〝 เห... 〞 หลังจากที่ได้ยินข่าวจากจดหมายโดยผู้ส่งที่คาดไม่ถึง กรก็ส่งเสียงออกมาด้วยความในสนใจในทันที ในความหมายก็คือ... กรรู้สึกสนใจที่เป้าหมายขยับเข้ามาหาด้วยตัวเองต่างหาก และแน่นอนว่าหากอีกฝ่ายต้องการตัวของพวกตน นั่นจ่อมหมายความว่าตัวกรมีอำนาจต่อรองในระดับนึง ...นั่นจึงเป็นประโยชน์กับแผนการที่กรเคยคิดไว้อย่างคาดไม่ถึง แต่แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่ควรพูดกันในตอนนี้เสียเท่าใดนัก เพราะในมุมมองของฟีโอน่าที่เป็นผู้ปกครองประเทศ นี่เป็นข่าวใหญ่มากทีเดียว〝 เธอคงมีเรื่องที่ต้องทำเยอะแหงๆเลยแบบนี้ 〞กรพูดแบบนั้นพลางยิ้มแห้งๆ เนื่องจากในใจก็แอบเสียดายไม่น้อยที่เวลาในการอยู่กับฟีโอน่าลดลง〝 นั่นสินะ พวกเราขอไม่กวนแล้วละกัน 〞 เช่นเดียวกับเมอร์ลินที่เริ่มปัดกระโปรงตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางเสียดายไม่ต่างกัน จะทั้งซาช่า เรเชลหรือซิลเวียเองต่างก็ลุกขึ้นตาม เพราะรู้ๆกันอยู่ว่าเรื่องใหญ่แบบนี้ฟีโอน่าต้องปรึกษาหลายฝ่ายก่อนถึงจะตกลงกันได้ และแน่นอนว่ามันไม่จบง่ายๆ แถมยังต้องรีบดำเนินการให้เร็วที่สุดด้วย〝 โทษทีนะทุกคน ที่เกิดเรื่องกะทัน
ค่ำคืนอันแสนเงียบงัน มีเพียงสายลมฤดูหนาวที่พัดผ่านเข้ามาในหน้าต่างของห้อง ห้องของเด็กสาวตัวเล็กผู้มีเรือนผมสีบลอนด์ทองเข้ม มีเอกลักษณ์คือไฝเสน่ใต้ตาขวาและสิ่งที่ใช้บ่งบอกพันธุ์ชาติของเธอก็คือใบหูยาวอันเป็นลักษณะเด่นของเอลฟ์ เธอกำลังนอนหงายบนเตียงใหญ่ดูหรูหรา ในห้องนั้นไม่เพียงมีแค่เธอเพียงคนเดียว หากแต่มีหญิงสาวรูปงามนั่งเก้าอี้อยู่ข้างเด็กสาวด้วย〝 ท่านแม่คะ ท่านแม่คะ! เล่านิทานเรื่องนั้นให้หนูฟังอีกได้ไหมคะ! 〞 เด็กสาวแสดงท่าทางกระตือรือร้นด้วยแววตาเป็นประกายปานจะโดดโหยงออกจากเตียงไปวิ่งเล่นเสียตอนนี้ ท่าทางแบบนั้นทำเอาหญิงสาวผู้เป็นแม่อดอมยิ้มไม่ได้〝 จ้าๆ แต่ว่าเล่าแล้วสัญญานะจ๊ะว่าต้องนอน 〞〝 อื้ม! 〞 เด็กสาวยิ้มอย่างสดใสราวพระอาทิตย์ ทำให้หญิงสาวผู้เป็นยิ้มออกมาอย่างพอใจ เธอหยิบหนังสือเล่มโปรดของลูกสาวซึ่งวางไว้ข้างเตียงเสมอขึ้นมาพลางเปิดหน้าหนังสืออันคุ้นเคยที่ผ่านการเล่าเรื่องให้ลูกสาวคนนี้ฟังไม่ต่ำกว่าร้อยรอบแล้ว ...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในยุคที่เต็มไปด้วยความยากจนข้นแค้นเพราะทั้งโลกถูกปกคลุมไปด้วยกลียุคแห่งสงคราม สร้
