ณ ต้นไม้ใหญ่ข้างตึกสำนักงานอธิการบดีแสงแดดยามบ่ายร้อนระอุ แต่ยังไม่ระอุเท่ามวลอากาศที่ลอยอบอวลระหว่างผู้หญิงสองคนใต้ร่มไม้แห่งนี้สาวสวยคนหนึ่งใส่ชุดสูทสีขาว สูงสง่ายืนกอดอก สายตาทอดไปยังผืนน้ำเบื้องหน้า ผู้หญิงอีกคนตัวเล็กกว่าในชุดเดรสสีนู้ดขับให้ร่างอรชรดูบอบบางยิ่งขึ้นสาวสวยในชุดสูทสีขาวยื่นกระเป๋าสตางค์สีแดงใบเล็กให้นิญาดา“ยินดี ที่ได้พบกันอีกครั้ง นี่กระเป๋าเธอ… ลืมไว้ที่บ้านคู่หมั้นฉันเมื่อวันก่อน”นิญาดายื่นมืออันสั่นเทาไปรับกระเป๋าสตางค์คืน หล่อนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำหล่นไว้ที่บ้านอาจารย์เตชินผู้หญิงที่เอากระเป๋ามาคืนให้เธอ คือ คู่หมั้นของคนที่เธอรักสุดหัวใจจริง ๆ ใช่ไหม?หัวใจมันค้านกับคำตอบของสมอง หล่อนยังไม่อยากเชื่อ!“ต้องขอบคุณกระเป๋าของเธอนะ…. ที่ทำให้เราได้เจอกันอีกครั้งในวันนี้…. ฉันชื่ออรนุช นามสกุลไม่ต้องรู้จักหรอก เพราะอีกไม่นานก็คงจะต้องใช้นามสกุลเดียวกันกับสามี”หญิงที่ชื่อ “อรนุช” เน้นประโยคสุดท้าย แล้วหันมาจ้องตากับหญิงสาวร่างเล็กที่เจอในบ้านว่าที่สามีของเธอเมื่อวาน!ถึงแม้จะรู้ว่าเขาเป็นหนุ่มเพลย์บอย แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เขาจริงจังขนาดพาเข้าบ้าน ผู้หญิงตรง
“พะ พี่ ถูกคัดชื่อออกจากงานรับรองสมเด็จพระเทพฯ”นิญาดาสะอื้นไห้ โผเข้าซบอกแกร่งของผู้ชายตรงหน้า.... หล่อนต้องการที่พักพิง.... ที่ยึดเหนี่ยวให้กับดวงใจที่มันแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆหล่อนอยากตะโกน อยากกรีดร้อง ให้ความเศร้าเสียใจทั้งหลายทั้งมวลที่มันอัดแน่นอยู่เต็มหัวใจ แต่ต้องกลั้นความรู้สึกมาตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงสำนักงาน เมื่อมีคำถามที่แม้สะกิดแผลในใจเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ความผิดหวังความเสียใจทั้งหมดทั้งมวลมันทะลักออกมากลายเป็นน้ำตาพรั่งพรูไม่ขาดสายชายหนุ่มตะลึงงัน ยกมือขึ้นโอบแล้วลูบหลังเบา ๆ เพื่อปลอบโยนอย่างให้เกียรติฝ่ายหญิง คิ้วเข้มบนใบหน้าหล่อใสขมวดเข้าหากัน เขาไม่คิดว่าสาวสวยและเก่งมากอย่างนิญาดาจะร้องไห้เพียงเพราะถูกคัดชื่อออกจากการทำงานรับรองสมเด็จพระเทพฯ-อาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่มากกว่านั้น-ชายหนุ่มนึก พลางมองหญิงสาวที่ตนเองแอบชื่นชมในอ้อมแขน“เฮ้ย!! ปล่อย!”ตุ๊บ!!พลั๊วะก่อนจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น หมัดหนัก ๆ ของอาจารย์เตชินก็พุ่งเข้าใบหน้าขาว ๆ ของปอร์เช่ จนเด็กหนุ่มถลาออกห่างจากนิญาดาไปชนโต๊ะอีกฝั่ง“อย่าแตะต้องผู้หญิงของฉัน!”อาจารย์หนุ่มตะคอกด้วยความโมโห สืบเท้าเข้าหาหมาย
