วันนี้หลังจากที่จัดการกับผู้หญิงที่คอยจ้องจะขโมยคู่หมั้นของหล่อนไปกินเรียบร้อยแล้ว อรนุชจึงตั้งใจว่าจะเข้าไปที่คณะวิศวกรรมศาสตร์เพื่อประกาศตัวให้คนอื่น ๆ และผู้หญิงทุกคนรับทราบว่า “รศ. ดร. เตชิน ไตรสุวรรณภักดี” มีเจ้าของแล้วแต่อรนุชกลับต้องผิดหวังเพราะไม่เจอตัวคู่หมาย หล่อนคิดว่าเขาไปสอนจึงนั่งรอ รอจนกระทั่งเย็นเขาก็ไม่กลับมาที่คณะ จึงได้โทรศัพท์หาเขาจนสายแทบจะไหม้แต่ไม่มีการตอบรับด้วยความร้อนใจหล่อนจึงรีบบึ่งรถกลับมาดูเขาที่บ้าน เขาอยู่ที่บ้านจริง ๆ แต่ทำไม ไม่เปิดประตูให้แขกหรือจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?อรนุชลองเขย่าประตูเหล็กบานเล็กที่ทำไว้สำหรับเปิดให้คนเข้าออกได้เพียงคนเดียว และโชคดีที่มันไม่ได้ล็อก เธอจึงเข้าไปในบ้านได้อย่างไม่ยากเย็นภายในบ้าน อรนุชถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เจออาจารย์เตชิน อย่างน้อยก็ไม่มีอันตรายเกิดขึ้นกับเขาร่างสูงที่เคยสง่างามนอนหมดสภาพบนโซฟากระป๋องเบียร์เกลื่อนกลาดทั้งบนโต๊ะและที่พื้น หล่อนสืบเท้าเข้าไปยังร่างที่นอนไม่รู้เนื้อรู้ตัวบนโซฟายาวแกร๊ง! เท้าของหล่อนเตะเข้ากับกระป๋องเบียร์เปล่า เสียงดังทำให้ร่างบนโซฟาขยับแล้วพึมพำ“นิ... นิใช่ไหม?”ชายผู้ที่ได้ชื
เมื่อวางสายจากภีมเขาก็โทรติดต่อ อาจารย์เตชิน ทันที แต่โทรเท่าไหร่ ๆ คนเป็นเพื่อนก็ไม่ยอมรับสายสักที ความกังวลเริ่มก่อตัวขึ้นทุกที ทุกที เพราะเขารู้ดีว่าคนเป็นเพื่อนอารมณ์ร้อนแค่ไหน ภายใต้หน้ากากเย็นชามีภูเขาไฟขนาดมหึมาที่สามารถปะทุออกมาได้ทุกเมื่อในเมื่อโทรติดต่อหาเจ้าตัวไม่ติด เขาจึงเปลี่ยนมาโทรเช็กตามร้านเหล้าทุกแห่งที่เขาและอาจารย์เตชิน มักจะชวนกันไปเสมอ ๆ แต่ได้รับคำตอบคือ ไม่พบเจ้าตัว!“ไอ้บ้าชินเอ๊ย! ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน? พอเกิดเรื่อง แล้วเป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า”ดร. พงษ์ สบถ แล้วเดินจ้ำอ้าวไปที่รถ ท้ายที่สุดเขาก็บึ่งรถมาถึงหน้าบ้านอาจารย์เตชินแป๊ด! แป๊ด! แป๊ด!ดร. พงษ์ กดแตรดังกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าประตูเหล็กดัดหน้าบ้านยังปิดสนิท แล้วสายตา ดอกเตอร์หนุ่มก็เหลือบไปเห็นรถเบนซ์สีขาวคันงามของคู่หมั้นผู้เป็นเจ้าของบ้าน“อ้าว... เฮ้ย! ไอ้ชิน! แย่แล้วไหมล่ะ ไม่ใช่แกโดนยัยหมวยจอมหยิ่งงาบไปแดกจนไม่เหลือซากแล้วรึ!?”ดร. พงษ์ อุทานกับตัวเอง แล้วรีบลงจากรถเพื่อหาทางเข้าไปในบ้านเขาวิ่งไปเขย่าประตูเหล็กด้วยหวังว่ามันจะเปิด แต่มันก็ไม่ขยับ ชายหนุ่มเดินกลับไปกลับมาเหมือนหนูติดจั่นจนเหลือ
