หน้าที่ของเธอคือ “เมียฉัน”
@ สนามยิงปืน WIN CLUB “วันนี้ไอ้วินมาไวเว้ย” เจคอร์ปเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นวินเนอร์เดินเข้ามา น้อยครั้งที่พวกเขาจะได้เห็นวินเนอร์จะออกมาเช็คของ รับของด้วยตัวเอง “กูมาเร็วไม่ดีใช่ไหม?” วินเนอร์ตอบกลับไปแบบหน่ายๆ จริงๆ เขาไม่ชอบมาทำอะไรแบบนี้ ส่วนมากจะให้พายุหรือดินมาแทน “ดี!! ปกติไม่เคยจะเห็นหัว ทำงานบ้าง ข้างบ้านจะสงสัย ไม่ใช่ส่งแต่ไอ้ยุกับไอ้ดินมา” เจคอร์ปตอบ “ส่งแต่ไอ้ยุไปเช็คของจนคู่ค้าเขาคิดว่ามันเป็นเจ้านายไปละ” มังกรพูดเหน็บคนเป็นเพ่อนแบบติดตลก “พูดมาก” วินเนอร์ตอบสั้นๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย “สงสัยวันนี้ฝนจะตก ถ้าวันนี้ฝนตกกูยกน้องนีน่าให้มึงเลย” น้องนีน่าที่คาร์โก้พูดถึงคือ สาวสวยนางแบบหุ่นแซ่บคู่ขาของคาร์โก้ที่เขาควงด้วยบ่อยๆ ในช่วงนี้ “ไม่เป็นไร ขอบใจ มึงเก็บไว้กินคนเดียวนั่นอหละดีแล้ว กินให้อิ่ม เดี๋ยวพอมีเมียแล้วจะไม่ได้กิน” “คนอย่างกูหรอจะมีเมีย มึงคิดได้ไง กูไม่เอาปลอกคอมาใส่หรอก กูไม่ชอบให้ใครมาทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกู” คาร์โก้ปฏิเสธแบบร่ายยาว เพราะคำว่า ‘เมีย’ สำหรับเพลย์บอยอย่างเขามันเป็นเรื่องน่ารำคาญ “แล้วทำไมต้องร่ายยาว” วินเนอร์เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบปนรำคาญ สำหรับเขาคำว่า ‘เมีย’ ในความคิดของเขาน่ารำคาญหรือไม่เขาไม่รู้ เพราะเขาไม่เคยคิดจะมีเมีย แฟน หรือคู่นอน แต่สำหรับเธอ…คนตัวเล็กที่เขาได้สัมผัสครั้งแรกในคืนนั้นกลับทำให้ร่างกายของเขารู้สึกโหยหา และความคิดที่อยากจะมีคนเคียงข้างเดินไปบนเส้นทางมาเฟียเหมือนกับพ่อและแม่ของเขา “กูกลับละ สินค้าไม่มีปัญหา” เมื่อเช็คสินค้าจนครบถ้วน วินเนอร์จึงขอกลับเพื่อไปคุยข้อตกลงกับคนในห้องของเขาให้เป็นเรื่องเป็นราว “เอ้า!! ไม่อยู่กินเหล้ากับพวกกูหรอวะ? จะรีบไปไหน? มีพิรุธนะมึงเนี่ยตั้งแต่เมื่อวานละ” เจคอร์ปขัดขึ้นหลังจากสังเกตว่าช่วงนี้เขาเอาแต่จะกลับบ้าน ไม่ค่อยสุงสิงสังสรรค์กับเพื่อน แต่พวกเขาก็ไม่ได้แปลกใจมากเท่าไรเพราะปกติชายหนุ่มก็ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับใครอยู่แล้ว แต่เพียงแค่ว่าเขาแค่จะไม่รีบกลับบ้านเหมือนตอนนี้ “กูจะรีบกลับไปหาเมีย” เขาบอกออกไปแบบนั้น เขาร็ว่าเพื่อนของเขาไม่มีทางเชื่อแบบนั้นแน่นอน พูดจบเขาก็เดินออกไปโดยคนฟังไม่ทันได้ถามอะไรเลย “ไอ้ยุ!!นายมึงซ่อนเมียไว้ที่ห้องจริงหรอวะ?” มังกรคว้าตัวพายุไว้ก่อนที่มันจะได้เดินตามผู้เป็นนายออกไป แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบใดๆ เสียงของเจ้านายก็ตะโกนมาว่า “ไอ้ยุ!!ถ้ามึงปากหมา กูจะส่งมึงไปรับใช้พ่อกู!!” “ผมไปก่อนนะเฮีย นายไม่ให้พูด” พายุหันกลับมาบอกมังกรที่เขาเรียก ‘เฮีย’ เพราะพายุรู้จักและนับถือเพื่อนๆ ของวินเนอร์เหมือนกับเจ้านายตัวเอง “มึงกลัวนายมึงยิง หรือ มึงกลัวจะได้ไปอยู่กับลุงเวน์วะ?” มังกรถามพายุปนขำ “ทั้งสองเลยเฮีย แต่เฮียคิดเอาเองนะ นายกลัวผมจะปากโป้งบอกเฮียขนาดนี้ คิดว่ามันคือเรื่องจริงไหมล่ะ?” พายุทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้ววิ่งออกตามผู้เป็นนายออกไปโดยเร็ว “แสดงว่าจริงหรอวะ? จริงใช่ไหมวะไอ้เจค” มังกรหันไปถามเจคอร์ปเหมือนยังไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง “ไม่รู้เว้ย แบบนี้มันต้องพิสูจน์” เจคอร์ปยิ้มมุมปากแบบมีเลศนัย @เพ้นท์เฮ้าส์ของวินเนอร์บนเกาะ WIN CLUB วินเนอร์กลับมาถึงเพ้นท์เฮ้าส์เปิดประตูเข้ามาในตัวห้องโถง พบกับหญิงสาวนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาตัวหรู เมื่อเห็ฯเจ้าของห้องเปิดประตูเข้ามา เธอก็ลุกขึ้นเหมือนต้อนรับการกลับมา “ทำงานเสร็จแล้วหรอคะ?” คำพูดของเธอทำให้วินเนอร์รู้สึกแปลกๆ เพราะเหมือนภรรยาที่พูดกับสามีตอนกลับมาจากการทำงาน ชายหนุ่มไม่ตอบ เดินตรงไปยังโซฟาที่เซรินยืนอยู่ เขานั่งลงบนโซฟา เซรินเห็นแบบนั้นเธอจึงนั่งลงกับพื้น เธอคิดว่าเขาจะทำข้อตกลงให้เธอเป็นแม่บ้านของเขาและแม่บ้านก็ต้องนั่งข้างล่างห้ามนั่งเสมอเจ้านาย วินเนอร์มองมองการกระทำของคนตัวเล็กที่นั่งกับพื้นเหมือนตัวเองเป็นคนรับใช้ของเขาซะแบบนั้น “ทำไมนั่งตรงนั้น” เขาถามแล้วดึงคนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตักใช้แขนแกร่งโอบเอวบางไว้ “ว้าย!!!คะ คุณทำอะไรคะ?” เซรินตกใจกับการกระทำของเขา “อย่าทำตัวเหมือนคนใช้” “คุณจะทำข้อตกลงให้เซ…เอ้ย…ให้ฉันตอบแทนบุญคุณที่คุณช่วยฉัยไว้ตั้งหลายครั้งด้วยการให้ฉันเป็นแม่บ้านไม่ใช่หรอคะ?” “คิดไปเอง…” “อ้าว ก็คุณบอกนี่คะ?” “บอกเมื่อไร?” ร่างบางบนตักแกร่งเอี้ยวตัวมองหน้าคนตัวโต แล้วคิดทบทวนหาคำพูดของเขาตรงไหนที่บอกจะให้เธอเป็นคนใช้ คิดเท่าไรก็ไม่มี เพราะมีแต่เธอที่พูดเองคิดเองทั้งหมด เธอจึงหันมายิ้มแหยๆ ให้ชายหนุ่มเป็นการแก้เขินในความคิดไปเองของเธอ “เธอชื่ออะไร?” เขาอยู่กับเธอมาหลายวันแต่ยังไม่รู้จักชื่อและไม่เคยเรียกชื่อเธอสักครั้ง “เซรินค่ะ เรียก ‘ริน’ เฉยๆ ก็ได้ค่ะเพราะทุกคนก็เรียกแบบนี้” “เธอแทนตัวเองว่าอะไร?” “คะ? ‘เซ’ ค่ะ” ร่างบางตอบแบบ งงๆ “ฉันจะเรียกเธอว่า ‘เซ’ และเธอก็ต้องแทนตัวเองแบบนี้แค่กับฉันด้วยเหมือนกัน” เขาตอบแค่นั้น หญิงสาวแปลกใจ เพราะไม่เคยมีใครเรียกเธอแบบนี้ นอกจากพ่อกับแม่ของเธอที่จากไปแล้วเท่านั้น “ค่ะ แล้วเซต้องเรียกคุณว่าอะไรค่ะ คุณ? คุณชาย? เจ้านาย? หรือคุณท่านดีคะ?” ร่าบางถามกลับ “เลิกดูละครนะ” เขาบอกแกมสั่ง เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เธอคิดไปเองแต่ละอย่างนั้นเหมือนในละครมาแบบก็อปปี้เลยทีเดียว “อ้าว?” “เธออยากตอบแทนฉันจริงๆ ใช่ไหม?” มาเฟียหนุ่มถามขึ้น “ค่ะ คุณช่วยชีวิตเซไว้ตั้งหลายครั้ง บอกเซได้เลยนะคะ เซทำเป็นหมดเลย ทั้งกวาดบ้าน ถูบ้าน ทำกับข้าว ล้างห้องน้ำก็ทำได้ค่ะ” เขามองคนตัวเล็กที่พูดร่ายยาวพร้อมกัยทำท่าทำทางเหมือนเด็กคุยจ้ออยู่บนตักของเขาด้วยสายตาเอ็นดู “ไม่ต้องทำอะไรแบบนั้น เรื่องพวกนั้นให้แม่บ้านที่นี่ทำ” “แล้วจะให้เซทำอะไรล่ะคะ?” “เธอมีหน้าที่แค่เป็นเมียฉัน” “ห๊ะ?!!?? อะไรนะคะ? เมียหรอคะ?” ร่างบางตกใจกับคำพูดของคนตรงหน้าจนเกือบหงายหลังร่วงลงจากตักแต่ดีที่เขากอดเอวของคนตัวเล็กไว้ได้ทัน “เธอมีครอบครัวไหม? มีบ้านที่ต้องกลับหรือเปล่า?” เขาเอ่ยถาม เขาให้ดินลูฏน้องคนสนิทของเขาไปสืบประวัติเธอมาแล้ว แต่ยังไม่ได้เรื่องราว “มะ ไม่มีค่ะครอบครัวค่ะ มีแต่คุณลุงที่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน เซมีบ้านค่ะ บ้านของพ่อแม่ แต่เพิ่งย้ายเข้าไปอยู่เมื่อไม่นานมานี้เอง ก่อนหน้านี้อยู่บ้านคุณลุง” เซรินตอบและเริ่มมีน้ำตาคลอ เธอต้องอาศัยอยู่กับลุงตั้งแต่พ่อและแม่ของเธอเสียชีวิตไป เมื่ออายุครบ 20 ปี เธอจึงย้ายมาอยู่ย้านของตัวเอง เพราะคิดว่าเธอโตพอที่จะเริ่มรับผิดชอบอะไรได้หลายๆ อย่าง “อืม ฉันจ้างเธอเดือนละ 5 ล้าน มาทำหน้าที่เป็นเมียของฉัน เซ็นสัญญาเป็นเวลา 3 เดือน เมื่อครบกำหนดแล้ว เธออยากยกเลิกสัญญา ฉันจะยกเลิกให้” เขาบอกข้อตกลงกับคนตัวเล็กบนตักไป เขาคิดข้อตกลงนี้ได้ตั้งแต่วันที่แม่ของเขาจะจับคู่ให้เขากับลูกของเพื่อน เขาต้องการให้เซรินมาเป็นเมียเขาเพื่อไม่ให้แม่ของเขาจับคู่เขากับคนอื่นอีก “เซต้องทำอะไรบ้างคะ? แล้วทำอะไรไม่ได้บ้างในระหว่างสัญญา” “ทำหน้าที่เมียทุกอย่างที่คนเป็นเมียต้องทำ” “หมะ หมายถึงเรื่องบนเตียงด้วยหรอคะ?” หญิงสาวตาโเพราะคำว่า ‘เมีย’ ถามออกไปด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ “มันคือหน้าที่เมียหรือเปล่า?” เขาไม่ตอบแต่เป็นการยิงคำถามกลับแบบให้เธอรู้คำตอบด้วยตัวเอง “แล้วรวมไปถึง ห้ามรู้สึก ห้ามหวั่นไหว ห้ามรักด้วยใช่ไหมคะ?” “เรื่องนี้ไม่ห้าม” “อ้าว!!!