21 ปล่อยพนักงานของเรด ร็อกเก็ตร่วมสองร้อยเดินทางโดยเครื่องบินมาลงที่กระบี่ก่อนจะเดินทางต่อด้วยรถตู้และเรือมายังหมู่เกาะพีพี การมาเอาท์ติ้งครั้งนี้มีเวลาทั้งหมดสามวันสองคืน พอมาถึงทุกคนก็ต่างพากันเข้าที่พักเพื่อเก็บของ ก่อนจะออกมากินข้าวเย็นและร่วมกิจกรรมสันทนาการเพื่อสร้างความสนิทสนมกับเพื่อนร่วมงานลลิตาได้พักกับซาร่าสองคนในห้องพักของโรงแรมระดับลักชูรี มันเป็นความประสงค์ของผู้บริหารที่อยากให้พนักงานได้พักในโรงแรมดี ๆ หลังจากที่ทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งปีจากวันนั้นจนกระทั่งวันนี้ก็เป็นเวลาเจ็ดวันแล้วที่อธิติเงียบหายไป ลลิตาเองก็ไม่ได้ติดต่อเขา ส่วนเขาเองก็ไม่ติดต่อมา และแม้ว่าเพชรไพลินจะขอร้องให้ลลิตาช่วยติดต่ออธิติสักแค่ไหน เธอก็ไม่ยอมทำตามคำขอนั้น ทำไมเธอจะต้องเป็นสะพานที่เชื่อมให้สองคนนั้นได้เจอกันด้วย เห็นเธอเป็นอะไร…ต่อให้วันนี้เพชรไพลินจะไม่ใช่คนทรยศหักหลัง แต่มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับลลิตากลับแย่กว่าเดิมเสียอีก“แกจะนอนพักก็ได้นะหลิน ไว้ฉันจะหาอะไรมาให้กิน…กิจกรรมตอนเย็นก็ไม่ต้องทำหรอก ถ้าแกไม่อยากทำน่ะ” ซาร่าเข้าใจดีว่าเพื่อนไม่มีอารมณ์จะร่วมกิจกรรมอะไรทั้งน
ยังไม่ทันเอาของออกจากกระเป๋า ลลิตาก็ต้องกลับแล้ว…เธอตั้งใจจะหนีกลับโดยไม่ให้ใครรู้ จากภาพที่เห็นมันไม่สามารถคิดเป็นอื่นได้อีก ไม่มีแรงจะอยู่ต่อ หิ้วกระเป๋าออกจากห้องพักมาทั้งน้ำตา ขณะที่กำลังเดินไปหารถของโรงแรมก็ได้เจอกับอธิติเสียก่อน“ฮึก!” สองเท้าเล็กหยุดชะงัก เสียงสะอื้นยังคงดังอยู่เป็นระลอก เธอไม่เห็นตอนที่พิชญะพุ่งเข้าไปต่อยหน้าอธิติเพราะกลับเข้ามาในห้องก่อน เลยไม่รู้ว่ารอยแดงกับเลือดที่มุมปากของเขาตอนนี้เกิดจากอะไร“จะไปไหน?” เขาถาม คิ้วขมวดจนแทบจะเป็นปมเมื่อเห็นว่าเธอร้องไห้ “แล้วร้องไห้ทำไม?”“เพราะเฮียไง เพราะเฮีย…หลินเลยร้องไห้แบบนี้ แล้วหลินก็จะกลับบ้าน อยู่ต่อไม่ไหวแล้ว” ว่าแล้วลลิตาก็คิดจะเดินเลี่ยงออกมา แต่อธิติกลับคว้าแย่งกระเป๋าเธอไว้เสียก่อน“คุยกันหน่อย”“หลินไม่มีอะไรจะคุยกับเฮียแล้ว! หลินหมดแล้ว! หมดแล้วจริง ๆ”“หมดอะไร? เฮียทำอะไร?”“…” เขาเอาแต่ถามว่าทำอะไรอยู่ได้ ทำไมเขาถึงไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองทำอะไรเธอถึงได้เสียใจแบบนี้ หรือต้องให้เธอพูดมันออกมาจริง ๆ เอาให้มันจบแบบไม่ค้างคาเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยดีไหม?“ตอบสิ! ทำไมเธอถึงต้องร้องไห้เพราะเฮีย? ทำไม…เสียใจเพราะเฮียแ
