คอนโดหรูกลางกรุง...
สายตาคมกล้าทอดมองแสงไฟบนท้องถนน เนื่องจากความสูงของตัวอาคาร จึงทำให้มองเห็นไฟจากหน้ารถยนต์ทอดยาว เหมือนลำแสง มันมีความสวยคลาสสิคแบบที่เขาชอบ มุมนี้จึงเป็นมุมโปรดที่ออสตินมักจะมาหยุดยืนมองเพื่อผ่อนคลายความหนักหน่วงในอก...
“ยืนดูอะไรเอ่ย?” เสียงหวานชะอ้อนถาม หล่อนเบียดกายกับแผ่นหลังหนั่นแน่น มือเรียวบางคล้องที่เหนือบ่า พร้อมกับการกระแซะใส่แบบยั่วเย้าอารมณ์
“เปล่า” เสียงตอบกลับแบบเลื่อนลอย เขาหมุนตัวกลับมา ตวัดมือโอบรัดเรือนร่างอวบอัดไว้ พร้อมทั้งกระตุกยิ้มเริงร่า
ในอ้อมกอดเขาเวลานี้คือผู้หญิงที่ถูกกล่าวขวัญมากที่สุด หล่อนกำลังดังดั่งพลุแตก หลังภาพยนตร์ที่หล่อนแสดงนำติดโผหนังทำเงิน หล่อนสวย...เขาไม่เถียง แต่หล่อนไม่ใช่คนที่เขา ‘รัก’ ออสตินเหยียดยิ้ม ความรัก...เป็นเช่นไร? เขาไม่อยากรู้จักและไม่ได้อยากสัมผัสมันสักนิด ความคิดไร้สาระนั่น ไม่เคยอยู่ในหัวสมอง...ความรู้สึกที่รังจะทำให้เขามีแต่ความอ่อนแอ...ความรู้สึกที่ทำให้ผู้ชายคนหนึ่ง...กลายเป็นคนโง่!!
เขาสาปส่งความรู้สึกเช่นนั้นทิ้ง...ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน...
ความรู้สึกอ่อนหวานเช่นนั้นเคยเกิดขึ้น...และมันก็ถูกฝังกลบไปด้วยกาลเวลา...
เมื่อเขาถูกหักหลัง....
ชายหนุ่มสะบัดศีรษะ เขาไล่เงาร่างใครบางคนที่ผุดพรายขึ้นมา ทุกครั้งที่นึกถึง...เงาของผู้หญิงที่ครั้งหนึ่ง...เขามั่นใจ...ว่าเขารักเธอ...แต่มันคืออดีต...
“ผมจะสนอย่างอื่นทำไมล่ะ ถ้ามีคนสวยๆ อย่างคุณอยู่ในอ้อมกอด ยะหยา” เสียงของชายหนุ่มแหบพร่า สายตาของเขาเปล่งประกายความปรารถนาจนหญิงสาวสะเทิ้น
“ขอให้จริงเถอะค่ะ อีกหน่อยคุณก็เบื่อ” หล่อนขยับเบียดร่างกายอีกนิด
และชายหนุ่มก็สนองตอบ เขาไม่ตอบปฏิเสธ...เพราะไม่อยากพูดโกหก เวลานี้เขาปรารถนาหล่อน แต่ในอนาคตเขาก็ต้องเบื่อหล่อน เหมือนเช่นผู้หญิงทุกคนที่เคยผ่านเข้ามา...
มันก็เป็นเหมือนทุกครั้ง!! ทุกครั้งที่เขาเสพสังวาสกับผู้หญิง พวกหล่อนคือที่ผ่อนคลาย ที่ระบายอารมณ์หนุ่ม ไม่มี ‘ใคร’ ทำให้เขารู้สึกอยากหยุด ไม่มีใครทำให้เขาสะดุด...ผู้หญิงทุกคนถูกกันเป็นแค่ไม้ประดับ หัวใจของออสตินแข็งกระด้าง เขาปิดกั้นตัวเอง...เพราะไม่อยากเสียใจอีกครั้ง...
