"ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง..."อาวุธลับฝังเข้าไปในผนัง ลึกเข้าไปในเนื้อไม้สามส่วน เซียวอวี่เชียนสะดุ้งจนคอหดอาวุธลับนี้ หากโดนคนเข้าล่ะก็ คงทะลุร่างแน่นอน"ใคร? ใครลอบโจมตี?" เซียวอวี่เชียนตะโกนลั่นสำนักบัณฑิตหลวงมียอดีมือคอยปกป้องจำนวนมากเช่นนี้ ยังมีคนแอบเข้ามาฆ่าคนได้อีกหรือ? ช่างจองหองเกินไปแล้วกู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว กำกระดิ่งภินวิญญาณในมือแน่นโดยไม่รู้ตัวนางแสร้งทำเป็นผ่อนคลายและยิ้มเอ่ยว่า "ก็แค่พวกโจรขโมยชั้นต่ำ พวกเขาคงเห็นว่าข้าชนะการเดิมพันมามาก เลยเกิดความโลภน่ะ"เซียวอวี่เชียนแม้จะเจ้าสำราญไปบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้โง่อาวุธลับสามสิบแปดเล่มนั้นมาพร้อมกับกระบวนท่าสังหาร ผู้มาเยือนไม่ได้คิดจะปล่อยให้ยัยขี้เหร่มีชีวิตอยู่และที่นี่คือสำนักบัณฑิตหลวงแม้ว่าโดยทั่วไปแล้วที่นี่จะดูไม่มีอะไรพิเศษ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า รอบๆ สำนักบัณฑิตหลวงมียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่จำนวนมากเมื่อใดก็ตามที่มีคนคุกคามชีวิตนักเรียน เหล่าองครักษ์ลับก็จะออกมาปกป้องทันที"ยัยขี้เหร่ พวกโจรขโมยทั่วไปไม่มีวิทยายุทธตัวเบาที่เก่งกาจเพียงนี้หรอก ข้าว่าพวกเขาต้องการเอาชีวิตเจ้านะ""เอาชีวิตอะไรเล่า ข้าไม่ได้ล่วงเกินใครซัก
กู้ชูหน่วนเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านตีเหล็กกลางเมืองหลวง ริมฝีปากยกขึ้นยิ้มอย่างเกียจคร้านราวกับกำลังพูดกับตนเอง“คืนนี้มืดมิดเงียบสงบ ไม่มีใครอยู่รอบข้าง ใต้เท้าจะไม่ออกมา หรือว่าจะให้ข้าพากลับบ้านไปต้มหม้อไฟดี?”ในความมืดมิด ปรากฏเด็กหนุ่มสวมหน้ากากดำถือพิณเดินออกมาอย่างช้าๆ ร่างกายเปล่งประกายด้วยความเย็นชาเด็กหนุ่มวัยยังน้อย รูปร่างสูงโปร่งสมส่วน โดยเฉพาะชุดรัดรูปที่สวมใส่ ทำให้เห็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเขาอย่างชัดเจนหลังของเขาแบกพิณสีดำสนิท ดูสะดุดตาเป็นอย่างยิ่งท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมืดออกมาเพื่อลอบสังหาร แล้วยังแบกพิณมาด้วย คนผู้นี้ช่างมีรสนิยมจริงๆกู้ชูหน่วนพิจารณาเขาอย่างละเอียด รู้สึกว่าดูคุ้นตานางกะพริบตาปริบๆ ยิ้มเอ่ยว่า “หนุ่มน้อย รูปร่างดีจริงๆ ไม่รู้ว่าหน้าตาจะหล่อเหลาแค่ไหน หากว่าหล่อจริง ข้าอาจจะยอมให้จีบก็ได้นะ”เด็กหนุ่มหน้าตายเอ่ยเพียงประโยคเดียวว่า “ข้าต้องการเพียงกระดิ่งภินวิญญาณ”“เช่นนั้นเจ้าบอกข้าทีว่า เจ้าต้องการกระดิ่งภินวิญญาณไปทำไม หรือจะตอบว่ากระดิ่งภินวิญญาณนี้มีอะไรซ่อนอยู่ก็ได้นะ หากคำตอบของเจ้าทำให้ข้าพอใจ ข้าจะมอบมันให้เจ้า”“ข้าต้องการเพียงแ
