อาจเพราะเห็นกู้หว่านเยว่เป็นสตรีเช่นกัน พวกหญิงสาวจึงไม่ได้กลัวมากนัก“จอมยุทธ์หญิง ท่าน ท่านมาช่วยพวกเราจริงหรือ?”มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ค่อนข้างใจกล้า เอ่ยถามอย่างระวัง“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่ปลอบประโลม“องครักษ์ข้างนอกถูกข้าฆ่าตายหมดแล้ว อีกเดี๋ยวหลังจากพวกเจ้าออกไป จงไปหาห้องมิดชิดซ่อนตัวซะจำไว้ให้ดี ห้ามออกมาเด็ดขาด รอให้ข้างนอกปลอดภัยแล้วค่อยออกมา”กู้หว่านเยว่นึกถึงบางอย่าง“ใช่สิ พวกเจ้ารู้จักหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อหวังหรานเอ๋อร์หรือไม่?”จู่ๆ นางนึกขึ้นได้ว่าจางเอ้อร์ไหว้วานให้ช่วยตามหาคนหญิงสาวที่เอ่ยขึ้นเมื่อครู่ดวงตาฉายแววแปลกใจ มองกู้หว่านเยว่อย่างตะลึง“ท่านตามหาหวังหรานเอ๋อร์ทำไมหรือ?”กู้หว่านเยว่นำป้ายหยกออกมา“ได้รับการไหว้วานจากสหาย ให้พานางกลับบ้าน”“ป้ายหยกของท่านพ่อ!”หวังหรานเอ๋อร์ทำหน้าดีใจ แล้วคว้าเอาป้ายหยกไปนางพลิกไปพลิกมาในมือ หลังจากแน่ใจว่าเป็นป้ายหยกของบิดา จึงรีบหันมองกู้หว่านเยว่“ข้าคือหวังหรานเอ๋อร์ นี่เป็นป้ายหยกของบิดาข้า ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”กู้หว่านเยว่สีหน้าประหลาดใจช่างบังเอิญเสียจริงนึกไม่ถึงว่าหญิงสาวที่ดูองอาจตรงหน้าก็คือห
อาวุธของพวกโจรถูกริบไปจนหมด แต่ละคนจึงมือเปล่าพลธนูบนกำแพงเมืองที่ต้านทานการบุกเมือง ไม่มีธนูแล้ว เหลือเพียงถุงธนูที่ว่างเปล่า“แย่แล้ว มีไส้ศึก!”มีคนตะโกนเสียงดัง ประตูเมืองถูกเปิดแล้วนอกเมืองมีทหารกล้าหนึ่งพันนายของหนานหยางอ๋องที่ซุ่มอยู่แต่แรกบุกเข้ามา“บุก!”“ยึดเมืองเหยา!”“บุกเข้าไป!”ภายในเมืองเต็มไปด้วยแสงไฟ เสียงร้องดังตะโกนไปทั่วฟ้าสางแล้วสงครามก็จบลงแล้วเมืองเหยาหลังสงคราม นองเลือดเละเทะพวกโจรแพ้แล้ว กู้หว่านเยว่กับหนานหยางอ๋องพาทหารกล้าบุกเข้าไป อีกทั้งยังมีสวีซื่อฉวนร่วมมืออยู่ด้านในทำให้พวกโจรแพ้อย่างรวดเร็วทหารเจดีย์หนิงกู่ยึดเมืองเหยาได้แล้วบนกำแพงเมืองเปลี่ยนเป็นธงของเจิ้นเป่ยอ๋องคนชราเด็กสตรีถูกกู้หว่านเยว่ปล่อยตัวออกมาเหล่าหญิงสาวที่ถูกย่ำยี คุมขังอยู่ในจวนเจ้าเมือง ล้วนถูกปล่อยตัวกลับบ้านเมืองเหยาหลังสงครามต้องสร้างขึ้นใหม่กู้หว่านเยว่สั่งให้เปิดยุ้งฉาง แจกจ่ายเสบียงแก่ชาวบ้านในเมืองให้ทางการรวบรวมจำนวนคนตายและบาดเจ็บ จ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวที่ประสบภัยว่าจ้างชาวบ้านให้เข้าร่วมการก่อสร้าง ซ่อมแซมกำแพงเมือง จวน และสิ่งปลูกสร้าง