อดีตเขาเคยเสียใจเหรอไงล่ะ....นั่นสินะ...ในเมื่อเจ้าตัวไม่เคยเปิดปากพูด แล้วใครล่ะจะรู้ หนุ่มหล่อน้องๆ เทพบุตร รวย เพอร์เฟคแบบนี้ มีผู้หญิงคนไหนถือดี กล้าทำให้เขาผิดหวังลงคอ...
ก็อกๆ
เสียงเคาะประตูทำลายความคิดวุ่นวายในสมอง เขาเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มงานที่เปิดค้างไว้ แต่ตัวหนังสือ ตัวเลขในนั้น ไม่ได้เข้าหัวเขาเลยสักนิด
“คุณท่านเชิญที่ห้องค่ะ” เลขานุการสาวหน้าห้อง เยี่ยมหน้าเข้ามาพร้อมกับแจ้งให้เขาทราบ
“อืม...” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ เขาปิดแฟ้มงาน ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืน ‘คุณท่าน’ จะใครล่ะ ก็มารดาของเขาไง ท่านคือผู้กุมบังเหียนใหญ่ของ ‘เทรย์เวอร์คอปเรชั่น’ อาณาจักรแห่งนี้นางพญาเป็นผู้ถือครอง แล้วก็ปฏิเสธไม่ได้เสียด้วยว่านางมีกึ๋นและเก่งจริง!!
มือแข็งแรงดันประตูหน้าห้อง ห้องที่มีป้ายสุดอลังติดไว้ ‘CC0’
“แม่ให้ผมมาพบ...มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ชายหนุ่มถาม เขาทรุดนั่งบนเก้าอี้ เบื้องหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่แบบสบายๆ
พรึ่บ!!
ไม่มีคำตอบ คุณเยาวเรศเหวี่ยงหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของเมืองไทยให้แทน คำตอบของนางอยู่ในนั้นทั้งหมด
ออสตินปรายตามอง เขาไม่ต้องหยิบมาเปิดดูก็พอรู้!! คงไม่พ้นข่าวฉาวๆ ของตัวเองเช่นเดิม
“เมื่อไรเราจะหยุดก่อเรื่องแบบนี้สักที ภาพลักษณ์ของเราป่นปี้หมด!!”
เสียงบ่นเคร่งเครียด นางไม่ใคร่จะพอใจ และเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่เห็นบุตรชายขึ้นหน้าหนึ่ง
“มันเกี่ยวกับการทำงานของผมเหรอไงครับแม่...ผมว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวกันสักนิด”
ชายหนุ่มตอบแบบไม่ยี่หระ เขามั่วผู้หญิง ก็ไม่ได้ทำให้งานที่ทำเสียหายนี่
“อัศวิน!! แม่ขอ” นานๆ นางจะเรียกบุตรชายด้วยชื่อที่นางตั้งให้ แสดงว่าเวลานี้นางสุดทนแล้วจริงๆ
ไม่มีคำตอบจากบุตรชาย ไม่มีคำสัญญา เรียวปากสีเข้มเม้มแน่น และนางก็คงบังคับฝืนใจเขาไม่ได้อีกเช่นเคย “เมื่อไรจะลืมเด็กนั่นสักที ป่านนี้มีลูก มีผัวไปแล้วมั้ง!!” เสียงของนางอ่อนลง เมื่อพูดถึงอดีตของบุตรชาย อดีตที่ชายหนุ่มพยายามฝังกลบไว้ให้ลึกที่สุด
ชายหนุ่มตวัดสายตาแข็งกร้าวมองคุณเยาวเรศ เขารู้สึกเหมือนถูกจี้ที่แผลเก่า แผลที่กำลังตกสะเก็ด แต่มารดาย้ำ ทำให้แผลนั้นมีลิ่มเลือดผุดซึมขึ้นมา
“อย่า-พูด-ถึง-หล่อน!!”