ดร. พงษ์ ละจูบเอ่ยขึ้น ปรือตามองร่างกระต่ายที่อ่อนระทวยในอ้อมแขน แล้วโน้มหน้าลงเลียใบหูขาว ๆ ก่อนที่จะดูดเบา ๆ ส่งผลให้ขนอ่อนของกระต่ายสาวลุกเกรียวทั้งตัว“อ๊ายยย....”“ผม อยาก กิน กระต่าย”จบประโยค ดอกเตอร์หนุ่มตวัดร่างกระต่ายไว้ในอ้อมแขน แล้วอุ้มไปโยนลงบนเตียงเตรียมเชือดตุ๊บ!“อุ๊ย... เบา ๆ หน่อยสิคะ”“แหม... ที่รักก็รู้... ผมชอบแบบไหน”ดอกเตอร์หนุ่มถอดกางเกงออกเหลือเพียงกางเกงในสีดำตัวเดียว... ขับให้ร่างกายกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อดูเซ็กซี่เร่าร้อนยิ่งขึ้น จนภีมกลืนน้ำลายเอื๊อกลงคอ กัดริมฝีปากล่างแล้วส่งเสียง ซี้ดซ้าด อย่างเปิดเผยดร. พงษ์ ยิ้มอย่างมีความสุขที่เห็นคนรักพอใจในร่างกายของเขา และเขาก็ชอบที่เห็นเจ้าหล่อนกล้าแสดงออกให้เขารู้ดอกเตอร์หนุ่มย่างสามขุมขึ้นบนเตียง ในขณะที่กระต่ายน้อยค่อย ๆ ยกขาแยกออกจากกันเผยให้เห็นโหนกนูนภายใต้ชุดกระต่าย ที่เกิดจากการดึงลำสวาทไปไว้ด้านหลัง“ไปที่บ้าน อ. เตชิน เป็นไงบ้างคะ”“เมาเหมือนหมา”ดร. พงษ์ ตอบสายตายังคงจับจ้องโหนกนูนอวบอูมที่หว่างขากระต่ายสาว“น่าสงสารนะคะ”“เรื่องคนอื่น ช่างมันก่อน.... ตอนนี้ผมอดใจไม่ไหวแล้วขอกินกระต่ายก่อ
“ภะ ภีม”ดร. พงษ์ ส่งเสียงอย่างเว้าวอน จนภีมต้องยิ้มให้ ขณะที่มือเรียวฉีกซองถุงยางอนามัย.... แล้วดึงแผ่นยางวงกลมสีเนื้อวางไว้บนริมฝีปาก แล้วก้มลงรูดใส่ถุงยางให้แก่นกำยำด้วยปากจนร่างแกร่งยกสะโพกขึ้นรับด้วยความสยิว“อื้อ...”“อาวุธ.. พร้อมรบค่ะ”ภีมถอนปากออก เผยให้เห็นแก่นกายกำยำพองโตภายใต้ถุงยางที่มีหนามออกมารอบแก่นชูชันราวกับตะบองยักษ์“ของเล่นใหม่หรือจ๊ะ”ดร. พงษ์ มองแก่นกายของตนที่ถูกแปลงให้เป็นอาวุธร้าย การร่วมรักกับภีมทุกครั้งแปลกใหม่เสมอนี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาหลงรักหนุ่มน้อยคนนี้จนไม่คิดจะมีใครอีกแล้ว“ใหม่.. แล้วแซ่บเว่อร์”ภีมหมอบตัวลงในท่าคลานยกก้นขึ้นสูงจนหน้าแนบเตียง ดอกเตอร์หนุ่มเสียบเข้าทางด้านหลังใช้เข่าดันขาเรียวให้แยกออกมากยิ่งขึ้นเผยให้เห็นรูสวาทสีชมพูระเรื่อ ชายหนุ่มจึงจับอาวุธสวมเกราะหนามถูไถร่องสวาท.... น้ำหล่อลื่นจากถุงยางช่วยให้ช่องสวาทชื้นขึ้นจนหน้าเข้าไปค้นหาเมื่อแก่นกายเสียดสีกับร่องสวาทจนร้อนฉ่า... พลังงานที่อยู่ข้างในอัดแน่นจนแข็งดุจหินผา.... ดอกเตอร์หนุ่มจึงดันแก่นกายระอุเข้าร่องสวาท.... หนามของอาวุธร้ายครูดกับรูสวาทเพิ่มความเสียวซ่านให้แล่นแปล