หลังจากที่ฉันขอแต่งงานซิลเวียไป แล้วเธอก็ตอบรับ พวกเราก็แลกสาบานรักด้วยการจุมพิตท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้และดวงดาวบรรยากาศโรแมนติกสมกับที่พยายามคิดหัวแทบระเบิดเลยเชียวล่ะฉันพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงน่ะเหรอ?ก็หมายความว่าฉันวางแผนกับทุกคน ไม่สิ... ต้องบอกว่าทุกคนวางแผนให้ฉันสารภาพรักกับซิลเวียในคืนนี้ต่างหาก แต่ก็นะ ดูเหมือนจะมีแต่เจ้าตัวนั่นแหล่ะที่ไม่รู้ จะเรียกว่าเซ่อซ่าหรือว่ายังไงก็ไม่รู้ดีนะเนี่ยซิลเวียน่ะแต่แหม ตรงจุดนั้นแหล่ะคือจุดที่น่ารักของเธอล่ะนะก็ถึงขนาดที่เพิ่งมารู้ตัวว่าได้แต่งงานกับผู้ชายที่แต่งงานแล้วก็มาโวยวายทีหลังเชียวล่ะ หลังจากกลับบ้านพอทุกคนบอกว่ารู้อยู่แล้ว และยอมรับซิลเวียได้ก็เลยโล่งใจไปเปราะนึง แถมพอบอกว่าฉันได้รับอนุญาตให้มีภรรยาเป็นซิลเวียอยู่ก่อนแล้ว ซิลเวียก็เลยสบายใจ...ความจริงก็อยากรู้อยู่หรอกว่า ถ้าแกล้งบอกว่าฉันแอบขอซิลเวียแต่งงานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทุกคนเธอจะทำยังไง แต่แบบนั้นมันน่าสงสารล่ะนะเลยได้แค่แอบคิดยังไงก็ตามหลังจากที่กลับมาที่บ้าน คนอื่นก็เข้านอนหมดแล้วในความหมายก็คือคนที่เหลืออยู่มีแต่สภาเมียครบทุกคน ขนาดว่าฟีโอน่าที่ต้องรีบนอนเพราะมีง
เช้าวันใหม่มาเยือนหลังจากที่เมื่อวานคุยเรื่องหนักๆและสำคัญๆกันไปหลายเรื่องแน่นอนว่าอย่างแรกก็คือเรื่องที่แมรี่อยากจะเข้าโรงเรียน ส่วนอีกเรื่องนึงก็คือเรื่องที่มีข่าวลือ ไม่สิ... เป็นข้อเท็จจริงที่ว่า มีมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งเป็นจำนวนมากปรากฏขึ้นบริเวณชายฝั่งทะเลของอาณาจักรในทวีปอื่นนั่นทำให้ชาวบ้านแถวริมหาด โดยเฉพาะประชาชนจากอาณาจักรของเผ่าชาวทะเลซึ่งเป็นหนึ่งในหกอาณาจักรที่อยู่ในมหาดันเจี้ยนส่วนตัวคอร์ดิเรียที่ได้ยินแบบนั้นเองก็ถึงกับแสดงท่าทีกังวลแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะดูเหมือนที่นั่นจะเป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวของเธอด้วยเรื่องที่ว่าครอบครัวของเธอเป็นยังไง และเป็นไงมาไงคอร์ดิเรียถึงกลายมาเป็นทาสอยู่คนเดียวแบบนี้ค่อยว่ากันทีหลัง เพราะประเด็นสำคัญก็คือคอร์ดิเรียรู้สึกเป็นห่วงครอบครัวของตัวเอง นั่นต่างหากที่สำคัญเพราะแบบนั้น... เมื่อรวมกับเป้าหมายแรกเริ่มที่ฟีโอน่าตั้งใจจะไปตรวจสอบอาณาจักรนั้นด้วยตัวเองแล้ว การพาคอร์ดิเรียไปด้วยก็คือเป้าหมายหลักอีกอย่างนึงด้วยประการฉะนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่กร ฟีโอน่า ซิลเวียและชาลอตกำลังเดินเป็นกลุ่มกันอยู่ในเมือง โดยใช้เวทย์แปลงกายเพ
