ดวงตาหวานจ้องจับหน้าประตูไม้สีขาวอย่างชั่งใจ แววหวานหวั่นไหวกับบางสิ่งบางอย่างที่ครุ่นคิดมาตลอดทั้งคืน ความกลัวที่จะทำมีมากก็จริงแต่ก็ไม่เท่าความใคร่รู้ที่ยิ่งเร่งเร้าให้เธอทำตามในสิ่งที่ตัดสินใจและวางแผนจนทำให้ร่างบางสมส่วนมาหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนี้
‘น้ำค้าง..แกต้องพิสูจน์ ถ้าแกอยากรู้ว่าที่พวกยายพัชรพูดกันมันจริงหรือเปล่า’
‘แต่..ฉันไม่กล้าหรอกดา อยู่ๆ แกจะให้ฉันไปทำอะไรอย่างนั้นได้ไง ฉันเป็นผู้หญิงนะ’
‘ฉันก็ไม่ได้ให้แกไปปล้ำพี่เขาเสียหน่อย แค่ใส่จริตเล็กๆ น้อยๆ มีมารยาหน่อยๆ ให้พี่เขาให้ปึ๋งปั๋งบ้างน่ะ แกทำเป็นไหม ให้พี่เขาแสดงความเป็นแมนๆ ให้แกเห็นน่ะ แค่เขาตื่นตัวหรือจุ๊บๆ แกนิดหน่อยก็โอแล้ว แกต้องสัมผัสได้แน่ว่าเขาโอหรือไม่โอ.. OK!..’
‘จะทำอย่างนั้นได้ไงดา พี่ชัฎเขาจะหาว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบไหนที่ เอ่อ..เอ่อ..ไปให้ท่าเขาน่ะ’
‘อ้าว! แล้วแกจะเอายังไง มีอย่างที่ไหนคบกันมา 4 ปีไม่เคยแม้แต่จะจับมือถือแขน เป็นคนอื่นน่ะเขาไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว ไม่งั้นแกก็ถามพี่ชัฎเขาไปตรงๆ เลยว่า..เป็นหรือไม่เป็น ไอ้ที่สงสัยจะได้หายเสียที ฉันเป็นเพื่อนแกนะค้าง ฉันไม่อยากให้แกตัดสินใจผิดๆ นี่ยังไม่ได้แต่งงานกันก็ถือว่าดีไป แต่คุณหญิงแม่ของพี่แกเล่นลงข่าวว่าลูกชายเขาจะแต่งงานต้นปีหน้า โดยที่ไม่ถามแกสักคำ แล้วแกจะยังยอมเรอะ เป็นฉัน..ไม่อ่ะ ไม่รู้พี่นพยอมได้ไง พี่นพนะพี่นพ เฮ้อ!..’
กิริยาทอดถอนหายใจของนิดาทำให้ ‘น้ำค้าง หรือ ศิศิรา’ นั่งยิ้มแหยๆ อย่างไม่รู้ว่าจะพูดต่อได้ยังไงว่าคนที่ทำให้เธอต้องคิดหนักนั้นไม่ใช่ ‘ชัฎพงษ์’ ที่เป็นคนรัก แต่ทว่ากับเป็น ‘นพนิตย์’ ผู้เป็นพี่ชายของเธอต่างหากเล่าคำพูดของนิดาเหมือนจะยังก้องอยู่ในสมอง ที่ตอนนี้เหมือนจะอื้อๆ ตึงๆ กับหลายความคิดที่ประเดประดังกันเข้ามา มือบางยกขึ้นหมายจะเคาะให้เสียง ก็เธอตัดสินใจแล้วนี่ อุตส่าห์ช่วยกันวางแผนจนได้อยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 ในบังกะโลริมทะเลหลังนี้ หาดส่วนตัวที่เงียบสงบไม่ได้มีผู้คนพลุกพล่าน หากพลาดพลั้งไปคงจะไม่มีใครคาบข่าวไปถึงหัวหนังสือได้
ประตูห้องด้านหน้าถูกเปิดออกก่อนที่เธอจะทันได้เคาะเรียกทำให้ใบหน้าสวยหวานต้องยิ้มเก้อๆ กับกิริยายกมือค้างของตัวเอง