22 ให้เวลาเยียวยาหัวใจลลิตาหนีกลับบ้านมาโดยไม่บอกใคร ทั้งซาร่าและพิชญะโทรหาเธอเป็นสิบสายจนต้องปิดเครื่องหนี เวลานี้หญิงสาวไม่พร้อมที่จะคุยอะไรกับใครทั้งนั้น ถึงบ้านแล้วก็ปิดตายตัวเองอยู่แต่ในห้องนอน ไม่กิน ไม่หลับ ตอนนี้ไม่มีน้ำตาให้ไหลแล้ว เพราะเธอร้องไห้มาตลอดทางระหว่างที่นั่งรถทัวร์จากกระบี่มาจนถึงท่ารถสายใต้ ร้องไปเยอะจนเหมือนไม่มีน้ำตาให้ไหลไม่อยากคิดย้อนกลับไปถึงวันเริ่มต้นแต่มันก็อดไม่ได้ หากวันนั้นเธอตัดสินใจอีกแบบ ถ้าวันนั้นเธอเลือกที่จะกลับบ้านแทนที่จะขึ้นโรงแรมไปกับอธิติ ป่านนี้เธออาจมีแฟนที่รักเธอและเธอก็รักตอบไปแล้ว ถ้ารู้ว่าจะเจ็บแบบนี้วันนั้นก็คงไม่นอนกับเขาแค่เพราะต้องการความแปลกใหม่ในชีวิต ถ้ารู้ว่าต่อให้รักเขาแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องเสียใจ ก็คงหักห้ามใจตั้งแต่แรกแต่ไม่หรอก…ต่อให้พยายามหักห้ามใจไม่รักเขายังไง เธอก็ทำไม่ได้อยู่ดี ใช่ว่าเธออยากจะรักเขา ไม่เคยอยากรักเขาเลย…แต่มันทำไม่ได้ หัวใจมันไม่เคยฟัง ห้ามเท่าไรก็ไม่ยอมทำตาม รักเขาไปทั้งที่รู้ รู้ว่ายังไงก็ต้องจบแบบนี้ลลิตานอนมองเพดานห้องนอนอยู่พักใหญ่ คิดอะไรมากมาย คิดวนไปวนมาเป็นวงกลม สิ่งที่ซาร่ากับพิชญะเคยพูดไว้มั
“ลาออก?! หมายความว่าไง…หลินลาออกคืออะไร?!”อธิติถามเสียงดังด้วยความไม่พอใจ ทันทีที่เขามาถึงออฟฟิศก็ได้รู้ข่าวว่าลลิตามาลาออกไปเมื่อเช้าจากจิรกิต ย้ายที่อยู่หนีเขาว่าหนักแล้ว นี่ถึงกับลาออกจากงานด้วยหรือ? มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือไง? ทำไมจะต้องทำให้ตัวเองลำบากเพราะแค่อยากจะอยู่ให้ห่างเขาด้วย?“ก็หมายความตามนั้น ไม่ใช่แค่หลินที่ลาออก…ได้ยินว่าพอยท์ ไอ้หน้าอ่อนจากทีมพัฒนาเกมที่ต่อยหน้ามึงวันนั้นก็ลาออกด้วยเหมือนกัน”“แล้วออกไปอยู่ไหน? มึงรู้ไหม?”“กูจะไปรู้ได้ยังไง? สรุปมีเรื่องอะไรวะไอ้อี้…กูคิดว่ามึงเลือกหลิน แล้วทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ หรือว่ามึงเลือกเพชร?”“กูไม่ได้เลือกใครทั้งนั้น!”“เวร! เพื่อ?! ทำไมมึงไม่เลือกสักคน? กูเข้าใจนะว่าถ้ามึงเลือกหลินแล้วจะต้องมารู้สึกผิดกับเพชร แต่มันก็ช่วยไม่ได้….เพชรต้องยอมรับเรื่องนี้ให้ได้ตั้งแต่วันที่เขาคิดจะทิ้งมึงไปแล้ว ส่วนถ้ามึงเลือกเพชร…มึงก็แค่ต้องทนเห็นหลินเสียใจ ยังไงมันก็ต้องมีคนเสียใจหนึ่งคน แต่นี่มึงเสือกให้เสียใจหมดทั้งสามคนเลย โง่หรือเปล่าวะไอ้อี้?!” เมื่อเพื่อนเลือกไม่ได้ดั่งใจ จิรกิตก็เหมือนจะพลอยเสียดายไปด้วย“ถ้ากูเลือกใครสักคน มันไม่ใ
23 หมาหัวเน่ามีคนเคยบอกไว้ว่าระยะเวลาที่ใช้ทำใจมันยาวนานเทียบเท่ากับเวลาที่ใช้รักคนคนนั้น ลลิตาคิดทบทวนดูแล้ว…เหมือนว่าเธอจะต้องใช้เวลาหนึ่งปีในการรักษาแผลใจ มองดูปฏิทินผ่านโทรศัพท์มือแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เหลืออีกตั้งสิบเอ็ดเดือนแน่ะ เพราะตั้งแต่วันที่เธอตั้งใจแล้วว่าจะหันกลับมารักตัวเองจนถึงตอนนี้มันก็เพิ่งผ่านมาแค่เดือนเดียวเท่านั้นหนึ่งเดือนแล้วที่เธอย้ายมาอยู่คอนโดมิเนียมย่านจตุจักร