“ลูกชิ้นปิ้งร้อน ๆ คร้าบ”ปอร์เช่เลื่อนถุงลูกชิ้นเข้ามาใกล้นิญาดามากขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มสดใส“ขอบใจจ้ะ พี่ยังไม่หิว ปอร์เช่กินเถอะ”คำตอบของหญิงสาว ทำให้หนุ่มน้อยผู้ที่อุตส่าห์ซื้อลูกชิ้นปิ้งเจ้าอร่อยมาฝากเพราะเห็นว่าหล่อนไม่ยอมไปทานข้าวเที่ยง ต้องหน้าจ๋อยลงไปทันที แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ชวนสงสารว่า“ผมอุตส่าห์ซื้อมาให้ ถ้าพี่นิไม่กิน เสียน้ำใจแย่”นิญาดาเลิกคิ้วสูง มองหนุ่มรุ่นน้องร่วมสำนักงานที่กำลังทำตัวเหมือนเด็กร่ำร้องอยากได้ของเล่นชวนให้ขำมากกว่าน่าสงสาร“ฮ่า... ฮ่า... จ้า.. กินก็ได้”หญิงสาวจึงจิ้มลูกชิ้นปิ้งเข้าปาก แล้วเคี้ยวตุ้ย... ตุ้ย... ให้คนซื้อมาฝากดู“แหม... กินซะน่าอร่อยเลย ขอผมกินด้วยคนนะ”ไม่พูดเปล่าหนุ่มรุ่นน้องจิ้มลูกชิ้นปิ้งกินเช่นกัน“พี่นิ ทำอะไรครับ ทำไมไม่ยอมไปกินข้าวกินปลากับเพื่อน”ปอร์เช่ถาม คนที่กำลังเคี้ยวลูกชิ้นเต็มปากคนถูกถามรีบกลืนลูกชิ้นแล้วคว้าแก้วน้ำยกขึ้นดื่มตามก่อนตอบ“ทำรายงานการปฏิบัติงานส่งประเมินเลื่อนตำแหน่งจ้า”“เลื่อนตำแหน่ง?”“ใช่.. เลื่อนตำแหน่ง สำหรับพนักงานมหาวิทยาลัย จะไล่จากปฏิบัติการ ชำนาญการ ไล่ไปเรื่อย ๆ จนถึงเชี่ยวชาญพิเศ
“ค่ะ เยอะมาก จนนิเตรียมร่างประกาศเก็บค่าธรรมเนียม เพื่อที่จะเปิดรับพิจารณามาตรฐานให้นักวิจัยจากสถาบันอื่น ๆ ด้วยค่ะ จะได้ช่วยมหาวิทยาลัยสร้างรายได้อีกทางหนึ่งค่ะ”“มองการณ์ไกลแบบนี้ น่าจะเป็นเจ้าของกิจการมากกว่าเป็นคุณเลขาฯ แสนสวยนะครับ”ปอร์เช่เอ่ยชม รอยยิ้มกว้างแสดงถึงความจริงใจ“อะ... อะ.. แฮ่ม! โอ้ย.... ก้างติดคอ”ภีมแกล้งกระแอม ถึงแม้ปอร์เช่จะหล่อและสุภาพอ่อนโยนแค่ไหน แต่ในใจภีมก็ยังเชียร์นิญาดา กับอาจารย์เตชิน“แหม... คุณหญิงภีม... กินก๋วยเตี๋ยวทำไมมีก้างจ๊ะ”พี่เกดลากเสียงอย่างรู้ทัน“ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ อิ่มแล้วลุกกันเถอะ จะได้รีบไปซื้อกาแฟกัน!”ภีมถือถ้วยก๋วยเตี๋ยว ลุกขึ้นเดินนำหน้าออกไป ตามด้วยพี่เกดนิญาดาลุกขึ้นตามหลัง ปอร์เช่จึงถือจานข้าวให้ทั้งของตนเองและหญิงสาว กฎของโรงอาหารในมหาวิทยาลัย คือ กินข้าวแล้วต้องถือจานที่รับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วไปที่พักจานขณะที่แก๊งสาวสวยกับหนึ่งหนุ่มกำลังเดินไปเก็บจาน... ภีมและพี่เกดเห็นหลังอาจารย์เตชินกับ ดร. พงษ์ อยู่ไม่ไกลนักพี่เกดกำลังจะรั้งภีมไว้ไม่ให้ทัก... แต่ภีมปากไวกว่าจึงทักทาย ดร. พงษ์ อย่างสนิท“อาจารย์พงษ์ อาจารย์เตชินสวั
“ดีเลย วันนี้พี่กำลังจะพาเจ้าตัวแสบไปสวนสัตว์ ม้าไม่ยอมไปด้วย งั้นฝากม้าด้วยนะ นู่นอยู่ในครัวนู่นกำลังทำบะจ่าง อาเหมย อาหลิว ไปกันลูก”ประโยคสุดท้ายผู้เป็นพี่สาวกวักมือเรียกลูก ๆ ขึ้นรถ ก่อนไปเด็ก ๆ โบกมือบ๊ายบายผู้เป็นน้ากันครึกครื้นเพราะกำลังจะได้ไปเที่ยวในวันหยุดชายหนุ่มยืนส่งหลาน ๆ จนรถแล่นออกไปลับตา เขาจึงเดินเข้าไปหลังบ้านอย่างคุ้นเคยเป็นอย่างดี บ้านที่เขาเติบโตมาและบัดนี้เหลือเพียงพี่สาวและพี่เขยที่อาสาอยู่ดูแลผู้เป็นประมุขของบ้าน ซึ่งพี่เขยของเขาเป็นลูกชายของเจ้าของตลาดแห่งนี้ เรียกได้ว่า “แผ่นทองต่อแผ่นทอง” ยิ่งหลอมเป็นปึกแผ่นมั่นคงรุ่งเรืองทวีคูณยิ่งขึ้นหญิงชรากำลังบรรจงห่อบะจ่างด้วยใบไผ่จีนที่มีใบกว้างมากกว่าใบไผ่ทั่วไป ก้อนข้าวผัดคลุกกับเครื่องจนหอม ก่อนนำมาห่อกับไส้ ไข่เค็ม เห็ดหอม กุนเชียง เผือกนึ่ง ฯลฯ แล้วแต่สูตรบ้านไหนจะใส่อะไร แต่สูตรบ้านนี้ที่ขาดไม่ได้เลย คือ “แปะก๊วย” เพราะ แปะก๊วยช่วยบำรุงสมอง ลูก ๆ ของบ้านนี้จึงเรียนเก่ง คนโตได้เป็นหมอ และลูกชายคนเล็กได้เป็นถึง “รองศาสตราจารย์”ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ ผู้เป็นมารดาแล้วลงมือช่วยห่อเหมือนอย่างที่เคยทำเมื่อ
เสียงสั่น ๆ อย่างหวั่นใจ เสียงนั้นคล้ายล่องลอยออกมาจากปลายสาย ชายหนุ่มกลั้นลมหายใจก่อนเอ่ยออกมา“พี่จะขอถอนหมั้น”คำสั้น ๆ แต่มีแรงมหาศาลทำให้ปลายสายเงียบงัน หากเขายืนอยู่ตรงนั้นจะเห็นร่างบางแทบทรุดลงไปกองกับพื้นเพียงแค่ประโยคเดียวที่หล่อนไม่คิดว่าจะได้ยิน“เราไม่ได้รักกัน ถึงแต่งกันไปก็ทรมานทั้งคู่ พี่.....”“แต่นุชรักพี่! ได้ยินไหม นุชรักพี่ชิน! ”คนถูกขอถอนหมั้นตะโกนลั่นสุดเสียงคำบอกรักปนสะอื้นดังจากปลายสาย มันสะท้านดังก้องเข้าไปในหัวใจ เขาไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าอรนุชรักเขาฉันชู้สาว ตลอดระยะเวลาที่หมั้นกันเขาไม่เคยแตะต้องอรนุชให้เสื่อมเสียเกียรติแม้แต่น้อย เพราะเขารักเธอในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง ซึ่งเขาไม่อยากให้น้องสาวเสียใจ แต่วันนี้อรนุชกำลังสะอื้นไห้ด้วยน้ำมือของตนเอง มือชายหนุ่มที่กำโทรศัพท์สั่นสะท้าน“นุชพี่ขอโทษ”คำขอโทษของชายหนุ่มดังถึงปลายสาย แต่ดังไปไม่ถึงใจที่มันแตกร้าวของหญิงสาวเธอมาก่อนผู้หญิงคนนั้น! เธอคู่ควรกับพี่ชินมากกว่าใคร ๆ ในเมื่อโอกาสเป็นของเธอมากกว่า... เธอจะไม่ยอมปล่อยให้มันหลุดมือไปง่าย ๆ“นุชเสียใจค่ะ การหมั้นหมายระหว่างเราผู้ใหญ่เป็นคนจัดการให้ อย่างไรเสียหากจะ
“ทะ ทำสัญญา ยังไงคะ?”กายแกร่งขึ้นทาบทับร่างบางที่แสนนุ่ม เนื้อเนียนกลมกลึงได้สัดส่วน จนหญิงสาวสัมผัสไอร้อนในทุกอณูของร่างแกร่งมือแกร่งทั้งสองข้างประสานกับมือเล็กกดไว้เหนือศีรษะ ก่อนกระซิบตอบแนบปาก“ประทับสัญญา ให้นิ เป็นของพี่เพียงคนเดียว”สิ้นเสียงกระซิบระโหย ปากบางก็ประทับลงบนปากอิ่มหล่อนเผยอปากรับ ให้ปลายลิ้นร้ายของเขาซุกซอนเข้าไปตอดรัดลิ้นเล็ก ดูดกินน้ำหวานจากโพรงปากอุ่น“อืม อะ อ่า”ลิ้นร้อนฉ่าของเขาดุนดัน ซอกซอนในขณะที่กายหล่อนหลอมละลาย ขาเรียวของหล่อนค่อย ๆ แยกออกเพื่อตอบรับแก่นกายกำยำที่แข็งขึงแนบชิดตรงหน้าท้อง“อืม..”