แม้โกโก้ร้อนในแก้วหอมกรุ่นจะถูกวางตรงหน้าหญิงสาว แต่เจ้าตัวยังคงนั่งนิ่งราวกับว่าไม่รับรู้ต่อสิ่งใด ๆ ดวงตาแดงระเรื่อก้มมองที่โต๊ะ ภายในแววตานั้นว่างเปล่า ว่างเปล่าราวกับว่าจิตใจของหล่อนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งทิ้งไว้เพียงร่างกายที่ยังนั่งซึมกะทืออยู่ตรงนี้“ดื่มโกโก้ร้อน ๆ สักหน่อยนะครับ พี่นิจะได้รู้สึกดีขึ้น”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเอื้ออาทร แต่คนที่อยู่อีกโลกหนึ่งเหมือนจะยังไม่กลับมา ร่างบางยังคงนิ่ง“พี่นิครับ ที่พี่นิร้องไห้เพราะอาจารย์เตชิน ไม่ใช่เพราะหัวหน้ากีดกันไม่ให้พี่ทำงานสำคัญ ใช่ไหมครับ?”คำถามที่สะกิดแผลสด ๆ ในหัวใจนิญาดา ส่งผลให้น้ำใส ๆ ไหลรินอีกครา ชายหนุ่มผู้เอ่ยถามจึงแจ้งชัดในหัวใจว่าคำตอบคือใช่!“ผมจะไม่ถามพี่นินะครับ ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมแค่จะบอกว่าผมพร้อมจะอยู่เป็นเพื่อนและช่วยเหลือพี่เสมอ”เขาเอื้อมมือมากุมมือบางไว้หลวม ๆ เพื่อยืนยันในสิ่งที่เขาพูดนิญาดาเลื่อนมือบางออกจากการเกาะกุม แล้วปาดน้ำตาทิ้ง สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ เพื่อเรียกสติที่จมปลักกับความทุกข์ขึ้นมาหล่อนยกโกโก้ร้อนที่เริ่มอุ่นขึ้นดื่ม ความหวานปนขมนิด ๆ เคลื่อนลงสู่กระเพาะแล้วไหล
วันนี้หลังจากที่จัดการกับผู้หญิงที่คอยจ้องจะขโมยคู่หมั้นของหล่อนไปกินเรียบร้อยแล้ว อรนุชจึงตั้งใจว่าจะเข้าไปที่คณะวิศวกรรมศาสตร์เพื่อประกาศตัวให้คนอื่น ๆ และผู้หญิงทุกคนรับทราบว่า “รศ. ดร. เตชิน ไตรสุวรรณภักดี” มีเจ้าของแล้วแต่อรนุชกลับต้องผิดหวังเพราะไม่เจอตัวคู่หมาย หล่อนคิดว่าเขาไปสอนจึงนั่งรอ รอจนกระทั่งเย็นเขาก็ไม่กลับมาที่คณะ จึงได้โทรศัพท์หาเขาจนสายแทบจะไหม้แต่ไม่มีการตอบรับด้วยความร้อนใจหล่อนจึงรีบบึ่งรถกลับมาดูเขาที่บ้าน เขาอยู่ที่บ้านจริง ๆ แต่ทำไม ไม่เปิดประตูให้แขกหรือจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?อรนุชลองเขย่าประตูเหล็กบานเล็กที่ทำไว้สำหรับเปิดให้คนเข้าออกได้เพียงคนเดียว และโชคดีที่มันไม่ได้ล็อก เธอจึงเข้าไปในบ้านได้อย่างไม่ยากเย็นภายในบ้าน อรนุชถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เจออาจารย์เตชิน อย่างน้อยก็ไม่มีอันตรายเกิดขึ้นกับเขาร่างสูงที่เคยสง่างามนอนหมดสภาพบนโซฟากระป๋องเบียร์เกลื่อนกลาดทั้งบนโต๊ะและที่พื้น หล่อนสืบเท้าเข้าไปยังร่างที่นอนไม่รู้เนื้อรู้ตัวบนโซฟายาวแกร๊ง! เท้าของหล่อนเตะเข้ากับกระป๋องเบียร์เปล่า เสียงดังทำให้ร่างบนโซฟาขยับแล้วพึมพำ“นิ... นิใช่ไหม?”ชายผู้ที่ได้ชื
