เติ้งเจี๋ยวันนี้แต่งตัวรูปงามหล่อเหลาจนสตรีทุกนางต้องมองเขาด้วยความหลงใหล เขาเดินเข้ามาพร้อมกับข้ารับใช้ที่ถือหีบของขวัญมาด้วยหลายใบ เติ้งเจี๋ยวันนี้อารมณ์ดีไม่น้อย ในที่สุดเทพธิดาของเขาก็เติบโตงดงาม ถึงเวลาที่จะได้เข้าวังหลวงไปเป็นภรรยาของเขาแล้วเรื่องนี้เสด็จพ่อเองไม่ได้คัดค้านสิ่งใด อีกทั้งยังบอกว่าหากได้เกี่ยวดองกับตระกูลเสี่ยวก็นับว่าเป็นเรื่องดีวันนี้เขาจึงนำของขวัญมามอบให้นางและถือฤกษ์ดีประกาศต่อทุกคนในงานวันนี้ว่าเขาจะรับนางเข้าตำหนักบูรพาไปเป็นชายารองของเขา!!!แม่ทัพใหญ่เสี่ยวหันมาสบตากับเสี่ยวไป่ฟงบุตรชายของตนคราหนึ่ง สองพ่อลูกรับรู้ได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา แต่ยามนี้คนก็มาแล้วจะให้ทำเหมือนไม่ต้อนรับก็ย่อมทำไม่ได้ เขาจึงเดินเข้าไปหาเติ้งเจี๋ยในทันที"ถวายพระพรองค์รัชทายาท""ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถอะ"เติ้งเจี๋ยเอ่ยตอบอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับมองหาเสี่ยวจิ่วฮวา ยามนี้สตรีใดก็ล้วนไม่อยู่ในสายตาของเขาทั้งสิ้นนอกจากนางเพียงคนเดียว แม้แต่พระชายาเอกที่แต่ก่อนมักจะเล่นสนุกบนเตียงกับเขาอย่างออกรสทำให้เขาตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เขาก็ยังเบื่อหน่ายนางขึ้นมาเมื่อคิดได้เช่นนั้นเติ้งเ
ข่าวที่เติ้งหมิงซีลากเสี่ยวจิ่วฮวาลงน้ำเป็นที่โจษจันท์ไปทั่วทั้งเมืองหลวง มีทัั้งคนสงสารและสมน้ำหน้า โดยเฉพาะหลินซินหลันที่เป็นคู่ปรับกับเสี่ยวจิ่วฮวามานานนั้น ออกจะสะใจจนอดหัวเราะเยาะออกมาไม่ได้กำลังจะได้เป็นนางหงส์บินเข้าไปอยู่ในตำหนักบูรพาแล้วแท้ๆ แต่เพราะบาปหนักจึงถูกท่านอ๋องบ้าใบ้ฉุดคร่าลงน้ำไปเสียอย่างนั้น ช่างสะใจข้าจริงๆ!!!ด้านเติ้งหมิงซีกลับมาถึงที่จวนอ๋องแล้วเขาก็เปลี่ยนชุดก่อนจะมานั่งจิบสุราอย่างอารมณ์ดีอยู่ในห้องใต้ดินของตน ห้องใต้ดินแห่งนี้ถูกสร้างเอาไว้อย่างลับๆ ที่ใต้เตียงนอนของเขาจะมีกลไกอยู่ เมื่อเปิดกลไกนั้นออก ใต้เตียงนอนจะช่องว่างที่คนสามารถลงไปได้ ด้านล่างจะคล้ายกับจวนหลังหนึ่งมีห้องหลายห้องครบครัน สามารถใช้นอนพัก ใช้ฝึกวรยุทธ์ได้เติ้งหมิงซีวางจอกสุราลง ก่อนจะเดินไปหยิบคันธนูขึ้นมา เขาง้างสายและยิงมันออกไป ลูกธนูเข้าเป้าสีแดงอย่างรวดเร็ว มือของเขานิ่งมาก เติ้งหมิงซียกยิ้มมุมปาก ก่อนจะคิดถึงเสี่ยวจิ่วฮวาขึ้นมาอีกไม่นานสตรีน้อยนางนั้นก็จะแต่งเข้าจวนเขาแล้วสินะยิ่งคิดก็ยิ่งอารมณ์ดี!!!ก่อนหน้านี้ไป๋หล่างส่งข่าวมาเรื่องที่เขาให้ไปตามสืบ แต่ทว่าค่อนข้างเป็นเรื่องย