หนึ่งเดือนแล้วที่เข้ามาทำงานที่ใหม่ หนึ่งเดือนแล้วที่ไม่ได้เสียน้ำตา ถึงจุดหนึ่ง…เมื่อยอมรับได้ว่ามันก็แค่ความผิดหวัง เมื่อยอมรับได้แล้วว่าเธอไปรักคนที่เขาไม่ได้รักตอบ น้ำตามันก็ไม่ไหลออกมาอีก ถามว่ายังเสียใจอยู่ไหม…ตอบเลยว่าไม่แล้ว ตอนนี้ลลิตาไม่ได้เสียใจเพราะอธิติแล้ว แต่มีบางครั้งที่ยังคิดถึงเขาอยู่ ยังมีบางวันที่ฝันถึงเขาบ้าง และมีบางคราวที่โหยหาเขามันคงต้องใช้เวลา ซาร่าบอกว่าแค่เดือนเดียวทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเก่งแล้ว แค่ไม่ร้องไห้และเริ่มยิ้มได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ลลิตายังติดต่อกับซาร่าเหมือนเดิม ยังไปไหนมาไหนด้วยกันหลังเลิกงานเหมือนเคย ยังออกไปดื่มและเมาด้วยกัน ตอนนี้ทั้งสองไม่ใช่แค่เพื่อนร่
มีตำรวจจากโรงพักใกล้ ๆ มาสองนาย มีผู้จัดการอเวนิวซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของซุปเปอร์มาคอยเคลียร์สถานการณ์ มีรปภ.คอยให้ปากคำ อธิตินั่งนิ่งอยู่ท่ามกลางทุกคนที่มองว่าเขาเป็นคนไร้บ้านที่เมาไม่มีสติ และกำลังคิดจะเข้าไปชิงกระเป๋าลูกค้าที่มาใช้บริการของอเวนิว ตั้งแต่ที่ถูกจับมา นอกจากบอกว่าไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นแล้วเขาก็ไม่อธิบายอะไรอีก ก็วันนี้เขามาแต่ตัว กระเป๋าเงินก็ไม่ได้เอามาเลยไม่มีบัตรประชาชนมายื่น โทรศัพท์มือถือก็ไม่ได้เอามาอีกต่างหาก ตำรวจถามข้อมูลอะไรเขาก็ไม่พูด“จะถามอีกแค่ครั้งเดียวนะ เอ็งชื่ออะไร…เลขตามบัตรประชาชนคืออะไร แล้วจะติดต่อคนรู้จักหรือญาติเอ็งได้ที่ไหน?” หนึ่งในตำรวจถามขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเอือมระอาสุดขีด“…”“เขาไม่ตอบหรอกครับ นั่งตรงนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วเขาไม่พูดอะไรเลย บอกแต่ว่าไม่ได้ทำ ๆ แต่มีลูกค้าแจ้งผมมาว่าเห็นเขายืนด้อม ๆ มอง ๆ มาสักพักแล้ว เขาทำให้ลูกค้ากลัว แล้วผมก็เห็นว่าเขากำลังจะเข้าไปหาลูกค้าคู่หนึ่งที่เดินออกมาจากซุปเปอร์” รปภ.พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด จะโทษเขาก็ไม่ได้“กลิ่นเหล้าหึ่งขนาดนี้…เอาเงินที่ไหนไปซื้อเหล้า?”“เงินที่หามาไง” อธิติเหลือบมอง
24 ในวันที่สายเกินไปลลิตาเคยคิดว่าถ้าได้เจออธิติอีกครั้งเธอจะยิ้มให้เขาได้ ตอนแรกเธอคิดว่าคงจะแข็งแรงมากพอที่จะวางตัวเป็นปกติได้เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าเขา แต่นั่นเป็นเพราะเธอไม่คิดว่าจะได้กลับมาเจอกันเร็วแบบนี้ เธออุตส่าห์หลีกหนีจากเขามาทุกทางเท่าที่จะทำได้ ทั้งย้ายที่อยู่ ย้ายที่ทำงาน เขาเองก็ไม่เคยคิดจะมาตามเธอเลยตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา แล้วอยู่ ๆ ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้?