จวนตระกูลเฟิ่ง“ท่านพี่ ยัยเด็กบ้าเฟิ่งเชียนอวี่เหิมเกริมยิ่งนักเจ้าค่ะ ถึงกับกล้าสั่งให้คนลงไม้ลงมือกับพวกเราสองแม่ลูก อกตัญญูโหดเหี้ยม ช่างน่าโมโหยิ่งนัก”“ท่านพี่ ต่อให้ท่านไม่ออกหน้าให้ข้า ก็ไม่ควรให้หลิงหลงถูกยัยเด็กบ้านั่นเหยียดหยามว่าร้าย มันไม่เห็นตระกูลเฟิ่ง ยิ่งไม่เห็นท่านพี่อยู่ในสายตาเลยสักนิด”“ยัยเด็กแพศยานั่นคงคิดว่าแต่งกับท่านอ๋องก็เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ เก่งกล้าสามารถขึ้นมาทันที จึงได้บังอาจเช่นนี้ ท่านพี่ ต้องสั่งสอนนางให้รู้จักเข็ดหลาบนะเจ้าคะ”นางหลิ่วร้องห่มร้องไห้ฟ้องเฟิ่งอวี้เทียนเฟิ่งอวี้เทียนหน้าเสียพร้อมเหลือบมองนาง เรื่องนี้กลายเป็นข่าวดังไปทั่ว โดยที่เขาไม่ต้องจงใจไปสืบเสาะ ก็มีข่าวเล็ดลอดมาถึงหูเขา“ออกหน้าหรือ? เจ้าจะให้ข้าออกหน้าอย่างไร คนข้างนอกนั่นเขาพูดกันไปอย่างไรบ้างเจ้าไม่มีหูหรือ?”แค่ตั๋วเงินไม่กี่ใบ แม้จำนวนจะไม่น้อย แต่คนรู้กันไปทั่วว่าจวนเสนาบดีที่ยิ่งใหญ่กลับเบี้ยวหนี้ด้วยเงินเพียงเท่านี้ เฟิ่งอวี้เทียนย่อมโกรธเป็นธรรมดานางหลิ่วยิ่งรู้สึกขัดใจทันที “ท่านพี่ คนข้างนอกนั่นก็พูดกันไปเรื่อย ท่านจะเชื่อได้อย่างไร? อีกอย่าง นี่จะเรียกว่าเบี้ย
ก่อนหน้านี้ที่เฟิ่งเชียนอวี่รักษาให้ตงฟางเย่า เพราะนางถูกราชโองการของฮ่องเต้เทียนหยวนเชิญเข้าวังต่อหน้าบิดามารดาของเขา และยังเป็นภายใต้สถานการณ์บิดายังเป็นฮ่องเต้อีก ตอนนั้นนางจึงยากจะเอ่ยปากขอค่ารักษากับพวกเขา เรื่องราวหลังจากนั้นนางยังรู้สึกเสียใจมาโดยตลอด รู้สึกว่าตัวเองขาดทุนแล้วแต่ในเมื่อตอนนี้ตงฟางเย่ามาหาถึงบ้านเอง เฟิ่งเชียนอวี่ก็สามารถขอค่ารักษาจากเขาที่เป็นเจ้าของเรื่อง ไม่มีอะไรผิดปกติตงฟางจิ่งนึกถึงโรคเห็นแก่เงินของนาง นิ่งเงียบ“เจอกันได้ แต่เจ้าเป็นคนกำหนดสถานที่ กำหนดไว้ที่บ้าน”เฟิ่งเชียนอวี่กะพริบตาปริบๆ “เช่นนี้ยุ่งยากเกินไปกระมัง” “ยุ่งยากอย่างไร?” ตงฟางจิ่งเลิกคิ้ว“ต้อนรับแขกอะไรเอย…”“ไม่เห็นเขาเป็นแขกก็พอ”“...”เหตุผลดีมากและทรงพลังมาก เฟิ่งเชียนอวี่มองสีหน้าที่ไร้อารมณ์ของตงฟางจิ่ง จิบชาสงบสติอารมณ์คำหนึ่งเปลี่ยนสถานที่แล้ว ทางตงฟางเย่าก็ไม่ได้ว่าอะไร หลังจากนั้นสองวันก็มาตามนัดเฟิ่งเชียนอวี่แต่งตัวเป็นรูปลักษณ์ของนักพรตเฟิง เลือกเรือนที่เงียบสงบหลังหนึ่ง ให้คนไปเก็บกวาด และได้เตรียมอาหารกับเหล้าไว้หนึ่งโต๊ะตงฟางจิ่งมาจวนอ๋องหกอย่างยิ่งใหญ่