———— ก่อนหน้านี้เล็กน้อย, กลางมหาสมุทรเลเวีย ระหว่างทวีปอาลอสกับทวีปอาคาเซีย ท่ามกลางหมู่เมฆที่กำลังเคลื่อนตัวอย่างสงบ เช่นเดียวกับกลิ่นทะเลตีโต้สายลมอุ่นแลดูสงัดกลับมีเสียงสอดแทรกขัดบรรยากาศ คล้ายกับหอกปลายแหลมวิ่งฝ่าเกลียวคลื่น ที่มาของเสียงนั้น คือเรือรบที่มีส่วนประกอบทั้งหมดเป็นเหล็กราวกับหลุดมาจากยุคสงครามโลก ทั้งส่วนประกอบที่ติดตั้งบนดาดฟ้าอย่างปืนต่อต้านอากาศยาน ปืนใหญ่ขนาด 12 นิ้วหลายป้อมปืน และด้วยความยาวกว่า 180 เมตร มันคือมัจจุราชเหนือท้องทะเลอย่างแท้จริง ทว่าหากมันเป็นเช่นนั้นจริงก็คงเป็นสัตว์ร้ายที่เชื่องเอาเรื่อง เพราะมีลูกเรือจำนวนมากอยู่บนหลัง... อยู่บนดาดฟ้าเรือคอยกุมบังเหียนของมันอยู่ นั่นรวมถึงเด็กหนุ่มชาวเอเชียในชุดเกราะเบาผู้ซึ่งสวมดาบดำดูร้ายกาจที่ยืนกินลมชมบรรยากาศตรงบริเวณหัวเรือ〝 คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกไททานิกรึไง 〞 เสียงของเด็กสาวดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เด็กหนุ่มหันกลับไปมอง บางทีมันคงเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดเอามาก ๆ ที่มีคนทำลายบรรยากาศ แต่สำหรับเด็กหนุ่ม... สำหรับเสือแล้วไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะเด็กสาวที่กำลังเดิน
เอาล่ะ หลังจากนี้จะเอายังไงดี หลังจากที่เผยเจตนาของตัวเองที่มีต่อเสือ กรก็เบนสติของตัวเองมาเฝ้าระวังบอสมอนสเตอร์อันมีความแข็งแกร่งในระดับเดียวกับหรือมากกว่าบอสมหาดันเจี้ยนที่เคยเจอมา ดวงตาสีแดงที่จดจ้องลงมา พร้อมด้วยรูปร่างสูงใหญ่คล้ายกับสัตว์อสูรทะเลหลายอย่างรวมกันเป็นที่สุดแห่งความน่าพรั่นพรึงของท้องทะเล และนามของราชาแห่งท้องทะเลตัวนี้ที่แสดงเมื่อกรใช้ออร่าสีเหลืองตรวจสอบคือ ‘อัลติเมท คราเคน’ (Ultimate Kraken) เป็นนามอันย้ำเตือนถึงความเด็ดขาดในความแข็งแกร่งจากในตำนานก๊าซซซซซซ!!!!!!! สัตว์ประหลาดร่างสูงใหญ่ราว 50 เมตรนามคราเคนคำรามก้องท้องฟ้าส่งแรงสะเทือนที่ทำเอาทั้งร่างสั่นสะท้าน เสียงนั้นดังกึกก้องไปถึงอีกฟากของโพ้นทะเล พร้อมกับเปรยตามองลงด้านล่างราวกับเย้ยหยันกรกับเสือที่ตั้งท่าตั้งรับด้วยแขนที่สั่นเล็กน้อย ทั้งเพราะแรงสะเทือนของเสียงคำรามและความหวาดกลัวพลังไม่เหลือพอจะใช้ท่าที่รุนแรงอย่าง Armageddon Spectrum ได้แถมจะให้เปิดใช้ Endless Spectrum Throne ก็ไม่รู้อีกว่ามันจะมีผลกระทบกับทุกคนไปด้วยรึเปล่าตอนนี้ที่ทำได้คงต้องใช้ออร่าที่เหลือยื
ไข่ในหิน... ความหมายของมันคือ ของมีค่าที่ต้องทะนุถนอมแต่เคยสงสัยกันรึเปล่า ว่าถ้าเกิดไข่มันรู้ว่าตัวเองอยู่ในหินมันจะรู้สึกอึดอัด?