“อ้าว! น้ำค้าง ว่าไงจ๊ะ หิวข้าวแล้วใช่ไหม มา..พี่จะพาไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกัน”
เจ้าของห้องที่เปิดประตูออกมาจัดได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีมากคนหนึ่ง เรือนร่างสูงโปร่งออกจะผอมบางไปสักนิดแต่ด้วยมาดหนุ่มออฟฟิตจึงทำให้เขาดูดีไปอีกแบบหนึ่ง ผิวกายที่ขาวนวลอมชมพูกับริมฝีปากแดงระเรื่อที่เธออดจะสงสัยทุกครั้งไม่ได้ว่ามันเป็นสีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือเป็นสีที่เขาปรุงแต่งขึ้นมาให้ดูดียิ่งขึ้น แต่วันนี้เธอจะต้องรู้ให้ได้
“น้ำค้างจะมาชวนพี่ชัฎไปทานอาหารน่ะค่ะ แต่ไม่ต้องออกไปข้างนอก เพราะว่า..นางฟ้าเตรียมไว้ให้พร้อมสรรพแล้วค่ะ”
“หือ..เหรอจ๊ะ เอ..แต่ว่านางฟ้าของพี่เตรียมอะไรไว้ให้พี่ทานบ้างล่ะ” ชัฎพงษ์พูดพลางเอียงหน้ายิ้มเก๋ ก่อนที่จะแทรกตัวออกมาจากประตู โดยที่ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายที่จะถูกร่างของศิศิราที่ยืนขวางอยู่เลยสักนิด
ศิศิราปรายตามองกิริยาของชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้น แววคลางแคลงใจบ่งบอก ‘นางฟ้า’ คำเรียกขานที่พี่ชายและคู่หมั้นหนุ่มมักจะใช้เรียกเธออยู่เสมอ เพราะว่านพนิตย์..พี่ชายเพียงคนเดียวของเธอ
นับจากพ่อและแม่ของเธอเสียชีวิตเพราะเครื่องบินตกเมื่อหลายปีก่อนทำให้มีเพียงนพนิตย์คนเดียวเท่านั้นที่ดูแลเธอมาตลอด และนพนิตย์มักจะพูดเสมอว่าเธอเป็น ‘นางฟ้าน้อยๆ ที่พี่นพต้องดูแลปกป้อง’ ทำให้คู่หมั้นหนุ่มก็เลยเรียกเธอว่า ‘นางฟ้า’ ตามไปอีกคน แต่ในยามนี้ไม่มีใครสักคนที่จะรู้ว่า หัวใจของนางฟ้ามันบอบช้ำแค่ไหน ดวงตาหวานฉายแววเศร้าแต่เพียงครู่เดียวก็กลับเปลี่ยนเป็นแย้มยิ้มเหมือนเดิมอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พี่ชัฎคะ งั้นเราไปดินเนอร์กันเถอะค่ะ น้ำค้างขอฉลองความสำเร็จโปรเจคใหม่ของพี่ชัฎล่วงหน้าเลยละกัน”
ร่างบางก้าวประชิดตัว มือบางคล้องต้นแขนชายหนุ่มในลักษณะกึ่งชวนให้เดินไปข้างหน้า
“โอ๊ะ! จ้ะ น้ำค้างเดินไปก่อนเถอะนะ ขอให้องครักษ์พิทักษ์นางฟ้าเดินตามละกัน เดี๋ยวนางฟ้าของพี่หกล้มหกลุกไป พี่ชายนางฟ้าจะได้มาเอาพี่ตายกันพอดี” ชัฎพงษ์เบี่ยงตัวหลบอย่างสุภาพพร้อมผายมือไปด้านหน้า