ทีงี้ทำไมไม่ห้ามล่ะคะ?” “เป็นอันว่าตกลงตามนี้ ต่อจากนี้เธอต้องอยู่กับฉัน เดี๋ยวจะให้พายุหาข้าวของเครื่องใช้ผู้หญิงมาให้ เริ่มงานคืนนี้เลย” ห๊า !!!วันนี้เธอต้องตกใจ ต้องร้องห๊าอีกกี่รอบเนี่ย ให้เริ่มงานคืนนี้ หมายถึงเริ่มบนเตียงใช่ไหมมมมมมมมมมมมม~~~ทดลองงาน “คุณคะ? คุณ…เซต้องเริ่มงานคืนนี้เลยหรอคะ? เริ่มยังไงคะ?” เซรินเดินตามเข้ามาในส่วนของห้องนอน เธอไม่ได้สนใจว่าชายหนุ่มกำลังเดินไปไหน แต่สนใจแค่กับสิ่งที่เธอต้องทำต่อจากนี้ต่างหาก หมับ! พรึ่บ! ในขณะที่เซรินกำลังเร่งเดินตามชายหนุ่มเพื่อมาถามคำถามเขา วินเนอร์ก็หันกลับมาจับแขนเรียวเหวี่ยงเธอไปบนที่นอนนุ่มไม่แรงมากนัก “อ๊ะ!” เซรินร้องออกมาเสียงหลงไม่ใช่เพราะเจ็บแต่ตกใจเมื่อถูกเหวี่ยงขึ้นบนเตียงแบบไม่ทันได้ตั้งตัว “อื้อ!!” ริมฝีปากหนาประกบลงบนปากบาง แรงบดขยี้ดุเดือดจากแรงจูบของคนบนร่างที่ตอนนี้คือ ‘นายจ้าง’ ของเธอ หัวใจของคนตัวเล็กเต้นไม่เป็นจังหวะเหมือนจะระเบิดออกมาเต้นอยู่นอกอกเลยก็ว่าได้ วินเนอร์บดขยี้จูบคนตัวเล็ก รสชาติจูบของเซรินช่างหอมหวานสำหรับเขามาก กลิ่นตัวของเธอก็ชนจมูกจนกลิ่นหอมเย้ายวนปลุกอารมณ์ความหลงใหลได้อย่างที่เขาไม่สามารถบังคับตัวเองได้ ท่อนกายแกร่งที่อยู่ในกางเกงเริ่มปวดหนึบ เขาอยากจะยัดมันใส่เข้าไปในตัวเธอซะตอนนี้ มือแกร่งข้างหนึ่งเลื่อนมาจับเอวบาง ลูบไล้สอดเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่เพียงตัวเดียวปราศจากชิ้นอื่นใดที่เธอสวมใส่อยู่ มือหนาเลื่อนขึ้นมาจับเ
ความจริงเพียงครึ่งเดียว ‘น่ารักชะมัด’ วินเนอร์อยู่ในท่านั่งพิงหัวเตียง มีคนตัวเล็กนอนคว่ำวงแขนเรียวเล็กพาดกอดเอวหนา หลับตาพริ้ม วินเนอร์ตื่นได้สักพัก เขานั่งมองร่างบางที่กำลังหลับ แล้วยกมือถือขึ้นมากดหาคนสนิทเพื่อสั่งงานให้จัดหาของให้กับเซริน “อื้ออออ แม่ขา อุ่นจังเลย” เซรินละเมอออกมาเบาๆ “เด็กน้อย!” เขาเอ่ยอย่างเอ็นดู ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น คงจะเป็นพายุเอาของที่เขาสั่งให้จัดหามาให้ “เข้ามา!” เขาไม่เดินไปเปิดประตูเพราะกลัวว่าถ้าเขาขยับ คนตัวเล็กใต้ผ้าห่มที่กอดเอวเขาไว้จะตื่นขึ้นมา พายุเดินเข้ามาในส่วนของห้องนอนเห็นภาพบนเตียงแต่ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรหรือไม่คิดจะยุ่งเรื่องของนาย มือหนาของวินเนอร์ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ร่างบางจนเกือบมิดหัว เพราะลูกน้องของเขาเป็นผู้ชาย “ผมเอาของที่นายสั่งมาให้แล้วนะครับวางอยู่ด้านนอก ไอ้ดินกลับมาแล้วครับ นี่เอกสารที่นายให้หา” พายุยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้ผู้เป็นนาย ภายในซองสีน้ำตาลคงจะเป็นข้อมูลของคนตัวเล็กบนเตียงเขา เขารับเอกสารจากพายุ “อือ พรุ่งนี้กูจะกลับ คืนนี้จะไปคลับไปหาไอ้พวกคาร์โก้สักหน่อย มึงไปจัดการเรื่องที่
สยบเสือยิ้มยาก ก๊อก ก๊อก ก๊อก “นายครับๆ” เสียงพายุดังขึ้นหลังจากเคาะประตูเหมือนมีเรื่องด่วน วินเนอร์และเซรินที่นอนอยู่บนเตียงหนาลืมตาตื่นขึ้นเพราะเสียงดังจากนอกห้อง เซรินสะดุ้งตื่นดูตกใจ กลัวคนภายนอกจะรับรู้ว่าเมื่อสักครู่ทั้งสองทำอะไรมา เพราะทั้งเขาและเธอไม่ได้สวมอะไรเลย แต่ชายหนุ่มข้างๆ ยังคงความสงบนิ่งดูจะไม่ทุกข์ร้อนใดๆ เลย “นายครับๆ” เสียงพายุยังดังขึ้นอีก แต่ก็ยังไม่เปิดประตูเข้ามา ด้วยความที่ยังไม่ได้ยินเสียงอนุญาตจากผู้เป็นนาย “ตาวิน! ถ้าไม่ตอบ มี๊จะเปิดเข้าไปแล้วนะ” เสียงของแม่เขา ‘นี่สินะที่ทำให้ไอ้พายุเคาะประตูอย่างบ้าคลั่งเหมือนฟ้าจะถล่ม นี่แม่ของเขาถึงขนาดลงทุนมาเหยียบที่เกาะ WIN CLUB ด้วยตัวเองเลยหรอเนี่ย’ ผวะ !!! เสียงเปิดประตูห้องนอนจากมือของหญิงที่ดูแล้วน่าจะอยู่ในวัยกลางคนแต่ลักษณะบุคคลิก หน้าตา การแต่งตัวในชุดเดรสสั้นสีแดงสดทันสมัย โฉบเฉี่ยว ทำให้ดูยังสาวรุ่นๆ ราว26-27 เมื่อมีคนเปิดเข้ามา เซรินที่อยู่ในผ้าห่มก็เกิดอาการตกใจรีบซบใบหน้าหลบไปที่อกของวินเนอร์โดยอัตโนมัติ ทำให้ชายหนุ่มอมยิ้ม ชอบใจในการกระทำของคนตัวเล็กไม่น้อย “อุ๊ย!! มี๊เข้ามาผิดจังหวะไ