เมื่อวางสายจากภีมเขาก็โทรติดต่อ อาจารย์เตชิน ทันที แต่โทรเท่าไหร่ ๆ คนเป็นเพื่อนก็ไม่ยอมรับสายสักที ความกังวลเริ่มก่อตัวขึ้นทุกที ทุกที เพราะเขารู้ดีว่าคนเป็นเพื่อนอารมณ์ร้อนแค่ไหน ภายใต้หน้ากากเย็นชามีภูเขาไฟขนาดมหึมาที่สามารถปะทุออกมาได้ทุกเมื่อในเมื่อโทรติดต่อหาเจ้าตัวไม่ติด เขาจึงเปลี่ยนมาโทรเช็กตามร้านเหล้าทุกแห่งที่เขาและอาจารย์เตชิน มักจะชวนกันไปเสมอ ๆ แต่ได้รับคำตอบคือ ไม่พบเจ้าตัว!“ไอ้บ้าชินเอ๊ย! ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน? พอเกิดเรื่อง แล้วเป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า”ดร. พงษ์ สบถ แล้วเดินจ้ำอ้าวไปที่รถ ท้ายที่สุดเขาก็บึ่งรถมาถึงหน้าบ้านอาจารย์เตชินแป๊ด! แป๊ด! แป๊ด!ดร. พงษ์ กดแตรดังกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าประตูเหล็กดัดหน้าบ้านยังปิดสนิท แล้วสายตา ดอกเตอร์หนุ่มก็เหลือบไปเห็นรถเบนซ์สีขาวคันงามของคู่หมั้นผู้เป็นเจ้าของบ้าน“อ้าว... เฮ้ย! ไอ้ชิน! แย่แล้วไหมล่ะ ไม่ใช่แกโดนยัยหมวยจอมหยิ่งงาบไปแดกจนไม่เหลือซากแล้วรึ!?”ดร. พงษ์ อุทานกับตัวเอง แล้วรีบลงจากรถเพื่อหาทางเข้าไปในบ้านเขาวิ่งไปเขย่าประตูเหล็กด้วยหวังว่ามันจะเปิด แต่มันก็ไม่ขยับ ชายหนุ่มเดินกลับไปกลับมาเหมือนหนูติดจั่นจนเหลือ
ดร. พงษ์ ละจูบเอ่ยขึ้น ปรือตามองร่างกระต่ายที่อ่อนระทวยในอ้อมแขน แล้วโน้มหน้าลงเลียใบหูขาว ๆ ก่อนที่จะดูดเบา ๆ ส่งผลให้ขนอ่อนของกระต่ายสาวลุกเกรียวทั้งตัว“อ๊ายยย....”“ผม อยาก กิน กระต่าย”จบประโยค ดอกเตอร์หนุ่มตวัดร่างกระต่ายไว้ในอ้อมแขน แล้วอุ้มไปโยนลงบนเตียงเตรียมเชือดตุ๊บ!“อุ๊ย... เบา ๆ หน่อยสิคะ”“แหม... ที่รักก็รู้... ผมชอบแบบไหน”ดอกเตอร์หนุ่มถอดกางเกงออกเหลือเพียงกางเกงในสีดำตัวเดียว... ขับให้ร่างกายกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อดูเซ็กซี่เร่าร้อนยิ่งขึ้น จนภีมกลืนน้ำลายเอื๊อกลงคอ กัดริมฝีปากล่างแล้วส่งเสียง ซี้ดซ้าด อย่างเปิดเผยดร. พงษ์ ยิ้มอย่างมีความสุขที่เห็นคนรักพอใจในร่างกายของเขา และเขาก็ชอบที่เห็นเจ้าหล่อนกล้าแสดงออกให้เขารู้ดอกเตอร์หนุ่มย่างสามขุมขึ้นบนเตียง ในขณะที่กระต่ายน้อยค่อย ๆ ยกขาแยกออกจากกันเผยให้เห็นโหนกนูนภายใต้ชุดกระต่าย ที่เกิดจากการดึงลำสวาทไปไว้ด้านหลัง“ไปที่บ้าน อ. เตชิน เป็นไงบ้างคะ”“เมาเหมือนหมา”ดร. พงษ์ ตอบสายตายังคงจับจ้องโหนกนูนอวบอูมที่หว่างขากระต่ายสาว“น่าสงสารนะคะ”“เรื่องคนอื่น ช่างมันก่อน.... ตอนนี้ผมอดใจไม่ไหวแล้วขอกินกระต่ายก่อ
“ภะ ภีม”ดร. พงษ์ ส่งเสียงอย่างเว้าวอน จนภีมต้องยิ้มให้ ขณะที่มือเรียวฉีกซองถุงยางอนามัย.... แล้วดึงแผ่นยางวงกลมสีเนื้อวางไว้บนริมฝีปาก แล้วก้มลงรูดใส่ถุงยางให้แก่นกำยำด้วยปากจนร่างแกร่งยกสะโพกขึ้นรับด้วยความสยิว“อื้อ...”