"พี่ทศกัณฐ์~"(ว่ายังไง)"วันนี้นินไปเที่ยวกับเพื่อนนะ"(เที่ยวไหน) เขาทำเสียงเข้มกลับมาเหมือนจะข่มให้กลัวอย่างนั้นแหละ"ร้านไหนยังไม่รู้เลย ไม่ต้องห่วงนะเพื่อนสาขาไปกันเยอะค่ะ"(ถ้ารู้ว่าจะไปไหนแล้วบอก)"ค่ะ งั้นแค่นี้นะ นินจะเข้าสอบแล้ว"(ครับ)แล้วฉันก็กดวางสายจากเขาก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความดีใจเพราะนี่คงเป็นครั้งแรกที่จะได้ไปท่องราตรีกับเพื่อน"จะไปร้านไหนล่ะ ที่ไม่ตรวจบัตร" นิเนยหันไปถามความเห็นจากใบเฟิร์น ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแอบเข้าร้านเหล้าที่สุด"คราฟท์บาร์ เราไม่มีทางเลือกหรอก ฉันรู้ทางเข้าออกและทางหลบทุกซอกมุมแล้ว" ใบเฟิร์นพูดคุยโม้แล้วก็หัวเราะออกมาเหมือนแม่มดร้านที่ว่าคือร้านที่เราเคยไปวันนั้นนั่นแหละ"โอเค ร้านนี้หนุ่มเยอะ ฉันตกลง คืนนี้ต้องได้!" นิเนยพูดขึ้นอย่างหนักแน่นเมื่อได้คำตอบแล้วฉันจึงทักไปบอกพี่ทศกัณฐ์ทันทีYanin : ร้านคราฟท์บาร์นะคะ ร้านเดิมแล้วจึงเก็บมือถือไว้ในกระเป๋าเข้าห้องสอบวิชาสุดท้าย ใช้เวลาอยู่สองชั่วโมงก็ออกมารอพวกนั้นที่หน้าห้องกับเพื่อสาขาคนอื่นๆก่อนจะเปิดดูมือถือของตัวเองก็เห็นข้อความของพี่ทศกัณฐ์แจ้งเตือนเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วขึ้นมาTOSSAKAN: ไ
ครืด~ ครืด~'ที่ ยักษ์'เบอร์ที่ฉันบันทึกไว้ในชื่อกวนๆ โชว์ขึ้นเวลาเหมาะเจาะพอดี เพื่อนสองคนของฉันยิ้มออกมาเหมือนผู้ชนะสงครามในสนามรบ"คะ"(ห้ามดื้อ บอกว่าไม่ให้ไปก็อย่าไป อายุยังไม่ถึงเขาไม่ให้เข้าหรอก) เสียงเข้มดุทันทีที่ฉันรับสาย"ทศกัณฐ์~ แต่หนูนัดกับเพื่อนไว้แล้วนะคะ อยากไปคราวที่แล้วก็เข้าได้~" ฉันพูดออกไปแบบอ้อนๆ และไม่เคยทำมาก่อน ไม่ใช่เพราะอยากไปขนาดนั้นหรอกแต่พูดให้พวกรุ่นพี่มันได้ยิน(...) พี่ทศกัณฐ์เงียบไปเลยน่าจะกำลังตกใจอยู่ (อยากไปเที่ยวจนต้องอ้อนกันขนาดนี้เลยเหรอ)"เปล่าค่ะพี่ทศกัณฐ์ แต่เพื่อนชวนกันไปหมดเลยหนูเลยกลัวไม่เข้ากับเพื่อน นะคะที่รัก~"(เป็นอะไรไป อยู่ไหนจะไปหา ไม่สบายหรือเปล่า) ฉันเกือบหลุดขำออกมาเมื่อได้ยินน้ำเสียงร้อนรนของเขาที่รัวคำถามออกมา"สรุปว่าไงคะ ให้ไปมั้ย"(ก็ได้ แต่จะไปรับไปส่ง ถึงเวลาแล้วต้องกลับ) เขาออกคำสั่งน้ำเสียงจริงจัง นั่นทำให้ฉันยิ้มออกมา"ค่ะ ได้เลย แค่นี้นะคะ คิดถึงพี่ทศกัณฐ์นะคะ"(แบบนี้ไม่ใช่ละญานิน อยู่ไหน จะไปรับตอนนี้เลย) พี่ทศกัณฐ์พูดขึ้นมาเพราะความผิดปกติของฉัน"ตึกเมื่อเช้านี้ที่พี่มาส่งค่ะ" ฉันพูดแล้วขำออกมาเบาๆ(อืม ลงมาเลย)