ตำหนักมังกรสวรรค์หลังจากที่มีสมรสพระราชทานประกาศออกไป เติ้งเจี๋ยก็ไม่ได้แสดงท่าทีใดอีก เหมือนกับว่าเขาจะทำใจยอมรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้แล้ว ฮ่องเต้เติ้งผิงอันเองก็พอใจจะเบาใจลงไปไม่น้อยที่บุตรชายเริ่มคิดได้ขึ้นมาบ้าง"ทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ"ฮ่องเต้เติ้งผิงอันที่ได้ยินเช่นนั้นก็ละสายตาจากงานราชการตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยกับขันทีคนสนิท"ให้เขาเข้ามาได้"เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว เติ้งเจี๋ยก็เดินเข้ามาด้านในพร้อมกับเหล่านางกำนัลและขันทีที่ยกอาหารเลิศรสเข้ามามากมายหลายอย่าง ฮ่องเต้เติ้งผิงอันที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถาม"เหตุใดจึงนำอาหารเข้ามามากมายเช่นนี้"เติ้งเจี๋ยที่ได้ยินก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ"เสด็จพ่อ หลายวันมานี้ลูกคิดได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรลูกควรเชื่อฟังเสด็จพ่อ จะให้เสียการใหญ่ไม่ได้เป็นอันขาด วันนี้ลูกจึงนำอาหารและสุรามาร่วมเสวยกับเสด็จพ่อ ให้พวกเราพ่อลูกลืมเรื่องบาดหมางก่อนหน้านี้กันไปเสีย เสด็จพ่อจะให้อภัยลูกที่ไม่ได้เรื่องได้ราวผู้นี้จะได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"ฮ่องเต้เติ้งผิงอันที่ได้ยินเช่นนั่นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย สายตาที่มองดูเติ้งเจี
เพราะว่าเสี่ยวจิ่วฮวาเป็นบุตรสาวคนเล็ก ย่อมไม่อาจแต่งงานก่อนเสี่ยวไป่ฟงผู้เป็นพี่ชายได้ จึงต้องปฏิบัติตามธรรมเนียม เสี่ยวฮูหยินจึงหารือกับคนตระกูลหยาง และได้ความว่าจะต้องจัดงานแต่งให้กับเสียวไป่ฟงและหยางซู่ซู่เสียก่อน คนตระกูลหยางเองก็ไม่ได้คัดค้านอันใดเมื่อตกลงกันได้เช่นนี้ สามวันต่อมา เกี้ยวเจ้าสาวของหยางซู่ซู่ก็เดินทางมาที่จวนตระกูลเสี่ยว การแต่งงานจัดอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะ มีผู้คนมาร่วมแสดงความยินดีไม่น้อยเลยหลังเสร็จสิ้นงานแต่งของพี่ชายแล้ว สามวันต่อมา เสี่ยวจิ่วฮวาก็ถึงเวลาที่จะต้องแต่งเข้าจวนจวิ้นอ๋องแล้วเช่นเดียวกันนางถูกปลุกขึ้นมาแต่งตัวตั้งแต่เช้ามืด ครั้งนี้เสี่ยวฮูหยินเป็นคนช่วยบุตรสาวแต่งตัวเองกับมือนางอดที่จะหลั่งน้ำตาออกมาไม่ได้ การแต่งงานของอาจิ่วในครั้งนี้นางควรจะดีใจ แต่นางกลับไม่รู้สึกเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อยเวลาผ่านไปจนท้อฝฟ้าเริ่มสว่าง ขบวนเจ้าบ่าวก็มาถึง เพระเติ้งหมิงซีไม่ปกติเหมือนคนทั่วไปจึงไม่อาจนั่งขี่ม้าเพียงลำพังได้ ต้องให้พ่อบ้านเหรินช่วยจับม้าเอาไว้ เติ้งหมิงซีตบมือชอบใจพร้อมกับหัวเราะเสียงดังเป็นอย่างมาก สร้สงความขบขันให้แก่ผู้คนที่ได้พบเห็นไม่น้อยเลย"ท่า
ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวเคลื่อนตัวมาถึงยังจวนจวิ้นอ๋องแล้ว นับว่าเป็นการแต่งงานที่ค่อนข้างทุลักทุเลอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะเติ้งหมิงซีเล่นสนุกราวกับเด็กน้อย การคำนับฟ้าดินก็ทำอย่างไม่ถูกระเบียบ ข้าวของร่วงหล่นกระจัดกระจาย แขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างลอบถอนหายใจและรู้สึกเวทนาในชะตาชีวิตของเสี่ยวจิ่วฮวาที่ต้องมาแต่งให้กับสามีเช่นนี้เป็นอย่างมากแต่เสี่ยวจิ่วฮวากลับมีใบหน้าเรียบเฉยไม่ได้แสดงท่าทีใดออกมาเลยแม้แต่น้อยจวบจนงานแต่งผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทุกคนต่างกลับกันไปจนหมด ยามนี้เสี่ยวจิ่วฮวานั่งอยู่ในห้องหอ โดยมีหูเป่าที่กำลังคอยจัดข้าวของให้นางและนำอาหารมาให้นางกินรองท้องคลายหิว เสี่ยวจิ่วฮวารู้สึกเหมื่อยล้าไม่น้อย จึงให้สาวใช้ที่ติดตามมาไปเตรียมน้ำอุ่นให้ตนได้อาบเพื่อผ่อนคลาย ในขณะที่นางกำลังยกถ้วยชาขึ้นดื่มเพื่อรอให้หูเป่าไปจัดการตามที่สั่ง ก็เห็นว่ามีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา ก่อนจะทำความเคารพนางด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย"ทูลพระชายา บ่าวคือพ่อบ้านเหริน ผู้ดูแลจวนอ๋องแห่งนี้ หากพระชายามีสิ่งใดต้องการ สามารถแจ้งต่อบ่าวได้ทุกเมื่อ อีกเดี๋ยวท่านอ๋องจะเสด็จมาแล้ว บ่างจึงมาแจ้งต่อพระชายาก่อนพ่ะย่ะ
เสี่ยวจิ่วฮวาหมดสติไปตั้งแต่เมื่อคืน จนยามสายของอีกวันหนึ่งนางจึงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เมื่อสติกลับมาครบถ้วนแล้ว นางก็จำเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ทั้งหมดในขณะที่กำลังจะเข้าหอกัน นางกลับเห็นใบหน้าของเติ้งเจี๋ยซ้อนทับขึ้นมาบนใบหน้าของเติ้งหมิงซี แล้วนางก็เริ่มจะควบคุมตนเองเอาไว้ไม่ได้เสี่ยวจิ่วฮวาหลับตาลงช้าๆ รู้สึกถึงความสิ้นหวังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เรื่องในครั้งนั้นมันฝังอยู่ในจิตใจของนางมาโดยตลอด นางคิดว่าจะสามารถลืมเลือนมันไปได้ทั้งหมดแล้ว แต่ทว่าความจริงนางกลับไม่เคยสลัดมันออกไปจากจิตใจได้เลยนี่ไม่เท่ากับเป็นอุปสรรคครั้งใหญ่ของนางและเติ้งหมืงซีหรอกหรือ นางเป็นภรรยาของเขาแท้ๆ แต่กลับไม่อาจปรนนิบัติเขาให้ดีเหมือนภรรยาคนอื่นๆ ได้ฉับพลันความรู้สึกของเสี่ยวจิ่วฮวาก็ตีกันจนชวนปวดหัวไปหมด นางทั้งเสียใจ น้อยใจและรู้สึกผิดในคราเดียวกัน จึงซุกหน้าลงกับหมอนก่อนจะน้องไห้ออกมาด้านเติ้งหมิงซีนั้นเมื่อเสี่ยวจิ่วฮวาหลับไปแล้ว เขาก็เอาแต่เฝ้านางตลอดทั้งคืน ในใจรู้สึกสับสนวุ่นวายและครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาว่าอาการที่ภรรยาของตนเป็นนั้นมันเกิดมาจากสิ่งใดเสี่ยวจิ่วฮวาละเมอถึงเติ้งเจี๋ย ท่าทีหว