ชายหนุ่มเค้นเสียงพูดออกมาแบบแข็งกร้าว ‘ผู้หญิง’ คนนั้นไม่ได้มีความสำคัญ และไม่ค่ากับการจำสักนิด เขาลืมหล่อนหมดสิ้นทั้งใจ ไม่มีเหลือแม้เพียงเศษเสี้ยว
“ไม่พูดก็ได้... แล้วเมื่อไรแกจะหยุดเหลวไหลล่ะหะ แกทำตัวแบบนี้... แม้แต่เด็กยังรู้เลยว่าแกกำลังประชดชีวิต...”
นางบ่น ยกมือขึ้นนวดคลึงระหว่างหัวคิ้ว ปวดศีรษะตุบๆ ขึ้นมาทันที เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบโต้ของบุตรชาย
ผ่านมา5 ปี...ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ‘เด็กนั่น’ ยังคงมีอิทธิพลกับบุตรชาย แม้หล่อนจะหายสาบสูญไป
“มันเป็นวิถีของผู้ชาย แม่อยากให้ผมเรียบร้อยแบบที่แม่คิด คงไม่ได้ ผมไม่ใช่คนแบบนั้น”
ชายหนุ่มข่มอารมณ์โกรธ เขาตอบมารดาเสียงไม่สะทกสะท้าน
“มั่วราคะนะสิ แม่เห็นมีแต่ผู้หญิงเวียนเข้าเวียนออกรอบตัวแกไม่หยุด!! เมื่อไรจะลงหลักปักฐานจริงจังเสียทีล่ะออสติน อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้วนะลูก”
คุณเยาวเรศกระแทกเสียงตอบ คำแก้ต่างให้ตัวเองของบุตรชาย มันช่างฟังแล้วระคายหูเหลือเกิน
“ถ้าแม่อยากอุ้มหลาน...คงต้องรออีกนาน ผมยังไม่พร้อมครับ” ชายหนุ่มตอบ เขาไม่พร้อม และไม่มีวันพร้อม!!
“เห้อ!! ออสติน...ผู้หญิงไม่ได้เหมือนกันทุกคนนะลูก ลองใช้ใจมองสิ แกอาจจะเจอคนๆ นั้น”
บทที่2.เงาอดีต!! เหมือนโลกหยุดหมุน เหมือนเวลาบนโลกจะหยุดเดิน เพียงแค่เห็น ‘เขา’ คนเดิมปรากฏกายอยู่ตรงหน้า เหมือนฝัน เป็นความอัศจรรย์ที่ไม่คาดคิด แต่ให้ตายเถอะ!! สายตาคู่เดิมของเขา ไม่ได้มีไว้เพื่อมองเธออีกต่อไปแล้ว ปูชิดาทอดสายตามองตาม เธอจึงเห็นว่า... เวลานี้สายตาคู่นั้นของออสตินกำลังโฟกัสอยู่ที่ใด!! เขายังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เหมือนทุกกะบิในความทรงจำของเธอ ที่เพิ่มเติมคือดูดีขึ้นกว่าเก่าหลายเท่า!! ในขณะที่เธอทรุดโทรมลง ไม่ได้มีค่าควรคู่กับเขาเหมือนเมื่อก่อน เธอเป็นแค่คุณแม่ลูกหนึ่ง ที่ไม่มีสามี ถึงจะยังคงใช้นามสกุลเดิม แต่เธอเป็นแค่ลูกที่ถูกเสือกไสออกจากบ้าน ไม่มีสมบัติติดกาย เป็นคนมีตำหนิ แม้ตำหนินั้นเขาจะมีส่วนร่วมในการก่อ แต่เขาไม่รู้นี่สิ!! “ดาร์ลิ่ง!! คุณมาช้า” เสียงหวานชะอ้อนพูด พร้อมกับสาวเท้าเร็วๆ เข้าไปหา “คนสวย คุณต้องเข้าใจว่าผมงานยุ่งแค่ไหน?” ออสตินไม่ได้แก้ตัว หล่อนควรรู้ว่าเขามีภารกิจมากมายก่ายกอง หากไม่ติดใจว่าหล่อนลีลาเด็ด!! เขาคงไม่ตามมาแบบนี้หรอก ใช่ว่าเขาไม่มีผู้หญิงข้างกายเมื่อไร เขามีจนจำหน้าไม่หมดเลยแหละ เพีย
