“ไปอาบน้ำซะ ฉันจะโทรไปสั่งให้คนเอาอาหารที่บ้านใหญ่มาส่ง”
ชายหนุ่มเหมือนจะนั่งลงปลายเตียง นิชาดาไม่ได้มองเขา แต่ก็ลุกขึ้นเงียบๆ ไม่อยากทำตัวเรื่องมากหรืออ่อนแอต่อหน้าอีกฝ่าย หากก็ไม่ลืมใช้ผ้าห่มห่อตัวเดินเก็บเสื้อผ้าของตนทั้งที่ขาสั่นอ่อนแรงราวจะยืนไม่อยู่แต่ก็ฝืนพาตัวเองก้าวต่อไป
สายตาคมเข้มของคนที่กำลังกดมือถือมองตามหญิงสาวที่เข้าห้องน้ำไปโดยไม่พูดไม่จา ทั้งไม่มีทีท่าว่าจะร้องไห้คร่ำครวญแล้วก็ถอนหายใจ
‘ใจแข็งกว่าที่คิด แต่ก็ดี เพราะฉันปลอบใครไม่เป็น’
และแน่นอนว่าธีรดนย์ไม่คิดว่าต้องปลอบใจลูกหนี้ของตน แต่เขาก็ผ่อนปรนให้นิชาดาไม่น้อยเลย
‘ใครจะไปคิดว่าเด็กนี่จะรอดมาได้จนเกือบจะสามสิบ’
ธีรดนย์รู้ว่านิชาดาอายุยี่สิบเก้าปีแล้ว น้อยกว่าเขากับนภนต์หกปี เพราะเพื่อนตนรักน้องสาวมากและมักพูดถึงให้เขาฟังบ่อยครั้ง ทั้งเขายังเคยไปรับอีกฝ่ายที่บ้านครั้งหนึ่ง และได้เห็นสาวน้อยนิชาดาในชุดนักเรียนมัธยมปลายซ้อนมอเตอร์ไซค์ผู้ชายกลับบ้าน ในตอนนั้นเขานั่งรอพี่ชายของเธออยู่ในรถ
‘ไอ้หนุ่มนั่นมันก็ดูไม่ธรรมดา ไม่อยากเชื่อว่าจะปล่อยสาวน้อยหน้าหวานหลุดมือ’
เขาคิดในใจพลางยักไหล่ ก็ดีเหมือนกันเพราะกลายเป็นเขาที่จะได้ครอบครองนิชาดาโดยไม่เคยผ่านผู้ชายคนไหนมาก่อน ในเมื่อเธอจะเป็นเมียของเขา ทั้งที่ไม่เคยใส่ใจเรื่องนี้เลยเพราะตนมองผู้หญิงที่ความพอใจมากกว่าเป็นอย่างแรกไม่เกี่ยวกับความผุดผ่อง แต่ได้รู้แล้วก็ใจเต้นแปลกๆ ราวตื่นเต้นขึ้นมาเสียได้
‘ก็เคยผ่านสาวใสมาแล้วไม่น้อย ทำไมต้องตื่นเต้นวะไอ้ดนย์’
นิชาดาใช้เวลาในห้องน้ำนาน ล้างเนื้อตัวไปพร้อมน้ำตาที่ไหลไม่หยุด ยังรู้สึกได้ถึงร่างกายที่ถูกล่วงเกินแม้เล็กน้อยแต่เป็นแผลฝังลึกอยู่ในใจ สุดท้ายก็นั่งทรุดกอดเข่าซบหน้าร้องไห้ใต้สายน้ำที่พร่างพรมจากฝักบัวอยู่อย่างนั้น ไม่อยากก้าวออกไปด้านนอก ไม่อยากเผชิญหน้ากับผู้ที่แตะต้องตนเองอย่างไร้ความรู้สึก
ถึงจะไม่ถูกทำร้ายรุนแรง ทว่าเป็นการแตะต้องในพื้นที่สุดสงวน นิชาดาไม่อาจกล่าวโทษอีกฝ่ายได้เต็มปากเพราะเธอต้องชดใช้หนี้ เธอไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ แต่ยอมจำนนต่อหนี้สินที่หามาคืนชายหนุ่มไม่ได้ต่างหาก
ความอับจนหนทางทำให้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะต่อว่าด่าทอผู้ที่เร่งรัดตนอย่างเอาแต่ใจก็พูดไม่ออก ได้แต่เก็บกดความเจ็บช้ำไว้กับตัวเองเพียงคนเดียว
‘อดทนไว้หมอก พี่เมฆทำเพื่อเธอมามากแล้ว’
นิชาดาร้องไห้ให้ตัวเองปลดปล่อยอย่างเต็มที่ การร้องไห้คนเดียวในวันที่อ่อนล้าไม่ใช่เรื่องเสียหาย ได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นออกมาแล้วหลังจากนั้นสภาพจิตใจจะค่อยๆ ดีขึ้น แม้จะไม่ทันทีแต่ก็มีเพียงตอนนี้ที่เธอจะสามารถให้เวลากับตัวเองได้
ก๊อกๆๆ
ทว่าเหมือนชายหนุ่มจะไม่ให้เวลาเธอ นอกจากเสียงเคาะแล้วเสียงเข้มก็ดังตามมา
“ทำอะไรในนั้นตั้งนานสองนาน ออกมาได้แล้ว ฉันหิว”
“หิวนายก็กินไปสิ”
เธอตะโกนออกไปทั้งที่เสียงเครือพร่าด้วยความหงุดหงิด แค่อยากมีเวลาส่วนตัวก็ไม่ได้หรืออย่างไร
“ฉันไม่หิว”
“ออกมาเดี๋ยวนี้นะหมอก”
ชายหนุ่มเรียกชื่อเธอทำให้นิชาดาชะงัก แต่น้ำเสียงดุนั้นกลับทำเอาหน้างอ นั่งนิ่งไม่ตอบและไม่คิดจะออกไป
“เธอคิดว่าฉันจะเข้าไปไม่ได้หรือไง”
ฟังจากเสียงแล้วก็รู้ว่าธีรดนย์ไม่พอใจ แรกทีเดียวหญิงสาวไม่ใส่ใจทว่าประโยคต่อมาทำให้ลังเล
“ถ้าฉันเข้าไปเธอจะไม่ได้ออกมาง่ายๆ หรอกนะ”
ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตามองประตูห้องน้ำอย่างประเมิน ดูไปแล้วเหมือนจะไม่พังง่ายๆ หากเขาพังเข้ามา แต่อีกฝ่ายอาจมีกุญแจลูกบิด สุดท้ายก็ปาดน้ำตาลวกๆ ด้วยความขุ่นใจแล้วรีบใส่เสื้อผ้าของตนพร้อมกับเริ่มได้ยินเสียงไขกุญแจ เธอจึงเปิดประตูออกไป
ชายหนุ่มกวาดตามองคนตัวเล็กที่ดูเหมือนลูกหมาตกน้ำแวบหนึ่งพลางโยนกุญแจในมือและขยับมุมปากยิ้มหยัน
“ฉันยินดีกินข้าวช้าหน่อย แล้วกินเธอก่อนนะ”
“คนบ้ากาม”
มือบางผลักอกกว้างทว่าเขาไม่ขยับ สองหนุ่มสาวยืนจ้องตากันอย่างไม่ลดละเพราะนิชาดาทั้งเคืองทั้งโกรธอีกฝ่ายจนลืมความเกรงกลัวเขาแล้ว อย่างไรก็ถูกก้ำเกินไปแล้ว แม้เล็กน้อยแต่สำหรับเธอก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว เธอจะทำตามที่เธอพอใจ
“พูดอะไรจำไว้ด้วยนะ เดี๋ยวจดทะเบียนแล้ว ฉันบ้าจริงๆ จะได้ไม่น้ำหูน้ำตาร่วงห้ามฉันอีก”
“ฉันไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย”
“เหรอ เก่งนี่ งั้นมาลองอีกทีไหม”
พร้อมคำพูดแขนกำยำก็รวบเอวเล็กดึงร่างอรชรมาชิดตนเอง มือบางจึงรีบยันแผงอกหนาไว้ไม่ให้เบียดกับตนเอง จากนั้นธีรดนย์ก็รั้งหญิงสาวให้เดินไปพร้อมกันเพราะแค่ขู่อีกฝ่าย ขณะที่เจ้าตัวพยายามสะบัดตัวออกจากแขนเขา
“จะสะบัดสะบิ้งไปทำไม ฉันช่วยพยุงก็ดีแล้ว รู้นะว่าเธอขาอ่อนน่ะ”
นิชาดาได้แต่ถอนหายใจอย่างโมโห ไม่คิดว่าเขาจะทันสังเกตเห็นว่าเธอเดินค่อนข้างช้าตอนไปเข้าห้องน้ำ และก็จำต้องเดินเคียงข้างร่างสูงใหญ่ออกไปด้านนอกราวคู่รักหวานแหวว เห็นว่ามีคนกำลังจัดอาหารอยู่ตรงมุมโต๊ะกินข้าวเล็กๆ ขนาดสี่ที่นั่ง หญิงสาวขยับตัวจะให้ห่างจากธีรดนย์ทว่าอีกฝ่ายยังเกี่ยวเอวไม่ยอมปล่อย
“เสร็จแล้วครับนาย”
คนที่จัดโต๊ะเป็นชายหนุ่มดูเหมือนอายุไล่เลี่ยกับเธอหรือมากกว่าไม่กี่ปี เขาเหลือบมองเธอแวบหนึ่งแล้วสบตากับนายหนุ่มของไร่ด้วยแววตาแพรวพราว
“อืม ไม่ต้องรอเก็บของกลับเหมือนทุกวันหรอก”
“ครับนาย”
พร้อมกับรับคำเจ้าตัวก็อมยิ้มไปด้วย นั่นทำให้นิชาดาหน้าร้อนด้วยความอาย ทว่าถูกธีรดนย์ดันให้ไปนั่งลงยังเก้าอี้ตัวหนึ่ง ส่วนเขาไปนั่งหัวโต๊ะใกล้ๆ ขณะที่หนุ่มรูปร่างสันทัดออกไปจากบ้านหลังเล็กทันใดราวไม่อยากอยู่เป็นส่วนเกิน
“กินให้อิ่ม เผื่อคืนนี้เธอโอเค จะได้มีแรง”
คำบอกของอีกฝ่ายทำเอานิชาดาแทบไม่อยากจับช้อนตักข้าว
“ยัง”
เสียงแผ่วเบาพร้อมดวงหน้าสวยที่ก้มนิดๆ ทำให้คนที่เริ่มลงมือกินอาหารเหลือบมองเล็กน้อย
“แล้ว...ฉันต้องอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ”
“งั้นสิ เป็นเมียก็ต้องดูแลผัว ถึงฉันจะบอกว่าให้เวลา แต่เธอก็ต้องอยู่บนเตียงฉัน”
คำตอบเอาแต่ได้ที่แทบไม่ให้โอกาสรอดกับเธอทำให้นิชาดานั่งเฉยไม่ขยับ
“บอกให้กินก็กินเข้าไป หรืออยากให้ผัวป้อนจ๊ะเมียจ๋า”
ดวงตาคู่กลมโตหันมาจ้องเขาตาขุ่น ทำให้ชายหนุ่มยักไหล่
“ว่าไง ถ้าอยากให้ป้อนก็มานั่งตักสิจ๊ะ มามะ”
นิชาดาอยากข่วนหน้ากวนๆ รกๆ นั่นจริงๆ แต่เพราะทำไม่ได้จึงก้มหน้าก้มตากินข้าวแทน อย่างน้อยก็จะไม่เห็นหน้าอีกฝ่ายให้เคืองใจ
“ฉันขอโทรคุยกับกุ๊กได้ไหม”
จบมื้ออาหารนิชาดาก็หาทางเลี่ยงชายหนุ่ม แม้จะรู้แก่ใจว่าหลบหนีได้ไม่นานนักก็ตาม
“เชิญ จัดการเก็บล้างซะด้วย ฉันจะไปอาบน้ำ”
ธีรดนย์สั่งอย่างไม่ใส่ใจนักแล้วเดินจากไป ทว่าอยู่ๆ ก็หยุดและหันกลับมาเตือน
“ถ้าเธอถ่วงเวลาฉันจะมาอุ้มเข้าห้องนอน”
มือบางยกขึ้นกำเพราะอยากทำอะไรสักอย่างกับคนที่หันหลังให้ไปแล้ว หากก็ได้เพียงบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว
“คนอะไร ทั้งบ้ากามทั้งกวนประสาทชะมัด”
======
หมอกก็อยากสู้นะ แต่สู้ไม่ไหว ^-^"
