Share

บทที 314

Author: มู่อวิ๋นเฉิง
เมื่อออกจากโถงโซ่วอันแล้ว นางจางที่รักและตามใจลูกมาโดยตลอดก็เปลี่ยนแปลงท่าทีเป็นมารดาที่เข้มงวดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กระตุ้นให้บุตรชายขยันร่ำเรียน ดิ้นรนเพื่อให้สอบผ่าน

เพียงแต่ ไม่จำเป็นต้องให้นางจางกระตุ้น กู้ซิวหย่วนก็ตัดสินใจแล้วว่า จำเป็นที่จะต้องใช้กำลังที่มีทั้งหมดในการศึกษาร่ำเรียนก่อนที่จะไปสอบ มิเช่นนั้นหากน้องชายทั้งสองคนสอบติดจวี่เหริน ส่วนเขาไม่ผ่านการคัดเลือก เช่นนั้นเขาที่เป็นพี่ชายจะเอาหน้าไปวางไว้ที่ใดเล่า? เมื่อรับคำมารดาอย่างขอไปทีไม่กี่ประโยคแล้ว เขาก็กลับห้องหนังสือของตน และมุมานะอ่านหนังสือ

กู้ซิวหมิงก็ไม่ยอมล้าหลังเช่นกัน รีบก้าวเท้ากลับไปที่เรือนชิงอวี้เซวียนอย่างรวดเร็วเพื่ออ่านตำรา ขอเพียงการสอบฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้เขาสามารถสอบผ่านได้ ท่านพ่อและท่านย่าก็จะยิ่งมองเห็นความสำคัญของเขามากขึ้น เช่นนี้ตำแหน่งซื่อจื่อของเขาก็จะมั่นคงไปด้วย

กู้ซิวหงมองดูแผ่นหลังของพวกเขาทั้งสองคนที่จากไปอย่างรีบร้อน ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นก็กลับเรือนของตนเองไป

คนของทั้งสามบ้านต่างคนก็ต่างกลับไปที่เรือนของตนเอง เมิ่งจิ่นเหยามองดูพวกเขาด้วยความคิดที่แตกต่างกัน และเหลือบม
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 315

    เมื่อสิ้นเสียงของเขา เมิ่งจิ่นเหยาก็ราวกับรู้ซึ้งขึ้นมาในฉับพลันก็จริง กู้ซิวหมิงคือซื่อจื่อแห่งจวนท่านโหว มีสถานะสูงส่งกว่าพี่น้องคนอื่น ๆ อีกสามคน และพี่น้องทั้งสามคนก็เป็นบุตรชายของอนุภรรยา กอปรกับฉางซินโหวเป็นคนโปรดขององค์จักรพรรดิ ซื่อจื่อจึงพลอยได้รับความโปรดปรานไปด้วย ต่อให้มีดีแค่เพียงเล็กน้อย ก็จะถูกผู้อื่นชื่นชมออกมาว่าดียิ่งนักอยู่ดีเพียงแต่ว่า ในฐานะที่เป็นบุตรชายของกู้จิ่งซี ความรู้ของกู้ซิวหมิงจะใช้ไม่ได้ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?นางถามด้วยน้ำเสียงสงสัย “ความรู้บุตรชายคนดีของพวกเราใช้ไม่ได้หรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีแย้มยิ้ม พลางส่ายศีรษะเล็กน้อย “ก็ไม่ใช่ว่าใช้ไม่ได้ เพียงแต่สู้ซิวหงไม่ได้เท่านั้น นี่เป็นความจริงที่ไม่อาจโต้แย้งได้ ซิวหงมีพรสวรรค์มากกว่า ทั้งยังใฝ่เรียนและรอบคอบ ในบรรดาพี่น้องทั้งสี่คนซิวหงมีความรู้มากที่สุด ซิวหมิงไม่ได้มีพรสววรค์ที่เหนือกว่าผู้อื่น หากต้องการความเป็นเลิศ ก็ต้องควบคุมจิตใจให้มั่นคง มุมานะเพื่อชดเชยจุดด้อยของตนเอง”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนที่กู้ซิวหมิงจะทำให้ผิดหวัง กู้จิ่งซีมีความคาดหวังในตัวเขามาก่อน ในเมื่อมีความคาดหวังในต