นางเตือนด้วยความหวังดี ผิดหวังกับผู้หญิงเพียงคนเดียว บุตรชายของนางถึงกับปิดประตูใจ เขาประชดชีวิตทำตัวเป็นเพลย์บอย เพียงเพราะไม่อยาก ‘รัก’ ใครอีก ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกๆ เขาข่มความโกรธไว้ในอก ไม่มีวันยอมให้ใครย่างกรายเข้ามาในหัวใจ แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ “แม่มีเรื่องแค่นี้ใช่ไหมครับ ผมงานยุ่ง ผมขอตัวก่อน” เขาเปรยเสียงแผ่ว ผุดลุกขึ้นยืน แล้วเดินจากไป แบบไม่ให้ท่านมีโอกาสได้รั้งไว้อีก มืออวบอูมยกขึ้นกดลงบนอกข้างซ้าย เปลือกตาหลุบลง รีบเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เมื่อรู้สึกเจ็บแปลบๆ ขึ้นมาในบริเวณนั้น “แม่ผิดเหรอออสติน? แม่ผิดเหรอที่อยากให้ลูกประสบความสำเร็จ โดยไม่มีเรื่องกวนใจ” มีบางสิ่งที่เป็นความลับ!! มีเรื่องบางเรื่องที่นางทำ เพื่อให้บุตรชายไร้ความกังวล นางไม่คิดว่ามันจะมีผลทำให้เขากลายเป็นคนกระด้างเย็นชาแบบนี้ ช
บทที่1.ความทรงจำสีเทา...‘อย่าทิ้งชิดาไป ได้โปรด?!!’ เสียงคร่ำครวญประหนึ่งจะขาดใจ ได้ฟังแล้วชวนให้สงสารเป็นอย่างยิ่ง เด็กสาวร่างเล็กคนหนึ่ง...หล่อนกำลังสะอื้นไห้จนตัวสั่นระริก เธอคร่ำครวญเหมือนกำลังขาดใจตายในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ใบหน้าฉ่ำน้ำตาแหงนเงย ทอดสายตาปวดร้าวมองตามเครื่องบินลำใหญ่...ที่ทะยานขึ้นเหนือน่านฟ้า จนกระทั่ง...มันหายลับหายไปจากสายตา บนเครื่องบินลำนั้น...มีบุคคลที่เธอ ‘รัก’ รักจนยอมมอบสิ่งล้ำค่าของตัวเองให้กับเขา ‘ความสาว’ สิ่งล้ำค่าที่บุพกาลีพยายามสั่งสอนให้จดจำ แม้จะรู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นผิด แต่...ไม่อาจห้ามความปรารถนาที่ก่อเกิดขึ้นในใจได้ วังวนหวามๆ นั่นทำให้เธอลุ่มหลง มันเกิดขึ้นหลายครั้งหลายหน และวันนี้... ผลของมันนั้นกำลังก่อเกิดในร่างกายเธอ แต่...เขาคนนั้น กลับไม่ได้อยู่ร่วมรับผิดชอบผลงานของตัวเองร่วมกับเธอเสียนี่ และเธอเองก็ปากหนักเกินกว่าจะรั้งเขาเอาไว้ เมื่อเขากำลังไปดี ไปศึกษาหาความรู้ เพื่อกลับมาสานต่อกิจการงานที่บ้านของตัวเอง ปูชิดา ไวศยปรานนท์ เด็กสาววัย17 ปีเธอเติบโตผลิบานและสวยสมวัยแรกรุ่น แต่ใครจะคิดล่ะว่าเธอกำลังผจญกับเรื่องราวท
