แชร์

บทที่ 266

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
กู้จิ่งซีกล่าว “ร่างกายของสตรีเทียบไม่ได้กับบุรุษ ยิ่งต้องระวังสุขภาพให้ดี อย่าสัมผัสความเย็น หากความเย็นเข้าสู่ร่างกายจะได้รับความทรมานได้ หากว่าง่วงนอนก็กลับไปนอนที่เตียง ระวังจะเป็นหวัดเอา”

เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อคิดถึงสุขภาพของตนเอง ดวงตาก็หม่นลง หันมาพยักหน้าแผ่วเบาพลางกล่าวว่า “เจ้าค่ะ ข้ารู้แล้ว” กล่าวจบ นางก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ตอนนี้ท่านพี่มีเวลาหรือไม่เจ้าคะ? มิสู้พวกเรามาเดินหมากกันสักตาดีไหมเจ้าคะ?”

กู้จิ่งซีตอบรับอย่างยินดี “ได้”

เมิ่งจิ่นเหยาไปเอากระดานหมากมา ทั้งสองคนเดินหมากกัน

ผ่านไปราว ๆ ครึ่งชั่วยาม แพ้ชนะก็ได้ถูกตัดสิน ผลลัพธ์ไม่เกินความคาดหมายแม้แต่น้อย เมิ่งจิ่นเหยาพ่ายแพ้แล้ว นางกำลังมองดูกระดานหมาก แม้เสียใจก็สายไปแล้ว

กู้จิ่งซีเห็นนางขมวดคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ ท่าทางแทบอยากจะย้อนเวลากลับไปในทันที มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจนยากที่จะมองเห็น พลางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน เมื่อวานข้าก็บอกเจ้าแล้ว การระแวดระวังนั้นเป็นเรื่องดี แต่หากระมัดระวังมากเกินไปจะเสียเรื่องได้ง่าย ตอนนี้แพ้ชนะได้ถูกตัดสินแล้ว เสียใจไปก็ไร้ประโยชน์”

เมิ่งจิ่นเหยาไม่ย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Warintorn
สนุกแต่ขออ่านจบเป็นเรื่องไม่ชอบมั่วเดี๋ยวงง ขอบคุณน๊ะค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 267

    จวนฉางซินโหว เรือนเวยหรุยเซวียนเมิ่งจิ่นเหยานั่งอยู่บนตั่งกุ้ยเฟย กำลังฟังชุนหลิ่วกับหนิงตงอ่านบันทึกเรื่องเล่าแปลกประหลาด ชุนหลิ่วรับผิดชอบอ่านบทบรรยาย ส่วนหนิงตงอ่านบทสนทนาชิงชิวอยู่ด้านหนึ่งคอยปอกเมล็ดแตงให้เมิ่งจิ่นเหยา ส่วนเซี่ยจู๋ก็คอยพัดวีให้เมิ่งจิ่นเหยาอยู่อีกด้านหนึ่งวันนี้ไม่ถือว่าร้อนนัก ในช่วงไม่กี่ชั่วยามที่ร้อนที่สุด ภายในห้องจะวางตู้น้ำแข็งเอาไว้เพื่อลดอุณหภูมิ เมื่อผ่านยามเซินไปแล้วจะไม่ร้อนเท่าใดนัก ก็จะนำตู้น้ำแข็งออก ภายในห้องยังหลงเหลือความเย็นสบายอยู่เล็กน้อย แค่พัดสักนิดหน่อยก็พอแล้วเมิ่งจิ่นเหยาหรี่ตาลงอย่างสบาย ช่างสำราญใจยิ่งนักเมื่อกู้จิ่งซีกลับมา ก็มองเห็นฉากนี้ เขาตะลึงงันเล็กน้อย แม่นางน้อยที่อยู่แต่ในเรือนมิดชิดช่างรู้จักเพลิดเพลินใจยิ่งนัก เขาไม่เคยให้สาวใช้สองสามคนมาปรนนิบัติเช่นนี้เสพสุขขนาดนี้มาก่อน “ท่านโหว”เมื่อสาวใช้ทั้งสี่คนมองเห็นกู้จิ่งซี ก็รีบคารวะให้เขาเมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามอง บุรุษในชุดขุนนางสีแดงเข้มกำลังก้าวเท้าเดินมาทางนาง จึงส่งเสียงเรียกออกมา “ท่านพี่” เมื่อสังเกตเห็นกล่องอาหารที่ถืออยู่ในมือของเขา ก็เอ่ยถามอีกว่า “ท่านพี