จริงอยู่ที่เธอไม่ได้โกรธไม่ได้เกลียดอะไรเขา จริงอยู่ที่เหมือนจะทำใจได้แล้ว แต่เธอยังไม่พร้อมเจอเขา มันเร็วเกินไปที่จะยิ้มให้แล้วทำเหมือนไม่มีอะไร เวลาหนึ่งเดือนมันไม่มากพอ เธอดีขึ้นแล้วก็จริงแต่ยังไม่ได้แข็งแรงขนาดที่จะอยู่กับเขาได้โดยไม่คิดถึงเรื่องราวในอดีตหลังจากที่พิชญะกับซาร่าช่วยแบกอธิติขึ้นมาที่คอนโดมิเนียม ลลิตาก็จัดที่ทางให้อธิตินอนบนโซฟาหน้าโทรทัศน์ กระทั่งเพื่อนสองคนกลับไปแล้ว เธอก็ยังยืนกอดอกมองหน้าเขาด้วยความคิดมากมาย เห็นสภาพเขาแล้วเธอพูดไม่ออก เบ้าตาดำคล้ำ ริมฝีปากแห้งกรัง หนวดเคราเฟิ้มไปหมด เขาที่เคยเป็นคนดูแลตัวเองอย่างดีหายไปไหนกัน? ทำไมถึงปล่อยเนื้อปล่อยตัวแบบนี้?ลลิตาได้แต่ถอนหายใจออกมาเมื่อค
“เรามาเป็นคนรักกันได้ไหมหลิน? แต่งงานกับเฮียได้ไหม? ไม่ต้องเสียเวลาคบกันแล้ว…เรามาแต่งงานอยู่ด้วยกันเลย สร้างครอบครัวและมีลูกด้วยกันเลยได้ไหม? แล้วเฮียจะแบกรับทุกอย่างไว้เอง เฮียจะเลี้ยงดูเธอกับลูก เฮียจะเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ออกไปทำงานหาเงินให้เธอใช้ เฮียจะไม่เล่นเกมทั้งวันเหมือนเมื่อก่อน จะไม่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ เหมือนที่เคยทำ เฮียสัญญาว่าจะเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อเธอ”“เฮียปล่อยหลิน!”“เฮียเพิ่งเข้าใจ…ว่าการอยากเป็นคนที่ดีกว่าเดิมมันคืออะไร พอรู้ตัวว่ารักเธอ…เฮียก็อยากจะทำทุกอย่างเพื่อเธอ เฮียอยากเป็นคนที่ดีกว่าเดิมเพื่อเธอ แค่เธอคนเดียวเท่านั้น”“เฮียรู้มาตลอดว่าหลินรักเฮีย…แล้วทำไมถึงไม่คิดจะรักหลินตอบตั้งแต่แรก? ตอนนั้นที่เฮียเลือกจะปล่อยหลินไป ทั้งที่หลินสารภาพว่ารักเฮียหมดใจ เฮียรู้ว่าหลินเจ็บปวดเพราะเฮียมากแค่ไหน แต่ก็ยังปล่อยให้เป็นแบบนั้น พอตอนนี้เฮียอยากให้หลินกลับไปรักเหมือนเดิม ก็มาคร่ำครวญว่ารักหลิน ทั้งที่หลินกำลังทำใจได้แล้ว ทั้งที่หลินเกือบจะลืมเฮียได้แล้ว มันไม่แฟร์เลย…ไม่ว่าจะเป็นตอนนั้นหรือตอนนี้เฮียก็ยังเอาเปรียบความรู้สึกของหลิน จะอ้างว่าเพิ่งรู้ตัวว่ารักหลินเหรอ? เชื่อ
บทส่งท้ายในที่สุดวันที่ลลิตาและอธิติรอคอยก็มาถึง เป็นวันงานแต่งงานของเขาและเธอ ซึ่งแม้ว่าทั้งสองจะมีเชื้อสายจีนแต่ก็เลือกจะจัดงานตามความสะดวก เป็นพิธีแบบผสมผสานไม่ได้ตรงตามแบบแผนใด ๆ ช่วงเช้าจัดเป็นพิธีหมั้น มีการสวมแหวนและมอบสินสอด ส่วนช่วงบ่ายจนถึงเย็นก็เป็นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในสวนดอกไม้เจ้าบ่าวในชุดสูทสีน้ำเงินยืนรอเจ้าสาวอยู่ที่ซุ้มดอกไม้ เขาเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเพลงบรรเลงเริ่มดังขึ้น หัวใจมันเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เขาที่เคยผิดหวังครั้งใหญ่ในชีวิตจนล้มเลิกความคิดเรื่องแต่งงานไปแล้ว ไม่คิดไม่ฝันว่าสุดท้ายจะอยากแต่งงานกับใครสักคนขึ้นมาอีกครั้ง และไม่คิดเช่นกันว่าคนคนนั้นจะเป็นลลิตา น้องสาวที่เขาเห็นหน้าเห็นตามาตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยคิดว่าจะรักเธอในรูปแบบนี้มาตั้งแต่แรกเขาไม่เคยคิดว่าชีวิตจะอยู่โดยมีเธอเข้ามาเป็นแรงผลักดันไม่เคยคิดเลยว่าอยู่ ๆ จะอยากเป็นเสาหลักค้ำชูใครจนกระทั่งเขาได้ตกหลุมรักเธอเข้าเต็มหัวใจถามว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้เขารักเธอได้มากมายขนาดนี้ อธิติตอบไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าเริ่มรักเธอในฐานะผู้ชายคนหนึ่งตอนไหน ไม่รู้เลยว่าเพราะอะไรถึงรัก รู้เพียงแต่ว่า…ไม่มีเธออยู่เคียงข
“คิดว่าเฮียรู้ไม่ทันเหรอว่าเธอแกล้ง?”“หลินแกล้งเฮียบ้างไม่ได้เหรอ? ทีเฮียชอบแกล้งหลินล่ะ?” ลลิตาเชิดหน้าพร้อมรอยยิ้มอย่างคนท้าทาย แต่สุดท้ายก็ต้องนิ่วหน้าเสียวเมื่ออธิติล้วงลึกเข้าไปถึงจุดสั่นไหว “อื้อ…เฮียอี้!”“เปียกเฉย…แค่อมให้เฮียก็ทำให้เธอเสียวได้เหรอ?”“คิดว่าตัวเองอยากเป็นคนเดียวหรือไง?”“บอกเฮียสิว่าเธออยากมากแค่ไหน” สองคนจ้องตากันและกัน เรียวนิ้วของอธิติสอดลึกเข้าถึงโพรงอุ่น ตวัดเกี่ยวกระทำความเสียวซ่านให้คนตัวเล็ก แล้วเธอก็ร่อนโยกสู้เรียวนิ้วเขาเป็นจังหวะ“อ๊ะ! โคตรอยากเลย…ฮึก! เฮียขา…หลินอยากโดนเฮียกระแทกแรง ๆ”“แรงแค่ไหน?”“แรงที่สุด…ฮึก! เฮียอี้…เอาหลินหน่อย…อ๊าห์! เอาหลินทีเฮียอี้” ไม่มีเหตุผลให้ลลิตาต้องเขินอาย อีกไม่กี่วันคนตรงหน้าก็จะได้ชื่อว่าเป็นสามีเธอแล้ว ความต้องการมันบังคับให้เธอร้องขอ โอบรอบคอเขามาประกบปากจูบ จูบแล้วก็จูบอีกทว่ามันยังไม่หนำใจ เหมือนได้เท่าไรก็ไม่พอ“ไม่อยากให้เฮียเลียให้ก่อนเหรอ?”“ฮึก! ไม่ต้องแล้ว…ใส่มาเลยได้ไหม? หลินต้องการเฮียจนจะทนไม่ไหวแล้ว อ๊ะ! อ๊าห์!” พูดไม่ทันขาดคำอธิติก็มอบสิ่งที่ลลิตาโหยหาให้เธอ ถลกชุดลูกไม้บาง ๆ ขึ้นแล้วเอาความเป็นเ
30 ที่รักกลับมาถึงคอนโดมิเนียมลลิตาก็เข้าครัวไปทำมื้อเย็น ส่วนอธิติก็เข้าห้องทำงานไปเคลียร์งานของตัวเอง ช่วงนี้เขาต้องทำงานหนักเพราะมีเกมใหม่ที่กำลังสร้าง ทำงานไปได้สักพักลลิตาก็มาเรียกให้ไปกินข้าว ดูเหมือนว่าความพยายามของลลิตาจะเริ่มแสดงผล เพราะข้าวอบกุ้งวันนี้รสชาติดีกว่าครั้งก่อน ข้าวสุกทุกเม็ด รสชาติไม่เค็มโดดแล้ว ถือว่าเป็นเมนูที่อร่อยใช้ได้“อร่อยไหม?” หญิงสาวเอ่ยถาม เธอชอบใจและมีความสุขทุกครั้งที่เห็นอธิติกินอาหารฝีมือเธอ“อะไรที่เธอทำก็อร่อยทั้งนั้นแหละ ถึงเธอเอาดินเอาโคลนมาให้กิน…เฮียก็ว่าอร่อย”“เวอร์! ใครจะเอาดินเอาโคลนมาให้สามีกิน”“…” เมนูแรกที่เธอทำก็เหมือนเอาโคลนมาผัด อธิตินึกอยากจะพูดคำนั้นแต่ไม่กล้า เขาไม่ใช่พ่อบ้านใจกล้าและไม่ชอบเวลาเมียงอนด้วย อีกอย่าง…คืนนี้เขายังอยากให้เธอง้ออยู่“ยังงอนหลินอยู่อีกเหรอ? หลินบอกแล้วไงว่าที่พูดไปว่าขาดทุนอะ มันไม่ได้หมายความว่าอยากไปนอนกับคนอื่นที่ไม่ใช่เฮีย…ขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่อใจกันอีกเหรอ?”