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 316

    กู้ซิวหมิงรับคำ แล้วขอคำชี้แนะวิชาความรู้จากเขาต่อแต่ทว่า กู้จิ่งซีกลับไม่ได้อธิบายกับเขาเหมือนก่อนหน้านี้ และกล่าวอย่างจริงจังว่า “ซิวหมิง เรื่องการเรียน หากเร่งรีบจนเกินไปจะไม่เกิดผล หากไม่เข้าใจทุกสิ่งที่ร่ำเรียนอย่างทะลุปรุโปร่ง จะไปขัดเกลาความรู้อื่นได้เช่นไร สุดท้ายก็ได้แต่เรียนรู้แค่เพียงผิวเผินเท่านั้น คำถามพวกนั้นที่เจ้าถามข้าก่อนหน้านี้ ข้าเพียงแค่พูดความคิดเห็นของข้าเท่านั้น หลังจากที่เจ้ากลับไปเคยได้ไปไตร่ตรองด้วยตนเองดูหรือไม่? เจ้าลองกลับไปไตร่ตรองเกี่ยวกับคำถามที่ข้าอธิบายกับเจ้าไปก่อนหน้านี้ดูให้ดีก่อน แล้วค่อยมาถามคำถามอื่น”กู้ซิวหมิงตะลึงงัน สีหน้าแข็งค้าง ภายในใจรู้สึกได้ถึงวิกฤต ยิ่งไปกว่านั้นก็คือความเคืองแค้นและไม่ยินยอม ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังเต็มใจที่จะสั่งสอนเขา ตอนนี้เป็นเพราะเขาต้องการเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ร่วงจึงไม่ยินยอมสอนเขา ทั้งยังหาข้ออ้างบางอย่างมาบิดพลิ้วเขาอีก หรือว่าคิดที่จะเลี้ยงดูเขาให้ไร้ประโยชน์จริง ๆ งั้นหรือ จากนั้นก็รับกู้ซิวเหวินเป็นบุตรบุญธรรม เพื่อเปลี่ยนตัวซื่อจื่อ?ผ่านไปชั่วครู่ เขาก็กล่าวอย่างละอายว่า “ท่านพ่อ ลูกโง่เขลา ที่ไม่ได

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 317

    ยามอัสดง แสงอาทิตย์ตกสะท้อนท้องฟ้าครึ่งหนึ่งจนกลายเป็นสีแดงภายในเรือนเวยหรุยเซวียน เมิ่งจิ่นเหยากำลังสั่งให้สาวใช้จัดกระถางต้นไม้ภายในเรือนใหม่อีกครั้ง สาวใช้สองสามคนกำลังยุ่งกันอยู่ เนื่องจากเมิ่งจิ่นเหยาต้องการอ่างน้ำขนาดใหญ่มาเพื่อปลูกใบบัว ดอกบัว และปลาจิ่นหลีตัวน้อย จึงต้องจัดพื้นที่ให้เปิดโล่ง กระถางที่วางไว้อยู่เดิมจำเป็นที่จะต้องย้ายตำแหน่ง แล้วค่อยจัดวางอีกครั้งให้ดูสวยงามทันใดนั้นเอง เมิ่งจิ่นเหยาก็มองเห็นเงาร่างสูงของคนผู้หนึ่ง เมื่อจ้องมอง ก็มองเห็นเพียงบุรุษที่งดงามทั้งรูปโฉมและท่วงท่ากำลังเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ ตอนนี้บุรุษผู้นั้นกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด หว่างคิ้วปกคลุมไปด้วยความกลัดกลุ้ม ราวกับกำลังอารมณ์ไม่ดี จึงได้เข้าไปถามไถ่ “ท่านพี่ ท่านอารมณ์ไม่ดีหรือเจ้าคะ? ”กู้จิ่งซีชะงักฝีเท้า เมื่อมองเห็นนาง คิ้วก็คลายออกจากกัน พลางถามกลับไปว่า “ไยฮูหยินจึงถามเช่นนี้เล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาตอบ “ข้าเห็นท่านพี่คิ้วขมวด จึงได้คาดเดาเอาเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “มีเรื่องให้รำคาญใจนิดหน่อย แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่นักหรอก”เมิ่งจิ่นเหยาจ้องมองเขาไม่วางตา เมื่อเห็นเขาเหมือนไม่เ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 318

