“อึก ที่นี่ที่ไหนกัน” เฟลิกซ์ตื่นขึ้นมาอีกทีในที่แปลกประหลาด รอบตัวเขาเต็มไปด้วยความมืดมิด ทว่าแสงสลัวจากแสงจันทร์ที่สาดส่องทำให้ยังคงเห็นภายในห้องนอน เตียงขนาดใหญ่ รอบห้องกลับว่างเปล่า
“อะ โอ้ย…” พอขยับตัวลุกขึ้น ความเจ็บปวดบริเวณศีรษะแล่นเข้ามารวดเร็วจนกุมหัวร้องออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“องค์ชายตื่นแล้วหรือเพคะ” จู่ๆเสียงของหญิงนางหนึ่งวิ่งพรวดเข้ามาหน้าตาแตกตื่นระคนเป็นห่วง นางจุดตะเกียง รีบเข้าไปดูอาการองค์ชาย
“บอกมาที่นี่ที่ไหน แล้วคุณเป็นใคร” เฟลิกซ์ยังคงกุมหัวที่เจ็บไว้ ท่าทีระแวงมองคนแปลกหน้า ถามเสียงดังลั่น ทว่าสิ่งที่เขาพึ่งรู้สึกตัวอีกอย่างคือเสียงที่เปล่งออกมาไม่ใช่เสียงของเขา ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาดูด้วยท่าทีแตกตื่น แขนขาเล็กนี่มันอะไรกัน เขามาอยู่ที่ไหนกันแน่ ความทรงจำล่าสุดที่พอจะนึกออกคือเขานอนหลับแล้วฝันไป ในฝันนั้นช่างมีความสุขเหลือเกิน เขาได้พบกับท่านแม่ นางบอกว่าเขาจะได้พบกับคนที่ตามหา หรือว่า
“ฮื่อ เจ้าชายเพคะ จำแม่นมไม่ได้หรือ ใครก็ได้ตามหมอหลวงมาดูองค์ชายที” ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นแม่นมร้องอย่างแตกต
“แคว้นเว่ยเล็กที่สุด ทำไมจึงร่ำรวยที่สุดล่ะ” หยางหลงถามแม่นมที่เล่ามาถึงตรงนี้ หลังจากเขาขอให้นางเล่าเรื่องราวของแคว้นทั้งหมด“เพราะแคว้นขุดพบเหมืองทองเพคะ ห้าในสิบส่วนของแคว้นเป็นทอง แคว้นเราจึงมั่งคั่งที่สุด แต่เราขาดแคลนหลายอย่าง ใต้พื้นดินเต็มไปด้วยทองก็จริงแต่ไม่เหมาะแก่การเพาะปลูก…”“…”“ดังนั้น จึงต้องนำเข้าสินค้าจากแคว้นต้ากับแคว้นเทียนที่อยูใกล้เราและยังเป็นแคว้นใหญ่อันดับหนึ่งและสามอีกด้วยเพคะ” แม่นมที่อยู่มานาน ครูพักรักจำมาจากผู้อื่นอีกที เนื่องจากหญิงแคว้นเว่ยไม่สามารถเข้ารับการศึกษาได้ จะมีเพียงชายที่ถึงวัยกำหนด และมีกำลังเพียงพอต่อการจ่ายค่าเล่าเรียนเท่านั้นถึงมีโอกาสได้ร่ำเรียน“อืมม แบบนี้นี่เอง” หยางหลงวิเคราะห์ตาม ความจริงเขาพอรู้อยู่แล้วว่าแคว้นเว่ยต้องมีบางอย่างที่แคว้นอื่นไม่มี ถึงทำให้ร่ำรวยกว่าแคว้นต้าที่เป็นแคว้นใหญ่อันดับหนึ่งแต่ไม่คิดว่าจะเป็นทอง แสดงว่าทองของคนยุคนี้มีราคาสูงมากสินะ“แล้วสินค้าชนิดใดที่ส่วนใหญ่พวกเขาแลกเปลี่ยนกัน” หยางหลงถามต่อ การรู้ความเป็นไปของบ้านเมืองรอบแคว้