“ค่ะ” ใบหน้างามยิ้มหวานอย่างเขินอายในคำพูดที่คู่หมั้นหนุ่มสัพยอกก่อนสีหน้าจะฉายแววเจ็บปวดกับความสงสัยที่ใคร่รู้คำตอบออกมา ดวงตาหวานงดงามร้อนผ่าวแพขนตางอนหนากะพริบถี่ขับไล่หยาดน้ำตาที่พาลจะไหล
‘น้ำค้าง ที่ฉันมาบอกเธอน่ะเพราะไม่ต้องการให้เธอโดนเขาสนสะพายนะ ถ้าเขาแมนเต็มร้อยน่ะเขาไม่ไปเดินเฉิดฉายอยู่ในบาร์เกย์ที่ฮ่องกงหรอก เธอเชื่อฉันดิ ถ้าเธอยังไม่อยากช้ำใจ’
‘พี่นาเขาจำคนผิดหรือเปล่าพัชร ก็วันที่เธอบอกน่ะ พี่ชัฎเขาไปภูเก็ตกับฉัน แล้วพี่ชัฎเขาจะไปโผล่อยู่ที่ฮ่องกงได้ยังไง’‘เฮ้ย! แต่พี่นาบอกว่าเป็นคุณชัฎจริงๆ นะ พี่นาจะจำคนผิดได้ไง หน้าแบบพี่ชัฎนี่..โหยเธอ เห็น 500 เมตรยังจำได้เลย’‘แต่ก็ฝากขอบคุณพี่นากับเธอด้วยนะที่เป็นห่วง ยังไงฉันก็จะระวังไว้ ถ้าพี่ชัฎเขามีพฤติกรรมอย่างว่าจริง ฉันก็คงไม่กล้าหรอก’ศิศิรายิ้มรับพลางเอ่ยขอบคุณทั้งพัชราและฝากขอบคุณไปถึงพี่สาวของพัชราที่เปิดร้านอาหารไทยอยู่ที่ฮ่องกง แม้สมัยเรียนเธอจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพัชราที่ตอนนี้ผันตัวเองไปเป็นแอร์โอสเตสประจำสายการบินไทย-ฮ่องกงก็ตามแต่เมื่อเรียนจบและโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ความไม่ลงรอยก็กลายกลับเป็นสนิทสนมกันไปอย่างไม่รู้ตัว ศิศิรามองเพื่อนสาวสวยที่เขี่ยปลายเส้นผมตัวเองไปมาอย่างสับสน รอยยิ้มสดใสส่งไปถึงเพื่อนแต่ทว่าภายในใจนั้นอยากจะร้องไห้โฮ ข่าวร้ายที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ว่าไม่มีมูล..อย่างเช่นตอนนี้ไงโต๊ะสีขาวเข้าชุดกับเก้าอี้ไม้และตัวบ้านตัดกับแสงสีส้มนวลในยามพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า ลำแสงอุ่นๆ ริมทะเลประกอบกับเสียงคลื่นกระทบฝั่งขับขาน สร้างบรรยากาศโรแมนติครายล้อมรอบกาย
ศิศิราเหมือนจะเห็นแวววาบประหลาดปรากฏในดวงตาคมเฉี่ยวคู่นั้น รอยวาบที่ปรากฏมันเจือไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงข้างใน “ก็ทั้งเรื่อง..คอนโด และก็เรื่องที่คุณหญิงป้า..จะจัดงานแต่งงานให้เรายังไงค่ะ น้ำ..ค้าง ดีใจม๊ากมาก.. พี่นพก็คงจะดีใจไปกับน้ำค้างและก็พี่ชัฎ เอิ๊ก!..” “ระ..เหรอจ๊ะ นพเขาบอกน้ำค้างแบบนั้นเหรอ” แววกราดเกรี้ยวปรากฏพร้อมกับรอยแสยะยิ้มที่มุมปากดั่งคนเจ็บช้ำอะไรบางอย่างในใจ “ก็..ช่าย..สิคะ ก็น้ำค้างน่ะ เป็นนางฟ้าของพี่นพ..นี่ค่ะ อะไรที่น้ำค้าง..มี..ฟาม..สุข พี่นพก็มี..ฟาม..