ขบวนเจ้าบ่าวเดินทางมาถึงหน้าจวนรองแม่ทัพตรงเวลา โดยมีแม่ทัพใหญ่ที่สวมชุดเจ้าบ่าวยิ้มแฉ่งอยู่บนหลังม้ามาตลอดทางจากจวนแม่ทัพใหญ่ แม่สื่อทำหน้าที่ของนางทันทีที่มาถึง ซื่อหวนลงลงจากหลังม้าไปคารวะชางจ้าวหลงและติงกวนที่รอต้อนรับเจ้าบ่าวตามประเพณี ไม่นานนักเสี่ยวชิง ติงเอ้อและติ้งอ้ายที่แบกม่านหรูไว้บนหลังเดินตามกันมา ก่อนที่นางกับติงเอ้อจะปล่อยให้ติงอ้ายแบกม่านหรูเข้าไปนั่งในเกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหาม หลังแม่สื่อทำหน้าที่เสร็จ ทุกคนก็ออกเดินทางพร้อมขบวนสินเดิมและของหมั้นยาวนับ 10 ลี้ ชาวเมืองที่มาร่วมดูความสนุกสนานต่างได้รับซองเงินที่ซื่อหวนหลงสั่งทหารติดตามให้แจกจ่ายเพื่อขอบคุณตามธรรมเนียม
ชางจ้าวหลงกับติงกวนแทนที่จะดีใจที่ม่านหรูออกเรือน พวกเขาต่างหมั่นไส้หลานเขย ลูกเขยแทน เพราะเท่าที่พวกเขาสืบข่าวมา แม่ทัพใหญ่มักมีสีหน้านิ่งเรียบอยู่เสมอ แต่ที่พวกเขาเห็นกลับต่างจากข่าวที่ได้มาราวฟ้ากับเหว แล้วจะไม่ให้พวกเขาที่หวงม่านหรูมาตลอดหงุดหงิดได้อย่างไร หากไม่ติดว่าเป็นพระราชโองการ สองคนนี้คงไม่ยอมปล่อยม่านหรูให้ออกเรือนง่ายขนาดนี้
ในงานเลี้ยงครั้งนี้ไม่ได้มีเฉพาะครอบครัวเสนาบดีกรมอาญาเท่านั้นที่อยากเกี่ยวดองกับสกุลติง แต่ครอบครัวขุนนางและทหารคนอื่นต่างก็พาลูกสาวไปทำความรู้จักกับรองแม่ทัพคนใหม่เช่นกัน เสียดายที่ติงเอ้อกับติงอ้ายไม่แม้แต่จะสนใจลูกของพวกเขา เพราะทั้งสองมองว่าตนเองเป็นเพียงรองแม่ทัพเล็ก ๆ ถึงพวกนางจะสวยมากขนาดไหน พวกเขาทั้งสองก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย อีกทั้งพวกเขาเพิ่งอายุ 15 ย่าง 16 จึงไม่คิดรีบร้อนที่จะมีภรรยา พวกเขาอยากทำงานเก็บเงินให้ครอบครัวสุขสบายก่อนชางจ้าวหลง ติงกวนและเสี่ยวชิงใช่ว่าจะไม่รู้จุดประสงค์ของแขก เพียงแต่ว่าพวกเขาเห็นติงอ้ายกับติงเอ้อไม่ได้แสดงออกว่าชอบพวกนาง พวกเขาจึงไม่ได้พูดคุยกับขุนนางและทหารเหล่านั้นมากเกินไปนักจี้หยางสงสัยว่าเหตุใดชางจ้าวหลงจึงไม่สนใจครอบครัวทหารกับขุนนางซึ่งเข้ามาแนะนำลูกสาวให้ครอบครัวพวกเขารู้จัก“ท่านปู่ติง เหตุใดท่านไม่คิดจะเกี่ยวดองกับคนเหล่านั้นเล่า”“ข้าแล้วแต่หลานชายทั้งสองเท่านั้นท่านตาจี้ หากเด็ก ๆ ไม่สนใจ
