ตอนพิเศษ...หนูโตแล้วนะบ้านหลังเล็กที่ถูกสร้างคู่กันตอนนี้มีสี่หลังแล้วตามจำนวนลูกที่เพิ่มขึ้น ศศินาจับจองหลังที่สองใกล้บิดามารดาก่อนจะเป็นภูตะวันและน้องชายคนเล็กอย่างคีรินทร์ อันที่จริงก็ไม่ได้อยากแยกตัวออกมาหรอกแต่บิดาไม่ยอมให้เหตุผลว่าต้องการจู๋จี๋กับบุลลาสองคนไม่อยากให้ลูกกวนทั้งสามจึงยินยอมแต่โดยดี“จะไปไหน” แต่ทุกเช้าและเย็นต้องมารับประทานอาหารร่วมกันที่บ้านใหญ่ซึ่งก็คือหลังแรกที่พณณกรอยู่กับภรรยาสุดที่รัก“จันทร์จะออกไปทำงาน” เด็กสาวที่เคยอ้วนกลมโตมาเป็นหญิงร่างเพรียวใบหน้าสวยหวานจับใจได้เค้ามาจากมารดา ผิวขาวราวหยวกกล้วยทำเอาชายหนุ่มทั้งหลายมองเหลียวหลังถ้าไม่ติดที่มีพ่อดุป่านนี้เธอมีแฟนเป็นสิบแล้ว“ทำไมต้องไปเช้าขนาดนี้เพิ่งหกโมงเอง”ลูกเรียนจบคณะสัตวแพทย์ตามรอยบิดามาได้เพียงหนึ่งเดือนยังไม่ทันรับปริญญาก็กลับมาเริ่มทำงานที่ฟาร์มช่วยบิดาและลุงธีโดยพี่ชายฝาแฝดเรียนเกษตรเพื่อช่วยงานที่ไร่โดยเฉพาะ“ก็วันนี้มีผสมพันธ์ม้า จันทร์ต้องไปดู”คีรินทร์พึ่งเดินมาถึงบ้านใหญ่ด้วยสภาพเพิ่งตื่นนอนเกาศีรษะนั่งลงที่ประจำของตนเอง“พี่จันทร์โกหก ที่จริงจะไปหาพี่เอื้อใช่ไหม”คนพ่อตาโตหันมองลูกสาวท
ตอนพิเศษ...ลูกสาวข้าใครอย่าแตะความซวยมาเยือนโอบเอื้อโดยแท้เมื่อพ่อลูกประกาศสงครามกันท่ามกลางสายตาของคนงาน เขาถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวันเมื่อคุณอาที่เคารพจ้องมองมาด้วยแววตาไม่เป็นมิตร การทำงานยากลำบากขึ้นหลายเท่าเพราะร่างบางคอยแต่จะวนเวียนข้างกายราวต้องการยั่วโมโหบิดาของตนเอง “พี่เอื้อขา จันทร์เอาข้าวเที่ยงมาให้ค่ะ” ขณะที่กำลังเทอาหารให้ม้าเสียงหวานก็ดังขึ้นจนต้องเหลียวไปมองพบนางในดวงใจส่งยิ้มพร่างพราวมาให้จนต้องยิ้มตอบก่อนจะรีบงับปากเพราะเจ้าของฟาร์มเดินมายืนข้างหลังบุตรสาว “ของพ่อล่ะ” คนหวงลูกเอ่ยเสียงเข้มทว่าดวงตากลับอ่อนโยนยามจ้องมองพระจันทร์ดวงน้อยที่เติบโตเป็นสาวเต็มวัย “พ่อก็ขี่รถไปกินที่บ้านสิคะ” หันไปตอบก่อนจะเดินเข้าไปควงแขนหนาของชายหนุ่มอย่างสนิทสนมจนคุณพ่อตาโตรีบถลันไปดึงแขนบุตรสาวมายืนข้างตนทันที “จะยืนใกล้อะไรขนาดนั้น มาอยู่กับพ่อ” ส่งสายตาปรามก่อนจะโอบบ่าเล็กไว้ข้างตัวหันมองโอบเอื้อที่ยิ้มจืดเจื่อนเต็มที “ก็จันทร์อยากอยู่กับคนที่ตัวเองรักผิดตรงไหนคะ” “หนูจันทร์ไม่รักพ่อแล้วเหรอ” จากที่อยู่ในโหมดโ