ทั้งเขาและเธอครางออกมาเบา ๆชายหนุ่มละจูบ เลื่อนปากไล้มาที่ซอกคอขาวผ่อง กดฟันครูดเบา ๆ พร้อมกับดูด ขบเม้มจนเกิดรอยแดงในเนื้อนวล“โอ อืม”ปากอิ่มเผยอครางออกมาด้วยความซ่านสยิว ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไปตามเนื้อลออทั่วทั้งร่างบางมีกลีบซากุระที่ติดมาจากบ่อออนเซ็นประปราย จมูกโด่งฝังลงกับเนื้อเนียนสูดเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ ราวซากุระของเนื้อสาวเข้าเต็มปอด กลิ่นกายสาวเย้ายวนจนเขาแทบอยากจะกลืนกินหล่อนเข้าไปเสียเดี๋ยวนั้น“งามเหลือเกิน”ปากเขาคลอเคลียอยู่แถว ๆ ทรวงอกสล้าง ปล
“ผมทำตัวผมเองต่างหากครับ! เพราะผมเข้าใจคุณนิญาดาผิด แล้วเมาจนเกิดอุบัติเหตุ”“นี่ลื้อปกป้องมัน! ลื้อมีคู่หมายอยู่แล้ว อานุชเขาก็ดูแลลื้ออย่างดี ลื้อจะทิ้งอีไปหานางผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นได้รึ!”ผู้เป็นมารดาตวาดด้วยความโกรธ นางรักลูกชายคนเล็กมาก มากจนตามใจเขาเสียทุกเรื่อง เว้นแต่เรื่องหมั้นหมายนี้!“ม้าครับ ผมรักนิญาดา ผมรักใครไม่ได้อีกแล้วจริง ๆ”ผู้เป็นลูกคุกเข่าลงตรงหน้าผู้เป็นมารดา เรี่ยวแรงที่เพิ่งจะฟื้นจากอาการป่วยแทบจะไม่มี เสียงร้องขอจึงพร่าแปร่งคนเป็นแม่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นสายตาเว้าวอนของบุตรชายที่รักยิ่ง ใจหนึ่งนางก็อยากจะตามใจเขา แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าลูกชายจะเสียใจเพราะผู้หญิงซ้ำสอง อีกใจหนึ่งนางก็รักและเอ็นดูอรนุชที่หมายหมั้นให้มาเป็นลูกสะใภ้ อีกทั้งเป็นลูกสาวของเพื่อนเก่า ก็กลัวว่าความเป็นมิตรของทั้งสองตระกูลจะขาดสะบั้นลง“ม้าคะ! หนูขอถอนหมั้นค่ะ!”เสียงเด็ดเดี่ยวของอรนุชดังขึ้นทำลายความเงียบระหว่างสองแม่ลูก พร้อมกับเจ้าตัวที่เดินมานั่งลงข้าง ๆ นางวัลลี ผู้เป็นมารดาของคู่หมั้นตน“ลื้อพูดอะไรอานุช!”นางวัลลีผวาเข้ากุมมือว่าที่ลูกสะใภ้อย่างตกใจ ในขณะที่อาจาร
“อือ ยะ อย่า ค่ะ”ร่างบางครางแหบพร่า ความซ่านเสียวแปลบปลาบพุ่งปราดไปทั่วร่าง มือแกร่งของเขาสอดเข้าใต้สะโพกหนั่นเนื้อ บีบเคล้นเคล้าคลึงตามเพลิงสวาทที่ลุกโชนจนยากจะห้ามไหวเขายกสะโพกงามขึ้นลง หญิงสาวรู้สึกถึงความแข็งขึงร้อนระอุของแก่นกายชายที่เสียดสีกับจุดวาบหวามจนชุ่มฉ่ำหล่อนแอ่นหยัดเผยอแยกขาให้แนบชิดยิ่งขึ้น เมื่อความรัญจวนซ่านสวาทระลอกใหญ่พุ่งปราดไปทั่วสรรพางค์ สติที่มีอยู่อันน้อยนิดปลิวหายไปกับแสงสว่างอันพร่างพราว“อ่าซ์”“บอกสิ.. คุณรักผมมากแค่ไหน”เขากระซิบเสียงพร่าแนบอกสล้าง แก่นกายกำยำของเขาอัดแน่นด้วยพลังบุรุษจนรวดร้าว เมื่อสัมผัสกับกายน้อยที่ชุ่มฉ่ำจนเหมาะแก่การโจนทะยานเข้าใส่แค่ไหน“พูดสินิ”เสียงเว้าวอนของเขากระซิบสั่งขณะที่มือประคองขยับสะโพกงามให้ยกขึ้นรับเอาแก่นกายร้อนฉ่าอันแข็งแกร่งของเขา แล้วค่อย ๆ ดันมันสู่กายสาวจนสุดลำ“อะ อือ”หล่อนครางกระสัน หายใจถี่ หัวใจเต้นระรัว เธอจำบทรักอันแสนเร่าร้อนของเขาในวันเก่าได้ดี ใจดวงน้อยที่เต้นระรัวมันร่ำร้องเพรียกหาอยากได้ความเร่าร้อนนั้นมาขับไล่ความทรมานที่รวดร้าวไปทั้งกาย อยากพุ่งทะยานไปสู่ชั้นฟ้าล่องลอยจนลืมสิ้นทุกอย่าง“พูดสิ