เหล่าเฒ่าชรารู้ว่าเสนาบดีซวงคงมีเรื่องอยากคุยอีกมาก พวกเขาจึงบอกติงอ้ายกับติงเอ้อแยกไปอีกโต๊ะพร้อมบุตรสาวเสนาบดีซวง ซวงหานก็ไม่คิดเกรงใจ เขาพาฮูหยินนั่งข้างฮูหยินติง ส่วนตนเองก็นั่งติดกับนาง และเริ่มบทสนทนากับชางจ้าวหลงอีกครั้งในเรื่องที่เขาคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้“อืม ข้าคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหานะท่านเสนาบดี อย่างไรติงอ้ายก็ต้องดูแลตระกูลติงต่ออยู่แล้ว ส่วนติงเอ้อจะให้ไปดูแลตระกูลท่านข้าก็ยินดี ลูกคิดเหมือนพ่อไหม?”“ขอรับท่านพ่อ ข้ากับเสี่ยวชิงเห็นด้วยขอรับ อย่างไรพวกเราก็อยู่กับติงอ้ายอยู่แล้ว ถ้านัดทานอาหารกันที่จวนให้หายคิดถึงก็ไม่เลวขอรับ”“จริงอย่างที่ท่านพี่บอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ อย่างไรพวกเราก็มีติงอ้ายอยู่ทั้งคน หากติงเอ้อมีท่านเสนาบดีคอยสอนก็นับเป็นวาสนาของเขาแล้วเจ้าค่ะ”“ขอบคุณพวกท่านมากที่ไม่ปฏิเสธคำขอที่เห็นแก่ตัวของข้าขอรับ เสียดายข้าไร้ญาติขาดมิตร หากไม่มีฮูหยินคอยให้กำลังใจต่อสู้ร่ำเรียนจนสอบผ่าน ข้าก็คงไม่มีวันนี้ ข
รุ่งเช้าวันต่อมา ม่านหรูถูกสามีปลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างอีกครั้ง นางที่รับมือกับสามีบ้าพลังตั้งแต่เมื่อคืนไม่รู้จะจัดการเขาอย่างไร กว่าที่นางจะได้อาบน้ำตอนเช้าก่อนไปยกน้ำชาให้พ่อกับแม่สามี เวลาก็เกือบจะล่วงเลยยามสายไปแล้ว ม่านหรูปวดเมื่อยตัวไปหมดจนต้องเดินลมปราณเพื่อผ่อนคลายอยู่หลายรอบ นางแอบก่นด่าสามีที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจเสียบ้างซื่อหวนหลงที่ได้รักภรรยาแทบทั้งคืนและยังตบท้ายตอนเช้าตรู่อารมณ์ดีจนผิดปกติ เขาอุ้มภรรยาเข้าห้องไปอาบน้ำให้นางก่อนจะเช็ดตัวให้และปล่อยตัวนางไปแต่งตัวรอเขา ม่านหรูได้แต่กลอกตามองฟ้ากับพฤติกรรมของสามี นางไม่คิดว่าท่านแม่ทัพผู้เคร่งขรึมยามออกรบจะมีนิสัยเช่นนี้จริง ๆทั้งคู่ออกจากห้องหอโดยที่ยังไม่มีข้าวเช้าตกถึงท้องแม้แต่น้อย ม่านหรูที่หิวจัดเอาแต่บ่นสามีไปตามทาง“ท่านหัดรู้จักหักห้ามใจเสียบ้างนะท่านพี่ ไม่อย่างนั้นข้าจะหนีกลับบ้านสักวัน ฮึ่ย!”“เพ้ย! ภรรยาจ๋าเจ้าจะทิ้งข้าให้นอนเดียวดายได้อย่างไร อีกอย่างเมื่อคืนเป็นก
“ม่านหรู มานี่สิลูก แม่กับพ่อซื้อของรับขวัญสะใภ้มาให้เจ้าด้วย ดูสิว่าชอบหรือไม่”“อ้าว ท่านพ่อ ท่านแม่ เหตุใดจึงมีแต่ของเมียข้าเล่า ของข้าไม่มีด้วยหรือ”“เอ๊ะ! เจ้านี่ยังไง พ่อกับแม่จะให้เมียเจ้าคนเดียว สมบัติเจ้าก็มีตั้งมาก ยังคิดจะอยากได้ของเล็กน้อยพวกนี้อีกหรืออย่างไร” จี้หย่งชิงลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด นางคุยกับลูกชายเรื่องมากด้วยเสียงห้วน ๆ แต่พอคุยกับม่านหรูกลับเสียงอ่อนเสียงหวาน“ฮือ… ท่านปู่ ท่านตา ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่รักข้าอีกแล้วขอรับ” ซื่อหวนหลงปล่อยมือภรรยารักแล้วเข้าไปเกาะขาตากับปู่อย่างออดอ้อน ม่านหรูที่เห็นเข้าได้แต่หัวเราะคิกออกมาอย่างอดไม่ได้ นางเพิ่งเคยเห็นเขาทำตัวเช่นนี้ต่อหน้าญาติ“ฮึก ภรรยา เจ้าหัวเราะข้าหรือ? เจ้าก็ไม่รักข้าเหมือนท่านพ่อ ท่านแม่ใช่หรือไม่?”“อ้าว เหตุใดท่านจึงหาเรื่องมาให้ข้าเล่า ข้าแค่หัวเราะที่ท่านทำตัวอย่างกับเด็ก ๆ แล้วข้าผิดตรงไหน ท่านเลิกทำตัวเช่นนี้ได้แล้ว รู้จักอับอายคนอื
วันต่อมาเป็นวันที่ม่านหรูกับซื่อหวนหลงต้องเดินทางไปค้างที่บ้านเดิมหนึ่งคืนตามธรรมเนียม จี้หย่งชิงสั่งบ่าวให้นำของขวัญไม่น้อยขึ้นรถม้าของลูกชายกับลูกสะใภ้ด้วย นางยังฝากความคิดถึงแม่ของม่านหรูและชวนครอบครัวนางมากินข้าวกันสักมื้อหนึ่งเพื่อทำความรู้จักกันอีกครั้งจะได้สนิทสนมกันมากขึ้นม่านหรูคารวะขอบคุณแม่สามีที่ใจดีกับนางและครอบครัวก่อนจะขึ้นรถม้าออกเดินทางไปยังจวนน้องชายนางพร้อมสามีที่ยิ้มแฉ่งอยู่ เพราะเมื่อคืนนี้เขาใช้ตอนภรรยากำลังเคลิ้มหลับ จัดการเผด็จศึกนางเสียหลายรอบ แต่ครั้งนี้เขาไม่กล้าทำเกินเลยไปนัก ด้วยรู้ว่าวันนี้ยังต้องเดินทางกลับบ้านภรรยาที่มีท่านปู่แสนดุร้ายอยู่ด้วยรถม้า 2 คัน พร้อมคนขับและทหารติดตามอีก 4 คน ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางไปถึงหน้าจวนตระกูลติง เส้าเฉิงที่กำลังรอพวกเขาอยู่ให้คนเชิญพวกเขาเข้าไป ส่วนเขานั้นรีบเดินเข้าไปรายงานเหล่านายท่านที่กำลังนั่งรอกันอยู่ในห้องโถงรับแขกทุกคนที่นั่งรออยู่พากันลุกเดินไปยืนรอม่านหรูกับซื่อหวนหลงที่เพิ่งจอดรถม้าด้านหน้าเรือ
ชางจ้าวหลงที่ยิ่งสอนยิ่งทึ่งในพรสวรรค์ของซื่อหวนหลง ทั้งที่เขาคิดว่าม่านหรูมีพรสวรรค์มากแล้ว แต่ซื่อหวนหลงกลับยิ่งมีมากกว่าหลานสาวเขาเสียอีก ทำให้ชางจ้าวหลงที่คราแรกสอนเพียงวิชาฝ่ามือ แต่ตอนนี้เขาสอนวิชามีดบินให้หลานเขยเพิ่มอีกด้วย กว่าที่ทั้งสองจะหยุดมือเพราะมีบ่าวมาตามไปกินข้าวชางจ้าวหลงเดินไปชมซื่อหวนหลงไปจนถึงห้องอาหาร ทำเอาซื่อหวนหลงที่ไม่คิดว่าท่านปู่จะใจดีเช่นนี้ยิ้มแฉ่ง ทั้งที่ตอนแรกเขาคิดว่าท่านจะล้างแค้นแทนหลานสาวที่ถูกเขารังแกจึงคิดจะสอนวรยุทธ แต่ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าท่านปู่ตั้งใจสอนเขาจริง ๆ ต่อไปเขาจะได้ดูแลภรรยาตัวน้อยให้ดีด้วยวรยุทธที่เพิ่งเรียนมาระหว่างทานอาหาร ชางจ้าวหลงยังสั่งสอนหลานชายให้เอาอย่างพี่เขยและยังบอกทั้งคู่ด้วยว่าซื่อหวนหลงเก่งกาจขนาดไหน ม่านหรูที่กินไปฟังไปนึกทึ่งไม่น้อยที่ท่านปู่นางชื่นชมสามีไม่ขาดปาก ขนาดนางที่ท่านปู่ชมบ่อย ๆ ยังไม่เคยเห็นท่านปู่จะพอใจเท่ากับการชมสามีนางครั้งนี้เลย ยิ่งเห็นท่านปู่เล่าอย่างมีความสุข นางก็ยิ้มตามไปด้วยเช่นกัน