ร่างกายร้อนผ่าวอยู่บ้างกู้หว่านเยว่ลืมตาขึ้นมา พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงแกะสลักขนาดใหญ่ มีกลิ่นอายโบราณหลังหนึ่ง ข้างเตียงมีชายสวมชุดแต่งงานนั่งอยู่หนึ่งคนนี่คงฝันไปใช่ไหม แต่เหตุใดเหมือนจริงถึงเพียงนี้?นางเบือนหน้ามองฝ่ายชายฝ่ายชายผิวพรรณขาวดุจหยก ใบหน้าหล่อเหลางดงาม มองแวบเดียวก็ทำให้คนจมดิ่งสู่ภวังค์อย่างยากจะหักห้ามใจ เพียงแต่สีหน้าของเขาเย็นชาเกินไป สุ้มเสียงเองก็ไร้อารมณ์เสียนี่กระไร“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากแต่งกับข้า พระบรมราชโองการยากจะฝ่าฝืน หากเจ้าไม่ยินยอม...”“ข้ายินยอม ข้ายินยอม!”ชายหนุ่มรูปงามหาใครเทียบได้เช่นนี้ นางครองโสดมายี่สิบกว่าปีไม่เคยได้พบพานมาก่อน ไฉนเลยจะไม่ยินยอมกันเล่า!กู้หว่านเยว่พยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนใจสีหน้าตกตะลึงของฝ่ายชาย ยื่นมือออกไปเกี่ยวเข็มขัดโผเข้าหาอ้อมอกของเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง อ้า หอมยิ่งนัก กลิ่นหอมเย็นของชายหนุ่มรูปงามเห็นได้ชัดว่านี่คือครั้งแรกของฝ่ายชาย ทีแรกยังคิดปฏิเสธ แต่กลับไม่อาจต้านทานเสียงที่ดังออดอ้อนออเซาะขึ้นมาของนางได้ สติค่อยๆ เลือนรางไป ทว่า ครู่เดียวก็ทำเอากู้หว่านเยว่วิญญาณหลุดลอยทั้งสองเกี
“ฝ่าบาทมีรับสั่ง เจิ้นเป่ยอ๋องซูจิ่งสิงคิดก่อกบฏ หลักฐานชัดเจน!”“นับแต่นี้ไปปลดออกจากตำแหน่ง เป็นสามัญชน ยึดทรัพย์เนรเทศไปยังหนิงกู่ถ่า ผู้ใดกล้าฝ่าฝืน ฆ่าได้ไม่ละเว้น!”ฮูหยินผู้เฒ่าทุบอกกระทืบเท้า “สกุลซูของข้าซื่อสัตย์ภักดี ไฉนเลยจะก่อกบฏได้?”หัวหน้าหน่วยยึดทรัพย์เจียงเต๋อจื้อสบถเสียงเย็น “ฝ่าบาทมีพระกระแสรับสั่งออกจากพระโอษฐ์ของพระองค์เอง เจ้ากำลังกล่าวหาว่าฝ่าบาท ทรงวินิจฉัยผิดพลาดงั้นหรือ?”ทุกคนไม่กล้าโวยวายอีก กอดกันร่ำไห้โอดครวญทหารหลวงหลั่งไหลเข้ามา ถีบเปิดประตูเรือน ทุบทำลายข้าวของทั่วทุกสารทิศคล้ายโจรก็มิปาน ไม่ว่าที่ผ่านมาเจ้ามีตำแหน่งสูงส่งเยี่ยงไร หากถูกลงโทษยึดทรัพย์ นั่นก็คือคนต่ำต้อยมองภาพวุ่นวายภายในจวนอ๋อง ฮูหยินผู้เฒ่าคิดห้าม แต่กลับถูกเจียงเต๋อจื้อผลักล้มลงกับพื้น กระดูกของหญิงชราเกือบหักถัดมา เจียงเต๋อจื้อหรี่ตามองทางญาติฝ่ายหญิงของจวนอ๋อง“เพื่อป้องกันมิให้พวกเจ้านำทรัพย์สินส่วนตัวออกไป ญาติฝ่ายหญิงทั้งหมดต้องเปลื้องผ้าตั้งแต่ใต้สะดือลงมาเพื่อตรวจสอบหนึ่งรอบ!”“ไม่ได้!”สีหน้าเหล่าญาติฝ่ายหญิงทั้งโกรธทั้งอายฮูหยินผู้เฒ่าก่นด่าออกมา “เจียงเต๋อจื