“อาวุธ.. พร้อมรบค่ะ”ภีมถอนปากออก เผยให้เห็นแก่นกายกำยำพองโตภายใต้ถุงยางที่มีหนามออกมารอบแก่นชูชันราวกับตะบองยักษ์“ของเล่นใหม่หรือจ๊ะ”ดร. พงษ์ มองแก่นกายของตนที่ถูกแปลงให้เป็นอาวุธร้าย การร่วมรักกับภีมทุกครั้งแปลกใหม่เสมอนี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาหลงรักหนุ่มน้อยคนนี้จนไม่คิดจะมีใครอีกแล้ว“ใหม่.. แล้วแซ่บเว่อร์”ภีมหมอบตัวลงในท่าคลานยกก้นขึ้นสูงจนหน้าแนบเตียง ดอกเตอร์หนุ่มเสียบเข้าทางด้านหลังใช้เข่าดันขาเรียวให้แยกออกมากยิ่งขึ้นเผยให้เห็นรูสวาทสีชมพูระเรื่อ ชายหนุ่มจึงจับอาวุธสวมเกราะหนามถูไถร่องสวาท.... น้ำหล่อลื่นจากถุงยางช่วยให้ช่องสวาทชื้นขึ้นจนหน้าเข้าไปค้นหาเมื่อแก่นกายเสียดสีกับร่องสวาทจนร้อนฉ่า... พลังงานที่อยู่ข้างในอัดแน่นจนแข็งดุจหินผา.... ดอกเตอร์หนุ่มจึงดันแก่นกายระอุเข้าร่องสวาท.... หนามของอาวุธร้ายครูดกับรูสวาทเพิ่มความเสียวซ่านให้แล่นแปล
“ลูกชิ้นปิ้งร้อน ๆ คร้าบ”ปอร์เช่เลื่อนถุงลูกชิ้นเข้ามาใกล้นิญาดามากขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มสดใส“ขอบใจจ้ะ พี่ยังไม่หิว ปอร์เช่กินเถอะ”คำตอบของหญิงสาว ทำให้หนุ่มน้อยผู้ที่อุตส่าห์ซื้อลูกชิ้นปิ้งเจ้าอร่อยมาฝากเพราะเห็นว่าหล่อนไม่ยอมไปทานข้าวเที่ยง ต้องหน้าจ๋อยลงไปทันที แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ชวนสงสารว่า“ผมอุตส่าห์ซื้อมาให้ ถ้าพี่นิไม่กิน เสียน้ำใจแย่”นิญาดาเลิกคิ้วสูง มองหนุ่มรุ่นน้องร่วมสำนักงานที่กำลังทำตัวเหมือนเด็กร่ำร้องอยากได้ของเล่นชวนให้ขำมากกว่าน่าสงสาร“ฮ่า... ฮ่า... จ้า.. กินก็ได้”หญิงสาวจึงจิ้มลูกชิ้นปิ้งเข้าปาก แล้วเคี้ยวตุ้ย... ตุ้ย... ให้คนซื้อมาฝากดู“แหม... กินซะน่าอร่อยเลย ขอผมกินด้วยคนนะ”ไม่พูดเปล่าหนุ่มรุ่นน้องจิ้มลูกชิ้นปิ้งกินเช่นกัน“พี่นิ ทำอะไรครับ ทำไมไม่ยอมไปกินข้าวกินปลากับเพื่อน”ปอร์เช่ถาม คนที่กำลังเคี้ยวลูกชิ้นเต็มปากคนถูกถามรีบกลืนลูกชิ้นแล้วคว้าแก้วน้ำยกขึ้นดื่มตามก่อนตอบ“ทำรายงานการปฏิบัติงานส่งประเมินเลื่อนตำแหน่งจ้า”“เลื่อนตำแหน่ง?”“ใช่.. เลื่อนตำแหน่ง สำหรับพนักงานมหาวิทยาลัย จะไล่จากปฏิบัติการ ชำนาญการ ไล่ไปเรื่อย ๆ จนถึงเชี่ยวชาญพิเศ
“ทะ ทำสัญญา ยังไงคะ?”กายแกร่งขึ้นทาบทับร่างบางที่แสนนุ่ม เนื้อเนียนกลมกลึงได้สัดส่วน จนหญิงสาวสัมผัสไอร้อนในทุกอณูของร่างแกร่งมือแกร่งทั้งสองข้างประสานกับมือเล็กกดไว้เหนือศีรษะ ก่อนกระซิบตอบแนบปาก“ประทับสัญญา ให้นิ เป็นของพี่เพียงคนเดียว”สิ้นเสียงกระซิบระโหย ปากบางก็ประทับลงบนปากอิ่มหล่อนเผยอปากรับ ให้ปลายลิ้นร้ายของเขาซุกซอนเข้าไปตอดรัดลิ้นเล็ก ดูดกินน้ำหวานจากโพรงปากอุ่น“อืม อะ อ่า”ลิ้นร้อนฉ่าของเขาดุนดัน ซอกซอนในขณะที่กายหล่อนหลอมละลาย ขาเรียวของหล่อนค่อย ๆ แยกออกเพื่อตอบรับแก่นกายกำยำที่แข็งขึงแนบชิดตรงหน้าท้อง“อืม..”