ระหว่างมื้อเย็น ซื่อหวนหลงเอาอกเอาใจม่านหรูด้วยการคีบอาหารส่งให้นางจนแทบล้นถ้วยข้าว ปกติม่านหรูหากยังโกรธเขาอยู่นางจะไม่ยอมกิน แต่มื้อนี้นางนั่งเคี้ยวตุ้ย ๆ อย่างไม่สนใจใคร เขาที่เพิ่งสังเกตว่าเมียรักกินเยอะกว่าปกติก็หันไปมองที่ท่านปู่ทันที ชางจ้าวหลงรู้ว่าหลานเขยคิดสิ่งใด เขาจึงพยักหน้ารับว่ามื้อเที่ยงนางก็กินเช่นนี้ กระทั่งทุกคนอิ่มแล้วแต่ม่านหรูยังคงกินข้าวต่ออีกถ้วยก่อนจะหยุดกินเมื่อข้าวของนางหมดลงตอนนี้พวกเขามั่นใจแล้วว่าม่านหรูน่าจะป่วยเป็นแน่ ชางจ้าวหลงจึงกระซิบบอกอ้ายจงให้ส่งคนไปตามหมอมาด่วน ส่วนเขาก็ทำทีชวนทุกคนไปนั่งคุยกันที่ห้องโถงรับแขกก่อนนอน เพราะนานมากแล้วที่ม่านหรูไม่ได้มาที่บ้านม่านหรูคิดตามท่านปู่ก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะออกไปนั่งคุยกัน นางอยู่จวนก็ไม่คุยกับใครมากนักนอกจากพ่อกับแม่สามี ในเมื่อนางกลับบ้าน นางจึงคิดจะถามน้องเรื่องคู่หมั้นของพวกเขาสักหน่อยบ่าวที่รู้ว่าเหล่าเจ้านายจะไปนั่งคุยกันต่อก็รีบบอกบ่าวอีกคนไปเตรียมน้ำชากับของว่างตามพวกเขาไปที่ห้องโถงรับแ
ข่าวการตั้งครรภ์ของม่านหรูแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็วดั่งว่านางเป็นคนดังในเมืองหลวงอย่างไรอย่างนั้น ทั้งที่ตั้งแต่แต่งงานมา นางกับสามียังไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยกันแม้แต่ครั้งเดียว ใช่ว่าไม่มีขุนนางส่งบัตรเชิญมาที่จวนแต่เพราะสามีนางบอกว่าเขาเลือกไปเฉพาะขุนนางที่สนิทสนมกันสองสามคนเท่านั้น ถึงจะมีขุนนางระดับเสนาบดีเขาก็ไม่สนใจที่จะไป นอกจากส่งของขวัญไปตามมารยาทตระกูลติงที่ทราบว่าม่านหรูตั้งครรภ์แต่แรกก็หมั่นมาเยี่ยมนางที่จวนมากกว่าจะให้นางต้องเหน็ดเหนื่อยเดินทางไปค้างที่บ้านตระกูลติง ซึ่งครั้งก่อนที่นางมาค้างก็เกิดข่าวลือจากใครที่ไหนปล่อยออกมาก็ไม่ทราบได้ ว่าม่านหรูกับท่านแม่ทัพใหญ่ไม่ลงรอยกันจนนางหนีกลับบ้านเดิม ทำให้ทั้งจวนแม่ทัพและจวนรองแม่ทัพต้องแก้ไขข่าวลือที่ออกมากันถึงสองสามวัน กว่าที่ทุกคนในเมืองจะเข้าใจว่าม่านหรูคงแพ้ท้องจึงแอบหนีกลับบ้านก็เท่านั้นตอนนี้ม่านหรูตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือนแล้ว นางยังคงสดใสร่าเริงหลังจากต้องอดทนกินยาบำรุงครรภ์เพื่อเจ้าตัวน้อยในท้องทุกวัน ข้อดีของยาทำใ