เสี่ยวจิ่วฮวาหลังจากแต่งงานก็เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเก่าครั้งหนึ่ง เมื่อกลับมาเยี่ยมจวนครั้งนี้นางพบว่ามารดาของนางไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียดเท่าแต่ก่อนอีก เพราะได้รู้แล้วว่าความจริงเติ้งหมิงซีไม่ได้เป็นบ้าจริงๆ มารดากำชับนางหลายประโยคให้ระวังตนเองให้ดีและอย่าละเลยหน้าที่ของภรรยาเป็นอันขาด นางพยักหน้ารับและจดจำคำสอนของมารดาเอาไว้ทุกคำยามนี้เข้าสู่ช่วงต้นฤดูหนาวแล้ว อากาศจึงค่อนข้างเย็นไม่น้อยเลย หิมะเริ่มตกโปรยปรายมากขึ้น วันนี้เสี่ยวจิ่วฮวาจึงมาทำซุปเนื้อในโรงครัวกินเพื่อคลายความหนาวพ่อบ้านเหรินที่เดินมาพอดี ก็ปรายตามองเสี่ยวจิ่วฮวาคราหนึ่ง เดิมทีเขาไม่ชอบเสี่ยวจิ่วฮวาแต่เพราะคำสั่งของเติ้งเจี๋ยก่อนหน้านี้ที่กำชับเขาว่าห้ามทำให้นางลำบากใจ เขาจึงไม่อาจล่วงเกินนางได้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงเดินเข้ามาหานางก่อนจะเอ่ย"พระชายา หากทรงต้องการสิ่งใดบอกข้าน้อยได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ ไม่จำเป็นต้องลงมาทำด้วยตนเองเช่นนี้ หากเกิดสิ่งใดขึ้น หรือเกิดความเสียหายในจวนอ๋อง เกรงว่าท่านคงรับผิดชอบไม่ไหว"เขาเอ่ยอย่างเย็นชา เสี่ยวจิ่วฮวาที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ย"ข้าจะทำซุปเนื้อกินเสียหน่อย ให้สา
หลังจากที่ฮ่องเต้เติงผิงอันสวรรคตไปแล้ว เหตุการณ์หลายอย่างก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย เจียงฮองเฮายามนี้ได้ถูกแต่งตั้งเป็นเจียงไทเฮา เสพสุขอำนาจวาสนาไม่จบไม่สิ้น ส่วนเติ้งเจี๋ยก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ยามนี้ยังอยู่ในการไว้ทุกข์ แต่มันก็เป็นเพียงการสร้างฉากบังหน้าขึ้นมาเพียงเท่านั้น ผู้ใดจะรู้ ภายในตำหนักมังกรสวรรค์ยามนี้มีศพของสตรีคนแล้วคนเล่าถูกหามออกไป บางคนไม่ตายก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอดเป็นเช่นนี้ทุกวันจนสร้างความหวาดหวั่นให้แก่เหล่าสตรีในวังหลวงไม่น้อย นางสนมในอดีตฮ่องเต้ที่ยังสาวบางคนถูกเติ้งเจี๋ยเรียกมาปรนนิบัติเขาไม่สนใจกฎระเบียบอันใดเลยแม้แต่น้อย ส่วนเจียงไทเฮาก็ไม่สนใจสิ่งใดเพราะคิดว่าสิ่งไหนเป็นความสุขของบุตรชายนางก็ไม่อยากจะขัดขวาง"ฮองเฮาเพคะ ทรงเสวยสิ่งใดบ้างเถิดเพคะ"เสียงของนางกำนัลเอ่ยขึ้นมาด้วยความจนใจ ก่อนจะวางอาหารลงตรงหน้าฉินฮองเฮาฉินฮองเฮานางนี้เดิมทีคือพระชายาเอกของเติ้งเจี๋ย ก่อนหน้านี้นางหมายมั่นเอาไว้ว่าอำนาจจะต้องอยู่ในมือของนาง เติ้งเจี๋ยจะต้องรักใร่โปรดปราณนางไปตลอดชีวิต อีกอย่างนางกับเติ้งเจี๋ยเองก็มีรสนิยมในเรื่องเช่นนั้นเหมือนกัน เขาชอบกระทำควา
รัชศักหมิงซีปีที1เติ้งหมิงซีขึ้นครองราชย์อย่างราบรื่น เขาแต่งตั้งไป๋หล่างให้ขึ้นเป็นเสนาบดีกรมขุนนางต่อจากบิดาของตน คอยตรวจสอบความประพฤติไม่ชอบของพวกขุนนางและจัดการได้ตามกฎหมายในทันที ส่วนเสี่ยวไป่ฟงนั้นเติ้งหมิงซีแต่งตั้งเป็นแม่ทัพใหญ่เสี่ยวแทนบิดาเพราะว่ายามนี้แม่ทัพใหญ่เสี่ยวแก่ชรามากแล้วและอยากวางมือเสียทีจึงให้เสี่ยวไป่ฟงรับหน้าที่แม่ทัพใหญ่เสี่ยวต่อจากตน และเติ้งหมิงซียังมอบตำแหน่งท่านโหวให้แก่จวนตระกูลเสี่ยวอีกด้วย