นี่เป็นผู้ป่วยที่ใจกว้างที่สุดในบรรดาผู้ป่วยที่นางเคยรักษาที่นี่อย่างแน่นอน คิดไม่ถึงว่าหมอนี่จะรู้ใจเช่นนี้ เฟิ่งเชียนอวี่มองตงฟางจิ่งไม่ถูกชะตาในพริบตาแน่นอนว่าตื่นเต้นก็ส่วนตื่นเต้น นางยังไม่ลืมบทบาทของตัวเอง ในตอนนี้ นักพรตต้องมีความหนักแน่นเฟิ่งเชียนอวี่มองกล่องผ้าแพรด้วยสีหน้าที่สุขุมแวบหนึ่ง กล่าวอย่างเรียบเฉย “ท่านอ๋องสามเกรงใจแล้ว ตามค่ารักษาของข้า ท่านอ๋องสามให้เยอะเกินไปแล้ว” ตงฟางเย่ารีบกล่าว “ไม่เยอะๆ เงินทองเป็นของนอกกาย นักพรตเฟิงเป็นผู้บำเพ็ญอันสูงส่ง ไม่รังเกียจเงินทองที่เป็นของทางโลกเหล่านี้ก็พอ”“โปรดรีบๆ รับเอา ไม่เช่นนั้นข้าไม่สบายใจ”เฟิ่งเชียนอวี่บ่ายเบี่ยงเป็นพิธีหนึ่งครั้ง ก็ไม่เกรงใจแล้ว นางรับกล่องมา “เช่นนั้นข้าก็ขอน้อมรับไว้ตามความปรารถนาของท่านแล้ว”นางกลัวตัวเองบ่ายเบี่ยงหลายครั้งจนพลาด หากบ่ายเบี่ยงจนตั๋วทองคำเหล่านี้หายไปในพริบตา นางจะไปร้องไห้ฟ้องใคร บ่ายเบี่ยงเป็นพิธีหนึ่งครั้งก็พอแล้วจุๆ ห้าพันตำลึงทองเลยนะ สัมผัสกล่องใบนี้แล้วรู้สึกถึงความแตกต่างได้เลย ไม่เลวๆตงฟางจิ่งจิบเหล้าคำหนึ่งอย่างช้าๆ หางตาเหลือบมองเฟิ่งเชียนอวี่แวบหนึ่ง ราวกับส
ตงฟางจิ่งเผยอปากอย่างพอใจ “เช่นนั้นก็ดี”เขากล่าวจบก็มองไปทางตงฟางเย่า “ได้ยินแล้วนะ?”ตงฟางเย่า “...”เขามองนักพรตเฟิงแล้วมองตงฟางจิ่ง มักจะรู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างสองคนนี้มีบางอย่างผิดปกติ แปลกๆ เขาคิดไปเองหรือ?ตงฟางเย่าไม่ได้เซ้าซี้เรื่องนี้มากนัก เปลี่ยนหัวข้อสนทนาแล้วเริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง เฟิ่งเชียนอวี่เห็นแก่ตั๋วทองคำห้าใบนั่น ก็ค่อนข้างให้ความร่วมมือเช่นกันคุยไปคุยมาเช่นนี้ เป็นภาพที่คุยกันค่อนข้างสุขสำราญตงฟางเย่าอารมณ์ดีมาก เมื่อเหล้าหลายจอกลงท้อง คำพูดก็เปิดใจทันที เขาโบกมือใหญ่ด้วยความมึนเมา“นักพรตเฟิง ท่านก็คือผู้มีพระคุณของข้า ถ้าหากท่านอยู่จวนอ๋องหกแล้วลำบาก ก็มาหาข้าที่จวนอ๋องสามได้เลย”“ท่านเลือกเรือนในจวนของข้าได้ตามใจชอบ มีเงื่อนไขอะไรก็เสนอเลย”เฟิ่งเชียนอวี่ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองตงฟางจิ่งแวบหนึ่ง สีหน้าของเขาบูดบึ้งเล็กน้อยอย่างที่คิดตงฟางจิ่งเอ่ยปากส่งแขกโดยตรง เขามองไปทางเด็กรับใช้และองครักษ์ที่อยู่ข้างหลังของตงฟางเย่า “นายของพวกเจ้าดื่มเยอะแล้ว ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืด รีบกลับจวนเถอะ ข้าก็ไม่ของรั้งพวกเจ้าแล้ว”เด็กรับใช้และองค
อีกฝ่ายสวมกระโปรงผูกอกสีเขียวอ่อนโบราณ ผมสีดำม้วนเป็นมวยอย่างเรียบง่าย และปักปิ่นปักผมไข่มุกสีอ่อนๆ สองสามดอก ระหว่างคิ้วมืดมนเล็กน้อย“เจ้า เจ้าเป็นใคร? เป็นคนหรือผี”นางรู้สึกว่าตัวเองน่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่อยู่ดีๆ ก็นึกไม่ออกอีกฝ่ายเอาแต่จ้องนางทั้งเช่นนี้ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงจะค่อยๆ เอ่ยปาก“เหลือเวลาไม่มากแล้ว ข้าจะไปแล้ว เจ้าดูแลตัวเองดีๆ…”เสียงแผ่วเบา ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายอยู่ห่างจากนางพอสมควร