ก็ไม่รู้หรอกนะว่าไข่จริง ๆ มันจะคิดยังไง แต่ถ้าเป็นความรู้สึกที่ถูกถนอมไว้ในหินล่ะก็ บอกเลยว่าตอนนี้ไม่มีใครเข้าใจไปมากกว่าฉันแล้วล่ะ เสียงในจิตใจของเด็กหนุ่มรำพึงขึ้นด้วยความสุขเพราะถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่น กระนั้นก็ไม่อาจเมินเฉยต่อสายตาที่ทิ่มแทงเข้ามาได้ สัมผัสในตอนนี้หากจะให้เปรียบก็คงคล้ายกับรสหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าทว่ากลับมีรสอมขมติดลิ้นเล็ก ๆ นั่นคือเด็กหนุ่มผู้กำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ในปราสาทของอาณาจักรซีทนัลทา โดยห้องดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับเป็นห้องประชุมเล็ก ๆ ที่มีโซฟาขนาดใหญ่หลายตัวล้อมเป็นวงกลม พร้อมกับมีโต๊ะเล็กไว้สำหรับวางเครื่องดื่มตั้งอยู่ด้านหน้าของแต่ละตัว แต่แม้จะบอกว่ามีโซฟาและโต๊ะหลายตัว กระนั้นการจัดเรียงก็ถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่หันหน้าเข้าหากันในลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า เป็นการแบ่งชัดเจนว่าจะมีฝ่ายสนทนาอยู่ถึง 4 ฝ่ายด้วยกัน และแน่นอนว่าประเด็นสำคัญก็คือภายในห้อ
ณ โถงทางเดินอันเงียบสงัดสร้างบรรยากาศขัดตา ด้วยความที่มีชายหญิง 21 คนกระจุกอยู่ในบริเวณเดียวกัน และสาเหตุของสถานการณ์ดังกล่าว คือหญิงสาวในชุดเดรสสีขาวลายลูกไม้ให้บรรยากาศคล้ายกับชุดของเจ้าหญิงในงานเต้นรำ เธอผู้ซึ่งมีเรือนผมสีฟ้าคราม จดจ้องนัยน์ตาสีแดงมายังชายหนุ่มที่เดินนำหน้าสุดถัดจากสาวรับใช้ในวัง ...คือคอร์ดิเรียที่กำลังกอดอกพิงกำแพง รอจังหวะที่กรและพรรคพวกจะเดินผ่าน ซึ่งแน่นอนว่านี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญ〝 มีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ มาด้วยกันหน่อยได้ไหม 〞 คอร์ดิเรียพูดแบบนั้นในขณะที่ส่งสายตาประหนึ่งอ้อนวอน นั่นเป็นสิ่งที่เธอยังไม่เคยแสดงออกมาต่อหน้าพวกกรเลยแม้แต่ครั้งเดียว นั่นจึงทำให้กรและสาว ๆ ขมวดคิ้วเข้าด้วยกันอย่างจริงจังกลับไป ส่วนสาวใช้ที่ยืนคั่นกลางระหว่างทั้งสองคนก็ได้แต่ยืนงงเป็นไก่ตาแตก ก่อนที่จะตั้งสติแล้วโค้งคำนับให้คอร์ดิเรียหนึ่งหนแล้วย่ำเท้าออกจากที่เกิดเหตุโดยพลัน ทำให้คนที่ยืนประจันหน้าอยู่กับคอร์ดิเรียมีเพียงพวกกรเท่านั้นถึงจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไรก็เถอะ แต่แน่นอนอยู่แล้วว่าคำตอบก็คือ〝 ได้สิ... แน่นอนอยู่แล้ว 〞
———— 1 เดือนต่อมา1 เดือนผ่านไปไวยังกับโกหก... ที่เขาว่ากันว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วนี่ดูท่าจะเป็นเรื่องจริงแฮะเพราะแล้วพอรู้ตัวอีกที ก็มาถึง ‘วันตัดสินชี้ชะตา’ ซะแล้วถึงจะไม่อยาก แต่ไม่ช้าก็เร็วยังไงวันนี้ก็ต้องมาถึงเข้าซักวันอยู่ดีส่วนเรื่องที่ว่าตลอด 1 เดือนที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นบ้างนั้น...