    เมิ่งจิ่นเหยากำลังดีดลูกคิดเพื่อกระทบยอด สินเดิมของมารดานาง บรรดาร้านค้า และที่ดินพวกนั้น ก่อนหน้านี้เป็นนางซุนที่คอยจัดการทั้งหมด ถึงแม้ว่าตอนนี้จะกลับมาอยู่ในมือของนางแล้ว แต่ว่าผู้ดูแลพวกนั้นก็ล้วนเป็นผู้ที่นางซุนเลี้ยงดูมา ดังนั้นเรื่องการกระทบยอดเช่นนี้นางต้องปฏิบัติอย่างจริงจังเป็นพิเศษ มิเช่นนั้นหากถูกผู้อื่นหลอกก็คงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ และแน่นอนว่า คนดูแลที่ไม่อาจทำงานให้นางได้ต้องเปลี่ยนออกไปให้หมด ส่วนคนที่ไม่ก่อปัญหาก็ใช้งานไปก่อนชั่วคราวชิงชิวเปิดม่านประตูเข้ามา เคลื่อนตัวไปอยู่ข้างกายนาง แล้วรายงานว่า “ฮูหยิน ฉานเอ๋อร์กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยินดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาที่กำลังดีดลูกคิดอยู่ก็ชะงักการเคลื่อนไหว พลางเงยหน้าขึ้น “ให้นางเข้ามา”ไม่นาน ฉานเอ๋อร์ก็เข้ามา แล้วคารวะนางเมิ่งจิ่นเหยาถาม “ทางนั้นเกิดปัญหาอันใดขึ้นใช่หรือไม่?”ฉานเอ๋อร์ก้าวมาข้างหน้าสองสามก้าว น้ำเสียงนอบน้อม กระซิบกล่าวว่า “ฮูหยิน เมิ่งฮูหยินเห็นผีหลายครั้งหลายครา จึงเชิญนักพรตมาเปิดแท่นทำพิธี วิชาอาคมของนักพรตไม่เก่งกาจนัก ได้ผลแค่เพียงไม่กี่วันเท่านั้น เมิ่งฮูหยินเห็นผีทุกคืนอีกครั้ง จิตใจสับสน ด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 319

    เช้าวันรุ่งขึ้นเมิ่งจิ่นเหยากินอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เตรียมจะพาชิงชิวและหนิงตงออกเดินทาง มุ่งหน้าไปยังวัดหลิงอวิ๋นถึงแม้จะมีคนดูแลม้าอยู่ ทว่ากู้จิ่งซีก็เป็นห่วงนาง สตรีสามคนกับคนดูแลม้าอีกหนึ่งคน มีเรื่องอันใดขึ้นมาคนดูแลม้าคงทำอันใดไม่ได้มาก จึงได้กำชับบ่าวรับใช้สิบคนที่เป็นวรยุทธ์ให้ติดตามไปด้วยเมิ่งจิ่นเหยามองบ่าวรับใช้ที่แข็งแกร่งและทรงพลังทั้งสิบคน รู้สึกว่าค่อนข้างเอิกเกริกมากทีเดียว นอกจากวันแต่งงานในวันนั้นแล้ว ก็ไม่เคยมีหน้ามีตาถึงเพียงนี้มาก่อน ออกจากจวนมีคนมากมายถึงขนาดนี้คอยติดตาม รู้สึกไม่คุ้นชินอยู่บ้าง จึงกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านพี่ ไม่จำเป็นกระมังเจ้าคะ?” กู้จิ่งซีเหลือบมองนาง ไม่จำเป็นต้องถามก็รู้ว่าในใจของนางกำลังคิดอันใดอยู่ จึงกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “มีฮูหยินคนใดบ้างที่ออกจากจวน แล้วไม่ให้สาวใช้ สาวใช้อาวุโส หรือบ่าวรับใช้ติดตามไปบ้าง? พวกเขาต่างก็มีวิทยายุทธ์เล็กน้อย มีเรื่องอันใดก็สามารถปกป้องพวกเจ้าได้”เมิ่งจิ่นเหยาประหลาดใจ “ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยไปที่วัดหลิงอวิ๋นมาแล้ว จะมีเรื่องอันใดได้เล่าเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีกล่าวอย่างไม่ยอมให้ปฏิเสธ “ฮูหยิน พาได้ด้