แต่เสียงนี้ก็เหมือนกับดังอยู่ที่ข้างหูนางเฟิงเชียนอวี่อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ขณะเดียวกันก็งงงวย ไม่เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายตอนที่นางเตรียมตัวถาม อีกฝ่ายค่อยๆ ถอยหลัง หมุนกายอย่างช้าๆ เดินเข้าไปในความมืดทีละก้าว ไม่นานก็หายไปแล้วขณะที่นางรู้สึกประหลาดใจ ก็ขนลุกซู่เล็กน้อยเวลานี้ ความง่วงได้ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง นางหาวทีหนึ่ง ก็หลับตาลงโดยไม่รู้ตัว“พระชายา ควรลุกแล้วเจ้าค่ะ” หลิวซูเร่งเร้าตามปกติเฟิ่งเชียนอวี่ลืมตาอย่างสะลึมสะลือ บิดร่างกายไปมาบนเตียง “ยามไหนแล้ว”“ยามเฉิน[1]แล้วเจ้าค่ะพระชายา”ดังนั้นเพิ่งเจ็ดแปดโมง?เฟิ่งเชียนอวี่เบะปาก หลับตากล่าว “หลิวซู ต่อไปพวกเราเปลี่
เฟิ่งเชียนอวี่ดึงผ้าห่มออก เตรียมตัวลงจากเตียง จู่ๆ ก็เหมือนรู้สึกมีอะไรมาเกาะที่แขน นางอดไม่ได้ที่จะเกาผ่านเสื้อ พลันการกระทำชะงักสัมผัสนี้…นางขมวดคิ้ว เมื่อเลิกแขนเสื้อดู เบิกตากว้างกะทันหันนี่มันบ้าอะไร? มาได้อย่างไร?เห็นเพียงบนแขนที่ขาวนุ่มละมุน จู่ๆ ก็มีเส้นสีแดงเข้มสองเส้นปรากฏขึ้นข้างบนหนึ่งเส้น ข้างล่างหนึ่งเส้น เหมือนกับรากต้นไม้เหี่ยวที่บิดงอและหนา ดูแล้วน่ากลัวเล็กน้อยมีเรื่องเช่นนี้แต่เช้าเลย ค่อนข้างน่าตื่นเต้นใบหน้าเฟิ่งเชียนอวี่เต็มไปด้วยความตกใจ ร่างกายแข็งทื่อ อดไม่ได้ที่จะยื่นมืออันสั่นเทาไปสัมผัสแล้วสัมผัสอีก จับแล้วแข็งๆ ไม่เจ็บและไม่คันนางงงงวยไปหมดแล้ว นี่มันบ้าบออะไรกันเนี่ย?เฟิ่งเชียนอวี่ประหลาดใจมาก นางจ้องของสิ่งนี้จนอยากขุดออกมาเสียเดี๋ยวนี้หรือว่า…โรคผิวหนัง?ไม่ๆ ไม่ใช่ นางอ่านหนังสือค่อนข้างเยอะ อย่าคิดจะมาหลอกนาง นางไม่เคยเห็นโรคผิวหนังที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อนดีหรือไม่?ทันใดนั้น นางส่ายศีรษะ เมื่อครู่ยังรู้สึกตื่นตัวมากอยู่เลย เวลานี้มึนๆ หนักๆ เล็กน้อยวินาทีต่อมา ภาพตรงหน้าเฟิ่งเชียนอวี่ดับลง หมดสติอย่างสมบูรณ์“อ๊ะ พระชายา…”
เฟิ่งเชียนอวี่จะรังเกียจได้อย่างไร คนที่หิวโซมักอยากกินของอร่อยนางกินอาหารทั้งหมดหนึ่งรอบ จึงรู้สึกสบายขึ้นไม่น้อยตงฟางจิ่งเห็นนางกินเสร็จแล้ว จึงให้หลวงจีนน้อยที่รับใช้อยู่ด้านนอกเข้ามาเก็บกวาด จากนั้นให้เขาไปเรียนเชิญไต้ซือ ต่อมาจึงเริ่มสอบถาม“รอยแผลบนมือเจ้าเกิดขึ้นได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่หันมองแขนตัวเอง แล้วเบะปาก “ไม่แน่ใจ พอหลับไปหนึ่งตื่นก็โผล่ขึ้นมาเอง”ตงฟางจิ่งขมวดคิ้ว “เจ้าไม่รู้หรือ?”