EPISODE 24Tossakan's partครืด~ ครืด~"ว่าไงนิน" เสียงของไอ้นธีที่กดรับสายจากญานินทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างสนใจ โทรหาแต่พี่ไม่โทรหากูมั่งวะผมคิดในใจอย่างเซ็งๆ ก่อนจะมองหน้าเพื่อนด้วยความอิจฉา แต่ตอนนี้มันกลับขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วเปิดลำโพงเหมือนมีอะไรสักอย่างเสียงที่ดังออกมาไม่ใช่เสียงของญานิน"ค่อยๆ พูดได้มั้ย ฉันฟังไม่รู้เรื่อง" ความใจเย็นของไอ้นธี(ตอนนี้เนยแอบออกมาโทร คือยัยนินมันโดนรุ่นพี่เรียกไปห้องมืดเพราะรุ่นพี่ทำโทษที่มันทำภารกิจไม่สำเร็จค่ะ เนยไม่รู้จะบอกใครเลยเอาเครื่องนินโทรมาหาพี่)"ร้ายแรงมั้ย" ไอ้ธีพูดขึ้นอย่างใจเย็นทั้งที่มันเป็นพี่ชายแท้ๆ ของญานิน แต่ผมกลับร้อนใจกว่ามันแทบจะพุ่งตัวไปหาแล้ว(หายไปเกือบชั่วโมงแล้วค่ะ เนยว่ามันไม่ปกติน่าจะโดนแกล้ง คนที่บอกให้พี่ทศกัณฐ์ทักไป)"ห้องมืดที่ว่านั่นอยู่ไหนรู้มั้ย!" ผมเข้าไปกระชากมือถือของมันมาคุยด้วยความร้อนรนญานินกลัวเรื่องพวกนี้มาก เธอไม่ชอบความมืดถ้าต้องอยู่คนเดียว กลัวเรื่องผี เรื่องฆาตกรรม เรื่องลึกลับที่สุด เวลาที่ต้องดูหนังเธอจะบอกตลอดว่าไม่ดูหนังสยองขวัญผมจำเรื่องนี้ได้ดี(น่าจะเป็นห้องที่ติดกับห้องเก็บของค่
"มีสิทธิ์อะไรมาทำน้องสาวฉันขนาดนี้วะ" ไอ้ธีพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ มองญานินที่นั่งตัวสั่นอยู่ จนผู้หญิงพวกนั้นเงียบกันหมดและไม่กล้าพูดอะไรอกมาแม้แต่คำเดียว"นินบอกพวกพี่เขาแล้ว อึก ว่านั่นเป็นไลน์ของพี่จริงๆ" ญานินพูดเสียงอู้อี้อยู่ตรงอกของผม เสื้อช็อปที่ใส่มาตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของเธอ"แค่นั้นใช่มั้ยที่พวกเธอต้องการความจริง" ผมพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น ทั้งที่อยากจะทำมากกว่านี้แต่ก็คงทำไม่ได้"..." ไม่มีใครยอมพูดออกมาเลย น่าขำชะมัด"เงียบทำไมวะ เมื่อกี้ยังได้ยินเสียงดังจนแสบแก้วหู" ไอ้เต้ถามผมดึงโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาจากกระเป๋าด้านหลังของกางเกงยีนแล้วเข้าไปในหน้าต่างแชทนั้นที่ให้ญานินเป็นคนคุยก่อนจะยื่นให้ไอ้คิว"มึงเอาไปให้ดู""เรื่องไร้สาระอะไรวะ" ไอ้คิวพูดขึ้นมาเหมือนหงุดหงิดแล้วดูหน้าต่างแชทตัวปัญหา ก่อนจะเดินไปตรงหน้าพวกนั้นและเลื่อนให้ดูพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา "อย่าบอกนะว่าให้น้องมาทำภารกิจจีบผู้ชายให้พวกเธอ""พี่ทศกัณฐ์..." ญานินเรียกชื่อผมเหมือนกำลังกลัว เธอคงกลัวว่าเรื่องมันจะไปกันใหญ่ล่ะมั้ง"ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรหรอก" ผมก้มบอกเธอแล้วลูบผมยาวถึงกลางหลังเพื่อปลอบโยน ก่อ