1 ปีผ่านไปปัก ปัก“องค์ชายทรงเบามือให้กระหม่อมบ้างพะย่ะค่ะ” ผู้เป็นองครักษ์ร้องโอดครวญนี่ก็ผ่านไป 1 ปี แล้วที่เฟลิกซ์มาเข้าร่างองค์ชายหยางหลง หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะการมีตัวตนขององค์ชายห้า ผู้คนเริ่มมองหยางหลงเปลี่ยนไป นับจากวันที่ทวงสิทธิกับเว่ยฮ่องเต้ สิ่งที่เรียกร้องไปก็ได้รับครบ เหมือนจะได้รับมากกว่าเดิมด้วย เพราะไม่นานจากนั้นเขาก็ได้รับนางกำนัลมาเพิ่มอีกหลายนาง และมีองครักษ์ประจำตัวเคยมีเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่องค์ชายสี่ซึ่งอายุมากกว่าแค่ 2 ปี เข้ามากลั่นแกล้งหยางหลง แต่ก็โดนตอกกลับร้องไห้ขี้มูกโป่งไปฟ้องมารดา พระสนมถึงขั้นมาชี้หน้าด่าองค์ชายห้าถึงหน้าตำหนัก ทว่านอกจากองค์ชายห้าจะไม่สนใจยังทำเป็นหูทวนลม จนพระสนมต้องแล่นไปฟ้องฮ่องเต้ แต่ฮ่องเต้แล้วไง ในเมื่อหยางหลงยังเคยทำให้ฮ่องเต้หน้าแตกกลางท้องพระโรงมาแล้ว เรื่องจึงได้จบลงแค่นั้น หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้ามารังแกองค์ชายห้าหยางหลงอีกเลยในทุกๆวันเขาจะฝึกซ้อมกับองครักษ์จนฝีมือรุดหน้าไปไกลกว่าเกินจะบรรยาย ไม่แน่อาจ
“องค์ชาย พวกเราแอบออกมาเยี่ยงนี้จะไม่เป็นไรหรือพะย่ะค่ะ” องครักษ์กระซิบถาม ตอนนี้เขาและองค์ชายอยู่ในชุดทะมัดทะแมง มีผ้าคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยเฉพาะหยางหลงนอกจากมีผ้าคลุมทั้งตัว ยังมีผ้าคลุมบางๆ สีดำคลุมทั้งหน้า คล้ายคนลึกลับ “เจ้าทำตัวให้เป็นธรรมชาติหน่อย เดิมทีพวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเราอยู่แล้ว อย่าได้กังวล” หยางหลงพูด พลางมองสำรวจรอบๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขามายังตลาดแห่งนี้ เคยได้ยินว่าท้ายตลาดมีร้านลับขายข่าวอยู่ ซึ่งเป็นจุดประสงค์ที่แอบออกมา“พวกท่านมาทำอะไร” ชายร่างยักษ์หน้าประตูถามขึ้น หรี่มองสำรวจผู้มาใหม่อย่างหวาดระแวง แม้จะแต่งกายประหลาด ทว่ากลิ่นอายกลับดูน่าเกรงขาม“ข้าต้องการซื้อข่าว” หยางหลงเอ่ยเสียงเรียบ ไม่มีความเกรงกลัวต่อรังสีที่อีกฝ่ายแผ่ออกมา“เชิญเข้ามาด้านใน” ผู้คุ้มกันแห่งสำนักขายข่าวไม่อาจมองข้ามได้ แม้อีกฝ่ายจะดูน้ำเสียงแหบเล็ก ตัวยังไม่สูงเท่าไหร่ น่าจะอายุยังน้อยอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ที่นี่มีกฎไม่เลือกปฏิบัติ ดังนั้นแม้จะเป็นเด็กหากมีเงิน สำนักขายข่าวของพวกเขาก็ไม่เก
