้อย หมอหลวงถือหลวมยาเข้ามา ลี่หยางถลาเข้าไปข้างๆหว่านหนิง"ไท่จือเฟยเป็นอย่างไรบ้าง แล้วลูกของข้าล่ะ"ฉีกวนลี่หันขวั
“ข้า..ข้า..ข้ากำลังจะเป็นพ่อเจ้าได้ยินไหม ลูกของเรา”หว่านหนิงยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นลูบที่ท้องอย่างทะนุถนอมตอนที่55ยอม"เจ้าเป็นสิ่งมีค่าที่สุดเท่าที่ข้าเคยมีบัดนี้กับให้สิ่งมีค่าที่สุดแกข้าเพิ่มเติม อย่างนี้จะไม่ให้รักเจ้าได้อย่างไร"กอดประคองหว่านหนิงแน่น"ท่านพี่ท่านกับลูกก็คือสิ่งเดียวที่ข้าหวงแหนที่สุด"ลี่หยางกลับพูดน้อยลงกว่าเดิม เขามีเรื่องให้ทำมากมายแต่รอยยิ้มกลับเพิ่มมากขึ้น เฝ้ามองหว่านหนิงทุกอย่างก้าว จะนั่งหรือเดินต้องคอยประคอง ดังกลัวว่าจะหกล้ม“กุ้ยอิงกับอิงไถต่อแต่นี้อย่าให้ไท่จือเฟยทำงานใดใดในตำหนักร้อยดาว พวกเจ้าต้องมั่นดูแลอย่าให้ไท่จือเฟยต้องลงมือทำสิ่งใดไม่อย่างนั้นข้าคงต้องสั่งลงโทษเจ้าทั้งสอง อีกไม่นานข้าจะหานางกำนัลที่ไว้ใจได้สักหลายคนหน่อยมาคอยดูแล ไท่จือเฟย”หว่านหนิงยิ้ม“ข้าให้หมอหลวงส่งยาบำรุงที่ดีที่สุดมาที่ตำหนักร้อยดาวข้าตั้งใจเคี่ยวยาให้เจ้าด้วยตัวเอง”“ท่านพี่จะทรงลำบากไปไย”“เพื่อเจ้า เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ เมื่อเทียบกับสิ่งที่เจ้าทำเพื่อข้าอีกทั้งยังอุ้มท้องลูกของข้า ทนลำบากอยู่หลายเดือนเรื่องที่ข้าทำจึงถือว่าเล็กน้อยเหลือเกิน”"อีกอย่างข้าเห็นท่าน หาซื้อผ
“องค์ชายน้อยอยู่ในครรภ์ของเจ้าแล้วตอนนี้ ข้าจะทูลให้เสด็จพ่อยกเลิกกฎการมีชายารองและแต่งตั้งสนมมากมายให้เกิดเรื่องวุ่นวายเหมือนที่ผ่านมาเสียที”หว่านหนิงซุกหน้าลงบนอกกว้างที่บัดนี้กับอบอุ่นมิได้เย็นชาเหมือนที่ผ่านมา อ้อมกอดที่กระชับแน่นทั้งคืนไม่เขินอายหรือแอบประคองกอดเหมือนเมื่อครั้งแต่งเข้าตำหนักร้อยดาวใหม่ๆ“หว่านหนิงไม่ขอสิ่งใดขอเพียงได้เคียงข้างเช่นนี้ทุกค่ำคืน” หว่านหนิงตกใจใน คำพูดของตัวเองไม่น้อย ก่อนหน้านั้นยังคิดว่าการแต่งเข้าตำหนักร้อยดาวเป็นการตกนรกหรือไร แต่มาวันนี้กลับรู้สึกว่าตำหนักร้อยดาวแห่งนี้เป็นดั่งสวรรค์ เมื่อมีลี่หยางประคองกอดอยู่อย่างนี้ทุกค่ำคืนทั้งคืนหว่านหนิงสวมเสื้อคุลมมังกรสีน้ำเงินเข้มให้ลี่หยาง