ทันใดนั้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่ไทร์ ซัมเมอร์ เจคอบตัวสั่นและรีบเรียกตามหลังของไทร์ ซัมเมอร์ ทันที “นายกำลังจะทำอะไรไทร์ ซัมเมอร์? นายเป็นบ้าเหรอ?”สตีเฟน โคล และ พอล โคล ต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน“ไอ้ขี้ขลาดไร้ประโยชน์ นายกำลังจะทำอะไร? พวกเขากำลังเรียกหามิสเตอร์ ซัมเมอร์ ไม่ใช่นาย กลับมาที่นี่เดี๋ยวนี้”แม้ว่าสตีเฟน โคลและพอล โคลจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าไทร์ ซัมเมอร์ แต่พวกเขาก็ไม่ต้องการให้ไทร์ตายโดยเปล่าประโยชน์แต่ทว่า ไทร์ ซัมเมอร์ ไม่สนใจคำพูดของพวกเขาและยังคงเดินไปข้างหน้าถึงเวลานั้น ทุกคนในห้องรับรอง ก็เริ่มพูดคุยกันอย่างเผ็ดร้อน พวกเขาตอบสนองในลักษณะเดียวกับที่ สตีเฟน โคลและมาร์คัส คอลลินส์ทำในครั้งแรกเมื่อเขาพบไทร์ ซัมเมอร์ เมื่อผู้คนเห็นว่าเขามีร่างกายที่บางและใบหน้าที่มีเสน่ห์ พวกเขาเริ่มดูถูก“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร? เขาขึ้นไปที่นั่นเพื่ออะไร?”"นั่นสิ หรือเขาจะเป็นมิสเตอร์ ซัมเมอร์? ล้อกันเล่นใช่ไหม?” “ดูจากร่างกายของเขาแล้ว เขาอาจจะไม่สามารถต้านทานการจู่โจมของเจค มอร์ริสได้แม้แต่ครั้งเดียว”ไทร์ ซัมเมอร์ ไม่ตอบสนองต่อความคิดเห็นที่เฉียบขาดจากผู้คนรอบตัวเขาในไม่ช้าเขาก็เด
อันที่จริง เจค มอร์ริสมีพลังมาก ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือความแข็งแกร่ง เขาได้มาถึงระดับความเชี่ยวชาญขั้นสูงสุดแล้ว แต่ทว่า โชคไม่ดีที่ไทร์ ซัมเมอร์เป็นคู่ต่อสู้ของเขาไทร์ ซัมเมอร์ คือไอ้โรคจิตบ้าคลั่งของแท้!"ช้าเกินไป!" ไทร์ ซัมเมอร์พ่นลมออกมาเบา ๆแม้จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ แต่เจค มอร์ริส ก็ยังเรียกได้ว่า ช้าเกินไปสำหรับไทร์ ซัมเมอร์ไทร์ ซัมเมอร์คว้าเจค มอร์ริสด้วยข้อนิ้วของเขาแล้วบิดแรงด้วยมือข้างเดียว แคร็ก! เช่นเดียวกับที่เจค มอร์ริสหักแขนของเฮคเตอร์ วอร์ด ในก่อนหน้านี้ ข้อมือของเจคแตกออกเป็นสองส่วน ในขณะที่กระดูกของเขามองเห็นได้บางส่วน ก่อนที่เจค มอร์ริสจะตอบสนอง มือที่ว่างของไทร์ ซัมเมอร์ก็ซัดเข้าไหล่ของเจค มอร์ริสแคร็ก!เจครู้สึกราวกับว่ากระแสไฟฟ้าไหลผ่านข้อมือไปถึงหัวไหล่ของเขา หลังจากเสี้ยววินาที เขาก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วแขนกระดูกทั้งหมดในแขนของเขาถูกบดขยี้!อ๊าก!