ครอบครัวโจวที่คอยปล่อยข่าวอยู่ที่โรงเตี๊ยมที่หลานเสี่ยวชิงออกเงินให้พวกเขาพักเป็นเวลาสามวันแล้ว แต่ดูเหมือนว่าหลานเสี่ยวชิงยังไม่พอใจที่ข่าวลือนี้ยังไม่สามารถทำให้พระชายาของอ๋องเฉิงให้ความสนใจได้ นางจึงเปลี่ยนแผนโดยให้บ่าวนำทางพวกเขาไปอาละวาดที่จวนตระกูลฟางแทน
หยวนปิงที่พาลูก ๆ หลาน ๆ ยกโขยงกันมาเพื่อเรียกร้องเงินทองจากหลานเสี่ยวชิงให้ได้มากที่สุดนั้น พอรู้ว่าพวกนางจะต้องไปเรียกร้องค่าเลี้ยงดูกับตระกูลฟางจริง ๆ ก็พากันใจเต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ พวกเขารู้ว่าตระกูลฟางคือตระกูลที่แท้จริงของซูซูที่พวกเขาทรมานนางมาตั้งแต่เด็ก
“เหตุใดพวกเจ้าทำสีหน้าเช่นนั้น ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า ข้าหลานเสี่ยวชิงที่เป็นถึงบุตรสาวคนเดียวของเสนาบดีคลังจะช่วยพวกเจ้าเอง ในเมื่อตอนนี้ข่าวลือที่พวกเจ้าปล่อยออกไปยังไม่ทำให้พวกเขาสนใจ พวกเจ้าจะต้องไปเรียกร้องค่าเลี้ยงดูที่ครอบครัวของนางสิ”
“เอ่อ…พวกเรา
“พวกเจ้าจะเลิกใส่ร้ายลูกสาวข้ากันได้หรือยัง?” หยวนปิงเห็นชายร่างสูงท่าทางภูมิฐานมายืนตรงหน้าก็ได้แต่ต้องห้ามน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริงแล้วเงยหน้าขึ้นมอง นางเห็นเค้าเหมือนหน้าตาของชายตรงหน้ากับนังซูซูไม่น้อย พอรู้ว่าน่าจะเป็นพ่อของนังซูซู หยวนปิงยังคงไม่ยอมรับว่านางใส่ร้ายนังเด็กเนรคุณนั่น“เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน พวกเราเป็นครอบครัวที่เลี้ยงดูลูกสาวเจ้ามาจนโต แต่นางกลับเนรคุณเช่นนี้ แล้วเจ้ายังจะหาว่าพวกเราใส่ร้ายนางได้อย่างไรกัน หากเจ้าไม่เชื่อ เจ้าก็ไปตามนางออกมาสิ พวกเราจะได้รู้กันไปเลยว่าพวกข้าพูดจริงหรือไม่”“ฮึ เจ้าไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกสาวข้าเป็นพระชายาของท่านอ๋องเฉิงแล้ว การที่พวกเจ้ามาทำลายชื่อเสียงนางคงไม่น่าจะใช่ความคิดของพวกเจ้าเป็นแน่ อีกอย่างนะ ที่เจ้าบอกว่าเลี้ยงดูลูกข้าน่ะ เจ้าไม่บอกชาวเมืองไปเล่าว่าเจ้าให้นางกินแต่น้ำซาวข้าวตั้งแต่จำความได้ แถมยังทำร้ายทุบตีนางหากนางเก็บหญ้าหมูไม่ได้ตามจำนวนที่พวกเ
“พะย่ะค่ะ/เพคะ ท่านอ๋อง พวกเราจะไม่บอกพระชายาให้นางระคายเคืองพระทัยเด็ดขาด เรื่องนี้คงต้องรบกวนท่านอ๋องแล้ว”“ท่านพ่อตา แม่ยาย อย่าได้กังวล หากข้าต้องการความช่วยเหลือจากพวกท่าน ข้าจะส่งคนมาเชิญพวกท่านไปที่กรมอาญาทีหลัง”“ขอบพระทัยที่ทรงเมตตาพะย่ะค่ะ/เพคะ พวกเรายินดีที่จะช่วยเป็นพยานให้กับท่านอ๋องในคดีนี้”“เช่นนั้นข้าขอตัวไปที่กรมอาญาก่อนก็แล้วกัน