สองชั่วโมงต่อมา"พี่ทศกัณฐ์ก็จะไปเที่ยวเหรอ" ฉันถามขึ้นมาตอนที่เห็นเขาแต่งตัวมารับเหมือนจะไปไหนซักที่ ที่จริงมันก็แค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนสีเข้ม เซตผมมานิดหน่อยแต่มันดูดีจนต้องถามนะสิ"อืม พวกมันนัดกันเมื่อกี้" พี่ทศกัณฐ์พูดจบก็มองฉันนิ่งคิ้วเริ่มขยับเข้าหากันทีละนิด"อะไรคะ""แต่งหน้าทำไม"วันนี้ฉันแค่เขียนคิ้วกับปัดแก้มมานิดๆ เองนะ ทาลิปมันพอมีสีสันบ้าง เขาเรียกมันว่าแต่หน้าได้ยังไงกัน เรียกว่าเพิ่มสีสันให้ใบหน้าจะดีกว่า"เดี๋ยวสวยน้อยกว่าเพื่อน" ฉันตอบแล้วอมยิ้มออกมา"ไม่เห็นต้องแต่ง แล้วเสื้อ...ไม่อึดอัดหรือไง" ว่าแล้วก็เลื่อนสายตาลงมามองที่เสื้อฉันต่อมันรัดติ้วจนเห็นสัดส่วนชัดเจน"มันเป็นเซตกับกระโปรง ไม่ใส่ตัวนี้ก็ดูแปลกๆ สิคะ พี่ทศกัณฐ์ทำเอานินหมดความมั่นใจนะ"ฉันพูดแล้วแกล้งทำหน้ามุ่ย"กระโปรงก็ด้วย สั้นไป เปลี่ยนดีมั้ย""ไม่มีเวลาแล้วค่ะ ใส่ชุดนี้แหละ แต่น่ารักใช่มั้ยคะ" ฉันเกาะแขนเขาไว้แนบแน่นแล้วยื่นหน้าไปถามแต่คนตรงหน้ากลับทำหน้าดุกลับมา"สี่ทุ่มจะไปรับ อย่าดื่มอะไรแรงๆ" พี่ทศกัณฐ์ไม่ตอบคำถามแต่ออกคำสั่งแทน"ตอนนี้มันสองทุ่มแล้วนะ" ฉันพูดแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู"หรือจะไม่
"พี่ทศกัณฐ์นี่กะจะให้แกมาเที่ยวชั่วโมงเดียวจริงๆ เหรอ แกรู้มั้ยว่าการมาเที่ยวกับเพื่อนมันสนุกกว่ามีแฟนมาด้วย""เอาน่า แกคิดซะว่าส่งยัยนินไปหาแฟน แต่เราได้ไปเจอผู้ชาย" ใบเฟิร์นทำหน้าเพ้อฝัน"ร้านนี้ก็มีเยอะแยะ" นิเนยบอกแล้วกวาดสายตาไปรอบๆ ที่เต็มไปด้วยหนุ่มๆ ก่อนที่ผู้ชายคนหนึ่งจะชูแก้วให้เป็นเชิงเชิญชวนจนมันต้องรีบสายตาหลบกลับมา"ใครวะแก" ใบเฟิร์นถาม"ไม่รู้จัก" นิเนยตอบ พอฉันหันไปมองผู้ชายคนนั้นอีกรอบ ก็รู้สึกคุ้นๆ ตาขึ้นมา"เพื่อนสาขาพี่นธี เคยเห็นครั้งนึง" จำได้ว่าฉันเจอตอนซื้อกาแฟไปฝากพี่ทศกัณฐ์เขาเป็นหนุ่มผมยาวและมัดรวบมันเอาไว้ด้านหลัง ดูเท่ห์ไปอีกแบบ หน้าตาก็ดีพอสมควร"อ่อ" นิเนยตอบแค่นั้นแล้วไม่ยอมหันกลับไปอีกเลย ที่จริงนิเนยเป็นคนน่ารักนะแต่ไม่ชอบยิ้มเท่าไหร่ ไม่เคยเห็นยัยนี่คุยกับใครเลยด้วยหรืออาจจะมีแอบซุ่มไว้แต่ไม่บอก เพราะช่วงนี้ดูมันเงียบแปลกๆ"แกทำปากเก่ง แต่เจอผู้ชายจริงๆ ละก็หลบ" ใบเฟิร์นต่อว่าและฉันก็เห็นด้วยกับความคิดนี้"จ้า แม่ยอดหญิง" นิเนยพูดประชดเพื่อนก่อนจะเทเครื่องดื่มที่พนักงานมาเสริฟใส่แก้วตัวเอง"มาค่ะชน เพื่อนๆ ชนค่ะ รีบเมารีบกลับเดี๋ยวตำรวจจะจับไม่มีเง
เพื่อนทุกคนในโต๊ะฉันพากันเงียบหมด เมื่อเห็นสีหน้าของพี่ทศกัณฐ์ตอนนี้ที่ไม่เป็นมิตรกับใครเลย"..." เขาไม่พูดอะไรซักคำ ก้มลงมาคว้าข้อมือของฉันให้ลุกขึ้นตามออกไปเงียบๆ สองคนนั้นก็เดินตามออกมาด้วยอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว"มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ..." ฉันเลื่อนมืออีกข้างไปจับมือเขาด้วยแล้วถามออกไป พยายามจะไม่ให้เขารู้ว่าเมาอยู่ เดี๋ยวจะยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่"เพิ่งมา" เขาบอกแล้วหยุดลงเมื่อถึงรถของพี่นธีที่น่าจะยืมมา ก่อนจะหันมามองฉันที่ฝืนตัวเองว่าไม่เมาอยู่ "เมามั้ย""ไม่ค่ะ" ตอบแล้วส่ายหน้ารัวๆ"ไม่เมาเลยค่ะพี่ทศกัณฐ์ พวกเราดื่มไปคนละสองแก้วเองเพราะมัวแต่คุยกัน" ใบเฟิร์นช่วยพูดทั้งที่ท่าทางยัยนั่นก็ไม่ปกติแล้ว คงกลัวว่าพี่ทศกัณฐ์จะไม่ให้ไปเที่ยวต่อ"...""ตอนออกไปหน้ามึงก็ไม่ใช่แบบนี้นะ" พี่ฮ่องเต้พูดแล้วอมยิ้มมองคนที่กำลังมีสีหน้าราวกับโดนโจรปล้นบ้าน"..." เขาไม่พูดอะไรออกมา ทำให้พี่ๆ พากันหันมามองฉันกับเพื่อนเพื่อหาคำตอบแล้วนิเนยที่นั่งข้างพี่ฮ่องเต้ก็ขยับไปกระซิบก่อนที่พี่เขาจะหัวเราะชอบใจ"พวกไหนวะ ขอไลน์น้อง" พี่ฮ่องเต้พูดแล้วขำในลำคอ"โยธา ปีสอง" พี่ทศกัณฐ์ตอบเสียงเรียบแล้วปรายตามามองฉัน"
"อื้อ~" ฉันลืมตาขึ้นมาอย่างงงๆ ยอมรับว่ายังมึนอยู่แต่ก็เรียกสติกลับคืนมาได้บ้างแล้วพี่ทศกัณฐ์กำลังนั่งเช็ดผมหลังจากอาบน้ำเสร็จและเล่นมือถืออยู่ปลายเตียง พอได้ยินเสียงฉันเขาก็รีบหันมามองทันที"ไง""พี่พานินกลับมาได้ไง" ฉันขมวดคิ้วขึ้นมาและมองเขา"วาร์ปมา""พี่ไม่วาร์ปค่ะ นินวาร์ปคนเดียว" ฉันพูดขำๆ แล้วขยับลงจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำ"จะไปไหน ยืนยังไม่ตรงเลย""อาบน้ำค่ะ เดี๋ยวนินรีบอาบนะ" พูดจบก็จุ๊บแก้มเขาไปหนึ่งทีแล้วรีบเข้าไปอาบน้ำเพราะกลิ่นเหล้ามันคละคลุ้งติดตัวฉันไปหมด"ไม่ต้องล็อกประตู" พี่ทศกัณฐ์ตะโกนบอกเป็นคำสั่งฉันจึงต้องชะโงกออกมาถามเขาอีกรอบ"ทำไมคะ" ครั้งก่อนก็พูดแบบนี้ฉันจำได้รางๆ"เธอเมา เกิดล้มหัวฟาดพื้นจะทำไง" เขาพูดเสียงเรียบแล้วเบือนหน้ามามองฉัน"ห้ามแอบดูนะ""...ถ้ายังไม่รีบจะไปยืนดูตอนนี้เลย" พี่ทศกัณฐ์ทำท่าจะลุกขึ้นมาจริงๆฉันจึงรีบหยิบเสื้อผ้าของตัวเองที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าของพี่ทศกัณฐ์ เพราะมานอนที่ห้องเขาบ่อยๆ ก่อนจะรีบเข้าไปอาบน้ำและไม่ล็อกประตูอย่างที่เขาสั่งเอาไว้ครึ่งชั่วโมงต่อมาตอนนี้พี่ทศกัณฐ์เล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียงเขานั่งพิงกับหัวเตียงอยู่ ฉันจึงเดินไปป
"กะ...ก็มันครั้งแรกของนิน" ฉันตอบน้ำเสียงติดขัด ฝ่ามือทาบไว้ที่แผงอกของเขา"..." พี่ทศกัณฐ์ยิ้มออกมาแล้วใช้นิ้วโป้งลูบแก้มฉันอ่อนโยน "รู้...