กระเป๋ากับอุปกรณ์ทำงานของเธอมีครบพร้อม ที่ขาดไปคือเสื้อผ้า นิชาดายังอยู่ในชุดเดิมแม้บอกว่าจะคุยกับกัญญาแต่เอาเข้าจริงหญิงสาวก็อายเกินกว่าจะโทรไปบอกเพื่อนร่วมบ้านว่าตนคงไม่กลับ คิดว่าอย่างไรเจ้าตัวคงพอเดาได้อยู่แล้วเธอล้างจานแล้วยังเก็บกวาดเช็ดถูกทุกอย่าง รวมถึงทำความสะอาดภายในห้องรับแขกเล็กด้วย ต้องการทำตัวให้มีงานเพื่อจะไม่เข้าไปในห้องนอน ขณะกำลังถูพื้นก็ต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกโอบจากด้านหลัง“ทำไมชอบทำตัวเป็นเด็กดื้อจังนะเธอ”ไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มมาใกล้ตนเมื่อไร ทั้งยังรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใส่เสื้อ ทำเอาใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มเลยทีเดียว“เหงื่อชุ่มเชียว อาบน้ำอีกรอบละกันนะ”“วะ...ว่าไงนะ”เธอยังมึนงงอยู่ก็ถูกอุ้มขึ้นจนไม้ถูพื้นร่วงหลุดมือ ไม่ทันได้ดิ้นรนชายหนุ่มก็ก้าวยาวๆ พาเข้าห้องนอนมาจนถึงห้องน้ำแล้ว อีกฝ่ายวางเธอลงแล้วเขาก็ปิดประตูห้องน้ำ นิชาดามองด้วยสีหน้าเหวอ ขณะที่เขายื่นมือมาหาเธอจะแกะกระดุมร่างอรชรก็ถอยกรูด“ไม่เอานะ”“มาเถอะน่า ฉันไม่ชอบนอนแบบเหงื่อท่วมๆ”ธีรดนย์ย่างสามขุมเข้าหาคนตัวเล็กอย่างนึกสนุก รู้อยู่หรอกว่าตนทำให้หญิงสาวตระหนก แต่ท่าทางหวาดหวั่นราวหนูน้อ
เพราะกว่าจะหลับก็ดึกมากแล้วทำให้นิชาดารู้สึกตัวช้าในยามเช้า บางอย่างยุกยิกตรงลำคอและต่ำลงมาหน้าอกทำให้ไม่สบายตัว ทว่าเมื่อร่างบางพลิกหนีก็ถูกรั้งกลับและกดไหล่บางทั้งสองข้าง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอลืมตาโพลงเมื่อสติเริ่มเข้าที่เข้าทาง แล้วก็เห็นกลุ่มผมดกหนาตรงหน้าและเสื้อที่กองเหนือเนินทรวง พร้อมสัมผัสอุ่นชื้นที่กลืนกินยอดอกทำเอาวูบวาบจนสะดุ้งเฮือก มือบางก็รีบยกขึ้นดันศีรษะของคนที่รุกรานตัวเองอย่างไม่พอใจ“อย่านะ”เธอพยายามจะขยับตัวหนีแต่ก็ไปไหนไม่ได้“ไหนบอกว่าจะให้เวลาฉัน”“เห็นเธอหลับเพลินในอ้อมกอดฉัน ก็เลยปลุก เดี๋ยวจะสาย”ใบหน้าคมเข้มยอมเงยขึ้นมาคุยด้วยพร้อมดวงตาวิบวับ แถมเย้าว่าเธอหลับอย่างสบายทั้งที่เขากอดอยู่ ทำเอานิชาดาอดชักสีหน้าใส่ไม่ได้ พลางรีบดึงเสื้อตัวเองลง เพราะเสื้อเปิดสูงอย่างนี้ด้านล่างเธอก็ปราศจากสิ่งใดปกปิด ยังดีที่ผ้าห่มส่วนนึงปิดอยู่ รู้สึกหน้าร้อนวูบอย่างอับอายจนไม่ต่อคำกับชายหนุ่ม ทว่าเขาก็เพียงแตะปากได้รูปเหนือปากเธอเบาๆ“ฉันจะไปส่งที่บ้านพัก อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปอำเภอกัน”ไม่แน่ใจว่าเธอรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าน้ำเสียงของชายหนุ่มดูอ่อนลง แต่ก็คิดว่าเขาไม่ล่วง
รถโฟร์วีลคันโตหยุดลงด้านหน้าคาเฟ่ซึ่งมีสะพานเดินเชื่อมต่อไปร้านอาหารท่ามกลางไร่ชา ซึ่งมีกระบะคันหนึ่งจอดอยู่ ก่อนร่างสูงใหญ่จะเปิดกระจกตะโกนเรียกคนสนิทของตน“ไอ้เต้ย มานี่ดิ๊”คนที่เพิ่งเดินออกมาจากคาเฟ่ เจ้าตัวน่าจะมาดูความเรียบร้อยแทนเขา เพราะวันนี้เป็นวันหยุดมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในไร่ ทั้งคาเฟ่และร้านอาหาร รวมถึงถ่ายรูปมากกว่าวันธรรมดาธีรดนย์กำลังทำโฮมสเตย์ โดยอยู่ในระหว่างก่อสร้าง แม้ห่างจากไร่ชาทว่าก็เป็นสัดส่วน คิดว่าเสร็จแล้วจะปลูกชาเสริมใกล้ๆ ให้ผู้มาพักได้ใกล้ชิดเพิ่ม“มีอะไรให้รับใช้ครับนาย”ต่อภพเดินมาโค้งให้นายตนพร้อมหน้าระรื่น“มึงไปรับนายหญิงของมึงหน่อย”คนได้ยินทำหน้างง ก่อนจะยิ้มกริ่ม“นั่นแน่ ยอมรับว่าคุณเธอเป็นนายหญิงแล้วเหรอครับนาย”ธีรดนย์ยื่นมือไปแจกมะเหงกให้คนของตนที่ทำตาวาวล้อเลียนแต่อีกฝ่ายหลบทัน เพราะหมอนี่มันเรียกนิชาดาอย่างนี้ตั้งแต่ที่เขาบอกว่าจะเป็นคนไปรับเธอที่สนามบินด้วยตัวเองแล้ว‘ว่าที่นายหญิง ก็ต้องไปรับด้วยตัวเองเนอะนายเนอะ’พูดอย่างนั้นต่อภพก็ได้ลูกเตะจากแข้งเขาไปป้าบหนึ่ง“กูจดทะเบียนแล้วเว้ย ไม่ใช่แค่นอนกับเขาแล้วก็ยกให้ง่ายๆ”คนเป็นนายประกาศออกไป