EPISODE 25Tossakan's part (ต่อ)พลั่ก!"เฮ้ยฟาง พวกมึงทำอะไรน้องวะ อะ...ไอ้ทศ พวกมึงมาได้ไง"เป็นไอ้เดย์เฮดว้ากของคณะนี้ที่พุ่งพรวดเข้ามาก่อนจะตกใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นพวกผมอยู่ในนี้ด้วย"ไง อย่าบอกว่ามึงก็รู้เรื่องพวกนี้ด้วย" ไอ้ฮ่องเต้ถามคนที่เข้ามาพร้อมกับสีหน้าเครียด"ทำไม เกิดอะไรขึ้น""เดย์ ฟังพวกฉันก่อน ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้นะเว่ย แต่ยัยน้องนี่มันยั่วโมโห" ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาไอ้เดย์อย่างร้อนรน"..." ญานินหันหน้ามามองผู้หญิงคนนั้นทันทีเหมือนตกใจในคำพูดนั้น ก่อนจะหันกลับมามองผมแล้วส่ายหน้าว่าเธอไม่ได้ทำ"ไม่สำนึกว่ะ" ไอ้คิวพูดแล้วหันไปมองคนนั้นอย่างเอือมระอา "คอยแต่จะโทษคนอื่น""กูบอกมึงแล้วนะไอ้เดย์ น้องมันก็เจอมาครั้งนึงแล้วแทนที่มึงจะระวังไม่ให้มีเรื่องแบบนี้! มึงแคร์พวกไร้สาระนี่เหรอ""กูขอโทษที่ไม่ระวังให้มากกว่านี้" มันพูดขึ้นมาแบบรู้สึกผิดแต่มันก็คงลำบากใจไม่น้อยเพราะอีกฝ่ายก็คือเพื่อนร่วมคณะแต่ต่างสาขา ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยคงทำให้มันใจอ่อน"แล้วมึงได้ดูมั้ยว่าภารกิจอะไร โคตรไร้สาระเลยรู้มั้ย" ผมหันไปถามไอ้เดย์สีหน้าจริงจัง ผมเห็นมันเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ถึ
ผมถามแล้วมองไปที่ผู้หญิงกลุ่มนั้น"..." เพื่อนของยัยนั่นชี้ไปยังคนที่เพิ่งถูกผมสั่งให้ทำเหมือนญานิน เป็นคนที่เหมือนจะกล้าที่สุดในกลุ่มแต่ตอนนี้ยืนเงียบและไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่แถมยังไม่ยอมขอโทษญานินด้วย"เธออยากให้ฉันทักไปทำไม""ฉัน..." ผู้หญิงคนนั้นมองตาผมแล้วเม้มปากเข้าหากัน จนผมต้องเบือนหน้าหนีท่าทางนั้นทันทีถ้าญานินทำมันคงน่ารักอยู่หรอก"ช่างเถอะ ไม่ต้องบอกดีกว่าเพราะคงไม่สำคัญกับฉัน" ผมพูดแล้วเดินไปประคองญานินเอาไว้ ก้มหน้าลงไปถามอย่างนึกเอ็นดู "เดินไหวมั้ย""..." เธอพยักหน้าแล้วร้องไห้ออกมาอีกระรอก นิสัยข้อนี้ผมรู้ดี เพราะยิ่งถามยิ่งปลอบเธอก็จะยิ่งร้อง จึงช้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้มอย่างทะนุถนอม"ไม่ร้องนะคนเก่ง" ผมพูดแล้วยิ้มให้เธอ ทำเอาอีกคนยิ่งร้องไห้กว่าเดิมแล้วซบหน้าลงกับซอกคอของผม"ยัยนิน!! แกเป็นไงบ้าง""พี่ทศกัณฐ์ นินเดินได้ค่ะ" เธอบอกแล้วมองผมเหมือนกำลังจะบอกว่าเธออายสายตาพวกเพื่อนๆ ของเธอยู่เพราะตอนนี้น่าจะเพิ่งเลิกจากกิจกรรมรับน้องเด็กปีหนึ่งกำลังแยกย้ายกันกลับ"..." ผมยอมปล่อยให้เธอนั่งลงกับเก้าอี้ม้าหินอ่อน แล้วหันไปบอกเพื่อนของญานิน "ไปเอาอุปกรณ์ล้างแผลมา""ค่ะ""..." ผม
