ริมฝีปากแตะต้องสัมผัสกันโดยความตั้งใจของศิศิราแต่เป็นความตกใจของอีกฝ่าย ริมฝีปากบางพยายามบดเบียดริมฝีปากอ่อนนุ่มเกินบุรุษของอีกฝ่ายตามที่เคยพบเห็นในละครทีวี โดยไม่สนใจแรงดิ้นหนีของชัฎพงษ์ที่พยายามแกะมือที่โอบกอดรอบต้นคออย่างสติแตก
“ปล่อย!!!! นังบ้า! แกมันบ้า! ไปแล้ว อีนังบ้า! นังร่าน! อดยากปากแห้งนักนะแก อีนางฟ้าจอมปลอม อีนางมารของจริง แหว๊ะ!.. อ๊วก!.. อีบ้า! อีเลว! แก..ฉันหมดความอดทนกับแกแล้ว อีบ้า! อี..อี..อีเรยา ฉันไม่รู้จะด่าจะเปรียบเปรยแกกับอะไรดี แค่ฉันลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับแกก็มากพอแล้ว ยังจะมาทำทุเรศให้ฉันสมเพชความบ้าความปัญญาอ่อนของแกมากเข้าไปอีก อีร่าน! รู้ไว้ด้วยว่าฉันอยากจะอาเจียนทุกครั้งที่เรียกแก..นางฟ้า อยากจะเรียกว่า..นางมาร ซะมากกว่า ฉันจะกลับกรุงเทพฯ แกอยากจะร่านอยู่ต่อ หรือจะไปร่านระริกกับใครก็เรื่องของแก อีบ้า!”
เสียงเดินลงส้นด้วยความโมโหจากออกไปจนไม่ได้ยินอะไรอีก แต่ก็ไม่ทำให้ร่างบอบบางที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงมีปฏิกิริยาอะไร ท้องฟ้าข้างหน้าที่มืดมนไม่เท่ากับใจที่มองไม่เห็นแสงสว่างใดหลงเหลือ น้ำตาที่ไหลลงอาบสองแก้มยังคงไหลต่อดังก๊อกรั่วแต่ไม่มีแม้เสียงสะอื้นเพียงนิดที่จะเล็ดลอดออกมา
ฝ่ามือบางยกขึ้นเช็ดริมฝีปากที่เจือสีชมพูระเรื่อ กลิ่นสตอร์เบอรี่ที่เคลือบริมฝีปากอยู่ คือคำตอบที่เธอเพียรถาม ทั้งกิริยาต่างๆ ที่เขาทำ ไม่มีเลยตรงไหนที่จะบอกว่าสิ่งที่คิด..ไม่จริง
คำด่าทอแสนเจ็บแสบเหมือนจะวิ่งวนเวียนไปมาอยู่ในหัวสมอง ‘ร่าน!’ สมควรแล้วใช่ไหมที่ถูกเรียกขานแบบนั้น สิ่งที่เธอทำอยู่มันสมควรที่เขาจะเรียกเธอแบบนั้นใช่ไหม ภาพใบหน้าพี่ชายผ่านเข้ามาในความคิด สิ่งที่เธอรู้แต่พัชราไม่รู้
“พี่นพ... ทำไมทำกับน้ำค้างแบบนี้...”
.
.
‘เขาบรรจงถอดเสื้อผ้ารุ่มร่ามที่เธอสวมใส่ออก มือหยาบที่ไวกว่าหนวดปลาหมึกลูบไล้ไปทั่ว ทรวงอกนุ่มหยุ่นมือคือที่หมายไปถึง ทันทีที่ความหยาบสัมผัสถูกผิวละเอียดเนียนนุ่ม หญิงสาวก็ต้องสะท้านเฮือกไปทั้งกาย ร่างบางสั่นสะท้านเสียจนเหมือนอยู่ในฤดูมรสุม อกอวบใหญ่แอ่นเข้าเสียดสีแผงอกแกร่งดั่งจะยั่วเย้า...อา...’
