Share

บทที่ 121  

Author: มู่อวิ๋นเฉิง
เห็นเขามีสีหน้าขรึมลง เมิ่งจิ่นเหยาก็สงสัย “ท่านพี่ เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ?”

กู้จิ่งซีชำเลืองมองแม่นางน้อยด้วยสายตาลึกลับยากจับความหมาย ก่อนจะเอ่ยอย่างราบเรียบว่า “ปีนี้เขาวัยห้าสิบสามแล้ว หลานของเขาวัยเดียวกับเจ้า”

ในเสี้ยวพริบตาเดียวนั้น เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกว่าบรรยากาศรอบกายหยุดชะงักไป บรรยากาศกระอักกระอ่วนท่วมฟ้าถาโถมเข้าใส่นาง จนนางแทบจมดิ่งหายไป

นั่นก็จริง สหายต่างวัย อายุน้อยกว่ากู้จิ่งซีมากเรียกสหายต่างวัย แต่อายุมากกว่ากู้จิ่งซีมากก็เรียกสหายต่างวัยได้เช่นเดียวกัน เป็นนางที่คิดน้อยเกินไป

เมิ่งจิ่นเหยาหน้าถอดสี รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่จบสิ้น นางฝืนยิ้มออกมาแก้เก้อ “เช่น…เช่นนั้นท่านพี่ก็ยังผูกมิตรกว้างขวาง ไม่เหมือนข้า มีแต่สหายวัยไล่เลี่ยกันเท่านั้น”

กู้จิ่งซีถามด้วยน้ำเสียงนิ่ง “เช่นนั้นหรือ?”

“เจ้าค่ะ!”

เมิ่งจิ่นเหยาผงกศีรษะรัวเหมือนโขลกกระเทียม ให้คำตอบอย่างหนักแน่น

กู้จิ่งซีตอบอย่างถ่อมตัว “แค่พอประมาณ สหายต่างวัยยังมีไม่มากนัก มีแต่สหายต่างวัยที่แก่กว่าเท่านั้น บัดนี้ข้ายังไม่มีสหายต่างวัยที่อ่อนกว่าเจ้า” พูดจบ เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างเสียดาย คล้ายว่าเสียดายที่ตน
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 122  

    ในตอนแรกเมิ่งจิ่นเหยายังรู้สึกงุนงงอยู่บ้าง แต่เมื่อลองคิดตามช้า ๆ ก็พอจะเข้าใจความหมายบางอย่าง ในบรรดาคุณชายสี่ท่านแห่งจวนโหว มีเพียงกู้ซิวเหวินเท่านั้นที่พอจะเป็นความหวังได้ ส่วนกู้ซิวหมิงก็ทำให้กู้จิ่งซีหมดหวังแล้ว นี่หรือว่านางต้องมีบุตรชายที่ได้มาเปล่า ๆ เพิ่มขึ้นอีกคน? เพียงแต่ สำหรับนาง เรื่องนี้นับเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง รับกู้ซิวเหวินเป็นบุตรบุญธรรม แล้วแต่งตั้งให้กู้ซิวเหวินขึ้นเป็นซื่อจื่อแทน นับว่าเป็นประโยชน์ต่อนางมากกว่าให้กู้ซิวหมิงเป็นซื่อจื่อสืบทอดตำแหน่งต่อไปในอนาคต สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่การอนุมานอย่างหนึ่งเท่านั้น มิใช่เรื่องที่ตัดสินชี้ขาดแล้ว ใครเล่าจะล่วงรู้? บางทีกู้จิ่งซีอาจจะไม่ได้มีความคิดนี้อยู่เลยก็ได้ เพียงแต่เสียดายความสามารถก็เท่านั้น เพราะรู้สึกว่าหลานชายของตนเป็นคนมีศักยภาพสามารถพัฒนาได้ อีกทั้งช่วงวัยยังเหมาะสมพอดี ฉะนั้นจึงเข้าไปช่วยเหลืออีกแรง …… ทางฝั่งบ้านรอง นางเฉินริษยาจนแทบคลั่ง ราวกับว่าสะสมความอิจฉาริษยามาแรมปี ริษยาจนทนไม่ไหว นางเฉินเหลือบสายตามองบุตรชายผู้ซึ่งฉลาดเฉลียวเก่งกาจของครอบครัวตนเองแล้ว ก็หันไประเบิดอารมณ์ใส่สามีอย่า