กู้ชูหน่วนและเด็กหนุ่มชุดดำถูกกลุ่มคนล้อมไว้ พูดให้ถูกคือ กู้ชูหน่วนถูกพวกเขาล้อมไว้ แต่เนื่องจากเด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างๆ นางจึงติดร่างแหไปด้วย พวกที่ล้อมพวกเขามีถึงหลายสิบคน ทุกคนสวมชุดดำปิดบังใบหน้า ถือเคียว และมีสายตาที่ไม่เป็นมิตรหัวหน้าคือชายแคระตัวเตี้ยกับหญิงวัยกลางคนผู้เย้ายวนหญิงวัยกลางคนผู้เย้ายวนส่งสายตามองเด็กหนุ่มอย่างเร้าร้อน "โอ้ หนุ่มน้อย แค่มองรูปร่างของเจ้า ข้าก็น้ำลายไหลแล้ว อยากจะให้เจ้าถอดหน้ากากออก แล้วให้ข้าได้ดูแลเจ้าดีหรือไม่""เจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน" เด็กหนุ่มค่อยๆ เอ่ย"เจ้าตาดีไม่เบา พวกเราหลบซ่อนอยู่ในเขาอินซานมานานหลายปี ไม่คิดว่าจะมีใครจำพวกเราได้""แล้วอีกสองคนล่ะ""แค่พวกเจ้าสองคน ไม่จำเป็นต้องใช้พวกเราทั้งสี่คนหรอก" ชายแคระแบกดาบใหญ่ ดาบนั้นสูงกว่าตัวเขา ทำให้ดูไม่สมส่วนเขาเสียงดัง หน้าตาอัปลักษ์ ตาโปน ราวกับเป็นดวงตาของปลาตาย แต่ร่างกายของเขากลับเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวกู้ชูหน่วนพยายามค้นหาความทรงจำในสมองของนาง นางพอจะจำได้เลือนลางเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานมีเจ็ดคน แต่ละคนวิทยายุทธเก่งกาจและโหดเหี้ยมมาก พวกเขาฆ่าคนเป็นว่าเล่น เมื่อหล
ชายแคระปากบอกว่าได้ แต่ดาบในมือกลับฟาดแรงขึ้นทุกที ร้องเสียงดังลั่นด้วยน้ำเสียงหยาบกร้าน“หนุ่มน้อย นางผู้นี้มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้าถึงได้ปกป้องนางด้วยชีวิตเช่นนี้?”เด็กหนุ่มไม่ตอบ เพียงแต่ตั้งสมาธิรับมือการต่อสู้แต่หญิงวัยกลางคนกลับหัวเราะคิกคักตอบว่า “เขาเป็นของข้า จะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับยัยขี้เหร่เล่า มากสุดก็แค่อยากได้กระดิ่งภินวิญญาณเท่านั้น”“ของที่พวกข้าเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานต้องการ เจ้าก็กล้าแย่ง? กล้ามากเลยนะ”"ปัง..."ดาบโจมตีไม่โดนเด็กหนุ่ม แต่กลับผ่ากำแพงดินหลังเด็กหนุ่มออกเป็นสองท่อน กำแพงดินที่แข็งแกร่งพังทลายลงจนเสียงดังกึกก้อง“เจ้าห้า หลังจากวันนี้ไป เขาอาจเป็นคนของพวกเราเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน เจ้าลงมือเบาหน่อย อย่าทำร้ายเขาจนพิการ”“รู้แล้ว รำคาญเสียจริง”กู้ชูหน่วนยืนอยู่ข้างๆ มองการต่อสู้ในสนามด้วยท่าทีผ่อนคลายชายแคระมีกำลังมาก มีพลังภายในแก่กล้า และลงมือด้วยกำลังอันป่าเถื่อน ส่วนเด็กหนุ่มกลับมีดวงตาเย็นชาและสงบนิ่ง มือเล็กยกขึ้นเบาๆ เสียงพิณกระทบกับดาบ ทุกครั้งที่พุ่งชนกัน ดาบราวกับวัวตกลงไปในทะเลโคลน อ่อนปวกเปียก ไม่ว่าจะฟาดอย่างไรก็ไม่โดนเด็กหนุ่