นางชะงักไปเล็กน้อย “ไม่รู้นะสิ”เจ้าหมอนี่ทำหน้าอะไรกัน ทำเหมือนนางหลอกเขา แล้วนางต้องรู้อย่างนั้นละเขาเงียบไปสักครู่จึงเอ่ยขึ้น “ที่เจ้าหมดสติไปสามวัน เป็นเพราะมันหรือ”เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า เรื่องนี้นางพอเดาได้ขณะนี้ ประตูถูกเปิดอีกครั้ง มีหลวงจีนที่สวมจีวร มือถือลูกประคำ สีหน้าสงบนิ่ง ดวงตายิ้มแย้มเดินเข้ามา“ท่านอ๋องหก พระชายาหก เจริญพร”ตงฟางจิ่งลุกขึ้น “ไต้ซือเกรงใจเกินไปแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่มองสำรวจอีกฝ่าย “ท่านอ๋อง ท่านนี้คือ?”“ท่านนี้คืออู๋เหวยไต้ซือ”เฟิ่งเชียนอวี่ถลึงตา แล้วพูดโพล่งออกไป “ตาแก่ต้มตุ๋นนั่นหรือ?”ตงฟางจิ่ง “...”อู๋เหวย “...”“พระชายาของข้าค
ระหว่างที่แย่งชิงชะตาชีวิตกัน จะไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ทว่าเมื่อใดที่ชะตาของอีกฝ่ายถูกช่วงชิงไปจนหมดสิ้น ฝ่ายนั้นต้องตายอู๋เหวยไต้ซือเอ่ยเชื่องช้า “โลหิตนำพาเป็นมนต์ดำที่หายสาบสูญมานับร้อยปี นึกไม่ถึงว่าอาตมายังมีวันได้พบเห็น”ขณะนี้ ห้องที่ใหญ่โตเงียบสงัดเฟิ่งเชียนอวี่มองอู๋เหวยอย่างระอา แล้วก่นด่าอยู่ในใจ เจ้าหมอนี่เป็นพวกหลอกลวงจริงสินะ เจ้าคนต้มตุ๋นเอ๊ย ถึงกับกล้ามาหลอกนางเชียวหรือสร้างเรื่องราวเสียดิบดี จนนางเกือบจะเชื่ออยู่แล้วเชียว“ไต้ซือเห็นว่าข้านอนมานานจนรู้สึกเบื่อ จึงมาพูดเรื่องพิศวงลึกลับกับข้าหรือ?”อู๋เหวยชะงัก เมื่อเห็นแววตาไม่หวังดีของนาง เขาเงียบไปสักครู่แล้วเอ่ยขึ้น “พระชายาหก สีของคำสาปทำให้รู้ว่าท่านเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง เหตุใดจึงทำเช่นนี้?”ตงฟางจิ่งเองก็หันมองนาง “เรื่องที่สำคัญขนาดนี้ เจ้าไม่น่าจะจำไม่ได้ ลองนึกดูให้ดีสิ”คิดบ้าคิดบออะไร นางบ้าไปแล้วถึงได้สร้างของบ้านี่ใส่ตัวเอง นาง...ความคิดเฟิ่งเชียนอวี่หยุดกึก ทันใดนั้นชะงักไป ไม่ใช่สิ นางย่อมทำเรื่องอย่างนี้ไม่เป็น ทว่า...นางไม่ใช่เฟิ่งเชียนอวี่ที่แท้จริงนางสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นค่อย ๆ หรี่ตาลง
“ฮือ ฮือ...”ตงฟางหล่างหน้าซีดด้วยความหวาดผวา พร้อมส่ายหน้าอย่างแรง ไม่ใช่นะเสด็จพ่อ ไม่ได้เป็นเช่นนั้นทว่าฮ่องเต้เทียนหยวนกลับเชื่อไปเจ็ดแปดส่วนแล้วเพราะมือสังหารพูดอย่างมีเหตุมีผล หากตงฟางจิ่งลอบสังหารเขาจริง เหตุผลล่ะ?ตงฟางจิ่งร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก น้อยมากที่จะออกจากจวนอ๋อง ไม่มีเหตุผลในการลอบปลงพระชนม์แม้แต่น้อย เพราะต่อให้ทำสำเร็จ แล้วเขาจะทำอะไรได้?ทว่ารัชทายาทไม่เหมือนกันหากฮ่องเต้เทียนหยวนตาย รัชทายาทจะเป็นฮ่องเต้ตงเยว่คนต่อไป ถือเป็นผลประโยชน์มหาศาลสำหรับเขา จึงค่อนข้างเข้าใจได้ ฮ่องเต้เทียนหยวนเป็นฮ่องเต้ที่เห็นแก่ตัวและรักอำนาจ คำพูดของมือสังหารแต่ละคำกระแทกเข้าไปในใจเขา ราวกับรุกล้ำขีดจำกัดของเขา ทำให้เขาโกรธจนถึงขีดสุด“ทหาร มาลากตัวมือสังหารผู้นี้ลงไปประหารซะ”“ยังมีรัชทายาท คนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เนรคุณอกตัญญู ช่างน่าโมโหยิ่งนัก มาลากตัวไปรอรับโทษที่คุกหลวง”ฮ่องเต้เทียนหยวนโมโหมาก หลังจากสั่งเสร็จจึงจากไปทันทีเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว ตงฟางจิ่งถูกปล่อยออกจากวังอย่างปลอดภัย ส่วนรัชทายาทถูกนำไปคุมขังที่คุกหลวงรัชทายาทคงไม่นึกไม่ฝัน เมื