เสียงแป้นพิมพ์รัวเร็วตามอารมณ์ที่เหมือนจะถูกปลุกปั่นไปพร้อมๆ กับข้อความที่บรรจงสรรสร้าง นิ้วมือที่พยายามจะสัมผัสแป้นพิมพ์เหมือนจะชะงักเป็นช่วงๆ ลมหายใจเหมือนจะติดขัดไปกับความรู้สึกที่ถูกเร่งเร้า
“เฮ้อ!...”
กายแกร่งหงายตัวลงบนที่นอนขนาดเล็ก ฝ่ามือหนาปิดกระชับใบหน้าและดวงตาด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง สัมผัสที่รัดรึงอยู่กึ่งกลางลำตัวยังคงผงาดขึ้นอย่างกล้าหาญ เรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันในขณะที่ดวงตายังคงปิดสนิท แม้จะพยายามยับยั้งแต่ก็ไม่วายที่จะตื่นตัวทุกครั้งที่เขียนถึง.. กายแกร่งพลิกตัวนอนคว่ำคงมีเพียงวิธีนี้ที่เขาจะสะกดกลั้นไว้ได้
“โอ๊ย! บัดซบ! จริงๆ เลย” ฝ่ามือหนาทุบลงบนที่นอนเพราะไม่ได้ในสิ่งที่ตั้งใจ ดวงตาคมเข้มเปิดกว้างขึ้นอย่างเจ็บปวด
‘จุก..’ เพราะไม่ได้รับการปลดเปลื้องก็เลยต้องมีสภาพเยี่ยงนี้ กรามแกร่งกัดกันแน่นจนเป็นสัน ความปลดเปลื้อง..ใช่ว่าเขาไม่อยากทำ แต่..ทำบ่อยมันก็ไม่ดีกับสุขภาพ ยิ่งเวลาเขียนบทแบบนี้ทีไรเขายิ่งจะทนไม่ได้มากขึ้น แต่คนอย่าง ‘ปรมะ’ อะไรที่ไม่รั้นไม่ตะแบงก็คงไม่ใช่ ไม่เว้นแม้แต่ร่างกายตัวเอง ถ้าตามใจมากก็คงไม่ดี
‘คนเราต้องรู้จักขัดใจตัวเองบ้าง ไม่งั้นก็อาจจะเป็นคนหมกมุ่นครุ่นคิดแต่เรื่องอย่างว่าร่ำไป’
ใครจะเป็นยังไงเขาไม่รู้ แต่สำหรับเขานั้นหากต้อง ‘จัดการ’ ตัวเอง ทุกครั้งไปเมื่อถึงบทเลิฟซีน อาชีพนักเขียนอย่างเขามีหวังต้องจบเห่เพราะเจ้าหนูดันเป็นหมันหรือไม่ก็อาจตายด้านไปเสียก่อนจะเจอของจริงแน่ๆ ก็ไรเตอร์หนุ่มอย่างเขาการเขียนบทอย่างว่าดูเหมือนจะเป็นงานถนัดเฉพาะตัว
‘..please..’ คือนามปากกา ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาก็คือ ทุกเรื่องนางเอกจะต้องร่ำร้องคำนี้ออกมายามโดนปลุกเร้าจากริมฝีปากร้อนๆ ไปทั่วทั้งกาย ‘..please..’ จึงกลายเป็นโลโก้ของเขาที่จะบ่งบอกถึงตัวตน
คิ้วเข้มยังคงขมวดเข้าหากันอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ ในยามนี้เขากลับรู้สึกอยากจะร้อง ‘..please..’ ให้ใครสักคนได้ยิน ยิ่งได้ยินเสียงคลื่นลมด้านนอก ยิ่งเหมือนเสียงเรียกร้องสะท้านไหวของใครบางคน แรงโยกไหวของเรือหาปลาขนาดกลางที่เขาเช่าเหมาลำมากว่า 1 อาทิตย์สำหรับเอาไว้ทำโลเคชั่นในนิยายเรื่องล่าสุดของเขา มันยิ่งรุกเร้าร่างกายช่วงล่างของเขายามคิดว่าลำเรือไหวโยกเพราะแรงกระแทกกระทั้นรุนแรง ร่างสูงลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพลางปิดคอมพิวเตอร์ขนาดกะทัดรัดยัดลงในกระเป๋า พร้อมทั้งกวาดข้าวของที่พอจะหาติดตัวได้ใส่ย่ามใบตุ่น