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 268

    เขาเอื้อมมือไปหยิบที่ปอกเปลือกแล้วมาหนึ่งลูก จากนั้นก็ยื่นไปที่ปากของแม่นางน้อย พลางกล่าวอย่างหยอกเย้า “ฮูหยิน เพียงแค่มองดูอย่างเดียวลิ้มลองรสชาติไม่ได้ ลองชิมดูก่อนดีหรือไม่?”เมิ่งจิ่นเหยาได้สติกลับมา ก็เห็นเขาแย้มยิ้มมองตนเอง ดวงตาอันอ่อนละมุนคู่นั้นช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก จึงอ้าปากรับการป้อนของเขาโดยไม่รู้ตัว กัดหนึ่งคำเบา ๆ เนื้อของลิ้นจี่ราวกับผิวที่เนียนนุ่ม อ่อนนุ่มและสดชื่น มีรสหอมหวานในปาก กลิ่นหอมกรุ่น หวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย รสชาติดีเยี่ยม ทำให้ชวนนึกถึงรสชาติที่เหลืออยู่ในปากเมื่อเห็นนางหรี่ตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ ถึงขั้นทำให้หวนนึกถึง กู้จิ่งซียิ้มพลางถามว่า “อร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “อร่อยเจ้าค่ะ ผ่านมานานหลายปีได้กินอีกครั้ง ยังเป็นรสชาติที่อยู่ในความทรงจำอยู่เลยเจ้าค่ะ” เมื่อนับเวลาจากที่นางกินลิ้นจี่ครั้งที่แล้ว ก็คือสิบปีก่อน ตอนนั้นท่านปู่ได้รับลิ้นจี่มาจากสหายนิดหน่อย ลูกเดียวยังทำใจกินไม่ลง นำกลับมาป้อนใส่ท้องนางทั้งหมด เวลานั้นนางยังไม่เข้าใจความล้ำค่าของลิ้นจี่ รู้เพียงแต่ว่าอร่อยเท่านั้น ต่อมาท่านปู่เสียชีวิตไป นางก็ไม่ได้กินอีกเ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 269

    กู้จิ่งซีรู้สึกแค่เพียงไม่คาดคิดเท่านั้น เดิมทีไม่ได้คิดที่จะถือสาเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ทว่าเมื่อเห็นแม่นางน้อยอับอายเสียจนหน้าแดง สีหน้าท่าทางขัดเขินไม่กล้ามองตนเองอย่างไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี คำพูดที่กล่าวออกมาจึงแฝงไปด้วยการหยอกเย้า “ฮูหยินใช้ข้าเป็นสาวใช้แล้วหรือ”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาก็มองไปทางเขาอย่างฉับพลัน บุรุษผู้นั้นยิ้มมุมปาก ดวงตามองตนเองอย่างหยอกล้อ รู้สึกละอายใจและขุ่นเคืองขึ้นมาในทันที อดไม่ได้ที่จะตอกกลับ “มิใช่ว่าท่านพี่อยากเป็นสาวใช้หรอกหรือ? ข้าก็ทำตามความปรารถนาของท่านพี่แล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีรู้ว่าเมื่อใดควรหยุด หากทำให้แม่น้อยร้องไห้ขึ้นมาก็คงจะจบไม่สวยเท่าใดนัก จึงตอบรับด้วยรอยยิ้ม “อืม ฮูหยินพูดถูกแล้ว ข้าเต็มใจเอง ตอนนี้ข้ายังมีธุระต้องไปจัดการ ฮูหยินกินเองเถิด”เขาพูดพลางเอาเปลือกกับเมล็ดของลิ้นจี่วางไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบผ้าสีเหลี่ยมสีน้ำเงินขึ้นมาเช็ดมือ เตรียมที่จะจากไปเมิ่งจิ่นเหยาเหลือบมองลิ้นจี่ที่เหลืออยู่พลางถามว่า “ท่านพี่ไม่ถือโอกาสกินตอนที่ยังสดใหม่อยู่สักหน่อย แล้วค่อยไปทำงานหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีส่ายศีรษะ “ฮูหยินกินเถิด ข้าไม่ค