มึงขยับ มึงร่วง @ WIN CLUB ห้อง VIP พิเศษ “ไอ้วิน! ทำไมวันนี้มึงเลือกห้องกระจกวะ?” เจคอร์ปถามขึ้น เพราะปกติเขาไม่ชอบห้องกระจกที่มองเห็นทั่วคลับ เขาให้เหตุผลว่า มันน่ารำคาญ เขาชอบอยู่ในห้องที่มิดชิดที่ไม่มีใครรบกวน “อยากเปลี่ยนบรรยากาศมองสาวหรอวะ?” มังกรพูดด้วยน้ำเสียงขำๆ “กูว่าไม่น่าใช่! มันเอาไว้นั่งดูแม่มันมากกว่า” คาร์โก้พูดขึ้น เมื่อมองไปด้านล่างพบกับคุณยูริเมียของลุงเวนอลแม่ของเพื่อนเขา ทุกคนหันสายตาไปยังจุดเดียวกัน คือ แม่ของวินเนอร์ที่นั่งโยกเบาๆ อยู่ด้านล่างกับผู้หญิงตัวเล็กหน้าตาน่ารักๆ ผิวขาว ผมยาวในชุดมินิเดรสแหวกขา รัดรูป สีดำที่เมื่อใส่แล้วขับผิวขาวสะท้อนแสงไฟในคลับทำให้ดูเด่นมาก “เห้ย!! แม่มันอ่ะสวยก็จริง แต่กูชอบสาวตัวเล็กที่นั่งข้างๆ ว่ะ น่ารักชิบหาย” เจคอร์ปพูดขึ้น โดยที่สายตายังไม่ละออกจากคนตัวเล็กเบื้องล่าง “แล้วพ่อมึงล่ะวะ? เป็นไปได้ไงปล่อยน้ายูริมาคนเดียวได้” คาร์โก้ถาม “เดี๋ยวก็มา! ไม่เกิน 20 นาที!!” วินเนอร์ตอบสั้นๆ เพราะเขารู้ว่าถ้าพ่อเขารู้แม่ของเขาอยู่ในคลับ รับรองมาอย่างไว “ยังไงก็เถอะพวกมึง! กูอยากได้น้องชุดดำนั่น! เดี๋ยวกูมานะ ลงไปไหว้แม่
คนเมางอแง “ไอ้วิน! แม่มึงเมา ไปดูไหม? เดี๋ยวกูดูแลทางนี้ให้” เจคอร์ปพูดขึ้นในขณะที่สายตายังไม่ละจากภาพของเพื่อนที่ยืนโอบเอวหญิงสาวร่างเล็กชุดดำตรงหน้าเขา เขานึกชอบคนตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มคนนี้เหลือเกิน ทำไมนะ? ทำไมรู้สึกถูกชะตา ถูกใจและอยากได้มาครอบครอง ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเป็นของเพื่อน “ไม่ต้อง!” เสียงวินเนอร์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ เบนสายตาไปยังชายวัยกลางคนหุ่นสมาร์ทมาดนิ่งเดินตรงเข้ามาที่พวกเขายืนอยู่ บุคคลที่เขารู้จักดี ‘พ่อ’ ของเขานั่นเอง “สวัสดีครับลุงเวนอล” มังกรเอ่ยทักทายบุคคลที่เข้ามาใหม่ มาเฟียใหญ่พยักหน้ารับคำทักทาย “แม่แก?” เวนอลเอ่ยขึ้นสั้นๆ ถามผู้เป็นลูกชาย ดูก็รู้ว่าวินเนอร์ถอดแบบนิสัยการพูดน้อยมาจากใคร วินเนอร์ไม่ได้ตอบอะไรกลับ แต่ใช้สายตามองไปยังเป้าหมายของผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้กำลังเต้นโยกอยู่หน้าเวทีโดยมีเวหาและสิชลหิ้วปีก พ่อของเขาเห็นดังนั้นก็ทำได้แค่ส่ายหน้าและเดินไปหาคนเมาชุดแดง “สวัสดีครับ ผมชื่อเจคอร์ป เป็นเพื่อนกับไอ้วิน” เจคอร์ปพูดกับคนตัวเล็กในอ้อมแขนของเพื่อนเขา หญิงสาวแหงนหน้ามองเจคอร์ปเล็กน้อย “สวัสดีค่า~~ คุณเจคอร์ป เซชื่อเซรินค่ะ
นายหญิงน้อย รถสปอร์ตหรูสีดำขลับแล่นบนถนนโล่งด้วยความเร็ว เนื่องจากเวลานี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน ทำให้บนท้องถนนยามราตรีแทบไม่มีรถแม้แต่คันเดียว ภายในรถหรูวินเนอร์สวมเสื้อเชิ้ตดำสนิทสีเดียวกับรถ บนตักแกร่งของมาเฟียหนุ่มมีสาวน้อยร่างบางหลับพริ้มมาได้สักพักแล้ว คนตัวเล็กคงเพลียกับการเดินทางที่ยาวนานตลอดวัน ทั้งขึ้นเรือ นั่งรถ ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ “ไอ้ดิน! ถอดสูทมึงมา!” มาเฟียหนุ่มเอ่ยสั่งคนสนิทที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างพายุที่เป็นคนขับ “ห๊ะ? นายจะเอาไปทำอะไรครับ?” ดินถามคนเป็นนายด้วยความสงสัย แต่คนขับแอบอมยิ้ม เพราะรู้ว่านายของเขาให้เพื่อนเขาถอดเสื้อไปทำอะไร ก็จะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ ในเมื่อเขาเองก็เคยโดนแบบนี้มาแล้ว “ถอด!!” ดินมองหน้าเจ้านายแบบ งงๆ แต่ก็ยอมถอดยื่นให้ตามคำสั่ง วินเนอร์รับเสื้อเอามาคลุมให้เซริน เพราะคนตัวเล็กอยู่ในชุดมินิเดรสสั้นรัดรูปที่พายุเป็นคนจัดหามาให้ “ถ้าครั้งหน้ามึงหาเสื้อผ้าแบบนี้มาอีก กูจะให้มึงไปรับเงินเดือนจากแม่กู” “โถ่…นาย ผมขัดอะไรนายหญิงใหญ่ได้บ้างครับ?” ก็จริงของมันนั่นแหละ มันไม่มีทางขัดแม่เขาได้ ไม่ใช่แค่มัน แต่เป็นทุกคน! “นายจะไปไหนดีครับวันนี้ เ