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 320

    ในราชวงศ์นี้มีฉางซินโหวแค่เพียงผู้เดียวเท่านั้น นั่นก็คือสามีของนาง และคุณหนูใหญ่ที่สตรีผู้นั้นพูดถึง จึงเป็นนางอย่างแน่นอน ผู้ที่สามารถจุดธูปกราบไหว้มารดาของนางได้ นอกจากนางแล้วยังมีผู้อื่นอีกงั้นหรือ?ผู้ที่สามารถเรียกมารดาของนางว่าฮูหยินได้ ก็มีแต่คนรับใช้เท่านั้น หรือเป็นผู้ที่ปรนนิบัติมารดาของนางในตอนนั้นอย่างนั้นหรือ?จากนั้น นางก็ได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากข้างในอีกครั้ง เสียงนั้นเบากว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่มากนัก นางแนบกับช่องประตูถึงได้ยินเสียงนั้นอย่างยากลำบาก ได้ยินแค่เพียงเสียงของคนผู้นั้นสะอึกสะอื้นพลางกล่าวว่า “ฮูหยิน เรื่องในตอนนั้น ข้าน้อยถูกบีบบังคับเจ้าค่ะ ตอนนี้ข้าน้อยกำลังจะตาย อีกไม่นานจะลงไปขอโทษท่านด้วยตนเอง” สตรีผู้นั้นกล่าวจบ ก็ร้องไห้ออกมาอย่างแผ่วเบา ไม่ได้พูดอันใดอีกเรื่องในตอนนั้นงั้นหรือ?เรื่องอันใดในตอนนั้นอย่างงั้นหรือ?คำพูดของสตรีผู้นั้นดังสะท้อนอยู่ในสมองของเมิ่งจิ่นเหยา สมองส่งเสียงอื้ออึง เพียงชั่วพริบตาเดียว ก็มีความเป็นไปได้มากมายหลายอย่างผุดขึ้นมาภายในสมองของนาง สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือการตายของมารดานาง แต่ว่ามารดาของนางไม่ได้ตายเพรา

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 321

    นายท่าน?เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าแข็งทื่อ นายท่านคนนั้นก็คือท่านตาของนางไม่ใช่หรือ?ท่านตาที่ปฏิบัติต่อนางราวกับสมบัติล้ำค่า ผู้อาวุโสที่ใจดีเช่นนั้น จะทำร้ายมารดานางได้อย่างไร?นางทำหน้าเคร่งขรึม และพูดต่อโดยใช้ฐานะของมารดานาง “เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล ท่านพ่อรักและเมตตารุ่นหลังอยู่เสมอ แล้วจะทำร้ายข้า แถมยังคุกคามชีวิตและทรัพย์สินของคนอื่นได้อย่างไร?”หญิงวัยกลางคนตกตะลึง และรู้ว่านางเข้าใจผิดแล้วก็จริง คนที่ตายไปนานขนาดนั้น ไม่สนใจเรื่องของโลกมนุษย์ ข้อมูลจะไม่ครบถ้วนก็เป็นเรื่องปกติหญิงวัยกลางคนรีบอธิบายว่า “ฮูหยิน นายท่านผู้เฒ่าเสียไปตั้งนานแล้ว ท่านซื่อจื่อได้สืบทอดตำแหน่ง นายท่านในตอนนี้คือท่านซื่อจื่อ ท่านก็เปลี่ยนจากฮูหยินของซื่อจื่อเป็นฮูหยินแล้ว ในสายตาของข้าน้อย มีเพียงฮูหยินคนเดียว นางซุนนั้นไม่ใช่เจ้าค่ะ”เมิ่งจิ่นเหยาเข้าใจ ท่านตาคนนี้เป็นคนดี แม้จะมีคนบอกว่าการตายของท่านแม่เกี่ยวข้องกับท่านตา นางก็ไม่เชื่อแต่ การตายของมารดานางเกี่ยวข้องกับท่านพ่อนางหรือ?เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมิ่งจิ่นเหยาพยายามรักษาความสงบนิ่งไว้อย่างเต็มที่ ก่อนจะรู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวที่ชัดเจน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 322

    ชิงชิวกับหนิงตงพยุงหญิงวัยกลางคนขึ้นมาจากพื้นอย่างแข็งขันแม้หนิงตงจะไม่สุขุมเท่าชิงชิว แต่ช่วงเวลาสำคัญการข่มขู่คนก็ถือว่ามีฝีมือทีเดียว นางอดไม่ได้ที่จะอธิบาย “ท่านป้า เชิญ ฮูหยินของพวกข้าเป็นถึงฉางซินโหวฮูหยิน หากไม่ให้ความร่วมมือ พวกข้าก็จะเอาท่านเข้าคุกหลวงในข้อหาคิดร้ายกับนายหญิง”หญิงวัยกลางคนเพิ่งคิดจะต่อต้านและตะโกนให้คนช่วย เมื่อได้ยินว่าต้องเข้าคุกหลวง ทันใดนั้นก็ตกใจจนไม่กล้าขัดขืน หากนางเข้าคุกหลวง ตายไปก็ไม่เป็นไร แต่ครอบครัวของนางจะทำเช่นไรดี? คุณหนูใหญ่ก็คงไม่ปล่อยครอบครัวนางไปเช่นกัน ดังนั้นจึงตามพวกนางไปอย่างยอมจำนน ไม่กล้าแม้กระทั่งจะรบกวนให้พวกนางช่วยพยุง แต่พวกนางราวกับกลัวว่านางจะเล่นลูกไม้ จึงประคองนางไว้อย่างแน่นหนา และพาไปห้องรับรองแขกระหว่างทาง แม้ภายนอกเมิ่งจิ่นเหยาจะเย็นชา แต่ความคิดกลับสับสนวุ่นวาย และในสมองก็ยุ่งเหยิงไปหมดพอถึงห้องรับรองแขก หลังปิดประตู เมิ่งจิ่นเหยาก็เหลือบมองหญิงวัยกลางคนที่ป่วย และให้นางนั่งลงก่อน จากนั้นก็ถามอย่างเข้าประเด็น “การตายของท่านแม่ข้า มีความลับซ่อนอยู่ หรือว่าเสียชีวิตจากการคลอดยากจริง ๆ?”ขณะที่นางกล่าว ใบหน้าก็เคร่ง