อีกประเดี๋ยวฉือห่าวคงมาถึง ข้าส่งคนไปบอกเขาก่อนที่จะออกจากค่ายทหารแล้ว”“น้อมส่งท่านอ๋องพะย่ะค่ะ/เพคะ” ทุกคนในบริเวณนั้นต่างคุกเข่าส่งอ๋องเฉิงออกจากหน้าจวนตระกูลฟางอย่างรู้ธรรมเนียม ส่วนฟางเซียนหลงกับมู่อิงเอ๋อก็คำนับอ๋องเฉิงเต็มพิธีการเช่นเดียวกัน พวกเขาพอรู้ว่าอีกไม่นานฟางฉือห่าวก็จะกลับมาแล้วก็ค่อยหายใจโล่งขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยลูกชายพวกเขาคงมีวิธีจัดการเรื่องราวมากกว่าพวกเขาแน่
ปัง!!! เสียงเสนาบดีกรมอาญาทุบไม้ในมือดังกังวานไปทั่วห้องโถงตัดสินคดี จนทำเอาหลานเสี่ยวชิงถึงกับสะดุ้งอย่างหวาดกลัว“ข้ายังไม่ได้ถามเจ้า เจ้าไม่มีสิทธิแทรกเรื่องราวที่ข้ากำลังสอบสวน หากเจ้ายังทำเช่นนี้อีกครั้ง ข้าจะลงโทษโบยเจ้าที่ขัดขวางการสืบสวน”“ข้าขออภัยท่านเสนาบดี เป็นเพราะข้าถูกกล่าวหา จึงทำให้ข้าต้องแก้ต่างออกมาเจ้าค่ะ ต่อไปข้าจะไม่แทรกการสอบสวนของท่านอีกเจ้าค่ะ”“เอาล่ะ เจ้าเล่าต่อไปสิว่าเหตุใดคุณหนูหลานจึงต้องการจ้างพวกเจ้าทำเรื่องเหล่านี้”“ขอรับ เท่าที่ครอบครัวข้าแอบได้ยินมา นี่เป็นเพราะคุณหนูผู้นี้หลงรักท่านอ๋องและต้องการแทนที่ตำแหน่งพระชายาขอรับ พวกเราที่เป็นเพียงชาวบ้านยากจน พอมีคนมาจ้างด้วยเงินจำนวนมากเช่นนี้ก็จำใจต้องทำตามที่นางสั่งขอรับ อีกทั้งนางยังข่มขู่พวกข้าด้วยว่านางเป็นถึงบุตรสาวเสนาบดีในเมืองหลวง ทำให้ครอบครัวของข้าไม่มีทางเลือ
หลังจากหลานเสี่ยวชิงนิ่งคิดไม่นานนัก นางได้แต่คับแค้นใจที่บ่าวของนางเปิดเผยเรื่องที่นางทำเช่นนี้ ในเมื่อนางโกหกไม่ได้แล้ว หลานเสี่ยวชิงจึงใช้น้ำตาว่ากล่าวต่อหน้าอ๋องเฉิงเพื่อขอความเมตตาแทน“ฮึก… ท่านอ๋องเพคะ ที่หม่อมฉันทำไปทั้งหมดก็เพราะอยากให้ท่านอ๋องเห็นธาตุแท้ของพระชายานะเพคะ นางไม่ใช่คนดีอย่างที่ท่านอ๋องคิด อีกอย่าง ที่ข้าทำไปก็ด้วยความรักที่บริสุทธิ์ที่มีต่อท่านอ๋องนะเพคะ ขอท่านอ๋องได้โปรดเมตตาเสี่ยวชิงด้วยเพคะ ฮือ…” หลานเสี่ยวชิงก้มลงทำทีเป็นร้องไห้คำนับให้กับอ๋องเฉิง แต่อ๋องเฉิงที่เบื่อการเสแสร้งพวกนี้มาแต่ไหนแต่ไรมีหรือจะสงสารนาง ตรงกันข้ามที่เขายิ่งเกลียดนางเข้าไปใหญ่“ฮึ ในที่สุดเจ้าก็ยอมรับแล้วสินะว่าเป็นคนว่าจ้างคนกลุ่มนี้มาสร้างเรื่องเสื่อมเสียให้กับพระชายาของข้า และเจ้าอย่าได้เอาการกระทำเลว ๆ ของเจ้ามาอ้างว่าทำเพราะรักข้า ข้าฟังแล้วอยากจะอ้วก เสนาบดีกรมอาญา เจ้าจะตัด