Yanin's part"พวกเราจะไปเป็นพยานให้ค่ะว่ามีคนพาญานินไปห้องมืดนั่น" เพื่อนหลายคนพูดขึ้นมาและพยักหน้าตามกันหลังจากพี่ทศกัณฐ์บอก"ค่ะ" ฉันตอบแล้วมองเขาด้วยรอยยิ้ม พอเห็นพี่ๆ เพื่อนๆ เป็นห่วงก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นจริงๆ"อิจฉาจังเลยค่ะ มีคนทำแผลมีคนดูแลแบบนี้ยอมเจ็บตัวทุกวันเลย" ใบเฟิร์นพูดขึ้นมาก่อนจะโดนนิเนยดีดหน้าผากดังเปรี๊ยะ"ใช่เวลาที่ควรอิจฉามั้ย ดูหน้าพวกพี่แต่ละคนด้วย" นิเนยเตือนสติแล้วมองพี่ๆ เสื้อช็อปสามสี่คนที่อยู่กับพวกเรากำลังทำหน้าเครียดๆ กันอยู่"เสร็จแล้ว" พี่ทศกัณฐ์พูดแล้วหยัดตัวลุกขึ้น "กลับเลยมั้ยจะไปส่ง""เดี๋ยวนินต้องเข้าห้องเชียร์กับเพื่อน" ฉันพูดแล้วหันไปมองพวกเพื่อนๆ ที่ยืนดูอยู่"ไม่ไหวก็พักก่อนสิ" พี่นธีพูดแล้วขมวดคิ้วยุ่งๆ"แกพักก่อนเถอะยัยนิน" นิเนยบอกแล้วมองฉันอย่างให้กำลังใจ"อีกสองเดือนจะมีงานสปอร์ตเดย์แล้วถ้าฉันขาดบ่อยจะทำได้มั้ย เดี๋ยวก็ปิดเทอมอีก" ฉันพูดแล้วมองเพื่อนก่อนจะหันมามองพวกพี่นธี "ให้นินไปนะ""อย่าดื้อ เห็นมั้ยว่าตัวเองเจ็บอยู่"พี่ทศกัณฐ์โน้มตัวลงมาแล้ววางมือบนศีรษะของฉัน"แต่ยังทำกิจกรรมได้ค่ะ ถ้าเสร็จแล้วจะให้พี่ทศกัณฐ์มารับทันที มารับนินได้มั้ยค
ฉันตอบหน้านิ่ง ไม่รู้ว่าต้องทำหน้าแบบไหนดีตั้งแต่ร้านเหล้าวันนั้นก็ไม่ได้เจอพี่เขาอีกเลยจนมาถึงวันนี้"อืม ตอนนี้ไม่รู้ว่าน้องจะคิดยังไงกับพี่ปีสาม ขอโทษแทนรุ่นพี่ทุกคนที่ดูแลเราไม่ดี แต่พี่อยากให้เรารู้ว่ารุ่นพี่หวังดีกับรุ่นน้องเสมอ ไม่นับพวกที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้" พี่เนย์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังที่แฝงไปด้วยความรู้สึกผิด"นินเข้าใจค่ะ มีคนดีก็ต้องมีคนเลว พี่ไม่ต้องคิดมากหรอก นินไม่คิดจะเหมารวมอยู่แล้ว แต่...อยากรู้ว่าในเมื่อมีคนคิดจะทำไม่ดีพวกพี่ๆ ไม่ห้ามกันเลยเหรอ" ฉันตอบแล้วยิ้มบางๆ ให้เขา"บางคนมันอยู่เหนือการควบคุมนะ อีกอย่างมันมีบางอย่างที่เราอาจจะไม่รู้" พี่เนย์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง "แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงคนที่ทำผิดก็สมควรได้รับโทษ""ค่ะ นินหวังว่าเขาจะได้รับโทษที่เหมาะสมกับการกระทำและสำนึกในความผิดตัวเอง""อืม งั้นพี่ไปแล้วนะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือ บอกได้" พี่เนย์พยักหน้าแล้วกำลังจะเดินไปแต่ก็หันกลับมาอีกครั้ง "อ่อ เรื่องรอยสัก""คะ" ฉันเลิกคิ้วแล้วมองรอยสักของเขาสลับกับใบหน้าหล่อๆ นั่นไปมา "พอดีนินน่าจะเข้าใจผิด""อืม ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องกันยังไง แต่คงไม่ใช่พี่หรอก เราจ