เท่ากับว่ายามนี้แม้อดีตแม่ทัพใหญ่เสี่ยวจะวางมือแต่พราะมีความดีความชอบมาช้านานจึงได้ตำแหน่งท่านโหว ยังคงมีผู้คนนับถือ และตำแหน่งนี้สามารถสืบทอดต่อทายาทในตระกูลได้อีกด้วยด้านหลี่จิ่งนั้น ในการสอบเค่อจวี่ครั้งนี้ เขาสอบได้ตำแหน่งจอหงวน ได้เข้ามาทำงานในราชสำนักตามที่วาดหวังเอาไว้ โดยเติ้งหมิงซีให้ไปลองทำงานที่สำนักฮั่นหลินดูก่อน หากหลี่จิ่งมีความสามารถจริงย่อมได้เลื่อนตำแหน่งตามความเหมาะสมหยางซู่ซู่เองก็ตั้งครรภ์แล้ว ส่วนเสี่ยวเย่วหยานั้นคลอดบุตรชายอย่างราบรื่น แต่เพราะว่าร่างกายอ่อนแอจึงต้องพักฟื้นสักระยะ เสี่ยวจิ่วฮวาสั่งให้คนนำยาบำรุงไปมอบให้เสี่ยวเย่วหยาหลายอย่าง
สายลมพัดพาความหนาวเย็นเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า เสี่ยวจิ่วฮวายามนี้กำลังนอนอยู่บนทะเลหิมะน้ำแข็งที่หนาวจับใจ นางค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ พบว่ายามนี้ตนเองนอนอยู่ที่เดิมที่เคยตายเมื่อชาติที่แล้ว หิมะทับถมเป็นกองสูงอยู่บนตัวนางข้าฝันหรือไร!!นางครุ่นคิดด้วยความหวาดหวั่น ก่อนจะคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้นางถูกเติ้งเจี๋ยจับไป ด้วยความที่หวาดกลัวจนสติแตกและถูกด้านมืดในจิตใจครอบงำ นางจึงสังหารเขาอย่างเลือดเย็นหลังจากนั้นนางก็สลบไปนางตื่นขึ้นมาและพบว่าตนเองนอนอยู่ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น หิมะตกโปรยปรายลงมาไม่หยุดช่างหนาวเหลือเกิน!!เสี่ยวจิ่วฮวาหลับตาลง พยายามลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหวังว่าเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครานางจะออกจากที่นี่ไปได้แต่มันกลับไม่ใช่ที่นี่เปรียบเสมือนกรงขังที่ไร้ทางออก พาให้นางจมดิ่งลงลงสู่ห้วงที่ลึกที่สุดในจิตใจของตนเองเสี่ยวจิ่วฮวาพยายามลุกขึ้นก่อนจะเดินโซเซไปตามทางที่มืดทึบ หนทางช่างมืดเหลือเกินมองไปไม่เห็นสิ่งใด ฉับพลันนางได้ยินเสียงของเติ้งหมิงซีเอ่ยเรียกชื่อนางมาตามสายลม"อาจิ่ว เจ้ารีบฟื้นเร็วเข้า ข้ารอเจ้าอยู่นะ""อาหมิง!!! อาหมิงช่วยข้าด้วย ข้าออกไปไม่
เติ้งหมิงซีอุ้มเสี่ยวจิ่วฮวาเข้ามาในรถม้า ก่อนจะสั่งให้คนหาผ้าชุบน้ำสะอาดมาให้เขา ก่อนจะบรรจงเช็ดตามใบหน้าของนางอย่างอ่อนโยนก่อนหน้านี้เขาพยายามไล่ตามเติ้งเจี๋ยอย่างไม่ลดละ แต่เติ้งเจี๋ยกลับรวดเร็วยิ่งกว่า เพียงไม่นานก็หายไปจากสายตาของเขา ในขณะที่กำลังร้อนรนและตามหาเสี่ยวจิ่วฮวาอยู่นั้นก็ได้พบกับเจียงซวี่เสียก่อนเจียงซวี่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดมากมาย บอกเพียงให้เขาตามไป ก่อนจะพบว่าเติ้งเจี๋ยพาเสี่ยวจิ่วฮวามาที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งบ้านหลังนี้เติ้งเจี๋ยลอบซื้อเอาไว้ คาดว่าน่าจะซื้อเอาไว้เพื่อลักลอบทำเรื่องบางอย่างเจียงซวี่บอกเพียงว่าคนตระกูลเจียงถูกทหารของกบฏสังหารเกือบหมด