“ขอบใจเจ้ามากที่บอกกล่าวรายละเอียดให้พวกเราทราบ ครอบครัวโจว พวกเจ้ามีอะไรจะแก้ต่างจากที่พยานหูเอ้อบอกออกมาหรือไม่” เสนาบดีหันไปสอบถามครอบครัวโจวที่ยังคงพากันนั่งตัวสั่นอย่างหวาดกลัวความผิด หยวนปิงไม่คิดว่าคนของตระกูลฟางจะมีความสามารถสืบเรื่องราวได้อย่างกับตาเห็น แต่นางไม่คิดที่จะยอมรับความผิดง่าย ๆ ด้วยคิดว่าหากต้องการพยานเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านนั้น จะต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าที่พยานเหล่านั้นจะเดินทางมาถึงเมืองหลวง“ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้นเจ้าค่ะ เขาพูดโกหก บ้านข้าเลี้ยงดูให้ข้าวให้น้ำนางมาเป็นอย่างดีเจ้าค่ะ ส่วนที่เขาบอกว่านางหาเงินเองตั้งแต่สิบขวบก็ไม่จริงเจ้าค่ะ เป็นพวกข้าที่ให้เงินนางออกมาตามหาครอบครัวเจ้าค่ะ”ปัง!!!“นี่เจ้ายังกล้าโกหกอีกหรืออย่างไร! เจ้าคิดว่าข้ากับท่านอ๋องจะเชื่อคำพูดของเจ้าได้อีกหรือแม่เฒ่าโจว หูเอ้อ เจ้ามีหลักฐานอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ว่าเรื่องที่เจ้าเพิ่งกล่าวมานั้นเป็นเรื
ซูซูที่องครักษ์ของอ๋องเฉิงมารายงานว่าเขาจะกลับค่ำก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก นางยังจัดการเรื่องทรัพย์สินไม่เสร็จเลยเพราะทรัพย์สินเหล่านี้มีมากมายเกินกว่าที่จะจัดการเสร็จได้ภายในสามสี่วัน“แม่นมฉู่ เจียงเหม่ย เจียงฮวาออกไปกินข้าวเถอะ กินเสร็จค่อยมาเก็บสำรับอาหารของข้าก็แล้วกัน วันนี้ข้าอยากพักผ่อนเร็วสักหน่อย ถึงแม้ท่านอ๋องจะกลับค่ำก็ไม่เป็นไร”“เพคะพระชายา” ทั้งสามคนที่สั่งบ่าวนำอาหารมารอท่านอ๋องกับพระชายาแต่แรกจึงได้แต่ชวนกันออกไปกินอาหารเย็นในห้องข้างของพวกนางเหมือนดังทุกวัน ตอนนี้แม่นมฉู่สนิทสนมกับเด็กเจียงเหม่ยและเจียงฮวามากขึ้นไม่น้อย นางชอบที่เด็กสองคนนี้เรียนรู้กฎเกณฑ์ได้ดี และมีมารยาทมากกว่าบ่าวรับใช้ทั่วไปเสียอีก คืนนั้นอ๋องเฉิงหลังทานอาหารกันเสร็จแล้ว ฮ่องเต้ก็ชวนหลานชายดื่มอีกเล็กน้อยก่อนจะส่งหลานชายกลับออกจากห้องทรงงานไปใ
ซูซูแปลกใจไม่น้อยที่สามีกลับมาเร็วถึงขนาดนี้ นางที่กำลังตรวจทรัพย์สินอยู่จึงได้เลิกทำงานแล้วเดินไปช่วยถอดเสื้อตัวนอกออกให้อ๋องเฉิง“เหตุใดจึงได้กลับเร็วนักเล่าเพคะ”“ไม่มีอะไร แค่คิดถึงภรรยาน่ะ”“เฮ้อ… ทำเป็นเล่นอีกแล้วท่านน่ะ บอกมาเลยว่ามีอะไรหรือเปล่า”“ไม่มีจริง ๆ ข้าเพียงแค่อยากพักบ้างเท่านั้นเอง ทำงานมาหลายวันติดต่อกันแล้ว”“อืม… เช่นนั้นท่านก็เข้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะให้คนยกของว่างกับน้ำชาเข้าไปให้ ท่านอยากอาบน้ำก่อนหรือไม่?”“อาบสักหน่อยก็ดี ข้าขี่ม้ามาตัวเลอะฝุ่นไปหมด”“ตกลง เดี๋ยวข้าสั่งบ่าวนำน้ำเข้าไปให้ทีหลัง ท่านไปนั่งพักเสียก่อนเถอะ”“ขอบคุณภรรยา จุ๊บ”