หญิงวัยกลางคนเดิมทีตั้งใจจะจัดการกับเด็กหนุ่มก่อน แล้วค่อยกลับมาจัดการกู้ชูหน่วน แต่ปรากฏว่าคำพูดของกู้ชูหน่วนฟังไม่เข้าหู นางจึงเปลี่ยนใจทันที"สาวน้อยปากดีนักนะ เอากระดิ่งภินวิญญาณมาให้ข้า ข้าอาจให้เจ้าตายอย่างสงบ แต่หากไม่ เจ้าจะจมกองเลือด""ข้าเป็นคนที่ใครก็มาข่มขู่ได้อย่างนั้นหรือ?" กู้ชูหน่วนเลิกคิ้วย้อนถาม"เหอะ เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา"หญิงวัยกลางคนส่งเสียงเหยียดหยาม นางเหยียบปลายเท้าเบาๆ แล้วปลดปล่อยหัตถ์โลหิตออกไปโจมตีกู้ชูหน่วนกู้ชูหน่วนพิงกำแพงไว้ กอดอก ยืนสงบนิ่ง ราวกับมั่นใจว่าเด็กหนุ่มต้องมาช่วยนางแน่ๆและก็เป็นอย่างที่นางคิด ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังถูกเหล่านักฆ่าล้อมอยู่ เขาก็ยังสามารถเตะหม้อเหล็กจากร้านตีเหล็กไปขวางการโจมตีของหญิงวัยกลางคนได้ทันหม้อเหล็กสัมผัสกับหัตถ์โลหิตแล้วละลายทันทีแม้แต่เหล่านักฆ่าชุดดำก็ตกตะลึงพลังปีศาจโลหิตแข็งแกร่งมากสามารถละลายหม้อเหล็กได้ในพริบตา พลังภายในต้องแข็งแกร่งเพียงใดเด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ไม่คาดคิดว่าพลังปีศาจโลหิตของหญิงวัยกลางคนจะร้ายกาจขนาดนี้ เขาอยากจะไปช่วยกู้ชูหน่วน แต่ถูกล้อมไว้ ชายแคระก็พุ่งเข้ามาโจมตีเขาไม่หยุด แทบอ
"ปัง..."เสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับระเบิดกลางอากาศดังขึ้นอีกครั้งหญิงวัยกลางคนงถอยหลังไปหลายก้าว ใบหน้าซีดเผือก เด็กหนุ่มกระอักเลือดออกมาหนึ่งอึก อวัยวะภายในปั่นป่วนอย่างรุนแรง หากไม่เกาะผนังไว้ คงล้มลงไปแล้ว“เจ้ากล้าใช้การต่อสู้แบบแลกชีวิตมาสู้กับข้าอย่างนี้หรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่า หากสู้กันต่อ ข้าอาจไม่ตาย แต่เจ้าต้องตายแน่”“แค่ชีวิตสกปรกโสโครก ตายไปก็ตายไป” เด็กหนุ่มพยายามกลืนเลือดที่ค้างอยู่ในคอลง ให้ตัวเองดูเป็นปกติมากที่สุดหญิงวัยกลางคนตะคอก “ตกลงนางกับเจ้าเป็นอะไรกันแน่?”“ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น แค่ไม่อยากให้เจ้าได้กระดิ่งภินวิญญาณนั่น”“ดีมาก บัญชีนี้พวกข้าเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานจะจดจำไว้ เจ้าจงรอรับการล้างแค้นอย่างบ้าคลั่งของพวกข้าได้เลย”หญิงวัยกลางคนเบิกตาจ้องกู้ชูหน่วนและเด็กหนุ่ม ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง สุดท้ายก็ไม่รู้ว่านึกถึงอะไรจึงจากไปด้วยความแค้นหลังนางจากไป เด็กหนุ่มก็รีบกุมหน้าอกแน่น กระอักเลือดออกมาอีกหนึ่งอึกใหญ่ ขาของเขาคุกเข่าลงไปโดยไม่รู้ตัว ราวกับกำลังแบกรับความเจ็บปวดอันแสนสาหัส"ไม่เป็นไรใช่หรือไม่"กู้ชูหน่วนทิ้งเมล็ดแตงโม แล้วเดินไปหาเขา"ปัง
กู้ชูหน่วนกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา "เป็นพวกเจ้าเองที่พาข้าวิ่งมาตลอดทาง และมองข้าเป็นหญิงผู้อ่อนแอที่ไม่มีทางสู้ แล้วข้าจะไม่ตอบสนองความต้องการแบบผู้ชายเป็นใหญ่ของพวกเจ้าได้อย่างไร""…"เซียวอวี่เชียนโกรธจนตัวสั่นเด็กหนุ่มก็สีหน้าไม่สู้ดีมีดาบจำนวนมากขนาดนี้ หมายความว่าพวกเขาโดนฟันอย่างเปล่าประโยน์เมื่อเห็นว่ามีคนกลุ่มใหม่ล้อมพวกเขาเข้ามา กู้ชูหน่วนก็หรี่ตาลง มุมปากยกขึ้นยิ้มเยาะ "ตัวเอกมาแล้ว"ในขณะที่เซียวอวี่เชียนและเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น ทั้งคู่ก็แข็งทื่อดวงตาเย็นชาของเด็กหนุ่มหรี่ลงทันที หายใจหนักขึ้น ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยกู้ชูหน่วนมองออกเขากำลังกลัว กลัวคนกลุ่มนี้เซียวอวี่เชียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง "หน้ากากกะโหลก พวกเจ้าเป็นคนของสิบสองกองธงแห่งเผ่าหมอใช่หรือไม่?