สายลมอ่อนพัดวูบรอบกาย เมฆหนาทะมึนราวฝนกำลังจะเทลงมา ขณะร่างอรชรยืนท่ามกลางทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตา ไร้วี่แววผู้คนเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง‘พี่เมฆ’หญิงสาวร้องเรียกหาพี่ชายผู้ซึ่งเป็นคนสำคัญคนเดียวในชีวิต และคอยปกป้องคุ้มครองเธอตั้งแต่เล็กจนโต‘อยู่แถวนี้ไหมคะ’ท้องฟ้าสีเข้มทำให้เธอกลัว นิชาดาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ เหมือนกำลังจะมีพายุใหญ่ ให้ความรู้สึกอ้างว้างและน่ากลัวไปพร้อมกันลมยิ่งพัดแรงขึ้น หญิงสาวกวาดตามองโดยรอบ แล้วก็เห็นสิงโตตัวใหญ่พุ่งกระโจนเข้ามาตะครุบตนเอง‘กรี๊ด!!’เธอหลับตายกสองมือขึ้นป้องกันพร้อมย่อตัวลง ฉับพลันทุกอย่างรอบกายกลับสงบลง รู้สึกอุ่นขึ้นจนต้องลืมตา และตนกำลังซบอยู่ในอกของใครบางคน แขนกำยำกอดตระกองอย่างทะนุถนอมจึงคิดว่าเป็นพี่ชาย ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นกลับเห็นเพียงความสว่างจ้า...เพดานกับกำแพงรอบด้านสีขาวที่เห็นในคลองสายตาทำให้นิชาดาหลับตาลงปรับสายตาแล้วเปิดขึ้นอีกครั้ง เธอปวดหัวราวกับมีรอยร้าวและหนักจนยกไม่ขึ้น หญิงสาวนอนนิ่งพยายามไล่เรียงความคิดของตน แล้วก็มีพยาบาลเห็นว่าเธอรู้สึกตัวแล้วจึงเข้ามาสอบถาม ก่อนจะบอกให้พักผ่อนเยอะๆ“เดี๋ยวดิฉันจะแจ้งสามีให้ทราบนะคะ ว่าคุ
ธีรดนย์ประคองร่างอรชรลงจากรถพาเดินเข้าบ้านไม้หลังเล็กของตน แม้นิชาดาจะบอกว่าเดินเองได้แต่เขาก็ยังโอบเอวบางไม่ยอมให้ห่าง หญิงสาวพักอยู่โรงพยาบาลหนึ่งอาทิตย์ แม้จะยังจำเรื่องราวไม่ได้ ทว่าร่างกายเป็นปกติทุกอย่าง แผลที่ศีรษะไม่อักเสบและดีขึ้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ก็นัดดูอาการต่ออีกครั้ง“บ้านน่ารักจังค่ะ”หญิงสาวบอกพร้อมส่งยิ้มให้คนเป็นสามี เธอพูดคุยกับชายหนุ่มได้สนิทใจขึ้นมาบ้างแล้ว แม้เขาจะดูคุยไม่ค่อยเก่ง มาเยี่ยมเธอไม่กี่ชั่วโมงก็กลับ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้น้อยใจ คิดว่าเขาน่าจะทำงานในไร่ สามารถแวะมาเยี่ยมเธอได้ทุกวันก็ดีมากแล้วแม้สังเกตเห็นนามสกุลในทะเบียนสมรส ‘ดิฐวัฒน์’ ของสามี แต่เธอไม่ได้ถามเขาว่าเกี่ยวข้องกับไร่นี้อย่างไร อาจจะเป็นญาติกับเจ้าของไร่“ฉันออกแบบเองเลยนะ คุมการสร้างเองด้วย”ท่าทางที่บอกดูภูมิใจ ยิ่งทำให้นิชาดากวาดมองไปโดยรอบอย่างใส่ใจมากขึ้น แม้ไม่ใช่บ้านหลังใหญ่กว้างขวาง แต่บ้านไม้ยกพื้นสูงกลางป่าก็ดูอบอุ่นน่าอยู่มาก“ฉันเคยมาที่นี่แล้วใช่ไหมคะ”“นอนค้างด้วย”คำบอกของเขาทำให้เธอหน้าร้อน แล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย เพราะเสียงทุ้มเข้มพูดแทบจะชิดใบหู
“อย่าคิดว่าแค่จดทะเบียนแล้วหล่อนจะเป็นนายหญิงของที่นี่ เพราะฉันยังอยู่ อยู่ในที่ของหล่อน และฉันจะไม่ยอมให้หล่อนครอบครองที่นี่ง่ายๆ แน่”คำย้ำเกรี้ยวกราดของผู้สูงวัย ทั้งนามสกุลของชายหนุ่มยืนยันในสิ่งที่นิชาดานึกแปลกใจชัดเจนแล้ว ธีรดนย์สามีเธอไม่ใช่ญาติ แต่เป็นเจ้าของไร่ดิฐวัฒน์ นั่นยิ่งทำให้เธอยืนหน้าซีดกว่าเดิม ไม่แปลกใจเลยที่จะถูกยายของเขาขุ่นเคือง เข้ามาอยู่ในไร่ไม่นานก็คว้าหลานชายเจ้าของไร่มาจดทะเบียนเสียแล้ว“หมอกไม่ได้คิดถึงขนาดนั้นหรอกยาย”ธีรดนย์แย้งแทนภรรยาตน ในเมื่อสถานะจริงๆ ของนิชาดาเป็นเพียงลูกหนี้ที่เขาใจดีแต่งงานด้วย เจ้าตัวไม่ได้วาดหวังสิ่งที่ยายเขาพูดอย่างแน่นอน“แกจะไปรู้อะไร