“พี่หมึก! พี่หมึก!” ร่างสูงมาหยุดอยู่หน้ากระท่อมหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากเรือหาปลาที่เขาไม่กล้าจะอยู่คนเดียวเพื่อสร้างบรรยากาศเป็นใจไว้รอใครอีกแล้ว
“ครับ คุณปอนด์ รอเดี๋ยวครับ ผมแต่งตัวอยู่”
เสียงตะโกนออกมาจากกระท่อมริมทะเลทำให้ดวงตาคมเข้มต้องชะงักนิ่งเหมือนจะรู้ว่าเจ้าของกระท่อมคงจะรีบไปธุระที่ไหนแน่ ก็พี่หมึกเจ้าของเรือและเป็นลูกของลุงหมายคนเก่าแก่ของบิดานั้นที่เห็นอยู่ทุกวันก็มีเพียงกางเกงเลเพียงตัวเดียวเพราะทุกครั้งที่เขาแวะมาหาโลเคชั่นหรือสร้างบรรยากาศในงานเขียนที่นี่ พี่หมึกก็มักจะมาอยู่เป็นเพื่อนที่กระท่อมหลังนี้เสมอ และหากถ้าบอกว่ากำลังแต่งตัวก็คงหมายถึงไม่ได้อยู่ที่กระท่อมแน่“โธ่! พี่หมึกผมก็รึจะมาชวนก๊ง”ชายหนุ่มชูถุงหลายใบในมือให้คนที่ก้าวออกมาจากกระท่อมดู ชายร่างสูงใหญ่ตรงหน้าที่เหมือนหมึกสมชื่อ เพราะดูจะกลืนกินไปกับความมืดสลัวของบรรยากาศรายรอบเสียหมด รอยยิ้มเด่นที่ให้สีขาวเพียงจุดเดียวบนใบหน้าทำให้ชายหนุ่มต้องหัวเราะพลางส่ายศีรษะไปมา“หึหึหึ.. เออ..จะไปก็ไปเหอะ แล้วอย่าล่อซะจนฟ้าเหลืองก็แล้วกัน เก็บแรงไว้ออกเรือบ้าง ก็เห็นใจนะ แต่ไม่เห็นด้วยว่ะ ถุงก๊อบแก๊บอ่ะหัดพกไปบ้างนะ อย่างพี่หมึกนี่เสื้อกันฝนคงจะเอาไม่อยู่ สงสัยต้องใช้ร่มชูชีพแล้วมั้ง”“คุณปอนด์ก็พูดไป.. งั้นผมไม่ไปดีกว่า เปรี้ยวปากอยากเหล้าอยู่เหมือนกัน” ชายร่างหมึกหันกลับเข้ากระท่อมทำทีจะไปเปลี่ยนเสื้
ดวงตาหวานจ้องจับหน้าประตูไม้สีขาวอย่างชั่งใจ แววหวานหวั่นไหวกับบางสิ่งบางอย่างที่ครุ่นคิดมาตลอดทั้งคืน ความกลัวที่จะทำมีมากก็จริงแต่ก็ไม่เท่าความใคร่รู้ที่ยิ่งเร่งเร้าให้เธอทำตามในสิ่งที่ตัดสินใจและวางแผนจนทำให้ร่างบางสมส่วนมาหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนี้ ‘น้ำค้าง..แกต้องพิสูจน์ ถ้าแกอยากรู้ว่าที่พวกยายพัชรพูดกันมันจริงหรือเปล่า’ ‘แต่..ฉันไม่กล้าหรอกดา อยู่ๆ แกจะให้ฉันไปทำอะไรอย่างนั้นได้ไง ฉันเป็นผู้หญิงนะ’ ‘ฉันก็ไม่ได้ให้แกไปปล้ำพี่เขาเสียหน่อย แค่ใส่จริตเล็กๆ น้อยๆ มีมารยาหน่อยๆ ให้พี่เขาให้ปึ๋งปั๋งบ้างน่ะ แกทำเป็นไหม ให้พี่เขาแสดงความเป็นแมนๆ ให้แกเห็นน่ะ แค่เขาตื่นตัวหรือจุ๊บๆ แกนิดหน่อยก็โอแล้ว แกต้องสัมผัสได้แน่ว่าเขาโอหรือไม่โอ.. OK!..’ ‘จะทำอย่างนั้นได้ไงดา พี่ชัฎเขาจะหาว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบไหนที่ เอ่อ..เอ่อ..ไปให้ท่าเขาน่ะ’ ‘อ้าว! แล้วแกจะเอายังไง มีอย่างที่ไหนคบกันมา 4 ปีไม่เคยแม้แต่จะจับมือถือแขน เป็นคนอื่นน่ะเขาไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว ไม่งั้นแกก็ถามพี่ชัฎเขาไปตรงๆ เลยว่า..เป็นหรือไม่เป็น ไอ้ที่สงสัยจะได้หายเสียที
‘พี่นาเขาจำคนผิดหรือเปล่าพัชร ก็วันที่เธอบอกน่ะ พี่ชัฎเขาไปภูเก็ตกับฉัน แล้วพี่ชัฎเขาจะไปโผล่อยู่ที่ฮ่องกงได้ยังไง’‘เฮ้ย! แต่พี่นาบอกว่าเป็นคุณชัฎจริงๆ นะ พี่นาจะจำคนผิดได้ไง หน้าแบบพี่ชัฎนี่..โหยเธอ เห็น 500 เมตรยังจำได้เลย’‘แต่ก็ฝากขอบคุณพี่นากับเธอด้วยนะที่เป็นห่วง ยังไงฉันก็จะระวังไว้ ถ้าพี่ชัฎเขามีพฤติกรรมอย่างว่าจริง ฉันก็คงไม่กล้าหรอก’ศิศิรายิ้มรับพลางเอ่ยขอบคุณทั้งพัชราและฝากขอบคุณไปถึงพี่สาวของพัชราที่เปิดร้านอาหารไทยอยู่ที่ฮ่องกง แม้สมัยเรียนเธอจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพัชราที่ตอนนี้ผันตัวเองไปเป็นแอร์โอสเตสประจำสายการบินไทย-ฮ่องกงก็ตามแต่เมื่อเรียนจบและโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ความไม่ลงรอยก็กลายกลับเป็นสนิทสนมกันไปอย่างไม่รู้ตัว ศิศิรามองเพื่อนสาวสวยที่เขี่ยปลายเส้นผมตัวเองไปมาอย่างสับสน รอยยิ้มสดใสส่งไปถึงเพื่อนแต่ทว่าภายในใจนั้นอยากจะร้องไห้โฮ ข่าวร้ายที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ว่าไม่มีมูล..อย่างเช่นตอนนี้ไงโต๊ะสีขาวเข้าชุดกับเก้าอี้ไม้และตัวบ้านตัดกับแสงสีส้มนวลในยามพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า ลำแสงอุ่นๆ ริมทะเลประกอบกับเสียงคลื่นกระทบฝั่งขับขาน สร้างบรรยากาศโรแมนติครายล้อมรอบกาย
ศิศิราเหมือนจะเห็นแวววาบประหลาดปรากฏในดวงตาคมเฉี่ยวคู่นั้น รอยวาบที่ปรากฏมันเจือไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงข้างใน “ก็ทั้งเรื่อง..คอนโด และก็เรื่องที่คุณหญิงป้า..จะจัดงานแต่งงานให้เรายังไงค่ะ น้ำ..ค้าง ดีใจม๊ากมาก.. พี่นพก็คงจะดีใจไปกับน้ำค้างและก็พี่ชัฎ เอิ๊ก!..” “ระ..