หน้าที่ทำงานหาสตางค์คือหน้าที่ของเธอ หลังจากฝืนกล้ำกลืนเรียนจนจบในชั้นอนุปริญญาแบบเลือดตาแทบกระเด็น เมื่อต้องทำงานด้วย เรียนด้วย เลี้ยงลูกด้วย ฝ่าฟันกันมากับนมแผ้วแบบที่ไม่เคยย่อท้อเช่นกัน ไม่ว่าจะทุกข์เข็ญ ลำบากสาหัส ปูชิดาไม่เคยปริปากบ่น ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมของตนเองอย่างภาคภูมิ ในวันที่เธอประสบความสำเร็จ เธอจึงยิ้มได้เต็มหน้า มีนมแผ้วคอยให้กำลังใจอยู่ด้านข้าง “ยายจ๋าบอกว่าน้ำพริกค่ะ กินแล้วจะได้สวยๆ” เด็กช่างประจบรีบพูดสอดและตอบแทนหญิงชรา อัปสราเลยได้รับรอยยิ้มหวานของทั้งมารดาและคุณยายเป็นรางวัล “เก่งค่ะ จำแม่น...ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะค่ะคุณหนู จะได้มาทานข้าวร้อนๆ พร้อมกัน” นางชมหลานสาวตัวน้อย แล้วจึงหันไปคะยั้นคะยอบุตรสาวเจ้านาย ปูชิดาทำงานหนัก ทำทุกอย่างที่ได้เงิน ไม่เคยมีวันหยุดเมื่อต้องเร่งหาเงินไว้สำหรับบุตรสาว เพราะอายุถึงเกณฑ์ที่จะได้เข้าเรียน “แม่จ๋าเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ นางฟ้าอย่ากวนคุณยายนะจ้ะ” ปูชิดาเอ่ยกับบุตรสาว เจ้าตัวรับรู้ ก่อนจะวิ่งตื้อตามหลังนมแผ้วไปติดๆ หญิงสาวจึงเดินไปทางห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้
มือเหี่ยวย่นคลี่ผ้าห่มผืนบางห่มคลุมให้เจ้าตัวเล็ก เปิดพัดลมปัดเป่าความอบอ้าวให้เด็กหญิงก่อนจะเดินถอยหลังกลับห้องพักตัวเอง นางยังมีงานเล็กๆ น้อยรอให้ไปจัดการ ก่อนจะได้พักผ่อนในราตรีอันแสนเงียบสงบ “แพนด้า...ปะป๊านางฟ้าหน้าตาเป็นไงนะ?” เพื่อนคุยยามความมืดเข้าครอบคลุมก็คงไม่พ้นตุ๊กตาตัวโปรด มันมีชื่อเสียเลิศหรู ‘แพนด้า’ “ยายชอบพูดบ่อยๆ นางฟ้าตาสวยเหมือนปะป๊า” ลูกเสี้ยวมักจะได้รับยีนส์บางตัวมาจากผู้ให้กำเนิด และอัปสราได้รับมาเธอมีดวงตาถอดมาจากออสติน ดวงตาของเธอสีคาราเมล ไม่ได้ดำสนิท แต่ออกเหลือบๆ สีน้ำตาล หวานซึ้งเหมือนมีน้ำเชื่อมลอยฟ่อง ส่วนโครงร่างอย่างอื่นถอดมารดามาทั้งกะบิ!! “ปะป๊าของนางฟ้าต้องหล่อแน่ๆ เลย ใช่ไหม?” หางเสียงเริ่มอ่อย เมื่อเจ้าตัวเองก็ไม่แน่ใจ ไม่มีรูปถ่ายบิดาสักใบ และเธอก็ไม่กล้าถามหาเพราะมารดามักจะดูเศร้าๆ อัปสราเลยไม่กล้าซักไซ้ มีบางครั้งเท่านั้นที่เผลอตัวหลุดปากพูด “เห้อ!! ทำไมปะป๊าถึงเห็นงานดีกว่านางฟ้า ปะป๊าไม่คิดถึงนางฟ้าบ้างเหรอ” เป็นคำพูดซื่อๆ ที่มันฝังอยู่ก้นบึ้งหัวใจ จะปริปากพูดแจ้วๆ ก็ต่อเมื่อได้อยู่