ผู้หญิงคิดจะจับแกให้ได้ก็เพราะหวังผลประโยชน์ หวังเงินทอง มีหน้ามีตาในจังหวัดนี้เพราะไร่เราทั้งนั้น”ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ยายปักใจไปแล้วเถียงไปก็เปล่าประโยชน์“เอาเถอะครับ ยายบอกอย่างนี้แล้วหมอกเขาคงไม่กล้าคิดอะไร วันนี้ยายต้องไปงานงานแต่งลูกสาวกำนัลตอนเย็นไม่ใช่เหรอครับ”“แกไล่ยายเหรอตาดนย์ งานมันตั้งตอนเย็น จะให้ฉันรีบไปไหนยะ”คุณนายแสงหล้าชักสีหน้า งอนหลานชายคนเดียวที่พยายามปกป้องเมียเสียเหลือเก
‘ไอ้ดนย์มันนิสัยลูกคนเดียว หลานรัก มันเอาแต่ใจ ชอบให้คนเอาอกเอาใจ แต่ถึงจะดูแข็งๆ มันก็เป็นคนใจดีมากคนนึง หมอกเอาใจตามใจมัน มันก็ไปไหนไม่รอดแล้ว’นิชาดานึกถึงข้อความที่พี่ชายบอกกับเธอ ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลนภณต์ส่งข้อความมาหาเธอ ถามไถ่อย่างเป็นห่วงเป็นใย‘หมอกสบายดีใช่ไหม เรื่องไอ้ดนย์เป็นไงบ้าง’นิชาดาไม่แน่ใจว่าพี่ชายหมายถึงเรื่องอะไร อาจจะเป็นเรื่องความรักของเธอกับธีรดนย์ และเธอไม่ต้องการให้นภณต์รู้ว่าเกิดเรื่องกับตัวเองจึงพิมพ์ตอบแบบกลางๆ‘สบายดีค่ะ ทุกอย่างโอเคดีค่ะ’‘งั้นก็ดีแล้ว พี่อยากให้หมอกมีความสุขนะ’จากนั้นชายหนุ่มก็พิมพ์ข้อความยาวเกี่ยวกับธีรดนย์ นิชาดาเข้าใจว่าพี่ชายอยากให้เธอใช้ชีวิตคู่อย่างไม่มีปัญหาจึงตอบรับไป และก็ยังไม่ได้คุยอะไรกันอีกแน่นอนว่าเธอจะไม่ชวนสามีทะเลาะเพียงเพราะรู้ว่ามีผู้หญิงที่ดูเหมาะสมกับเขา ทั้งยายของเขาก็ยังถือหางเธอคนนั้น แม้ท่านแสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการเธอเป็นหลานสะใภ้“ทำอะไรอยู่คนดี”พร้อมกับคำถาม ร่างอรชรถูกโอบกอดจากทางด้านหลัง และสัมผัสจากริมฝีปากได้รูปก็แนบตามมา ใจสาวเต้นรัวขึ้นแต่เธอพยายามสงบใจทำตัวให้ชินกับการโอบกอดของสามีเธอนั่งอยู่ที่โซ
นิชาดาเปิดรับปลายลิ้นอุ่นที่รุกเข้ามารัดรึงกับลิ้นตน เร้าใจไปกับแรงกระหวัดเคล้าอย่างช่ำชองจนเริ่มหายใจติดขัด แล้วยังรู้สึกได้ถึงมืออุ่นที่วางเคล้นคลึงเหนือทรวงอก อกใจสาวยิ่งร้อนรุมตามไปด้วย มือบางเลื่อนมาจับข้อมือหนาอย่างทำตัวไม่ถูก“หมอก ไม่ดื้อแล้วใช่ไหม หืม?”“คะ?”ร่างกายกำลังถูกครอบงำด้วยฤทธิ์ของความใคร่ที่ถูกจุดประกายทำให้นิชาดาคิดตามไม่ทันว่าทำไมชายหนุ่มจึงหาว่าเธอดื้อ“ยอมให้ฉันรักแล้วใช่ไหม”ปากอุ่นแทบจะแตะปากเธอขณะถาม ลมหายใจร้อนที่รินรดราวฉุดให้อารมณ์ของเธอปะทุ รู้สึกราวใบหน้าตัวเองกำลังจะไหม้ จนต้องหลุบตาลงหลบสายตาคมเข้มซึ่งเต็มไปด้วยแววคุกรุ่นของไฟปรารถนาธีรดนย์พอใจกับท่าทางของอีกฝ่ายแม้จะไม่ได้ตอบ แต่ไม่มีอาการดิ้นรนแม้แต่น้อยอย่างนี้ก็เข้าทางเขา ชายหนุ่มหอมแก้มแดงเรื่ออย่างถูกใจ“ทำใจให้สบายๆ ฉันจะค่อยๆ ช่วยให้เธอรู้สึกดีและก็ไม่เกร็งเอง”บอกแล้วชายหนุ่มก็จับมือบางขึ้นมาจูบไซ้ไปตามข้อมือเล็ก ท่อนแขนเรียวและไหล่บาง กระทั่งถึงซอกคอขาว เม้มผิวอ่อนนุ่มและหอมกรุ่นด้วยริมฝีปากตน ไม่รู้เพราะอะไรเขาติดใจกลิ่นนวลเนื้อของนิชาดานัก ยิ่งอาบน้ำแล้วได้กลิ่นสบู่ชนิดเดียวกันร่างกายเขาย