สวยเหมือนไม่มีจริง... “มานี่มา” วินเนอร์เรียกคนตัวเล็กมาใกล้ๆ เพราะเซรินเอาแต่ยืนอยู่ตรงประตู เซรินเดินเข้าไปหาคนตัวโตตามคำเรียกด้วยท่าทาง งงๆ หยุดตรงหน้าและมองคนตัวสูง วินเนอร์ตวัดแขนคว้าเอวเล็กดึงเข้าหาตัวปะทะกับอกแกร่ง จับคนตัวเล็กหมุนหันหน้าไปทางเป้ายิงปืน ก้มลงกระซิบข้างหูจากด้านหลัง “ฉันจะสอนยิงปืน” “ทะ ทำไมเซต้องยิงปืนคะ?” “เป็นเมียมาเฟียต้องเอาตัวรอด ถ้าวันนึงเกิดอันตรายขึ้นกับตัวเธอ เธอจะต้องยิง ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าเธอจะเป็นผู้มีพระคุณหรือเป็นฉันก็ตาม” “ไม่ได้ค่ะ ทำไม่ได้ เซทำไม่ได้” เซรินส่ายหน้าพร่ำบอกปฏิเสธ เธอคิดว่าเธอทำไม่ได้แน่นอน เธอไม่ได้มีความกล้าถึงขนาดจะไปยิงใครหรือฆ่าใครขนาดนั้น แต่วินเนอร์รู้ดีว่าคนตัวเล็กของเขา แม้ภายนอกจะดูนุ่มนิ่ม อ่อนแอ แต่เซรินเป็นคนใจเด็ด ดูได้จากวันที่เธอกระโดดเรือวันนั้น และเขาก็เชื่อว่าถ้าวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดแบบที่เขาคิดไว้ เซรินจะทำได้ เธอจะตัดสินใจได้ด้วยตัวของเธอเอง วินเนอร์จัดการหยิบปืนขึ้นมาสอนเซรินใส่กระสุนแยะยกไกปืน เขาอยู่ในท่ายืนซ้อนหลังเธอ จับมือเล็กที่ถือปืนเล็งไปยังเป้าด้านหน้า “สายตามองที่เป
ผัว สามี หรือที่รัก! ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูเพ้นท์เฮ้าส์ดังขึ้น จะเรียกว่าเพ้นท์เฮ้าส์ก็คงไม่ถูก เพราะเพ้นท์เฮ้าส์ของมาเฟียหนุ่มอยู่ชั้นที่ 40 ของตึกที่เป็นบริษัทของวินเนอร์ ตึกนี้มีทั้งหมด 40 ชั้น ชั้นล่างๆ ต่างแบ่งสันปันส่วนเป็นออฟฟิต เป็นที่พักของลูกน้องเขา และชั้นที่ 40 ทั้งชั้นก็เป็นพื้นที่ส่วนตัวเขาที่ไม่มีใครได้ขึ้นมาถ้าเขาไม่อนุญาต “นายครับ ช่างแต่งหน้า ทำผมมาแล้วครับ” เขาสั่งให้ช่างแต่งหน้า มาแต่งให้เซรินสำหรับไปงานในค่ำคืนนี้ “เข้ามา!” ช่างแต่งหน้า 1 หญิง 1 สาวสอง หอบของพะรุงพะรังเข้ามาทำหน้าที่ของตัวเอง “1 ชั่วโมง สำหรับการทำงาน” วินเนอร์เอ่ยขึ้น “ค่ะๆ” สาวสองรับปากแบบรนราน แค่สายตาก็ดูน่ากลัวแล้วถึงแม้เขาจะหล่อเอามากๆ ก็เถอะ เซรินนั่งรอช่างแต่งหน้าในห้องรับแขกของเพ้นท์เฮ้าส์ เริ่มมีรอยยิ้มเมื่อเห็นผู้ที่หอบข้าวของเข้ามาใหม่ “พี่ๆ มาแต่งหน้าใช่ไหมคะ?” เซรินถามด้วยท่าทางร่าเริงสดใส “ใช่แล้วค่า คุณน้อง แต่ว่านะ…ผู้ว่าจ้างให้เวลาพี่แค่ 1 ชั่วโมง จะทันไหมเนี่ย” “ทำไมให้เวลาพี่เขาน้อยจังล่ะคะคุณวินเนอร์” เซรินหันไปถามวินเนอร์ที่เดินตามเข้ามา แต่เขาไ
special happiness ดวงตากลมใสค่อยๆเปิดเปลือกตาลืมขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิด กระพริบถี่ๆเพื่อปรับรับแสงที่สาดส่องรอดผ่านกระจกบานใสเข้ามาภายในห้องที่ดูคุ้นตามาตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่เธอคลอดลูกสาวมา นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอ แต่เป็นห้องเลี้ยงเด็กอ่อนที่วินเนอร์ทำขึ้นเอาไว้เธอและพี่เลี้ยงคอยเลี้ยงลูกสาว ห้องค่อนข้างโปร่ง ภายในห้องเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ของเด็กทั้งยังมีกลิ่นบางอย่างที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์นั่นก็คือ กลิ่นนม กลิ่นแป้งเด็ก เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ฉายเข้ามาในความคิด