เจค มอร์ริสร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่จุดจบของความทุกข์ทรมานของเขาไทร์ ซัมเมอร์ดึงแขนที่หักของเจค ต่อกลับเข้าไป ก่อนที่จะเหวี่ยงเขาด้วยกำลังเต็มที่ ขึ้นเหนือศีรษะขอ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” พอล โคลหัวเราะออกมาด้วยเสียงอันดังในตอนนั้นในขณะเดียวกันสตีเฟน โคลและเจคอบ ซีก็รีบพยักหน้าตอบรับเนื่องจากไทร์ ซัมเมอร์ต้องการเก็บเป็นความลับระหว่างลูกผู้ชาย แน่นอนว่า พอล โคลและคนอื่น ๆ ก็จะทำตามที่เขาต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองเทศกาลแข่งเรือมังกร ครอบครัวโคลเตรียมงานฉลองในตอนเย็น ที่โต๊ะอาหารสตีเฟนโคลและพอล โคลได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่พวกเขามีต่อไทร์ ซัมเมอร์ โดยสิ้นเชิง แทนที่จะเรียกไทร์ ซัมเมอร์ว่าเป็นคนขี้ขลาดไร้ประโยชน์ สตีเฟน โคลปฏิบัติต่อ ไทค์ ซัมเมอร์อย่างสุภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเห็นได้ชัดว่าสตีเฟน โคลยกย่องไทร์ ซัมเมอร์ด้วยความเคารพในระดับใหม่ในขณะเดียวกัน อารมณ์ของพอล โคลดูเหมือนจะดีขึ้นเป็นอย่างมาก ตลอดมื้ออาหาร เขาไม่หยุดที่จะตักอาหารให้ไทร์ซัมเมอร์เลย อันที่จริง พอล โคลพูดถึงไทร์ ซัมเมอร์ซ้ำ ๆ ว่าเป็นหลานเขยของเขาคริสติน, วินนี่เฟรด ซี และคนอื่น ๆ ต่างก็งุนงงกับเหตุการณ์นี้ เหตุใด เหล่าผู้ชายในครอบครัวจึงเปลี่ยนวิธีที่พวกเขาปฏิบัติต่อไทร์ ซัมเมอร์โดยสิ้นเชิง? แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกสับสน แต่คริสตินและคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ถามคำถามใ
หลังจากการหมุนสามครั้ง แลนด์โรเวอร์ก็ชนเข้ากับต้นไม้ใกล้ ๆ เพอร์รี่และชายชุดดำปีนออกจากรถโดยที่ศีรษะเต็มไปด้วยเลือดและดูเละเทะ ส่วนคนขับเสียชีวิตทันทีในความมืดมิดของราตรี ภาพเงาของชายผู้หนึ่ง ดูเหมือนเทพเจ้าแห่งความตายได้เดินเข้ามา ขณะที่เขามองดูสภาพที่ทรุดโทรมของเพอร์รี่ ริมฝีปากของเขาก็โค้งเป็นรอยยิ้มที่แปลกประหลาด ชายผู้นี้คือไทร์ ซัมเมอร์“เพอร์รี่ ดูนายสิ นายลืมสิ่งที่ฉันพูดอีกแล้ว นายอยู่บ้านรอให้ฉันไปฆ่านายอย่างเชื่อฟังดีกว่าไหม ทำไมนายต้องทำให้มันยากขึ้น? ในตอนนี้…นายกลัวความตายรึยัง?”เส้นเลือดบนหน้าผากของเพอร์รี่แตกออก ในขณะนั้นเขารู้สึกเหมือนกำลังมองดูผีมารชั่วร้าย ในขณะที่เขามองดูไทร์“ฆ่ามัน!” เพอร์รี่คำราม และชายที่อยู่ข้าง ๆ ของเขาก็ลุกขึ้นทันทีชายคนนั้นเดินไปหาไทร์ ขณะที่มือของเขาคลำหาเสื้อคลุมเพื่อดึงปืนออกมา และชี้ปากกระบอกปืนไปที่ไทร์ แล้วเหนี่ยวไกโดยไม่ลังเลปัง!ปืนติดตั้งเครื่องเก็บเสียง ดังนั้นเสียงจึงไม่ชัดเจน แต่มีควันจากปากกระบอกปืนไทร์โน้มตัวลงมาเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าเป็นทักษะหรือโชค แต่กระสุนนั้นไม่โดนไทร์แม้แต่น้อย ชายชุดดำไม่มีโอกาสได้ยิงอีกนัด