ปลายนิ้วแกร่งไล้แผ่วผิวตรงข้างเอวสูงขึ้นมาวนเวียนปลายยอดอกแล้วขยำเบาๆ ทำเอานิชาดาสะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้นกลางดึก พร้อมกับที่ริมฝีปากอุ่นพรมไต่จากต้นแขนมายังไหล่มน ซอกคอจนถึงใบหูก่อนกระซิบ“หมอกจ๋า รักกันนะจ๊ะ”“คุณดนย์ นี่บ้านใหญ่นะคะ ลูกก็อยู่ด้วย”เธองัวเงียห้ามเสียงเบาเพราะเกรงจะทำให้ลูกชายตื่นและตนเองก็พึ่งหลับไปไม่นานหลังจากป้อนนมหนูน้อยจึงยังเพลียอยู่ ทั้งนอนไม่ค่อยเต็มอิ่มนักอยู่แล้ว ยังดีที่เวลากลางวันมีคุณนายแสงหล้ากับเหมยช่วยดูลูกพอให้ได้งีบบ้าง“น่านะ รับรองเบ๊าเบา ลูกไม่ตื่นแน่”สามียังกระซิบเสียงทุ้มนุ่ม มือก็เคล้าคลึงทรวงอกที่อวบอัดขึ้นของตนทำเอานิชาดาอกใจสั่นไหวไม่น้อย จะว่าไปตนก็คิดถึงสัมผัสจากชายหนุ่มอยู่เหมือนกัน หากก็ยังกังวล“ได้ด้วยเหรอคะ”“เดี๋ยวทำให้ดู”พร้อมพูดชายหนุ่มก็เชยคางให้เธอหันกลับไปรับจูบนุ่มนวลก่อนจะค่อยเพิ่มแรงจูบเม้มและกัดกลีบปากอิ่มด้านล่างให้เธอเผยอรับลิ้นร้อน นิชาดาขยับตัวพลิกมาโอบรอบลำคอหนาตอบรับจูบลึกซึ้งอย่างไม่ยอมน้อยหน้าร่างสองสองขยับเสียดสีเบาๆ ในสัดส่วนที่แตกต่างหากสอดรับกันอย่างลงตัว ลูกชายตัวน้อยนั้นนอนในเปลสี่เหลี่ยมไม่ต้องเกรงว่าแรงเคลื่อ
“คุณดนย์คะ”กลางดึกคืนหนึ่งหลังจากมาพักโรงแรมได้สองวันนิชาดาก็รู้สึกปวดท้องแล้วเหมือนมีบางอย่างไหลออกมา หญิงสาวพึมพำเรียก ชายหนุ่ม เพียงแตะแขนอีกฝ่ายก็รู้สึกตัวแล้วขยับนั่งเปิดโคมไฟทันที“เจ็บท้องเหรอหมอก”“ค่ะ...น่าจะน้ำเดินแล้ว”เธอพูดจนแทบไม่มีเสียงเพราะเจ็บ“งั้นหมอกอยู่นิ่งๆ ก่อนนะ แป๊บเดียว”ร่างสูงใหญ่รีบลุกขึ้นใส่เสื้อโดยเร็วแล้วคว้ากระเป๋าที่เตรียมเอาไว้ก่อนมาประคองร่างที่อุ้ยอ้ายขึ้นของภรรยา“เดินพอไหวไหม”“ค่ะ”นิชาดายังพอไหวจึงกัดฟันค่อยๆ เดินไปพร้อมกับที่ชายหนุ่มพยุง ธีรดนย์ตั้งใจเลือกห้องพักใกล้ลิฟต์จึงไม่ต้องเดินไกลมากหญิงสาวนอนรอเพื่อให้ปากมดลูกเปิดและปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีสามีอยู่ข้างๆ เป็นทั้งคนปลอบใจให้กำลังใจและที่ระบายของตนเพราะบ่อยครั้งที่เธอมักจะจิกเล็บลงบนหลังมือหนาที่กุมมือตนไว้“อื้อ เจ็บจังค่ะ”ยิ่งเห็นดวงหน้าสวยซีดเผือด เหงื่อผุดพราย ทรมานด้วยความเจ็บปวดชายหนุ่มก็ทุรนทุรายตาม เพราะหญิงสาวนอนอยู่แบบนี้มาสามชั่วโมงแล้ว ก้มลงไปจูบหน้าผากมนเช็ดเหงื่อให้ก่อนจะกระซิบ“ฉันจะตามพยาบาลอีกรอบนะ”นิชาดาปล่อยให้ชายหนุ่มไปโดยไม่แย้ง เธอรู้สึกทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่น
ไร่ชาดิฐวัฒน์ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสอากาศบริสุทธิ์แห่งขุนเขา นอนในบ้านท่ามกลางไร่ชาเขียวชอุ่ม มองเห็นเมฆลอยต่ำปกคลุมยอดเขา การเก็บชาก็ได้รับความนิยม มีคนจองคิวเต็มจำนวนในทุกวันนิชาดาที่ออกมาเก็บภาพบรรยากาศวันหยุดเพื่อโพสต์ในเว็บและโซเชียลต่างๆ ของไร่ยืนมองผู้คนที่มีความสุขกับการได้มาไร่นี้อย่างภูมิใจ ตอนนี้นอกจากเพจแล้วเธอเปิดแอคเคาต์โซเชียลของไร่เพิ่มขึ้นจนครบถ้วน เพราะโลกออนไลน์เป็นสิ่งที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดในยุคสมัยนี้“ชอบไหมเจ้า”ส้มที่เป็นคนถ่ายภาพให้เธอเปิดกล้องให้ดู ขณะที่นิชาดามากับมธุรินซึ่งยืนเป็นเพื่อนและคอยดูแลเธอที่ท้องแก่ใกล้คลอด ความจริงธีรดนย์ไม่อยากให้หญิงสาวมาทำงานแต่นิชาดาไม่อยากอยู่เฉยๆ การได้ขยับตัวเดินไปเดินมาจะช่วยให้เธอคลอดธรรมชาติได้ง่ายขึ้น หากก็ต้องดูว่าเด็กกลับหัวด้วยหรือไม่เหมือนกัน“อืม ชอบจ้ะ ไปเก็บภาพมุมโน้น ให้เห็นคาเฟ่กับร้านอาหารด้วยนะจ๊ะ”“เจ้า”“พี่ไปกับส้มเองก็ได้ หมอกเข้าไปนั่งพักในคาเฟ่ดีกว่า”มธุรินเอ่ยปากเพราะดูท่าเหมือนภรรยาเจ้าของไร่จะเดินไปอีกไกลกับส้ม“ถ้าอย่างนั้นฝากพี่รินด้วยนะคะ แล้ว