Latest chapter

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 340

    กู้จิ่งซีค่อนข้างประหลาดใจ “เจ้าใช้วิธีใด ถึงทำให้เขารับสารภาพเร็วขนาดนั้น?”ฉีอวิ้นเหวินหยักไหล่ หัวเราะพลางกล่าว “นั่นไม่ใช่ความดีความชอบของข้า เมื่อวานมีแม่นางคนหนึ่งมาพบเขา ไม่รู้พูดอะไร เขาก็รับสารภาพแล้ว”เมื่อได้ยิน กู้จิ่งซีก็ขมวดคิ้วแน่น และสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง “แม่นางผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่าเขาถูกจับตัว?”ฉีอวิ้นเหวินเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ และถามกลับว่า “โจรขโมยหญิงงามที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ และชั่วร้ายถูกจับตัวได้แล้ว เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เมื่อคืนข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว หรือว่าเจ้าไม่รู้หรือ? ก็จริง น้องสะใภ้ป่วยแล้ว เจ้าไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจเรื่องอื่นก็ปกติ”กู้จิ่งซีปรากฏสายตาที่รู้ทันออกมาฉีอวิ้นเหวินกล่าวอีกว่า “ข้าเห็นแม่นางผู้นั้นแต่งกายเป็นสาวชาวยุทธจักร ซึ่งน่าจะเป็นชาวยุทธจักร และคาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่ว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญมากนัก เพราะตอนนี้ไขคดีได้ก็พอแล้ว”......จวนฉางซินโหวกู้ซิวหมิงมาคารวะยามเช้าให้เมิ่งจิ่นเหยา เขามาสายก้าวหนึ่ง กู้จิ่งซีเพิ่งออกไป เขาก็เพิ่งจะมาถึงนับตั้งแต่การกักบริเวณสิ้นสุดลง ตราบใดที

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 339

    เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ปิดบัง และเล่าเรื่องที่พบหญิงวัยกลางคนในวัดหลินอวิ๋นเมื่อวานตอนบ่ายให้ฟังรอบหนึ่งพูดถึงช่วงสุดท้าย นางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวรรค์มีตาจริง ๆ จู่ ๆ ข้าก็ฉุกคิดอยากจะไปจุดธูปให้ท่านแม่ที่โถงหว่างเซิงของวัดหลิงอวิ๋น จึงได้พบอดีตบ่าวรับใช้ของท่านแม่ ท่านป้าท่านนั้นป่วยหนักมาก และเหลือเวลาไม่มากแล้ว หากเมื่อวานข้าไม่ได้ไปเจอนางที่วัดหลิงอวิ๋น ความลับนั้นคาดว่าข้าจะไม่มีทางรู้ไปตลอดกาลเจ้าค่ะ”กู้จิ้งซีสีหน้ามืดมนลง พลางละอายใจต่อวิธีที่พ่อตานั้นทำอย่างมาก แม้จะแต่งงานตามคำสั่งของบิดามารดาและการจับคู่ของแม่สื่อ พลางไม่มีความรักระหว่างชายหญิงต่อแม่ยายเขา จะปิดบังความจริงเพราะรู้สึกผิดก็ช่าง ยังปล่อยให้มารดาและแม่เลี้ยงปฏิบัติต่อบุตรสาวที่บริสุทธิ์อย่างรุนแรงอีกเขาเห็นแม่นางน้อยที่โกรธแค้นผสมปนเปกัน ก็ตบหลังมือของแม่นางน้อยเหมือนจะปลอบใจ และกล่าวอย่างเป็นนัยว่า “ฮูหยิน วิญญาณของแม่ยายที่อยู่บนสวรรค์จะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่”เมื่อได้ยิน สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็ชะงักไป พลางสบตาเข้ากับสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งของเขา ก็เข้าใจความหมายของเขา และยกรอยยิ้มที่อันตรายขึ้น “จริงด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 338