สุขไปด้วยเสมอ พี่ชัฎว่าไหมคะ” “เอ่อ..จ้ะ ตามนั้น” ใบหน้าคมเชิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวในขณะที่ในใจประหวัดถึงคนที่จะตามมาในวันรุ่งขึ้นร่างบางประคองตัวไต่เดินมาตามโต๊ะก่อนจะค่อยๆ หย่อนตัวลงใกล้ๆ คู่หมั้น ชัฎพงษ์กระเถิบตัวหนีอย่างอัตโนมัติแต่ก็ยังคงสงวนท่าทีไม่ให้ดูน่าเกลียดจนเกินไป ดวงตาคมวาวขึ้นด้วยความไม่พอใจในกิริยาที่หญิงสาวเป็นและกับความขุ่นมัวในใจที่ต้องรอให้คนต้นเรื่องมาแก้ไข ผิดกับดวงตาที่ช้อนขึ้นสบคู่หมั้นหนุ่มหวานหยาดเยิ้ม มือบางเอื้อมไปข้า
ริมฝีปากแตะต้องสัมผัสกันโดยความตั้งใจของศิศิราแต่เป็นความตกใจของอีกฝ่าย ริมฝีปากบางพยายามบดเบียดริมฝีปากอ่อนนุ่มเกินบุรุษของอีกฝ่ายตามที่เคยพบเห็นในละครทีวี โดยไม่สนใจแรงดิ้นหนีของชัฎพงษ์ที่พยายามแกะมือที่โอบกอดรอบต้นคออย่างสติแตก“ปล่อย!!!! นังบ้า! แกมันบ้า! ไปแล้ว อีนังบ้า! นังร่าน! อดยากปากแห้งนักนะแก อีนางฟ้าจอมปลอม อีนางมารของจริง แหว๊ะ!.. อ๊วก!.. อีบ้า! อีเลว! แก..ฉันหมดความอดทนกับแกแล้ว อีบ้า! อี..อี..อีเรยา ฉันไม่รู้จะด่าจะเปรียบเปรยแกกับอะไรดี แค่ฉันลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับแกก็มากพอแล้ว ยังจะมาทำทุเรศให้ฉันสมเพชความบ้าความปัญญาอ่อนของแกมากเข้าไปอีก อีร่าน! รู้ไว้ด้วยว่าฉันอยากจะอาเจียนทุกครั้งที่เรียกแก..นางฟ้า อยากจะเรียกว่า..นางมาร ซะมากกว่า ฉันจะกลับกรุงเทพฯ แกอยากจะร่านอยู่ต่อ หรือจะไปร่านระริกกับใครก็เรื่องของแก อีบ้า!”เสียงเดินลงส้นด้วยความโมโหจากออกไปจนไม่ได้ยินอะไรอีก แต่ก็ไม่ทำให้ร่างบอบบางที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงมีปฏิกิริยาอะไร ท้องฟ้าข้างหน้าที่มืดมนไม่เท่ากับใจที่มองไม่เห็นแสงสว่างใดหลงเหลือ น้ำตาที่ไหลลงอาบสองแก้มยังคงไหลต่อดังก๊อกรั่วแต่ไม่มีแม้เสียงสะอื้นเพียงนิด
เสียงตะโกนออกมาจากกระท่อมริมทะเลทำให้ดวงตาคมเข้มต้องชะงักนิ่งเหมือนจะรู้ว่าเจ้าของกระท่อมคงจะรีบไปธุระที่ไหนแน่ ก็พี่หมึกเจ้าของเรือและเป็นลูกของลุงหมายคนเก่าแก่ของบิดานั้นที่เห็นอยู่ทุกวันก็มีเพียงกางเกงเลเพียงตัวเดียวเพราะทุกครั้งที่เขาแวะมาหาโลเคชั่นหรือสร้างบรรยากาศในงานเขียนที่นี่ พี่หมึกก็มักจะมาอยู่เป็นเพื่อนที่กระท่อมหลังนี้เสมอ และหากถ้าบอกว่ากำลังแต่งตัวก็คงหมายถึงไม่ได้อยู่ที่กระท่อมแน่“โธ่! พี่หมึกผมก็รึจะมาชวนก๊ง”ชายหนุ่มชูถุงหลายใบในมือให้คนที่ก้าวออกมาจากกระท่อมดู ชายร่างสูงใหญ่ตรงหน้าที่เหมือนหมึกสมชื่อ เพราะดูจะกลืนกินไปกับความมืดสลัวของบรรยากาศรายรอบเสียหมด รอยยิ้มเด่นที่ให้สีขาวเพียงจุดเดียวบนใบหน้าทำให้ชายหนุ่มต้องหัวเราะพลางส่ายศีรษะไปมา“หึหึหึ.. เออ..