“รัชทายาท...”น้ำเสียงเย็นเยือกของฮ่องเต้เทียนหยวนทำให้ใจของตงฟางหล่างบีบรัด“เสด็จพ่อ ลูกถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่ามือสังหารผู้นี้ได้รับคำสั่งจากใคร ถึงได้ใส่ความลูกเช่นนี้”“ก่อนหน้านี้เขาซัดทอดน้องหกก่อน ตอนนี้ซัดทอดลูก เห็นได้ชัดว่ามีเงื่อนงำ ความภักดีที่ลูกมีต่อเสด็จพ่อ ฟ้าดินเป็นพยานได้ ไม่กล้าลบหลู่พระองค์แม้แต่น้อย”“เสด็จพ่อ นี่เป็นแผนการ ขอจงทรงตรวจสอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนบรรยายไม่ถูก แต่ไม่ดีแน่นอน สายตาของพระองค์หันมองตงฟางจิ่ง“เจ้าหก เรื่องนี้เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “ลูกไม่มีความเห็น มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น ลูกเป็นผู้บริสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”ตงฟางหล่างกัดฟันกรอด แล้วถลึงตาใส่เขา เจ้าบริสุทธิ์หรือ? ดังนั้นคนที่มีปัญหาคือเขางั้นหรือ?เขาอดแค่นหัวเราะไม่ได้ “น้องหกพูดอย่างไม่เดือดร้อน ครั้งที่แล้วมือสังหารซัดทอดเจ้า คราวนี้กลับเปลี่ยนคำให้การกะทันหัน ช่างบังเอิญเสียจริง”ตงฟางจิ่งส่ายหน้าเชื่องช้า “มือสังหารชี้แจงสาเหตุแล้วไม่ใช่หรือ”“ท่านสังหารน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา คนเป็นพี่ชายอย่างเขาไม่ยินดีถวายชีวิตให้ท่านอีกแล้ว เรื่
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่ารัชทายาทสั่งการเจ้าหรือ?”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่กล้าโป้ปด ทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์รัชทายาท”ตงฟางหล่างที่อยู่อีกด้านกำหมัดแน่น มองดูมือสังหารด้วยแววตาอำมหิต แทบอยากจะเข้าไปแทงอีกฝ่ายให้ตายคามือเขากล้าได้อย่างไร...“ฮึ เจ้านึกว่าเราจะเชื่อเจ้าหรือ?”“ครั้งที่แล้วเจ้าซัดทอดอ๋องหก ครั้งนี้ซัดทอดรัชทายาท เจ้ากำลังปั่นหัวเราเหมือนคนโง่หรือ?”มือสังหารรีบกล่าว “กระหม่อมไม่กล้า”“เราว่าเจ้าใจกล้ามาก ในเมื่อเจ้าซัดทอดรัชทายาท เราจะถามเจ้าอีกครั้ง เหตุใดครั้งแรกเจ้าซัดทอดอ๋องหก แล้วตอนนี้ถึงเปลี่ยนคำให้การอีกครั้ง?”“หากเจ้าไม่มีเหตุผล เราจะให้เจ้าได้ลิ้มรสสุดยอดของเครื่องทรมาน” ฮ่องเต้เทียนหยวนทรงพลังดูน่าเกรงขามมือสังหารกัดฟันกรอก แล้วจ้องไปที่รัชทายาท ในดวงตามีความโกรธแค้นที่รุนแรงความโกรธแค้นนั้นเสมือนจริงมากตงฟางหล่างถูกเขาจ้องจนชะงักไป“กระหม่อมเป็นข้ารับใช้ขององค์รัชทายาทมาตลอด ทำงานให้องค์รัชทายาทด้วยความจงรักภักดี”“การลอบปลงพระชนม์ในครั้งนี้ เดิมทีกระหม่อมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตาย เพราะองค์รัชทายาทเคยบอกว่าหากกระหม่อมเกิดเรื่อง จะช่วยดูแลน้องสาวเพียง