“กบฏ ไม่ตายดี!”“สมรู้ร่วมคิดกับทูเจวี๋ย คลอดลูกชายไม่สมประกอบ!”ซูจิ่งสิงนอนกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่บนกระดานเกวียน รับก้อนหิน มูลแพะและผักเน่าที่โยนเข้ามาทุกทิศทาง...ยามรบชนะกลับมา เขาคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ปกป้องแคว้น ราษฎรล้วนโห่ร้องแสดงความยินดีบัดนี้เขาถูกใส่ร้ายข้อหากบฏ ไม่เพียงไม่มีคนขอความเป็นธรรมแทนเขา ทุกคนยังร้องตะโกนใส่ กลายเป็นคนบาปที่ทุกคนตราหน้าหันมองไปที่คนอื่น ๆ ของสกุลซู แต่ละคนเกือบซุกหน้าลงบนบ่าแล้วฮูหยินผู้เฒ่าร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง “เวรกรรม สกุลซูของข้าตกต่ำถึงขั้นนี้เชียวหรือ...”นายท่านบ้านรองซูหัวหลินอดตำหนิไม่ได้ “ล้วนต้องตำหนิจิ่งสิง อยู่ดีๆ ก็คิดไม่ตก ไปสมรู้ร่วมคิดกับกบฏขายบ้านเมือง ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ทั้งครอบครัวล้วนต้องเดือนร้อนเพราะเขา ข้าเป็นคนรักศักดิ์ศรีที่สุด ถูกราษฎรกลุ่มนี้สบถด่า หน้าก็ไม่กล้าเงยขึ้นมาแล้ว ภายภาคหน้าจะใช้ชีวิตเยี่ยงไร!”นับตั้งแต่ยึดทรัพย์จนถึงตอนนี้ เริ่มแรกทุกคนยังงุนงง จนถึงตอนนี้แต่ละคนก็เกิดความคิดขึ้นมาแล้ว มีทั้งคนเชื่อว่าซูจิ่งสิงมิได้ก่อกบฏ และมีคนที่ไม่เชื่อ นายท่านรองเป็นคนแรกที่มิอาจอดกลั้นบ้านอื่นสบตากันแวบ
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นภายในสมอง ทำให้กู้หว่านเยว่ตกใจแทบแย่“เจ้าเป็นใคร?”“สวัสดีเจ้านาย ข้าเป็นผู้ดูแลระบบมิติ รับผิดชอบตอบปัญหาที่ท่านสงสัยโดยเฉพาะ”มิติคือพลังวิเศษที่นางมีตั้งแต่ชาติก่อน ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินเรื่องผู้ดูแลระบบอันใด“ก่อนนี้เจ้านายอยู่ในขั้นเริ่มต้น จึงไม่ได้เปิดใช้งานฟังก์ชันของระบบ แต่อิงตามการกักตุนสินค้าเต็มพื้นที่ของท่านในวันนี้ มิติได้เปิดใช้งานผู้ดูแลระบบและอาคารทางการแพทย์ให้ท่านแล้ว”กู้หว่านเยว่หลับตาลง เพียงนึกคิดก็เข้าสู่มิติได้แล้ว ดังคาด ภายในพื้นที่กักตุนสินค้า นอกจากสิ่งของที่นางเก็บมา ก็มีอาคารทางการแพทย์เครื่องมือล้ำสมัยหลังหนึ่งทว่า เหตุใดเป็นอาคารทางการแพทย์เล่า?“ซูจิ่งสิงต้องการอาคารทางการแพทย์ เจ้าก็เปิดการใช้งานอาคารทางการแพทย์ ตกลงเจ้าของร่างคือข้าหรือซูจิ่งสิงกันแน่?”กู้หว่านเยว่ไม่สบอารมณ์อย่างมากในใจ“...” ผู้ดูแลระบบแกล้งตายไปแล้วกู้หว่านเยว่ทำเพียงสำรวจการเปลี่ยนแปลงภายในมิติ นอกจากอาคารทางการแพทย์ นางยังพบหน้าจอคล้ายศูนย์ควบคุมทำนองนั้นเพิ่มขึ้นมาในระบบอย่างหนึ่ง ข้างบนเขียนการเปิดใช้งานอาคารใหม่หลากหลายแบบอ
มีนางเป็นตัวอย่าง ทุกคนล้มเลิกความคิดแล้ว แต่ละคนกัดฟันเดินไปข้างหน้าเดินออกมาอีกราวห้าลี้ กู้หว่านเยว่เห็นนางหยางเหนื่อยจนคล้ายลาแก่ ต้องการขยับขึ้นไปช่วย แต่กลับถูกนางปฏิเสธ “หว่านเยว่ เจ้า เจ้าเหนื่อย ข้าเข็น...”