“ใครจะไปรู้ ต่อไปถ้าเจอใครมาทำเหมือนว่าเคยนอนกับเฮียอีก…เธอจะไม่พูดเรื่องนั้นขึ้นมาอีกเหรอ?” ที่จริงเขาหายโกรธหายงอนไปตั้งแต่ที่ได้ยินคำว่า
ลลิตาไม่ใช่แม่ศรีเรือนที่ชอบทำงานบ้านหรือทำกับข้าวเก่ง อาจต้องพูดว่าเธอแทบจะทำอาหารไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อรู้ตัวว่าจะต้องแต่งงานและเป็นแม่ของลูกในสักวัน เธอก็พยายาม…เริ่มทำงานบ้านให้ติดเป็นนิสัย เริ่มเข้าครัวฝึกทำอาหาร ซึ่งคนแรกและคนเดียวที่ต้องเป็นหนูทดลองชิมอาหารฝีมือเธอก็คือว่าที่คุณสามีหลังเลิกงานทั้งสองคนมักจะแวะซุปเปอร์เพื่อซื้อของเข้าบ้าน อธิติชอบทุกครั้งที่ได้มาซื้อของกับลลิตาแบบนี้ เขาจะคอยโอบเอว โอบไหล่เธอแบบที่ไม่ปล่อยให้เดินห่างจากกาย ไม่ว่าเธอจะเดินไปทางไหนเขาก็จะรีบตามติดเหมือนเป็นเงาตามตัว“วันก่อนที่หลินทำข้าวอบกุ้งให้กิน เฮียชอบไหม? อยากกินอีกไหม?” หญิงสาวเอ่ยถามขณะที่สองคนกำลังเดินเลือกซื้ออาหารสด“ข้าวอบกุ้งเหรอ?” อธิติจำได้ดีข้าวอบกุ้งที่เม็ดข้าวยังแข็งเพราะไม่สุกดี รสชาติก็เค็มจนแทบกลืนไม่ลง พูดได้เลยว่าลลิตาไม่เหมาะกับงานในบ้านเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะเห็นถึงความพยายามเขาเลยกินมันจนหมดไม่เหลือสักเม็ด ชมเธอครั้งแล้วครั้งเล่าว่ามันอร่อยสุด ๆ“หรืออยากกินสปาเก็ตตีขี้เมาแบบวันนั้นอีก?”“เฮียกินอะไรก็ได้ เธอทำอะไรให้กินเฮียก็กินได้ทั้งนั้นแหละ” อธิติคิดแล้วคิดอีกว่าค
29 จากคู่นอนเป็นคู่รักนับจากวันที่อธิติได้สร้างเรื่องเซอร์ไพรซ์กับคนที่บ้านจนถึงวันนี้ก็นับเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว เขาและลลิตาย้ายมาอยู่ด้วยกันที่คอนโดมิเนียมหรูราคาหลายสิบล้านที่ซื้อไว้เก็งกำไร ตอนนี้ลลิตาได้ลาออกจากลุคแล้วกลับเข้ามาทำงานที่เรด ร็อกเก็ตในตำแหน่งหัวหน้าแผนก Project Coordinator ที่ว่างอยู่หลังจากที่เพชรไพลินย้ายกลับไปอยู่อเมริกา ซึ่งทีแรกอธิติไม่ต้องการให้ลลิตาทำงานอะไรเลย เขาอยากให้เมียนอนสบาย ๆ อยู่ที่บ้าน แต่พอเธอยืนกรานว่ายังไงก็ยังอยากออกไปทำงาน เขาก็เสนอให้เธอมาเป็นเลขาของเขา ซึ่งก็อีกเช่นกัน…เธอปฏิเสธ สุดท้ายอธิติก็ต้องยอมตามใจให้ลลิตาไปทำงานในตำแหน่งที่อยากทำตลอดหนึ่งเดือนมานี้สองคนผัวเมียต้องปรับตัวเข้าหากันอย่างมากมาย เพราะไม่เคยได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบนี้มาก่อน เถียงกันได้ทุกวัน มีเรื่องให้ต้องทะเลาะกันได้ตลอด แต่พอถึงเวลาเข้านอนก็นอนกกนอนกอดกันแบบไม่เหลือที่เว้นว่าง ส่วนใหญ่เรื่องที่ทะเลาะก็เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเรื่องความไม่เป็นระเบียบของอธิติ เรื่องที่เขาไม่ยกฝาชักโครกบ้าง เรื่องเขาถอดกางเกงในม้วนเป็นเล็กแปดแล้วไม่ยอมใส่ไว้ใน