ขออดเปรี้ยวไว้กินหวาน พูดถึงเรื่องงานก่อนก็แล้วกันหลังจากการประชุมสภาโต๊ะจัตุรัสหนก่อน จนได้ข้อสรุปว่าจะขยายกองกำลังป้องกันให้มากขึ้นกว่าเดิม พวกเราก็ดำเนินการตามแผนกันในทันทีเริ่มจากการจัดหาทรัพยากรสร้างเรือรบ ไม่สิ เพราะมีฟังก์ชั่นลอยตัวของแกนเวทใหม่ของเมอร์ลิน เพราะงั้นก็ต้องเป็น ‘เรือเหาะเวทมนตร์’เดิมทีแผนก็คือสร้างอู่ต่อเรือ 10 แห่งให้เสร็จภายในเวลา 1 สัปดาห์ แต่พอเอาเข้าจริง พวกเราภาคีโต๊ะจัตุรัสก็ทำผลงานได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้ผลก็คือสามารถสร้างอู่ต่อเรือเพิ่มได้ถึง 15 แห่งในเวลาเพียงแค่ 6 วันอาจมองว่าเป็นความต่างเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริงแล้วมันมากมหาศาลเลยเชียวล่ะเพราะตอนแรกประมาณการณ์ไว้ว่าจะมีเรือเหาะที่เป็นกำลังรบได้ 42 ลำ จากการใช้เวลาสร้าง 1 ลำต่อ 1 สัปดาห์ โดยใช้อู่
หลังจากที่ประชุมแผนการพิชิตมหาดันเจี้ยนอย่างเป็นรูปธรรมเสร็จแล้ว พวกเราทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเป็นภาระหน้าที่ที่หนักอึ้งเอาเรื่องเลยสำหรับเด็กหนุ่มเด็กสาวอายุไม่ถึง 20 (ไม่นับอายุทางจิตใจของฉันนะ)พอมานึกดูเล่น ๆ... กลับกลายเป็นพวกเราทุกคนมีงานมีการ มีหน้าที่รับผิดชอบกันเป็นชิ้นเป็นอันกันหมดแล้วก็ถ้าเป็นในโลกเดิม พวกเราทุกคนกำลังเรียน ม.ปลายกันอยู่เลยนี่นะแต่ดูตอนนี้สิ... มีทั้งงาน มีทั้งบ้าน มีทั้งครอบครัวแล้วด้วยมาไกลเหมือนกันแฮะตัวเรา... ทั้งที่เพิ่งจากโลกเดิมมาได้ไม่ถึงครึ่งปีเลยแท้ ๆที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเรามีคู่ชีวิตดี ๆ นั่นแหล่ะนะ ถึงมาได้ไกลขนาดนี้อ๊ะ... เผลอนอกเรื่องอีกแล้วประเด็นที่อยากจะบอกก็คือ ถึงตอนนี้จะมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ แต่ก็อย่าลืมครอบครัวที่คอยสนับสนุนอยู่ต่างหากก็นะ ถึงฉันจะยกเรื่องครอบครัวเป็นอันดับหนึ่งเหนือเรื่องงานอยู่แล้วก็เถอะ แต่ก็ยังอยากจะย้ำกับตัวเองอีกหลาย ๆ รอบอยู่ดีแล้วก็เพราะแบบนั้น ถึงได้ทำให้นึกถึงเรื่องสำคัญที่อยากจะทำออกด้วยคุยกับแมรี่ไว้แล้วนี่นะว่าจะให้แกเข้าโรงเรียนแล้วเดิมที จุดประสงค์หลักที่เป็นแบบนั้นก็คือ อยากจะ
เฮ้อ... ท่ามกลางบรรยากาศสงบสุขในเมือง กลางท้องถนนย่านการค้าที่กำลังคึกคักมากขึ้นเรื่อย ๆ กลับมีเด็กหนุ่มถอนหายใจราวกับไม่พอใจอะไรบางอย่างในชีวิต ทั้งที่เขาคนนี้มีสาวน้อยน่ารักเดินควงแขนอยู่แท้ ๆ“ กร ไม่สนุกที่มาเดทกับดิฉันเหรอคะ ” เด็กสาวเอ่ยถามเด็กหนุ่มที่ทำหน้าเหมือนกับผิดหวังอะไรบางอย่าง แต่พอเห็นสีหน้ากังวลใจของเด็กสาวที่เป็นแฟนของตัวเอง เด็กหนุ่มก็ดีดผึงจนหลังตรงหันมาให้ความสนใจกับเธอในทันที“ ไม่ ๆ ไม่ได้ไม่สนุกที่มาเดทกับเธอหรอกชาลอต แค่นึกถึงเรื่องเมื่อกี้นิดหน่อยน่ะ ” เด็กหนุ่ม... กรตอบกลับแฟนสาวอย่างชาลอตในทันทีเพื่อแก้ความเข้าใจผิด เพราะเดิมที