“องค์ชายเกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ องค์ชาย แฮ่กๆ...”“เสียงดังเอะอะอันใด เจ้ามีเรื่องอะไรงั้นรึ” แม่นมที่นั่งคุมนางกำนัลทำความสะอาดเครื่องเรือนอยู่ หันมาเอ็ดนางกำนัลนางหนึ่งที่ทำหน้าตื่นตกใจ ร้องเรียกเสียงดัง แม้องค์ชายจะไม่ค่อยถือยศนายบ่าว แต่ก็อดส่ายหน้าเหนื่อยใจกับนางกำนัลพวกนี้ไม่ได้ เห็นองค์ชายใจดีหน่อย มารยาทเริ่มบกพร่องขึ้นทุกวัน“แม่นมเกิดเรื่องใหญ่ แฮ่กๆ ละ แล้วเจ้าค่ะ เมื่อกี้ข้าได้ยินพวกนางกำนัลหลวงพูดคุยกัน” นางกำนัลหอบหายใจจากการวิ่งหน้าตั้งเข้ามารายงาน“ค่อยๆพูดค่อยๆจาก็ได้ องค์ชายห้าไม่อยู่หรอก”“ตะ แต่ว่าเราจะทำยังไงดีแม่นม พวกนั้นคุยกันให้แซ่ดว่าฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้แม่ทัพจัดการประลองขึ้นแทนการล่าสัตว์”“ปกติก็มีทุกปีไม่ใช่หรือ” แม่นมแย้งอย่างไม่ใส่ใจ ถ้าปีนี้จะเปลี่ยนเป็นการประลองก็ไม่เห็นแปลก ใครๆก็รู้ฮ่องเต้ทรงชื่นชอบความตื่นเต้น ท้าทายไม่น้อย และผู้ชนะก็คงเป็นองค์ชายหนึ่งเหมือนเดิม“ที่สำคัญฮ่องเต้มีกฎใหม่ว่าการประลองไม่จำกัดอายุนี่สิเจ้าคะ!!” นางกำนัลพูดอย่างเป็นกังวล เ
“มารายงานตัวใช่หรือไม่”“ขอรับ / ขอรับ”“นำจดหมายเรียกตัวออกมา แล้วเดินไปรวมกับคนอื่นทางนั้น” ทหารเอ่ยบอก“ขอบคุณขอรับ”“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป เด็กเข้าไปไม่ได้!” ทหารคนเดิมเรียกไว้เมื่อเห็นชายทั้งสองพาเด็กอีกคน พาเดินเข้าไปด้วย“แต่ว่า...”“อ้าวเจียหมิง มากันแล้วหรือ” อี้ฟ่านและกู้หานที่ออกมาต้อนรับสหาย พวกเขานัดกันมารอต้อนรับคราแรกจะทำให้อีกฝ่ายแปลกใจเสียหน่อย ทว่าดูเหมือนสหายใหม่ของพวกเขาจะมีเรื่องกันก่อน พวกเขาจึงพากันเดินออกมา“อี้ฟ่าน กู้หาน!” เจียหมิงเรียกชื่อสหายที่ไม่พบกันนาน แววตาเต็มไปด้วยความยินดี ไม่คิดว่าจะได้เจอที่จุดรายงานตัว ไหนทั้งสองเล่าว่าได้ไปประจำการอยู่ที่ค่ายฝึกทหาร“อ๊า ท่างยุงทหาร!” เหลียนฮวาจำได้ นางร้องเรียกน้ำเสียงสดใส เรียกแววตาเอ็นดูจากผู้เข้ามาใหม่ ทั้งสองยิ้มตอบรับ แก้มกลมกระเพื่อมขึ้นลงยามส่ายตัวดุกดิก เหมือนสามวันมานี้นางจะน้ำหนักขึ้นเพราะอยู่ดีกินดี ได้รับการเอาอกเอาใจจากทั้งท่านพ่อและท่านลุง“นี่เป็นคำสั่งท่านแม่ทัพเป่ยหวง เจ้าไป