“ใช่แล้วพี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเพิ่งแต่งเข้ามาก็ต้องถูกเนรเทศไปกับพวกเรา จะยังให้ท่านลำบากอีกได้เยี่ยงไร” ซูจื่อชิงรู้ความ เรียกซูจิ่นเอ๋อร์น้องสาวมาช่วยเข็นด้วยกันใครรู้ซูจิ่นเอ๋อร์ตัวเล็กแต่อารมณ์ร้าย ใบหน้าเปี่ยมอารมณ์ไม่พอใจ “ข้าเหนื่อยจะตายแล้ว เข็นไม่ไหว ก็ควรให้กู้หว่านเยว่เข็น ใครให้นางเป็นดาวหายนะทำให้พวกเราต้องถูกเนรเทศกันเล่า”“น้องหญิง เจ้าพูดส่งเดชอันใด เรื่องนี้ตำหนิพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้”ซูจื่อชิงโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว เหตุใดน้องหญิงคิดเห็นเฉกเดียวกันกับบ้านเหล่านั้นได้เล่า?สีหน้าซูจิ่นเอ๋อร์กลับเปลี่ยนไปแล้ว รู้สึกเกลียดกู้หว่านเยว่เพิ่มมากขึ้นอีกหนึ่งส่วนอยู่ภายในใจกู้หว่านเยว่คร้านจะตามใจอารมณ์ของคุณหนูใหญ่ “เจ้าเองก็รู้ว่าพี่ใหญ่ของเจ้าเอ็นดูเจ้าที่สุด บัดนี้เขาหมดสติยังไม่ฟื้น ปรากฏว่าแม้แต่เข็นเกวียนของเขาสักเล็กน้อยเจ้าก็ไม่ยินดี ช่างเอ็นดูอย่างเสียเปล่า
ซูจิ่งสิงไม่รู้ว่าตนตื่นตั้งแต่เมื่อไร“ดีเหลือเกิน พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว”ซูจื่อชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกพี่ใหญ่ตื่นแล้ว ในที่สุดเรื่องพี่สะใภ้ใหญ่ก็มีกำลังหนุนแล้ว“พยุงข้าหน่อย” ซูจิ่งสิงยื่นมือออกมาอย่างอ่อนแรง พอนั่งพิงหัวเตียงได้แล้ว เขาก็มองดูกู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่คนเดียวด้วยสายตารู้สึกผิด“ขอโทษนะ”ไม่เพียงแต่ทำให้นางเดือดร้อน แต่ยังทำให้นางถูกตระกูลซูหยามเหยียดกู้หว่านเยว่สบตาเขา ตกตะลึงไปเล็กน้อยแล้วรีบร้อนพูดว่า “ไม่ต้องขอโทษข้าหรอก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน”ยิ่งไปกว่านั้น นางเองก็ไม่สนใจวาจาของพวกคนขยะแต่นางไม่คิดว่า ซูจิ่งสิงจะปกป้องนางทว่ากลับเป็นคนอื่นๆ ในห้องที่อดกลั้นไว้ไม่ไหว และไม่สนว่าบาดแผลของซูจิ่งสิงเป็นอย่างไร กระโจนเข้ามาถามว่า“จิ่งสิง เจ้าขอโทษนางมันหมายความว่าอย่างไร? เจ้าคิดว่าพวกเราเหล่าผู้เฒ่าทำผิดหรือ?”หากไม่หย่าภรรยา หรืออยากเห็นนางทำลายตระกูลหรือ?!“รีบหย่ากับนางเสีย ขอเพียงเจ้าหย่ากับนาง พวกเรายังคงเป็นครอบครัวเดียวกัน”“...”ครอบครัวเดียวกัน?ฮะๆ... ช่างเป็นครอบครัวเดียวกันที่แสนประเสริฐยามเขายังเป็นเจิ้นเป่ยอ๋อง ไม่เ
อาวุธของพวกโจรถูกริบไปจนหมด แต่ละคนจึงมือเปล่าพลธนูบนกำแพงเมืองที่ต้านทานการบุกเมือง ไม่มีธนูแล้ว เหลือเพียงถุงธนูที่ว่างเปล่า“แย่แล้ว มีไส้ศึก!”มีคนตะโกนเสียงดัง ประตูเมืองถูกเปิดแล้วนอกเมืองมีทหารกล้าหนึ่งพันนายของหนานหยางอ๋องที่ซุ่มอยู่แต่แรกบุกเข้ามา“บุก!”“ยึดเมืองเหยา!”“บุกเข้าไป!”