อ๋องเฉิงเดินมาถึงหน้าห้องทรงงานแล้วขันทีก็ขานบอกทันที ฮ่องเต้ที่มีขันทีวิ่งมารายงานก่อนหน้านี้จึงบอกให้หลานชายเข้าไปได้ หลังทำความเคารพเสด็จลุงของตนเองแล้ว ฮ่องเต้ก็สั่งให้เขาลุกขึ้นตามสบาย“วันนี้หลานมีเรื่องสำคัญอันใดจึงได้เข้ามาหาลุงได้ในเวลานี้”“กระหม่อมส่งคนติดตามคนของฮูหยินใหญ่จวนเสนาบดีหลานแล้วได้รับข่าวว่าอีกสองวันจะมีนักฆ่าจำนวนมากมายังเมืองหลวงพะย่ะค่ะ หลานจึงอยากให้เสด็จลุงสั่งการกองกำลังรักษาเมืองให้ล้อมจับพวกเขาระหว่างที่พวกเขาลงมือกับพระชายาของหลานพะย่ะค่ะ”“หืม… นี่นางถึงขนาดจ้างนักฆ่าจำนวนมากเลยหรือ? เช่นนั้นลุงจะสั่งการแม่ทัพของกองกำลังรักษาเมืองให้รับคำสั่งจากเจ้าก็แล้วกัน แต่เรื่องนี้เราจะให้ใครรู้ไม่ได้เป็นอันขาด เจ้าให้แม่ทัพรักษาเมืองเปลี่ยนการแต่งกายเป็นชาวเมืองทั่วไปแล้วค่อยซุ่มจับคนเหล่านั้นดีหรือไม่”“ใช่พะย่ะค่ะเสด็จลุง นางต้องการให้ซูซูตายให้
สี่ปีผ่านไป อ๋องน้อยและท่านหญิงที่ได้รับอนุญาตให้เข้าวังบ่อย ๆ วันนี้พวกเขาก็มาเล่นกับเสด็จปู่ เสด็จย่าที่ตำหนักเฟิ่งหวงพร้อมกับเสด็จพ่อและเสด็จแม่ โดยที่ฮ่องเต้ทรงงดเว้นธรรมเนียมให้กับหลานทั้งสองที่ร่าเริงสดใสของพระองค์“เจ้าดูสิ นับวันอ๋องน้อยยิ่งตัวสูงใหญ่กว่าเด็กทั่วไปมากนัก ช่างเหมือนจ้าวหลงตอนเด็ก ๆ ไม่มีผิด”“จริงด้วยเพคะฝ่าบาท หม่อมฉันเองก็คิดว่าอ๋องน้อยน่าจะเติบโตขึ้นมาตัวสูงใหญ่เหมือนพ่อของเขาเป็นแน่” ฮ่องเต้กับฮองเฮาคุยกันพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า พวกเขาได้แต่นึกถึงตอนที่นำอ๋องเฉิงมาเลี้ยงในวัยเด็กแล้วก็ยิ่งอยากเลี้ยงอ๋องน้อยกับท่านหญิงอีกครั้ง เพียงแต่ตอนนี้ทั้งสองพระองค์พระชนมายุมากแล้ว ไม่สามารถวิ่งเล่นกับหลาน ๆ ได้เหมือนเมื่อก่อนตอนเลี้ยงอ๋องเฉิง เพียงแค่ได้นั่งมองพวกเขาเล่นกัน ทั้งสองพระองค์ก็มีความสุขไม่น้อยแล้ว
เมื่ออ๋องน้อยมาถึงหน้าห้องคลอด พระองค์ทรงเห็นเสด็จพ่อนั่งรออยู่อย่างกระวนกระวาย อ๋องน้อยจึงเดินเข้าไปหาแล้วปีนขึ้นไปนั่งบนตักเสด็จพ่อ อ๋องเฉิงไม่คิดว่าลูกชายจะมาเร็วขนาดนี้ ปกติอ๋องน้อยจะตื่นตอนสาย ๆ แต่วันนี้เขากลับมาที่นี่เพื่อเป็นกำลังใจให้พระองค์กับพระชายาที่กำลังจะคลอด“เด็จพ่อรอน้องกับข้านะขอรับ” เสียงเล็ก ๆ แสนรู้ความเอ่ยออกมาพร้อมอ้อมกอดน้อย ๆ ที่เอื้อมไปกอดคอพ่อของตนเอง“อืม… เจ้าเป็นพี่ที่ดี มานั่งดี ๆ รอน้องกันเถอะ ขอบใจเจ้ามากที่มาให้กำลังใจเสด็จแม่ของเจ้า” อ๋องเฉิงลูบหัวบุตรชายแล้วปรับท่านั่งให้เขาได้นั่งบนตักอย่างสบาย ๆ ในห้องคลอด ซูซูปวดท้องมากจนนางอยากกรีดร้องออกมา แต่ด้วยนิสัยที่มักจะเก็บงำความเจ็บปวดเอาไว้ นางจึงทำเพียงกัดฟันอดทนแล้วหายใจตามจังหวะที่หมอตำแยกับแม่นมฉู่ช่วยกันบอกนางเท่านั้น“พระชายาอดทนอีกสักนิดนะเพคะ อีกไม่นานก็น่า
