เพ่ยเพ่ยถึงได้ไม่คิดมีแฟนเป็นจริงเป็นจัง ก่อนที่นางจะจากมายังภพนี้นางเคยมีคนรักสมัยตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยแต่มันก็นานมาแล้วและชีวิตรักของนางก็ไม่ได้จบลงอย่างสวยงามเสียเท่าไหร่พอได้เริ่มทำงานเป็นแพทย์ทหาร ในยามที่ต้องย้ายฐานปฏิบัติการไปตามที่ต่างๆ นางมักจะเห็นบรรดาเพื่อนผู้ชายไปผูกสัมพันธ์กับพวกสาวต่
เพ่ยเพ่ยตื่นขึ้นมาในช่วงสายก็ไม่เห็นใครในห้องแล้ว วันนี้ทั้งวันนางมิได้เจอหน้าอ๋องหมิงเลย มีเพียงองครักษ์คนเดิมที่เฝ้าอยู่หน้าเรือนรับรอง เวลาต่อมาองครักษ์นายนั้นก็ได้ขอเข้าพบเพ่ยเพ่ยเพื่อแจ้งความประสงค์ของอ๋องหมิงให้นางทราบ “ท่านอ๋องสั่งไว้ หากพระชายาอยากจะไปที่ใดให้กระหม่อมคอยติดตามไปด้วย แต่จะออ
ฮือ…ข้าคงจะปฏิเสธไม่ได้แล้วสินะ เพ่ยเพ่ยได้แต่เบะปากอยู่ในใจ ทำไมเขาต้องมาทำตัวติดกับนางด้วยเล่า "ตามพระทัยท่านอ๋องเถอะเพคะ หม่อมฉันเพียงหวังดีกลัวว่าท่านอ๋องจะมิสบายตัว" "หวางเฟยช่างเป็นห่วงข้าเสียจริง ช่างน่าดีใจนัก" เขายิ้มตอบกลับนาง แววตาบ่งบอกว่าเขานั้นรู้ทันความคิดของนาง ด้วยความเหนื่อยล้
อ๋องหมิงเมื่อกลับจากวังเขาก็ตรงไปยังห้องหนังสือ องครักษ์เงาที่คอยติดตามเพ่ยเพ่ยรีบเข้ามารายงานเขาทันที "มีอะไรคืบหน้าอย่างนั้นหรือ" "พะย่ะค่ะ คุณชายรองตระกูลหยางให้บ่าวรับใช้ส่งขนมจากหอหมื่นบุปผามาให้พระชายาพะย่ะค่ะ" "พี่ชายนางส่งของมาอย่างนั้นรึ" "เป็นขนมเปี๊ยะพะย่ะค่ะ ได้ยินสาวใช้คนสนิทของนางพ
อ๋องหมิงรับขนมเข้าปากไปก็อมยิ้มไป ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ อีกฟากหนึ่งฝูเหวินและสาวใช้ก็กำลังเดินตรงมาที่ห้องหนังสือพร้อมกับของว่างและน้ำชา เมื่อนางมองเห็นชิงชิงที่ยืนอยู่หน้าห้องหนังสือพร้อมกับเหลยคังหน้าของนางก็ตึงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ยัยจิ้งจอกนั่นคงจะอยู่ในห้องหนังสือกับศิษย
ยังไม่ทันจะได้เถียงเขา เพ่ยเพ่ยก็ต้องกลืนคำพูดของตัวเองกลับลงไป อ๋องหมิงกระชับกอดร่างบางแน่นยิ่งขึ้น เขาพันธนาการนางเอาไว้ไม่ให้นางคิดหนี มืออีกข้างก็จับกดอยู่ที่ท้ายทอยของนาง บังคับให้นางรับจูบอันเร่าร้อนของเขา "อื้อ..." เพ่ยเพ่ยใช้กำปั้นทั้งสองรัวทุบลงไปบนอกแกร่งแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่สะเทือนเขา
อ๋องหมิงเงยหน้าขึ้นมอง ปากยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ "หวานมาก" ยิ่งเขาพูดก็ยิ่งทำให้เธออายจนหน้าแดง เพ่ยเพ่ยมองเขาไม่ละสายตา ร่างสูงลุกขึ้นยืน เขากระตุกดึงสายคาดเอวของตัวเองออก เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยเผยให้เห็นแผงอกกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ นางถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอ สายตาเจ้ากรรมมิวายมองลงต่ำ เขาใ
ทั้งคู่ผละออกจากอ้อมกอดของกันและกันอย่างอ้อยอิ่งแล้วจัดการกับอาภรณ์ที่หลุดลุ่ยให้เรียบร้อยเข้าที่เข้าทาง เพ่ยเพ่ยก้มหน้าก้มตา พวงแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ อ๋องหมิงสวมกอดนางจากด้านหลัง ตอนนี้นางแทบจะยืนไม่อยู่ แขนขาไร้เรี่ยวแรงไปเสียอย่างนั้น ใบหน้าของเขาที่เกยอยู่บนไหล่ของนางนั้นเริ่มซุกไซ้ไปตามซอกคอ ทั
-จวนตระกูลหยาง- "มากันแล้ว มากันแล้วขอรับ!" เสียงพ่อบ้านทั้งวิ่งทั้งตะโกนเรียกทุกคนในเรือนไปพร้อมๆ กัน ทุกคนวางมือจากงานที่ทำอยู่อย่างลนลานก่อนจะรีบไปรวมตัวกันที่หน้าประตูจวนเพื่อนต้อนรับอ๋องหมิงและพระชายา ระหว่างเดินทางอ๋องหมิงให้ม้าเร็วมาแจ้งตระกูลหยางล่วงหน้าแล้วว่าเขากำลังพาเพ่ยเพ่ยกลับมาชางห