ภายในเมืองเต็มไปด้วยแสงไฟ เสียงร้องดังตะโกนไปทั่วฟ้าสางแล้วสงครามก็จบลงแล้วเมืองเหยาหลังสงคราม นองเลือดเละเทะพวกโจรแพ้แล้ว กู้หว่านเยว่กับหนานหยางอ๋องพาทหารกล้าบุกเข้าไป อีกทั้งยังมีสวีซื่อฉวนร่วมมืออยู่ด้านในทำให้พวกโจรแพ้อย่างรวดเร็วทหารเจดีย์หนิงกู่ยึดเมืองเหยาได้แล้วบนกำแพงเมืองเปลี่ยนเป็นธงของเจิ้นเป่ยอ๋องคนชราเด็กสตรีถูกกู้หว่านเยว่ปล่อยตัวออกมาเหล่าหญิงสาวที่ถูกย่ำยี คุมขังอยู่ในจวนเจ้าเมือง ล้วนถูกปล่อยตัวกลับบ้านเมืองเหยาหลังสงครามต้องสร้างขึ้นใหม่กู้หว่านเยว่สั่งให้เปิดยุ้งฉาง แจกจ่ายเสบียงแก่ชาวบ้านในเมืองให้ทางการรวบรวมจำนวนคนตายและบาดเจ็บ จ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวที่ประสบภัยว่าจ้างชาวบ้านให้เข้าร่วมการก่อสร้าง ซ่อมแซมกำแพงเมือง จวน และสิ่งปลูกสร้าง
อาจเพราะเห็นกู้หว่านเยว่เป็นสตรีเช่นกัน พวกหญิงสาวจึงไม่ได้กลัวมากนัก“จอมยุทธ์หญิง ท่าน ท่านมาช่วยพวกเราจริงหรือ?”มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ค่อนข้างใจกล้า เอ่ยถามอย่างระวัง“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่ปลอบประโลม“องครักษ์ข้างนอกถูกข้าฆ่าตายหมดแล้ว อีกเดี๋ยวหลังจากพวกเจ้าออกไป จงไปหาห้องมิดชิดซ่อนตัวซะจำไว้ให้ดี ห้ามออกมาเด็ดขาด รอให้ข้างนอกปลอดภัยแล้วค่อยออกมา”กู้หว่านเยว่นึกถึงบางอย่าง“ใช่สิ พวกเจ้ารู้จักหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อหวังหรานเอ๋อร์หรือไม่?”จู่ๆ นางนึกขึ้นได้ว่าจางเอ้อร์ไหว้วานให้ช่วยตามหาคนหญิงสาวที่เอ่ยขึ้นเมื่อครู่ดวงตาฉายแววแปลกใจ มองกู้หว่านเยว่อย่างตะลึง“ท่านตามหาหวังหรานเอ๋อร์ทำไมหรือ?”กู้หว่านเยว่นำป้ายหยกออกมา“ได้รับการไหว้วานจากสหาย ให้พานางกลับบ้าน”“ป้ายหยกของท่านพ่อ!”หวังหรานเอ๋อร์ทำหน้าดีใจ แล้วคว้าเอาป้ายหยกไปนางพลิกไปพลิกมาในมือ หลังจากแน่ใจว่าเป็นป้ายหยกของบิดา จึงรีบหันมองกู้หว่านเยว่“ข้าคือหวังหรานเอ๋อร์ นี่เป็นป้ายหยกของบิดาข้า ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”กู้หว่านเยว่สีหน้าประหลาดใจช่างบังเอิญเสียจริงนึกไม่ถึงว่าหญิงสาวที่ดูองอาจตรงหน้าก็คือห
หลังเวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา ทั้งหกคนเดินออกมา แล้วคารวะกู้หว่านเยว่“พวกข้าน้อยคารวะพระชายา!”“ดี!”กู้หว่านเยว่ไม่แปลกใจกับบทสรุปเช่นนี้ นางเพียงโบกมือ“รีบลุกขึ้นเถอะ ข้ายังมีธุระสำคัญต้องหารือกับพวกเจ้า”สวีซื่อฉวนรีบพาทุกคนลุกขึ้นยืนกู้หว่นเยว่สั่งงานสวีซื่อฉวนสองเรื่องเรื่องที่หนึ่ง อีกเดี๋ยว นางจะฆ่าซ่งฉิน“ข้าอยากให้เจ้าอาศัยช่วงชุลมุนควบคุมเมืองเหยา แล้วสั่งให้คนเปิดประตูเมือง”เรื่องที่สอง ห้ามทำร้ายคนชรา เด็ก สตรีภายในเมือง“หากทำร้ายคนชรา เด็ก สตรี ให้ฆ่าได้ไม่ละเว้น!”“ขอรับ!”แต่เดิมสวีซื่อฉวนไม่ใช่คนที่ทำร้ายประชาชนอยู่แล้ว คำสั่งที่สองของกู้หว่านเยว่ ตรงกับเขาพอดีเพียงแต่“ข้างกายซ่งฉินมีองครักษ์ไม่น้อย จะสังหารเขาได้อย่างไร?”