วันต่อมามีขบวนของขวัญจากวังหลวงและจวนตระกูลฟางยาวนับหลายลี้มาจอดอยู่เต็มหน้าจวนอ๋อง ทำเอาชาวบ้านชาวเมืองต่างอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นอีกแล้วกับจวนอ๋อง ขันทีที่ได้รับพระราชโองการแสดงความยินดีกับจวนอ๋องรีบประกาศราชโองการพร้อมกับพระราชเสาวนีย์ของฮองเฮาที่ร่วมแสดงความยินดีกับจวนอ๋องเช่นเดียวกัน“ข้าขอแสดงความยินดีกับจวนอ๋องที่กำลังจะมีทายาทอีกหนึ่งคน สิ่งของเหล่านี้เป็นของรับขวัญหลานคนที่สองของข้า หวังว่าการตั้งครรภ์ของพระชายาจะดำเนินไปอย่างราบรื่นปลอดภัยจนกว่าจะถึงวันประสูติ จบราชโองการ” ชาวเมืองที่พากันมามุงเมื่อได้ยินขันทีประกาศราชโองการเสียงดัง พวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจึงได้มีขบวนของขวัญมากมายถึงเพียงนี้ สมแล้วที่จวนอ๋องได้รับพระเมตตาจากฮ่องเต้กับฮองเฮามาอย่างยาวนาน ไหนจะบ้านเดิมของพระชายาที่เป็นถึงคหบดีที่ร่ำรวยของแคว้นอีกเล่า ไม่แปลกที่เพียงแค่การตั้งครรภ์
สองสัปดาห์ต่อมา ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ซูซูรู้สึกหิวมากกว่าปกติอย่างไรก็ไม่ทราบ แถมนางยังชอบกินขนมหวานแทบทั้งวันอีกด้วย กระทั่งหลังอาหารเช้าวันนี้ ขณะที่นางกำลังอุ้มบุตรชายพาเดินเล่นอยู่นั้นนางก็เกือบจะล้มลงบนพื้นทั้งแม่และลูก ด้วยเพราะซูซูจู่ๆ ก็หน้ามืดไปเสียเฉย ๆ โชคดีที่อ๋องเฉิงวันนี้อยู่กับพวกนางด้วย พระองค์รีบรับร่างภรรยากับบุตรชายแล้วอุ้มทั้งคู่เข้าไปยังห้องนอนในเรือนเล็กของซูซูที่อยู่ใกล้ที่สุด อ๋องเฉิงรีบร้องบอกให้องครักษ์ไปตามหมอหลวงมาทันที ตอนนี้พระองค์ทรงเป็นห่วงภรรยาไม่น้อย เพราะตอนนี้นางยังไม่ลืมตาขึ้นมาเลย ส่วนบุตรชายของพระองค์ไม่ได้ตกอกตกใจอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อ๋องน้อยเพียงแต่มองท่านพ่อที่เรียกคนให้นำผ้ากับอ่างน้ำมาเพื่อเช็ดหน้าให้กับท่านแม่ของพระองค์“ซูซู ซูซู เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ลืมตาขึ้นมาให้ข้าเบาใจหน่อยภรรยา อย่าทำให้ข้ากลัวเช่นนี้ ซูซู” อ๋องเฉิงเช็ดห