อธิติจูงมือลลิตาเข้ามาในบ้าน ทีแรกลลิตาบอกว่ายังไม่พร้อมให้อธิติมาเจอป๊าม้าตอนนี้ แต่ฝ่ายชายไม่ยอม เขาบอกว่าถ้าเว้นระยะเวลาอาจทำให้ผู้ใหญ่คิดว่าเขาไม่ให้เกียรติ เข้ามาแล้วก็เห็นกิตติคุณกับวรรณวิมลนั่งทำหน้ากลุ้มใจอยู่ที่โซฟา ส่วนกวินกานต์ก็นั่งอ่านบัญชีอยู่ที่โต๊ะกินข้าวซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน“ป๊า…ม้า…เฮียอี้อยากมาคุยด้วย” ลลิตาเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด แต่ไม่ทันที่คนเป็นพ่อแม่จะได้ตอบอะไร อธิติก็เข้าไปคุกเข่าตรงหน้าพวกท่านแล้ว“ผมขอโทษเจ๊กกับโกวครับ ที่ทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาหรือทำเหมือนไม่ให้เกียรติ ที่มานี่ก็เพื่อจะบอกว่าผมรักและอยากดูแลหลินจริง ๆ และผมเชื่อว่าผมเองสามารถทำให้หลินมีความสุขได้แน่นอน เราสองคนรักกันจริง ๆ ครับ” อธิติยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง เขาไม่รู้ว่าจะต้องพูดยังไงเพื่อให้ผู้ใหญ่ยอมรับได้ เลยได้แต่พูดในสิ่งที่คิดเท่านั้น“ถ้าขึ้นตั้งท้อง…โกวว่ามันเกินไปหน่อยนะอี้ สองคนรักกันแล้วทำไมไม่บอกให้ผู้ใหญ่รับรู้ โกวไม่เคยรู้เลยว่าหลินมีแฟน อยู่ ๆ ก็ท้องขึ้นมาซะอย่างนี้มันใช้ได้ที่ไหน โต ๆ กันแล้วทำไมเรื่องแค่นี้คิดไม่ได้?” วรรณวิมลรู้สึกผิดหวังเมื่อได้รู้ว่าลูกสาวคนเล็กท้องก่อนแต่ง
28 ยังไงเธอก็คือคนที่เฮียรักเหมือนเดิมบรรยากาศภายในห้องอาหารอึมครึมและเงียบงันเมื่อทุกคนได้ยินตรงกันว่าอธิติทำให้ลลิตาตั้งท้องอยู่ในเวลานี้ นับว่ายิ่งกว่าเรื่องเซอร์ไพรซ์ คงต้องบอกว่ามันคือเรื่องช็อกที่ทำเอาทุกคนตั้งรับไม่ทัน แม้แต่ลลิตาเองก็ยังตั้งรับกับสิ่งที่อธิติพูดไม่ทัน ใครจะไปคิดว่าเขาจะบ้าเลือดกุเรื่องท้องขึ้นมาเพื่อเอาชนะผู้ใหญ่แบบนั้นผลัวะ!!!วินาทีที่ทุกคำกำลังอึ้ง อ้ายฉิงก็ลุกจากเก้าอี้เข้าไปตบหัวลูกชายอย่างแรงจนหน้าคว่ำ“ม้าทนแกได้ทุกอย่างนะอี้! แต่เรื่องนี้ทนไม่ได้จริง ๆ แกบอกว่าทำหลินเขาท้องอย่างนั้นเหรอ?! สองคนไปรักกันตอนไหน?! แล้วไปทำอีท่าไหนหลินถึงท้องได้?!”“ถ้าจะต้องลงลึกถึงเรื่องท่า…ผมว่ามันจะมากไปหน่อยนะม้า”พลั่ก!!!ครั้งนี้เป็นนพชัยที่ทนความหน้ามึนของลูกชายคนรองไม่ไหว ตบเข้าที่ขมับไปอีกหนึ่งที แต่ดูเหมือนว่าอธิติจะไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย“ไอ้ลูกบ้า! จนถึงขนาดนี้แล้วแกยังจะมีหน้ามาล้อเล่นอีกเหรอ?!”“เรื่องจริงเหรอหลิน? นี่แกท้องจริง ๆ เหรอ?” กิตติคุณเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าลูกสาวของเขาจะไปลงเอยกับอธิติได้ แสดงว่าที่ผ่านมาที่สองคนสนิทกัน มันมากอะไรมากกว่าที่เห