“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจ”กู้หว่านเยว่มองหวังปี้ “เจ้ากลับไปส่งข่าวให้หนานหยางอ๋องเถอะ ยามจื่อให้เขาพาคนมาบุกยึดเมือง”“ขอรับ”สำหรับคำพูดของกู้หว่านเยว่ หวังปี้ไม่แคลงใจแม้แต่น้อยหลังได้รับคำสั่ง รีบจากไปทันที“พวกเจ้าเองก็รีบไปเตรียมการ ประมาณอีกหนึ่งชั่วยามให้หลัง เมื่อได้ข่าวการตายของซ่งฉิน ให้ลงมือทันที”เวลาที่กู้หว่าน
ในเมื่อนับถือเจิ้นเป่ยอ๋อง ย่อมต้องรู้จักพระชายาของพวกเขาเป็นไปตามคาด สายตาของสวีซื่อฉวนหันมองกู้หว่านเยว่“ท่านคือพระชายาเจิ้นเป่ย?”สายตาของสวีซื่อฉวนเปลี่ยนเป็นเลื่อมใส ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจไม่น้อย“หรือเจ้าเคยได้ยินชื่อข้ามาก่อน?”“ชื่อเสียงเรียงนามของพระชายาใครจะไม่เคยได้ยิน ท่านกับท่านอ๋องฝ่าฝันด้วยความรัก ไม่ทอดทิ้งท่านอ๋อง”กู้หว่านเยว่ยิ้ม แต่ไม่ตอบชื่อเสียงของสตรีในภายนอก อย่างไรก็เกิดขึ้นจากบุรุษ“สิ่งที่พระชายาของพวกเราทำได้ ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ชุดเกราะของสามเหล่าทัพ เสบียงของเจดีย์หนิงกู่ ล้วนเป็นฝีมือของพระชายา”หวังปี้ทำหน้าภาคภูมิใจ ทำให้สวีซื่อฉวนต้องหันมอง“ข้าน้อยละเลยเอง”คำพูดกู้หว่านเยว่เปลี่ยนทันใด “ในเมื่อเจ้านับถือเจิ้นเป่ยอ๋องขนาดนี้ เหตุใดไม่พาลูกน้องไปเข้าร่วมกับเขา กลับเข่นฆ่าพวกชาวบ้านในเมืองเหยา?”ใบหน้าสวีซื่อฉวนฉายแววละอายใจ“เพราะข้ามีคดีติดตัว”เดิมทีสวีซื่อฉวนก็เป็นชาวนาที่ขยันทำมาหากินเนื่องด้วยร่างกายแข็งแรงกำยำ ฝีมือไม่เลว เคยไปเป็นบ่าวในครอบครัวใหญ่อยู่ช่วงหนึ่งสรุปคุณชายใหญ่ครอบครัวนั้นเป็นคนเกกมะเหรกเกเร“มีครั้งหนึ่ง เข
เดิมทีหญิงสาวนึกว่าตัวเองจะได้รับการช่วยเหลือ แต่ไม่คิดว่ากลับเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน“เจ้า”สวีซื่อฉวนอยากก้าวไปข้างหน้า แต่ถูกคนของถูเอ้อร์ขวางไว้“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”คนข้างหลังเขาก็ร้อนใจเช่นกัน เมื่อเห็นว่ากำลังจะตีกับถูเอ้อร์ จู่ๆ สวีซื่อฉวนเอ่ยขึ้น “ถอยให้หมด พวกเราไป”“หัวหน้ารอง...” หลายคนไม่พอใจ“ไป”สวีซื่อฉวนหันมองใบหน้าคนชั่วได้ใจของถูเอ้อร์แวบหนึ่ง แล้วกำหมัดแน่น พาคนของตัวเองจากไปอย่างเงียบเชียบ“ถุย คิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้ารองจริงๆ หรือ”ถูเอ้อร์ถุยน้ำลายใส่แผ่นหลังเขาที่จากไป แล้วลากหญิงสาวที่เหลือออกไปหลังจากพวกเขาไปหมดแล้ว บนหลังคามีคนกระโดดลงมาสองคนซึ่งก็คือกู้หว่านเยว่กับหวังปี้ที่ดูอยู่เมื่อครู่“ดูท่าภายในของโจรพวกนี้ ก็ไม่ได้สามัคคีกันมากนัก”หวังปี้กล่าวพร้อมถอนหายใจ“ก่อนหน้านี้ทุกคนอยู่บนเขา เรียกท่านพี่ใหญ่ เรียกข้าพี่รอง เรียกขานกันดุจพี่น้องตอนนี้ยึดเมืองเหยาได้แล้ว จึงคิดอยากเป็นใหญ่ จะยอมแบ่งอำนาจได้หรือ”หวังปี้บ่นพร้อมส่ายหน้า กู้หว่านเยว่เพียงเม้มปากยิ้ม“นี่ก็พอดีเลยไม่ใช่หรือ จะได้ยุยงให้พวกเขาแตกคอกัน”นางดึงหวังปี้ “ไป พวกเ