ณ ลานประลอง แคว้นเว่ย“องค์ชายอย่าฝืนตัวเองนะเพคะ หากไม่ไหวให้รีบยกมือ” แม่นมส่งสายตาห่วงใย กล่าวย้ำกับองค์ชายอยู่แบบนั้น นางลงมือเย็บชุดที่สวมใส่ให้องค์ชายด้วยตนเอง ชุดที่ทำจากผ้าไหมชั้นดี ฉีกขาดได้ยาก ป้องกันผู้สวมใส่ได้ไม่มากก็น้อย นางรู้มาอีกว่าการประลองจะมีทั้งแบบมีอาวุธและมือเปล่า แบ่งเป็นแต่ละคู่ เพื่อหาผู้ชนะ ซึ่งแม่ทัพรับบทเป็นผู้จัดงานด้วยตนเอง โดยมีประธานเป็นฮ่องเต้“ข้าเข้าใจแล้วแม่นม ขอบคุณสำหรับชุดนี้ มันพอดีตัวข้าเลย” หยางหลงมองชุดสีดำที่สวมใส่ทะมัดทะแมง เคลื่อนไหวง่าย “ว่าแต่บุคคลนั้นใช่มารดาข้าหรือไม่” หยางหลงส่งสายตาไปยังแท่นผู้ชมด้านบน มีฮ่องเต้นั่งตรงกลาง ซ้ายขวาเป็นฮองเฮา พระสนมในแต่ละลำดับขั้น“เพคะ เป็นพระสนมที่สวมอาภรณ์ดอกโบตั๋น” แม่นมเอ่ยบอกน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก เนื่องจากหลังองค์ชายห้าฟื้นครานั้น หรือไม่ว่าครั้งไหนๆ พระสนมหลันก็ไม่เคยย่างกายมาให้องค์ชายได้เห็นหน้าเลย คล้ายตัดขาดกันสิ้นเชิง นางไม่อยากเห็นองค์ชายของนางต้องเสียพระทัยอีกแล้ว จึงเลี่ยงที่จะไม่เอ่ยถึงมารดาผู้ให้กำเนิ
“เหลือเราสองคนแล้วสินะ” หยางหลงมองชายที่ลอบโจมตีเขาคนนั้นด้วยสายตาเรียบนิ่ง เขาไม่มองว่าการกระทำอีกฝ่ายขี้ขลาดที่โจมตีทีเผลอ กลับมองว่าอีกฝ่ายฉลาดเสียด้วยซ้ำ เพราะในสนามรบศัตรูมันไม่เลือกว่าจะโจมตีเราตอนไหน ขาดความระมัดระวังไปเสี้ยววิก็อาจถึงแก่ชีวิตได้“กระหม่อมล่วงเกินพระองค์แล้ว” ชายผิวเข้มยกมือขออภัยที่ล่วงเกินไปก่อนหน้า การต่อสู้นี้ทำให้เขาได้ปลดปล่อยความเป็นตัวเอง ทั้งที่เคยดูถูกตัวเองตลอดว่าเหตุใดร่างกายถึงไม่เหมือนคนอื่น ทำไมเขาถึงมีผิวสีเข้ม ร่างใหญ่กว่าเด็กทั่วไป ถึงขั้นเก็บตัวไม่ออกไปพบคนภายนอกมาตลอด ตอนแรกที่ท่านตาบอกว่าจะมีการจัดการแข่งขัน เขาแทบไม่สนใจด้วยซ้ำว่าใครจะลงแข่ง หรือการแข่งขันจะเป็นยังไง ทว่าพอได้ลองเข้าร่วมกลับพบผู้คนที่น่าสนใจเต็มไปหมดโดยเฉพาะองค์ชายห้าที่มีสีตาแปลกประหลาด ทว่าพระองค์กลับไม่เคยทำหน้าเศร้าหรือใช้สายตาดูถูกตัวเองให้เขาเห็นเลย สายตาพระองค์ที่จ้องมองด้านหน้าช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ สายตาที่จ้องมองศัตรูอย่างไม่หวั่นเกรง เขาอยากเป็นแบบนั้นบ้าง พอรู้ตัวอีกทีก็เผลอโจมตีองค์ชายเสียแล้ว