    เมิ่งจิ่นเหยาถามเสียงเบาว่า “ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้าง?”หมอประจำจวนเก็บนิ้วมือทั้งสามข้อที่อยู่บนแขนของเมิ่งจิ่นเหยากลับลงไป พลางตอบกลับ “ฮูหยิน ท่านมีปมในใจจนเกิดอาการซึมเศร้า แถมยังได้รับความเย็นเกินไปอีก จึงทำให้จู่ ๆ ก็ไข้ขึ้นสูง และจำเป็นต้องใช้ยาคลายเครียดเสียหน่อยก็จะดีขึ้นขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “รบกวนท่านหมอแล้ว”“ไม่รบกวนขอรับ” หมอประจำจวนรีบส่ายหน้า และกล่าวอีกว่า “แต่ว่า ฮูหยินร่างกายอ่อนแอ ควรจะบำรุงร่างกายให้ดีตั้งแต่ยังสาวถึงจะได้นะขอรับ”มิ่งจิ่นเหยาฟังจบ ก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพราะนางรู้มาโดยตลอดว่าตนเองร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะช่วงที่อากาศเย็น หากไม่ระวังนิดหน่อยก็จะเป็นหวัด เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านมารดา นางไม่มีความพร้อมที่จะดูแลตนเอง ตอนนี้อยู่บ้านสามี นางใส่ใจเรื่องการกินมากขึ้น และได้ดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายอยู่เป็นประจำ ช่วงนี้นางจึงรู้สึกดีมาก สีหน้าก็ดูดีขึ้นแล้วนางกล่าวเสียงอ่อนโยน “ปกติข้าก็ดูแลตนเองอยู่แล้ว รบกวนท่านหมอจัดยาคลายเครียดให้ข้าก็พอ”หมอประจำจวนฟังจบ ก็จ่ายยาคลายเครียดให้นาง และให้สาวใช้ตามเขาไปเอายากลับมาต้มหลังหมอประจำจวนจากไป

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 337

    บนรถม้าชิงชิวกับหนิงตงที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนนั่งพิงกัน และเผลอหลับไปเมิ่งจิ่นเหยาหายป่วยได้ไม่นาน ยังรู้สึกมึนศีรษะ คนทั้งคนก็หมดเรี่ยวแรง จึงเอนหลังพิงผนังรถม้าและหลับตาพักสมองทันใดนั้น รถม้าก็สั่นสะเทือน ท้ายทอยของนางกระแทกเล็กน้อย จึงรีบนั่งตัวตรง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศีรษะกระแทกอีกกู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยขมวดคิ้ว พยายามฝืนให้มีชีวิตชีวาขึ้น นั่งตัวหลังตรง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงยื่นมือโอบนางเข้ามาในอ้อมแขน และให้นางพิงหน้าอกของตนเอง เมื่อสบตาเข้ากับสายตาที่ตกใจของนาง ก็กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หากฮูหยิน อ่อนเพลีย ก็พิงข้าแล้วนอนเสียเถอะ”ตอนนี้เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกทั้งตัวไม่มีแรง ศีรษะยังมึน ๆ อยู่ จึงไม่เกรงใจเขา และพิงอยู่บนตัวเขาด้วยความสบายใจอย่าดูถูกแม้กู้จิ่งซีดูจะตัวไม่ใหญ่มาก แต่หน้าอกกว้างใหญ่ พิงอยู่บนตัวเขาอบอุ่นสบายตัว แถมได้กลิ่นดอกกล้วยไม้ที่หอมละมุนจากตัวของเขา ก็รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก แต่กลับไม่มีอาการง่วงเลยบางทีเพราะถูกผู้ชายกอดไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้ เลยรู้สึกไม่คุ้นชินหรืออาจเป็นเพราะได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นตึกตักอยู่ข้างหู มันดังก้องอยู่ที่หู