หนึ่งเดือนต่อมา อ๋องเฉิงที่ส่งทหารออกไปยังแคว้นจ้านเมื่อหลายเดือนก่อนก็ได้รับข่าวตอบกลับจากทหารที่เพิ่งเดินทางกลับมาถึงค่ายทหารนอกเมืองหลวง“ทูลท่านอ๋อง นี่เป็นจดหมายจากองค์ชายสามที่ให้กระหม่อมนำมามอบให้พระองค์เพื่อส่งต่อไปยังฝ่าบาทพะย่ะค่ะ เหตุการณ์ที่แคว้นจ้านนั้นสงบสุขดีพะย่ะค่ะ ตอนนี้องค์ชายสามก็ส่งขุนนางเดินทางออกไปแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กับประชาชนทั่วแคว้นได้เกือบครึ่งปีแล้วพะย่ะค่ะ อีกทั้งพระชายาก็คลอดองค์ชายน้อยได้สามเดือนแล้ว จึงทำให้องค์ชายสามไม่ค่อยมีเวลาที่จะส่งข่าวกลับมาให้พระองค์พะย่ะค่ะ” อ๋องเฉิงพยักหน้ารับจดหมายจากทหารแล้วเปิดอ่านเนื้อหาด้านในก่อนที่จะเข้าวังและนำไปมอบให้กับเสด็จลุงของพระองค์ ภายในจดหมายนั้นเขียนถึงความสำเร็จในการซื้อใจประชาชนขององค์ชายสามและกองทหารรักษาเมือง ยิ่งเมื่อเหล่าประชาชนในแคว้นจ้านเห็นถึงความเมตตาขององค์ชายสามและขุนนางที่ตั้งใจจะมาพัฒนาแคว้นของ
“อืม… เอาล่ะ เราเลิกคุยเรื่องงานกันเถอะ ข้าอยากเล่นกับหลานแล้ว” อ๋องเฉิงเห็นท่าทางกระปรี้กระเปร่าของสหายที่พอพูดถึงหลานชายเข้าเมื่อไหร่ก็มักจะมีอาการเช่นนี้ พระองค์ได้แต่ยิ้มแล้วพาสหายเดินไปยังห้องโถงรับแขกที่เรือนเล็กของบุตรชายที่พระองค์สั่งคนเตรียมเอาไว้สำหรับอ๋องน้อยเมื่อเขาโตกว่านี้ในอีกไม่กี่ปี ในเรือนของอ๋องน้อยเต็มไปด้วยบ่าวรับใช้ที่คอยดูแลท่านอ๋องน้อยเวลาเล่นของเล่นอยู่ในห้องโถงรับแขกกับพระชายา ท่านตาและท่านยายที่มาเยี่ยมก่อนหน้าที่ลูกชายอย่างฟางฉือห่าวจะมาถึง“อ้าว ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันขอรับ”“พ่อกับแม่มากันตั้งแต่เช้าแล้ว วันนี้พ่อนำของเล่นใหม่มาให้อ๋องน้อยด้วยนะเจ้าดูสิ พ่อสั่งคนทำขึ้นมาเป็นพิเศษให้เขาเลยนะเนี่ย” ฟางเซียนหลงชี้ไปที่ม้าโยกไม้ที่ดูแ
หลังจากงานเลี้ยงฉลองครบรอบร้อยวันของอ๋องน้อย ฮ่องเต้ก็ทราบแล้วว่าใครเป็นคนบงการให้นักฆ่ามาลอบทำร้ายอ๋องน้อยของพระองค์ พระองค์ไม่คิดว่าจะเป็นเสนาบดีหลานอีกครั้ง ครั้งนี้พระองค์ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานใด ๆ นอกจากตั๋วแลกเงินที่อยู่ในตัวคนร้ายซึ่งมีตราประทับของจวนเสนาบดีหลานอย่างชัดเจน ถึงแม้พระองค์จะไม่รู้ว่าเขาใช้ใครไปจ้างคนก็ตาม อย่างน้อยตอนนี้พระองค์ก็มีทั้งพยานที่เป็นนักฆ่าและตั๋วแลกเงินซึ่งสามารถเอาผิดเสนาบดีหลานได้แล้ว ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งให้ทหารไปล้อมจวนเสนาบดีเอาไว้ตั้งแต่ทราบเรื่อง ก่อนที่พระองค์จะออกพระราชโองการให้ขันทีในวังไปประกาศความผิดที่หน้าจวนเสนาบดีหลานในวันถัดไป เสนาบดีหลานที่รู้ว่างานที่ส่งคนไปจัดการไม่สำเร็จอีกแล้วก็เตรียมตัวหนีออกจากจวน เพียงแต่เหล่าองครักษ์ที่คอยเฝ้าจวนเสนาบดีหลานไม่ปล่อยโอกาสให้เขาได้หนีไปง่าย ๆ พวกเขาส่งคนไปส่งข่าวกับทั้งฮ่องเต้และท่านอ๋อง กระทั่งจวนเสนาบดีหลานนั้นถูกล้อมรอบเอาไว้ทุกด้านจนแม้แต่แมลงสักตัวก็ไม่สามารถที่จะเข้าและออกได