“บอกรางวัลที่้เจ้าต้องการมา” “ลูกไม่รู้ว่าภายภาคหน้าจะเกิดอันใดขึ้น ดังนั้นลูกขอเก็บรางวัลนี้ไว้ก่อนได้หรือไม่พะย่ะค่ะ” หยางลงคิดเผื่ออนาคตที่ไม่แน่ไม่นอน “ฮ่าๆ ดี ในเมื่อเจ้ากล้าขอ เราก็กล้าให้” เว่ยฮ่องเต้ทรงเกษมสำราญยิ่ง หัวเราะเสียงดังอย่างถูกใจ บุตรชายคนที่ห้าแท้จริงคือมังกรซ่อนเกล็ดหรือพระองค์คาดหวังไว้สูงกันแน่ เมื่อครั้งอดีตยังไม่กล้าแม้แต่จะสบตาใคร มาตอนนี้กลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง คล้ายกับคนละคน เห็นทีเขาควรแสดงความใจกว้างอีกหน่อยชดเชยที่ผ่านมาเคยละเลย แม้จะทราบดีว่าชดเชยอย่างไรก็ไม่อาจพอ “ขอบพระทัย...” “นอกจากนี้การต่อสู้ของเจ้าช่างถูกใจเรายิ่งนัก ขันทีจงรับคำสั่ง องค์ชายห้ามีวิชาต่อสู้ที่แปลกใหม่ สร้างความพอใจให้เรา มอบดาบปลิดอาชา ทอ
“อุแว้ อุแว้”“ที่รักเหนื่อยไหม ขอบคุณที่คลอดบุตรให้พี่อีกคนนะ” หยางหลงเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากให้คนรักที่หน้าซีดเซียว“ไม่เลยเจ้าค่ะ แค่เห็นหน้าลูกๆกับพี่ ข้าก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง” เหลียนฮวาที่มีประสบการณ์จากการคลออบุตรครั้งแรกถึงสองคน ครั้งนี้จึงคลอดง่ายมาก หมอหลวงที่เดินทางจากแคว้นเว่ยโดยเฉพาะอุ้มเด็กน้อยตัวอวบอ้วนเข้ามา“ขอแสดงความยินดีกับชินอ๋องและพระชายา เป็นเด็กทารกเพศชาย ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เพคะ” หมอหญิงส่งเด็กทารกให้แก่ชินอ๋อง หยางหลงรับมาด้วยความทะนุถนอม“อีกแล้ว ข้าอุ้มท้องเขามา 9 เดือนนะเจ้าคะ” เหลียนฮวาพูดอย่างน้อยใจ เมื่อบุตรลายคนที่สามไม่มีส่วนไหนเหมือนนางเช่นเดียวกัน นี่น้ำเชื้อเขาแรงมากเลยหรือ ลูกออกมาสามคน หน้าตาเหมือนเขาทุกคน“ฮ่าๆ คนที่สี่ต้องเหมือนเจ้าอย่างแน่นอน” หยางหลงพูดด้วยรอยยิ้ม เหลียนฮวาได้แต่อ้าปาก