“พอใจหรือยังเมียจ๋า”“อะไรคะ”“ก็รู้แล้วว่าฉันไม่ได้พลาดพลั้งเสียท่าคุณภัทร ฉันเป็นของหมอกคนเดียวมาตั้งแต่จดทะเบียนแล้วไงล่ะ”พร้อมกับถามใบหน้าคมเข้มก็ขยับมาชิด หน้าผากจรดแนบหน้าผากเธอ ส่งสายตาออดอ้อนก่อนจะดันตัวเธอให้ค่อยๆ ถอยไปชิดเตียง แต่เขาทิ้งตัวเองลงหงายหลังแล้วรั้งเธอให้นอนลงไปบนร่างแกร่งนิชาดายิ้มหวาน ไม่ได้ฝืนตัวเพราะตัวเองก็ไม่ได้ขุ่นเคืองอะไร เพียงแค่สงสัยเพราะธีรดนย์ไม่ได้กลับบ้านดึกนัก ยกเว้นช่วงก่อนจัดงานแต่ง“พอใจค่ะ”เธอตอบเสียงเบาชายหนุ่มก็ยิ้มมุมปาก“ผัวเป็นคนดี ไม่วอกแวก รักเมียคนเดียว เมียไม่ให้รางวัลหน่อยเหรอจ๊ะ”คนใต้ร่างอ้อนเสียงทุ้ม แววในดวงตาคู่คมเข้มนั้นหวานฉ่ำจนนิชาดารู้สึกว่าหัวใจตนกำลังละลายไปกับความหวานที่ส่งมาให้“อืม”ปลายนิ้วเรียวไล้วนเหนืออกกว้างพลางทำท่าทีราวครุ่นคิด“อยากได้รางวัลเล็กหรือรางวัลใหญ่คะ”“ชุดใหญ่สิจ๊ะเมียจ๋า”นิชาดาไม่ตอบรับทว่ามือบางเปลี่ยนเป็นลูบแผงอกหนาของคนไม่ใส่เสื้อ แล้วเห็นชายหนุ่มสูดหายใจลึก ยิ่งมือเธอลากลงต่ำ อีกฝ่ายก็ถึงกับกลืนน้ำลายมือนุ่มไม่ได้ต่ำลงไปอย่างที่เขาคาดหวังหากไล้แผ่วเพียงตรงช่วงเอว แต่ชายหนุ่มก็พอใจเพราะร่างหอ
ร่างอรชรออกมายืนหน้าระเบียง มองพระจันทร์ดวงโตผ่านแมกไม้แล้วก็เอาโทรศัพท์ถ่ายก่อนจะอัปโซเชียล ก็มีคนทักและพิมพ์คอมเม้นต์ว่าคิดถึงหลายคน ปกตินิชาดาอัปเดตบ่อยทว่านับแต่มาอยู่ที่นี่ก็ห่างหายเพราะปัญหาต่างๆ ที่รบกวนจิตใจและทุ่มเทความตั้งใจกับงานใหม่ของตน ทั้งยังไม่ได้ตัดวิดีโอที่ถ่ายขณะเดินทางมาไร่ดิฐวัฒน์ด้วย ช่องของเธอพร้อมโซเชียลหยุดเคลื่อนไหวมาสามเดือนแล้ว มานึกขึ้นได้ในตอนนี้ คิดว่าน่าจะพอมีเวลาทำงานตัวเองในวันหยุดได้ เพราะตอนนี้งานในไร่ลงตัวและมีกำหนดปล่อยคลิป Vlog เดือนละครั้ง“จะว่าไป เราไม่เคยชมจันทร์ด้วยกันเลยนะ ออกมาก็น่าจะรอฉันก่อน”เสียงเข้มดังขึ้นและผ้าคลุมที่มาพร้อมการโอบกอดจากด้านหลัง ธีรดนย์คุยงานกับวัชพลนิชาดาก็แวบไปอาบน้ำก่อนแล้วจำได้ว่าเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงซึ่งตนเองยังไม่เคยได้มองดูอย่างจริงจังว่าจะสวยดวงโตแค่ไหน ทั้งยังมีเรื่องให้คิดอยากให้ธรรมชาติยามค่ำคืนช่วยบำบัดความตึงเครียด จึงออกมาหน้าระเบียงในตอนชายหนุ่มอาบน้ำธีรดนย์วางคางบนบ่าเธอ กรุ่นกลิ่นครีมอาบน้ำอบอวลพร้อมไออุ่นจากร่างสูงใหญ่โอบล้อมทำให้หญิงสาวเอนอิงอีกฝ่ายราวต้องการความอบอุ่น“ก็เพราะเอะอะคุณดนย์ก็อุ้มเ
“ฉันเปล่า....”ภัทรดาส่ายหน้าพลางถอยหลังเสียงสั่นมากขึ้น“กลัวทุกคนจะรู้ว่าคุณมาถึงไร่หลังฉันเกิดอุบัติเหตุใช่ไหมคะ”นิชาดาจะไม่ไล่บี้อีกฝ่ายเลยหากเจ้าตัวไม่บอกว่าเธอใส่ร้าย“เธอเกิดเรื่องเมื่อไรฉันก็ไม่รู้ ฉันแค่มาทำงาน ไม่รู้อะไรทั้งนั้น”“ไม่เป็นไร ดูกล้องก่อนแล้วค่อยว่ากัน เพราะผมจำเวลาที่หมอกเกิดเรื่องได้ ถ้าคุณไม่รู้อะไรจริงก็รอให้การณ์กับตำรวจ”“คุณดนย์”คนที่หน้าซีดอยู่แล้วยิ่งตาโต พึมพำพลางถอยหลังช้าๆ“ภัทรไม่ได้ทำนะคะคุณดนย์ ไม่ใช่ภัทรนะ เมียคุณใส่ร้ายภัทร”“ถ้าไม่ได้ทำคุณก็ไม่ต้องกลัวอะไร ไม่ต้องห่วงไปหรอก ตำรวจก็แค่สอบถามเท่านั้น”ยิ่งธีรดนย์เอ่ยถึงตำรวจซ้ำอีกภัทรดายิ่งหวาดกลัวมากขึ้น หญิงสาวรีบหันหลังจะกลับไปขึ้นรถ“ไม่ ภัทรไม่ผิด ภัทรไม่ได้ทำอะไร อย่ามายุ่งกับภัทร”ภัทรดาเหมือนสติหลุดขยับพรวดออกไปราวต้องการหนี ขณะนั้นมีรถคันหนึ่งขึ้นเนินมา ซึ่งก่อนหน้านี้แต่ละคนก็ไม่ทันได้สังเกตสิ่งอื่นเช่นกันเพราะรถของภัทรดาจอดบังทางที่จะเห็นได้ และต่างก็กำลังสนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่พอเห็นรถทั้งหมดก็ตะโกนรั้ง“คุณภัทร!”“กรี๊ดดด!”เอี๊ยด!!เสียงรถเบรกดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าภัทรดาก็ถูกเ