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 123  

    ในวันนั้น แสงอรุณยามเช้าสดใสงดงาม กู้จิ่งซีหยุดพักงานในวันนี้ หาได้ยากที่จะไม่ต้องออกจากเรือนไปตั้งแต่เช้าตรู่ แต่เขาก็ชินกับการตื่นเช้าแล้ว หลังจากตื่นนอนก็อ่านตำราอยู่พักหนึ่ง คอยกระทั่งเมิ่งจิ่นเหยาตื่นนอนและจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นก็รับประทานอาหารเช้าด้วยกัน สองคนสามีภรรยารับประทานมื้อเช้าอย่างเงียบเชียบ ไม่มีผู้ใดเปิดปากพูดออกมาแม้แต่คำเดียว กู้จิ่งซีเป็นคนประเภทพูดน้อย มีเรื่องให้พูดจึงพูด ส่วนเมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไรกับเขาได้บ้าง เห็นอีกฝ่ายวางถ้วยและตะเกียบลงแล้ว ก็กำชับสาวใช้ข้างกายให้จัดการเก็บกวาดสำรับมื้อเช้าเสีย เป็นเวลานี้เอง เซี่ยจู๋เข้ามาทำลายความเงียบสงัดระหว่างสามีภรรยา รายงานอย่างนอบน้อมว่า “ท่านโหว ฮูหยิน ท่านซื่อจื่อมาคารวะยามเช้าแล้วเจ้าค่ะ” เมิ่งจิ่นเหยาแต่งเข้าเรือนมานานเพียงนี้แล้ว ยังไม่เคยมีผู้น้อยเข้ามาน้อมคารวะนางยามเช้าเลยสักครั้ง ได้ยินคำพูดของเซี่ยจู๋ นางไม่ทันตอบสนองในทันที เผลอถามออกไปตามสัญชาตญาณ “เจ้าบอกว่าผู้ใดมาหรือ?” เซี่ยจู๋ตอบกลับ “เรียนฮูหยิน ท่านซื่อจื่อมาเข้าพบเจ้าค่ะ บัดนี้รออยู่ด้านนอกแล้ว” ได้ยินเช

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 124  

    เมื่อครู่ แม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงชั่วพริบตา แต่ก็เพียงพอจะทำให้เมิ่งจิ่นเหยาจับสังเกตได้ นางเห็นชัดเจนว่าหลังจากที่กู้ซิวหมิงเอ่ยวาจานั้นออกมา ใบหน้าของกู้จิ่งซีพลันฉายประกายสิ้นหวังออกมาวูบหนึ่ง แม้กระทั่งแววตายังเยือกเย็นลงไม่น้อย จากสิ่งนี้เห็นได้ว่า ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา กู้จิ่งซียังคงมีความคาดหวังในตัวกู้ซิวหมิงอยู่ในใจ หวังว่าภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้กู้ซิวหมิงจะคิดได้ และเข้าใจว่าซื่อจื่อของจวนโหวจำเป็นต้องมีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายหนึ่งคน และเป็นภรรยาเอกที่เพียบพร้อมสามารถเป็นหน้าเป็นตาให้วงศ์ตระกูลได้ และจะต้องมีทายาทสายเลือดหลักเพื่อสืบทอดตำแหน่ง แต่กู้ซิวหมิงก็ยังทำให้กู้จิ่งซีต้องผิดหวังอีกเหมือนเคย บุตรหลานในตระกูลโหวอันทรงเกียรติ โดยเฉพาะผู้สืบทอดตำแหน่ง ไม่เคยมีชีวิตเป็นของตัวเอง จะทำตัวลอยชาย เอาแต่ใจตัวเองไม่ได้อย่างเด็ดขาด หากไม่มีเรื่องหนีตามกันเกิดขึ้น หากแม่นางหลี่ท่านนี้โดดเด่นเลิศล้ำ กู้ซิวหมิงจะถอนหมั้นเดิมก่อน แล้วจากนั้นค่อยพยายามหาทางพิสูจน์ให้ผู้อาวุโสในตระกูลเห็นด้วย และรับแม่นางหลี่เป็นภรรยาเช่นนั้นก็ย่อมได้ ทว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมิได้เป็