สายวันต่อมา ขันทีผางนำป้ายพระราชทานพาโหวซื่อหลงกับโหวฮูหยินเดินทางไปยังจวนโหวที่ฝ่าบาทประทานให้ คนอื่น ๆ ต่างตามไปดูเช่นเดียวกัน พวกเขาที่อยากรู้ว่าจวนโหวที่ได้รับหน้าตาเป็นอย่างไรต่างเดินตามขบวนขันทีและทหารไปทิศเหนือใกล้กับวังหลวง กระทั่งขันทีผางสั่งทหารนำป้ายโหวซื่อหลงไปติดเอาไว้ที่หน้าประตูใหญ่ตรงหน้า ทุกคนจึงเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะจวนที่เห็นตอนนี้นั้นใหญ่โตยิ่งกว่าทุกจวนที่พวกเขาเคยเห็นมาเสียอีก“ท่านโหวขอรับ นี่เป็นกุญแจห้องทั้งหมดในจวนโหว ส่วนสิ่งของพระราชทานถูกส่งมาที่จวนตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วขอรับ เชิญท่านโหวกับโหวฮูหยินตรวจสอบตามรายการที่ข้าเขียนให้ในนี้ได้เลยขอรับ ใบรายการอีก 5 ใบนี้ เป็นของท่านติงกั๋วกง รองแม่ทัพแดนเหนือ ผู้ช่วยรองแม่ทัพแดนเหนือ รองแม่ทัพขั้น 3 และกุนซือขั้น 3 ขอรับ”ขันทีผางยื่นส่งใบรายการทั้งหมดให้พวกเขาทีละคน จากนั้นเขาและทหารที่เดินทางมาด้วยกันก็ขอลากลับวังไป ซื่อหวนหลงเปิดประตูใหญ่ออกข้างหนึ่ง ภายในมีพ่อบ้านยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาแนะนำชื่อตนเองและแนะนำบ่าวไพ
ก่อนถึงวันงานเลี้ยงหลังกลับจากเมืองชายแดนตะวันออก ม่านหรูสั่งบ่าวให้นำทางนางไปซื้อกวานเพื่อเตรียมงานสวมกวานให้ลูกชายในช่วงบ่ายวันนี้ ก่อนไปยังเมืองชายแดนม่านหรูนำตั๋วแลกเงินติดตัวมามากถึงหนึ่งหมื่นตำลึง ระหว่างทางพวกนางใช้จ่ายค่าเสบียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ม่านหรูมีเงินเหลืออยู่เก้าพันกว่าตำลึงบ่าวในจวนรองแม่ทัพพาม่านหรูไปร้านเครื่องประดับที่ดีที่สุดในเมืองหลวง ม่านหรูบอกเถ้าแก่ให้นำกวานที่ดีที่สุดมาให้นางเลือก ไม่นานนักนางก็ได้กวานทองสองอันที่มีลวดลายแตกต่างกัน อันหนึ่งนั้นเป็นลายเมฆมงคล ส่วนอีกอันเป็นลายใบไผ่ที่สวยสดใสเหมาะกับซื่อซีซวน ม่านหรูจ่ายค่ากวานไปเกือบสามพันตำลึง ก่อนจะชวนบ่าวกลับจวนเพื่อเตรียมพิธีสวมกวานต่อในช่วงบ่ายที่จวนรองแม่ทัพวันนี้ต่างครึกครื้นและเต็มไปด้วยความสุขหลังจากเจ้านายทั้งสองของจวนเสร็จสิ้นพิธีสวมกวาน เหล่าบ่าวไพร่ในจวนต่างได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงไม่เว้นแม้แต่คนเดียว พวกเขายิ่งรู้สึกซาบซึ้งมากขึ้นไปอีกที่นายท่านถึงอายุจะยังน้อยแต่กลับมีความคิดมากกว่าผู้ใหญ่เสียอ