๑เป็นครั้งแรกที่บุลลามีโอกาสมาร่วมงานการกุศลของกลุ่มไฮโซและเซเลปชื่อดังในเมืองไทย ใบหน้าหวานถูกแต่งแต้มอย่างดีด้วยเครื่องสำอางราคาแพงโดยช่างแต่งหน้ามืออาชีพที่คุณสามีคัดสรรให้โดยเฉพาะจนเนรมิตสาวบ้านนากลายเป็นนางฟ้าได้ภายในเวลาเพียงสองชั่วโมงรูปร่างแบบบางสวมเดรสสีดำสายเดี่ยวคล้องคอเปลือยแผ่นหลังนวล ผมตรงยาวถูกดัดเป็นลอนสวยงามยามก้าวเดินช่างสง่าทำเอาหนุ่มหลายคนหันมามองจนร่างสูงต้องตามประกบไม่ห่าง“ใครเลือกชุดเนี่ย” ตั้งแต่เข้างานมาพณณกรก็บ่นไม่หยุดเป็นหมีกินผึ้ง“บัวเลือกเอง ทำไมคะ” หันมาถามเสียงเข้มทำเอาคนที่กำลังจะบ่นจำเงียบไปชั่วขณะ เคยหัวเราะพ่อตอนโดนแม่มองตาเขียวปัดแต่พอมาเจอเองก็เข้าใจแล้วว่าอาการเหงื่อแตกทั้งที่อากาศหนาวเย็นเป็นอย่างไร“พี่จะบอกว่าสวยดี เข้ากับบัวมากเลย” กัดฟันยิ้มชมก่อนจะเอามือโอบเอวบางไว้ก่อนเดินเข้างานด้วยความเบื่อหน่าย เขาไม่ชอบการเข้าสังคมแต่เนื่องจากมารดาบังคับให้มางานนี้เพราะต้องการเปิดตัวลูกสะใภ้คนเล็กจึงต้องดั้นด้นมาให้คุณดาริกาแปลงโฉมถึงที่แล้วก็ไม่ผิดหวังเพราะบุลลาสวยงามจนแค่เดินเข้ามาภายในงานก็ตกเป็นเป้าสายตาได้อย่างง่ายดายยิ่งยืนข้างกับร่างสูงผู้เ
๒และแล้ววันงานเลี้ยงรุ่นก็มาถึง สองแฝดอยู่ในความดูแลของคุณปู่คุณย่าทำให้เบาใจไปได้เปราะหนึ่งทว่าคนเป็นแม่ก็อดจะห่วงลูกไม่ได้ กว่าจะออกจากบ้านก็ใช้เวลาพอสมควรในขณะที่ใบหน้าคมก็จ้องภรรยาไม่วางตาเนื่องด้วยความสวยที่ยิ่งอายุเยอะกลับผุดผ่องยิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีกคิดแล้วก็หวงหนักกว่าเดิมไม่อยากให้ใครได้มองหรือเชยชม บางทีเขาอาจจะต้องคิดเรื่องให้บุลลาอยู่แต่บ้านอย่างเดียวเสียแล้ว ระหว่างติดอยู่บนถนนหล่อนก็เอ่ยถามเรื่องสมัยเรียนของเขาบ้างจึงได้รู้ว่าพณณกรเข้าศึกษาที่โรงเรียนรัฐบาลชื่อดังของประเทศ“พี่ฉลาดขนาดนั้นเลยเหรอ” มองอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักจนเขาต้องเพิ่มความมั่นใจด้วยคำบอกเล่า“เกรดเฉลี่ยพี่ไม่เคยต่ำกว่าสามจุดห้านะครับ สอบเข้ามหาวิทยาลัยคะแนนก็ติดท็อปสามนะ” อวดจนหล่อนต้องส่ายหน้ามองเขาอย่างตกตะลึง“อะไร ไม่เชื่อเหรอ”“มันเหลือเชื่อยิ่งกว่านาซ่าส่งคนไปดาวอังคารอีก” ร่างสูงโคลงศีรษะแล้วยกมือขึ้นโยกหัวอีกฝ่ายเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ผมเสียทรง“ดูถูกกันเกินไปแล้ว” การกระทำเล็กน้อยแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นทำเอาบุลลาแอบใจเต้นแรงทั้งที่เป็นสามีภรรยาอันที่จริงพวกเขาใช้ชีวิตด้วยกันเพียงแค่สามเดือน