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 125  

    เห็นกู้ซิวหมิงยืนกรานหนักแน่น กู้จิ่งซีก็ไม่มากวาจาอีก ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็จัดการไล่บุตรชายที่ไม่รู้จักคิดออกไป ไม่เห็นแล้วค่อยสงบใจได้สักหน่อย เมิ่งจิ่นเหยามองเงาแผ่นหลังของกู้ซิวหมิงที่สืบเท้าเดินจากไปอย่างรวดเร็วแล้ว ก็จมดิ่งสู่ห้วงความคิดของตนเอง นางคิดถึงข้อสันนิษฐานอย่างหนึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนขึ้นมา เมื่อผูกโยงกับท่าทีของกู้ซิวหมิงที่แสดงออกในวันนี้แล้ว จำต้องคิดมากอย่างอดไม่ได้ บางทีกู้จิ่งซีอาจตั้งใจรับกู้ซิวเหวินเป็นบุตรบุญธรรมของบ้านสามจริงก็เป็นไปได้? กู้จิ่งซีเห็นนางเอาแต่มองไปยังทางที่บุตรชายเดินออกไปตาไม่กะพริบ จิตใจเหม่อลอย คล้ายว่ามีความคิดบางอย่าง จึงโบกมือ บอกเป็นนัยให้สาวใช้ทั้งหมดล่าถอยออกไป ก่อนที่ริมฝีปากบางจะขยับเล็กน้อย เปล่งเสียงราบเรียบเอ่ยออกมา “ฮูหยิน เขามิใช่คู่ครองที่ดี” ได้ยินเสียงนั้น เมิ่งจิ่นเหยาค่อยหลุดจากภวังค์ มองกู้จิ่งซีอย่างงุนงงอยู่นานครู่ใหญ่ ถึงจะเข้าใจว่าสิ่งที่กู้จิ่งซีเอ่ยหมายถึงอะไร หรือจะคิดว่านางยังมีความรู้สึกอะไรกับกู้ซิวหมิง เพราะฉะนั้นถึงได้จงใจตักเตือนนางให้รีบหันกลับมาในทางที่ถูกต้อง? นางหัวเราะออกมาเบา ๆ รู้สึกว่ากู้จิ่งซีคิ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 126

    ตอนนี้พอรู้ว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่เคยลองมาก่อน นางก็รู้สึกสมดุลขึ้นมาทันที และไม่รู้สึกเสียเปรียบแล้ว แม้ตายนางก็ยังเป็นสาวพรหมจรรย์อยู่ ส่วนกู้จิ่งซีก็บริสุทธิ์จนตายเช่นกัน เช่นนี้ถือว่ายุติธรรมมากกู้จิ่งซีรู้สึกฉงนกับวาจาของนางเล็กน้อย ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งถึงเข้าใจขึ้นมา ที่แท้แม่นางน้อยผู้นี้ตัดสินเรื่องที่เขาเหมาะจะเป็นคู่ชีวิตที่ดีหรือไม่เช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือภายภาคหน้า ขอเพียงเขาไม่เคยแตะต้องหญิงอื่นก็พอแล้วทันใดนั้นกู้จิ่งซีก็ถามขึ้นว่า “นอกเหนือจากนี้เล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาถามกลับด้วยรอยยิ้มว่า “นอกจากนี้ ท่านพี่แค่ทำหน้าที่อันสามีพึงกระทำก็พอแล้ว ต่างว่ากันว่าท่านฉางซินโหวเป็นผู้มีเกียรติสูงส่ง ท่านพี่คงไม่ปฏิบัติกับภรรยาพกพร่องกระมัง?”“ไม่” กู้จิ่งซีเอ่ยอย่างไม่คิด สัญญากับนางด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ฮูหยินวางใจได้ เจ้าจะมีเกียรติทุกอย่างที่ฮูหยินของจวนโหวพึงมี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกินหรือเครื่องนุ่งห่ม ข้าก็จะไม่ให้ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย”ระหว่างสามีภรรยาเปิดใจคุยกันครั้งแรก เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกพอใจมากจนยิ้มแก้มปริ ก่อนจะยิ้มตาหยีเอ่ย “ท่านพี่เป็นคนกล่าวเองนะเจ้า

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 127

    กู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยดูประหลาดใจในตอนแรก ไม่นานก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง และไม่รู้ว่ากำลังพึมพำอะไรอยู่ในใจเขาจึงกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “หากต่อไปฮูหยินมีเรื่องสงสัยอันใด อย่าได้เก็บซ่อนไว้ในใจและคาดเดาส่งเดชถามข้ามาได้เลย ตราบใดที่เป็นเรื่องที่สามารถพูดกับเจ้าได้อย่างเปิดเผย ข้าล้วนบอกเจ้าได้ทุกอย่าง”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึง และเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาก็จับจ้องใบหน้าที่หล่อเหลาสง่างามของเขาอีกครั้ง พลางถามอย่างสงสัย “ขอถามท่านพี่ว่า เรื่องแบบใด ที่ไม่สามารถพูดได้อย่างเปิดเผยหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบกลับ “เรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานราชการไม่สามารถพูดได้”เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าดูประหลาดใจ “เช่นนั้นหากไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานราชการก็สามารถพูดได้หมดเลยใช่หรือไม่เจ้าคะ?”กู้จิ่งซีสีหน้าชะงักไปเล็กน้อย ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นก็เพิ่มเงื่อนไขอีกข้อหนึ่ง “ขึ้นอยู่กับสถานการณ์”เมื่อได้ยิน เมิ่งจิ่นเหยาก็เม้มริมฝีปาก และกล่าวว่า “อ้อ” อย่างหมดอารมณ์ จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย เช่นนั้นน่าจะมีเรื่องมากมายที่ไม่สามารถพูดได้ ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้เขาคิดอย่างไรต่อกู้ซิวหมิงบุตรชายที่ไม่รู้ความค