จะไปก็ไปเหอะ แล้วอย่าล่อซะจนฟ้าเหลืองก็แล้วกัน เก็บแรงไว้ออกเรือบ้าง ก็เห็นใจนะ แต่ไม่เห็นด้วยว่ะ ถุงก๊อบแก๊บอ่ะหัดพกไปบ้างนะ อย่างพี่หมึกนี่เสื้อกันฝนคงจะเอาไม่อยู่ สงสัยต้องใช้ร่มชูชีพแล้วมั้ง”“คุณปอนด์ก็พูดไป.. งั้นผมไม่ไปดีกว่า เปรี้ยวปากอยากเหล้าอยู่เหมือนกัน” ชายร่างหมึกหันกลับเข้ากระท่อมทำทีจะไปเปลี่ยนเสื้
เสียงตะโกนออกมาจากกระท่อมริมทะเลทำให้ดวงตาคมเข้มต้องชะงักนิ่งเหมือนจะรู้ว่าเจ้าของกระท่อมคงจะรีบไปธุระที่ไหนแน่ ก็พี่หมึกเจ้าของเรือและเป็นลูกของลุงหมายคนเก่าแก่ของบิดานั้นที่เห็นอยู่ทุกวันก็มีเพียงกางเกงเลเพียงตัวเดียวเพราะทุกครั้งที่เขาแวะมาหาโลเคชั่นหรือสร้างบรรยากาศในงานเขียนที่นี่ พี่หมึกก็มักจะมาอยู่เป็นเพื่อนที่กระท่อมหลังนี้เสมอ และหากถ้าบอกว่ากำลังแต่งตัวก็คงหมายถึงไม่ได้อยู่ที่กระท่อมแน่“โธ่! พี่หมึกผมก็รึจะมาชวนก๊ง”ชายหนุ่มชูถุงหลายใบในมือให้คนที่ก้าวออกมาจากกระท่อมดู ชายร่างสูงใหญ่ตรงหน้าที่เหมือนหมึกสมชื่อ เพราะดูจะกลืนกินไปกับความมืดสลัวของบรรยากาศรายรอบเสียหมด รอยยิ้มเด่นที่ให้สีขาวเพียงจุดเดียวบนใบหน้าทำให้ชายหนุ่มต้องหัวเราะพลางส่ายศีรษะไปมา“หึหึหึ.. เออ..จะไปก็ไปเหอะ แล้วอย่าล่อซะจนฟ้าเหลืองก็แล้วกัน เก็บแรงไว้ออกเรือบ้าง ก็เห็นใจนะ แต่ไม่เห็นด้วยว่ะ ถุงก๊อบแก๊บอ่ะหัดพกไปบ้างนะ อย่างพี่หมึกนี่เสื้อกันฝนคงจะเอาไม่อยู่ สงสัยต้องใช้ร่มชูชีพแล้วมั้ง”“คุณปอนด์ก็พูดไป.. งั้นผมไม่ไปดีกว่า เปรี้ยวปากอยากเหล้าอยู่เหมือนกัน” ชายร่างหมึกหันกลับเข้ากระท่อมทำทีจะไปเปลี่ยนเสื้
ริมฝีปากแตะต้องสัมผัสกันโดยความตั้งใจของศิศิราแต่เป็นความตกใจของอีกฝ่าย ริมฝีปากบางพยายามบดเบียดริมฝีปากอ่อนนุ่มเกินบุรุษของอีกฝ่ายตามที่เคยพบเห็นในละครทีวี โดยไม่สนใจแรงดิ้นหนีของชัฎพงษ์ที่พยายามแกะมือที่โอบกอดรอบต้นคออย่างสติแตก“ปล่อย!!!! นังบ้า! แกมันบ้า! ไปแล้ว อีนังบ้า! นังร่าน! อดยากปากแห้งนักนะแก อีนางฟ้าจอมปลอม อีนางมารของจริง แหว๊ะ!.. อ๊วก!.. อีบ้า! อีเลว! แก..