“จะฆ่าหมอกหรือไง!”เสียงของธีรดนย์ดังสนั่นไร่ชา ยังดีแถบนี้เป็นจุดที่ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามา จะมีก็เพียงคนทำงานอยู่ทางด้านโฮมสเตย์นิชาดารีบหันไปทางรถกระบะคันนั้นทันใด เธอยังใจสั่นและขาสั่นอยู่เลย หากไม่มีสามีประคองให้ลุกขึ้นคงยืนไม่ไหว แต่เมื่อได้รู้ว่าเจ้าของรถเป็นใครเธอก็อึ้งไปเลยทีเดียวเสียงเปิดปิดประตูรถก่อนร่างโปร่งของภัทรดาจะค่อยๆ เดินมาด้านหน้ารถ สีหน้าอีกฝ่ายซีดเผือด มือไม้สั่น“ภะ...ภัทรขอโทษค่ะ”ภัทรดามองธีรดนย์กับนิชาดาด้วยความรู้สึกผิดจากใจ“ภัทรไม่ทันเห็นน่ะค่ะ เพราะขึ้นเนินมาก็เลยเร่งเครื่องเต็มที่”นิชาดาฟังคำพูดอีกฝ่ายพร้อมจ้องอย่างสังเกตแววตากับสีหน้ามากกว่าเดิมเมื่อสติตนเองค่อยๆ เข้าที่เข้าทาง ขณะมีแขนกำยำตระกองกอดไว้อย่างปกป้องปลอบโยน“ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะคะคุณหมอก”“ถ้าฉันมาไม่ทันหมอกจะเป็นยังไง ขับรถในไร่ถึงจะขึ้นเนินก็ไม่ควรเร่งความเร็วขนาดนี้สิ มันอันตรายมากนะ”“ภัทรเสียใจ ภัทรไม่ได้ตั้งใจ เพิ่งเห็นคุณหมอกในระยะประชิดแล้วจริงๆ ค่ะ”เพราะเธอย่อตัวลงค่อยๆ ย่องพยายามให้ผีเสื้อไม่รู้สึกว่ามีบางอย่างเข้ามาใกล้ อาจเป็นไปได้ที่รถซึ่งขับขึ้นเนินมาจะไม่เห็น และ
“โธ่ ไอ้เราก็กลัวว่าเรื่องคุณพีรพลจะทำให้นายกับเธอผิดใจกัน ที่ไหนได้ หวานจนท้องเสียอย่างนั้น”กัญญาแอบมากระแซะแล้วกระแทกไหล่เบาๆ กระเซ้าเธอในตอนบ่าย เมื่ออยู่กันตามลำพังในห้องครัวออฟฟิศ นิชาดาไม่ดื่มชากาแฟเมื่อรู้ว่าตนท้อง แล้วดื่มนมบ่อยขึ้นธีรดนย์จึงซื้อมาใส่ตู้เย็นไว้ให้ ขณะที่เพื่อนสาวเข้ามาชงกาแฟไว้เผื่อสำหรับทุกคนเช่นทุกวัน เพราะตอนเช้าหมดไปแล้ว“กุ๊กก็...ใครจะท้องแค่วันสองวัน”นิชาดาบ่นเพื่อนเสียงอุบอิบอย่างเขินอายข่าวภรรยาของนายท้องค่อยๆ กระจายออกไปทั่วไร่ภายในไม่กี่วัน แม้เธอจะไม่ได้บอกกัญญาตรงๆ เจ้าตัวก็รับรู้ แม้แต่วัชพลกับมธุรินก็ยังมาแสดงความยินดี“ว่าแต่เรื่องคุณพี นายไม่โกรธแล้วใช่ไหม”“อื้อ”นิชาดาพยักหน้ารับ“เพราะข้อความของเธอนั่นแหละ คุณดนย์เห็นก็เลยรู้ว่าเขาเข้าใจผิด”กัญญาตาโต ก่อนจะถาม“อย่าบอกนะว่าที่มีคนอ่านแล้วไม่ตอบน่ะเป็นนาย ฉันเข้าใจว่าหน้าจอเธอแตกเห็นไม่ชัด ก็เลยยังไม่ตอบเสียอีก”หญิงสาวยิ้มกับสีหน้าอิหลักอิเหลื่อของเพื่อนสาว“ใช่น่ะสิจ๊ะ ฉันต้องขอบใจเธอ เพราะถึงฉันพูดอะไรไปคุณดนย์ก็คงยังโกรธอยู่นั่นแหละ มีข้อความของเธอช่วยยืนยันปัญหาก็เลยจบ”เธอยิ้มให้แต่
“ฉันทั้งหลงใหลและหลงรักเธอนะหมอก ถึงจะไม่เคยพูดแต่ฉันก็ไม่เคยอยากเอาใจใครเหมือนเธอ ฉันไปหาซื้อกล้องเอาไว้ง้อตั้งแต่เธอนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล ทำร้ายร่างกายไปแล้วเห็นเธอทรมานฉันก็ทำอีกไม่ลง ทำโทรศัพท์ของเธอพังก็รีบแวบเอาไปซ่อมที่ร้านในกรุงเทพฯ”ธีรดนย์สารภาพอย่างหมดเปลือก แม้รู้สึกเสียศักดิ์ศรีหน่อยๆ ที่เป็นฝ่ายพูดก่อน แต่เก็บไว้ก็จะทำให้ภรรยาสาวน้อยเนื้อต่ำใจทั้งยังวิตกกังวลอยู่ตลอดว่าเขาไม่ไยดีเจ้าตัว อีกฝ่ายกำลังท้องสุขภาพจิตควรดีเพื่อลูกน้อย“ฉันพูดหวานไม่เป็น แต่ก็พยายามเอาอกเอาใจ ง้อเธอในแบบของฉัน”ริมฝีปากอิ่มสวยค่อยๆ ระบายยิ้มหวานออกมาพร้อมน้ำตาซึม ได้ฟังคำบอกเล่าจากปากชายหนุ่มที่เหนือความคาดหมายของตนเอง นิชาดากลับรู้สึกว่าเขาดูน่ารักขึ้นเป็นกอง“หมอกเข้าใจแล้วค่ะ”นิชาดาพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ ยกแขนเรียวขึ้นคล้องคอแกร่งแล้วเคลื่อนหน้าไปหอมแก้มสากเบาๆ“จูบปากสิจ๊ะ เดี๋ยวนี้จูบเก่งแล้วนี่นา”ธีรดนย์ส่งสายตาหวานฉ่ำพร้อมอ้อนเสียงทุ้มนุ่ม ทว่า หญิงสาวส่ายหน้า ปลายนิ้วเรียวแตะปากได้รูปปราม“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวคุณดนย์เลยเถิด”“งั้นก็กินข้าวให้อิ่ม แล้วมาออกกำลังก่อนนอนกัน”“เฮ้อ...”หญ