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 128

    หลี่หว่านเอ๋อร์ถูกส่งกลับบ้านของตนเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนแรกกลับมาก็ดีใจ เพียงแต่เวลานานเข้า กู้ซิวหมิงยังไม่ส่งคนมาแจ้งข่าวแก่นางเสียที ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะกระวนกระวาย ทั้งยังเฝ้ารอด้วยความกังวลนานครึ่งเดือนกว่า ในที่สุดก็มีแม่สื่อมาหานาง บิดามารดาของนางเสียชีวิตทั้งคู่ นางจึงพึ่งพาท่านปู่เพื่อดำรงชีวิต บัดนี้ท่านปู่ก็จากไปแล้ว เมื่อแม่สื่อมาหานาง นางจึงตอบตกลงในทันที ถึงอย่างไรแม้แต่ร่างกายของนางก็มอบให้กู้ซิวหมิงแล้ว นางก็กลัวอีกว่าหากแสร้งทำเป็นเล่นตัวและกล่าวว่าขอพิจารณาดูก่อน สกุลกู้จะไม่พอใจจนเปลี่ยนความคิด และไม่ยอมให้นางเข้าจวนการรับอนุภรรยากับการแต่งภรรยาแตกต่างกัน โดยที่ไม่มีสามหนังสือหกพิธีการ ไม่จำเป็นต้องมีพิธีการใด ๆ ยิ่งไม่ต้องมีหนังสือแต่งงาน เพียงแค่แม่สื่อเดินเข้ามา หากตกลงกันได้ ก็จะเลือกวันมงคล จากนั้นใช้เกี้ยวเล็ก ๆ หามไปยังบ้านฝ่ายชาย ซึ่งเกี้ยวก็ไม่สามารถเข้าทางประตูหลัก ทำได้เพียงเข้าทางประตูข้างเท่านั้นอีกสิบวันจะเป็นวันมงคล กู้ซิวหมิงจึงไปขออนุญาตบิดา และหลังจากได้รับอนุญาตจากบิดา ก็ตัดสินใจพาหลี่หว่านเอ๋อร์เข้าจวนในวันนั้นเลยกู้ซิวหมิงจะแต่งอนุภรรยา

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 129

    เรือนชิงอวี้เซวียนหลังกำหนดวันรับหญิงสาวที่รักเข้ามาในจวน กู้ซิวหมิงแทบจะถูกความดีใจจนเสียสติ แต่เมื่อคิดว่าหญิงสาวที่รักต้องยอมทนเป็นได้เพียงอนุภรรยา เขาก็โทษตนเองอย่างมาก หากเขาไม่พาหว่านเอ๋อร์หนีตามกันจนเสียชื่อเสียง หว่านเอ๋อร์ก็คงได้เป็นภรรยาเอกเพื่อชดเชยให้กับคนรัก กู้ซิวหมิงจึงตั้งใจสั่งให้สาวใช้ตกแต่งเรือนในแบบที่หว่านเอ๋อร์ชอบด้วยตนเอง แถมยังสั่งให้สาวใช้ซื้อพวกของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับหญิงสาวกลับมาด้วยจำนวนหนึ่งสาวใช้ของเรือนชิงอวี้เซวียนเห็นเขาให้ความสำคัญกับหลี่อี๋เหนียงเช่นนี้ ทั้ง ๆ แค่รับอนุภรรยา แต่กลับใส่ใจเหมือนแต่งภรรยา ในใจก็ชั่งน้ำหนักเรียบร้อยแล้วว่าหลังหลี่อี๋เหนียงเข้ามาอยู่ในจวน ควรจะใช่ท่าทีแบบใดไปปรนนิบัติ“ท่านซื่อจื่อช่างใส่ใจต่อหลี่อี๋เหนียงเสียจริง”“ใส่ใจมาก แต่ท่านซื่อจื่อยังไม่ได้แต่งภรรยาเอก และเมื่อรอให้ภรรยาเอกซึ่งแต่งงานตามประเพณีเข้ามา แม่นางหลี่ก็ไม่อาจอยู่เหนือฮูหยินของซื่อจื่อได้”“ข้าไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น ท่านซื่อจื่อสามารถทำให้อี๋เหนียงเข้ามาในจวนได้ก่อน นั่นก็พิสูจน์แล้วว่าในใจของเขาภรรยาเอกเทียบไม่ได้กับอี๋เหนียงท่านนี้เลย ถึงอย