เผ่าหมอ?เหอะ โลกยุทธภพมีเผ่าหมอด้วยหรือ?กู้ชูหน่วนพิจารณาอีกฝ่ายอย่างละเอียดแต่กลับพบว่าอีกฝ่ายมีเพียงสามสิบหกคนเท่านั้น แต่ละคนถือธงบุปผา และสวมเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าปิดด้วยหน้ากากกะโหลกศีรษะหัวหน้าคือชายหนุ่มวัยยังน้อย ผู้ซึ่งไม่ได้สวมหน้ากาก ใบหน้าดูหล่อเหลา แต่แววตากลับเผยความโหดเหี้ยมเป็นระยะ
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะตอบ กู้ชูหน่วนก็ลูบคางพลางเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าคงคิดว่าการตัดแขนขา ควักตา และตัดหูของข้าคงง่ายดายราวกับบี้มดตัวหนึ่งใช่หรือไม่? ถ้าเช่นนั้น ทำไมเจ้าถึงต้องลำบากเขาด้วย?”“หรือว่าเขามีเรื่องบาดหมางกับเจ้า เจ้าเลยเกลียดเขา? จุ จุ จุ ดูท่าทางของเขาสิ ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ ข้าว่าคงไม่กล้าเป็นศัตรูกับเจ้าหรอก ให้ข้าเดานะ เจ้าคงอิจฉาเขามากกว่า อิจฉาที่เขามีหน้าตาหล่อเหลากว่าเจ้า หรืออาจอิจฉาที่เขาได้ดิบได้ดีในเผ่าหมอมากกว่าเจ้า เลยคิดแผนทรมานเขา”ทุกครั้งที่กู้ชูหน่วนพูดสีหน้าของเจียงซวี่ก็ยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ แววตาที่โหดเหี้ยมก็ยิ่งรุนแรงขึ้น“ดูเหมือนข้าจะเดาถูกนะ” กู้ชูหน่วนมองเด็กหนุ่มราวกับสงสารเขา“ลองดูตัวเองสิ ติดตามนายอะไรเนี่ย กลับตัวกลับใจเถิด เจ้าปกป้องข้าจนโดนแทงมาขนาดนี้ ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี”เด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะมองกู้ชูหน่วน แค่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆเจียงซวี่หัวเราะลั่นทันที “เดาถูกแล้วจะอย่างไร ข้าแค่ต้องการเห็นเขาทรมาน เขาใจดีนักมิใช่หรือ ข้าอยากจะดูว่า เพื่อให้มีรอดชีวิต เขาจะยอมฆ่าเจ้าหรือไม่”“ข้าขอเดาเพิ่มนะ คงเป็นครั้งแรกที่เจ้
บนเวทีแสดงวิทยายุทธสำนักบัณฑิตหลวง เหล่าบัณฑิตที่มาเข้าร่วมงานประชุมสวินหลงยืนเรียงกันเป็นห้าแถว อาจารย์บุ๋นบู๊สิบกว่าคนยืนอยู่บนเวที ปากอ้าๆ หุบๆ แนะนำกฎของงานประชุมสวินหลง"บัณฑิตที่มายืนอยู่ ณ ที่นี้ได้ ล้วนแต่เป็นผู้ที่สำนักบัณฑิตหลวงคัดสรรมาอย่างดี ปีที่ผ่านมามีเพียงบัณฑิตปีนั้นๆ เท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมงานประชุมสวินหลงได้ แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อที่จะเฟ้นหาผู้มีความสามารถ จึงได้อนุญาตให้บัณฑิตยอดเยี่ยมของปีก่อนๆ ก็สามารถเข้าร่วมได้เช่นกัน""เขาสวินหลงเป็นหุบเขาแห่งมหาสมบัติของแคว้นเย่ ทุกคนต่างรู้ดี ในอดีตโบราณกาล ที่นั่นเคยเกิดสงครามใหญ่หลายครั้ง