เห็นได้ชัดว่าลิลี่และเจเรด ไม่ใจดีพอที่จะรอครอบครัวของวินนี่เฟรดที่นี่ เพื่อที่พวกเขาจะให้บ๊ะจ่าง ณ ตอนนี้ ไอริสถูกควบคุมตัวในข้อหาลักทรัพย์ในเชิงพาณิชย์ และเธออาจจะต้องเผชิญกับการฟ้องร้องจากทั้งกุชชี่และศูนย์กลางเมือง องค์กรเหล่านี้ไม่ควรได้รับการดูถูก นอกจากกุชชี่ที่มีเพียงบุคคลสำคัญในศูนย์กลางเมืองแล้ว คนใดคนหนึ่งก็สามารถบดขยี้ตระกูลซีได้ถ้าหากพวกเขาตั้งใจจะฟ้องไอริสจริง ๆ หญิงคนนี้อาจได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากเรื่องอื้อฉาวระหว่างการแข่งขันออกแบบแฟชั่น ทำให้ตระกูลซี ต้องอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เมื่อชื่อเสียงของพวกเขาถูกทำลาย ผู้ร่วมงานทางธุรกิจหลายคน ได้ยกเลิกการติดต่อกับพวกเขา ยี่สิบล้านที่พวกเขากู้มาจากธนาคารก่อนหน้านี้ มันไม่สามารถแก้ไขปัญหาใด ๆ ได้อีกต่อไป ตระกูล ซีเหมือนกำลังยืนอยู่บนน้ำแข็งแผ่นบาง ๆ ทุกคนในตระกูล ซี มีอุปสรรค์ในการพยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยซีกรุ๊ปให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ในช่วงเวลาอันเลวร้ายนี้ ใครจะมีความคิดที่จะให้ความสนใจกับไอริสบ้าง? ยิ่งไปกว่านั้น ที่ตระกูล ซีต้องจบลงเช่นนี้ก็เพราะไอริส ดังนั้นลิลี่และเจเรดจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องยอมอ้อนว
ฮิลารีเริ่มได้ใจมากขึ้นเมื่อเธอพูด ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยคำว่า 'เย่อหยิ่ง' “วินนี่เฟรด เธอต้องเคยได้ยินชื่อของ 'หัตถ์แห่งพระเจ้า' ที่จะมาปรากฏตัวในการแข่งขันครั้งนี้ มันน่าทึ่งจริง ๆ ที่ใครบางคนบนโลกใบนี้ สามารถออกแบบงานศิลปะอันศักดิ์สิทธิ์เช่น 'ออทัมน์ ฟิลด์' ได้ กุชชี่ได้ส่งฉันมาดูแลธุรกิจที่นี่โดยเฉพาะ นอกจากนี้ คุณมิคาเอลยังมอบความไว้วางใจให้ฉันเป็นตัวแทนของกุชชี่ ในการประสานงานและทำงานร่วมกับ หัตถ์แห่งพระเจ้า พูดแล้วก็อดคิดไม่ได้ มันน่าตื่นเต้นมาก หัตถ์แห่งพระเจ้า ผู้นั้นจะต้องยอดเยี่ยมจริง ๆ มันน่าอิจฉาใช่ไหมวินนี่เฟรด?”วินนี่เฟรดและไทร์ตกตะลึง ฮิลารี ไวท์ เธอให้ความเคารพ หัตถ์แห่งพระเจ้าขนาดนั้นเลยเหรอ? แต่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหัตถ์แห่งพระเจ้า นั่งอยู่ตรงหน้าของเธอไทร์หัวเราะ “กุชชี่มอบงานสำคัญให้เธอ แต่เธอไม่ได้ศึกษาภูมิหลังและประวัติของ หัตถ์แห่งพระเจ้าเลยใช่ไหม?”ฮิลารียิ้ม “แน่นอนสิ ฉันมีแฟ้มของเขาแต่ฉันตั้งใจที่จะไม่อ่าน ฉันอยากให้เขามาเซอร์ไพรส์ฉัน เพราะฉันจะได้เจอเขาในเร็ว ๆ นี้ ฉันคิดว่าเขาต้องเป็นผู้ใหญ่ที่แน่วแน่ มีความสามารถ และร่ำรวย เป็นชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบ”ไ