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 270

    เคยลิ้มรสชาติของชีวิตที่ขื่นขม พอตอนนี้กำลังมีชีวิตที่ดี กินดีอยู่ดี ยังมีอันใดที่ต้องพิถีพิถันกัน? ตอนนี้เป็นแบบนี้ นางก็พึงพอใจมากแล้วเมื่อกินอาหารเย็นเสร็จ เมิ่งจิ่นเหยาก็เคลื่อนไหวเล็กน้อยอยู่ภายในเรือนเพื่อย่อยอาหาร หลังจากนั้นก็อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวพักผ่อนว่ากันว่า สามีภรรยาอยู่ร่วมกันมานาน ก็จะยิ่งปลดปล่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ระมัดระวังตัวมากเกินไปเหมือนตอนที่แต่งงานกันใหม่ ๆกู้จิ่งซีรู้สึกว่าคำพูดนี้สมเหตุสมผล ทว่าคนที่ปลดปล่อยไม่ใช่เขา แต่เป็นแม่นางน้อยต่างหาก ตอนที่เพิ่งแต่งงานกันยังระมัดระวังตัว นอนหลับอย่างสงบเสงี่ยม เกรงว่าจะสัมผัสร่างกายของเขาโดยไม่ทันได้ระวังน่าจะเป็นเพราะทุกวันนี้ เขาไม่ได้ทำอันใดที่เกินเลย แม่นางน้อยจึงยิ่งปฏิบัติต่อเขาอย่างวางใจหรือจะบอกว่า แม่นางน้อยไม่ได้มองว่าเขาเป็นบุรุษก็ได้เหมือนดังเช่นตอนนี้ เขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ กลับมาที่ห้องนอน ก็มองเห็นแม่นางน้อยกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เพราะว่าชอบอากาศหนาว จึงไม่ได้ห่มผ้าห่ม สวมเพียงชุดนอนที่บางเบาเท่านั้น ผ้าที่ทำจากไหมนั้นบางเบามาก ถึงขนาดสามารถมองเห็นชุดซับในสีชมพูรากบัวที่อยู่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 271

    เมิ่งจิ่นเหยาลอบมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด กล่าวคำพูดที่ทำให้ผู้อื่นตกใจไม่หยุด “หรือว่าวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ ยังจะให้ข้าปิดไว้อย่างมิดชิดเหมือนตอนฤดูหนาวอีกหรือเจ้าคะ? ในเมื่อท่านใส่ใจกับความเป็นสุภาพบุรุษของตนเอง ไยถึงไม่คิดที่จะปกป้องตัวเองบ้างเล่า? บางทีข้าอาจจะทำอันใดท่านก็ได้นะเจ้าคะ?”นางขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง กำลังโมโหกู้จิ่งซีที่รบกวนการนอนของนาง อยู่ดีไม่ว่าดีมาห่มผ้าห่มให้นาง สุดท้ายทำให้นางร้อนจนตื่น ตอนนี้อยากนอนก็นอนไม่หลับแล้วเพียงแต่คำพูดที่นางพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริงทั้งหมด ไม่ต้องพูดว่ากู้จิ่งซีทำไม่ได้ ไม่สามารถที่จะทำอันใดนางได้ แม้ว่ากู้จิ่งซีจะทำได้ นางก็ไม่มีทางปฏิเสธ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เป็นสามีภรรยากันแล้วร่วมเรียงเคียงหมอนมานานถึงเพียงนี้ นับจากนี้ต้องใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกัน เพียงแค่นอนหลับเท่านั้นเอง ยังต้องยึดติดว่าสวมเสื้อผ้าหนาพอหรือไม่? เดิมทีฤดูร้อนก็ไม่เหมาะที่จะสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาอยู่แล้ว จะอึดอัดและทำให้ป่วยเอาได้เพราะคำพูดนี้ของนาง ในเวลานี้บรรยากาศจึงได้แข็งค้าง กู้จิ่งซีตะลึงงัน การเคลื่อนไหวของพัดก็หยุดชะงักลง ห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 272

    กู้จิ่งซีมองใบหน้าที่หลับใหลอย่างสงบของแม่นางน้อย ท่าทางไร้การป้องกันแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกว่าตนเองคิดมากเกินไป เดิมทีพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากัน ทำตามใจชอบบ้างก็ไม่เป็นไร ระมัดระวังตัวมากเกินไปกลับไม่เหมือนสามีภรรยากันเสียด้วยซ้ำ แม่นางน้อยคิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับเขาตลอดไปจริง ๆ ถึงได้เป็นเช่นนี้……วันต่อมาเมิ่งจิ่นเหยาเพิ่งจะกินข้าวเช้าเสร็จได้ไม่นาน กำลังเตรียมตัวไปอ่านหนังสือเพื่อฆ่าเวลาเสียหน่อย ก็มีสาวใช้เข้ามารายงานว่าท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่นี่นางตะลึงเล็กน้อย รู้สึกจับต้นจนปลายไม่ถูกนิดหน่อย ไม่รู้ว่าอยู่ ๆ ท่านหญิงจิ้งหนิงมาหานางทำไม จึงรีบกำชับว่า “รีบไปเชิญท่านหญิงจิ้งหนิงเข้ามาเร็วเข้า”ผ่านไปไม่นาน สาวใช้ก็พาท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่เรือนเวยหรุยเซวียนเมื่อเมิ่งจิ่นเหยามองเห็นท่านหญิงจิ้งหนิง ก็มองสำรวจอย่างละเอียด เห็นนางดูท่าทางสบายดี และก็ดูไม่ได้มีเรื่องอันใดเช่นกันเมื่อเห็นดังนั้น ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความสงสัย “นั่นมันสายตาอันใดของเจ้า? ไม่ยินดีต้อนรับข้ากระนั้นหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาเกรงว่านางจะเข้าใจผิด จึงรีบส่าย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 1