กลางดึกคืนนั้น ม่านหรูแอบไปพบท่านปู่เพื่อบอกเรื่องที่สามีกับลูกนางกล่าวไว้เมื่อตอนเย็น ชางจ้าวหลงคิดสักพักก็เข้าใจดีว่าพวกเขาคงห่วงม่านหรูมากเกินไป“แล้วเจ้าจะแอบขึ้นเรือกับปู่หรือไม่เล่า ปู่ให้คนเตรียมเชื้อไฟเอาไว้ไม่น้อยแล้ว”“ข้าจะไปพร้อมท่านปู่กับหลาน ๆ เจ้าค่ะ แผนการของเราจะต้องพังเรือทั้งหมดนี่นา”“เช่นนั้นเจ้าให้คนเตรียมเชื้อไฟเอาไว้หรือยัง เราจะได้แอบเดินทางออกไปก่อน”“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะท่านปู่ ข้ายังเอาถุงทรายติดตัวไปด้วย เผื่อต้องใช้ในการต่อสู้”“อืม ดีที่เจ้ารอบคอบ ส่วนปู่นั้นสามารถใช้หยดน้ำแทนมีดบินได้ เอาล่ะ เราไปกันได้แล้วกระมัง เดี๋ยวจะเสียแผนเอา”ม่านหรูพยักหน้ารับคำชางจ้าวหลง ก่อนที่ทั้งสี่คนจะใช้วิชาตัวเบาไปยังหาดทรายที่เดิม เพียงแต่ครานี้กว่าที่ทุกคนจะหลบหลีกคนของกองทัพใหญ่ได้ก็เสียเวลาไม่น้อยเลยทีเดียวครึ่งชั่วยามต่อมา กองเรือโจรสลัดมาเ
สายวันต่อมา โจรสลัดขึ้นบกมาปล้นฆ่าชาวบ้านเหมือนทุกวัน ทหารที่เฝ้าอยู่รีบส่งคนไปแจ้งท่านแม่ทัพในจวน ก่อนที่ทหารทั้ง 19 คน จะต่อสู้กับโจรสลัดรอให้ทหารอีกจำนวนหนึ่งที่ลาดตระเวนอยู่ใกล้ ๆ มาช่วยพวกเขาไม่ถึงสองเค่อ กองทัพของหนิงจิ้งจิวก็พาทหารเข้าจัดการกลุ่มโจรสลัด โดยมีโจรสลัดบางส่วนวิ่งไปยังชายหาดเพื่อหลบหนีเช่นทุกครั้ง แต่ด้วยตอนนี้ทหารรู้ว่ากับดักถูกทำลายแล้ว พวกเขาจึงวิ่งตามอย่างเต็มกำลังจนสามารถจับกุมคนกลับมาได้ถึงสี่คนในคราวเดียว ส่วนโจรสลัดที่กำลังต่อสู้อยู่ก็ถูกฆ่าตายทั้งหมด นี่นับเป็นครั้งแรกที่กองทัพสามารถจับโจรสลัดกลับไปสอบสวนได้ เพียงแต่ภาษาที่พวกเขาพูดมานั้นไม่มีใครสามารถแปลออก พวกเขาจึงทำได้เพียงนำโจรไปกักขังไว้ก่อนแล้วลาดตระเวนรอบชายหาดต่อจนถึงตอนเย็นกลางดึกของวัน ชางจ้าวหลงกับม่านหรู ติงเฟิงหยางและติงเฟิงฮุยมาชายหาดเหมือนกับเมื่อคืนวาน เด็กทั้งสองอยากเรียนวิธีทำลายกับดัก ชางจ้าวหลงให้พวกเขาตามมาด้านหลังและไม่ให้พวกเขาวิ่งวุ่นวาย แต่เสียดายคืนนี้ไม่มีกับดักให้ทำลายเลยแม้แต่น้อยหลังจากที่ช
หลังจากงานศพของทั้งสองคหบดีใหญ่เมืองไห่หลงผ่านไปด้วยดี กว่าที่ซีฮันกับซีซวนจะรู้ข่าวก็สายไปเสียแล้ว พวกเขายังติดงานและไม่สามารถลาไปเคารพทวดที่หลุมฝังศพได้ ในจดหมายท่านพ่อสั่งให้พวกเขารอสิ้นปีจึงค่อยกลับไป ทั้งสองตอนนี้ทำได้เพียงสั่งทหารไปซื้อกระดาษเงินกระดาษทองกับธูปเทียนมาทำพิธีส่งวิญญาณท่านทวดของพวกเขาที่จวนเท่านั้นสองปีต่อมาซื่อหวนหลงได้รับพระราชโองการให้กลับไปเมืองหลวงเพื่อคุมทัพใหญ่ไปช่วยชายแดนตะวันออกซึ่งตอนนี้ถูกโจรสลัดเข้ามาปล้นฆ่าชาวบ้านกันเป็นว่าเล่น