เหลือรอดเพียงไม่กี่คน เติ้งหมิงซีถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ครั้งนี้บิดาของฉินฮองเฮาคงแค้นเติ้งเจี๋ยมาก ถึงกับเข้าฝั่งกบฏและนัดแนะให้ทหารกบฏเข้ามาสังหารคนของเติ้งเจี๋ยล้างตระกูลและทำลายบ้านเมืองเช่นนี้ ความแค้นมันน่ากลัวมากจริงๆแต่อย่างไรก็ต้องขอบใจเจียงซวี่ที่ช่วยเหลือเขาในครั้งนี้จนได้พบกับเสี่ยวจิ่วฮวา ทั้งที่ตนเองก็มีสภาพย่ำแย่ไม่ต่างกันภาพที่เขาเห็นก่อนหน้านี้สร้างความตกใจให้แก่เขาไม่น้อย ไม่คาดคิดว่าเสี่ยวจิ่วฮวาจะสังหาร
รถม้าเคลื่อนไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความมืด เสี่ยวจิ่วฮวาพยายามไม่มองหน้าเติ้งเจี๋ย ส่วนบุรุษตรงหน้าก็เอาแต่จ้องมองนางอย่างไม่ลดละ สายตานั่นมันทำให้เสี่ยวจิ่วฮวาอึดอัด ทั้งอึดอัดทั้งรังเกียจและหวาดหวั่นในคราวเดียวกันภาพที่เขาทำกับนางในชาติก่อนมันสร้างบาดแผลในใจให้แก่นางอย่างไม่อาจลืมเลือนทำให้นางกลัวการนอนกับสามีตนเอง นางเหมือนคนที่สติไม่อยู่กับตัวต้องคอยฟวาดระแวงลืมอดีตไปจากใจไม่ได้นางเกลียดเติ้งเจี๋ย!!เติ้งเจี๋ยที่เห็นว่าเสี่ยวจิ่วฮวาไม่สนใจตน จึงยื่นมือมาจับปลายคางของนางให้หันมามองเขา เพราะเสี่ยวจิ่วฮวาขัดขืนเขาจึงออกแรงกับนางอย่างไม่ปรานีปราศัย"เกลียดข้ามากนักหรือ อีกไม่นานข้าก็จะได้ชื่อว่าเป็นสามีของเจ้าแล้ว!!!"เสี่ยวจิ่วฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมา ก่อนจะเอ่ยกับเติ้งเจี๋ยด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลน"ข้าไม่ใช่ภรรยาของเจ้า ข้ามีสามีแล้ว คนต่ำช้าเช่นเจ้าคิดจะแย่งภรรยาผู้อื่นไม่อับอายบ้างหรือไร ถุย!!!"เสี่ยวจิ่วฮวาถุยน้ำลายใส่ใบหน้าของเติ้งเจี๋ยอย่างไม่แยแส ทว่าเติ้งเจี๋ยกลับไม่โกธร เขาใช้ปลายนิ้วมือขึ้นเช็ดน้ำลายของนาง ก่อนจะอ้าปากงับนิ้วของตนและดูดดื่มกับน้ำลายของนางที่เปื้อน
พ่อบ้านเหรินพาเสี่ยวจิ่วฮวาวิ่งมาจนถึงด้านนอกจวนอ๋อง ก่อนจะวิ่งฝ่าความมืดลัดเลาะไปตามเส้นทางลับก่อจจะมาถึงยังรถม้าที่จอดอยู่ข้างร้านเครื่องประทินโฉม ยามนี้ทหารกบฏถูกท่านอ๋องควบคุมได้แล้ว ทางจึงสะดวกขึ้นมา เสี่ยวจิ่วฮวาหันมามองหูเป่าและเหล่าสาวใช้ที่วิ่งหนีตามกันมา ก่อนจะเอ่ย"รีบไปกันเถอะ!!ข้าเชื่อว่าท่านอ๋องจะต้องรับมือได้"เมื่อเอ่ยจบนางก็กำลังจะก้าวขึ้นรถม้า แต่ทว่ากลับมีธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้ามาสังหารสาวใช้ของนางตกตายไปหลายคน เสี่ยวจิ๋วฮวารีบหันกลับไปมอง ก่อนจะอุทานออกมา"เติ้งเจี๋ย!!!"นี่เขายังไม่ตายหรือ แล้วหนีรอดมาได้เช่นไร!!!เติ้งเจี๋ยหนีออกมาพร้อมกับองค์รักษ์ลับของตน เป้าหมายของเขาคือตามหาเสี่ยวจิ่วฮวาให้พบ ยามนี้เขาได้พบกับนางแล้ว เมื่อคิดได้เช่นนั้นเติ้งเจี๋ยจึงก้าวเข้ามาหาเสี่ยวจิ่วฮวาในทันที แต่ทว่าพ่อบ้านเหรินกลับสั่งให้องค์รักษ์ที่ติดตามมาด้วย ขวางทางเขาเอาไว้ เติ้งเจี๋ยปรายตามองพ่อบ้านเหรินก่อนจะเอ่ย"หากไม่อยากตายก็ส่งนางมา นางเป็นของข้า!!!"พ่อบ้านเหรินส่งเสียงเหอะในลำคอ ก่อนจะเอ่ย"ฝ่าบาท พระองค์พูดผิดแล้ว นางคือพระชายาของท่านอ๋อง เป็นนายหญิงของข้า ท่านต่างหากที่ต้องไ