๓แสงจากข้างนอกสาดส่องเข้ามาภายในห้องที่เคยมืดทึบให้สว่างจนคนที่กำลังหลับใหลต้องลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วมองที่ข้างกายซึ่งว่างเปล่าและเย็นชืดทำให้รู้ว่าหล่อนคงลุกจากเตียงนอนไปนานแล้ว คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันทีพลางมองหาโทรศัพท์ที่บุลลามักจะเอาไว้บนห้องเสมอก็ไม่พบไหนจะกระเป๋าหรือของสำคัญบางอย่างกลับสูญหาย"ไปไหนวะ" เกาศีรษะด้วยความเครียดแล้วรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวโดยใช้เวลาเร็วที่สุดในชีวิต เมื่อคืนพวกเขาไม่ได้พูดคุยกันเลยและร่างบางยังนอนหันหลังให้ไม่สนใจสักนิดว่าสามีต้องนอนตาแข็งทั้งคืนเพราะได้แต่มองทว่าจับต้องไม่ได้เลย"พ่อจ๋า" ร่างสูงของสัตวแพทย์หนุ่มเดินลงมาข้างล่างลูกสาวก็โผเข้ากอดขาทันทีจนต้องย่อตัวลงไปอุ้มขึ้นมา แก้มกลมมีซอสเลอะจนต้องเอามือเช็ดออกให้พลางอมยิ้มอย่างเอ็นดู ไม่เคยคิดว่าจะรักเด็กกระทั่งวันที่มีลูกเขาเลยรู้ว่าอีกครึ่งชีวิตที่เหลือนอกจากให้บุลลาแล้วก็มอบให้ลูกสาวและลูกชายจนหมดอานุภาพของคำว่าพ่อช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน"ว่าไงคะ" เอ่ยถามเสียงอ่อนหวาน หากเป็นแต่ก่อนไม่มีเสียหรอกที่คนอย่างนายพณณกรจะมาพูดจาคะขากับผู้หญิง แต่ตอนนี้เห็นจะมียกเว้นก็คือบุตรสาวคนเดียวเนี่ยแหละ ต่อให้จะ
๔ท้องฟ้าทาทับด้วยสีดำสองร่างที่นอนกอดก่ายกันจึงตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงโทรศัพท์แผดดังลั่นห้อง มือหนาควานหาเสียงเจ้าปัญหาพบว่ามารดาเป็นคนโทรมา หากเป็นคนอื่นคงโดนสัตวแพทย์หนุ่มด่าเปิงแล้วแต่เพราะเป็นมารดาที่เคารพจึงค่อยยันกายลุกขึ้นนั่งปล่อยให้ร่างเล็กนอนหลับ"ครับแม่" เขาลุกขึ้นสวมกางเกงชั้นในก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันท่อนล่างแล้วค่อยรับสายพลางเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงสะลึมสะลือ'วันนี้กลับบ้านไหม' ดวงตาคมเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังก็พบว่าตอนนี้หกโมงเย็นแล้ว"คงไม่กลับครับ ยังไงฝากเด็กแฝดด้วยนะแม่" เขากะจะพาภรรยาไปเดินเล่มริมหาดแล้วใช้เวลาด้วยกันสองคนสักหน่อย'เดี๋ยวแม่ดูให้' ยังไม่ทันพูดจบก็มีเสียงเล็กแทรกขึ้นมาก่อนจนเผลอยกยิ้มอย่างเอ็นดู ท่าทางศศินาจะป่วนบ้านเสียแล้ว'พ่อขา ไหนบอกจะพาไปเคเค' โวยวายทันทีหากอยู่ตรงหน้าคาดว่าบุตรสาวคงกำลังยกมือขึ้นกอดอกแล้วยู่ปากทำท่าทางขัดใจเป็นแน่"พ่อขอโทษนะลูก เดี๋ยวกลับไปจะไถ่โทษนะ" พยายามทำให้ปลายสายอารมณ์ดีซึ่งจันทร์เจ้าก็ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกทันที'ค่ะ กลับมาต้องพาไปเคเคนะ' "ครับ" คุยกันอีกสักพักจึงวางสาย ร่างสูงเดินไป