    จวนหย่งชางป๋อเป็นตระกูลขุนนางตกอับ แต่เมิ่งจิ่นเหยาผู้เป็นบุตรีคนโตของภรรยาเอกกลับได้ตบแต่งเข้าจวนฉางซินโหวที่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ เป็นฮูหยินของซื่อจื่อ[1] ใครบ้างจะไม่บอกว่าเมิ่งจิ่นเหยาโชคดี?อย่างไรก็ตาม เมิ่งจิ่นเหยากลับไม่คิดเช่นนั้น หากนางโชคดีจริง เหตุใดคู่หมั้นจึงไม่มารับตัวเจ้าสาวด้วยตนเองในวันวิวาห์? แต่ให้คุณชายรองของจวนฉางซินโหวอุ้มไก่ตัวผู้มาที่จวนหย่งชางป๋อเพื่อรับตัวเจ้าสาวแทนเท่านั้น โดยให้เหตุผลว่าไม่สบาย จึงไม่อาจมารับด้วยตนเองทั้ง ๆ ที่หลายวันก่อนนางเห็นกู้ซิวหมิงผู้เป็นซื่อจื่อดูแข็งแรงกระฉับกระเฉงดี เหตุใดจู่ ๆ ก็ล้มป่วยจนลุกจากเตียงไม่ขึ้น มารับตัวเจ้าสาวไม่ได้กันเล่า? พูดตามตรงคือจวนฉางซินโหวไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแต่งงานครั้งนี้ ดังนั้นถึงได้ดูแคลนนางเช่นนี้ หากท่านปู่ของนางยังอยู่ ต่อให้ล้มป่วยจริง ตราบใดที่ไม่ถึงขั้นลุกจากเตียงไม่ไหว ก็คงจะมารับตัวเจ้าสาวด้วยตนเองการแต่งงานกระชั้นชิดแล้ว แม่เลี้ยงกับบิดาอยากเชื่อมสัมพันธ์กับจวนฉางซินโหว ไฉนเลยจะละทิ้งการแต่งงานดี ๆ ที่กำหนดไว้เมื่อสิบปีก่อนนี้? ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าจะทำให้นางไม่ได้รับความเป็นธรร

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 2

    เมื่อสิ้นเสียงกล่าวของนาง ทุกคนล้วนตกตะลึงไม่หยุดบัดนี้จวนหย่งชางป๋อไม่ใช่จวนหย่งชางป๋อเหมือนเมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้ว หลังจากที่หย่งชางป๋อผู้เฒ่าเสียชีวิต หย่งชางป๋อคนปัจจุบันมีความสามารถพื้น ๆ ธรรมดา ทายาทผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์มีอายุเพียงสิบสองปี ยังไม่ได้เข้ารับราชการ ปัจจุบันยังไม่สามารถตั้งตัวได้ บุตรชายคนโตที่เกิดจากอนุภรรยาก็มีอายุเพียงสิบสามปีเช่นกัน จวนหย่งชางป๋อตกอับแล้ว แม้กู้ซิวหมิงหลบหนีงานแต่งงาน สกุลกู้ก็ยังจัดพิธีวิวาห์ตามกำหนดการ ตบแต่งเมิ่งจิ่นเหยาเข้าสกุลส่วนเมิ่งจิ่นเหยาก็ยอมตามน้ำไป แต่งงานกับกู้ซิวหมิง เป็นฮูหยินของซื่อจื่อที่แต่งงานอย่างถูกต้องตามประเพณี แม้สตรีนางอื่นได้รับความรักความโปรดปรานจากกู้ซิวหมิงอีกเพียงใด สุดท้ายก็เป็นได้เพียงอนุภรรยาที่ไม่มีหน้ามีตาเท่านั้น วันหน้าค่อยจัดการในภายหลังทว่าบัดนี้เมิ่งจิ่นเหยากลับบอกว่าจะเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าว?จวนฉางซินโหวมีสามบ้าน บ้านใหญ่กับบ้านรองล้วนเกิดจากอนุภรรยา บ้านสามคือบุตรที่เกิดจากภรรยาเอก ซึ่งเกิดจากฮูหยินผู้เฒ่ากู้ หลังจากที่ท่านโหวผู้เฒ่าเสียชีวิตแล้วก็ได้มีการสืบทอดตำแหน่งฉางซินโหวคนใหม่ ฉางซินโหวกู้จิ่งซีม