แคว้นฉินพระราชวัง“ฮื่อ ฮื่อ” เสียงเด็กน้อยร่ำไห้อยู่ข้างเตียงของหญิงนางหนึ่ง“แค่ก ๆ ขะ ข้าไม่น่า คะ คลอดเด็กอย่างเจ้าออกมาเลย” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยใบหน้าโกรธแค้น ตัวนางซูบผอมเหลือแต่กระดูก อันเนื่องจากคลอดเด็กลูกครึ่งผีดิบที่กัดกินชีวิตนางตั้งแต่อยู่ในครรภ์ นางหวังให้ลูกของนางเติบโตมาแข็งแกร่งเหมือนพ่อ ทว่าเด็กออกมากลับเป็นผู้หญิง นอกจากอ่อนแอแถมยังไร้ประโยชน์ทำไมกันนะ ชีวิตของนางถึงไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ตั้งแต่มีพระสวามี เขาก็ทิ้งนางให้อยู่ท่ามกลางผีดิบ ดีที่ยังมีคนรับใช้หลงเหลือไว้ให้อยู่ แต่รอบตัวก็เต็มไปด้วยผีดิบ ไม่มีใครสามารถออกจากแคว้นได้เลย มีครั้งหนึ่งที่แม่ทัพของเคยคิดออกจากแคว้น ทว่ายังไปได้ไม่ไกล ต่างโดนเหล่าผีดิบเข้ามากัดกินทั้งเป็น หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าออกไปนอกแคว้นอีกเลย“ท่างแม่…”“ยะ อย่า แ
4 ปีต่อมา“เสี่ยวชุน เสี่ยวเฉินลงมาจากต้นไม้เดี๋ยวนี้!!” เหลียนฮวาตะโกนบอกบุตรชายตัวแสบวัยสามขวบทั้งสอง อุ้มท้องมา 9 เดือน แต่ไม่มีส่วนใดได้นางมาเลย เด็กๆถอดแบบพี่หยางมาทั้งหมด ชอบปีนต้นไม้เหมือนใครก็ไม่รู้? แถมยังหลบหนีพี่เลี้ยงเก่งเป็นที่หนึ่ง“ปี้ชายลงไปก่อนซี่” เสี่ยวชุนหรือเว่ยชุนหวงเอ่ยบอกพี่ชายที่คลอดก่อนตนเพียง 5 วินาที ร่างกลมป้อมอวบอัด ทว่ากลับว่องไวกว่าคนเป็นพี่บุ้ยปากให้พี่ชายลงจากต้นไม้ก่อน“เจ้าเปงน้องก็ต้องลงก่อง” เสี่ยวเฉินหรือเว่ยเฉินอี้กล่าวบอกผู้เป็นน้อง ทั้งสองเกี่ยงกันลงก่อนเนื่องจากยังดูพวกท่านตาฝึกซ้อมยังไม่เสร็จ“ลง มา พร้อม กัน” เหลียนฮวาจำต้องเน้นเสียงทีล่ะคำบอกบุตรชาย ไม่งั้นก็ยังเกี่ยงกันไม่เลิก บุตรชายของนางทั้งสองชื่นชอบการต่อสู้เป็นพิเศษ หากเห็นทหารหรือบรรดาตาๆตัวเองฝึกก็จะรีบขอตามไปดูอย่างไวพวกเด็กๆจะเรียกพ่อของนางว่าต
“เหนื่อยหรือไม่” หยางหลงเอ่ยถามเจ้าสาวของตนหลังคืนแต่งงานผ่านพ้นไป คนรักที่กลายมาเป็นภรรยาและคู่ชีวิตของเขานับแต่นี้เหลียนฮวานั่งตัวเกร็งอย่างทำอะไรไม่ถูก นางกำลังเผชิญกับคืนเข้าหอเป็นครั้งแรก“…”“เหตุใดไม่คุยกับพี่้เล่า” หยางหลงค่อยๆเปิดผ้าคลุมเจ้าสาวเชยคางมนมาสบตา ทั้งสองสบตากันอย่างลึกซึ้ง“ตะ ต้องดื่มเหล้าก่อนมงคลเจ้าค่ะ” เหลียนฮวาที่ไม่รู้จะหาข้ออ้างอันใดมาเอ่ยจึงมองไปที่กาใส่เหล้ามงคลเอาไว้“จริงสิ เป็นขนบธรรมเนียมของที่นี่” หยางหลงยิ้มกริ่มก่อนจะค่อยๆเทเหล้ามงคลจากกาน้ำสองจอดและยกขึ้นมาถือไว้“ดื่มเถิด” เขายื่นให้คนรักหนึ่งแก้วและถือไว้เองหนึ่งแก้ว ทั้งสองคล้องแขนกันก่อนจะยกขึ้นดื่มพร้อมกัน ทั้งกลิ่นทั้งรสชาติของเหล้ามีความแรงจนเหลียนฮวาต้องนิ่วหน้า นางรีบกลืนภายในอึกเดียว ไม่นานหน้