เขาจึงรีบสั่งการให้คนไปแจ้งทหารทั้ง 200 นายเตรียมตัวออกเดินทางทันที ม่านหรูอยากไปกับเขาแต่นางรู้ดีว่าครั้งนี้คงไม่สามารถฝ่าฝืนกฎทหารได้อีก นอกจากฝ่าบาทจะส่งราชโองการมาอีกฉบับเพื่อให้นางช่วยเหลือการศึกในครั้งนี้ก่อนออกเดินทาง ซื่อหวนหลงยังสั่งภรรยารักว่าให้ดูแลจวนกับลูกให้ดี เขาจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุดหลังเสร็จงาน ม่านหรูได้แต่พยักหน้ารับคำสามีด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก นางรู้สึกว่าการศึกครั้งนี้ไม่น่า
ม่านหรูเชิญให้ท่านปู่นั่งที่นั่งประธานของบ้าน ส่วนนางกับสามีนั่งลงอีกข้างหนึ่งของห้องโถงใหญ่พร้อมลูกสาว อีกด้านเป็นติงกวน เสี่ยวชิงกับหลาน ๆ นั่งด้วยกัน พวกเขาต่างทักทายกันเสียงจอแจ ก่อนที่ฮวยหลิวจะชวนลูกพี่ลูกน้องออกไปเล่นที่สวนด้านหลังและปล่อยให้พวกผู้ใหญ่คุยกัน“ท่านปู่สบายดีไหมเจ้าคะ ในจดหมายน้องรองบอกว่าท่านยังคอยสอนวรยุทธเด็ก ๆ จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ข้ากับน้องเป็นห่วงท่านนะเจ้าคะ”“เพ้ย! เจ้าจะฟังเด็กสองคนนั้นทำไมกัน ข้าออกจะแข็งแรงอย่างกับอะไรดี มีแต่พ่อแม่เจ้านั่นแหละที่ช่วงนี้ป่วยออด ๆ แอด ๆ น่ะ เจ้าห่วงพวกเขาจะดีกว่า ฮึ!”ชางจ้าวหลงสะบัดหน้าหนีอย่างงอนๆ หลานสาวคนนี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขานั้นแข็งแรงยิ่งกว่าพวกนางเสียอีก ม่านหรูเห็นอาการของท่านปู่ก็ได้แต่ถอนหายใจ“ข้ารู้เจ้าค่ะท่านปู่ แต่อย่างน้อยท่านก็ควรจะพักผ่อนตามวัยบ้าง ส่วนท่านพ่อท่านแม่มีน้องรองกับน้องสามคอยดูแล ข้าจึงไม่ได้ห่วงอะไรมากนัก อย่างไรพวกท่านก็ไม่มีวรยุทธ การที่จะเจ็บ
ซื่อซีฮันตอนนี้สอบเข้ารับราชการเป็นรองแม่ทัพตอนอายุเพียง 13 ปีเท่านั้น ส่วนซื่อซีซวนสอบจอหงวนได้อันดับที่สามและได้รับตำแหน่งทั่นฮวาโดยฮ่องเต้ผู้ที่เห็นหลาน ๆ เก่งกาจตั้งแต่อายุยังน้อยไม่ต่างจากพ่อของพวกเขาดีใจที่พวกเขามีใจรักแว่นแคว้นจนอยากอุทิศตัวทำงานให้กับเขาแทนโหวซื่อหลง จ้าวเซียงหลงแต่งตั้งให้ซื่อซีซวนเป็นกุนซือประจำกองทัพเพื่อให้พวกเขาพี่น้องสามารถทำงานร่วมกันได้การเดินทางมาสอบครั้งนี้ของเด็กทั้งสอง มีซื่อหวนหลงกับม่านหรูรวมทั้งซื่อฮวยหลิวมาให้กำลังใจด้วย เมื่อทราบผลการสอบและตำแหน่งที่ลูกได้รับการแต่งตั้ง ซื่อหวนหลงกับม่านหรูก็พาลูกสาวเดินทางกลับเมืองไห่หลง เนื่องจากตอนนี้ท่านตาของซื่อหวนหลงนั้นป่วยออด