นางเตือนด้วยความหวังดี ผิดหวังกับผู้หญิงเพียงคนเดียว บุตรชายของนางถึงกับปิดประตูใจ เขาประชดชีวิตทำตัวเป็นเพลย์บอย เพียงเพราะไม่อยาก ‘รัก’ ใครอีก ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกๆ เขาข่มความโกรธไว้ในอก ไม่มีวันยอมให้ใครย่างกรายเข้ามาในหัวใจ แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ “แม่มีเรื่องแค่นี้ใช่ไหมครับ ผมงานยุ่ง ผมขอตัวก่อน” เขาเปรยเสียงแผ่ว ผุดลุกขึ้นยืน แล้วเดินจากไป แบบไม่ให้ท่านมีโอกาสได้รั้งไว้อีก มืออวบอูมยกขึ้นกดลงบนอกข้างซ้าย เปลือกตาหลุบลง รีบเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เมื่อรู้สึกเจ็บแปลบๆ ขึ้นมาในบริเวณนั้น “แม่ผิดเหรอออสติน? แม่ผิดเหรอที่อยากให้ลูกประสบความสำเร็จ โดยไม่มีเรื่องกวนใจ” มีบางสิ่งที่เป็นความลับ!! มีเรื่องบางเรื่องที่นางทำ เพื่อให้บุตรชายไร้ความกังวล นางไม่คิดว่ามันจะมีผลทำให้เขากลายเป็นคนกระด้างเย็นชาแบบนี้ ช
บทที่2.เงาอดีต!! เหมือนโลกหยุดหมุน เหมือนเวลาบนโลกจะหยุดเดิน เพียงแค่เห็น ‘เขา’ คนเดิมปรากฏกายอยู่ตรงหน้า เหมือนฝัน เป็นความอัศจรรย์ที่ไม่คาดคิด แต่ให้ตายเถอะ!! สายตาคู่เดิมของเขา ไม่ได้มีไว้เพื่อมองเธออีกต่อไปแล้ว ปูชิดาทอดสายตามองตาม เธอจึงเห็นว่า... เวลานี้สายตาคู่นั้นของออสตินกำลังโฟกัสอยู่ที่ใด!! เขายังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เหมือนทุกกะบิในความทรงจำของเธอ ที่เพิ่มเติมคือดูดีขึ้นกว่าเก่าหลายเท่า!! ในขณะที่เธอทรุดโทรมลง ไม่ได้มีค่าควรคู่กับเขาเหมือนเมื่อก่อน เธอเป็นแค่คุณแม่ลูกหนึ่ง ที่ไม่มีสามี ถึงจะยังคงใช้นามสกุลเดิม แต่เธอเป็นแค่ลูกที่ถูกเสือกไสออกจากบ้าน ไม่มีสมบัติติดกาย เป็นคนมีตำหนิ แม้ตำหนินั้นเขาจะมีส่วนร่วมในการก่อ แต่เขาไม่รู้นี่สิ!! “ดาร์ลิ่ง!! คุณมาช้า” เสียงหวานชะอ้อนพูด พร้อมกับสาวเท้าเร็วๆ เข้าไปหา “คนสวย คุณต้องเข้าใจว่าผมงานยุ่งแค่ไหน?” ออสตินไม่ได้แก้ตัว หล่อนควรรู้ว่าเขามีภารกิจมากมายก่ายกอง หากไม่ติดใจว่าหล่อนลีลาเด็ด!! เขาคงไม่ตามมาแบบนี้หรอก ใช่ว่าเขาไม่มีผู้หญิงข้างกายเมื่อไร เขามีจนจำหน้าไม่หมดเลยแหละ เพีย