ใบหน้าหล่อเหลาช่างดูเหมาะกับเสื้อคลุมมังกรเหลือเกิน เหล่าขุนนางราชสำนักคุกเข่าส่งเสียงแซ่ซ้องสรรเสริญ“ไท่จือทรงพระเจริญ พันปี”หว่านหนิงยิ้มอย่างเป็นสุข ลี่หยางหันสบตากับหว่านหนิง ส่งยิ้มกว้างกว่าทุกครั้งที่หว่านหนิงเคยเห็นมา“เจ้าคิดว่าได้อย่างนั้นหรือ การที่เจ้าจะตัดสินใจสิ่งใดโดยใช้ความรู้สึกของตัวเองตัดสิน”“เสด็จพ่อ ฝ่าบาทลูกเห็นทีจะ ขอสละตำแหน่งไท่จือ”หว่านหนิ
“สวีเยียน เชื่อข้าเถอะ ลี่จางคือลูกของเราเป็นเจ้าสิบสี่ เจ้าคิดหรือว่าหากเขาไม่ใช่ลูกข้าข้ายังจะให้เขามีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้หรือ ข้าไม่ไว้ใจเจ้าแต่ทว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ เลือดของเจ้าสิบสี่ถูกนำมาพิสูจน์ความเป็นพ่อลูกกับข้าตั้งแต่ลืมตามาดูโลกคิดหรือไรว่าหากข้ารู้ว่าเขาไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของข้าแล้วเขาจะมีชีวิตยืนยาวเพียงนี้”ลี่จางทรุดกายลงกับพื้นก้มหน้าร้องไห้เหมือนคนเสียสติ เสียงร้องโหยหวน ด้วยดวงใจที่แหลกสลาย ลี่เจินเข้าไปพยุงแต่ลี่จางกลับสะบัดตัวหนี ภาพตรงหน้า สะเทือนใจไม่น้อย ฮองเฮาสวีเยียนเองก็ไม่ต่างจากลี่จาง ทรุดกายลงกับพื้นหมดเรี่ยวแรงดวงตาเหม่อลอยพร่ำพูดแต่คำพูดเดิมๆ“ไม่จริง ไม่จริง ไม่ใช่ ไม่จริง”น้ำตาไหลนองเต็มตาแต่ปราศจากเสียงสะอื้นฉีกวนลี่หลับตาลงช้าช้าไล่หยาดน้ำตา ให้ไหลคืนลงในอกกล้ำกลืนอย่างที่สุด หากจะโทษใครสักคน ให้โทษตัวเขาที่มีใจเดียวรักมั่นแต่จินเฟยคนเดียวไม่มีสายตาไว้มองใคร ความรักนั้นยังถูกถ่ายทอดไปยังลี่หยางรักเขายิ่งแแก้วตาทำทุกวิถีทางให้ลี่หยางรอดพ้นเงื้อมมือฮองเฮา แม้จะแสร้งไม่รักแต่กลับซ่อนไม่มิด หันมองลี่หยาง ที่จับตัวหวานหนิงมาสำรวจว่าบาดเจ็บตรงไหนห