"มึงจัดการยังไง"(...)"อืม มึงรับปากได้ใช่มั้ยว่าจะไม่มีใครทำอะไรอีก"(...)"ฝากเตือนด้วย ว่าถ้าไม่หยุดกูให้เรื่องถึงอธิการบดีแน่ ตอนนี้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว" พี่ทศกัณฐ์พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังมือข้างหนึ่งยังคงโอบเอวฉันไว้หลวมๆ(...)"เพื่อนมึงบ้าแล้วไอ้เดย์ ปัญญาอ่อน กูไม่ชอบว่ะผู้หญิงแบบนี้ เอาคำว่าชอบมาใช้เป็นข้ออ้างไม่ได้นะเว่ย ถ้ากูบอกว่ากูรักน้องมากจนต้องต่อยผู้หญิงที่มันทำร้ายแฟนกู กูทำได้มั้ย" พี่ทศกัณฐ์พูดขึ้นอย่างหงุดหงิด ทั้งๆ ที่เมื่อตอนเย็นเขาก็เกือบจะต่อยผู้หญิงคนนั้นแล้วไม่ใช่หรือไง(...)"เออ ถ้ามึงจัดการแล้วก็ตามนั้น"(...)"อืม ถ้าว่างค่อยนัด ช่วงนี้ยุ่งกันหมด"แล้วพี่ทศกัณฐ์ก็วางสายจากคนคนนั้น ซึ่งน่าจะเป็นพี่เดย์ เฮดว้ากคณะฉัน"พี่เขาว่าไงเหรอ""มันบอกว่าจัดการแล้ว ไม่ให้พวกนั้นร่วมกิจกรรมรับน้องอีก" พี่ทศกัณฐ์พูดขึ้นด้วยสีหน้าดูกังวล"แล้วทำไมต้องทำหน้าเครียดอีกล่ะคะ""เปล่าไม่ได้เครียด ต่อไปนี้จะไปไหนห้ามไปคนเดียวนะ ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจะบ้าขนาดไหน ถ้าจะออกไปไหนให้บอก ถ้าว่างจะไปส่ง ถ้าไม่ว่างให้รอก่อน" เขาพูดแล้วหันมามองฉันสีหน้าจริงจัง"เดี๋ยวนี้พูดเยอะนะคะ" ฉ
"พี่ทศกัณฐ์~"(ว่ายังไง)"วันนี้นินไปเที่ยวกับเพื่อนนะ"(เที่ยวไหน) เขาทำเสียงเข้มกลับมาเหมือนจะข่มให้กลัวอย่างนั้นแหละ"ร้านไหนยังไม่รู้เลย ไม่ต้องห่วงนะเพื่อนสาขาไปกันเยอะค่ะ"(ถ้ารู้ว่าจะไปไหนแล้วบอก)"ค่ะ งั้นแค่นี้นะ นินจะเข้าสอบแล้ว"(ครับ)แล้วฉันก็กดวางสายจากเขาก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความดีใจเพราะนี่คงเป็นครั้งแรกที่จะได้ไปท่องราตรีกับเพื่อน"จะไปร้านไหนล่ะ ที่ไม่ตรวจบัตร" นิเนยหันไปถามความเห็นจากใบเฟิร์น ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแอบเข้าร้านเหล้าที่สุด"คราฟท์บาร์ เราไม่มีทางเลือกหรอก ฉันรู้ทางเข้าออกและทางหลบทุกซอกมุมแล้ว" ใบเฟิร์นพูดคุยโม้แล้วก็หัวเราะออกมาเหมือนแม่มดร้านที่ว่าคือร้านที่เราเคยไปวันนั้นนั่นแหละ"โอเค ร้านนี้หนุ่มเยอะ ฉันตกลง คืนนี้ต้องได้!" นิเนยพูดขึ้นอย่างหนักแน่นเมื่อได้คำตอบแล้วฉันจึงทักไปบอกพี่ทศกัณฐ์ทันทีYanin : ร้านคราฟท์บาร์นะคะ ร้านเดิมแล้วจึงเก็บมือถือไว้ในกระเป๋าเข้าห้องสอบวิชาสุดท้าย ใช้เวลาอยู่สองชั่วโมงก็ออกมารอพวกนั้นที่หน้าห้องกับเพื่อสาขาคนอื่นๆก่อนจะเปิดดูมือถือของตัวเองก็เห็นข้อความของพี่ทศกัณฐ์แจ้งเตือนเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วขึ้นมาTOSSAKAN: ไ
"ไงมึง วางแผนกันดิบดีสุดท้ายก็แพ้เมีย" เสียงของพี่ฮ้องเต้ดังขึ้น น้ำเสียงปนหัวเราะของเขาบ่งบอกว่ากำลังเยาะเย้ยพี่ทศกัณฑ์อยู่ตอนนี้ฉันยืนแอบอยู่ตรงมุมตึกซึ่งอยู่ห่างจากโต๊ะที่พวกเขานั่งไม่กี่เมตร ทำให้ได้ยินบทสนทนาชัดเจน"…" พี่ทศกัณฑ์เงียบกริบไม่รู้ว่าถ้าเขาไม่รู้ว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้จะเป็นแบบนี้มั้ยอาจจะคุยโม้ก็ได้ใครจะไปรู้"มึงมันไม่ได้เรื่อง