ถูกต้อง หากไม่มีตราประทับนั่น แค่คำให้การของมือสังหาร คงไม่มีน้ำหนักมากพออ๋องทุกคนล้วนมีตราประทับเฉพาะของทุกคน เพื่อแสดงสถานะของตน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือฝีมือแกะสลักล้วนเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งยากจะเลียนแบบทว่าตราประทับนั่นกลับอยู่บนตัวมือสังหาร หนำซ้ำหลังผ่านการพิสูจน์ มันเป็นของจริงนี่จึงเป็นสาเหตุให้ฮ่องเต้เทียนหยวนสงสัยตงฟางจิ่งสีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนไม่สู้ดีนัก เขาหันมองตงฟางจิ่ง “เจ้าหก เจ้าเป็นลูกที่เรารักและเอ็นดูมาโดยตลอด หากเจ้ายอมรับตอนนี้ เราจะลงโทษสถานเบา”“ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าเราไม่ให้โอกาสเจ้า”เมื่อรัชทายาทได้ยิน แววตามีความไม่สบอารมณ์แวบผ่านตงฟางจิ่งสีหน้าเรียบเฉย “ลูกไม่มีความผิดพ่ะย่ะค่ะ”“ดี นำตัวเข้ามาเดี๋ยวนี้” ฮ่องเต้เทียนหยวนเอ่ยเสียงฮึดฮัดในไม่ช้า มือสังหารที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำกรมราชทัณฑ์ถูกคุมตัวเข้ามามือสังหารหมอบกราบอยู่บนพื้น ไม่มีปฏิกิริยาใดทั้งสิ้นฮ่องเต้เทียนหยวนมองเขาเยือกเย็น “เจ้าลองบอกเราอีกครั้งสิ คืนนั้นที่เจ้าลอบสังหารเรา ได้รับคำสั่งจากใครกันแน่?”“ทางที่ดีจงพูดความจริง หากกล้าโป้ปดแม้แต่น้อย เราจะเฉือนเจ้าท
“พระชายา ตกลงท่านทำอะไรลงไป?”เฟิ่งเชียนอวี่เท้าคางพร้อมโบกมือ “บอกไปพวกเจ้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”นางหันมองเว่ยเซิงกับเว่ยชิว “พวกเจ้าสองคนมีวิธีทำให้ฮ่องเต้ไต่สวนคดีของตงฟางจิ่งอีกครั้งหรือไม่?”“จำไว้ ทางที่ดีต้องไต่สวนต่อหน้าเหล่าขุนนาง โดยเฉพาะสามารถไต่สวนในท้องพระโรง สอบสวนมือสังหารคนนั้นต่อหน้าทุกคน”“ไม่ได้นะขอรับพระชายา หากมือสังหารคนนั้นซัดทอดท่านอ๋องอีกครั้ง เช่นนั้นข้อหานี้ จะไม่มีวันรอดไปได้อีกเลย”สีหน้าเว่ยเซิงเคร่งเครียดมากเฟิ่งเชียนอวี่กลอกตามองเขา “เรื่องนี้ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? วางใจเถอะ หากอยากให้ท่านอ๋องของพวกเจ้าออกมาจากคุกหลวงอย่างปลอดภัย ต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ”“นี่มัน...”เว่ยเซิงเอ่ยอย่างลังเล “พระชายา ท่านมั่นใจหรือ?”“มั่นใจแน่นอน”“งั้น...ก็ดี ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” เว่ยเซิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทำความเคารพคดีลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้เทียนหยวน แม้จะถูกมือสังหารซัดทอด แต่ในทางความผิด ตงฟางจิ่งยังไม่ยอมรับแม้ภายนอกตงฟางจิ่งจะเป็นอ๋องที่อ่อนแอขี้โรค ไม่สนใจเรื่องภายนอก ทว่าหลายปีมานี้ แอบวางแผนอยู่เบื้องหลังไม่น้อยเรื่องลอบปลงพระชนม์ เป็นความผิดที่ใส่ร้