ก่อนจากมา กู้หว่านเยว่ยัดเงินใส่มือของจางเอ้อร์“ตอนนี้อยู่ข้างนอก อีกทั้งท่านยังบาดเจ็บ มีเงินอยู่กับตัวดีกว่าไม่ดี รับไว้เถอะ”“แม่นางกู้ บรรพบุรุษของข้าจางเอ้อร์ทำบุญด้วยอะไร ถึงได้มารู้จักกับท่าน”จางเอ้อร์ชั่งน้ำหนักเงินที่อยู่ในมือซึ่งน้ำหนักค่อนข้างมาก น้ำเสียงสะอื้น แล้วมองทั้งสองจากไป“พระชายา เหลือเวลาไม่มากแล้ว พวกเรารีบไปเมืองเหยากันเถอะ”หวังปี้เอ่ยเตือน ในไม่ช้าทั้งสองคนมาถึงนอกเมืองเหยาขณะนี้ภายในเมืองเหยาเงียบสงัดบนถนนเต็มไปด้วยศพที่นอนเกลื่อนกลาด ในอากาศกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง เลือดไหลมาบรรจบกันดุจแม่น้ำสายเล็กแล้วไหลลงสู่คูเมือง จนทำให้แม่น้ำกลายเป็นสีแดงฉานร้านรวงสองข้างทางถูกปล้นจนว่างเปล่า ถูกทำลายบ้าง ถูกเผาบ้างภายในจวนเจ้าเมือง มีหญิงสาวกลุ่มหนึ่ง กอดกันร้องไห้ส่วนมากพวกนางเป็นหญิงชาวบ้านในเมืองถูกโจรจับมาไว้ในจวน เพื่อให้พวกมันย่ำยี“ข้าอยากกลับบ้าน...”“ท่านพ่อท่านแม่ตายแล้ว พี่น้องก็ตายหมดแล้ว”“พวกเรายังมีบ้านหรือ?”“ไม่มี ไม่มีบ้านแล้ว ไม่มีบ้านอีกต่อไปแล้ว...”จากนั้นเสียงร้องไห้ดังขึ้นระงมขณะนี้ นอกประตูมีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามากะทันหันแ
แต่นึกไม่ถึงว่าทำดีไม่ได้ดี ความเมตตานี้กลับถูกคนชั่วหลอกใช้หลังจากเอ้อร์คำนับเสร็จ ก็ยันตัวลุกขึ้นยืนกู้หว่านเยว่ตรวจดูอาการของเขาสักครู่“ข้ากับแม่ทัพหวังยังมีธุระต่อ เกรงว่าคงอยู่ดูแลเจ้าที่นี่ไม่ได้ ที่นี่มีเงินถึงหนึ่ง เจ้ารับไป แล้วหาที่รักษาตัวเถอะ”กู้หว่านเยว่นำก้อนเงินเล็กถุงหนึ่งยื่นให้จางเอ้อร์จางเอ้อร์เห็นถุงก้อนเงินเล็กขอบตาแดงไปหมด มองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาตื้นตันในยามนั้นการทำดีตอนเนรเทศ วันนี้ถือว่ามีส่วนช่วยเขาอย่างใหญ่หลวง“แม่นางกู้”แต่ว่าเขาไม่ได้ยื่นมือไปรับถุงก้อนเงินเล็กมา“พวกท่านจะไปเมืองเหยาหรือ?”กู้หว่านเยว่สบตากับหวังปี้แวบหนึ่ง เนื่องจากจางเอ้อร์ไม่ใช่คนเลว ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ปิดบัง แต่ว่าทัพใหญ่ของหนางหยางอ๋องตั้งค่ายอยู่ในภูเขาเหยา ทั้งสองไม่ได้เปิดเผยให้รู้“ถูกต้อง พวกเราสองคนต้องไปทำธุระในเมืองเหยา”“พาข้าไปด้วยได้หรือไม่?” จางเอ้อร์ถามหยั่งเชิงคราวนี้กู้หว่านเยว่ไม่ลังเล ส่ายหน้าทันที“ท่านคงยังไม่รู้สถานการณ์ในเมืองเหยา เมืองเหยาถูกพวกโจรโจมตีแล้ว ตอนนี้พวกโจรกำลังฆ่าคนไปทั่วเมือง คนทั่วไปเมื่อเข้าไปก็จะไม่ได้ออกมาอีกอีกอย่าง