Latest chapter

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 276

    เมิ่งจิ่นเหยามองนางด้วยความตกใจ เมื่อเห็นใบหน้านางมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น และราวกับมีความแค้นอะไรกับกู้ซิวหมิง จึงสับสนเล็กน้อย “เจ้าดูเหมือนดีใจมากเมื่อเห็นเขาโชคร้าย?”ท่านหญิงจิ้งหนิงเชิดริมฝีปาก ด้วยสีหน้าที่ดูแคลน “ข้าก็แค่ไม่ชอบขี้หน้าเขา ชอบทำท่าวางมาดทั้งวัน ดูเหมือนจะเป็นคนดี แต่จริง ๆ แล้วกลับเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอม คนอื่นกลับบอกว่าเขาสุภาพอ่อนโยน และมีท่าทางแบบท่านโหว”เมิ่งจิ่นเหยาตกใจ “อาเหยียนสายตาเฉียบคมมาก”ท่านหญิงจิ้งหนิงยิ้มอย่างเขินอาย “ก็พอได้ แต่เพราะข้าเคยเห็นด้านที่ไม่ดีของเขา จึงรู้สึกว่าเขาแตกต่างกับพฤติกรรมที่แสดงออกมาอย่างมาก”ขณะที่นางพูด ก็ดื่มน้ำเชื่อมอีกหนึ่งอึก น้ำเชื่อมที่เย็นหอมหวานเข้าไปในปาก ทำให้รู้สึกสดชื่นไปทั่วทั้งตัว และกล่าวอีกว่า “อย่าเพิ่งกล่าวถึงเขาเลย ดื่มตอนที่มันยังเย็น อีกเดี๋ยวมันร้อนคาดว่าจะไม่อร่อยมากแล้ว”หลังดื่มน้ำเชื่อม ท่านหญิงจิ้งหนิงก็อยู่อีกกว่าครึ่งชั่วยามจึงจะกลับจวนเหลียงอ๋อง ......กู้จิ่งซีเลิกงานกลับมาเมิ่งจิ่นเหยาเห็นเขา ก็เรียกเขาด้วยเสียงอ่อนโยน “ท่านพี่”จากนั้น นางก็สั่งให้หนิงตงยกน้ำเชื่อมลิ้นจี่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 275

    เวลาเที่ยง ท่านหญิงจิ้งหนิงยังอยู่ที่จวนท่านโหว กินอาหารกลางวันด้วยกันกับเมิ่งจิ่นเหยาเมื่อกินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เมิ่งจิ่นเหยาก็ได้กำชับสาวใช้ให้ทำลิ้นจี่แห้วเย็นในน้ำเชื่อม เมื่อทำเสร็จแล้วก็ส่งไปให้บ้านใหญ่กับบ้านรองสักหน่อยลิ้นจี่ทำให้ร้อนในได้ ทว่าแห้วแก้ร้อนใน ทำน้ำเชื่อมให้อร่อยหวานสดชื่น แช่เย็นก็ยิ่งดี เมื่อกินลงไปทำให้เย็นสดชื่นและหอมหวาน ทั้งยังสามารถดับร้อนได้ด้วย เหมาะที่จะดื่มสิ่งนี้ตอนอากาศร้อนยิ่งนักท่านหญิงจิ้งหนิงดื่มไปหนึ่งคำก็ส่งเสียงถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจ “ไม่เลวเลยจริง ๆ ทำไมก่อนหน้านี้ข้าจึงคิดไม่ถึงว่าควรเอามันมาทำเป็นน้ำเชื่อมนะ?”เมิ่งจิ่นเหยาตอบกลับ “อยู่ ๆ ข้าก็เพิ่งนึกได้เช่นเดียวกัน”“ก่อนหน้านี้เจ้ากินลิ้นจี่เช่นนี้ตลอดเลยหรือ?” ท่านหญิงจิ้งหนิงเหลือบมองนางอย่างประหลาดใจ แล้วพยักหน้าอีกครั้ง “เป็นเจ้าที่เข้าใจเสพสุข เช่นนี้อร่อยมากทีเดียว”เมิ่งจิ่นเหยาส่ายศีรษะ ตอบกลับด้วยเสียงอ่อนโยน “ไม่ใช่ ก่อนหน้านี้ไม่เคยกิน เพียงแค่ฉุกคิดขึ้นมาได้จึงอยากลองทำดูเท่านั้น ตอนที่ท่านปู่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าเคยกินลิ้นจี่ครั้งเดียว หลังจากนั้นก็เมื่อวานซืนกับเม