ถือเป็นร่องรอยของสนามรบที่หลงเหลือจากโบราณมา ข้างในไม่ได้มีเพียงแค่สัตว์ป่าดุร้าย ดอกไม้ประหลาดหรือหญ้าพิษ ยังมีสมบัติต่างๆ ที่หลงเหลืออยู่ ในนั้นเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าขั้นสองขึ้นไป หากโชคดี อาจหาสมบัติล้ำค่าขั้นสี่เจอก็เป็นได้""ไม่ว่าพวกเจ้าจะพบสมบัติล้ำค่าใดในเขาสวินหลง ล้วนแต่จะกลายเป็นของพวกเจ้าเอง หากพวกเจ้าโชคไม่ดี ไม่พบสิ่งใดเลย เช่นนั้นก็จะไม่ได้อะไรเลย พวกเจ้ามีเวลาในเขาสวินหลงสามวัน หลังจากสามวัน งานประชุมสวินหลงครั้
กู้ชูอวิ๋นเยื้องย่างอ่อนโยน โน้มตัวเล็กน้อย ก่อนจะแสดงความเคารพด้วยท่าที่ตรงตามมาตรฐานหนึ่งที น้ำเสียงไพเราะกังวาน "ชูอวิ๋นคาราวะหานอ๋องเฟย และคุณชายเซียว"เซียวอวี่เชียนหันหน้าไปทางอื่น ส่งเสียงค่อนแคะในลำคอ ขี้เกียจแม้แต่จะชายตามองกู้ชูอวิ๋นสักครั้งท่าทางทั้งหมดนี้ของเซียวอวี่เชียนแสดงให้เห็นว่าเซียวอวี่เชียนรังเกียจกู้ชูอวิ๋น ไม่อยากจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้นตงฟางเจ๋อที่มีนิสัยค่อนข้างใจร้อน พลันเดือดดาลทันที "คุณหนูรองกู้ใจกว้างโอบอ้อม ทำความเคารพพวกเจ้าด้วยความสุภาพ ทว่าพวกเจ้ากลับจองหอง จงใจทำตัวอยู่เหนือกว่า พวกเจ้าคิดว่าฐานะของตนสูงส่งถึงได้ดูถูกทุกคนเช่นนั้นหรือ"ตงฟางเจ๋อไม่ได้พูดว่าเจ้า แต่เป็นพวกเจ้า เหมารวมกู้ชูหน่วนเข้ามาด้วยเซียวอวี่เชียนกำลังจะระเบิดอารมณ์ ทว่ากู้ชูหน่วนขวางเขาไว้ นางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สองมือกอดอก ในปากคาบดอกหญ้าหนึ่งต้น ท่าทางอวดเบ่งและบ้าบิ่น“สหาย หากเจ้ามีฐานะเช่นพวกข้า เจ้าก็ทำตัวสูงส่ง ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นได้เหมือนกัน”ซี้ดดด...ทุกคนต่างก็สูดหายใจเข้าลึกด้วยความตะลึงตงฟางเจ๋อเป็นถึงยอดฝีมือขั้นหนึ่ง แม้ชาติตระกูลจะสู้
"เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า"เซียวอวี่เชียนถอนหายใจยาวเหยียดตอนนั้นเทพสงครามฉุนเฉียวเช่นนั้น เขาคิดว่ายัยขี้เหร่จะต้องไม่ได้มีจุดจบที่ดีแน่หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาพยามคิดหาหนทางหนีออกไปจากจวนแม่ทัพเพื่อไปเยี่ยมยัยขี้เหร่ที่จวนหานอ๋อง แต่ช่วยไม่ได้ที่ถูกปิดตายอยู่ในห้อง ไม่ว่าเขาจะคิดหาทนทางเพียงไรก็หนีออกไปไม่ได้"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว"เขาพูดพลางเหลือบไปมองหน้าท้องของนางปราดหนึ่งนี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว เหตุใดท้องของนางยังแบนราบเช่นนี้ หรือสารอาหารจะไม่เพียงพอแต่สีหน้าของนางดูเหมือนจะดีกว่าแต่ก่อนเยอะ แม้แต่ราศีที่เปล่งออกมาก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนที่ใช้ชีวิตอย่างตรอมตรมเลยสักนิด"เหลือเวลาอีกเท่าไหร่กว่าจะถึงพิธีแต่งงานของเจ้า""งานประชุมสวินหลงเสร็จสิ้นก็ต้องจัดแล้ว แต่เจ้าวางใจ ข้าไม่มีทางแต่งกับนางเด็ดขาด"กู้ชูหน่วนแค่นหัวเราะ "แน่นอนว่าแต่งกับนางไม่ได้"ผู้ที่มารยาร้อยเล่มเกวียน ประพฤติไม่ชอบอย่างกู้ชูอวิ๋น จะแต่งมาทำอะไร"ยัยขี้เหร่ เจ้าไม่อยากให้ข้าแต่งกับนางจริงๆ ใช่หรือไม่"เอิ่ม......เซียวอวี่เชียนจะตื่นเต้นขนาดนี้ไปทำไมในฐานะเพื่อน นางย่อมไม่อยากให้เซียวอวี่เชียนแต