ทั้งเขาและเธอครางออกมาเบา ๆชายหนุ่มละจูบ เลื่อนปากไล้มาที่ซอกคอขาวผ่อง กดฟันครูดเบา ๆ พร้อมกับดูด ขบเม้มจนเกิดรอยแดงในเนื้อนวล“โอ อืม”ปากอิ่มเผยอครางออกมาด้วยความซ่านสยิว ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไปตามเนื้อลออทั่วทั้งร่างบางมีกลีบซากุระที่ติดมาจากบ่อออนเซ็นประปราย จมูกโด่งฝังลงกับเนื้อเนียนสูดเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ ราวซากุระของเนื้อสาวเข้าเต็มปอด กลิ่นกายสาวเย้ายวนจนเขาแทบอยากจะกลืนกินหล่อนเข้าไปเสียเดี๋ยวนั้น“งามเหลือเกิน”ปากเขาคลอเคลียอยู่แถว ๆ ทรวงอกสล้าง ปล
“ผมทำตัวผมเองต่างหากครับ! เพราะผมเข้าใจคุณนิญาดาผิด แล้วเมาจนเกิดอุบัติเหตุ”“นี่ลื้อปกป้องมัน! ลื้อมีคู่หมายอยู่แล้ว อานุชเขาก็ดูแลลื้ออย่างดี ลื้อจะทิ้งอีไปหานางผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นได้รึ!”ผู้เป็นมารดาตวาดด้วยความโกรธ นางรักลูกชายคนเล็กมาก มากจนตามใจเขาเสียทุกเรื่อง เว้นแต่เรื่องหมั้นหมายนี้!“ม้าครับ ผมรักนิญาดา ผมรักใครไม่ได้อีกแล้วจริง ๆ”ผู้เป็นลูกคุกเข่าลงตรงหน้าผู้เป็นมารดา เรี่ยวแรงที่เพิ่งจะฟื้นจากอาการป่วยแทบจะไม่มี เสียงร้องขอจึงพร่าแปร่งคนเป็นแม่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นสายตาเว้าวอนของบุตรชายที่รักยิ่ง ใจหนึ่งนางก็อยากจะตามใจเขา แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าลูกชายจะเสียใจเพราะผู้หญิงซ้ำสอง อีกใจหนึ่งนางก็รักและเอ็นดูอรนุชที่หมายหมั้นให้มาเป็นลูกสะใภ้ อีกทั้งเป็นลูกสาวของเพื่อนเก่า ก็กลัวว่าความเป็นมิตรของทั้งสองตระกูลจะขาดสะบั้นลง“ม้าคะ! หนูขอถอนหมั้นค่ะ!”เสียงเด็ดเดี่ยวของอรนุชดังขึ้นทำลายความเงียบระหว่างสองแม่ลูก พร้อมกับเจ้าตัวที่เดินมานั่งลงข้าง ๆ นางวัลลี ผู้เป็นมารดาของคู่หมั้นตน“ลื้อพูดอะไรอานุช!”นางวัลลีผวาเข้ากุมมือว่าที่ลูกสะใภ้อย่างตกใจ ในขณะที่อาจาร
“อือ ยะ อย่า ค่ะ”ร่างบางครางแหบพร่า ความซ่านเสียวแปลบปลาบพุ่งปราดไปทั่วร่าง มือแกร่งของเขาสอดเข้าใต้สะโพกหนั่นเนื้อ บีบเคล้นเคล้าคลึงตามเพลิงสวาทที่ลุกโชนจนยากจะห้ามไหวเขายกสะโพกงามขึ้นลง หญิงสาวรู้สึกถึงความแข็งขึงร้อนระอุของแก่นกายชายที่เสียดสีกับจุดวาบหวามจนชุ่มฉ่ำหล่อนแอ่นหยัดเผยอแยกขาให้แนบชิดยิ่งขึ้น เมื่อความรัญจวนซ่านสวาทระลอกใหญ่พุ่งปราดไปทั่วสรรพางค์ สติที่มีอยู่อันน้อยนิดปลิวหายไปกับแสงสว่างอันพร่างพราว“อ่าซ์”“บอกสิ.. คุณรักผมมากแค่ไหน”เขากระซิบเสียงพร่าแนบอกสล้าง แก่นกายกำยำของเขาอัดแน่นด้วยพลังบุรุษจนรวดร้าว เมื่อสัมผัสกับกายน้อยที่ชุ่มฉ่ำจนเหมาะแก่การโจนทะยานเข้าใส่แค่ไหน“พูดสินิ”เสียงเว้าวอนของเขากระซิบสั่งขณะที่มือประคองขยับสะโพกงามให้ยกขึ้นรับเอาแก่นกายร้อนฉ่าอันแข็งแกร่งของเขา แล้วค่อย ๆ ดันมันสู่กายสาวจนสุดลำ“อะ อือ”หล่อนครางกระสัน หายใจถี่ หัวใจเต้นระรัว เธอจำบทรักอันแสนเร่าร้อนของเขาในวันเก่าได้ดี ใจดวงน้อยที่เต้นระรัวมันร่ำร้องเพรียกหาอยากได้ความเร่าร้อนนั้นมาขับไล่ความทรมานที่รวดร้าวไปทั้งกาย อยากพุ่งทะยานไปสู่ชั้นฟ้าล่องลอยจนลืมสิ้นทุกอย่าง“พูดสิ