บ่าวทางซ้ายมือเข้าใจทันที จึงก้าวไปหนึ่งก้าวแล้วทำให้เหยียนความสลบเขาวางเหยียนควานไว้บนพื้น แล้วหันไปมองอีกคน “พระชายา ท่านเก่งกาจเหลือเกินขอรับ”นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเข้ามาอย่างง่ายดาย หนำซ้ำยังไม่มีใครขัดขวางที่แท้บ่าวรับใช้ทั้งสองคน คือเฟิ่งเชียนอวี่และเว่ยเซิงส่วนเหลิ่งหานและเว่ยชิว ทั้งสองคนรออยู่ด้านนอก“เจ้าเฝ้าเขาให้ดี ข้าจะไปพบมือสังหารคนนั้น”“ไม่ได้ขอรับพระชายา ให้ข้าน้อยไปเป็นเพื่อนเถอะ ท่านเข้าไปคนเดียวอันตรายมาก”“วางใจเถอะ ข้ารู้จักประมาณตน ไม่ต้องพูดมาก”หลังจากเฟิ่งเชียนอวี่เอากุญแจมาจากมือเหยียนควาน ในไม่ช้าก็หาห้องขังของมือสังหารคนนั้นเจอพื้นที่บริเวณนี้เป็นส่วนที่ลึกมาก ห้องขังรอบด้านล้วนว่างเปล่า มีเพียงหนึ่งห้องที่คุมขังคนเอาไว้ จึงหาได้ง่ายมากนางเปิดประตูห้องขัง แล้วเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้ามือสังหารที่เดิมทีนอนพักสายตาอยู่บนเตียงลืมตาโพลง แล้วระมัดระวังตัวมาก “เจ้าคือใคร? เข้ามาได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่มองสำรวจอีกฝ่ายสักครู่ ใบหน้าดำคล้ำ หน้าตาธรรมดา เป็นคนที่หน้าตากลืนหายเข้าไปในฝูงชนนางเลิกคิ้ว เดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี
“...”เว่ยเซิงตาลุกวาว “พระชายา ท่านรู้แล้วหรือว่าจะช่วยท่านอ๋องได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “มีวิธีที่ช่วยได้จริง แต่ว่า ข้าจำเป็นต้องได้พบมือสังหารคนนั้น”“ไม่มีปัญหา เรื่องนี้พวกข้าจะคิดหาวิธีเองขอรับ” เว่ยเซิงเว่ยชิวรีบรับปากทันทีเฟิ่งเชียนอวี่ผายมือ “ฤกษ์ดีไม่สู้ฤกษ์สะดวก ทำเสียตอนนี้เถอะ”“ตอนนี้หรือ?” ทั้งสามคนแปลกใจนางเลิกคิ้ว “ไม่ได้หรือ?”“ไม่ใช่แน่นอนขอรับ” พวกเขาแค่รู้สึกว่ากะทันหันเกินไปเท่านั้นแต่เรื่องช่วยท่านอ๋องจะรอช้าต่อไปไม่ได้แล้ว ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี พวกเว่ยเซิงจึงลงมือทันทีขณะนี้เป็นเวลาตีสามแล้ว บนถนนหนทางจึงไม่มีผู้คน เงียบสงัดมาก คนชุดดำทั้งสี่คนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปที่เรือนจำของกรมราชทัณฑ์เรือนจำของกรมราชทัณฑ์ย่อมตั้งอยู่ภายในกรม และมีทหารป้องกันแน่นหนาเช่นกันหากอยากเคลื่อนไหวโดยไม่เอิกเกริก แทรกซึมเข้าไปโดยไม่ให้เหล่าทหารพวกนี้รู้ คงทำได้เพียง...เฟิ่งเชียนอวี่ครุ่นคิด “เสนาบดีกรมราชทัณฑ์สามารถเข้าออกเรือนจำได้ตลอดใช่หรือไม่?”เว่ยเซิงพยักหน้า “แน่นอนขอรับ”สำหรับเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ เรือนจำเปรียบเสมือนพื้นที่ของตัวเอง ย่อมเข้