ฉันจะไม่ทำให้เธอกลัว"พูดจบเขาก็จูบฉันอีกรอบอย่างโยน นุ่มนวลและไม่รีบร้อน เขาค่อยๆ ลิ้มรสความหวานจากฉันอย่างใจเย็นในขณะเดียวกันก็หลอกล่อให้ตายใจและลืมกังวล เขาในตอนนี้ต่างจากภาพลักษณ์ที่ใครก็มองว่าเขาน่ากลัวเหมือนยักษ์ เช่นเดียวกับชื่อของเขา"อื้อ~" ฉันครางออกมาอย่างลืมตัว เมื่อเคลิบเคลิ้มไปตามรสจูบที่แสนหอมหวานนั้น ความหวาดหวั่นที่มีเริ่มจางหายไปกลายเป็นความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่มือหนาลูบไล้ไปทั่วผิวกายเหมือนสำรวจทุกซอกทุกมุม ก่อนจะสอดเข้าไปกลางแผ่นหลัง และปลดชั้นในออกอย่างชำนาญจนฉันต้องตกใจ"ทำไมเก่ง เคยทำบ่อยเหรอ ขนาดนินใส่ทุกวันยังช้ากว่าพี่ทศกัณฐ์เลย" ฉันดันพี่ทศกัณฐ์ออกแล้วถามออกมา"มันเป็นสัญชาตญาณ" เขาขำเบาๆ แล้วเกี่ยวเอาบราตัวนั้นออกจนพ้นตัว ใบหน้าของฉันมันร้อนผะผ่าวไปหมด ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรติดตัวเลยสักชิ้น ถึงแม้อยู่ในความมืดสลัวแต่ฉันก็รู้สึกสายตาของเขาที่กำลังจ้องมองเพื่อสำรวจความเปลือยเปล่าที่มีแสงจากด้านนอกสาดส่องเข้ามาให้รู้ว่าอะ
"อ๊ะ อื้อ~"ฉันยกสะโพกหนีทันทีเมื่อถูกปลุกเร้าด้วยสัมผัสที่แปลกประหลาดริมฝีปากอ่อนนุ่มกดลงมายังกลีบเนื้อ ปลายนิ้วโป้งก็ยังบีบนวดเบาๆ"..." เขาหัวเราะในลำคอเหมือนชอบใจ ก่อนจะแลบลิ้นออกมาแตะนาบลงกับช่องทางรักที่ฉันรู้สึกถึงความชื้นที่อุ่นระอุ ส่งผลให้ร่างกายร้อนวาบแล่นผ่านขึ้นมาจนถึงกลางอก"อื้อ~ พี่คะ นินไม่เอาแบบนี้" ฉันส่ายหน้าไปมาอยู่อย่างนั้นแต่หัวใจกลับเต้นโครมครามด้วยความสั่นส่ายร้อนเร่าเจ้าของใบหน้าคมคายไม่แม้แต่จะฟังคำขอร้อง คำปฏิเสธที่แผ่วเบาเหมือนจะดังไปไม่ถึงเขา จากความทรมานในตอนแรกเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสุขซ่านจนต้องครางในลำคอ จากผลักไสตอนนี้กลับร่ำเรียกหา"อ๊า พะ...พี่ทศกัณฐ์"เกิดเสียงลามกดังขึ้นในความมึดสลัว เงาของคนร่างหนาที่อยู่เบื้องล่างยังคงขยับเคลื่อนที่ตามสะโพกของฉันที่ขยับหนีความเสียวสยิวที่เขามอบให้ทรวงอกอวบสั่นกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจหอบเหนื่อย ทั้งที่นอนอยู่เฉยๆ แต่ราวกับได้ใช้พลังงานไปเกือบหมด"ชอบมั้ย" เขาถามขึ้นมาก่อนจะหยัดตัวและเลื่อนมาด้านบน"ถามแบบนี้นินก็อายเป็นนะ" ฉันตอบแล้วเบือนหน้าหลบ"..." พี่ทศกัณฐ์เค้นหัวเราะแล้วก้มลงมาหอมแก้มฉันฟอดใหญ่ "ไม่ต
"ไงมึง วางแผนกันดิบดีสุดท้ายก็แพ้เมีย" เสียงของพี่ฮ้องเต้ดังขึ้น น้ำเสียงปนหัวเราะของเขาบ่งบอกว่ากำลังเยาะเย้ยพี่ทศกัณฑ์อยู่ตอนนี้ฉันยืนแอบอยู่ตรงมุมตึกซึ่งอยู่ห่างจากโต๊ะที่พวกเขานั่งไม่กี่เมตร ทำให้ได้ยินบทสนทนาชัดเจน"…" พี่ทศกัณฑ์เงียบกริบไม่รู้ว่าถ้าเขาไม่รู้ว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้จะเป็นแบบนี้มั้ยอาจจะคุยโม้ก็ได้ใครจะไปรู้"มึงมันไม่ได้เรื่อง เป็นพี่ว้ากจนน้องปีหนึ่งปีสองกลัวแต่มาแพ้ให้เด็กอักษรคนเดียว เหอะ" พี่คิวพูดออกมาเหมือนเสียอารมณ์เพราะเป็นคนคิดแผนทั้งที"มึงก็รอรับชะตากรรมแบบกูได้เลย" พี่ทศกัณฑ์พูดเสียงเบาหวิว จนฉันแอบสงสารจับใจ"กูไม่มีทางกลัวเมียแบบมึงแน่นอน ผู้หญิงก็แค่ลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด""มึงไม่กลัวเตยเลยเหรอ" พี่ทศกัณฐ์ถามซ้ำ"กลัวทำไม ยัยนั่นดิต้องกลัวฉันขาดฉันไปซักคนเตยคงอยู่ไม่ได้ ร้องไห้แงๆ"โอ้อวดนักนะ เดี๋ยวโดนดีแน่พี่คิว!"