นิญาดามองกลีบซากุระสีชมพูอ่อน ๆ ลอยปะปนกับฟองน้ำสีขาวหอมกรุ่น หล่อนค่อย ๆ เอนกายลงเพื่อทิ้งความเหนื่อยล้าให้ละลายหายไปกับสายน้ำ มองกลีบซากุระล่องลอยตามผิวน้ำที่ไหลวนคลอเคลียรอบกายสาวชวนให้นึกถึงใครบางคนที่เคยบอกกับหล่อนไว้-หากอยากเห็นซากุระในเดือนห้า ให้ไปที่ซัปโปโร-บัดนี้คนที่บอกเธอ เขาจะหายดีหรือยังหนอ? เขาจะคิดถึงหล่อนบ้างไหม? หรือหล่อนได้ตายไปจากหัวใจของเขาแล้ว เพียงแค่คิดถึงเขา น้ำตาก็พลันไหลออกมาเงียบ ๆซู่!จอกกกก!เสียงน้ำล้นออกจากอ่าง น้ำกระเซ็นแตกกระจายตามการทิ้งกายลงนั่งเบียดร่างอรชรในอ่างออนเซ็น คนที่นอนอยู่ในอ่างลืมตาโพลงขึ้น เมื่อตากลมของหญิงสาวสบกับตาคมดุอันคุ้นเคย กระแสไฟฟ้าก็วิ่งปราดเข้าจู่โจมหัวใจทำให้ใจดวงน้อยกระตุกวูบลามไปจนถึงหน้าท้องในขณะที่หญิงสาวกำลังอ้าปากค้าง กายแกร่งก็เบียดเข้าชิดร่างอรชรอย่างโหยหา สติสัมปชัญญะของหญิงสาวพยายามอย่างหนักเพื่อพิจารณาว่า คนข้าง ๆ เธอ คือ เรื่องจริงหรือความฝัน แล้วท้ายที่สุด หล่อนก็อุทานชื่อคนข้างกายด้วยความตกใจ“อาจารย์เตชิน!”“ครับ”เสียงทุ้มของชายหนุ่มขานรับ เรียวปากชมพูบางเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าหล่อเหลา
อาจารย์เตชินนอนลืมตาโพลงมองฝ้าเพดานที่มีโคมไฟเป็นดอกบัวสีขาวห้อยลงมา สมองกับหัวใจของเขากำลังทบทวนกับตัวเองหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาเก็บตัวอยู่ในห้องหนังสือทั้งวัน เพื่อพักใจและเพื่อหลบหน้าผู้เป็นมารดาและคู่หมั้น เพราะเขาไม่อยากตอบคำถามเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งไม่อยากรับรู้เรื่องงานแต่งที่กำลังจะจัดขึ้นในเมื่อหัวใจของเขามันแตกสลายไปอีกครั้ง และครั้งนี้มันเจ็บปวดมากกว่าครั้งไหน ๆ มันเจ็บจนเขาไม่อยากเคลื่อนไหว จนกระทั่งเพื่อนสนิทมาพบเขาในวันนี้ ราวกับลมที่พัดพาเอาดวงใจที่แตกลงไปแล้วให้ประกอบเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาใหม่โดยเสมือนมีความหวังเป็นกาวประสานรอยร้าวในใจมือเรียวจับโทรศัพท์ขึ้นดู คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มือกำโทรศัพท์บีบแน่นแล้วคลายออก ทำซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นราวกับว่ากำลังตัดสินใจบางอย่างความอยากรู้ กับความช้ำใจมันกำลังห้ำหั่นกันใจที่ช้ำ ก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วใจที่ยังคงมีเยื่อใย ก็อยากรู้ว่าผู้หญิงที่รักเป็นเช่นไรและแล้วเยื่อใยที่ยังเหลืออยู่ก็ชนะเขากดเข้าไลน์เพื่อเปิดดู คลิปวิดีโอที่ ดร. พงษ์ ส่งให้ในคลิปเป็นภาพตั้งแต่นิญาดาเข้ามานั่งข้าง ๆ เตียง เขาได้ยินเสียงหล่อ