ไม่ว่าเขาจะเรียกร้องอย่างไร หัวหน้าสำนักคุ้มภัยหวังก็เหมือนคนนอนหลับ ไม่มีการตอบสนองสักนิด“จางเอ้อร์ หักห้ามใจเถอะ”หวังปี้ถอนหายใจ พร้อมเอ่ยเตือนเขาเข้าใจอาการคลุ้มคลั่งในยามนี้ของจางเอ้อร์ดี เพียงแต่ คนตายไม่อาจฟื้นคืน“ข้าผิดคำพูดแล้ว”ในใจจางเอ้อร์เสียใจอย่างที่สุดเขาเคยรับปากหัวหน้าสำนักคุ้มภัยหวังว่าจะช่วยเขา“ข้าจะทำแผลให้ท่านก่อน”กู้หว่านเยว่นำขวดยาและผ้าพันแผลที่ติดตัวมา ทำแผลให้จางเอ้อร์“ขอบคุณแม่นางกู้”จางเอ้อร์น้ำตาร่วงต่อให้ในใจจะเสียใจเพียงใด เขาก็รู้ว่าไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงบาดแผลบนตัวจางเอ้อร์ค่อนข้างลึก กู้หว่านเยว่ทำแผลได้เพียงเบื้องต้น เพื่อไม่ให้บาดแผลอักเสบ“ท่านลุกขึ้นยืนได้หรือไม่?”หลังทำแผลเสร็จ กู้หว่านเยว่สอบถามนางและหวังปี้ต้องเข้าไปสืบข่าวในเมืองเหยา จึงดูแลจางเอ้อร์เป็นเวลานานไม่ได้“ข้า ข้าพอยืนได้”หลังกินยาของกู้หว่านเยว่เข้าไป เรี่ยวแรงของจางเอ้อร์ฟื้นฟูขึ้นมาบ้าง“ยืนได้ก็ดีแล้ว ใช่สิ สำนักคุ้มภัยของพวกท่านพบเจอเรื่องใดหรือ ถึงได้ล้มตายกันหมดเช่นนี้?”กู้หว่านเยว่สอบถาม เมื่อครู่ระหว่างทำแผลให้จางเอ้อร์ นางมองสำรวจโดยรอบพ
เขาโกรธจนกำหมัดแน่นเพื่อให้ทหารระบายความแค้น ก่อนและหลังโจมตีเมือง บางกองทัพจะฆ่าล้างบางชาวบ้านหนึ่งเพื่อข่มขวัญผู้คนที่อยู่ในเมืองสองเพื่อให้เหล่าทหารผ่อนคลายเพียงแต่หนางหยางอ๋องและซูจิ่งสิงปกครองอย่างเข้มงวด ไม่เคยปล่อยให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น“พวกเราไปก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ทนดูไม่ได้อีกต่อไป จึงเก็บสายตากลับมาเงียบๆตั้งแต่โบราณผู้ที่ทุกข์ร้อนในศึกสงครามก็คือชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ขณะที่ทั้งสองเตรียมจากไป จู่ๆ ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังแผ่วเบามาจากถนนสายเล็กด้านข้าง“ทางนั้นเหมือนจะมีคน”หวังปี้รีบหันมองทันที“ไป พวกเราไปดูสักหน่อย” กู้หว่านเยว่ลากหวังปี้เข้าไปตรวจดูด้วยกัน ปรากฏว่าเห็นคนสองคนล้มอยู่ในพงหญ้าบนตัวทั้งสองคนเต็มไปด้วยเลือด บนตัวมีบาดแผลจากดาบไม่น้อย“น้องเล็ก ดูจากเสื้อผ้าของพวกเขาน่าจะเป็นคนของสำนักคุ้มภัย”หวังปี้เปลี่ยนสรรพนามอย่างระวัง กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดินไปหาคนที่ขอความช่วยเหลือนางรู้สึกว่าเสียงของคนผู้นี้คุ้นหูอยู่บ้างพอดีกับที่ชายผู้นั้นเห็นว่ามีคนเข้ามา จึงรีบมองไปทางพวกกู้หว่านเยว่เมื่อทั้งสองสบตากัน ต่างชะงักไปทันใด กู้หว่าน