พี่ทศกัณฑ์!" ฉันเดินเข้าไปเงียบๆ แล้วเรียกพี่ทศกัณฑ์เสียงดัง จนพี่ๆ หันมามองกันพรึบ ส่วนพี่นธีขมวดคิ้วมองฉันอย่างไม่เข้าใจ พี่ชายทั้งคนอ่านออกแน่ๆ"ยะ…ญานิน มาได้ไง" เก่งมากคุณแฟน เสียงสั่นแบบไม่ต้องซ้อมมา"เดินมาค่ะ""น้องญาน
"…" เงียบอยู่นั่นแหละไม่คิดจะพูดอะไรเลยใช่มั้ย หรือว่าเขาไม่อยากคบฉันแล้ว แววตาของเขาที่มองเหมือนกำลังลังเลบางอย่างอยู่เลย"นินทำอะไรผิดหรือเปล่า ทำไมพี่ไม่บอกถ้านินผิดก็พร้อมจะแก้ไข แต่พี่ทศกัณฑ์ไม่ให้โอกาสนินได้รับรู้เลย อึก...อยู่ๆ ก็ไม่เห็นค่ากันแบบนี้""ญานิน…" เขาเรียกชื่อฉันเบาๆ ขณะที่ฉันเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้"พี่เบื่อนินแล้วใช่มั้ย พี่ทศกัณฐ์ไม่รักนินแล้วใช่มั้ย...ฮึก""ไม่ใช่" เขาตอบแล้วค่อยๆ เอื้อมมือมากุมมือฉันพร้อมกับถอนหายใจเขาดันตัวฉันลงกับเตียงอีกรอบ ใช้นิ้วเรียวยาวลูบปัดน้ำตาออกจากพวงแก้มของฉันอย่างอ่อนโยน"ที่จริงแล้วแค่อยากจะทดสอบ แต่ตอนนี้พี่คงแพ้อีกแล้ว" เขาพูดแล้วจ้องตาฉันนิ่ง"หมายความว่ายังไง" คำพูดนั้นทำให้ดวงตาของฉันเบิกกว้างแล้วเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วชนกัน"…" เขาพ่นลมหายใจออกมาแล้วเบือนหน้าหนีเหมือนกำลังลำบากใจที่จะพูด "เพราะคิดว่าช่วงนี้เราชอบเอาแต่ใจ ก็เลยอยากดัดนิสัยนิดหน่อย จะได้หันมาง้อพี่บ้างไม่ใช่ตัวเองถูกทุกอย่าง" เขาอธิบายแบบเหนี่ยมอายนิดหน่อยนี่มันอะไรกันเนี่ย…"อย่าบอกว่าที่แกล้งยุ่งกับงานก็เพราะอยากลองดูการกระทำของนินด้วย""…" พยักหน้าเป็นคำตอบ"แล้
Tossakan talk"ไอ้เชี่ยมึงใจเย็น นิ่งไว้ๆ""ฮ่าๆ มึงท่องไว้พุทธโธๆ เดี๋ยวแม่งเสียแผนหมด"เสียงของไอ้เต้กับไอ้คิวที่เกลี้ยกล่อมให้ผมใจเย็น ทั้งที่ภาพตรงหน้าคือผู้ชายกำลังเกาะแกะแฟนผมอยู่แล้วพวกมันก็มาฉุดรั้งตัวผมที่แทบจะพุ่งตัวไปหาญานิน ขณะที่ไอ้นธีเอาแต่นั่งยิ้มน้อยๆ มองผมเหมือนดูหนังตลกตลกเชี่ยไรเดี๋ยวเมียมันเจอมั่งจะรู้สึก"ถ้ามึงเข้าไปตอนนี้น้องมันรู้แน่ว่ามึงไม่ได้ยุ่งกับโปรเจ็ค แต่มาตามดูน้องมันอะ" ไอ้คิวบอกแต่กลับยิ้มขำ "แล้วที่มึงทำมาทั้งหมดน้องก็จะคิดว่ามึงโกหก""เออ มึงต้องนั่งดูอย่างใจเย็น"ใจเย็นอะไรของมันวะ ตอนนี้เหมือนกองไฟในอกผมมันกำลังจะปะทุออกมาอยู่แล้ว"มึงจะทำเสียแผนนะเว่ย จากที่จะดัดนิสัยน้องกลายเป็นน้องได้ดัดนิสัยมึงแทน"'แผน' ที่ว่านั้นมันเริ่มจากปัญหาของผมนี่แหละเรื่องมันมีอยู่ว่าอาทิตย์ก่อนเราทะเลาะกันเรื่องญานินลืมมือถือไว้ในห้องก่อนออกไปเรียน โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ยอมรับสาย เราเลยทะเลาะกันใหญ่โตแต่สุดท้ายผมก็เป็นคนง้อญานินเพราะเรื่องมันมักจะจบแบบเดิมคือน้องมันถูกเสมอไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ คนที่เป็นฝ่ายผิดสุดท้ายแล้วต้องเป็นผมเพราะญานินจะไม่ยอมง้อผมเลย