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 272

    กู้จิ่งซีมองใบหน้าที่หลับใหลอย่างสงบของแม่นางน้อย ท่าทางไร้การป้องกันแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกว่าตนเองคิดมากเกินไป เดิมทีพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากัน ทำตามใจชอบบ้างก็ไม่เป็นไร ระมัดระวังตัวมากเกินไปกลับไม่เหมือนสามีภรรยากันเสียด้วยซ้ำ แม่นางน้อยคิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับเขาตลอดไปจริง ๆ ถึงได้เป็นเช่นนี้……วันต่อมาเมิ่งจิ่นเหยาเพิ่งจะกินข้าวเช้าเสร็จได้ไม่นาน กำลังเตรียมตัวไปอ่านหนังสือเพื่อฆ่าเวลาเสียหน่อย ก็มีสาวใช้เข้ามารายงานว่าท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่นี่นางตะลึงเล็กน้อย รู้สึกจับต้นจนปลายไม่ถูกนิดหน่อย ไม่รู้ว่าอยู่ ๆ ท่านหญิงจิ้งหนิงมาหานางทำไม จึงรีบกำชับว่า “รีบไปเชิญท่านหญิงจิ้งหนิงเข้ามาเร็วเข้า”ผ่านไปไม่นาน สาวใช้ก็พาท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่เรือนเวยหรุยเซวียนเมื่อเมิ่งจิ่นเหยามองเห็นท่านหญิงจิ้งหนิง ก็มองสำรวจอย่างละเอียด เห็นนางดูท่าทางสบายดี และก็ดูไม่ได้มีเรื่องอันใดเช่นกันเมื่อเห็นดังนั้น ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความสงสัย “นั่นมันสายตาอันใดของเจ้า? ไม่ยินดีต้อนรับข้ากระนั้นหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาเกรงว่านางจะเข้าใจผิด จึงรีบส่าย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 271

    เมิ่งจิ่นเหยาลอบมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด กล่าวคำพูดที่ทำให้ผู้อื่นตกใจไม่หยุด “หรือว่าวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ ยังจะให้ข้าปิดไว้อย่างมิดชิดเหมือนตอนฤดูหนาวอีกหรือเจ้าคะ? ในเมื่อท่านใส่ใจกับความเป็นสุภาพบุรุษของตนเอง ไยถึงไม่คิดที่จะปกป้องตัวเองบ้างเล่า? บางทีข้าอาจจะทำอันใดท่านก็ได้นะเจ้าคะ?”นางขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง กำลังโมโหกู้จิ่งซีที่รบกวนการนอนของนาง อยู่ดีไม่ว่าดีมาห่มผ้าห่มให้นาง สุดท้ายทำให้นางร้อนจนตื่น ตอนนี้อยากนอนก็นอนไม่หลับแล้วเพียงแต่คำพูดที่นางพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริงทั้งหมด ไม่ต้องพูดว่ากู้จิ่งซีทำไม่ได้ ไม่สามารถที่จะทำอันใดนางได้ แม้ว่ากู้จิ่งซีจะทำได้ นางก็ไม่มีทางปฏิเสธ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เป็นสามีภรรยากันแล้วร่วมเรียงเคียงหมอนมานานถึงเพียงนี้ นับจากนี้ต้องใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกัน เพียงแค่นอนหลับเท่านั้นเอง ยังต้องยึดติดว่าสวมเสื้อผ้าหนาพอหรือไม่? เดิมทีฤดูร้อนก็ไม่เหมาะที่จะสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาอยู่แล้ว จะอึดอัดและทำให้ป่วยเอาได้เพราะคำพูดนี้ของนาง ในเวลานี้บรรยากาศจึงได้แข็งค้าง กู้จิ่งซีตะลึงงัน การเคลื่อนไหวของพัดก็หยุดชะงักลง ห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 270