“ถวายบังคมเสด็จพ่อ” ฮ่องเต้สวรรค์มองบุตรสาวด้วยสายตาไม่พอใจนัก“เจ้ารู้ความผิดที่ก่อหรือไม่เทพธิดาเหมยลี่” น้ำเสียงดังก้องกังวาลไปทั่วชั้นฟ้า“ไม่เพคะ” เทพธิดาเหมยลี่เชิดหน้าไม่ยอมแพ้“เจ้า!!!”“ลูกไม่คิดว่าการที่พวกเรารักกันจะผิดตรงไหน”“แม้จะไม่มีบัญญัติว่าห้ามรักต่างฐานันดร แต่เจ้าก็ทำผิดกฎสวรรค์ เจ้ากำลังตั้งครรภ์!!!” ฮ่องเต้สวรรค์แทบลมจับ สั่งให้ทูตสวรรค์หรือที่เรียกทหารในโลกมนุษย์พาธิดากลับมาและนำไอ้ชายที่มันล่อลวงบุตรสาวของเขามารับโทษ“ตั้งครรภ์ จริงสิ เสด็จพ่อทรงมีหลานแล้วเพคะ นางจะเป็นเทพธิดาตนใดมาเกิดกันนะ” เหมยลี่พูดไปยิ้มไป สายใยแม่ลูกทำให้รู้ว่าในครรภ์ของนางเป็นเพศหญิง พลางลูบหน้าท้องแบนราบของตน“ช่างเรื่องนั้นก่อน เจ้าต้องได้รับโทษ” ฮ่องเต้สวร
“พี่หยาง ผักที่เราปลูกงอกแล้วเจ้าค่ะ” เหลียนฮวากล่าวอย่างตื่นเต้น เป็นล็อตสองที่ทดลองปลูก แถมผักที่ปลูกยังเป็นชนิดใหม่“หืม งอกเร็วมาก ยังไม่ถึงเดือน” หยางหลงรีบเข้ามาดูต้นผักตามคนรักชี้บอก วันนี้พ่อตาและคนอื่นไม่อยู่ต้องไปทำภารกิจ“เพราะดินที่เราหมั่นบำรุงมั้งเจ้าคะ”ฟอดดด“เพราะเราช่วยกันปลูกต่างหาก” ขายหนุ่มแอบหอมแก้มแฟนสาวเร็วๆ แล้วส่งยิ้มกระชากใจหลังจากกลับจากแคว้นเว่ยมีประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องว่าที่พระชายาองค์ชายห้า เล่นเป็นข่าวดัง พูดถึงกันอยู่พักใหญ่เพราะว่าที่พระชายาเป็นคนต่างแคว้นแถมยังเป็นสามัญชน ทว่าทั้งคู่กลับไม่มีใครสนใจ พากันเดินทางไปแคว้นจ้าวสลับกับแคว้นเว่ย ไปๆมาๆระหว่างสองแคว้น แถมยังหวานกันยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากไม่ต้องปกปิดตัวตนอีกต่อไป“ครั้งหน้าหากผักในโรงปลูกผักโตกว่า
“อื้มม พะ พอก่อนเจ้าค่ะ แฮ่กๆ” เหลียนฮวาหลบชายคนรักที่ตะบมจูบอย่างหื่นกระหาย“เราไม่ได้สกินชิพกันมาหลายวันแล้วนะ” หยางหลงเอ่ยอย่างงอนๆ ไม่ว่าจะเดินไปไหนระหว่างพวกเขามักมีสายตาจับจ้อง ทั้งยังส่งเสียงทักทายมาให้ตลอด พอจะอยู่กันสองคนก็จะมีสายตาจับผิดของพ่อตามองมาอยู่เสมอ ทำให้เขาแทบปลีกตัวอยู่กันสองต่อสองไม่ได้เลย“ก็ใครใช้ให้พี่เป็นคนดังล่ะเจ้าคะ” เหล่าทหารหลายคนที่อยากขับรถแบบเขา