เซรินเผลอหลับไประหว่างที่มองพี่เลี้ยงกำลังนั่งเล่นกับเด็กน้อยอย่างเพลินๆจนเผลอหลับไปเมื่อไรไม่รู้ตัว รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เพราะเสียงเด็กที่ร้องอ้อแอ้ข้างหูกับพร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายคนหนึ่งที่คล้ายกำลังหยอกล้อกันอยู่ เซรินจำเสียงนี้ได้ดี เมื่อตอนได้ยินเสียงนั้นครั้งแรกในห้องคลอด แม้จะเป็นเสียงร้องไห้ของเด็กแรกเกิด แต่เสียงนี้กลับกลายเป็นน้ำชะโลมหัวใจของเธอให้ชุ่มชื่นมากขึ้น แต่การเลี้ยงเด็กอ่อนไม่ใช่เรื่องสบาย แม้เธอจะมีพี่เลี้ยงคอยช่วยอยู่ก็ตาม ความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาจึงทำให้ร่างบางเผลอหลับไป
แต่งงานกันนะ "ขึ้นมาสิ" วินเนอร์จูงมือของเซรินขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือสำราญ เรือลำที่เขสและเธอพบเจอกันครั้งแรก สถานที่ต้นกำเนิดความรักของพวกเขาทั้งสองคน "มีอะไรหรือเปล่าคะเฮีย ทำไมต้องพาเซมาที่นี่ด้วย?" เซรินยังไม่ยอมเดินตามการจับจูงของคนตัวใหญ่ เพราะเธอรู้สึกว่าวันนี้วินเนอร์มีท่าทางแปลกไป ดูลุกลี้ลุกลนและพูดมากผิดปกติ ที่ผ่านมาจะพูดจะคุยกับเธอแต่ละคำราวกับกลัวดอกพิกุลจะร่วง "ขึ้นมาเถอะ" เขาบอกกับเธออีกรอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอมองหน้าและสบตากับเขา พบกับสายตาวิบวับของคนตัวใหญ่ เซรินเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามีอะไรอยู่บนดาดฟ้าเรือกันแน่ทำไมเขาถึงอยากให้เธอขึ้นไปนัก สุดท้ายเธอก็ทนต่อสายตาอ้อนๆของเขาไม่ไหว จึงยอมเดินตามการจับจูงของเขาขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือ เมื่อเซรินก้าวขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ เธอก็เห็นโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางดาดฟ้า มันถูกปูด้วยผ้าสีขาวดูสะอาดตา ตรงกลางโต๊ะมีแจกันใบโตวางอยู่ และในแจกันก็มีดอกทานตะวันดอกใหญ่หนึ่งดอกเสียบอยู่ในนั้น ดอกทานตะวันสีเหลืองทอง ดอกใหญ่ดูเด่นอยู่กลางโต๊ะ ทำให้เป็นที่ดึงดูดสายตาของเธอเหลือเกิน เก้าอี้สองตัวถูกวางไว้ข้าง ๆ โต๊ะ เซรินมองหน้าเขาด้
ต่อแขน ต่อขา เซรินกลับมาบริหารบริษัทของพ่อกับแม่ที่เหลือทิ้งไว้ให้เธอ ก่อนหน้านี้ตกไปอยู่ในมือของผู้เป็นอา บริหารจนบริษัทเกือบล้มละลาย ตอนนี้เธอกลับมากอบกู้มันขึ้นมาโดยมีวินเนอร์ มาเฟียผู้เป็นสามีคอยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาและเอาบริษัทของตัวเองมาร่วมลงทุนกับบริษัทของเธอด้วย อีกทั้งยังมีบริษัทคู่ค้าด้วยอีกหลายบริษัทที่้ป็นบริษัทของเจคอร์ป พี่ชายบุญธรรมของเธอและเหล่าเพื่อนของวินเนอร์ที่ให้การสนับสนุนซัพพอร์ตเธอเป็นอย่างดี ทำให้บริษัทของเธอฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ทุกอย่างกำลังลงตัว ทางครอบครัวของผู้เป็นอา ทั้งภรรยาและลูกของอา เซรินก็ไม่เอาผิดเพราะเขาไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการกระทำของอาเธอเลย บ้านที่ทั้ฃสองอาศัยอยู่ ทั้งรถ เธอก็ยกให้ พร้อมทั้งให้เงินก้อนจำนวนหนึ่งที่พอจะให้ทั้งสองตั้งตัว มีอยู่มีกิน มีใช้ต่อไปได้สักพักใหญ่ๆ ถ้ารู้จักอดออม ประหยัดและหาเงินเข้ามาใช้จ่ายได้เพิ่มเอง ส่วนเรื่องผู้เป็นอา เธอให้คำตอบกับสองแม่ลูกเพียงแค่ว่า อาหายไปโดยที่ไม่มีใครรู้ ผู้เป็นภรรยาของเขาก็ไม่สงสัย ติดใจอะไรเพราะรู้ดีว่าผู้เป็นสามีของตนนั้น เป็นคนเช่นไร มีศัตรูเยอะเพียงใด หายไปก็คงเพราะศัตรูค