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 336

    ท่าทางที่ดูป่วยเช่นนี้ ดูน่าเป็นห่วงยิ่งนักคนที่มีไข้ขึ้นสูง ไม่ควรห่มผ้าจนอบอ้าว ไม่เช่นนั้นอาการป่วยจะแย่ลง เขาจึงเปิดผ้าห่มบางออกให้แม่นางน้อยผ่านไปไม่นาน หนิงตงก็ยกอ่างน้ำอุ่นมาด้วยความรีบร้อน โชคดีที่วัดหลิงอวิ๋นมีคนเข้ามาสักการะอย่างเนืองแน่น ปกติจะมีผู้แสวงบุญมาค้างคืน และมีผู้แสวงบุญจำนวนไม่น้อยที่มาจากครอบครัวร่ำรวย ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายของแขก ตอนกลางคืนภายในวัดก็มีกักเก็บน้ำร้อนไว้หนิงตงวางอ่างทองแดง พลางถาม “ท่านโหว น้ำอุ่นยกเข้ามาแล้ว ต้องทำอย่างไรหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบกลับ “เช็ดหน้าผาก คอ รักแร้ และแขนขาให้ฮูหยินเพื่อระบายความร้อน”หนิงตงตอบรับ ยกอ่างทองแดงมาข้างหน้าทันที พลางวางอ่างน้ำไว้บนเก้าอี้ที่อยู่หน้าเตียง และเตรียมจะถอดเสื้อผ้าให้นายหญิง ก็มองไปทางกู้จิ่งซีโดยไม่รู้ตัว พบว่าเขาหันหลังให้พวกนาง นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะน้ำชาเมื่อเห็นดังนั้น หนิงตงก็ตกตะลึงเล็กน้อย และแอบพูดในใจว่า ท่านโหวเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ แม้จะเป็นสามีภรรยากับฮูหยิน ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบหนิงตงไม่คิดอะไรมาก ก็ถอดเสื้อผ้าให้เมิ่งจิ่นเหยาด้วยความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และเช็ดตั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 335

    ในวินาทีนั้น เมิ่งจิ่นเหยาทำจิตใจให้สงบ ก้มหน้าลงมอง เห็นว่าบาดแผลที่มือซ้ายใช้ผ้าพันแผลพันไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมองเพียงแวบแรกดูท่าทางเหมือนว่าบาดเจ็บสาหัส จึงกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ตอนนี้เลือดไม่ซึมออกมาแล้ว อันที่จริงไม่พันแผลก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีเหลือบมองนาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถึงแม้ไม่ใช่บาดแผลสาหัส แต่หากไม่พันแผล เมื่อชนหรือกระแทกเข้าโดยไม่ระวังแล้วเลือดไหลออกมาอีก ไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัว โดยเฉพาะบาดแผลที่ข้อศอก เนื้อผ้าเสียดสีก็อาจเจ็บได้เช่นกัน”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าในทันทีหลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถูกมือของกู้จิ่งซีดึงดูดความสนใจไป มือคู่นั้นเรียวยาวและขาวสะอาด ข้อต่อชัดเจน ราวกับหยกขาวที่แกะสลักอย่างประณีต ดูแล้วสบายตาสบายใจนักเมื่อหลุดออกจากความคิด นางก็ใจลอยอีกครั้งผ่านไปเป็นเวลานาน กู้จิ่งซีช่วยนางพันแผลจนเสร็จ และปล่อยมือของนาง เมื่อเห็นว่ามือขวาของนางยังยกอยู่ ก็กล่าวว่า “ฮูหยิน เสร็จแล้ว”แต่เมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเขา เขาจึงเรียกอีกครั้ง “ฮูหยิน?”เวลานี้ เมิ่งจิ่นเหยาถึงค่อย ๆ ได้สติกลับมา และพบกับส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 334

    เขากำลังเตรียมจะปลอบโยนนางสักหลายประโยค ทำให้อารมณ์ของแม่นางน้อยสงบลง แล้วค่อยถามให้ชัดเจนอีกครั้งว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ทว่าเวลานี้ หนิงตงได้ยกอ่างน้ำสะอาดเข้ามา เขาจึงกลืนคำพูดที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากกลับเข้าไปหนิงตงนำอ่างน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ ถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า “นายท่าน ให้ใช้น้ำในอ่างเช่นไรเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีกล่าวกำชับ “ไปหาผ้าสะอาด ๆ มา”หนิงตงรับคำ ไม่นานก็หาผ้าเช็ดหน้าสะอาดที่อยู่ในสัมภาระมาหนึ่งผืน ผ้านี้เตรียมไว้สำหรับให้นายหญิงของนางใช้ล้างหน้ากู้จิ่งซีเหลือบมองไปที่แม่นางน้อย ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็รับผ้าเช็ดหน้ามา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าคนเดียวก็พอแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถิด”หนิงตงเหลือบมองนายหญิง เมื่อเห็นว่านายหญิงไม่ได้เอ่ยปากบอกให้นางอยู่ต่อ ก็รับคำแล้วถอยออกไปกู้จิ่งซีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มาล้างบาดแผลสักหน่อย ตอนที่เจ้าล้มลงไปเนื้อหนังถลอก แล้วบาดแผลก็เปื้อนฝุ่นด้วย”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้ลังเล ลุกขึ้นแล้วเดินมากู้จิ่งซีดึงมือของนาง ช่วยนางทำความสะอาดบาดแผลที่ฝ่ามือด้วยท่าทีที่อ่อนโยนเมื่อบาดแผลสัมผัสกับน้ำ เมิ่งจิ่นเหยาเจ็บปวดเส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 333