นิญาดามองกลีบซากุระสีชมพูอ่อน ๆ ลอยปะปนกับฟองน้ำสีขาวหอมกรุ่น หล่อนค่อย ๆ เอนกายลงเพื่อทิ้งความเหนื่อยล้าให้ละลายหายไปกับสายน้ำ มองกลีบซากุระล่องลอยตามผิวน้ำที่ไหลวนคลอเคลียรอบกายสาวชวนให้นึกถึงใครบางคนที่เคยบอกกับหล่อนไว้-หากอยากเห็นซากุระในเดือนห้า ให้ไปที่ซัปโปโร-บัดนี้คนที่บอกเธอ เขาจะหายดีหรือยังหนอ? เขาจะคิดถึงหล่อนบ้างไหม? หรือหล่อนได้ตายไปจากหัวใจของเขาแล้ว เพียงแค่คิดถึงเขา น้ำตาก็พลันไหลออกมาเงียบ ๆซู่!จอกกกก!เสียงน้ำล้นออกจากอ่าง น้ำกระเซ็นแตกกระจายตามการทิ้งกายลงนั่งเบียดร่างอรชรในอ่างออนเซ็น คนที่นอนอยู่ในอ่างลืมตาโพลงขึ้น เมื่อตากลมของหญิงสาวสบกับตาคมดุอันคุ้นเคย กระแสไฟฟ้าก็วิ่งปราดเข้าจู่โจมหัวใจทำให้ใจดวงน้อยกระตุกวูบลามไปจนถึงหน้าท้องในขณะที่หญิงสาวกำลังอ้าปากค้าง กายแกร่งก็เบียดเข้าชิดร่างอรชรอย่างโหยหา สติสัมปชัญญะของหญิงสาวพยายามอย่างหนักเพื่อพิจารณาว่า คนข้าง ๆ เธอ คือ เรื่องจริงหรือความฝัน แล้วท้ายที่สุด หล่อนก็อุทานชื่อคนข้างกายด้วยความตกใจ“อาจารย์เตชิน!”“ครับ”เสียงทุ้มของชายหนุ่มขานรับ เรียวปากชมพูบางเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าหล่อเหลา
อาจารย์เตชินนอนลืมตาโพลงมองฝ้าเพดานที่มีโคมไฟเป็นดอกบัวสีขาวห้อยลงมา สมองกับหัวใจของเขากำลังทบทวนกับตัวเองหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาเก็บตัวอยู่ในห้องหนังสือทั้งวัน เพื่อพักใจและเพื่อหลบหน้าผู้เป็นมารดาและคู่หมั้น เพราะเขาไม่อยากตอบคำถามเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งไม่อยากรับรู้เรื่องงานแต่งที่กำลังจะจัดขึ้นในเมื่อหัวใจของเขามันแตกสลายไปอีกครั้ง และครั้งนี้มันเจ็บปวดมากกว่าครั้งไหน ๆ มันเจ็บจนเขาไม่อยากเคลื่อนไหว จนกระทั่งเพื่อนสนิทมาพบเขาในวันนี้ ราวกับลมที่พัดพาเอาดวงใจที่แตกลงไปแล้วให้ประกอบเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาใหม่โดยเสมือนมีความหวังเป็นกาวประสานรอยร้าวในใจมือเรียวจับโทรศัพท์ขึ้นดู คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มือกำโทรศัพท์บีบแน่นแล้วคลายออก ทำซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นราวกับว่ากำลังตัดสินใจบางอย่างความอยากรู้ กับความช้ำใจมันกำลังห้ำหั่นกันใจที่ช้ำ ก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วใจที่ยังคงมีเยื่อใย ก็อยากรู้ว่าผู้หญิงที่รักเป็นเช่นไรและแล้วเยื่อใยที่ยังเหลืออยู่ก็ชนะเขากดเข้าไลน์เพื่อเปิดดู คลิปวิดีโอที่ ดร. พงษ์ ส่งให้ในคลิปเป็นภาพตั้งแต่นิญาดาเข้ามานั่งข้าง ๆ เตียง เขาได้ยินเสียงหล่อ