"ทูลพระชายา นายท่านไปพำนักที่เรือนชิวเฟิงชั่วคราว อีกสองสามวันก็จะกลับมาแล้ว"เรือนชิวเฟิง ?ไปที่นั่นทำไม"เขาได้รับบาดเจ็บหรือ" กู้ชูหน่วนถามอย่างระแวดระวัง"หามิได้ นายท่านไม่ได้ไปที่เรือนชิวเฟิงมาระยะหนึ่งแล้ว จึงอาจอยากอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน ข้าน้อยก็ไม่ทราบแน่ชัด หน้าที่ของข้าน้อยคือปกป้องคุ้มครองพระชายา"กู้ชูหน่วนกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย รู้สึกอยู่ตลอดว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นงานประชุมสวินหลงที่สำนักบัณฑิตหลวงจะจัดผลัดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งผลัดมาจนถึงวันนี้นางเงยหน้าขึ้นไปมองฟ้าเจ็ดวันก่อน นางรับปากเสี่ยวลู่ ลานประมูลเฟิงเซียงไว้แล้วว่าวันนี้จะไปตามเวลาที่นัด แต่หากไปลานประมูลเฟิงเซียง เช่นนั้นก็ไปร่วมงานประชุมสวินหลงไม่ได้ระหว่างที่นางกำลังลังเลว่าจะไปร่วมงานประมูลเฟิงเซียงหรืองานประชุมสวินหลงดี บ่าวรับใช้ก็เข้ามารายงานกะทันหัน"พระชายา ลานประมูลเฟิงเซียงส่งข่าวมาว่า ยกเลิกงานประมูลวันนี้ เลื่อนไปจัดในอีกสิบวันให้หลัง ลานประมูลขอเชิญท่านไปเข้าร่วมในอีกสิบวันข้างหน้า"บังเอิญเพียงนี้เลยรึหรือลานประมูลเฟิงเซียงจะรู้ว่าวันนี้นางอยากไปร่วมงานประชุมสวินหลง
ครั้งนี้ นางใช้โชคเข้าปะทะชีพจรยุทธ ทุกครั้งที่ใกล้จะทะลวงชีพจรยุทธได้สำเร็จ นางจะคว้ายาชำระไขกระดูกจำนวนมากมากินเพื่อเพิ่มพลังงานเช่นเดียวกับครั้งก่อนๆ ทุกครั้งที่นางเพิ่งจะเปิดรอยแยกได้ ก็จะปิดลงทันที กู้ชูหน่วนไม่ยอมแพ้ นางทะลวงครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ ในที่สุดนางก็เปิดชีพจรยุทธได้สำเร็จ"เฮือก......"เลือดสดอีกคำไหลหยดออกมา คนอื่นทะลวงชีพจรยุทธแล้วจะรู้สึกสบายไปทั้งตัว มีพลังงานเต็มเปี่ยม แต่นางกลับเหมือนหนีความตายมาได้ และเกือบเอาชีวิตนางไปกู้ชูหน่วนคราบเลือดติดมุมปาก แต่นางก็แย้มรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมานางพยายามใช้โชคหมุนเวียนพลังงานภายในร่างกาย เปลวไฟกลุ่มหนึ่งในตันเถียนของนางกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และร่างกายของนางก็เบาขึ้นกว่าเดิมมากนางมีพลังภายในแล้ว...... แม้ว่าพลังภายในจะอ่อนแอมากก็ตาม......การเปิดชีพจรยุทธบ่งชี้ว่านางสามารถฝึกวิชายุทธได้แล้วกู้ชูหน่วนหายใจออกมายาวและเปิดตำรารวมสูตรปรุงยาอีกครั้งยายกระดับเป็นยาที่ช่วยเพิ่มพลังภายในอย่างรวดเร็วและทะลวงผ่านหนึ่งขั้นได้กู้ชูหน่วนรู้สึกสนใจขึ้นมา"ชิงเฟิง"ชิงเฟิงทำหน้าบูดบึ้ง "พระชาย