“เกลียดหรือ...คงไม่ถึงขั้นนั้น”ปีศาจจิ๋วที่มีเงางอกออกมาบนหัวบินเข้ามา ทำเสียงฮึดฮัด “หากไม่ใช่เพราะตอนแรกเขาไม่ยอมหย่าร้างกับเจ้า ด้วยความสามารถของเจ้า ตอนนี้คงมีความสุขอิสรเสรีไปแล้ว”“เขาเป็นคนกักขังเจ้าเอาไว้ในจวนอ๋องหก ทำให้เจ้าไม่อาจทำตามความฝันได้”เฟิ่งเชียนอวี่กระพริบตา แล้วสงสัย “ความฝันของข้าคือสิ่งใดหรือ?”ปีศาจจิ๋วบินวนกลางอากาศหนึ่งรอบ กำหมัดขวาแล้วชูขึ้น “ความฝันของพวกเราคือ เงินทองที่ใช้ไม่หมด หนุ่มรูปงามที่เกี้ยวไม่หวาดไม่ไหว”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางฟ้าจิ๋วถีบปีศาจจิ๋วจนกระเด็น พร้อมมือเท้าเอว เอ่ยอย่างโกรธเคือง “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ”“เชียนอวี่ เจ้าอย่าฟังเขาพูดจาเหลวไหล เขาคือหายนะ เจ้าดูเขาสิแค่หน้าตาก็ไม่เหมือนคนดีแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่เอ่ยเชื่องช้า “พวกเจ้าสองคนหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน”“ใครเป็นคนบอก”“ไม่ใช่สักหน่อย”ปีศาจจิ๋วและนางฟ้าจิ๋วโต้แย้งพร้อมกันเฟิ่งเชียนอวี่ถอนหายใจ แล้วโบกพวกเขาให้พ้นทางอย่างน่ารำคาญ “เอาละ เอาละ หนวกหูจะตายแล้ว ไปไกล ๆ ข้าเลย”นางฟ้าจิ๋วเบะปาก “เจ้าต้องช่วยเขาให้ได้นะ หากสามีเจ้าตาย เจ้าเองก็จบเห่เช่นกัน”“ที่นี่
“เจ้านึกว่าข้าจับตัวช่างพวกนั้นไม่ได้หรือ?”“ตอนนี้ข้าใจดีเปิดโอกาสให้เจ้ามีชีวิตรอด อย่าทำตัวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “หากรัชทายาทเก่งกล้าขนาดนั้น เชิญตามสบาย”เฟิ่งเชียนอวี่เคยกล่าวไว้ แม้ช่างเหล่านั้นจะรู้วิธีทำ แต่พวกเขาไม่รู้ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดหากไม่มีขั้นตอนนี้ จะไม่สามารถผลิตแก้วหลิวหลีที่เป็นผลึกใสออกมาได้คิดไปก็น่าจะใช่ นางรักเงินทองขนาดนั้น สิ่งที่ทำเงินได้มากมาย จะเปิดเผยออกไปหมดได้อย่างไร หญิงผู้นั้นฉลาดเป็นกรดตงฟางจิ่งจึงไม่เป็นห่วงสักนิดตงฟางหล่างเห็นว่าใช้ไม้ไหนก็ไม่ได้ผล จึงจากไปด้วยความโกรธจวนอ๋องหกเฟิ่งเชียนอวี่พลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับในหัวของนางคิดถึงตงฟางจิ่งโดยไม่มีสาเหตุแม้นางจะไม่รู้ว่าคุกหลวงในยุคโบราณเป็นอย่างไร แต่คิดก็รู้ แม้คุกหลวงจะเป็นคุกระดับสูง ทว่าอย่างไรก็คือคุก จะสุขสบายได้อย่างไรตงฟางจิ่งถูกจับตัวไป ข้างในคงไม่มีใครใช้เครื่องทรมานกับเขาหรอกนะ?ไม่ไม่ ไม่น่าจะใช่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นท่านอ๋อง เป็นถึงองค์ชาย คงไม่ตกต่ำขนาดนั้นแต่เรื่องที่เขาถูกตั้งข้อหาไม่ใช่เรื่องเล็ก นั่นมันก่อกบฏเ