    เคยลิ้มรสชาติของชีวิตที่ขื่นขม พอตอนนี้กำลังมีชีวิตที่ดี กินดีอยู่ดี ยังมีอันใดที่ต้องพิถีพิถันกัน? ตอนนี้เป็นแบบนี้ นางก็พึงพอใจมากแล้วเมื่อกินอาหารเย็นเสร็จ เมิ่งจิ่นเหยาก็เคลื่อนไหวเล็กน้อยอยู่ภายในเรือนเพื่อย่อยอาหาร หลังจากนั้นก็อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวพักผ่อนว่ากันว่า สามีภรรยาอยู่ร่วมกันมานาน ก็จะยิ่งปลดปล่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ระมัดระวังตัวมากเกินไปเหมือนตอนที่แต่งงานกันใหม่ ๆกู้จิ่งซีรู้สึกว่าคำพูดนี้สมเหตุสมผล ทว่าคนที่ปลดปล่อยไม่ใช่เขา แต่เป็นแม่นางน้อยต่างหาก ตอนที่เพิ่งแต่งงานกันยังระมัดระวังตัว นอนหลับอย่างสงบเสงี่ยม เกรงว่าจะสัมผัสร่างกายของเขาโดยไม่ทันได้ระวังน่าจะเป็นเพราะทุกวันนี้ เขาไม่ได้ทำอันใดที่เกินเลย แม่นางน้อยจึงยิ่งปฏิบัติต่อเขาอย่างวางใจหรือจะบอกว่า แม่นางน้อยไม่ได้มองว่าเขาเป็นบุรุษก็ได้เหมือนดังเช่นตอนนี้ เขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ กลับมาที่ห้องนอน ก็มองเห็นแม่นางน้อยกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เพราะว่าชอบอากาศหนาว จึงไม่ได้ห่มผ้าห่ม สวมเพียงชุดนอนที่บางเบาเท่านั้น ผ้าที่ทำจากไหมนั้นบางเบามาก ถึงขนาดสามารถมองเห็นชุดซับในสีชมพูรากบัวที่อยู่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 269

    กู้จิ่งซีรู้สึกแค่เพียงไม่คาดคิดเท่านั้น เดิมทีไม่ได้คิดที่จะถือสาเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ทว่าเมื่อเห็นแม่นางน้อยอับอายเสียจนหน้าแดง สีหน้าท่าทางขัดเขินไม่กล้ามองตนเองอย่างไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี คำพูดที่กล่าวออกมาจึงแฝงไปด้วยการหยอกเย้า “ฮูหยินใช้ข้าเป็นสาวใช้แล้วหรือ”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาก็มองไปทางเขาอย่างฉับพลัน บุรุษผู้นั้นยิ้มมุมปาก ดวงตามองตนเองอย่างหยอกล้อ รู้สึกละอายใจและขุ่นเคืองขึ้นมาในทันที อดไม่ได้ที่จะตอกกลับ “มิใช่ว่าท่านพี่อยากเป็นสาวใช้หรอกหรือ? ข้าก็ทำตามความปรารถนาของท่านพี่แล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีรู้ว่าเมื่อใดควรหยุด หากทำให้แม่น้อยร้องไห้ขึ้นมาก็คงจะจบไม่สวยเท่าใดนัก จึงตอบรับด้วยรอยยิ้ม “อืม ฮูหยินพูดถูกแล้ว ข้าเต็มใจเอง ตอนนี้ข้ายังมีธุระต้องไปจัดการ ฮูหยินกินเองเถิด”เขาพูดพลางเอาเปลือกกับเมล็ดของลิ้นจี่วางไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบผ้าสีเหลี่ยมสีน้ำเงินขึ้นมาเช็ดมือ เตรียมที่จะจากไปเมิ่งจิ่นเหยาเหลือบมองลิ้นจี่ที่เหลืออยู่พลางถามว่า “ท่านพี่ไม่ถือโอกาสกินตอนที่ยังสดใหม่อยู่สักหน่อย แล้วค่อยไปทำงานหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีส่ายศีรษะ “ฮูหยินกินเถิด ข้าไม่ค

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 268

    เขาเอื้อมมือไปหยิบที่ปอกเปลือกแล้วมาหนึ่งลูก จากนั้นก็ยื่นไปที่ปากของแม่นางน้อย พลางกล่าวอย่างหยอกเย้า “ฮูหยิน เพียงแค่มองดูอย่างเดียวลิ้มลองรสชาติไม่ได้ ลองชิมดูก่อนดีหรือไม่?”เมิ่งจิ่นเหยาได้สติกลับมา ก็เห็นเขาแย้มยิ้มมองตนเอง ดวงตาอันอ่อนละมุนคู่นั้นช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก จึงอ้าปากรับการป้อนของเขาโดยไม่รู้ตัว กัดหนึ่งคำเบา ๆ เนื้อของลิ้นจี่ราวกับผิวที่เนียนนุ่ม อ่อนนุ่มและสดชื่น มีรสหอมหวานในปาก กลิ่นหอมกรุ่น หวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย รสชาติดีเยี่ยม ทำให้ชวนนึกถึงรสชาติที่เหลืออยู่ในปากเมื่อเห็นนางหรี่ตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ ถึงขั้นทำให้หวนนึกถึง กู้จิ่งซียิ้มพลางถามว่า “อร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “อร่อยเจ้าค่ะ ผ่านมานานหลายปีได้กินอีกครั้ง ยังเป็นรสชาติที่อยู่ในความทรงจำอยู่เลยเจ้าค่ะ” เมื่อนับเวลาจากที่นางกินลิ้นจี่ครั้งที่แล้ว ก็คือสิบปีก่อน ตอนนั้นท่านปู่ได้รับลิ้นจี่มาจากสหายนิดหน่อย ลูกเดียวยังทำใจกินไม่ลง นำกลับมาป้อนใส่ท้องนางทั้งหมด เวลานั้นนางยังไม่เข้าใจความล้ำค่าของลิ้นจี่ รู้เพียงแต่ว่าอร่อยเท่านั้น ต่อมาท่านปู่เสียชีวิตไป นางก็ไม่ได้กินอีกเ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 267