รัชศก เจี๋ย ปีที่1หลังจากที่คัดเลือกสาวงามเข้าวังไปไม่นาน ก็มีข่าวออกมาว่ามีขุนหลายกลายตระกูลที่เกิดเรื่อง บ้างก็ถูกสังหารทิ้ง บ้างก็หลีกหนีออกไปจากเมืองหลวง บางครอบครัวที่ยากจนก็ถูกทหารทุบตีเพราะมาร้องทุกข์ต่อศาลต้าหลี่ว่าบุตรสาวตกตายอย่างไม่เป็นธรรมข้าวของเครื่องใช้แพงจนไม่อาจจับต้อง สินค้าบางอย่างหายากยิ่ง ข้าวสารแทบจะไม่มีเหลือให้กินให้ใช้ ราษฎรลำบากยากแค้น ในขณะที่เติ้งเจี๋ยซึ่งอยู่ในวังหลวงกลับใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญบนความทุกข์ยากของราษฎรอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านคิดว่าเขาไม่เจ็บแค้นที่มองเห็นราษฎรทุกข์ยากหรือ ทุกครั้งเขาแอบส่งคนไปช่วยเหลือครอบครัวเหล่านั้นครั้งแล่วครั้งเล่า ต้องทนเห็นมารดาของพวกนางกรีดร้องเพราะต้องสูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รัก บิดาเป็นบ้าหลังจากที่ทราบว่าบุตรสาวที่ถูกคัดเลือกเข้าวังหลวงต้องมาตายจากไปตั้งแต่อายุยังน้อย ชาวบ้านร้องไห้เพราะความอดอยาก เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วทั้งเมืองหลวงถึงเวลาแล้วเติ้งเจี๋ยที่เจ้าจะต้องตายเสียที!!!กลางดึกคืนนั้นเสี่ยวจิ่วฮวาถูกปลุกขึ้นมากลางดึก นางงัวเงียลืมตาขึ้นมาก่อนจะพบว่าเป็นเติ้งหมิงซีนั่นเอง"อาหมิง ปลุกข้าทำไมกัน"เสี่ยวจ
จากการสืบหาความจริงของไป๋หล่างและองค์รักษ์ลับที่แฝงตัวอยู่ในวังหลวงของจวนอ๋อง ท้ายที่สุดเพียงสามวันก็สืบพบว่าเป็นฝีมือของผู้ใด"เป็นฝีมือของฉินฮองเฮาอย่างนั้นหรือ""พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"เติ้งหมิงซีที่ได้ยินเช่นนั่นก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง สตรีนางนั้นถึงกับกล้าเล่นไม่ซื่อกับของขวัญที่เติ้งเจี๋ยมอบให้เสียวจิ๋วฮวา ช่างอาจหาญไม่เบาเลยอยู่บนตำแหน่งฮองเฮาดีดีไม่ชอบ ได้!!! ข้าจะสงเคราะห์เจ้าเองด้านเสี่ยวจิ่วฮวาเองก็พอจะจำฉินฮองเฮานางนั้นได้ ก่อนหน้านี้สตรีผู้นี้คือพระชายาเอกของเติ้งเจี๋ยไม่เคยคิดเลยว่าฉินฮองเฮาจะลงมือกับนางเช่นนี้ หรือว่าฉินกุ้นเฟยจะรู้ว่าเติ้งเจี๋ยคิดเช่นไรกับนางจึงต้องการสังหารนางทิ้งเพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามหัวใจอย่างนั้นหรือเสี่ยวจิ่วฮวาที่คิดได้เช่นนั้นแววตาก็เย็นเยียบ นางไม่เคยอยากมีปัญหากับผู้ใด แต่คนพวกนั้นกลับนำปัญหามาให้นาง ถึงกับจะฆ่าจะแกงกันเช่นนี้มันออกจะเลือดเย็นไปหน่อยกระมังเติ้งหมิงซีที่เห็นว่าเสี่ยวจิ่วฮวานิ่งเงียบไป ก็รีบเอ่ยกับนางอย่างเป็นห่วง"เจ้าไม่ต้องกลัว คืนนี้ข้าจะส่งคนไปลอบสังหารนาง คนของข้าทำงานไม่ผิดพลาดแน่ ต่อไปนี้นางจะไม่สามารถทำร้ายเจ้าไ