จบที่เรา เบาที่สุด ในห้องพักคนป่วยที่เงียบสงัดจนได้ยินแค่เสียงหายใจของหนุ่มสาวสองคนที่อยู่ภายในห้อง หลังจากวินเนอร์และเพื่อนๆ ของเขาเดินออกจากห้องไปตามคำขอของเซริน เพื่อปล่อยให้เธอและเจคอร์ปได้เคลียร์ใจกันเพียงลำพัง เพราะเขาเชื่อใจผู้หญิงของเขาที่จะต้องหาทางออกที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่ายได้แน่ๆ และเขาก็ไว้ใจเพื่อนของเขาที่รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร และจะหาบทสรุปให้กับเหตุการณ์นี้ได้เช่นกัน "พี่เจค เจ็บตรงไหนไหมคะ?" เซรินเป็นฝ่ายทำลายความเงียบเริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน "พี่ปลอดภัยแล้ว น้องรินไม่ต้องห่วง และไม่ต้องกังวลว่าที่พี่เป็นแบบนี้เพราะตัวน้องริน" เขารู้ว่าหญิงสาวเป็นห่วงและกังวลใจว่าตัวเองจะเป็นสาเหตุให้เขาต้องบาดเจ็บ และด้วยปมที่ติดอยู่ในใจของหญิงสาวยิ่งทำให้เขาเองเกิดความกังวลไปด้วยว่าหญิงสาวจะเป็นเช่นไรหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เขาเอาตัวเองบังกระสุนแทนเธอ และพูดว่าจะ ‘ปกป้อง’ ซึ่งเป็นคำต้องห้าม แต่กลับกัน หญิงสาวตัวเล็กไม่เป็นอะไรเลย ไม่คลุ้มคลั่งอีกต่อไปแล้ว เพราะความทรงจำของเธอกลับมา และอาการแพนิค คลุ้มคลั่งบังคับตัวเองไม่ได้ก็หายไปด้วยเนื่องจากเธอรู้ความจริงและมีสติอยู่กับตัวเ
พี่ชาย...ใช่ไหม? ภายในห้องพักผู้ป่วย ห้องพิเศษของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ห้องพิเศษที่ไม่มีคนนอกได้มีโอกาสเข้ามาใช้บริการ เนื่องจากทั้งชั้นในชั้นนี้เป็นห้องพักผู้ป่วยส่วนตัวของเจ้าของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นของตระกูลใหญ่ที่มีทั้งหมอส่วนตัว โรงพยาบาลเอกชน มีชั้นรักษา มีชั้นพักฟื้นส่วนตัว ภายในห้องพักกว้าง ตกแต่งเรียบง่ายแต่มีครบทุกเครื่องอำนวยความสะดวก และครบทุกเครื่องมือแพทย์ คนป่วยนอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย รายล้อมไปด้วยผู้คนหลากหลายอิริยาบท ประมาณ5-6 คน “กูคิดว่ามึงจะไม่ตื่นขึ้นมาดูโลกอันสดใสอีกครั้งซะแล้ว 555” คาร์โก้เปิดฉากบทสนทนาด้วยน้ำเสียงขบขันแกมหยอกล้อเพื่อนสนิท “พวกมึงก็ไปช่วยกูช้าจริง” คนบนเตียงสวนกลับในทันที แม้จะไม่เต็มเสียงมากนัก เพราะเขาเองก็เพิ่งจะฟื้นและออกมาจากห้อง ICU เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “สำออยจริง มึงออกมาได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ ทำไมมึงไม่ลุยออกมาวะ?” มังกรปิดท้ายประโยคด้วยคำถาม เขาเองรู้จักฝีมือเพื่อนดี สถานการณ์หนักกว่านี้เขาก็หนีออกมาได้ เขาก็จัดการได้ แต่นี่เขาไม่ทำ มันเกิดอะไรขึ้น เหตุผลอะไรที่ทำให้เพื่อนของเขายอมเอาตัวเองไปตกอยู่ในอันตราย “น้องริน...”
เกิดใหม่... แพขนตาหนา ค่อยๆ ขยับ เปลือกตาบางเปิดขึ้น พร้อมกระพริบถี่เพื่อปรับรับแสงสว่างที่กระทบเข้ามาที่สายตา เพราะหลับตาเป็นเวลานานจึงต้องใช้เวลาในการปรับสภาพอยู่สักพักหนึ่ง เมื่อปรับได้แล้ว หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบๆ ภายในห้องเงียบกริบเหมือนกับว่าไม่มีคนอยู่ แต่จริงๆ แล้วมีร่างหนานั่งอยู่ข้างเตียง ซบหน้าหลับกับแขนของเธอ ‘ทำไมไม่ไปนอนดีๆ นะ’ เซรินคิดในใจ อยากจะขยับตัวให้คนร่างใหญ่รู้สึกตัว่าเธอตื่นแล้ว แต่ก็กลัวจะรบกวนเวลานอนของเขา ซึ่งคิดดูแล้วช่วงที่เธอยังไม่ตื่นเขาน่าจะไม่ได้พักผ่อนไม่ได้นอนแน่ๆ เพราะไม่งั้นเขาคงไม่มานั่งหลับตรงนี้หรอก ‘จะปลุกหรือจะแกล้งดีนะ ทำโทษคนโกหก’ หญิงสาวปิดเปลือกตาลง ลองแกล้งขยับแขนที่ทำให้ดูเหมือนจะฟื้นแต่ยังไม่ฟื้น พอให้คนข้างๆ รู้สึกตัว และก็ดูเหมือนจะได้ผล คนข้างๆ ค่อยๆ ขยับตัวตื่นขึ้น “เซ ฟื้นแล้วหรอ ตื่นแล้วใช่ไหม” วินเนอร์ลุกขึ้นยืน เขารู้สึกเหมือนร่างบางเริ่มขยับ เขาคิดว่าเธอคงฟื้นแล้ว แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวยังคงนอนนิ่ง อยู่บนเตียง เปลือกตาบางยังปิดสนิท มีแพขนตาปกคลุมหนาเป็นแพสวยงามแม้ยามไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางค์บนใบหน้า ‘เซ