    จวนฉางซินโหว เรือนเวยหรุยเซวียนเมิ่งจิ่นเหยานั่งอยู่บนตั่งกุ้ยเฟย กำลังฟังชุนหลิ่วกับหนิงตงอ่านบันทึกเรื่องเล่าแปลกประหลาด ชุนหลิ่วรับผิดชอบอ่านบทบรรยาย ส่วนหนิงตงอ่านบทสนทนาชิงชิวอยู่ด้านหนึ่งคอยปอกเมล็ดแตงให้เมิ่งจิ่นเหยา ส่วนเซี่ยจู๋ก็คอยพัดวีให้เมิ่งจิ่นเหยาอยู่อีกด้านหนึ่งวันนี้ไม่ถือว่าร้อนนัก ในช่วงไม่กี่ชั่วยามที่ร้อนที่สุด ภายในห้องจะวางตู้น้ำแข็งเอาไว้เพื่อลดอุณหภูมิ เมื่อผ่านยามเซินไปแล้วจะไม่ร้อนเท่าใดนัก ก็จะนำตู้น้ำแข็งออก ภายในห้องยังหลงเหลือความเย็นสบายอยู่เล็กน้อย แค่พัดสักนิดหน่อยก็พอแล้วเมิ่งจิ่นเหยาหรี่ตาลงอย่างสบาย ช่างสำราญใจยิ่งนักเมื่อกู้จิ่งซีกลับมา ก็มองเห็นฉากนี้ เขาตะลึงงันเล็กน้อย แม่นางน้อยที่อยู่แต่ในเรือนมิดชิดช่างรู้จักเพลิดเพลินใจยิ่งนัก เขาไม่เคยให้สาวใช้สองสามคนมาปรนนิบัติเช่นนี้เสพสุขขนาดนี้มาก่อน “ท่านโหว”เมื่อสาวใช้ทั้งสี่คนมองเห็นกู้จิ่งซี ก็รีบคารวะให้เขาเมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามอง บุรุษในชุดขุนนางสีแดงเข้มกำลังก้าวเท้าเดินมาทางนาง จึงส่งเสียงเรียกออกมา “ท่านพี่” เมื่อสังเกตเห็นกล่องอาหารที่ถืออยู่ในมือของเขา ก็เอ่ยถามอีกว่า “ท่านพี

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 266

    กู้จิ่งซีกล่าว “ร่างกายของสตรีเทียบไม่ได้กับบุรุษ ยิ่งต้องระวังสุขภาพให้ดี อย่าสัมผัสความเย็น หากความเย็นเข้าสู่ร่างกายจะได้รับความทรมานได้ หากว่าง่วงนอนก็กลับไปนอนที่เตียง ระวังจะเป็นหวัดเอา”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อคิดถึงสุขภาพของตนเอง ดวงตาก็หม่นลง หันมาพยักหน้าแผ่วเบาพลางกล่าวว่า “เจ้าค่ะ ข้ารู้แล้ว” กล่าวจบ นางก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ตอนนี้ท่านพี่มีเวลาหรือไม่เจ้าคะ? มิสู้พวกเรามาเดินหมากกันสักตาดีไหมเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบรับอย่างยินดี “ได้”เมิ่งจิ่นเหยาไปเอากระดานหมากมา ทั้งสองคนเดินหมากกันผ่านไปราว ๆ ครึ่งชั่วยาม แพ้ชนะก็ได้ถูกตัดสิน ผลลัพธ์ไม่เกินความคาดหมายแม้แต่น้อย เมิ่งจิ่นเหยาพ่ายแพ้แล้ว นางกำลังมองดูกระดานหมาก แม้เสียใจก็สายไปแล้วกู้จิ่งซีเห็นนางขมวดคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ ท่าทางแทบอยากจะย้อนเวลากลับไปในทันที มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจนยากที่จะมองเห็น พลางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน เมื่อวานข้าก็บอกเจ้าแล้ว การระแวดระวังนั้นเป็นเรื่องดี แต่หากระมัดระวังมากเกินไปจะเสียเรื่องได้ง่าย ตอนนี้แพ้ชนะได้ถูกตัดสินแล้ว เสียใจไปก็ไร้ประโยชน์”เมิ่งจิ่นเหยาไม่ย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 265