เหรอจ๊ะ นพเขาบอกน้ำค้างแบบนั้นเหรอ” แววกราดเกรี้ยวปรากฏพร้อมกับรอยแสยะยิ้มที่มุมปากดั่งคนเจ็บช้ำอะไรบางอย่างในใจ “ก็..ช่าย..สิคะ ก็น้ำค้างน่ะ เป็นนางฟ้าของพี่นพ..นี่ค่ะ อะไรที่น้ำค้าง..มี..ฟาม..สุข พี่นพก็มี..ฟาม..สุขไปด้วยเสมอ พี่ชัฎว่าไหมคะ” “เอ่อ..จ้ะ ตามนั้น” ใบหน้าคมเชิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวในขณะที่ในใจประหวัดถึงคนที่จะตามมาในวันรุ่งขึ้นร่างบางประคองตัวไต่เดินมาตามโต๊ะก่อนจะค่อยๆ หย่อนตัวลงใกล้ๆ คู่หมั้น ชัฎพงษ์กระเถิบตัวหนีอย่างอัตโนมัติแต่ก็ยังคงสงวนท่าทีไม่ให้ดูน่าเกลียดจนเกินไป ดวงตาคมวาวขึ้นด้วยความไม่พอใจในกิริยาที่หญิงสาวเป็นและกับความขุ่นมัวในใจที่ต้องรอให้คนต้นเรื่องมาแก้ไข ผิดกับดวงตาที่ช้อนขึ้นสบคู่หมั้นหนุ่มหวานหยาดเยิ้ม มือบางเอื้อมไปข้า
เสียงตะโกนออกมาจากกระท่อมริมทะเลทำให้ดวงตาคมเข้มต้องชะงักนิ่งเหมือนจะรู้ว่าเจ้าของกระท่อมคงจะรีบไปธุระที่ไหนแน่ ก็พี่หมึกเจ้าของเรือและเป็นลูกของลุงหมายคนเก่าแก่ของบิดานั้นที่เห็นอยู่ทุกวันก็มีเพียงกางเกงเลเพียงตัวเดียวเพราะทุกครั้งที่เขาแวะมาหาโลเคชั่นหรือสร้างบรรยากาศในงานเขียนที่นี่ พี่หมึกก็มักจะมาอยู่เป็นเพื่อนที่กระท่อมหลังนี้เสมอ และหากถ้าบอกว่ากำลังแต่งตัวก็คงหมายถึงไม่ได้อยู่ที่กระท่อมแน่“โธ่! พี่หมึกผมก็รึจะมาชวนก๊ง”ชายหนุ่มชูถุงหลายใบในมือให้คนที่ก้าวออกมาจากกระท่อมดู ชายร่างสูงใหญ่ตรงหน้าที่เหมือนหมึกสมชื่อ เพราะดูจะกลืนกินไปกับความมืดสลัวของบรรยากาศรายรอบเสียหมด รอยยิ้มเด่นที่ให้สีขาวเพียงจุดเดียวบนใบหน้าทำให้ชายหนุ่มต้องหัวเราะพลางส่ายศีรษะไปมา“หึหึหึ.. เออ..จะไปก็ไปเหอะ แล้วอย่าล่อซะจนฟ้าเหลืองก็แล้วกัน เก็บแรงไว้ออกเรือบ้าง ก็เห็นใจนะ แต่ไม่เห็นด้วยว่ะ ถุงก๊อบแก๊บอ่ะหัดพกไปบ้างนะ อย่างพี่หมึกนี่เสื้อกันฝนคงจะเอาไม่อยู่ สงสัยต้องใช้ร่มชูชีพแล้วมั้ง”“คุณปอนด์ก็พูดไป.. งั้นผมไม่ไปดีกว่า เปรี้ยวปากอยากเหล้าอยู่เหมือนกัน” ชายร่างหมึกหันกลับเข้ากระท่อมทำทีจะไปเปลี่ยนเสื้
ริมฝีปากแตะต้องสัมผัสกันโดยความตั้งใจของศิศิราแต่เป็นความตกใจของอีกฝ่าย ริมฝีปากบางพยายามบดเบียดริมฝีปากอ่อนนุ่มเกินบุรุษของอีกฝ่ายตามที่เคยพบเห็นในละครทีวี โดยไม่สนใจแรงดิ้นหนีของชัฎพงษ์ที่พยายามแกะมือที่โอบกอดรอบต้นคออย่างสติแตก“ปล่อย!!!! นังบ้า! แกมันบ้า! ไปแล้ว อีนังบ้า! นังร่าน! อดยากปากแห้งนักนะแก อีนางฟ้าจอมปลอม อีนางมารของจริง แหว๊ะ!.. อ๊วก!.. อีบ้า! อีเลว! แก..