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 274

    ท่านหญิงจิ้งหนิงเห็นนางมองดูลิ้นจี่อย่างตะลึงงัน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอันใด จึงกล่าวอย่างไม่ได้สนใจว่า “เจ้าบอกว่าชอบมิใช่หรือ? ข้าได้รับมาจากเสด็จย่าเมื่อวานตอนบ่าย ให้เจ้าทั้งหมดเลย”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงเล็กน้อย มิน่าเล่าเมื่อวานนางกินอาหารกลางวันเสร็จแล้วจึงรีบร้อนจากไป ที่แท้ก็เข้าไปในวังนี่เอง ไปหาไทเฮาเพื่อขอลิ้นจี่มาให้นาง ดูแล้วลิ้นจี่นี้น่าจะสักสี่ห้าชั่งได้ ฝ่าบาทพระราชทานให้แก่ขุนนางเพียงแค่หนึ่งชั่งกว่าเท่านั้น สี่ห้าชั่งนี้ช่างล้ำค่ายิ่งนักเมิ่งจิ่นเหยาจ้องมองไปที่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกอยู่ในภวังค์ หัวใจถูกปกคลุมไปด้วยไออุ่น ภายในใจรู้สึกอบอุ่นนัก จึงถามด้วยเสียงอ่อนโยน “อาเหยียน ให้ข้าหมดแล้ว เจ้ากินอันใด?”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “ข้ากินทุกปี ปีนี้กินไปหลายลูกแล้ว กินจนหายอยาก ตอนนี้ไม่ได้สนใจเท่าใดแล้ว พอดีเจ้าชื่นชอบ จึงเอามามอบให้เจ้า”เมิ่งจิ่นเหยาเม้มริมฝีปาก “ขอบใจมากนะอาเหยียน”ท่านหญิงจิ้งหนิงยิ้มอย่างขัดเขิน “ไม่ต้องเกรงใจ ก่อนที่ข้าจะนำมา ได้ใช้น้ำแข็งรักษาความสดไว้ด้วย เจ้าให้คนไปเอาน้ำแข็งมาสักหน่อย มิเช่นนั้นอากาศร้อนแล้ว มันจะเสียได้ง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 273

    ถือโอกาสที่ตอนนี้แสงอาทิตย์ยังไม่แรงเกินไป เมิ่งจิ่นเหยาพาท่านหญิงจิ้งหนิงไปเดินเล่นภายในจวนเพียงแต่ ดูเหมือนกับท่านหญิงจิ้งหนิงจะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวน จึงรู้ว่าด้านใดมีสะพาน ด้านใดมีศาลา และริมสระน้ำด้านใดเย็นมากกว่ากันเมิ่งจิ่นเหยาประหลาดใจเล็กน้อย “อาเหยียน ดูเหมือนว่าเจ้าจะคุ้นเคยกับจวนท่านโหวอยู่บ้าง”ท่านหญิงจิ้งหนิงตอบตามความจริง “ข้ามาที่จวนฉางซินโหวหลายครั้งแล้ว ตอนที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนอยู่บ้าง” นางกล่าว แล้วหันไปมองเมิ่งจิ่นเหยา “ใช่แล้ว ตอนที่เจ้าแต่งงาน ข้าก็อยู่ด้วย ข้ามาดื่มสุรามงคลกับท่านแม่”เมิ่งจิ่นเหยาเข้าใจ “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอีกว่า “วันนี้ข้ามาอย่างหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ ยังไม่ได้ไปเยี่ยมคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเลย”มาเป็นแขกที่เรือนของผู้อื่น ไปทักทายผู้อาวุโสเสียหน่อย เป็นมารยาทพื้นฐานเมิ่งจิ่นเหยากล่าวตอบ “เช่นนั้นเจ้าก็มาผิดจังหวะแล้วละ เมื่อวานแม่สามีของข้าไปพักอยู่ที่วัดเป็นการชั่วคราว คาดว่าอีกสองสามวันถึงจะกลับมา”ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ไม่ได้แปลกใจ เพียงแค่พยักหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 272