หลายเดือนต่อมาหลังจากเรื่องวุ่นวายทั้งหมดตอนนั้นจบลง ชีวิตของฉันก็กลับมาสงบสุขและคบกับพี่ทศกัณฐ์อย่างแฮปปี้ใช่ซะที่ไหนกัน!การคบกันมันก็ต้องมีทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดาและทุกครั้งที่ทะเลาะกันนั้นพี่ทศกัณฐ์มักจะเป็นฝ่ายยอมฉันเสมอไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะพี่ทศกัณฐ์รักฉันมากๆ ยังไงล่ะ!"เป็นอะไรหน้าบูดเป็นตูดหมามาเลย" เสียงของนิเนยทักขึ้นตอนที่ฉันกำลังเดินเข้ามาหย่อนตัวนั่งลงกับเก้าอี้ข้างๆ พอใบเฟิร์นได้ยินคำพูดของนิเนยก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสนใจตอนนี้เราอยู่ปีสองกันแล้วนะ เป็นรุ่นพี่แล้วและช่วงนี้ก็เป็นช่วงรับน้องทำให้ค่อนข้างเหนื่อยกับการจัดเตรียมกิจกรรมให้น้องๆ ทำส่วนพี่ทศกัณฐ์ก็อยู่ปีสี่แล้วเขาก็วุ่นวายกับการทำโปรเจ็คหลังจากที่เพิ่งฝึกงานสามเดือนจบแล้วก็เหลือเวลาอีกแค่เทอมกว่าในรั้วมหาวิทยาลัยทำให้ช่วงนี้เราแทบจะไม่มีเวลาได้ใกล้ชิดกัน"ไม่มีอะไร" ฉันตอบนิเนยแล้วหยิบเอกสารสำหรับวิชานี้ขึ้นมาเตรียมไว้บนโต๊ะเลคเชอร์"ทะเลาะกับพี่ยักษ์เหรอ" นิเนยถามแล้วกอดอกมองฉัน"..." พยักหน้าเป็นคำตอบ"เรื่อง?""เมื่อวานฉันเข้าคอนโดก่อน เพราะเขาบอกว่าจะเลิกดึก พอถามว่าจะให้ไปนั่งทำงานด้วยมั้ยก็
เช้าวันต่อมา"ได้เรื่องมั้ยครับ"เสียงของพี่ทศกัณฐ์ดังขึ้นจากปลายเตียงเหมือนกำลังคุยโทรศัพท์กับใครซักคนฉันจึงค่อยๆ ขยับเปลือกตาขึ้นมอง"มีหลักฐานครบแล้วใช่มั้ย""ดีเลย งั้นรบกวนคุณลุงจัดการให้ผมหน่อย""น้องดีขึ้นแล้วครับ ตรวจแล้วไม่เป็นอะไร มีรอยช้ำที่โดนตีนั่นแหละ...ผมรู้แล้วน่า ว่าที่หลานสะใภ้ลุงทั้งคนจะไม่ดูแลได้ไง"นี่กำลังพูดถึงฉันอยู่ใช่มั้ย แอบฟังเองก็เขินเองแล้วนะ"ครับ ขอบคุณครับ รอชมผลงานนะแล้วเดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องทางนี้เอง" แล้วพี่ทศกัณฐ์ก็กดวางสายก่อนจะหันมามองทางฉันที่แกล้งขยับเปือกตาขึ้นมาเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน "เช้าอยู่เลยรีบตื่นทำไม""นินปวดหัวค่ะ" ฉันตอบแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง "เหมือนจะเป็นไข้""..." พี่ทศกัณฐ์ลุกขึ้นจากปลายเตียงขยับมานั่งขอบเตียงข้างฉันแล้วเอาหลังมือมาอังหน้าผากไว้ "นอนพักก่อนเดี๋ยวกินข้าวกินยา""ค่ะ" ฉันพยักหน้าทำตามคำสั่งแล้วเขาก็หายออกไปจากห้องตอนนั้นทันทีไม่นานนักก็กลับเข้ามาพร้อมกับข้าวต้ม ยาและน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว แกล้งป่วยซักเดือนดีมั้ยเนี่ยมีบุรุษพยาบาลส่วนตัวซะด้วย"เมื่อกี้คุยกับใครเหรอ" ฉันเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยเพราะนอนคิดคนเดียวก็คงไม่รู้คำตอ