คอนโดหรูกลางกรุง... สายตาคมกล้าทอดมองแสงไฟบนท้องถนน เนื่องจากความสูงของตัวอาคาร จึงทำให้มองเห็นไฟจากหน้ารถยนต์ทอดยาว เหมือนลำแสง มันมีความสวยคลาสสิคแบบที่เขาชอบ มุมนี้จึงเป็นมุมโปรดที่ออสตินมักจะมาหยุดยืนมองเพื่อผ่อนคลายความหนักหน่วงในอก... “ยืนดูอะไรเอ่ย?” เสียงหวานชะอ้อนถาม หล่อนเบียดกายกับแผ่นหลังหนั่นแน่น มือเรียวบางคล้องที่เหนือบ่า พร้อมกับการกระแซะใส่แบบยั่วเย้าอารมณ์ “เปล่า” เสียงตอบกลับแบบเลื่อนลอย เขาหมุนตัวกลับมา ตวัดมือโอบรัดเรือนร่างอวบอัดไว้ พร้อมทั้งกระตุกยิ้มเริงร่า ในอ้อมกอดเขาเวลานี้คือผู้หญิงที่ถูกกล่าวขวัญมากที่สุด หล่อนกำลังดังดั่งพลุแตก หลังภาพยนตร์ที่หล่อนแสดงนำติดโผหนังทำเงิน หล่อนสวย...เขาไม่เถียง แต่หล่อนไม่ใช่คนที่เขา ‘รัก’ ออสตินเหยียดยิ้ม ความรัก...เป็นเช่นไร? เขาไม่อยากรู้จักและไม่ได้อยากสัมผัสมันสักนิด ความคิดไร้สาระนั่น ไม่เคยอยู่ในหัวสมอง...ความรู้สึกที่รังจะทำให้เขามีแต่ความอ่อนแอ...ความรู้สึกที่ทำให้ผู้ชายคนหนึ่ง...กลายเป็นคนโง่!! เขาสาปส่งความรู้สึกเช่นนั้นทิ้ง...ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน... คว
มือเหี่ยวย่นคลี่ผ้าห่มผืนบางห่มคลุมให้เจ้าตัวเล็ก เปิดพัดลมปัดเป่าความอบอ้าวให้เด็กหญิงก่อนจะเดินถอยหลังกลับห้องพักตัวเอง นางยังมีงานเล็กๆ น้อยรอให้ไปจัดการ ก่อนจะได้พักผ่อนในราตรีอันแสนเงียบสงบ “แพนด้า...ปะป๊านางฟ้าหน้าตาเป็นไงนะ?” เพื่อนคุยยามความมืดเข้าครอบคลุมก็คงไม่พ้นตุ๊กตาตัวโปรด มันมีชื่อเสียเลิศหรู ‘แพนด้า’ “ยายชอบพูดบ่อยๆ นางฟ้าตาสวยเหมือนปะป๊า” ลูกเสี้ยวมักจะได้รับยีนส์บางตัวมาจากผู้ให้กำเนิด และอัปสราได้รับมาเธอมีดวงตาถอดมาจากออสติน ดวงตาของเธอสีคาราเมล ไม่ได้ดำสนิท แต่ออกเหลือบๆ สีน้ำตาล หวานซึ้งเหมือนมีน้ำเชื่อมลอยฟ่อง ส่วนโครงร่างอย่างอื่นถอดมารดามาทั้งกะบิ!! “ปะป๊าของนางฟ้าต้องหล่อแน่ๆ เลย ใช่ไหม?” หางเสียงเริ่มอ่อย เมื่อเจ้าตัวเองก็ไม่แน่ใจ ไม่มีรูปถ่ายบิดาสักใบ และเธอก็ไม่กล้าถามหาเพราะมารดามักจะดูเศร้าๆ อัปสราเลยไม่กล้าซักไซ้ มีบางครั้งเท่านั้นที่เผลอตัวหลุดปากพูด “เห้อ!! ทำไมปะป๊าถึงเห็นงานดีกว่านางฟ้า ปะป๊าไม่คิดถึงนางฟ้าบ้างเหรอ” เป็นคำพูดซื่อๆ ที่มันฝังอยู่ก้นบึ้งหัวใจ จะปริปากพูดแจ้วๆ ก็ต่อเมื่อได้อยู่