๕บุลลากำลังเล่นกับฝาแฝดทั้งสองโดยมีเหล่าแม่บ้านคอยช่วยเหลือเนื่องจากหลงเสน่ห์ของเด็กน้อย อันที่จริงคุณดาริกาก็ชวนให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่เมืองกรุงแต่เพราะงานรัดตัวที่ไร่ ทั้งยังเป็นห่วงมารดาที่เริ่มแก่ตัวลงทุกวันจำต้องปฏิเสธไป ตอนนี้เธอติดไร่มากกว่าแสงสีในเมืองหลวงเสียแล้วแต่ถ้าพณณกรจะกลับมาอยู่ที่นี่หล่อนก็คงตามมาด้วยเพราะไม่สามารถแยกจากสามีได้อีกแล้ว ในขณะที่กำลังมองดูบุตรสาวสิ่งไล่กับพี่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน เบอร์แปลกที่โชว์หราทำให้คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันที หลังจากที่ลาออกจากงานก็ไม่ค่อยมีใครโทรมาทำให้เกิดความสงสัยขึ้นว่าปลายสายคือใครร่างบางแยกตัวออกไปรับโทรศัพท์ "สวัสดีค่ะ"'ว่าไงบัว ไม่เจอกันนานสบายดีไหม' เสียงเข้มที่เอ่ยทักทายทำเอาหล่อนยิ่งสงสัยมากกว่าเดิมเพราะจำน้ำเสียงไม่ได้"เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ" ไม่ว่าจะนึกเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร หรือจะเป็นลูกน้องเก่าที่โรงแรม ไม่อย่างนั้นก็น่าจะเป็นคุณรวี ทว่าฝ่ายนั้นแทบไม่ได้ติดต่อมาเลยตอนนี้เห็นว่าโดนทางบ้านจับแต่งงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย'อะไรกัน จำเสียงแฟนเก่าไม่ได้หรือไง' เอ่ยเพียงเท่านั้นใบหน้าคมก็ชัดวาบ
๖การไปพักผ่อนครั้งนี้แม้แต่ตัวหญิงสาวเองก็ยังไม่รู้จนกระทั่งรถยนต์จอดเทียบท่าเรือก่อนคุณลุงคนขับรถจะลงไปยกกระเป๋าด้านหลังออกมา ดวงตากลมโตมองเรือที่เทียบท่าก็ตาลุกวาวเพราะเคยเห็นจากในละครเท่านั้นไม่เคยนึกเลยว่าชีวิตนี้จะได้เห็นเรือเฟอร์รี่ลำใหญ่ด้วยตาของตนเอง แถมที่หัวเรือยังเขียนชื่อของบริษัทใหญ่ ตระกูลดังเอาไว้อีกด้วย พณณกรถือกระเป๋าเดินมาคว้ามือภรรยาเอาไว้แล้วบังคับให้เดินตามมาไม่บอกกล่าวอะไรสักนิด“มีแต่เรือหรูๆ ทั้งนั้นเลย” พึมพำเสียงเบาขณะที่คิดได้ว่าสามีของตัวเองก็เป็นคนในตระกูลดังเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีเรือของบ้านเขาจอดไว้น่ะสิคิดพลางยิ้มกริ่มเมื่อวาดภาพว่าตัวเองจะต้องได้นั่งจิบไวน์อยู่บนเรือหรู มองท้องฟ้าสีคราม ผืนน้ำสีน้ำเงินด้วยความสุขแน่นอุรา ยอมเดินตามแรงดึงจนกระทั่งผ่านพ้นเรือหรูมาลำแล้วลำเล่าก็เหมือนจะไม่ถึงสักที ใบหน้าหวานเริ่มบูดบึ้งตามอารมณ์“จะเดินไปถึงมาเลเซียเลยไหมคะ” อดประชดไม่ได้จนคนนำหน้าหันมายิ้มที่ภรรยาเริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะตั้งเมื่อคืนหล่อนเอาแต่กอดเขาแน่นทั้งยังตอนเช้าที่มองตามตาละห้อย ต้องอยู่ในสายตาตลอดเวลากลายเป็นคนว่านอนสอนง่ายอย่างไม่