เพ่ยเพ่ยมองทั้งสามและพิจารณาถึงสิ่งที่อี้ซินบอก ใช่แล้ว คนเคร่งขรึมหน้าตาไร้อารมณ์เช่นเขาความจริงแล้วไม่น่าจะมีเด็กที่ไหนอยากเล่นด้วยเลยต่างหาก อาจเป็นเพราะสัมพันธ์พ่อลูกที่ตัดอย่างไรก็ไม่ขาดกระมัง เวลาล่วงเลยมาจนถึงเวลารับสำรับเย็น ไม่น่าเชื่อว่า อาหารพื้นๆ ในเรือนหลังไม่ใหญ่แต่อาหารมื้อนี้สำหรับ
"ท่านพ่อ ท่านแม่ เมื่อไหร่จะตื่นเสียที พวกเรารอตั้งนานแล้วนะ" เด็กทั้งสองเคาะประตูอยู่หน้าห้องไม่หยุด อี้ซินมีสีหน้าซีดเผือด นางพยายามห้ามนายน้อยและคุณหนูอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่สองแฝดผู้เอาแต่ใจก็หาได้ฟังใครไม่ หลังจากที่รอบิดากับมารดามาตั้งแต่เช้า กระทั่งพวกเขารับสำรับเช้าเสร็จแล้วแต่ท่านพ่อท่
"เมื่อกี้เจ้าจูบข้าก่อน" อ๋องหมิงมองเพ่ยเพ่ยพร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มขึ้น หัวใจกระตุกเพราะนางไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน ทุกครั้งมีเพียงเขาที่เป็นฝ่ายจูบนางก่อนและเกือบทุกครั้งคือการบังคับให้นางต้องรับจูบจากเขา "ใช่เพคะ มิได้หรือ" "ทำไมจะมิได้ เปิ่นหวางชอบ" เพ่ยเพ่ยมอบจุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากของเขาอีกครั
"แล้วหม่อมฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าหม่อมฉันพูดอันใดไปบ้าง ท่านอ๋องก็บอกหม่อมฉันสิเพคะ" "เจ้าจับหน้าเปิ่นหวาง เรียกข้าว่าอ้ปป้าแล้วยังบอกว่าหากได้จูบอ้ปป้าสักครั้งจะตั้งใจทำงาน" "หา! หม่อมฉันเนี่ยนะเพคะกล่าวเช่นนั้นออกมา" แต่ภาษาวัยรุ่นแบบนั้น ไม่ใช่แกแล้วเขาจะคิดเองได้หรือไงเล่ายัยบ้า เมื่อคิดได้เช่
"เจ้าพูดอะไรของเจ้า ยิ่งฟังเจ้าข้าก็ยิ่งงง ท่านอ๋องเคยไปรังแกเจ้าด้วยรึ" "หึ เจ้าอยากโดนรุมซ้อมดูบ้างไหมล่ะ คนของเขาเท้าหนักๆ กันทั้งนั้น เพราะอารมณ์หึงหวงอย่างมิมีเหตุผลของเขาอย่างไรล่ะ" อย่าให้เขาบรรยายเลย บุรุษยุคนี้ หน้าใหญ่ใจโต ถือว่าตนมีอำนาจก็ไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น กดทุกคนให้อยู่ต่ำหมดไม่ว่า
อ๋องหมิงได้ยินดังนั้นก็หันขวับไปจ้องหน้าเพ่ยเพ่ย แขนแกร่งทั้งสองข้างจับข้อมือเล็กของนางแน่น แล้วดึงมือนางที่จับกุมใบหน้าของตนออก แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธแต่กลับแอบแฝงความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ เขายังจำได้ เมื่อครั้งที่เห็นนางเมาในคราแรกแล้วเพ้อถึงแต่อ้ปป้านั่น แค่คิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาเขาก็แ
อันที่จริงเรือนเหมยฮวาก็ไม่ได้ไกลอะไร แต่เพ่ยเพ่ยก็ไม่ได้ปฏิเสธนายหญิงหลิว เพราะหากไม่รับปากนาง นางก็จะคะยั้นคะยอไม่เลิก เพ่ยเพ่ยเองก็ชินกับนิสัยนายหญิงหลิวแล้ว นางชอบเวลาที่ลูกหลานอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา อ๋องหมิงต้องยอมรับว่าเหล้าโซจูที่หลินเฟิงอี้นำมานั้นค่อนข้างแรง ดื่มไปเพียงนิดก็แสบไปทั้งลำคอ
"เฟิงอี้ หวังว่าเจ้าคงจะไม่ลืมที่เคยสัญญาเอาไว้เมื่อคราวก่อน" "ย่อมไม่ลืม" หลินเฟิงอี้กระดิกนิ้วเรียกให้บ่าวคนสนิทนำไหเหล้าเข้ามา "ตามที่ขอ ข้าหมักเองกับมือ นี่โซจูตามสูตรที่ได้มาจากโชซอนเลยนะ" "ว๊าว อ้ปป้า เยี่ยมสุดๆ ไปเลย ข้าขอคารวะ หากรู้มาก่อนว่าเจ้าจะมาวันนี้ ข้าคงทำกิมจิไว้รอแล้ว" เพ่ยเพ่