เป็นพี่ว้ากจนน้องปีหนึ่งปีสองกลัวแต่มาแพ้ให้เด็กอักษรคนเดียว เหอะ" พี่คิวพูดออกมาเหมือนเสียอารมณ์เพราะเป็นคนคิดแผนทั้งที"มึงก็รอรับชะตากรรมแบบกูได้เลย" พี่ทศกัณฑ์พูดเสียงเบาหวิว จนฉันแอบสงสารจับใจ"กูไม่มีทางกลัวเมียแบบมึงแน่นอน ผู้หญิงก็แค่ลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด""มึงไม่กลัวเตยเลยเหรอ" พี่ทศกัณฐ์ถามซ้ำ"กลัวทำไม ยัยนั่นดิต้องกลัวฉันขาดฉันไปซักคนเตยคงอยู่ไม่ได้ ร้องไห้แงๆ"โอ้อวดนักนะ เดี๋ยวโดนดีแน่พี่คิว!"พี่ทศกัณฑ์!" ฉันเดินเข้าไปเงียบๆ แล้วเรียกพี่ทศกัณฑ์เสียงดัง จนพี่ๆ หันมามองกันพรึบ ส่วนพี่นธีขมวดคิ้วมองฉันอย่างไม่เข้าใจ พี่ชายทั้งคนอ่านออกแน่ๆ"ยะ…ญานิน มาได้ไง" เก่งมากคุณแฟน เสียงสั่นแบบไม่ต้องซ้อมมา"เดินมาค่ะ""น้องญาน
"…" เงียบอยู่นั่นแหละไม่คิดจะพูดอะไรเลยใช่มั้ย หรือว่าเขาไม่อยากคบฉันแล้ว แววตาของเขาที่มองเหมือนกำลังลังเลบางอย่างอยู่เลย"นินทำอะไรผิดหรือเปล่า ทำไมพี่ไม่บอกถ้านินผิดก็พร้อมจะแก้ไข แต่พี่ทศกัณฑ์ไม่ให้โอกาสนินได้รับรู้เลย อึก...อยู่ๆ ก็ไม่เห็นค่ากันแบบนี้""ญานิน…" เขาเรียกชื่อฉันเบาๆ ขณะที่ฉันเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้"พี่เบื่อนินแล้วใช่มั้ย พี่ทศกัณฐ์ไม่รักนินแล้วใช่มั้ย...ฮึก""ไม่ใช่" เขาตอบแล้วค่อยๆ เอื้อมมือมากุมมือฉันพร้อมกับถอนหายใจเขาดันตัวฉันลงกับเตียงอีกรอบ ใช้นิ้วเรียวยาวลูบปัดน้ำตาออกจากพวงแก้มของฉันอย่างอ่อนโยน"ที่จริงแล้วแค่อยากจะทดสอบ แต่ตอนนี้พี่คงแพ้อีกแล้ว" เขาพูดแล้วจ้องตาฉันนิ่ง"หมายความว่ายังไง" คำพูดนั้นทำให้ดวงตาของฉันเบิกกว้างแล้วเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วชนกัน"…" เขาพ่นลมหายใจออกมาแล้วเบือนหน้าหนีเหมือนกำลังลำบากใจที่จะพูด "เพราะคิดว่าช่วงนี้เราชอบเอาแต่ใจ ก็เลยอยากดัดนิสัยนิดหน่อย จะได้หันมาง้อพี่บ้างไม่ใช่ตัวเองถูกทุกอย่าง" เขาอธิบายแบบเหนี่ยมอายนิดหน่อยนี่มันอะไรกันเนี่ย…"อย่าบอกว่าที่แกล้งยุ่งกับงานก็เพราะอยากลองดูการกระทำของนินด้วย""…" พยักหน้าเป็นคำตอบ"แล้
Tossakan talk"ไอ้เชี่ยมึงใจเย็น นิ่งไว้ๆ""ฮ่าๆ มึงท่องไว้พุทธโธๆ เดี๋ยวแม่งเสียแผนหมด"เสียงของไอ้เต้กับไอ้คิวที่เกลี้ยกล่อมให้ผมใจเย็น ทั้งที่ภาพตรงหน้าคือผู้ชายกำลังเกาะแกะแฟนผมอยู่แล้วพวกมันก็มาฉุดรั้งตัวผมที่แทบจะพุ่งตัวไปหาญานิน ขณะที่ไอ้นธีเอาแต่นั่งยิ้มน้อยๆ มองผมเหมือนดูหนังตลกตลกเชี่ยไรเดี๋ยวเมียมันเจอมั่งจะรู้สึก"ถ้ามึงเข้าไปตอนนี้น้องมันรู้แน่ว่ามึงไม่ได้ยุ่งกับโปรเจ็ค แต่มาตามดูน้องมันอะ" ไอ้คิวบอกแต่กลับยิ้มขำ "แล้วที่มึงทำมาทั้งหมดน้องก็จะคิดว่ามึงโกหก""เออ มึงต้องนั่งดูอย่างใจเย็น"ใจเย็นอะไรของมันวะ ตอนนี้เหมือนกองไฟในอกผมมันกำลังจะปะทุออกมาอยู่แล้ว"มึงจะทำเสียแผนนะเว่ย