หลังจากที่ฮ่องเต้เติงผิงอันสวรรคตไปแล้ว เหตุการณ์หลายอย่างก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย เจียงฮองเฮายามนี้ได้ถูกแต่งตั้งเป็นเจียงไทเฮา เสพสุขอำนาจวาสนาไม่จบไม่สิ้น ส่วนเติ้งเจี๋ยก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ยามนี้ยังอยู่ในการไว้ทุกข์ แต่มันก็เป็นเพียงการสร้างฉากบังหน้าขึ้นมาเพียงเท่านั้น ผู้ใดจะรู้ ภายในตำหนักมังกรสวรรค์ยามนี้มีศพของสตรีคนแล้วคนเล่าถูกหามออกไป บางคนไม่ตายก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอดเป็นเช่นนี้ทุกวันจนสร้างความหวาดหวั่นให้แก่เหล่าสตรีในวังหลวงไม่น้อย นางสนมในอดีตฮ่องเต้ที่ยังสาวบางคนถูกเติ้งเจี๋ยเรียกมาปรนนิบัติเขาไม่สนใจกฎระเบียบอันใดเลยแม้แต่น้อย ส่วนเจียงไทเฮาก็ไม่สนใจสิ่งใดเพราะคิดว่าสิ่งไหนเป็นความสุขของบุตรชายนางก็ไม่อยากจะขัดขวาง"ฮองเฮาเพคะ ทรงเสวยสิ่งใดบ้างเถิดเพคะ"เสียงของนางกำนัลเอ่ยขึ้นมาด้วยความจนใจ ก่อนจะวางอาหารลงตรงหน้าฉินฮองเฮาฉินฮองเฮานางนี้เดิมทีคือพระชายาเอกของเติ้งเจี๋ย ก่อนหน้านี้นางหมายมั่นเอาไว้ว่าอำนาจจะต้องอยู่ในมือของนาง เติ้งเจี๋ยจะต้องรักใร่โปรดปราณนางไปตลอดชีวิต อีกอย่างนางกับเติ้งเจี๋ยเองก็มีรสนิยมในเรื่องเช่นนั้นเหมือนกัน เขาชอบกระทำควา
เสี่ยวจิ่วฮวาหลังจากแต่งงานก็เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเก่าครั้งหนึ่ง เมื่อกลับมาเยี่ยมจวนครั้งนี้นางพบว่ามารดาของนางไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียดเท่าแต่ก่อนอีก เพราะได้รู้แล้วว่าความจริงเติ้งหมิงซีไม่ได้เป็นบ้าจริงๆ มารดากำชับนางหลายประโยคให้ระวังตนเองให้ดีและอย่าละเลยหน้าที่ของภรรยาเป็นอันขาด นางพยักหน้ารับและจดจำคำสอนของมารดาเอาไว้ทุกคำยามนี้เข้าสู่ช่วงต้นฤดูหนาวแล้ว อากาศจึงค่อนข้างเย็นไม่น้อยเลย หิมะเริ่มตกโปรยปรายมากขึ้น วันนี้เสี่ยวจิ่วฮวาจึงมาทำซุปเนื้อในโรงครัวกินเพื่อคลายความหนาวพ่อบ้านเหรินที่เดินมาพอดี ก็ปรายตามองเสี่ยวจิ่วฮวาคราหนึ่ง เดิมทีเขาไม่ชอบเสี่ยวจิ่วฮวาแต่เพราะคำสั่งของเติ้งเจี๋ยก่อนหน้านี้ที่กำชับเขาว่าห้ามทำให้นางลำบากใจ เขาจึงไม่อาจล่วงเกินนางได้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงเดินเข้ามาหานางก่อนจะเอ่ย"พระชายา หากทรงต้องการสิ่งใดบอกข้าน้อยได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ ไม่จำเป็นต้องลงมาทำด้วยตนเองเช่นนี้ หากเกิดสิ่งใดขึ้น หรือเกิดความเสียหายในจวนอ๋อง เกรงว่าท่านคงรับผิดชอบไม่ไหว"เขาเอ่ยอย่างเย็นชา เสี่ยวจิ่วฮวาที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ย"ข้าจะทำซุปเนื้อกินเสียหน่อย ให้สา