ฉันหมดความอดทนกับแกแล้ว อีบ้า! อี..อี..อีเรยา ฉันไม่รู้จะด่าจะเปรียบเปรยแกกับอะไรดี แค่ฉันลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับแกก็มากพอแล้ว ยังจะมาทำทุเรศให้ฉันสมเพชความบ้าความปัญญาอ่อนของแกมากเข้าไปอีก อีร่าน! รู้ไว้ด้วยว่าฉันอยากจะอาเจียนทุกครั้งที่เรียกแก..นางฟ้า อยากจะเรียกว่า..นางมาร ซะมากกว่า ฉันจะกลับกรุงเทพฯ แกอยากจะร่านอยู่ต่อ หรือจะไปร่านระริกกับใครก็เรื่องของแก อีบ้า!”เสียงเดินลงส้นด้วยความโมโหจากออกไปจนไม่ได้ยินอะไรอีก แต่ก็ไม่ทำให้ร่างบอบบางที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงมีปฏิกิริยาอะไร ท้องฟ้าข้างหน้าที่มืดมนไม่เท่ากับใจที่มองไม่เห็นแสงสว่างใดหลงเหลือ น้ำตาที่ไหลลงอาบสองแก้มยังคงไหลต่อดังก๊อกรั่วแต่ไม่มีแม้เสียงสะอื้นเพียงนิด
ศิศิราเหมือนจะเห็นแวววาบประหลาดปรากฏในดวงตาคมเฉี่ยวคู่นั้น รอยวาบที่ปรากฏมันเจือไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงข้างใน “ก็ทั้งเรื่อง..คอนโด และก็เรื่องที่คุณหญิงป้า..จะจัดงานแต่งงานให้เรายังไงค่ะ น้ำ..ค้าง ดีใจม๊ากมาก.. พี่นพก็คงจะดีใจไปกับน้ำค้างและก็พี่ชัฎ เอิ๊ก!..” “ระ..เหรอจ๊ะ นพเขาบอกน้ำค้างแบบนั้นเหรอ” แววกราดเกรี้ยวปรากฏพร้อมกับรอยแสยะยิ้มที่มุมปากดั่งคนเจ็บช้ำอะไรบางอย่างในใจ “ก็..ช่าย..สิคะ ก็น้ำค้างน่ะ เป็นนางฟ้าของพี่นพ..นี่ค่ะ อะไรที่น้ำค้าง..มี..ฟาม..สุข พี่นพก็มี..ฟาม..สุขไปด้วยเสมอ พี่ชัฎว่าไหมคะ” “เอ่อ..จ้ะ ตามนั้น” ใบหน้าคมเชิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวในขณะที่ในใจประหวัดถึงคนที่จะตามมาในวันรุ่งขึ้นร่างบางประคองตัวไต่เดินมาตามโต๊ะก่อนจะค่อยๆ หย่อนตัวลงใกล้ๆ คู่หมั้น ชัฎพงษ์กระเถิบตัวหนีอย่างอัตโนมัติแต่ก็ยังคงสงวนท่าทีไม่ให้ดูน่าเกลียดจนเกินไป ดวงตาคมวาวขึ้นด้วยความไม่พอใจในกิริยาที่หญิงสาวเป็นและกับความขุ่นมัวในใจที่ต้องรอให้คนต้นเรื่องมาแก้ไข ผิดกับดวงตาที่ช้อนขึ้นสบคู่หมั้นหนุ่มหวานหยาดเยิ้ม มือบางเอื้อมไปข้า