จากที่จะดัดนิสัยน้องกลายเป็นน้องได้ดัดนิสัยมึงแทน"'แผน' ที่ว่านั้นมันเริ่มจากปัญหาของผมนี่แหละเรื่องมันมีอยู่ว่าอาทิตย์ก่อนเราทะเลาะกันเรื่องญานินลืมมือถือไว้ในห้องก่อนออกไปเรียน โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ยอมรับสาย เราเลยทะเลาะกันใหญ่โตแต่สุดท้ายผมก็เป็นคนง้อญานินเพราะเรื่องมันมักจะจบแบบเดิมคือน้องมันถูกเสมอไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ คนที่เป็นฝ่ายผิดสุดท้ายแล้วต้องเป็นผมเพราะญานินจะไม่ยอมง้อผมเลย
หลายเดือนต่อมาหลังจากเรื่องวุ่นวายทั้งหมดตอนนั้นจบลง ชีวิตของฉันก็กลับมาสงบสุขและคบกับพี่ทศกัณฐ์อย่างแฮปปี้ใช่ซะที่ไหนกัน!การคบกันมันก็ต้องมีทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดาและทุกครั้งที่ทะเลาะกันนั้นพี่ทศกัณฐ์มักจะเป็นฝ่ายยอมฉันเสมอไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะพี่ทศกัณฐ์รักฉันมากๆ ยังไงล่ะ!"เป็นอะไรหน้าบูดเป็นตูดหมามาเลย" เสียงของนิเนยทักขึ้นตอนที่ฉันกำลังเดินเข้ามาหย่อนตัวนั่งลงกับเก้าอี้ข้างๆ พอใบเฟิร์นได้ยินคำพูดของนิเนยก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสนใจตอนนี้เราอยู่ปีสองกันแล้วนะ เป็นรุ่นพี่แล้วและช่วงนี้ก็เป็นช่วงรับน้องทำให้ค่อนข้างเหนื่อยกับการจัดเตรียมกิจกรรมให้น้องๆ ทำส่วนพี่ทศกัณฐ์ก็อยู่ปีสี่แล้วเขาก็วุ่นวายกับการทำโปรเจ็คหลังจากที่เพิ่งฝึกงานสามเดือนจบแล้วก็เหลือเวลาอีกแค่เทอมกว่าในรั้วมหาวิทยาลัยทำให้ช่วงนี้เราแทบจะไม่มีเวลาได้ใกล้ชิดกัน"ไม่มีอะไร" ฉันตอบนิเนยแล้วหยิบเอกสารสำหรับวิชานี้ขึ้นมาเตรียมไว้บนโต๊ะเลคเชอร์"ทะเลาะกับพี่ยักษ์เหรอ" นิเนยถามแล้วกอดอกมองฉัน"..." พยักหน้าเป็นคำตอบ"เรื่อง?""เมื่อวานฉันเข้าคอนโดก่อน เพราะเขาบอกว่าจะเลิกดึก พอถามว่าจะให้ไปนั่งทำงานด้วยมั้ยก็
เช้าวันต่อมา"ได้เรื่องมั้ยครับ"เสียงของพี่ทศกัณฐ์ดังขึ้นจากปลายเตียงเหมือนกำลังคุยโทรศัพท์กับใครซักคนฉันจึงค่อยๆ ขยับเปลือกตาขึ้นมอง"มีหลักฐานครบแล้วใช่มั้ย""ดีเลย งั้นรบกวนคุณลุงจัดการให้ผมหน่อย""น้องดีขึ้นแล้วครับ ตรวจแล้วไม่เป็นอะไร มีรอยช้ำที่โดนตีนั่นแหละ...ผมรู้แล้วน่า ว่าที่หลานสะใภ้ลุงทั้งคนจะไม่ดูแลได้ไง"นี่กำลังพูดถึงฉันอยู่ใช่มั้ย แอบฟังเองก็เขินเองแล้วนะ"ครับ ขอบคุณครับ รอชมผลงานนะแล้วเดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องทางนี้เอง" แล้วพี่ทศกัณฐ์ก็กดวางสายก่อนจะหันมามองทางฉันที่แกล้งขยับเปือกตาขึ้นมาเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน "เช้าอยู่เลยรีบตื่นทำไม""นินปวดหัวค่ะ" ฉันตอบแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง "เหมือนจะเป็นไข้""..." พี่ทศกัณฐ์ลุกขึ้นจากปลายเตียงขยับมานั่งขอบเตียงข้างฉันแล้วเอาหลังมือมาอังหน้าผากไว้ "นอนพักก่อนเดี๋ยวกินข้าวกินยา""ค่ะ" ฉันพยักหน้าทำตามคำสั่งแล้วเขาก็หายออกไปจากห้องตอนนั้นทันทีไม่นานนักก็กลับเข้ามาพร้อมกับข้าวต้ม ยาและน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว แกล้งป่วยซักเดือนดีมั้ยเนี่ยมีบุรุษพยาบาลส่วนตัวซะด้วย"เมื่อกี้คุยกับใครเหรอ" ฉันเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยเพราะนอนคิดคนเดียวก็คงไม่รู้คำตอ
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ฉันตรวจ ใส่เฝือกอ่อนที่เท้าและรับยาเสร็จก็มาแจ้งความที่สถานีตำรวจกับพี่เนย์ต่อ มีรุ่นพี่ปีสองและพวกนิเนยอยู่เป็นเพื่อนรอให้พี่ทศกัณฑ์และพี่นธีมารับ"เป็นไงบ้าง" พี่นธีถามทันทีที่มาถึงส่วนพี่ทศกัณฑ์กำลังเดินเข้ามาท่าทางเงียบครึมเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่"ให้รายละเอียดกับตำรวจไว้แล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องมาอีก""เอาเรื่องให้ถึงที่สุดนะเว้ย ต้องไม่ยอมมันรอบนี้ต้องเอาให้มันจมดิน!" ใบเฟิร์นพูดและกำหมัดแน่นหมับ!อยู่ๆ ร่างของฉันถูกดึงไปกอดไว้ในอ้อมแขนขณะที่เจ้าของการกระทำนั้นไม่พูดอะไรเลยซักคำ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนและรุ่นพี่รวมไปถึง...พี่เนย์ยังดีที่ตอนนี้นิเนยมันเอาเสื้อผ้ามาให้ฉันเปลี่ยนแล้วไม่อย่างนั้นคงดูตลกน่าดูหนุ่มวิศวะกอดกับหญิงสาวในชุดโบราณ"กลับเลยมั้ย" พี่ทศกัณฑ์ปล่อยฉันออกจากอ้อมแขนแต่ก็ไม่ได้เป็นอิสระซะทีเดียวเขายังโอบฉันไว้อย่างหลวมๆ"ค่ะ อยากอาบน้ำพักผ่อนแล้ว" ฉันพยักหน้าตอบรับแล้วหันไปขอบคุณพี่ๆพี่ทศกัณฐ์อุ้มฉันขึ้นออกมาจากตรงนั้นสีหน้าเขาดูไม่ค่อยดีเลยไม่รู้ว่าทำไม พอมานั่งในรถเขาก็ติดเครื่องแต่ก็ไม่ยอมขับออกไป สายตาของเขาหันไปมองพี่เนย์ที่กำ
"แกต้องได้รับบทเรียนที่ทำกับฉัน!"เสียงของคนด้านหลังดังขึ้นอย่างเยือกเย็น ฉันรู้สึกว่าเคยได้ยินมันมาก่อนหรือว่าจะเป็น..."ฟาง..."ฉันพูดชื่อของยัยนั่นแล้วได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาก่อนจะทำท่าตรงเข้ามาหาฉันอีก รีบหันไปขวามือที่จำได้ว่าตอนเข้ามันมีเก้าอี้อยู่ตัวหนึ่งตรงนั้นคิดว่าจะทำฉันได้คนเดียวเหรอ!หมับ! ปึก! ปึก! ปึก!ฉันคว้าเก้าอี้ขึ้นมาแล้วจับฟาดมันอย่างไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่พอได้ยินเสียงมันร้องออกมาถึงได้รู้ว่ามันถูกจุด"โอ๊ย! กรี๊ด!! แก!" ยัยนั่นร้องเดือดดานเหมือนคนบ้า ฉันรีบหันหลังเข้าประตูคลำหากลอนจนเจอแล้วเปิดออก วิ่งตรงไปทางบันไดทันทีขณะที่ยัยนั่นก็ยังคงวิ่งตามออกมากัดไม่ปล่อยจริงๆ ยัยหมาบ้า!ตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าของคนด้านหลังวิ่งตามมาขณะที่ขาฉันแทบจะพันกัน ทางผ่านมืดๆ ตรงหน้ายิ่งทำให้ฉันรู้สึกหวั่นใจปึกเพราะชุดหญิงโบราณที่ยาวจนถึงข้อเท้าทำให้ฉันสะดุดมันล้มลงกับพื้น จากที่เจ็บขมับและแผ่นหลังที่ถูกยัยนั่นเอาไม้ตี ตอนนี้มันยังต้องเจ็บที่ข้อเท้าอีกจากการสะดุดล้ม"กูควรตีมึงให้ตายไปซะ!!" คนด้านหลังพูดเสียงแหลมดังก้อง พอหันไปก็พบว่าไม้หน้าสามกำลังถูกง้างและเหวี่ยงมาที่