ทีแรกอธิติจะพาลลิตาไปส่งที่บ้านท้ายซอย แต่แล้วทั้งสองคนก็ได้รับข้อความว่าให้ไปเจอที่ร้านอาหารจีนร้านประจำที่สองครอบครัวชอบไปด้วยกัน พอมาถึงก็เห็นว่าทุกคนมาพร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่แล้ว“ทำไมมาด้วยกันล่ะ…ไปไหนกันมาเหรอ?” กันต์ธีร์เอ่ยทักทาย ขณะที่อธิติกับลลิตาแยกตัวไปนั่งตรงข้ามกัน ทั้งที่ตอนแรกก็เดินเคียงคู่กันมาแท้ ๆ“เคี้ยวหมูกรอบในปากให้หมดก่อนไหม แล้วค่อยถาม” ลลิตาแยกเคี้ยวใส่เพื่อน“หมดแล้ว” กันต์ธีร์รีบเคี้ยวงับ ๆ แล้วกลืน “ตกลงไปไหนกันมา? ทำไมมาด้วยกัน?”“กูไปรับหลินมาจากออฟฟิศ มึงมีปัญหาอะไรไอ้เฟย?” เป็นอธิติที่ตอบ แล้วคำตอบของเขาก็ทำให้ลลิตาเบิกตาโต ไม่คิดว่าเขาจะตอบออกมาด้วยใบหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวแบบนั้น ส่วนคนอื่น ๆ บนโต๊ะก็หันมองกันอย่างแปลกใจ ก็เข้าใจว่าสองคนสนิทกัน…แต่ถึงกับไปรับจากออฟฟิศเพื่อมาที่นี่มันก็แปลก ๆ“อ่าว ๆ อย่าเพิ่งตีกัน ๆ ที่วันนี้เราสองครอบครัวนัดมากินข้าวก็เพราะมีเรื่องสำคัญอยากคุย” นพชัยปรามลูกชาย“เรื่องเที่ยวสิ้นปีเหรอป๊า?” กันต์ธีร์ถามพลางใช้ตะเกียบคีบสามชั้นตุ๋นเข้าปาก “ล็อกวันเดินทางได้เลย ผมจะได้ลางาน”“เรื่องเที่ยวเอาไว้ก่อน ที่จะคุยวันนี้มันสำคัญก
27 เซอร์ไพรซ์!ขับรถออกจากออฟฟิศของลุคมาได้สักพัก อธิติก็เริ่มเปิดเพลงซึ่งเพลงแรกที่เปิดขึ้นมาทำเอาลลิตาที่มองออกไปนอกกระจกรถ ต้องหันกลับมามองหน้าเขา มันเป็นเพลงที่เธอเคยบอกเขาว่าชอบแต่เขากลับบอกว่ามันไม่เพราะเลยสักนิด“อะไรเนี่ยเฮีย…ไม่ชอบเพลงนี้ไม่ใช่เหรอ?” แปลก ๆ เขาบอกว่าจะตามตื๊อหรือตามง้อมันก็ดี เพราะเธออยากเห็นว่าคนอย่างเขามีความพยายามแค่ไหน แต่มันก็ควรทำให้มันพอดี เขาควรจะเป็นตัวเองสิ ไม่ใช่มาเอาใจกันจนเวอร์แบบนี้“ใครบอก?”“เฮียไง ตอนนั้นที่หลินบอกว่าชอบเพลงนี้แล้วเอาให้เฮียฟัง เฮียบอกว่าไม่ชอบ”“แต่ตอนนี้ชอบแล้ว พอได้ฟังอีกครั้งมันก็เพราะดี เหมือนที่เมื่อก่อนเฮียไม่รักเธอ…แต่ตอนนี้โคตรรักเลย” อธิติหันมาสบตาลลิตาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันกลับไปมองทางข้างหน้า จังหวะนั้นเขาแอบยื่นมือหนาไปวางบนหลังมือเล็ก ๆ ที่เธอวางมือบนหน้าตักตัวเอง ยิ้มกว้างมากกว่าเดิมเมื่อเธอไม่ขยับหนีมือเขา “มือเธอนิ่มดีจัง”“อย่ามาเนียน…ใครให้จับ?”“ปากบอกไม่ให้จับ แต่ก็ไม่ยอมดึงมือออก…เอาจริงเธอก็เป็นคนปากแข็งเหมือนกันนะ” ได้ทีก็เหมือนจะเอาใหญ่ รั้งมือเล็กย้ายมาวางบนหน้าขาตัวเอง สอดสวมห้านิ้วของกันและกันไว้แน่