การมาเดทกับเจ้าตัวก็เพื่อให้ชาลอตอารมณ์ดี รวมถึงต้องการจะเห็นแผนสาวสุดที่รักอย่าชาลอตยิ้มออกมาเยอะ ๆ ดังนั้นหากจะทำอะไรให้เธอกังวลและไม่พอใจ นั่นคงเป็นการผิดจุดประสงค์ที่ตั้งใจไว้ของตัวเอง“ เรื่องเมื่อกี้? ที่ทุกคนตกลงว่ากรต้องเดทกับทุกคนทุกวันน่ะเหรอ? ” ชาลอตเอ่ยถาม คิ้วเธอขมวดเล็กน้อยเหมือนไม่เข้าใจว่ากรจะกังวลเรื่องนี้ทำไม ซึ่งก็จริง เพราะกรมีแต่ได้กับได้“ ก็ฉันกลัวจะรับมือกับทุก
“ นาย... เอลกินจริงเหรอ? ” กรถึงกับต้องขมวดคิ้วจ้องมองชายคนที่อยู่ตรงหน้าเพราะไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ซึ่งมีอาเองก็ทำแบบเดียวกัน“ ขอโทษด้วยนะครับ มากะทันหันแบบนี้คงตกใจกันน่าดู ” เอลกินยิ้มตอบแบบไม่ได้คิดมาก“ ไม่ไม่ไม่ ไม่ได้ตกใจเรื่องที่มาปุบปับซะหน่อย ” กรอดที่จะพูดเหมือนกับตกมุกแบบนั้นไม่ได้“ นั่นสิ... ยังกับคนละคนเลยเนาะกร ” มีอาเองก็แอบกระซิบแบบนั้นข้างหูกรเหมือนกัน“ นั่นสินะครับ ต้องอธิบายเรื่องนั้นด้วย แต่ก่อนอื่น... ” และดูเหมือนเอลกินเองก็ได้ยินเสียงกระซิบของมีอา แต่ยังไงก็ตาม เจ้าตัวก็พยายามทำเรื่องที่ตั้งใจไว้หนแรกก่อน เขาจึงยื่นช่อดอกไม้ในมือให้กับกร“ อันนี้แทนคำขอโทษของผมนะครับ ขอโทษด้วยจริง ๆ ที่พูดจาเสียมารยาทไปมากมายเมื่อตอนนั้น ” เอลกินพูดจบก็โค้งให้พวกกรอย่างนอบน้อม ท่าทางนั้นออกมาจากใจจริงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เดิมที หากเขาเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีและโอ้อวดศักดาตัวเองแบบที่เจอกันครั้งแรกจริง เขาคงไม่มีทางยอมทำเรื่องแบบนี้อย่างเต็มใจแน่“ อืม... ยังไงก็เข้ามาก่อนแล้วกัน ว่างั้นไหมมีอา ”“ นั่นสินะ ถ้าขอโทษกันแล้วฉันก็ไม่ต
หลังจากค่ำคืนแห่งพันธะสัญญาจบสิ้นลง ความตื่นเต้นที่ได้รับมาตลอดทั้งวันแปรเปลี่ยนเป็นนิทราทำเอาเหล่าหนุ่มสาวนอนหลับเป็นตายทันทีที่หัวลงถึงหมอนในห้องส่วนตัวของบ้าน ทว่าทุกคนคงไม่คาดคิดมาก่อน ว่าความตื่นเต้นที่สั่งสมมาตลอดทั้งวันจะมีปริมาณเหลือล้นมาจนถึงเช้าอีกวัน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้กรตื่นนอนเช้ากว่าปกติ 30 นาที ทั้งยังไร้อาการสะลึมสะลือใด ๆ“ ...เด็กชะมัดเลยเราเนี่ย ” หลังบ่นอุบแบบนั้นด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ ให้ตัวเอง กรก็ชันตัวขึ้นจากเตียงทันที ต้องขอบคุณเวททำความสะอาดที่เมอร์ลินร่ายให้ทุกคนหลังจากที่กลับมาทำให้ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำก่อนเข้านอน แน่นอนว่ามันไม่ดีสำหรับแมรี่เพราะอาจทำให้ติดสบาย แต่ก็อย่างที่รู้ว่าแกเป็นเด็กฉลาด ย่อมมีวิจารณญาณพอจะเข้าใจได้ว่าอะไรจำเป็นไม่จำเป็นต่อให้เป็นเด็กก็ตาม และก็ต้องขอบคุณเวทของเมอร์ลินนั่น แม้จะผ่านไปคืนนึงแต่ยังรู้สึกสะอาดเหมือนเพิ่งจะขึ้นจากอ่างน้ำอยู่เลยเชียวอยากเจอทุกคนแล้วสิ คิดแบบนั้นกรจึงไม่รอช้าที่จะเปิดลูกบิดออกไปด้วยความตื่นเต้นที่เหลือล้นมาจากเมื่อคืน และคงเป็นแบบนี้ไปอีกหลายวันหรือ