ดร. พงษ์ ขอตัวเลี่ยงออกมา เพื่อตัดบทการสนทนา เขารักและเคารพนางวัลลี เหมือนแม่คนหนึ่งจึงไม่อยากชี้แจงเรื่องของนิญาดากับอาจารย์เตชิน เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นการโต้เถียงและไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ และเพราะเป็นเรื่องที่เจ้าตัวควรจะต้องมาชี้แจงด้วยตนเอง เขาเป็นคนนอกอย่างไรเสีย คำพูดก็คงไม่มีน้ำหนักพอที่จะคัดค้านสิ่งที่ผู้เป็นมารดาได้ปักใจเชื่อไปแล้วดร. พงษ์ ขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านเขารู้ว่าห้องหนังสืออยู่ที่ไหนเพราะคุ้นเคยบ้านหลังนี้เป็นอย่างดีเมื่อผลักประตูเข้าไปภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตา คือ.....ชายหนุ่มผิวขาวซีดเอนตัวบนเก้าอี้นวมสีขาว แม้บนหน้าผากจะมีรอยแผลที่เพิ่งจะหายแต่ยังคงความหล่อคมเช่นเดิม... มือเรียวถือหนังสือเล่มหนาเอาไว้ แต่ทว่าดวงตาเข้มคู่นั้นกลับเหม่อมองทะลุหน้าต่างออกไปด้านนอกดร. พงษ์ ปิดประตูห้องตามหลังค่อนข้างดัง แต่เจ้าของห้องไม่มีทีท่าว่าจะขยับ เขาจึงแกล้งไอ ก่อนเอ่ยทักเสียงดังมากกว่าปกติ“อะ.. แฮ่ม ไง? ไอ้หุ่นยนต์”ได้ผล... หุ่นยนต์เริ่มเคลื่อนไหว... วางหนังสือลง หลับตาลงแล้วขยับตัวเอนลงบนเก้าอี้นวมยิ่งกว่าเดิมคล้ายกับว่าไม่อยากให้ใครรบกวน“อ้าว! เฮ้ย! กูอุตส่าห์ขับรถมาหา ดันจะ
ดร. พงษ์ ขยับเข้าไปใกล้พร้อมกับจ้องตาภีมราวกับจะกลืนกินหนุ่มน้อยเข้าไปทั้งตัว“คิดถึง”หนุ่มน้อยกล่าวเบา ๆ เอียงอาย“อะไรนะ? ไม่ได้ยิน”ดร. พงษ์ โน้มตัวเอียงแก้มเข้ามาใกล้คนหน้าแดงเพราะอายจุ๊บ!ภีมหอมเข้าไปที่แก้มขาว ๆ ของคนช่างแกล้งทีหนึ่ง ดอกเตอร์หนุ่มฉีกยิ้มกว้างพลางเอ่ย“ชื่นใจจังเลย”“ช่วงนี้ที่รักเหมือนจะซูบไปนะ กินข้าวเยอะ ๆ แล้วพักผ่อนบ้าง”ภีมตักผัดผักกุ้งสดใส่จานให้ชายผู้เป็นที่รัก ขณะเอ่ยออกปากอย่างห่วงใย“ขอบคุณคร้าบบบบบบ...... ถึงจะซูบอย่างไร แต่ถ้าได้กำลังใจดี ๆ แบบนี้ รับรองยังขย้ำเสือได้สบาย ๆ”ดอกเตอร์หนุ่มตาพราวระยับ ภีมฟาดมือลงไหล่แน่นของเขาเบา ๆ แล้วเอ็ดแก้เขิน“ทำเป็นพูดเล่นไป ภีมเป็นห่วงคุณจริง ๆ นะ แล้วอาจารย์เตชินเป็นอย่างไรบ้าง”“แผลตามร่างกายอะ หายแล้ว... แต่แผลในใจนี่สิ คงลึกน่าดู ลึกกว่าเหวซะอีก ผมก็ไม่รู้ว่าจะดึงมันขึ้นมาไหวไหม สภาพมันตอนนี้ยิ่งกว่าหุ่นยนต์ ถามคำตอบคำ วัน ๆ เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในบ้าน จนอาม้ามันขอให้ผมไปเยี่ยมมันบ่อย ๆ เพราะกลัวมันจะคิดสั้น ก่อนจะได้แต่งงานกับอรนุช”ภีมมอง ดร. พงษ์ ที่พรั่งพรูความอัดอั้นตันใจออกมา หาก ดร. พงษ์ยังไม่สามารถดึ