ฉันหมดความอดทนกับแกแล้ว อีบ้า! อี..อี..อีเรยา ฉันไม่รู้จะด่าจะเปรียบเปรยแกกับอะไรดี แค่ฉันลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับแกก็มากพอแล้ว ยังจะมาทำทุเรศให้ฉันสมเพชความบ้าความปัญญาอ่อนของแกมากเข้าไปอีก อีร่าน! รู้ไว้ด้วยว่าฉันอยากจะอาเจียนทุกครั้งที่เรียกแก..นางฟ้า อยากจะเรียกว่า..นางมาร ซะมากกว่า ฉันจะกลับกรุงเทพฯ แกอยากจะร่านอยู่ต่อ หรือจะไปร่านระริกกับใครก็เรื่องของแก อีบ้า!”เสียงเดินลงส้นด้วยความโมโหจากออกไปจนไม่ได้ยินอะไรอีก แต่ก็ไม่ทำให้ร่างบอบบางที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงมีปฏิกิริยาอะไร ท้องฟ้าข้างหน้าที่มืดมนไม่เท่ากับใจที่มองไม่เห็นแสงสว่างใดหลงเหลือ น้ำตาที่ไหลลงอาบสองแก้มยังคงไหลต่อดังก๊อกรั่วแต่ไม่มีแม้เสียงสะอื้นเพียงนิด
ศิศิราเหมือนจะเห็นแวววาบประหลาดปรากฏในดวงตาคมเฉี่ยวคู่นั้น รอยวาบที่ปรากฏมันเจือไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงข้างใน “ก็ทั้งเรื่อง..คอนโด และก็เรื่องที่คุณหญิงป้า..จะจัดงานแต่งงานให้เรายังไงค่ะ น้ำ..ค้าง ดีใจม๊ากมาก.. พี่นพก็คงจะดีใจไปกับน้ำค้างและก็พี่ชัฎ เอิ๊ก!..” “ระ..เหรอจ๊ะ นพเขาบอกน้ำค้างแบบนั้นเหรอ” แววกราดเกรี้ยวปรากฏพร้อมกับรอยแสยะยิ้มที่มุมปากดั่งคนเจ็บช้ำอะไรบางอย่างในใจ “ก็..ช่าย..สิคะ ก็น้ำค้างน่ะ เป็นนางฟ้าของพี่นพ..นี่ค่ะ อะไรที่น้ำค้าง..มี..ฟาม..สุข พี่นพก็มี..ฟาม..สุขไปด้วยเสมอ พี่ชัฎว่าไหมคะ” “เอ่อ..จ้ะ ตามนั้น” ใบหน้าคมเชิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวในขณะที่ในใจประหวัดถึงคนที่จะตามมาในวันรุ่งขึ้นร่างบางประคองตัวไต่เดินมาตามโต๊ะก่อนจะค่อยๆ หย่อนตัวลงใกล้ๆ คู่หมั้น ชัฎพงษ์กระเถิบตัวหนีอย่างอัตโนมัติแต่ก็ยังคงสงวนท่าทีไม่ให้ดูน่าเกลียดจนเกินไป ดวงตาคมวาวขึ้นด้วยความไม่พอใจในกิริยาที่หญิงสาวเป็นและกับความขุ่นมัวในใจที่ต้องรอให้คนต้นเรื่องมาแก้ไข ผิดกับดวงตาที่ช้อนขึ้นสบคู่หมั้นหนุ่มหวานหยาดเยิ้ม มือบางเอื้อมไปข้า