“ ทุกคนคะ... ความรัก คืออะไรเหรอคะ? ”“ “ “ เอ๋!? ” ” ” สิ่งที่เฮเลน่าถามออกมากลางห้องรับรองเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวผู้ไร้อารมณ์คนนี้ตื่นตระหนก แม้จะมีคนมากถึง 18 คนจ้องเธออยู่ ในมือที่ถือทั้งดินสอและสมุดบันทึกเล่มเล็กเองก็ไม่มีแต่การสั่นไหว อนึ่ง... เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ฟลอร่ากับยูมิน่าลากตัวกรออกไปประมาณ 2 ชม. เห็นจะได้“ เห... ทำไมจู่ ๆ ถึงสนใจเรื่องนั้นกันล่ะ ” คนที่แสดงความสนใจเป็นคนแรกอย่างออกนอกหน้าคือเมอร์ลินเจ้าเดิม เธอที่อ่านหนังสือมาตลอดถึงกับปิดหนังสือในมือแล้วหันมาถามเฮเลน่าอย่างจริงจัง“ ฉันแค่ทำตามคำสั่งของมาสเตอร์เท่านั้นค่ะ ” เฮเลน่าตอบกลับในทันทีอย่างที่ทุกคนคาด แน่นอนว่าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนกับที่เป็นมาตลอด “จงตามหาความหมายในการใช้ชีวิตของตัวเอง” คำพูดของกรที่เป็นคำสั่งเพียงหนึ่งเดียวซึ่งมอบให้กับเฮเลน่า ในวันที่เฮเลน่าถูกปลดปล่อยจากพันธะทั้งปวงและเป็นอิสระ ทุกคนเองก็อยู่ที่นั่นจึงเข้าใจแม้ไม่ต้องเอ่ยปาก“ แล้ว? ” เมอร์ลินถามย้ำคล้ายกับกำลังสอบปากคำ แต่ในอี
หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นมาตลอดสองวัน(เรื่องที่เจนนี่ ไมน์และรีเบคก้าสุดท้ายก็ตอบตกลงคบกับกรในที่สุด) จนทำให้สถานการณ์ความปั่นป่วนของสาว ๆ รอบตัวกรลดน้อยลงไปครึ่งนึง ...ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ“ “ “ ยินดีด้วย!!! ” ” ” เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีดังก้องไปทั่วทั้งบาร์ของโรงแรมอิกดราซิล มาจากเสียงของเหล่านักผจญภัยรวมถึงเพื่อนพ้องของกร ...ส่งไปยังเด็กสาว 3 คนที่กำลังยืนเด่นเป็นสง่ากลางร้าน ประกอบด้วยเจนนี่(ในร่างของเบลนด้า อัลบา) ไมน์และรีเบคก้า ที่กำลังน่าแดงก่ำเพราะความอาย“ พอเถอะน่า มันน่าอายนะ ”“ แหม ๆ เรื่องน่ายินดีแบบนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอายซักหน่อยนะฮ้า! ” คาลอสเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งเสียง วี๊ดวิ้ว! คล้ายกับจะกลั่นแกล้งสาว ๆ ที่กำลังบิดตัวไปมาด้วยความเขินอาย กรเห็นแบบนั้นก็เริ่มจะทนไม่ไหวจนต้องก้าวเข้ามาขัดจังหวะ“ เอาล่ะ ๆ แค่พอหอมปากหอมคอก็พอแล้ว... งานเลี้ยงจบแล้ว แยกย้าย ๆ ” กรพูดตัดบทพร้อมกับเดินเข้าไปกลางวงทั้งสามคนก่อนจะดันหลังทั้งสามให้ออกมาจากจุดรวมสายตา กระนั้นก็ไม่วายถูกทุกคนล้อในเชิงประมาณว่า “หึงด้วยเว้ย” ไ