“555 ฉีกวนลี่ผู้นี้ ปกป้องใครได้กัน แม้แต่สนมที่รักอย่างเช่นแม่ของเจ้ายังถูกแม่ข้าฮองเฮาส่งคนฆ่าวางเพลิง แม้จะเรียกตัวเองว่าพ่อแต่ปกป้องใครได้กัน เจ้าเองก็รู้ดีนี่ลี่หยางตลอดเวลาเขาเคยปกป้องเจ้าหรือไร”ฉีกวนลี่กัดฟันแน่น ทั้งๆ ที่ระแคะระคายมาบ้างแล้วว่าฮองเฮาเป็นคนส่งคนไปลอบสังหารสนมจินเฟยแต่ครั้งนี้ได้ยินกับหูจึงเกือบระงับความแค้นเคืองไว้ไม่ได้“ความผิดของข้าอย่างเดียว คือปล่อยให้เจ้าสองคนแม่ลูกมีชีวิต อยู่เสียนานคิดว่า อาจจะกลับตัวกลับใจได้”“ข้าเคยบอกแล้วว่าเป็นเพราะท่านฉีกวนลี่ ข้าเคยรักเคยเทิดทูนท่าน เหมือนที่ลูกพึงจะกระทำ หากท่านใส่ใจเราสองคนแม่ลูกสักนิดไม่เฉยชา เราสองคนอาจจะดีกับท่านอย่างจริงใจ”“จะให้ข้าดีกับพวกเจ้าอย่างจริงใจทั้งๆ ที่รู้ว่าฮองเฮาผิดต่อข้าเช่นนั้นหรือ”“เสด็จแม่จะไม่ผิดต่อท่าน หากท่านไม่มัวแต่อาลัยอาวรณ์คร่ำควรญกับการจากไปของสนมจินเฟย เสด็จแม่บอกว่าหัวใจของท่านอยู่ที่สนมจินเฟย ลี่หยางเป็นดั่งแก้วตาในเมื่ออยากให้ท่านตายคงต้องสังหารหัวใจและแก้วตาของท่านเสีย”“ทหารจับพวกมันไปขังไว้พรุ่งนี้ประหารเสียพร้อมกันให้หมด”องครักษ์นับรอยล้อม ลี่หยางและหว่านหนิงที่หันหลังชนกั
“ละทิ้งความโกรธเกลียดไม่ได้ เจ้าจะมีความสุขได้เช่นไร”“ฝ่าบาทเดิมทีตำแหน่งฮองเฮาต้องได้ความรักมากกว่าผู้ใด แต่ฝ่าบาทกลับละเลยมอบความรักให้แต่จินเฟยเพียงคนเดียว แล้วจะให้สวีเยียนยิ้มและเป็นสุขได้อีกหรือ เช่นนั้นข้าจำต้องหาความสุขเพียงลำพัง”กระซิบเบาๆ ข้างหูหัวหน้าขันทีออกมายืนด้านหน้า ตรงช่องทางเดินที่สองข้างขนาบซ้ายขวาด้วยเหล่าขุนนาง“พิธีเริ่มได้….”ฉีกวนลี่เชิดหน้านั่งตัวตรง“บัดนี้ถึงเวลา ข้าฉีกวนลี่จะประกาศอาณัติจากสวรรค์ แม้จะรวดเร็วไปบ้างแต่เมื่อเป็นลิขิตจากสวรรค์จึงไม่อาจทัดทาน”เหล่าขุนนางต่างซุบซิบบ้างก็สงสัยว่ามีเรื่องใดกันที่เป็นอาณัติสวรรค์บ้างก็บอกเล่าสิ่งที่ระแคะระคายมาเมื่อไม่นานมานี้นอกกำแพงเมือง ลี่เจินและฝานกงกง ยืนอยู่หน้าประตูวัง และทหารที่ติดตามหลายร้อยคนเสียงอื้ออึงโกลาหล กระบี่ในมือปัดป้องลูกดอกที่ถูกยิงลงมาจากกำแพงเมือง ทหารหลายนายกำลังใช้เครื่องทุ่นแรงกระทุ้งบานประตูใหญ่ให้เปิดออก การบาดเจ็บล้มตายหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ทหารแปดกองธงหาได้มีแค่เพียงหยิบมือจำนวนมากมายคณานับกองหน้าล้มตายก็มีกองหนุนเข้ามาเสริม เลือดไหลนองพื้นดั่งสายน้ำสวีถงนำองครักษ์เสื้อแพรช่วยกันต้า