‘พี่นาเขาจำคนผิดหรือเปล่าพัชร ก็วันที่เธอบอกน่ะ พี่ชัฎเขาไปภูเก็ตกับฉัน แล้วพี่ชัฎเขาจะไปโผล่อยู่ที่ฮ่องกงได้ยังไง’‘เฮ้ย! แต่พี่นาบอกว่าเป็นคุณชัฎจริงๆ นะ พี่นาจะจำคนผิดได้ไง หน้าแบบพี่ชัฎนี่..โหยเธอ เห็น 500 เมตรยังจำได้เลย’‘แต่ก็ฝากขอบคุณพี่นากับเธอด้วยนะที่เป็นห่วง ยังไงฉันก็จะระวังไว้ ถ้าพี่ชัฎเขามีพฤติกรรมอย่างว่าจริง ฉันก็คงไม่กล้าหรอก’ศิศิรายิ้มรับพลางเอ่ยขอบคุณทั้งพัชราและฝากขอบคุณไปถึงพี่สาวของพัชราที่เปิดร้านอาหารไทยอยู่ที่ฮ่องกง แม้สมัยเรียนเธอจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพัชราที่ตอนนี้ผันตัวเองไปเป็นแอร์โอสเตสประจำสายการบินไทย-ฮ่องกงก็ตามแต่เมื่อเรียนจบและโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ความไม่ลงรอยก็กลายกลับเป็นสนิทสนมกันไปอย่างไม่รู้ตัว ศิศิรามองเพื่อนสาวสวยที่เขี่ยปลายเส้นผมตัวเองไปมาอย่างสับสน รอยยิ้มสดใสส่งไปถึงเพื่อนแต่ทว่าภายในใจนั้นอยากจะร้องไห้โฮ ข่าวร้ายที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ว่าไม่มีมูล..อย่างเช่นตอนนี้ไงโต๊ะสีขาวเข้าชุดกับเก้าอี้ไม้และตัวบ้านตัดกับแสงสีส้มนวลในยามพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า ลำแสงอุ่นๆ ริมทะเลประกอบกับเสียงคลื่นกระทบฝั่งขับขาน สร้างบรรยากาศโรแมนติครายล้อมรอบกาย
ดวงตาหวานจ้องจับหน้าประตูไม้สีขาวอย่างชั่งใจ แววหวานหวั่นไหวกับบางสิ่งบางอย่างที่ครุ่นคิดมาตลอดทั้งคืน ความกลัวที่จะทำมีมากก็จริงแต่ก็ไม่เท่าความใคร่รู้ที่ยิ่งเร่งเร้าให้เธอทำตามในสิ่งที่ตัดสินใจและวางแผนจนทำให้ร่างบางสมส่วนมาหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนี้ ‘น้ำค้าง..แกต้องพิสูจน์ ถ้าแกอยากรู้ว่าที่พวกยายพัชรพูดกันมันจริงหรือเปล่า’ ‘แต่..ฉันไม่กล้าหรอกดา อยู่ๆ แกจะให้ฉันไปทำอะไรอย่างนั้นได้ไง ฉันเป็นผู้หญิงนะ’ ‘ฉันก็ไม่ได้ให้แกไปปล้ำพี่เขาเสียหน่อย แค่ใส่จริตเล็กๆ น้อยๆ มีมารยาหน่อยๆ ให้พี่เขาให้ปึ๋งปั๋งบ้างน่ะ แกทำเป็นไหม ให้พี่เขาแสดงความเป็นแมนๆ ให้แกเห็นน่ะ แค่เขาตื่นตัวหรือจุ๊บๆ แกนิดหน่อยก็โอแล้ว แกต้องสัมผัสได้แน่ว่าเขาโอหรือไม่โอ.. OK!..’ ‘จะทำอย่างนั้นได้ไงดา พี่ชัฎเขาจะหาว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบไหนที่ เอ่อ..เอ่อ..ไปให้ท่าเขาน่ะ’ ‘อ้าว! แล้วแกจะเอายังไง มีอย่างที่ไหนคบกันมา 4 ปีไม่เคยแม้แต่จะจับมือถือแขน เป็นคนอื่นน่ะเขาไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว ไม่งั้นแกก็ถามพี่ชัฎเขาไปตรงๆ เลยว่า..เป็นหรือไม่เป็น ไอ้ที่สงสัยจะได้หายเสียที