ดร. พงษ์ ขอตัวเลี่ยงออกมา เพื่อตัดบทการสนทนา เขารักและเคารพนางวัลลี เหมือนแม่คนหนึ่งจึงไม่อยากชี้แจงเรื่องของนิญาดากับอาจารย์เตชิน เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นการโต้เถียงและไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ และเพราะเป็นเรื่องที่เจ้าตัวควรจะต้องมาชี้แจงด้วยตนเอง เขาเป็นคนนอกอย่างไรเสีย คำพูดก็คงไม่มีน้ำหนักพอที่จะคัดค้านสิ่งที่ผู้เป็นมารดาได้ปักใจเชื่อไปแล้วดร. พงษ์ ขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านเขารู้ว่าห้องหนังสืออยู่ที่ไหนเพราะคุ้นเคยบ้านหลังนี้เป็นอย่างดีเมื่อผลักประตูเข้าไปภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตา คือ.....ชายหนุ่มผิวขาวซีดเอนตัวบนเก้าอี้นวมสีขาว แม้บนหน้าผากจะมีรอยแผลที่เพิ่งจะหายแต่ยังคงความหล่อคมเช่นเดิม... มือเรียวถือหนังสือเล่มหนาเอาไว้ แต่ทว่าดวงตาเข้มคู่นั้นกลับเหม่อมองทะลุหน้าต่างออกไปด้านนอกดร. พงษ์ ปิดประตูห้องตามหลังค่อนข้างดัง แต่เจ้าของห้องไม่มีทีท่าว่าจะขยับ เขาจึงแกล้งไอ ก่อนเอ่ยทักเสียงดังมากกว่าปกติ“อะ.. แฮ่ม ไง? ไอ้หุ่นยนต์”ได้ผล... หุ่นยนต์เริ่มเคลื่อนไหว... วางหนังสือลง หลับตาลงแล้วขยับตัวเอนลงบนเก้าอี้นวมยิ่งกว่าเดิมคล้ายกับว่าไม่อยากให้ใครรบกวน“อ้าว! เฮ้ย! กูอุตส่าห์ขับรถมาหา ดันจะ
ดร. พงษ์ ขยับเข้าไปใกล้พร้อมกับจ้องตาภีมราวกับจะกลืนกินหนุ่มน้อยเข้าไปทั้งตัว“คิดถึง”หนุ่มน้อยกล่าวเบา ๆ เอียงอาย“อะไรนะ? ไม่ได้ยิน”ดร. พงษ์ โน้มตัวเอียงแก้มเข้ามาใกล้คนหน้าแดงเพราะอายจุ๊บ!ภีมหอมเข้าไปที่แก้มขาว ๆ ของคนช่างแกล้งทีหนึ่ง ดอกเตอร์หนุ่มฉีกยิ้มกว้างพลางเอ่ย“ชื่นใจจังเลย”“ช่วงนี้ที่รักเหมือนจะซูบไปนะ กินข้าวเยอะ ๆ แล้วพักผ่อนบ้าง”ภีมตักผัดผักกุ้งสดใส่จานให้ชายผู้เป็นที่รัก ขณะเอ่ยออกปากอย่างห่วงใย“ขอบคุณคร้าบบบบบบ...... ถึงจะซูบอย่างไร แต่ถ้าได้กำลังใจดี ๆ แบบนี้ รับรองยังขย้ำเสือได้สบาย ๆ”ดอกเตอร์หนุ่มตาพราวระยับ ภีมฟาดมือลงไหล่แน่นของเขาเบา ๆ แล้วเอ็ดแก้เขิน“ทำเป็นพูดเล่นไป ภีมเป็นห่วงคุณจริง ๆ นะ แล้วอาจารย์เตชินเป็นอย่างไรบ้าง”“แผลตามร่างกายอะ หายแล้ว... แต่แผลในใจนี่สิ คงลึกน่าดู ลึกกว่าเหวซะอีก ผมก็ไม่รู้ว่าจะดึงมันขึ้นมาไหวไหม สภาพมันตอนนี้ยิ่งกว่าหุ่นยนต์ ถามคำตอบคำ วัน ๆ เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในบ้าน จนอาม้ามันขอให้ผมไปเยี่ยมมันบ่อย ๆ เพราะกลัวมันจะคิดสั้น ก่อนจะได้แต่งงานกับอรนุช”ภีมมอง ดร. พงษ์ ที่พรั่งพรูความอัดอั้นตันใจออกมา หาก ดร. พงษ์ยังไม่สามารถดึ