‘พี่นาเขาจำคนผิดหรือเปล่าพัชร ก็วันที่เธอบอกน่ะ พี่ชัฎเขาไปภูเก็ตกับฉัน แล้วพี่ชัฎเขาจะไปโผล่อยู่ที่ฮ่องกงได้ยังไง’‘เฮ้ย! แต่พี่นาบอกว่าเป็นคุณชัฎจริงๆ นะ พี่นาจะจำคนผิดได้ไง หน้าแบบพี่ชัฎนี่..โหยเธอ เห็น 500 เมตรยังจำได้เลย’‘แต่ก็ฝากขอบคุณพี่นากับเธอด้วยนะที่เป็นห่วง ยังไงฉันก็จะระวังไว้ ถ้าพี่ชัฎเขามีพฤติกรรมอย่างว่าจริง ฉันก็คงไม่กล้าหรอก’ศิศิรายิ้มรับพลางเอ่ยขอบคุณทั้งพัชราและฝากขอบคุณไปถึงพี่สาวของพัชราที่เปิดร้านอาหารไทยอยู่ที่ฮ่องกง แม้สมัยเรียนเธอจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพัชราที่ตอนนี้ผันตัวเองไปเป็นแอร์โอสเตสประจำสายการบินไทย-ฮ่องกงก็ตามแต่เมื่อเรียนจบและโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ความไม่ลงรอยก็กลายกลับเป็นสนิทสนมกันไปอย่างไม่รู้ตัว ศิศิรามองเพื่อนสาวสวยที่เขี่ยปลายเส้นผมตัวเองไปมาอย่างสับสน รอยยิ้มสดใสส่งไปถึงเพื่อนแต่ทว่าภายในใจนั้นอยากจะร้องไห้โฮ ข่าวร้ายที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ว่าไม่มีมูล..อย่างเช่นตอนนี้ไงโต๊ะสีขาวเข้าชุดกับเก้าอี้ไม้และตัวบ้านตัดกับแสงสีส้มนวลในยามพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า ลำแสงอุ่นๆ ริมทะเลประกอบกับเสียงคลื่นกระทบฝั่งขับขาน สร้างบรรยากาศโรแมนติครายล้อมรอบกาย
ดวงตาหวานจ้องจับหน้าประตูไม้สีขาวอย่างชั่งใจ แววหวานหวั่นไหวกับบางสิ่งบางอย่างที่ครุ่นคิดมาตลอดทั้งคืน ความกลัวที่จะทำมีมากก็จริงแต่ก็ไม่เท่าความใคร่รู้ที่ยิ่งเร่งเร้าให้เธอทำตามในสิ่งที่ตัดสินใจและวางแผนจนทำให้ร่างบางสมส่วนมาหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนี้ ‘น้ำค้าง..แกต้องพิสูจน์ ถ้าแกอยากรู้ว่าที่พวกยายพัชรพูดกันมันจริงหรือเปล่า’ ‘แต่..ฉันไม่กล้าหรอกดา อยู่ๆ แกจะให้ฉันไปทำอะไรอย่างนั้นได้ไง ฉันเป็นผู้หญิงนะ’ ‘ฉันก็ไม่ได้ให้แกไปปล้ำพี่เขาเสียหน่อย แค่ใส่จริตเล็กๆ น้อยๆ มีมารยาหน่อยๆ ให้พี่เขาให้ปึ๋งปั๋งบ้างน่ะ แกทำเป็นไหม ให้พี่เขาแสดงความเป็นแมนๆ ให้แกเห็นน่ะ แค่เขาตื่นตัวหรือจุ๊บๆ แกนิดหน่อยก็โอแล้ว แกต้องสัมผัสได้แน่ว่าเขาโอหรือไม่โอ.. OK!..’ ‘จะทำอย่างนั้นได้ไงดา พี่ชัฎเขาจะหาว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบไหนที่ เอ่อ..เอ่อ..ไปให้ท่าเขาน่ะ’ ‘อ้าว! แล้วแกจะเอายังไง มีอย่างที่ไหนคบกันมา 4 ปีไม่เคยแม้แต่จะจับมือถือแขน เป็นคนอื่นน่ะเขาไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว ไม่งั้นแกก็ถามพี่ชัฎเขาไปตรงๆ เลยว่า..เป็นหรือไม่เป็น ไอ้ที่สงสัยจะได้หายเสียที