“ แม้นโกรธาราวสิขานล แต่สิ่งที่ผู้อื่นยลต้องเป็นเหมันต์ ”นั่นคือคติประจำตระกูลของฉัน... มีความหมายว่า ต่อให้รู้สึกอย่างไรก็จงแสดงออกมาเสมือนว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นอย่าให้ใครรู้ว่าโกรธ... อย่าให้ใครรู้ว่ากำลังเศร้า... อย่าให้ใครรู้ว่ากำลังดีใจ...นั่นแหล่ะคือความหมายของมัน และยังเป็น... คุณสมบัติสำคัญขององครักษ์ที่ควรมีสำหรับฉันที่เกิดมาก็ได้รับหน้าที่นั้นเป็นเหมือนชนักติดตัว ถึงจะคิดว่าลำบากก็เถอะแต่ตอนนี้ก็ชินไปแล้วและสิ่งที่ทำให้ฉันสามารถทำมันได้ ก็เพราะรอยยิ้มของคนที่ฉันต้องปกป้อง... รอยยิ้มของไมน์เด็กคนนี้เหมือนกับทุ่งดอกไม้หลากสี ร่าเริงสดใส เริงระบำไปตามเสียงบรรเลงเพลงตามแต่สายลมจะพัดพา เป็นเด็กที่ชอบเรื่องสนุกสนาน ฉันถึงอยู่ด้วยไม่มีเบื่อ ถึงจะไม่แสดงออกก็เถอะเพราะยังไงการเก็บความรู้สึกสุขไว้ในใจไม่ให้แสดงออกมา มันง่ายกว่าการกักเก็บความทุกข์ไว้ในอกคนระดับเลยแต่ถึงคิดแบบนั้น เดิมทีตัวฉันก็ไม่ได้เป็นคนคิดอะไรมากอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์แบบไหนก็พร้อมรับมือได้หมด และต่อให้ต้องสละชีวิตเพื่อปกป้องไมน์ก็ไม่รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อยเพราะงั้นความรู้สึกทุกข์ใจจึงไม่ค่อยมี หรือไม่ก
ตั้งแต่ตอนเด็ก ตัวฉันที่เป็นเจ้าหญิงก็ได้แต่อยู่ในปราสาทตามคำบอกกล่าวของคุณพ่อแต่มันก็ไม่ได้แย่นักหรอก เพราะอย่างน้อยฉันก็มีเพื่อนเล่นอยู่ คน ๆ นั้นก็คือรีเบคก้าที่เป็นเพื่อนอายุเท่ากันของฉัน คอยดูแลและเล่นด้วยกันมาตลอดตั้งแต่ที่จำได้แล้วและสิ่งที่ใช้ฆ่าเวลาอีกอย่างคือ หนังสือนิทานในห้องสมุดสำหรับเด็กผู้หญิงอย่างฉัน นิทานทั้งหมดเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ไม่เคยพบเคยเห็น โดยเฉพาะฉันที่ไม่เคยออกไปนอกตัวปราสาท เพราะแม้แต่การเดินทางฉันยังต้องปิดบังใบหน้าเอาไว้เลย แต่ตอนนั้นฉันยังเด็กถึงไม่รู้สึกว่าแปลกอะไรน่าตลกดี ที่สิ่งที่สอนให้ฉันรู้จักโลกภายนอกคือหนังสือเหล่านั้นที่อยู่ข้างกายมาตลอดความลึกลับอันน่าพิศวง มอนสเตอร์น่ากลัว ความงดงามของธรรมชาติ วิถีชีวิตของผู้คน เรื่องราวทั้งหมดที่ร้อยเรียงทำให้ฉันจินตนาการภาพฝันของโลกภายนอกไว้อย่างสวยงาม และหวังว่าซักวันจะได้ออกไปและในวันหนึ่ง ฉันก็ได้รู้จักอาชีพที่เรียกว่า ‘นักผจญภัย’อาชีพที่สามารถไปได้ทุกที่ที่อยากไป ทำได้ทุกสิ่งที่ต้องการ แสวงหาทุกสิ่งด้วยตัวเองกับพวกพ้องที่ไว้ใจได้แต่ถ้าจะว่ากันตามตรง เนื้อหาของมันก็ไม่ต่างจากนิทานทั่วไปที่มีพระเอ