อย่าทิ้งพี่ไป... เปลือกตาหนา ค่อยๆ เปิดขึ้น พร้อมกระพริบถี่ๆ เพื่อปรับรับแสงสว่างภายในห้อง ภาพแรกที่เขาเห็นเมื่อลืมตาขึ้นคือเพดานขาวมีหลอดไฟที่เปิดให้แสงสว่าง กับเสาน้ำเกลือที่คาดว่าน่าจะเป็นเสาน้ำเกลือที่เจาะอยู่ที่แขนเขาเอง เปลือกตาหนาปิดลงอีกครั้ง พร้อมน้ำใสๆ ไหลลงข้างแก้ม เมื่อเขาคิดถึงคำพูดของหมอก่อนที่ทุกอย่างจะดำมืดไป มันยากเกินที่เขาจะรับความจริงไหว ถ้าต่อจากนี้ไม่มีเธอ เขาจะอยู่ไหวได้ยังไง "ตื่นแล้วก็ลืมตาเถอะ" เสียงของผู้หญิงดังขึ้น แค่หลับตาฟังเสียงเขาก็รู้แล้วว่าเจ้าของเสียงคือใคร ยูริ ผู้เป็นแม่ของเขา ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะได้เจอกับเซริน ยูริจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตเขา แต่พอมีเซรินเข้ามาเป็นดอกไม้ในชีวิตเขา ผีเสื้ออย่างเขาก็ขาดดอกไม้ไม่ได้ไปเสียแล้ว “ดูท่าน่าจะหนักครับ” เสียงผู้ชาย เขาจำได้แม้ไม่ได้ลืมตามามอง เสียงของคาร์โก้เพื่อนเขาเอง “คงหนักแหละ ถึงขนาดร้องไห้ให้กับดอกไม้ที่ย้ำนักย้ำหนาว่าแค่ดอกไม้ข้างทาง สภาพตอนนี้คือ?” “ขาดไม่ได้เลยดิ” เสียงพวกเพื่อนของเขาพากันตอกย้ำซ้ำเติมในการเป็นหมาโบ้ที่กลืนน้ำลายตัวเอง “พวกมึงก็หยุดซ้ำเติมมั
ดอกไม้...ตายแล้ว ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล "ญาติคนไข้รอด้านนอกนะคะ" เสียงพยาบาลคนหนึ่งพูดขึ้น ก่อนจะช่วยกันกับพยาบาลอีกหลายคนดันเตียงคนไข้2เตียงเข้าห้องฉุกเฉิน หมอหลายท่านและพยาบาลวิ่งเข้าวิ่งออกห้องพยาบาลอยู่หลายรอบ ด้วยความรีบร้อนใจ ไม่ต่างอะไรจากบรรดาญาติคนไข้ที่อยู่ด้านนอก "หมอ ช่วยเมียกับเพื่อนผมด้วย" วินเนอร์คว้าข้อมือหมอที่กำลังจะเข้าห้องฉุกเฉิน "หมอจะทำเต็มที่สุดความสามารถครับ" หมอพูดจบแล้วเดินเข้าห้องฉุกเฉินไป "ไอ้วินๆ มึงก็ปล่อยให้หมอรีบไปช่วยพวกมันก่อน" คาร์เตอร์แทรกขึ้นหลังจากหมอเดินหายเข้าไป เขารู้ว่าเพื่อนเขาเป็นห่วงเมีย เขาเองก็เป็นห่วงเพื่อนของเขาที่อยู่ข้างในด้วยเหมือนกัน "เซรินจะเป็นอะไรไหมวะ?" วินเนอร์รำพึงออกมาแผ่วเบาๆ คล้ายคนละเมอ แต่ยังไม่ทันที่เพื่อนๆ จะได้ตอบอะไร "เข้าห้องฉุกเฉินไปแล้วใช่ไหมวะ?" เสียงของคนใหม่ที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาก็ร้องถามขึ้น "ไอ้หมอ ช่วยเมียกูกับไอ้เจคด้วย" วินเนอร์ถลาเข้าไปหาคนมาใหม่ที่เป็นเพื่อนของเขาเอง "เออ !!! เพื่อนกูเหมือนกัน พวกมึงรอข้างนอก อย่าเพิ่งไปไหน เผื่อมีอะไรจะต้องช่วยตัดสินใจ" พูดเสร็จเขาก็รีบเดินเข้าห
ตอกย้ำความจริง ดูเหมือนสถานการณ์ทุกอย่างจะคลี่คลาย และสงบจบลงด้วยดี เสี่ยอำนาจได้รับกรรมตามที่ตัวเองก่อไว้ สำหรับเขามาเฟียอย่างวินเนอร์ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิตเท่านั้น เมื่อมันพรากลมหายใจไปใคร มันก็ต้องเอาลมหายใจของตัวเองไปไถ่บาปเท่านั้น “รีบไป ไอ้เจคท่าไม่ค่อยดี เอามันไปโรงพยาบาลด่วน” เสียงมังกรตะโกนเร่งลูกน้อง หลังจากเห็นพวกวินเนอร์มุ่งตรงมาที่เหลือที่พวกเขาจอดรออยู่ “เฮีย! ฮึก..เซคิดถึงเฮีย..ฮืออ” เซรินร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “เฮียรู้ไหมว่าเซกลัวแค่ไหน..เซกลัว กลัวว่าเฮียจะเป็นอันตราย..ฮึก” “ไม่เป็นไรนะ เฮียอยู่นี่แล้ว” ร่างสูงเอ่ยพร้อมกับกอดปลอบหญิงสาว “เฮีย…เฮียช่วยลูกของเราด้วยนะ ช่วยลูกด้วย...” เซรินพูดพร้อมกับกุมมือหนา เอามาวางไว้ที่หน้าท้องของตนเอง ขาสองข้างเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมา “ลูกหรอ เมื่อกี้เซพูดว่าลูกใช่ไหม!!” สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไปหมด หัวใจของชายหนุ่มเต้นตึกตักพร้อมทั้งความคิดในหัวที่ตีรวนเมื่อได้รับรู้ว่าตนเองกำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว ทั้งความรู้สึกดีใจ ผสมปนเปไปกับความรู้สึกโกรธเคืองและเคียดแค้นเสี่ยอำนาจที่เกือบจ