ในขณะนั้น มิคาเอลกำลังเดินเข้าไปในเลานจ์ของร้านอาหารมิชลินสตาร์ เขามาเร็วกว่ากำหนดสิบห้านาที เพื่อการแสดงความเคารพต่อครอบครัวของวินนี่เฟรด อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคาดหวังว่า วินนี่เฟรดและไทร์ จะมาถึงก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง นี่คงเป็นคำพูดที่ว่า ความเคารพระหว่างมนุษย์นั้นควรจะมีร่วมกัน เมื่อคุณให้หนึ่งนิ้ว คุณจะได้รับคืนเป็นไมล์ เมื่อเห็นมิคาเอลเข้ามา ฮิลารีที่กำลังเลียนแบบชนชั้นสูงชาวตะวันตกในขณะที่เธอหมุนแก้วไวน์ของเธอ เธอก็ลุกขึ้นยืนทันที แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก... เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นอย่างเร่งรีบ ฮิลารียืดหลังตรง เพื่อแสดงความสง่างามของผู้หญิงที่เย้ายวน เธอเคยพยายามยั่วยวนมิคาเอลมาก่อน แต่แล้วเธอก็ได้รู้ว่า เขาเป็นผู้ชายซื่อบื้อและไม่สนใจใคร ดังนั้น ฮิลารีจึงหาความก้าวหน้าของเธอจากผู้บริหารคนอื่น ๆ ของกุชชี่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอยอมแพ้ต่อมิคาเอล! "มิสเตอร์ มิคาเอล คุณอยู่ที่นี่แล้ว!” ฮิลารีเดินไปหามิคาเอลและทักทายเขาด้วยภาษาสเปนที่คล่องแคล่วของเธอ อย่างไรก็ตาม ทัศนคติของมิคาเอลที่มีต่อฮิลารีนั้นไม่ดีนัก เขาไม่คิดที่จะแยแสเธอแม้แต่น้อย เขาเพียงพยักหน้าตอบรับ ในวัยของมิคาเอ
นับตั้งแต่การแข่งขันออกแบบแฟชั่นในครั้งนั้น วินนี่เฟรด ซี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยขี้ขลาดและมีเมตตาต่อทุกคนได้กลายเป็นอดีตไปแล้ววินนี่เฟรดลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง จิตใจของเธอชัดเจนขึ้นแล้ว และเธอได้รู้ว่า การแสดงความเมตตาต่อผู้อื่นหมายถึงการโหดร้ายต่อตัวเองเธอไม่พอใจฮิลารี ไวท์อย่างยิ่ง ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงเลวทราม ที่ฉวยโอกาสการไปเรียนต่อต่างประเทศจากเธอ ด้วยกลอุบายที่อันต่ำทราม และยังกลับมาพร้อมการดูถูกเหยียดหยามและเยาะเย้ยเธอจากเหตุการณ์ในตอนนั้น ถึงคราวของวินนี่เฟรดที่จะให้ฮิลารีได้ลิ้มรสของความเจ็บปวดบ้าง"มิสเตอร์ มิคาเอล ฉันมีเรื่องจะบอกคุณ” วินนี่เฟรดหันไปหามิคาเอลและพูดอย่างเคร่งขรึม มิคาเอลสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “บอกมาได้เลย มิสซี” “วินิ...มิส ซี...” ฮิลารีตื่นตระหนกและรีบเรียกวินนี่เฟรดทันทีวินนี่เฟรดซึ่งกำลังจะพูดขึ้นก็หยุดชะงัก เธอรู้สึกลังเลเล็กน้อยอย่างไรก็ตาม ไทร์ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหว เขาจึงพูดต่อทันที “มิสเตอร์มิคาเอล ตัวแทนจากกุชชี่ผู้นี้ มีบุคลิกที่แย่มาก”มิคาเอลรีบตอบกลับ “มิสเตอร์ซัมเมอร์ เชิญพูดต่อเลย”ใบหน้าของฮิลา