    กู้จิ่งซีมองใบหน้าที่หลับใหลอย่างสงบของแม่นางน้อย ท่าทางไร้การป้องกันแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกว่าตนเองคิดมากเกินไป เดิมทีพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากัน ทำตามใจชอบบ้างก็ไม่เป็นไร ระมัดระวังตัวมากเกินไปกลับไม่เหมือนสามีภรรยากันเสียด้วยซ้ำ แม่นางน้อยคิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับเขาตลอดไปจริง ๆ ถึงได้เป็นเช่นนี้……วันต่อมาเมิ่งจิ่นเหยาเพิ่งจะกินข้าวเช้าเสร็จได้ไม่นาน กำลังเตรียมตัวไปอ่านหนังสือเพื่อฆ่าเวลาเสียหน่อย ก็มีสาวใช้เข้ามารายงานว่าท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่นี่นางตะลึงเล็กน้อย รู้สึกจับต้นจนปลายไม่ถูกนิดหน่อย ไม่รู้ว่าอยู่ ๆ ท่านหญิงจิ้งหนิงมาหานางทำไม จึงรีบกำชับว่า “รีบไปเชิญท่านหญิงจิ้งหนิงเข้ามาเร็วเข้า”ผ่านไปไม่นาน สาวใช้ก็พาท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่เรือนเวยหรุยเซวียนเมื่อเมิ่งจิ่นเหยามองเห็นท่านหญิงจิ้งหนิง ก็มองสำรวจอย่างละเอียด เห็นนางดูท่าทางสบายดี และก็ดูไม่ได้มีเรื่องอันใดเช่นกันเมื่อเห็นดังนั้น ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความสงสัย “นั่นมันสายตาอันใดของเจ้า? ไม่ยินดีต้อนรับข้ากระนั้นหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาเกรงว่านางจะเข้าใจผิด จึงรีบส่าย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 271

    เมิ่งจิ่นเหยาลอบมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด กล่าวคำพูดที่ทำให้ผู้อื่นตกใจไม่หยุด “หรือว่าวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ ยังจะให้ข้าปิดไว้อย่างมิดชิดเหมือนตอนฤดูหนาวอีกหรือเจ้าคะ? ในเมื่อท่านใส่ใจกับความเป็นสุภาพบุรุษของตนเอง ไยถึงไม่คิดที่จะปกป้องตัวเองบ้างเล่า? บางทีข้าอาจจะทำอันใดท่านก็ได้นะเจ้าคะ?”นางขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง กำลังโมโหกู้จิ่งซีที่รบกวนการนอนของนาง อยู่ดีไม่ว่าดีมาห่มผ้าห่มให้นาง สุดท้ายทำให้นางร้อนจนตื่น ตอนนี้อยากนอนก็นอนไม่หลับแล้วเพียงแต่คำพูดที่นางพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริงทั้งหมด ไม่ต้องพูดว่ากู้จิ่งซีทำไม่ได้ ไม่สามารถที่จะทำอันใดนางได้ แม้ว่ากู้จิ่งซีจะทำได้ นางก็ไม่มีทางปฏิเสธ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เป็นสามีภรรยากันแล้วร่วมเรียงเคียงหมอนมานานถึงเพียงนี้ นับจากนี้ต้องใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกัน เพียงแค่นอนหลับเท่านั้นเอง ยังต้องยึดติดว่าสวมเสื้อผ้าหนาพอหรือไม่? เดิมทีฤดูร้อนก็ไม่เหมาะที่จะสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาอยู่แล้ว จะอึดอัดและทำให้ป่วยเอาได้เพราะคำพูดนี้ของนาง ในเวลานี้บรรยากาศจึงได้แข็งค้าง กู้จิ่งซีตะลึงงัน การเคลื่อนไหวของพัดก็หยุดชะงักลง ห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 270

    เคยลิ้มรสชาติของชีวิตที่ขื่นขม พอตอนนี้กำลังมีชีวิตที่ดี กินดีอยู่ดี ยังมีอันใดที่ต้องพิถีพิถันกัน? ตอนนี้เป็นแบบนี้ นางก็พึงพอใจมากแล้วเมื่อกินอาหารเย็นเสร็จ เมิ่งจิ่นเหยาก็เคลื่อนไหวเล็กน้อยอยู่ภายในเรือนเพื่อย่อยอาหาร หลังจากนั้นก็อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวพักผ่อนว่ากันว่า สามีภรรยาอยู่ร่วมกันมานาน ก็จะยิ่งปลดปล่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ระมัดระวังตัวมากเกินไปเหมือนตอนที่แต่งงานกันใหม่ ๆกู้จิ่งซีรู้สึกว่าคำพูดนี้สมเหตุสมผล ทว่าคนที่ปลดปล่อยไม่ใช่เขา แต่เป็นแม่นางน้อยต่างหาก ตอนที่เพิ่งแต่งงานกันยังระมัดระวังตัว นอนหลับอย่างสงบเสงี่ยม เกรงว่าจะสัมผัสร่างกายของเขาโดยไม่ทันได้ระวังน่าจะเป็นเพราะทุกวันนี้ เขาไม่ได้ทำอันใดที่เกินเลย แม่นางน้อยจึงยิ่งปฏิบัติต่อเขาอย่างวางใจหรือจะบอกว่า แม่นางน้อยไม่ได้มองว่าเขาเป็นบุรุษก็ได้เหมือนดังเช่นตอนนี้ เขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ กลับมาที่ห้องนอน ก็มองเห็นแม่นางน้อยกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เพราะว่าชอบอากาศหนาว จึงไม่ได้ห่มผ้าห่ม สวมเพียงชุดนอนที่บางเบาเท่านั้น ผ้าที่ทำจากไหมนั้นบางเบามาก ถึงขนาดสามารถมองเห็นชุดซับในสีชมพูรากบัวที่อยู่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 269