บ่าวรับใช้ในจวนอ๋องกำลังช่วยกันดับไฟ ผมของกู้ชูหน่วนถูกระเบิดจนยุ่งเหยิง ราวกับรังไก่ ชิงเฟิงจัดให้นางไปอยู่ในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามอีกห้องหนึ่งภายในห้อง กู้ชูหน่วนมองกล่องยาชำระไขกระดูกขนาดใหญ่ตรงหน้า ทั้งกังวลและโล่งใจกังวลคือยาชำระไขกระดูกยังห่างไกลจากผลลัพธ์ที่นางต้องการโล่งใจคือในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว"ชิวเอ๋อร์ ไปเฝ้าหน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามา รวมถึงท่านอ๋องด้วย""คุณหนู ท่านจะทำอะไรอีกแล้วหรือเจ้าคะ?"ชิวเอ๋อร์กลัวจนตัวสั่น ชีวิตของคุณหนูเกือบจะจบสิ้นแล้ว นางคงไม่คิดที่จะปรุงยาอีกแล้วใช่หรือไม่"เจ้ารู้อะไร รีบออกไปเถิด""แต่ว่า......"ก่อนที่ชิวเอ๋อร์จะพูดจบ กู้ชูหน่วนก็ผลักนางออกไป แล้วนั่งขัดสมาธิบนเตียง หยิบยาชำระไขกระดูกในกล่องตรงหน้ามากินหนึ่งเม็ดความร้อนไหลขึ้นมาจากตันเถียน แต่ชีพจรยุทธไม่เปิดออกเสียทีกู้ชูหน่วนกินอีกหลายเม็ด ความร้อนในตันเถียนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เส้นลมปราณทั้งเจ็ดและแปดเส้นรู้สึกสบาย แต่ชีพจรยุทธยังคงไม่เปิดออกนางขมวดคิ้ว "ใช้สมุนไพรที่คล้ายกันมาทดแทน ผลลัพธ์ก็ยังแตกต่างกันมาก ยาชำระไขกระดูกนี้แย่เกินไป"กู้ชูหน่วนกัดฟัน กลืนยาชำระไขกระ
"พระชายา โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย ข้าน้อยก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น"เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนตั้งใจจะออกไป ชิงเฟิงก็ตกใจและเอ่ยว่า "พระชายา ท่านต้องการไปหายาใช่หรือไม่? หรือว่าท่านจะให้ใบสั่งยาแก่ข้าน้อย แล้วให้ข้าน้อยปหายามาให้""ก็ได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี""ขอรับ"ความเร็วของชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นรวดเร็วมาก แต่หลังจากกลับมา คำตอบของพวกเขาก็เหมือนกับที่ชิวเอ๋อร์พูดไม่มีผิดเพี้ยน"พระชายา ข้าน้อยได้ไปหาหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงแล้ว พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรในใบสั่งยาของท่านเลย และไม่สามารถหายาเหล่านั้นมาให้ท่านได้"ด้วยความกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะโกรธ ชิงเฟิงจึงหยุดชะงักแล้วเอ่ยต่อทันทีว่า "ข้าน้อยได้พาหมอหลวงจากสำนักหมอหลวง รวมถึงหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาด้วย พระชายาสามารถสอบถามพวกเขาได้โดยตรงเลย"เมื่อโบกมือ หมอจำนวนมากก็เดินเข้ามาทีละคน และทำความเคารพนาง "คารวะพระชายา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พันปี พันๆ ปี""พอเถอะ ข้าขอถามพวกท่าน พวกท่านไม่เคยได้ยินชื่อซานหลิง ซูเหอเซียง การบูร จริงๆ หรือ?""ทูลพระชายา พวกข้าประกอบอาชีพหมอมาหลายสิบปี บรรพบุรุษของพวกข้าก็เป็นหมอเช่นกัน พวกข้าไ