หลายวันต่อมาหลายวันมานี้ทุกคณะล้วนมีการซ้อมใหญ่กันหมด ทำให้ฉันกับพี่ทศกัณฐ์แทบไม่ได้เจอกันช่วงกลางวันเลย แต่เขาก็จะรอรับฉันทุกวันที่คณะเพราะส่วนใหญ่แล้วฉันเลิกดึกกว่า"พรุ่งนี้ก็จะถึงวันงานแล้ว ตื่นเต้นจัง" เวลานี้เที่ยงคืนกว่าแล้วเราเพิ่งจะได้เข้านอนคอนโดที่ฉันเช่าไว้ไม่ต่างจากห้องร้างเลยล่ะ เพราะตั้งแต่คบกันเขาก็ไม่ให้ฉันไปนอนที่ห้องคนเดียวเลย"มีอะไรให้ตื่นเต้น" เขาพูดเสียงเหนื่อยล้า คงเพราะกิจกรรมที่คณะเขาหนักพอสมควร ขนาดฉันเป็นแค่รุ่นน้องยังเหนื่อยรุ่นพี่ที่ทำเพื่อน้องๆ จะเหนื่อยขนาดไหนกัน"พี่ทศกัณฐ์อยู่ปีสามแล้วก็พูดได้สิ นินเพิ่งเคยครั้งแรก" ฉันพูดเสียงอู้อี้แล้วซุกหน้าเข้าหาแผงอกกว้างอันอบอุ่น"พรุ่งนี้อาจจะเลิกดึกนะ กลับกับเพื่อนมารอที่ห้องเลย" ฝ่ามือหนาลูบศีรษะฉันอย่างอ่อนโยน"ได้ยินว่าพรุ่งนี้มอบเกียร์ใช่มั้ยคะ""อืม หลังจบงาน"คงเป็นธรรมเนียมที่คณะวิศวะทำมาทุกๆ ปีล่ะมั้ง เพราะเพื่อนๆ ที่คณะฉันก็รู้กันหมดฉันก็เพิ่งรู้มาเหมือนกัน"นินจะมารอที่ห้องนะ""ถึงห้องแล้วโทรบอก หรือไม่ก็แชทมา""ค่ะ"วันต่อมาช่วงเช้ามีการแข่งขันกีฬาและกรีฑาหลายประเภท ส่วนฉันผู้ที่ไม่ถนัดกีฬาซักอย่
“พี่คิดยังไงถึงสักชื่อนินเนี่ย ถ้าเกิดว่าเราเลิกกันแล้วกลับมาคบกันไม่ได้อีกจะทำไงคะ” ฉันถามแล้วดันตัวออกเพื่อก้มดูรอยสักนั้นให้ชัดยิ่งขึ้นใช้ปลายนิ้วสัมผัสมันเบาๆ ตรงตัวอักษรพวกนั้นอย่างหลงไหล รู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเลย ฉันสำคัญกับพี่ทศกัณฐ์ถึงขั้นที่เขาสักชื่อฉันติดตัวไว้แบบนี้เลยเหรอ“ก็ไปลบออก แต่นั่นคงเป็นตัวเลือกสุดท้าย”“ไม่คิดว่าตัวเองจะเปลี่ยนใจจากนินบ้างเหรอ นินยังเด็กแต่พี่โตแล้ว” ฉันพูดแล้วแนบใบหน้าซบลงกับแผงอกเขาอีกครั้ง“เธอก็โตแล้วนี่ ฉันบอกแล้วว่าฉันมั่นคงและจริงจังกับรักของเราขนาดไหน""ขอบคุณนะคะ นินรักพี่ทศกัณฑ์จัง" ฉันกอดเขาอีกครั้งและเขาก็กอดตอบอย่างแนบแน่น"ไปอาบน้ำกันเถอะ"“ไหนๆ ก็ถอดเสื้อแล้วพี่ทศกัณฐ์อาบก่อนเลย” ฉันพูดแซวขำๆ แล้วดันตัวออกห่าง“…” พี่ทศกัณฐ์ยิ้มมุมปากก่อนจะรวบตัวฉันแล้วอุ้มพาดบ่าจนฉันตกใจกับการกระทำนั้น“กรี๊ด นินจะตก! พี่ทศกัณฐ์จะทำอะไรเนี่ย”“ไหนๆ ก็ถอดแล้วทำอย่างอื่นดีกว่า”พูดจบเขาก็อุ้มฉันเดินดุ่มๆ เข้ามาในห้องน้ำแล้ววางลงนั่งบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า แล้วแทรกตัวเข้ามาอยู่กลางหว่างขาขอฉัน ดีนะที่มันเป็นกระโปรงอัดพลีทไม่อย่างนั้นกระโปรงคงได้