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ฉันตรวจ ใส่เฝือกอ่อนที่เท้าและรับยาเสร็จก็มาแจ้งความที่สถานีตำรวจกับพี่เนย์ต่อ มีรุ่นพี่ปีสองและพวกนิเนยอยู่เป็นเพื่อนรอให้พี่ทศกัณฑ์และพี่นธีมารับ"เป็นไงบ้าง" พี่นธีถามทันทีที่มาถึงส่วนพี่ทศกัณฑ์กำลังเดินเข้ามาท่าทางเงียบครึมเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่"ให้รายละเอียดกับตำรวจไว้แล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องมาอีก""เอาเรื่องให้ถึงที่สุดนะเว้ย ต้องไม่ยอมมันรอบนี้ต้องเอาให้มันจมดิน!" ใบเฟิร์นพูดและกำหมัดแน่นหมับ!อยู่ๆ ร่างของฉันถูกดึงไปกอดไว้ในอ้อมแขนขณะที่เจ้าของการกระทำนั้นไม่พูดอะไรเลยซักคำ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนและรุ่นพี่รวมไปถึง...พี่เนย์ยังดีที่ตอนนี้นิเนยมันเอาเสื้อผ้ามาให้ฉันเปลี่ยนแล้วไม่อย่างนั้นคงดูตลกน่าดูหนุ่มวิศวะกอดกับหญิงสาวในชุดโบราณ"กลับเลยมั้ย" พี่ทศกัณฑ์ปล่อยฉันออกจากอ้อมแขนแต่ก็ไม่ได้เป็นอิสระซะทีเดียวเขายังโอบฉันไว้อย่างหลวมๆ"ค่ะ อยากอาบน้ำพักผ่อนแล้ว" ฉันพยักหน้าตอบรับแล้วหันไปขอบคุณพี่ๆพี่ทศกัณฐ์อุ้มฉันขึ้นออกมาจากตรงนั้นสีหน้าเขาดูไม่ค่อยดีเลยไม่รู้ว่าทำไม พอมานั่งในรถเขาก็ติดเครื่องแต่ก็ไม่ยอมขับออกไป สายตาของเขาหันไปมองพี่เนย์ที่กำ
"แกต้องได้รับบทเรียนที่ทำกับฉัน!"เสียงของคนด้านหลังดังขึ้นอย่างเยือกเย็น ฉันรู้สึกว่าเคยได้ยินมันมาก่อนหรือว่าจะเป็น..."ฟาง..."ฉันพูดชื่อของยัยนั่นแล้วได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาก่อนจะทำท่าตรงเข้ามาหาฉันอีก รีบหันไปขวามือที่จำได้ว่าตอนเข้ามันมีเก้าอี้อยู่ตัวหนึ่งตรงนั้นคิดว่าจะทำฉันได้คนเดียวเหรอ!หมับ! ปึก! ปึก! ปึก!ฉันคว้าเก้าอี้ขึ้นมาแล้วจับฟาดมันอย่างไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่พอได้ยินเสียงมันร้องออกมาถึงได้รู้ว่ามันถูกจุด"โอ๊ย! กรี๊ด!! แก!" ยัยนั่นร้องเดือดดานเหมือนคนบ้า ฉันรีบหันหลังเข้าประตูคลำหากลอนจนเจอแล้วเปิดออก วิ่งตรงไปทางบันไดทันทีขณะที่ยัยนั่นก็ยังคงวิ่งตามออกมากัดไม่ปล่อยจริงๆ ยัยหมาบ้า!ตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าของคนด้านหลังวิ่งตามมาขณะที่ขาฉันแทบจะพันกัน ทางผ่านมืดๆ ตรงหน้ายิ่งทำให้ฉันรู้สึกหวั่นใจปึกเพราะชุดหญิงโบราณที่ยาวจนถึงข้อเท้าทำให้ฉันสะดุดมันล้มลงกับพื้น จากที่เจ็บขมับและแผ่นหลังที่ถูกยัยนั่นเอาไม้ตี ตอนนี้มันยังต้องเจ็บที่ข้อเท้าอีกจากการสะดุดล้ม"กูควรตีมึงให้ตายไปซะ!!" คนด้านหลังพูดเสียงแหลมดังก้อง พอหันไปก็พบว่าไม้หน้าสามกำลังถูกง้างและเหวี่ยงมาที่