ภีมและ ดร. พงษ์เดินกลับมาเห็นนิญาดาร้องไห้ออกมาจากห้องคนไข้พอดี“อุ้ย! “ภีมอุทานเบา ๆ เมื่อเห็นนิญาดาสะอื้นจนตัวโยน เขาถลาเข้าไปประคองเมื่อเห็นร่างบางเดินโซเซแทบจะล้มทั้งยืน“คุณนิ เป็นอะไรไปครับ แล้วทำไมถึงออกมาจากห้องครับ”นิญาดาไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้ แล้วส่ายหัวภีมสบตากับ ดร. พงษ์ และเมื่อมองผ่านช่องกระจกตรงประตูห้องพักคนไข้เข้าไป เขาเห็นอาม้า พี่สาว พี่เขยของอาจารย์เตชิน รวมถึงอรนุชก็เข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น“พี่นิ รอที่นี่เดี๋ยวนะ ภีมขอไปเอากระเป๋าในห้องสักครู่ เดี๋ยวภีมไปส่งพี่ที่บ้าน”ภีมบอกหญิงสาว แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องคนไข้พร้อมกับ ดร. พงษ์ สักครู่ใหญ่ภีมจึงออกมาพร้อมกระเป๋าแล้วไปส่งนิญาดาที่บ้าน “นิ… นิ...ร้องไห้ทำไม บอกพี่ซิ” ชายหนุ่มกอดร่างบางไว้แนบอก หญิงสาวจะรู้บ้างไหมว่าเสียงหัวใจที่เธอได้ยินมันเต้นด้วยความรักที่มีต่อเธอทั้งหมดแล้วหญิงสาวในอ้อมแขนก็ขยับตัวออกห่าง... เลื่อนมือประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ ยืดตัวขึ้นเพื่อจุมพิตเบา ๆ ที่ริมฝีปากเขา... ริมฝีปากอิ่มนุ่มส่งผ่านความอบอุ่นให้ไหลซาบซ่านเข้าสู่กลางใจเขา.... เขาจึงกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้นแต่แล้วหญิงสาวที่เ
ภีมพูดกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะกดรับสาย และยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยอะไร ปลายสายก็ส่งเสียงร้อนรน“รถอาจารย์เตชินแหกโค้ง พลิกคว่ำชนต้นไม้ข้างทาง!!!”“อ๊าย! .... ตายแล้ว” เสียงอุทานตกใจดังลั่นของภีม ทำให้นิญาดาชะงักมือที่เก็บของลงกล่อง มองคนที่กำลังคุยโทรศัพท์อย่างฉงนภีมสบตากับนิญาดาในขณะที่ฟังเสียงรายงานสถานการณ์จากปลายสาย“รถยับเยินมาก ตอนนี้ไอ้ชินอยู่ที่โรงพยาบาลXXXXX”“อืม เดี๋ยวฉันจะรีบตามไป”เมื่อกดวางสาย ภีมมองนิญาดาอย่างตัดสินใจอะไรบางอย่าง.... แล้วพยายามกดเสียงให้เป็นปกติที่สุด“รถอาจารย์พลิกคว่ำ ชนต้นไม้ยับ”ได้ยินเพียงเท่านั้น ร่างบางก็แทบทรุดลงกับพื้น ราวกับว่าถูกกระชากวิญญาณออกจากร่างอย่างกะทันหัน นิญาดาเกาะขอบโต๊ะเอาไว้ไม่ให้ตัวเองล้มลงไปภีมอาสาขับรถพานิญาดามาถึงโรงพยาบาล เพราะสภาพจิตใจของหญิงสาวตอนนี้ไม่สมควรแม้กระทั่งอยู่คนเดียว ดร. พงษ์แจ้งข่าวให้เขารับทราบเป็นระยะ ๆ ข่าวล่าสุดที่ได้รับแจ้งคือ อาจารย์เตชินออกจากห้องฉุกเฉินย้ายมาที่ห้องพิเศษเรียบร้อยแล้วเมื่อทั้งคู่เปิดประตูเข้าไปพบ ดร. พงษ์ ที่คอยทั้งคู่อยู่ในห้องคนเจ็บ ภีมถลาเข้าไปจับมือชายหนุ่มบีบเพื่อปลอบประโลมค่ำคืนนี้