-ตำหนักจันทรา-อ๋องหมิงเดินมาถึงตำหนักจันทราก็ไม่เห็นใคร ตำหนักเงียบราวกับปิดตาย“ไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้วหรืออย่างไร ไปมุดหัวอยู่ที่ใดกันทั้งนายทั้งบ่าว!”ชิงชิงได้ยิาเสียงตวาดลั่นของอ๋องหมิงก็รีบออกมายังหน้าประตูตำหนัก นางกลัวจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว“ท่านอ๋อง คือว่าพระชายากำลังพักผ่อนอยู่ในห้องบรรทมเพค
นางต้องทำให้เขาตายใจ ให้เขาโปรดปรานนางเช่นเดียวกับฝูเหวิน หลังจากนั้นก็ค่อยวางแผนหาวิธีออกไปที่นี่ คงจะพอมีทางอยู่บ้าง แม้ว่าอาจจะต้องเปลืองตัวสักเล็กน้อยแต่ก็ถือว่าคุ้ม อย่างไรที่นางเสียให้เขาไปก็เอากลับคืนมาไม่ได้อยู่แล้ว-ห้องหนังสือ-"เจ้าออกไปได้ ตามนางต่อไป""พะย่ะค่ะ"องครักษ์เงาหันหลังแล้วหา
เมื่อเพ่ยเพ่ยเดินมาถึงที่ห้องหนังสือ เหลยคังก็ทำความเคารพนางและรีบแจ้งแก่ท่านอ๋องอย่างรู้หน้าที่"พระชายาเสด็จมาพะย่ะค่ะ""ให้นางเข้ามา"เหลยคังเปิดประตูพร้อมกับเชิญเพ่ยเพ่ยให้เข้าไปด้านใน"เชิญพระชายาพะย่ะค่ะ""อืม ชิงชิงเจ้ารอเราอยู่ข้างนอกก่อน""เพคะ"เมื่อเพ่ยเพ่ยเดินเข้าไปข้างในนางก็เห็นอ๋องหมิ
-ตำหนักจันทรา-เพ่ยเพ่ยใช้เวลาทั้งบ่ายในการเตรียมของใช้จำเป็นที่จะนำติดตัวไปในวันพรุ่งนี้ นางกำลังนั่งพักผ่อนจิบชายามบ่ายอย่างสบายอารมณ์ ก่อนที่ชิงชิงจะวิ่งพรวดพราดเข้ามาหน้าตาตื่น"อะไรกันชิงชิงมีเรื่องอันใด เหตุใดเจ้าถึงได้ดูรีบร้อนถึงเพียงนี้""ท่านอ๋องเพคะ ท่านอ๋องให้ท่านเหลยคังมาแจ้งว่าท่านอ๋อง
ลิ้นหนารุกล้ำสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากของนาง เขากวาดลิ้นตวัดไล่ต้อนลิ้นเล็กของเพ่ยเพ่ยอย่างไม่ให้โอกาสนางได้หลีกหนีเลยสักนิดจูบของเขาเร่าร้อนรุนแรงจนเพ่ยเพ่ยนั้นแทบจะขาดอากาศหายใจ นางกำหมัดทุบอกประท้วงไปหลายครั้งหลายหน อ๋องหมิงเหมือนจะรับรู้ได้จึงยอมปล่อยเรียวปากของนางให้เป็นอิสระ"อืม รสชาติหวานล้ำจร
ล่วงเข้ายามซื่อ(09:00-11:00) เพ่ยเพ่ยก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา นางกลับไม่พบว่าอ๋องหมิงนอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับนางเหมือนเมื่อคราก่อน แต่เธอก็หาได้สนใจไม่ยามเพ่ยเพ่ยพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง ก็ถูกความปวดร้าวที่แทรกซึมไปแทบทุกอณูของร่างกายเข้าจู่โจม เขาเคี่ยวกรำนางเสียยิ่งกว่าวันเข้าหอครั้งนั้นเสียอีก พอก้า
"อะไรกันท่านแม่ ไยต้องร้องไห้ ดูบ่าวไพร่ร้องไห้ตามท่านแม่กันหมดแล้ว""คุณหนูกลับมาเยี่ยมบ้านเป็นเรื่องน่ายินดี ทุกคนเลิกร้องไห้กันได้แล้ว แล้วช่วยกันขนของเข้าข้างในเสีย" เขาหันไปสั่งบ่าวไพร่สิ้นเสียงคุณชายใหญ่ บ่าวไพร่ก็รีบปฏิบัติตามทันที ทุกคนพากันเดินเข้ามาในจวน โดยมีเพ่ยเพ่ยยืนอยู่ตรงกลางกอดเอวบ
"ท่านพ่อช่วยทำให้ฝ่าบาทมอบหนังสือหย่าให้ข้ากับท่านอ๋องได้หรือไม่เจ้าคะ""..."หยางหลี่เหลียนถึงกับตะลึงค้าง พูดอะไรมิออกไปชั่วขณะร้ายแรงถึงเพียงนี้เลยรึอะไรทำให้บุตรสาวของเขาถึงกับทนไม่ไหวกัน ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเป็นนางเองที่ยืนยันเสียงแข็งว่าจะต้องแต่งกับเขาให้ได้ หากไม่ใช่อ๋องหมิงผู้นั้นนางก็จะไม่
-จวนตระกูลหยาง- "มากันแล้ว มากันแล้วขอรับ!" เสียงพ่อบ้านทั้งวิ่งทั้งตะโกนเรียกทุกคนในเรือนไปพร้อมๆ กัน ทุกคนวางมือจากงานที่ทำอยู่อย่างลนลานก่อนจะรีบไปรวมตัวกันที่หน้าประตูจวนเพื่อนต้อนรับอ๋องหมิงและพระชายา ระหว่างเดินทางอ๋องหมิงให้ม้าเร็วมาแจ้งตระกูลหยางล่วงหน้าแล้วว่าเขากำลังพาเพ่ยเพ่ยกลับมาชางห