ณ จวนเสนาบดีหลาน วันนี้เขาไม่ยอมไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนอ๋องเพราะรู้ว่าตนเองไม่อาจปั้นหน้ายิ้มแย้มให้กับคนที่สั่งประหารภรรยาและลูกสาวคนเดียวของเขาได้ โดยเขาได้ส่งพ่อบ้านไปส่งของขวัญและขออภัยท่านอ๋องซึ่งใช้ข้ออ้างว่าตนเองไม่สบาย จึงกลัวว่าจะทำให้คนอื่นไม่สบายตามไปด้วย แต่ความจริงแล้ว เสนาบดีหลานได้จ้างนักฆ่าไปจัดการอ๋องน้อยก่อนหน้าวันงานแล้ว โดยเขายังให้นักฆ่าแฝงตัวเป็นบ่าวในจวนที่นำของขวัญไปร่วมแสดงความยินดีแทนตัวเขา ไม่ว่านักฆ่าจะทำสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้ว เพราะทุกครั้งที่เขาสืบทราบว่าจวนอ๋องนั้นมีความสุขเพียงใด ในใจของเขากลับยิ่งแค้นใจมากขึ้นเท่านั้น ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าความผิดของภรรยากับบุตรสาวที่จากไปของเขานั้นร้ายแรงขนาดไหน ในใจเขาก็ยังคงยอมรับการตัดสินโทษในครั้งนั้นไม่ได้อยู่ดี ที่จวนอ๋องในตอนนี้ เสนาบดีกรมพิธีการกำลังดำเนินพิธีตามราชประเพณีที่ให้ฮ่องเต้ ฮองเฮา ท่านอ๋องและพระชายาร่วมวางสิ่งของแทนเส้นทางในอ
หนึ่งวันก่อนงานฉลองร้อยวัน ตั้งแต่ซูซูคลอดอ๋องน้อยออกมา ตระกูลฟางก็แทบจะมาที่จวนอ๋องวันเว้นวันกันเลยทีเดียว พวกเขารักหลานคนแรกที่อวบอ้วนมากจนอดทนไม่ไหวที่จะห่างจากหลานหลายวัน ท่านอ๋องเองก็เช่นเดียวกัน หากไม่มีงานที่จะต้องออกจากจวน พระองค์ก็จะไม่ออกไปไหนนอกจากการช่วยภรรยาเลี้ยงดูบุตรชาย พระองค์ยังเคยขอลองชิมน้ำนมจากภรรยาแต่กลับถูกนางมองแรงใส่จนพระองค์ไม่กล้าขอชิมอีกเลย ด้วยกลัวว่าพระองค์จะได้ชิมกระบี่บินแทนที่จะได้กินนมเหมือนเจ้าลูกชาย ทำอย่างไรได้ในเมื่อพระองค์ไม่ได้ร่วมรักกับภรรยามาปีกว่าแล้วตั้งแต่นางตั้งครรภ์ พระองค์ใช่ว่าจะเป็นพระอิฐพระปูนเสียที่ไหน แต่ด้วยคำสั่งห้ามของภรรยาว่านางยังเจ็บแผลอยู่ จึงทำให้อ๋องเฉิงต้องอดทนมาจนกระทั่งลูกชายอายุจะครบร้อยวันในวันพรุ่งนี้แล้ว วันนี้ที่จวนอ๋องต่างวุ่นวายจัดเตรียมงานให้กับท่านอ๋องน้อยของพวกเขาอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องจากท่านอ๋องแจ้งไว้ก่อนหน้าแล้วว่าฮ่องเต้และฮองเฮาจะเสด็จมาเป็นประธา