หลายวันต่อมาหลายวันมานี้ทุกคณะล้วนมีการซ้อมใหญ่กันหมด ทำให้ฉันกับพี่ทศกัณฐ์แทบไม่ได้เจอกันช่วงกลางวันเลย แต่เขาก็จะรอรับฉันทุกวันที่คณะเพราะส่วนใหญ่แล้วฉันเลิกดึกกว่า"พรุ่งนี้ก็จะถึงวันงานแล้ว ตื่นเต้นจัง" เวลานี้เที่ยงคืนกว่าแล้วเราเพิ่งจะได้เข้านอนคอนโดที่ฉันเช่าไว้ไม่ต่างจากห้องร้างเลยล่ะ เพราะตั้งแต่คบกันเขาก็ไม่ให้ฉันไปนอนที่ห้องคนเดียวเลย"มีอะไรให้ตื่นเต้น" เขาพูดเสียงเหนื่อยล้า คงเพราะกิจกรรมที่คณะเขาหนักพอสมควร ขนาดฉันเป็นแค่รุ่นน้องยังเหนื่อยรุ่นพี่ที่ทำเพื่อน้องๆ จะเหนื่อยขนาดไหนกัน"พี่ทศกัณฐ์อยู่ปีสามแล้วก็พูดได้สิ นินเพิ่งเคยครั้งแรก" ฉันพูดเสียงอู้อี้แล้วซุกหน้าเข้าหาแผงอกกว้างอันอบอุ่น"พรุ่งนี้อาจจะเลิกดึกนะ กลับกับเพื่อนมารอที่ห้องเลย" ฝ่ามือหนาลูบศีรษะฉันอย่างอ่อนโยน"ได้ยินว่าพรุ่งนี้มอบเกียร์ใช่มั้ยคะ""อืม หลังจบงาน"คงเป็นธรรมเนียมที่คณะวิศวะทำมาทุกๆ ปีล่ะมั้ง เพราะเพื่อนๆ ที่คณะฉันก็รู้กันหมดฉันก็เพิ่งรู้มาเหมือนกัน"นินจะมารอที่ห้องนะ""ถึงห้องแล้วโทรบอก หรือไม่ก็แชทมา""ค่ะ"วันต่อมาช่วงเช้ามีการแข่งขันกีฬาและกรีฑาหลายประเภท ส่วนฉันผู้ที่ไม่ถนัดกีฬาซักอย่
“พี่คิดยังไงถึงสักชื่อนินเนี่ย ถ้าเกิดว่าเราเลิกกันแล้วกลับมาคบกันไม่ได้อีกจะทำไงคะ” ฉันถามแล้วดันตัวออกเพื่อก้มดูรอยสักนั้นให้ชัดยิ่งขึ้นใช้ปลายนิ้วสัมผัสมันเบาๆ ตรงตัวอักษรพวกนั้นอย่างหลงไหล รู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเลย ฉันสำคัญกับพี่ทศกัณฐ์ถึงขั้นที่เขาสักชื่อฉันติดตัวไว้แบบนี้เลยเหรอ“ก็ไปลบออก แต่นั่นคงเป็นตัวเลือกสุดท้าย”“ไม่คิดว่าตัวเองจะเปลี่ยนใจจากนินบ้างเหรอ นินยังเด็กแต่พี่โตแล้ว” ฉันพูดแล้วแนบใบหน้าซบลงกับแผงอกเขาอีกครั้ง“เธอก็โตแล้วนี่ ฉันบอกแล้วว่าฉันมั่นคงและจริงจังกับรักของเราขนาดไหน""ขอบคุณนะคะ นินรักพี่ทศกัณฑ์จัง" ฉันกอดเขาอีกครั้งและเขาก็กอดตอบอย่างแนบแน่น"ไปอาบน้ำกันเถอะ"“ไหนๆ ก็ถอดเสื้อแล้วพี่ทศกัณฐ์อาบก่อนเลย” ฉันพูดแซวขำๆ แล้วดันตัวออกห่าง“…” พี่ทศกัณฐ์ยิ้มมุมปากก่อนจะรวบตัวฉันแล้วอุ้มพาดบ่าจนฉันตกใจกับการกระทำนั้น“กรี๊ด นินจะตก! พี่ทศกัณฐ์จะทำอะไรเนี่ย”“ไหนๆ ก็ถอดแล้วทำอย่างอื่นดีกว่า”พูดจบเขาก็อุ้มฉันเดินดุ่มๆ เข้ามาในห้องน้ำแล้ววางลงนั่งบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า แล้วแทรกตัวเข้ามาอยู่กลางหว่างขาขอฉัน ดีนะที่มันเป็นกระโปรงอัดพลีทไม่อย่างนั้นกระโปรงคงได้