    กู้จิ่งซีรู้สึกแค่เพียงไม่คาดคิดเท่านั้น เดิมทีไม่ได้คิดที่จะถือสาเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ทว่าเมื่อเห็นแม่นางน้อยอับอายเสียจนหน้าแดง สีหน้าท่าทางขัดเขินไม่กล้ามองตนเองอย่างไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี คำพูดที่กล่าวออกมาจึงแฝงไปด้วยการหยอกเย้า “ฮูหยินใช้ข้าเป็นสาวใช้แล้วหรือ”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาก็มองไปทางเขาอย่างฉับพลัน บุรุษผู้นั้นยิ้มมุมปาก ดวงตามองตนเองอย่างหยอกล้อ รู้สึกละอายใจและขุ่นเคืองขึ้นมาในทันที อดไม่ได้ที่จะตอกกลับ “มิใช่ว่าท่านพี่อยากเป็นสาวใช้หรอกหรือ? ข้าก็ทำตามความปรารถนาของท่านพี่แล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีรู้ว่าเมื่อใดควรหยุด หากทำให้แม่น้อยร้องไห้ขึ้นมาก็คงจะจบไม่สวยเท่าใดนัก จึงตอบรับด้วยรอยยิ้ม “อืม ฮูหยินพูดถูกแล้ว ข้าเต็มใจเอง ตอนนี้ข้ายังมีธุระต้องไปจัดการ ฮูหยินกินเองเถิด”เขาพูดพลางเอาเปลือกกับเมล็ดของลิ้นจี่วางไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบผ้าสีเหลี่ยมสีน้ำเงินขึ้นมาเช็ดมือ เตรียมที่จะจากไปเมิ่งจิ่นเหยาเหลือบมองลิ้นจี่ที่เหลืออยู่พลางถามว่า “ท่านพี่ไม่ถือโอกาสกินตอนที่ยังสดใหม่อยู่สักหน่อย แล้วค่อยไปทำงานหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีส่ายศีรษะ “ฮูหยินกินเถิด ข้าไม่ค

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 268

    เขาเอื้อมมือไปหยิบที่ปอกเปลือกแล้วมาหนึ่งลูก จากนั้นก็ยื่นไปที่ปากของแม่นางน้อย พลางกล่าวอย่างหยอกเย้า “ฮูหยิน เพียงแค่มองดูอย่างเดียวลิ้มลองรสชาติไม่ได้ ลองชิมดูก่อนดีหรือไม่?”เมิ่งจิ่นเหยาได้สติกลับมา ก็เห็นเขาแย้มยิ้มมองตนเอง ดวงตาอันอ่อนละมุนคู่นั้นช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก จึงอ้าปากรับการป้อนของเขาโดยไม่รู้ตัว กัดหนึ่งคำเบา ๆ เนื้อของลิ้นจี่ราวกับผิวที่เนียนนุ่ม อ่อนนุ่มและสดชื่น มีรสหอมหวานในปาก กลิ่นหอมกรุ่น หวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย รสชาติดีเยี่ยม ทำให้ชวนนึกถึงรสชาติที่เหลืออยู่ในปากเมื่อเห็นนางหรี่ตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ ถึงขั้นทำให้หวนนึกถึง กู้จิ่งซียิ้มพลางถามว่า “อร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “อร่อยเจ้าค่ะ ผ่านมานานหลายปีได้กินอีกครั้ง ยังเป็นรสชาติที่อยู่ในความทรงจำอยู่เลยเจ้าค่ะ” เมื่อนับเวลาจากที่นางกินลิ้นจี่ครั้งที่แล้ว ก็คือสิบปีก่อน ตอนนั้นท่านปู่ได้รับลิ้นจี่มาจากสหายนิดหน่อย ลูกเดียวยังทำใจกินไม่ลง นำกลับมาป้อนใส่ท้องนางทั้งหมด เวลานั้นนางยังไม่เข้าใจความล้ำค่าของลิ้นจี่ รู้เพียงแต่ว่าอร่อยเท่านั้น ต่อมาท่านปู่เสียชีวิตไป นางก็ไม่ได้กินอีกเ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status