จึงพากันเข้ามาพูดคุยขอให้เขาช่วยสอนขับรถ ทั้งยังพูดถึงแต่เรื่องรถ ความชอบของพวกผู้ชายหนีไม่พ้นพวกนี้เลยจริงๆ“พี่สอนพ่อตากับลุงแม่ทัพขับแล้ว พวกเขาไม่ไปถามทั้งสองบ้าง” หยางหลงพูดน้องใจอย่างไม่จริงจังนัก“คิกคิก ก็ไม่มีใครขับได้ผาดโผนเท่าพี่นี่นา” เหลียนฮวาหัวเราะขำ พวกทหารติดใจความเร็วของรถเครื่อง พอกลับไปนั่งรถม้าเริ่มพากันบ่นว่าช้าบ้าง อืดบ้าง ทั้งที่พอนั่งรถเครื่องก็พากัน
ณ พระราชวัง“พวกเจ้าจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้!!!” จ้าวฮ่องเต้ตะโกนลั่นอย่างไม่พอพระทัย เหล่าแม่ทัพต่างพากันจับกุมเขาและขุนนางฝ่ายสนับสนุน ใช้สายตาไม่พอใจมองไปทางแม่ทัพเลี่ยงจินที่เดิมทีมีหน้าที่ปกป้องเขา แต่กลับเข้าร่วมกับแม่ทัพคนอื่น“ฮ่องเต้ที่ละทิ้งประชาชน มิอาจดำรงอยู่ต่อไปได้หรอกพะย่ะค่ะ” เลี่ยงจินเป็นคนตอบ เขาตัดสินใจได้ทันทีหลังจากได้พูดคุยกับแม่ทัพเป่ยหวงและลู่จือ สิ่งที่แม่ทัพลู่จือพบเจอไม่สมควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง“คะ ใคร ใครรายงานพวกเจ้า ข้าปิดประตูเมืองเพียงแค่รอสถานการณ์คลี่คลายเท่านั้น หากดีขึ้น...”“ฝ่าบาทมั่นใจว่าเป็นเช่นนั้นหรือพะย่ะค่ะ” เหล่าขุนนางที่ส่งจดหมายแจ้งแก่แม่ทัพเป่ยหวง พร้อมทั้งถือหลักฐานเดินเข้ามายังท้องพระโรง“พวกเจ้า ไม่จริง ข้าเพียงแค่ทำตามคำแนะนำของราชครู!!” จ้าวฮ่องเต้ที่เห็นหลักฐานในมือขุนนางกลับทำตาโตกล่าวถึ
“นะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ออกไป” เยว่เล่อกล่าวออกมาอย่างสับสนพร้อมสั่งพวกมัน เขามองผีดิบที่พากันรุมเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่สนคำสั่งของเขา“เป็นอะไรไหมขอรับท่านแม่ทัพ”“ฮะ ฮุ่ยหมิง แค่กๆ” เป่ยหวงตื่นตะลึงกับภาพที่เห็น ฮุ่ยหมิงตัวเป็นๆยืนอยู่ตรงหน้า หรือเป็นเพียงภาพความฝันกันแน่ ทว่าสีตาของเขากลับเหมือนพวกคนคลั่ง“ข้าเองขอรับ” ฮุ่ยหมิงพยุงร่างของแม่ทัพขึ้น คิดว่าจะหนักแต่ผิดคาดตัวของท่านแม่ทัพเบากว่าที่คิด“จะ เจ้าจริงๆหรือ” เป่ยหวงถามขึ้นดวงตาพร่ามัวที่ใกล้จะปิด เขากลัวจะเป็นแค่ความฝันเท่านั้น หากเฟยจินมาอยู่ตรงนี้ด้วยอีกฝ่ายคงดีใจไม่น้อย“ขอรับ” สิ้นสุดคำตอบของเขา เป่ยหวงสลบไปทันที ฮุ่ยหมิงใช้มือเช็คลมหายใจแล้วเป่าปากอย่างโล่งอก โชคดีที่ท่านแม่ทัพสลบไปเท่านั้นผลักก