    กู้จิ่งซีจับจ้องนางอย่างไม่วางตา พลางถามด้วยเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังดังนั้น ใบหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็เต็มไปด้วยความงุนงง พลางถามกลับไปว่า“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ท่านพี่ก็เห็นหมดแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”นางกล้าพูดได้เลยว่า นางโตถึงเพียงนี้แล้ว ยังไม่เคยเจอเรื่องที่ตื่นเต้นระทึกขวัญเช่นนี้มาก่อน เพียงชั่วพริบตาเดียวที่รอดพ้นจากความตาย ชีวิตนี้ไม่คิดจะพบเจออีกเป็นครั้งที่สองกู้จิ่งซีเห็นสีหน้าของนางงุนงง ไม่ได้จงใจแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ จึงสัมผัสที่ฝ่ามือของนางอย่างแผ่วเบา พลางถามต่อว่า “เกิดอันใดขึ้นกับมือนี้ของเจ้า? ล้มลงไม่สามารถเกิดบาดแผลเช่นนี้ได้”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงไปชั่วขณะ ก้มหน้ามองฝ่ามือของตนเอง บนฝ่ามือยังมีผลงานชิ้นเอกของตนเองเมื่อบ่ายอยู่ เมื่อคิดถึงเรื่องที่พบกับสตรีวัยกลางคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ดวงตาของนางก็หม่นลงในฉับพลัน และอยากจะกำมือของตนเองแน่นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวกู้จิ่งซีที่สายตาเฉียบคมและมือไว รีบกุมมือทั้งสองข้างของนางไว้แน่น ขัดขวางการกระทำของนาง เล็บของนางจะได้ไม่บาดบาดแผลและมีเลือดไหลซึมออกมาอีกเล็บของแม่นางน้อยไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 332

    เมื่อกู้จิ่งซีได้ฟังก็รู้สึกใจอ่อน พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “ให้ข้าดูหน่อย” เมื่อกล่าวจบ เขาก็ยอบกายลง ยกชายกระโปรงของนางขึ้น เตรียมจะดูอาการบาดเจ็บของนาง เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าชะงักค้าง กำลังจะเอ่ยปากขัดขวาง ทว่าเมื่อกลับมาคิดดูอีกทีแล้ว ต่างก็เป็นสามีภรรยาที่นอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องรักษาขอบเขตระหว่างชายหญิงอันใดหลังจากกู้จิ่งซียกชายกระโปรงของนางขึ้นแล้ว มือหนึ่งก็จับไปที่ข้อเท้าขวาของนาง ส่วนอีกข้างม้วนขากางเกงของนางขึ้น เมื่อม้วนขากางเกงไปจนถึงเหนือหัวเข่า ก็จะเห็นได้ว่าตรงหัวเข่าที่ถูกกระแทกตอนล้ม เป็นรอยฟกช้ำไปเรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่ได้ร้ายแรงนักกู้จิ่งซีเห็นว่าบาดแผลไม่หนักมาก จึงวางขานางลง แล้วไปดูบาดแผลที่ข้อศอกของนางนางล้มลงไปข้างหน้า บาดแผลตรงข้อศอกจึงชัดเจนมากนัก เสื้อผ้าในฤดูร้อนจะค่อนข้างบางเบา เสื้อผ้าบริเวณข้อศอกล้วนมีร่องรอยขีดข่วนอย่างชัดเจนพอพับแขนเสื้อของนาง ก็เผยให้เห็นแขนที่ขาวราวกับหิมะ เมื่อพลิกข้อศอกก็สามารถมองเห็นได้ว่าผิวหนังถลอกและมีเลือดออกที่แขนทั้งสองข้างของนาง ผิวหนังโดยรอบบวมแดงเล็กน้อย บาดแผลนี้เมื่ออยู่บนมือที่เดิมทีขาวสะอาดไร้ที่ติรา

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status