    ช่วงกลางวันของวันถัดมาหลังเมิ่งจิ่นเหยารับประทานอาหารเช้า และกำลังจะนอนเสียหน่อย โจวอวิ่นคนรับใช้ที่คอยตามอยู่ข้างกายกู้จิ่งซีก็ส่งแม่นางคนหนึ่งเข้ามาแม่นางคนนั้นดูอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปี ใบหน้ารูปไข่ห่าน ลักษณะดูอ่อนโยน สุภาพ เรียบร้อย ดวงตาก็อ่อนโยนและบริสุทธิ์ ดูเป็นคนที่สงบเสงี่ยมเจียมตัวเมิ่งจิ่นเหยาเห็นนาง ก็สุขใจอย่างมาก นี่คือแม่นางที่นางต้องการตามหา หากอยากยั่วยวนใคร ลักษณะใกล้เคียงสำคัญมาก จากนั้นหากปรับการแต่งหน้าและการแต่งกายเสียหน่อย ก็จะสามารถมีความคล้ายกันเจ็ดส่วนเวลาที่คนสับสน คล้ายกันเจ็ดส่วนก็สามารถเห็นจนกลายเป็นสิบส่วนได้ โดยเฉพาะตอนที่รู้สึกผิด จะยิ่งมองคนอย่างสับสนมากขึ้นแม่นางคนนั้นเดินมาข้างหน้าสองก้าว และคารวะให้นางด้วยความเคารพ “ข้าน้อยฉานเอ๋อร์ คารวะฮูหยินเจ้าค่ะ”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าเล็กน้อย “ดี ลุกขึ้นมาเถอะ”โจวอวิ่นกล่าว “ฮูหยิน ท่านดูว่าพึงพอใจหรือไม่ หากไม่พึงพอใจ ข้าน้อยจะเปลี่ยนให้ท่านอีกขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยามองฉานเอ๋อร์ ยิ่งมองยิ่งพึงพอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงปรากฏรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา และกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่ต้องแล้ว ข้าคิดว่าฉานเอ๋

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 264

    ต่างก็บอกกันว่าหมากล้อมเปรียบเสมือนคน นิสัยของคนคนหนึ่งเป็นเช่นไร ก็จะสะท้อนอยู่บนเกมหมากล้อมตอนกู้จิ่งซีลงหมาก การรุกจะเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ การถอยจะรอบคอบเป็นระเบียบ ช่วงที่โจมตีจะเต็มไปด้วยกลยุทธ์อันชาญฉลาด และช่วงที่ป้องกันก็แน่นหนาจนไร้ช่องโหว่ ซึ่งสอดคล้องกับนิสัยที่สุขุมและสงบนิ่งของเขาอย่างมากส่วนเมิ่งจิ่นเหยากลับระมัดระวังในเรื่องเล็กน้อย การวางแผนเดินหมากจึงมักจะเลือกการป้องกัน และแทบจะไม่เป็นฝ่ายโจมตี ถึงแม้คู่ต่อสู้จะมีช่องโหว่ แต่นางยังจัดกองทัพอยู่ในค่ายของตนเอง หากไม่มั่นใจอย่างเต็มที่ก็จะไม่ลงมืออย่างประมาท ความเชื่องช้าของนางทำให้กระวนกระวายใจโชคดี กู้จิ่งซีมีนิสัยสุขุม จึงค่อย ๆ สอนนางอย่างใจเย็น และไม่รีบร้อนแม้แต่น้อยไม่ว่าเมิ่งจิ่นเหยาจะระมัดระวังในเรื่องเล็กน้อยอย่างไร แต่สุดท้ายก็ยังคงแพ้อยู่ดีกู้จิ่งซีกล่าวเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน อ่อนข้อให้แล้ว”เมิ่งจิ่นเหยามองเกมหมากล้อม ก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่กลับเลื่อมใสสุดใจ “ทักษะการเล่นหมากล้อมของท่านพี่สูงมาก ข้ายอมแพ้เจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีตอบกลับ “ความจริงทักษะการเล่นของฮูหยินก็ดีมากแล้ว เพียงแต่ระมัดระวังเกิ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status