เพ่ยเพ่ยมองทั้งสามและพิจารณาถึงสิ่งที่อี้ซินบอก ใช่แล้ว คนเคร่งขรึมหน้าตาไร้อารมณ์เช่นเขาความจริงแล้วไม่น่าจะมีเด็กที่ไหนอยากเล่นด้วยเลยต่างหาก อาจเป็นเพราะสัมพันธ์พ่อลูกที่ตัดอย่างไรก็ไม่ขาดกระมัง เวลาล่วงเลยมาจนถึงเวลารับสำรับเย็น ไม่น่าเชื่อว่า อาหารพื้นๆ ในเรือนหลังไม่ใหญ่แต่อาหารมื้อนี้สำหรับ
"ท่านพ่อ ท่านแม่ เมื่อไหร่จะตื่นเสียที พวกเรารอตั้งนานแล้วนะ" เด็กทั้งสองเคาะประตูอยู่หน้าห้องไม่หยุด อี้ซินมีสีหน้าซีดเผือด นางพยายามห้ามนายน้อยและคุณหนูอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่สองแฝดผู้เอาแต่ใจก็หาได้ฟังใครไม่ หลังจากที่รอบิดากับมารดามาตั้งแต่เช้า กระทั่งพวกเขารับสำรับเช้าเสร็จแล้วแต่ท่านพ่อท่
"เมื่อกี้เจ้าจูบข้าก่อน" อ๋องหมิงมองเพ่ยเพ่ยพร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มขึ้น หัวใจกระตุกเพราะนางไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน ทุกครั้งมีเพียงเขาที่เป็นฝ่ายจูบนางก่อนและเกือบทุกครั้งคือการบังคับให้นางต้องรับจูบจากเขา "ใช่เพคะ มิได้หรือ" "ทำไมจะมิได้ เปิ่นหวางชอบ" เพ่ยเพ่ยมอบจุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากของเขาอีกครั
"แล้วหม่อมฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าหม่อมฉันพูดอันใดไปบ้าง ท่านอ๋องก็บอกหม่อมฉันสิเพคะ" "เจ้าจับหน้าเปิ่นหวาง เรียกข้าว่าอ้ปป้าแล้วยังบอกว่าหากได้จูบอ้ปป้าสักครั้งจะตั้งใจทำงาน" "หา! หม่อมฉันเนี่ยนะเพคะกล่าวเช่นนั้นออกมา" แต่ภาษาวัยรุ่นแบบนั้น ไม่ใช่แกแล้วเขาจะคิดเองได้หรือไงเล่ายัยบ้า เมื่อคิดได้เช่
"เจ้าพูดอะไรของเจ้า ยิ่งฟังเจ้าข้าก็ยิ่งงง ท่านอ๋องเคยไปรังแกเจ้าด้วยรึ" "หึ เจ้าอยากโดนรุมซ้อมดูบ้างไหมล่ะ คนของเขาเท้าหนักๆ กันทั้งนั้น เพราะอารมณ์หึงหวงอย่างมิมีเหตุผลของเขาอย่างไรล่ะ" อย่าให้เขาบรรยายเลย บุรุษยุคนี้ หน้าใหญ่ใจโต ถือว่าตนมีอำนาจก็ไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น กดทุกคนให้อยู่ต่ำหมดไม่ว่า
อ๋องหมิงได้ยินดังนั้นก็หันขวับไปจ้องหน้าเพ่ยเพ่ย แขนแกร่งทั้งสองข้างจับข้อมือเล็กของนางแน่น แล้วดึงมือนางที่จับกุมใบหน้าของตนออก แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธแต่กลับแอบแฝงความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ เขายังจำได้ เมื่อครั้งที่เห็นนางเมาในคราแรกแล้วเพ้อถึงแต่อ้ปป้านั่น แค่คิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาเขาก็แ
อันที่จริงเรือนเหมยฮวาก็ไม่ได้ไกลอะไร แต่เพ่ยเพ่ยก็ไม่ได้ปฏิเสธนายหญิงหลิว เพราะหากไม่รับปากนาง นางก็จะคะยั้นคะยอไม่เลิก เพ่ยเพ่ยเองก็ชินกับนิสัยนายหญิงหลิวแล้ว นางชอบเวลาที่ลูกหลานอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา อ๋องหมิงต้องยอมรับว่าเหล้าโซจูที่หลินเฟิงอี้นำมานั้นค่อนข้างแรง ดื่มไปเพียงนิดก็แสบไปทั้งลำคอ
"เฟิงอี้ หวังว่าเจ้าคงจะไม่ลืมที่เคยสัญญาเอาไว้เมื่อคราวก่อน" "ย่อมไม่ลืม" หลินเฟิงอี้กระดิกนิ้วเรียกให้บ่าวคนสนิทนำไหเหล้าเข้ามา "ตามที่ขอ ข้าหมักเองกับมือ นี่โซจูตามสูตรที่ได้มาจากโชซอนเลยนะ" "ว๊าว อ้ปป้า เยี่ยมสุดๆ ไปเลย ข้าขอคารวะ หากรู้มาก่อนว่าเจ้าจะมาวันนี้ ข้าคงทำกิมจิไว้รอแล้ว" เพ่ยเพ่