หน้าที่ทำงานหาสตางค์คือหน้าที่ของเธอ หลังจากฝืนกล้ำกลืนเรียนจนจบในชั้นอนุปริญญาแบบเลือดตาแทบกระเด็น เมื่อต้องทำงานด้วย เรียนด้วย เลี้ยงลูกด้วย ฝ่าฟันกันมากับนมแผ้วแบบที่ไม่เคยย่อท้อเช่นกัน ไม่ว่าจะทุกข์เข็ญ ลำบากสาหัส ปูชิดาไม่เคยปริปากบ่น ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมของตนเองอย่างภาคภูมิ ในวันที่เธอประสบความสำเร็จ เธอจึงยิ้มได้เต็มหน้า มีนมแผ้วคอยให้กำลังใจอยู่ด้านข้าง “ยายจ๋าบอกว่าน้ำพริกค่ะ กินแล้วจะได้สวยๆ” เด็กช่างประจบรีบพูดสอดและตอบแทนหญิงชรา อัปสราเลยได้รับรอยยิ้มหวานของทั้งมารดาและคุณยายเป็นรางวัล “เก่งค่ะ จำแม่น...ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะค่ะคุณหนู จะได้มาทานข้าวร้อนๆ พร้อมกัน” นางชมหลานสาวตัวน้อย แล้วจึงหันไปคะยั้นคะยอบุตรสาวเจ้านาย ปูชิดาทำงานหนัก ทำทุกอย่างที่ได้เงิน ไม่เคยมีวันหยุดเมื่อต้องเร่งหาเงินไว้สำหรับบุตรสาว เพราะอายุถึงเกณฑ์ที่จะได้เข้าเรียน “แม่จ๋าเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ นางฟ้าอย่ากวนคุณยายนะจ้ะ” ปูชิดาเอ่ยกับบุตรสาว เจ้าตัวรับรู้ ก่อนจะวิ่งตื้อตามหลังนมแผ้วไปติดๆ หญิงสาวจึงเดินไปทางห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้
บทที่1.ความทรงจำสีเทา...‘อย่าทิ้งชิดาไป ได้โปรด?!!’ เสียงคร่ำครวญประหนึ่งจะขาดใจ ได้ฟังแล้วชวนให้สงสารเป็นอย่างยิ่ง เด็กสาวร่างเล็กคนหนึ่ง...หล่อนกำลังสะอื้นไห้จนตัวสั่นระริก เธอคร่ำครวญเหมือนกำลังขาดใจตายในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ใบหน้าฉ่ำน้ำตาแหงนเงย ทอดสายตาปวดร้าวมองตามเครื่องบินลำใหญ่...ที่ทะยานขึ้นเหนือน่านฟ้า จนกระทั่ง...มันหายลับหายไปจากสายตา บนเครื่องบินลำนั้น...มีบุคคลที่เธอ ‘รัก’ รักจนยอมมอบสิ่งล้ำค่าของตัวเองให้กับเขา ‘ความสาว’ สิ่งล้ำค่าที่บุพกาลีพยายามสั่งสอนให้จดจำ แม้จะรู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นผิด แต่...ไม่อาจห้ามความปรารถนาที่ก่อเกิดขึ้นในใจได้ วังวนหวามๆ นั่นทำให้เธอลุ่มหลง มันเกิดขึ้นหลายครั้งหลายหน และวันนี้... ผลของมันนั้นกำลังก่อเกิดในร่างกายเธอ แต่...เขาคนนั้น กลับไม่ได้อยู่ร่วมรับผิดชอบผลงานของตัวเองร่วมกับเธอเสียนี่ และเธอเองก็ปากหนักเกินกว่าจะรั้งเขาเอาไว้ เมื่อเขากำลังไปดี ไปศึกษาหาความรู้ เพื่อกลับมาสานต่อกิจการงานที่บ้านของตัวเอง ปูชิดา ไวศยปรานนท์ เด็กสาววัย17 ปีเธอเติบโตผลิบานและสวยสมวัยแรกรุ่น แต่ใครจะคิดล่ะว่าเธอกำลังผจญกับเรื่องราวท