ภีมและ ดร. พงษ์เดินกลับมาเห็นนิญาดาร้องไห้ออกมาจากห้องคนไข้พอดี“อุ้ย! “ภีมอุทานเบา ๆ เมื่อเห็นนิญาดาสะอื้นจนตัวโยน เขาถลาเข้าไปประคองเมื่อเห็นร่างบางเดินโซเซแทบจะล้มทั้งยืน“คุณนิ เป็นอะไรไปครับ แล้วทำไมถึงออกมาจากห้องครับ”นิญาดาไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้ แล้วส่ายหัวภีมสบตากับ ดร. พงษ์ และเมื่อมองผ่านช่องกระจกตรงประตูห้องพักคนไข้เข้าไป เขาเห็นอาม้า พี่สาว พี่เขยของอาจารย์เตชิน รวมถึงอรนุชก็เข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น“พี่นิ รอที่นี่เดี๋ยวนะ ภีมขอไปเอากระเป๋าในห้องสักครู่ เดี๋ยวภีมไปส่งพี่ที่บ้าน”ภีมบอกหญิงสาว แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องคนไข้พร้อมกับ ดร. พงษ์ สักครู่ใหญ่ภีมจึงออกมาพร้อมกระเป๋าแล้วไปส่งนิญาดาที่บ้าน “นิ… นิ...ร้องไห้ทำไม บอกพี่ซิ” ชายหนุ่มกอดร่างบางไว้แนบอก หญิงสาวจะรู้บ้างไหมว่าเสียงหัวใจที่เธอได้ยินมันเต้นด้วยความรักที่มีต่อเธอทั้งหมดแล้วหญิงสาวในอ้อมแขนก็ขยับตัวออกห่าง... เลื่อนมือประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ ยืดตัวขึ้นเพื่อจุมพิตเบา ๆ ที่ริมฝีปากเขา... ริมฝีปากอิ่มนุ่มส่งผ่านความอบอุ่นให้ไหลซาบซ่านเข้าสู่กลางใจเขา.... เขาจึงกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้นแต่แล้วหญิงสาวที่เ
ภีมพูดกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะกดรับสาย และยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยอะไร ปลายสายก็ส่งเสียงร้อนรน“รถอาจารย์เตชินแหกโค้ง พลิกคว่ำชนต้นไม้ข้างทาง!!!”“อ๊าย! .... ตายแล้ว” เสียงอุทานตกใจดังลั่นของภีม ทำให้นิญาดาชะงักมือที่เก็บของลงกล่อง มองคนที่กำลังคุยโทรศัพท์อย่างฉงนภีมสบตากับนิญาดาในขณะที่ฟังเสียงรายงานสถานการณ์จากปลายสาย“รถยับเยินมาก ตอนนี้ไอ้ชินอยู่ที่โรงพยาบาลXXXXX”“อืม เดี๋ยวฉันจะรีบตามไป”เมื่อกดวางสาย ภีมมองนิญาดาอย่างตัดสินใจอะไรบางอย่าง.... แล้วพยายามกดเสียงให้เป็นปกติที่สุด“รถอาจารย์พลิกคว่ำ ชนต้นไม้ยับ”ได้ยินเพียงเท่านั้น ร่างบางก็แทบทรุดลงกับพื้น ราวกับว่าถูกกระชากวิญญาณออกจากร่างอย่างกะทันหัน นิญาดาเกาะขอบโต๊ะเอาไว้ไม่ให้ตัวเองล้มลงไปภีมอาสาขับรถพานิญาดามาถึงโรงพยาบาล เพราะสภาพจิตใจของหญิงสาวตอนนี้ไม่สมควรแม้กระทั่งอยู่คนเดียว ดร. พงษ์แจ้งข่าวให้เขารับทราบเป็นระยะ ๆ ข่าวล่าสุดที่ได้รับแจ้งคือ อาจารย์เตชินออกจากห้องฉุกเฉินย้ายมาที่ห้องพิเศษเรียบร้อยแล้วเมื่อทั้งคู่เปิดประตูเข้าไปพบ ดร. พงษ์ ที่คอยทั้งคู่อยู่ในห้องคนเจ็บ ภีมถลาเข้าไปจับมือชายหนุ่มบีบเพื่อปลอบประโลมค่ำคืนนี้