นิ้วเรียวสวยของกู้ชูหน่วนพลิกดูตำรารวมสูตรปรุงยาที่ขาดวิ่นอย่างต่อเนื่อง นางมองอย่างตั้งใจจนลืมตัว และไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาที่จวนหานอ๋องตั้งแต่เมื่อใด"เย่จิ่งหานล่ะ?" กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นถามทันทีชิงเฟิงเม้มปาก การต่อสู้ดุเดือดขนาดนั้น พระชายาของเขาไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่?"นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินมาชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียว นายท่านต่อสู้กับเขา และยามนี้ยังอยู่ในป่าไผ่ นายท่านให้ข้าพาพระชายากลับจวนก่อน""อย่างนั้นหรือ สามหมื่นล้านตำลึง ล่อตาล่อใจโจรจริง ๆ แผนที่ไข่มุกสีเขียวต้องได้รับการปกป้องอย่างดี อาจจะเป็นทรัพย์สมบัติทั้งหมดของจวนหานอ๋องก็ได้นะ" นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินบาดเจ็บไม่ใช่หรือ? เย่จิ่งหานน่าจะรับมือได้เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนพูดเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง คิ้วเข้มของชิงเฟิงก็ขมวดแน่นสิ่งที่นางควรเป็นห่วงไม่ใช่นายท่านหรอกหรือ?"ข้าจะกลับไปศึกษาตำรารวมสูตรปรุงยา บอกบ่าวรับใช้ว่าห้ามใครรบกวนหากไม่มีคำสั่งจากข้า""ขอรับ"ภายในห้อง กู้ชูหน่วนจรดพู่กันเขียนตำรับยาหลายแผ่นอย่างคล่องแคล่ว แล้วส่งให้ชิวเอ๋อร์ "ไปร้านขายยา ซื้อยาตามตำรับที่ข้าให้มา กลับมามากหน่อย"
กู้ชูหน่วนรับจดหมายเชิญ แล้วเกี่ยวคางของนางอย่างเย้าแหย่ "เมื่อมีสาวงามมาเชิญ เราจะกล้าไม่มาได้อย่างไร วางใจได้ งานประมูลเฟิงเซียงสิ้นเดือนนี้ พวกเราจะไปให้ตรงเวลาแน่นอน""เช่นนั้น เสี่ยวลู่จะรอแขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่านอยู่ที่งานประมูลเฟิงเซียง"หลังออกจากงานประมูลเฟิงเซียง เย่จิ่งหานก็ยังคงทำหน้าเย็นชาตลอดเวลาระหว่างทางกลับ พวกเขานั่งรถม้าประจำตัวของเย่จิ่งหาน กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่ารถม้าทำจากวัสดุอะไร ภายนอกดูธรรมดา แต่ภายในกลับมีพื้นที่กว้างขวางมาก สามารถดื่มชา เล่นหมากรุก หรือนอนพักผ่อนได้ อีกทั้งยังป้องกันลูกธนูพิษและอาวุธทุกชนิดได้ เมื่อสัมผัสกับรถม้า จะมีเพียงเสียงโลหะกระทบกันเท่านั้นตลอดทาง เสียงการต่อสู้ดังขึ้นเป็นระยะๆ ไม่ขาดสาย พร้อมกับเสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดพื้นดินสั่นสะเทือนเป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่าข้างนอกต่อสู้กันดุเดือดเพียงใดกู้ชูหน่วนรู้ว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาเพื่อแย่งชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียวของเย่จิ่งหานแต่เมื่อมองไปที่เย่จิ่งหาน เขานั่งจิบชาอ่านหนังสืออย่างสง่างามริมหน้าต่างรถม้า ราวกับไม่รับรู้ถึงการต่อสู้ภายนอกกู้ชูหน่วนเปิดม่านรถม้าดู ข้างนอกมีแต่แ