ๆ แอด ๆ ไม่ต่างจากปู่ของเขาที่อายุมากแล้ว พวกเขาจึงไม่สามารถอยู่ดูแลลูกชายต่อได้ หลังจากนี้คงต้องปล่อยพวกเขาให้รับผิดชอบงานในหน้าที่ของตนเองไป ถึงแม้ซื่อฮวยหลิวจะไม่อยากจากพี่ชายทั้งสองไป แต่นางไม่อาจเอาแต่ใจได้มากนัก ด้วยตัวนางเองก็เป็นห่วงท่านปู่ทวดทั้งสองซึ่งมีนางคอยดูแลและเป็นกำลังใจให้พวกท่านมาตลอด นางกลัวว่าหากนางไม่อย
ม่านหรูที่คิดจะไปเยี่ยมครอบครัวจำเป็นต้องหยุดแผนการเอาไว้ก่อนจนกว่านางจะคลอด ซื่อหวนหลงก็พักงานอย่างอื่นเพื่อคอยดูแลม่านหรูตลอดเวลา ส่วนงานในร้านค้าเขาก็สั่งพ่อบ้านของจวนตระกูลจี้ดูแลแทน จี้หยางที่กำลังจะมีเหลนอีกคนก็แล้วแต่หลานชายจะจัดการ เขาเฝ้ารอดูว่าเหลนคนใหม่จะเป็นชายหรือหญิง นานแล้วที่เขาได้แต่อิจฉาตาเฒ่าซื่อที่มีลูกหลานชายหญิงมากมาย ถึงแม้หลาน ๆ ทางนั้นจะพากันแต่งงานช้ากว่าซื่อหวนหลงหนึ่งปี แต่พวกเขาก็มีลูกกันในปีต่อมาทันที ปีนั้นเขาก็พบเหลนทั้งสองที่อายุยังน้อยจนแทบจำความไม่ได้ อีกทั้งเด็ก ๆ ยังไม่กล้าออดอ้อนเขาเหมือนทุกวันนี้ด้วย จี้หยางจึงหวังว่าเหลนคนใหม่คนนี้เขาจะมีเวลาเลี้ยงดูมากกว่าซื่อซีฮันกับซื่อซีซวนหนึ่งปีต่อมา ม่านหรูตอนนี้คลอดลูกสาวได้เดือนกว่าแล้ว นางจึงคิดอยากจะไปเยี่ยมครอบครัวที่ชายแดนเหนือพร้อมทุกคนสักครั้งหนึ่งซื่อหวนหลงกับเด็ก ๆ ต่างเห่อน้องสาวไม่น้อย พวกเขาไม่ยอมออกจากจวนแม้แต่ครึ่งก้าวตั้งแต่นางคลอด ม่านหรูจึงเอ่ยปากบอกความต้องการกับสามีเสียเลย
ครึ่งเดือนต่อมา ขบวนของโหวซื่อหลงเดินทางมาถึงประตูเมืองไห่หลง เขานึกแปลกใจไม่น้อยที่เจ้าเมืองพาเจ้าหน้าที่มารอต้อนรับพวกเขาเป็นจำนวนมากทั้งที่เขาไม่ได้ส่งใครมาแจ้งว่าจะถึงเมืองไห่หลงวันนี้เสียหน่อย แต่ด้วยตำแหน่งของเขาที่ค้ำคออยู่ ซื่อหวนหลงจึงต้องลงไปรับการคารวะจากทุกคนพร้อมม่านหรู“พวกเจ้าตามสบาย เหตุใดจึงได้มารอพวกข้าได้เล่า?”“เรียนท่านโหวซื่อหลง ข้ามีทหารตรวจตรารอบเมืองทุกวันขอรับ เขาจึงมารายงานว่าพวกท่านเดินทางมาถึงแล้ว ข้ากับทุกคนจึงมารอต้อนรับท่านโหวซื่อหลงกับโหวฮูหยินขอรับ”“ขอบใจพวกเจ้ามาก ความจริงพวกเจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ อย่างไรหลังจากนี้ข้าก็จะอยู่ที่เมืองนี้เป็นหลัก อาจมีบ้างที่ข้าจะเดินทางไปยังเมืองอื่นเพื่อช่วยงานฝ่าบาท เอาล่ะ พวกเจ้าแยกย้ายกันไปเถอะ หากใครมีปัญหาอันใด พวกเจ้าสามารถมาแจ้งข้าที่จวนโหวซื่อหลงได้ตลอดเวลา”“ขอบพระคุณท่านโหวซื่อหลงที่เมตตาขอรับ เชิญท่านโหวซื่อหลงเข้าเมืองขอรับ”