เขาขยับมาดูดกลืนเนินเนื้ออย่างร้อนแรง แม้ว่าหนานหงหงจะเหนื่อยหอบแต่เขาก็ไม่มีทางให้นางได้พัก เขาจะทำให้นางน้ำแตกซ้ำแล้วซ้ำเล่าและทำให้นางเกิดอารมณ์เงี่ยนและจดจำเขาเอาไว้เมื่ออารมณ์ของเขาพุ่งสูงขึ้นเขาก็ขยับขึ้นมาทาบทับนางเอาไว้หนานหงหงแยกขาออกกว้างปล่อยให้เขาจับดุ้นของตนยัดเข้ามาในร่องรักที่เต้นตุบ
บทที่ 21 อาจารย์คนใหม่อาจารย์ผู้สั่งสอนมารยาทสตรีในสำนักศึกษาได้รับข่าวร้ายจากบ้านเกิด มารดาที่ชราของนางเสียชีวิต ทำให้นางต้องกลับไปจัดการเรื่องเร่งด่วนที่บ้านเกิด นางจึงมาขอทูลขอลากลับบ้านในฐานะที่ไทเฮาทรงเป็นผู้ดูแลสูงสุดของสำนักศึกษาสตรีหลวง"ไทเฮาเพคะ หม่อมฉันต้องกลับไปจัดการเรื่องที่บ้านเกิดเน
บทที่ 22 ช่วยครอบครัวข้าด้วย NCหลายวันต่อมาดูเหมือนว่าเรื่องราวระหว่างหนานหงหงและจื่อรุ่ยจะเล่าลือไปทั่ววังหลวงหนานหงหงทำตัวกระด้างกระเดื่องกับจื่อรุ่ยอยู่หลายหน นั่นเป็นเพราะว่าจื่อรุ่ยมักจะหาเรื่องนางอย่างแนบเนียนโดยที่ไม่มีผู้ใดจับได้และเรื่องของพวกนางก็ถูกจับโยงไปที่เรื่องของมู่หรง สตรีนางหนึ
“หงหงเจ้ากินมากหรือนอนไม่พอหรือไม่”และแล้วหนานหงหงก็เอ่ยว่า“อาจารย์ศิษย์ยังมีเรื่องปิดบังท่าน หากศิษย์บอกความจริงท่านจะโกรธหรือไม่เจ้าคะ”นางรู้ว่ามู่หรงให้ความสำคัญกับเรื่องความจริงใจและความซื่อสัตย์มาก ดังนั้นนางจึงคิดจะสารภาพว่าไยนางจึงเข้าหาเขามู่หรงยังกอดนางเอาไว้แน่น“อาจารย์เคยทำใจโกรธเจ้า
นางส่ายหน้าจนเส้นผมงดงามกระจาย“ความจริงก็อยากรู้ แต่ก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ อดีตไม่สำคัญสำหรับศิษย์แล้ว อาจารย์ที่อยู่ตรงหน้าตรงนี้สำคัญที่สุด ท่านก็คือคนที่หงหงรักที่สุดคนนี้เรื่องอื่นล้วนไม่สำคัญ”“อาจารย์ขอบใจที่เจ้าคิดจะพึ่งพิงอาจารย์ไม่ใช่ผู้อื่น มิเช่นนั้นอาจารย์คง....”“ทำไมหรือเจ้าคะ”
บทที่ 23 อาจารย์ข้าถูกตีหลายวันต่อมาวันนี้หนานหงหงได้นัดแนะกับมู่หรงว่าหลังจากเลิกเรียนนางจะไปรอเขาที่ตำหนักพักของอาจารย์ เพราะมู่หรงต้องเข้าเฝ้าฝ่าบาทจึงให้นางไปรอที่นั่นหลังเลิกเรียนหนานหงหงจึงหอบพิณของตนเอง เพื่อไปรอมู่หรงด้วยสีหน้าสบายอกสบายใจในระหว่างที่นางเดินอยู่นั้นกลับมีสตรีนางหนึ่งมายื
นางกำนัลอาวุโสผู้หนึ่งผ่านมาพบเข้าจึงเอ่ยเสียงดัง“ทหารจับตัวคุณหนูสามเอาไว้ ข้าต้องนำเรื่องนี้ไปทูลให้ไทเฮาทรงทราบ”ภายในตำหนักเฟิ่งฮัวของไทเฮาหนานหงหงคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเบื้องพระพักตร์โดยมีทหารคุมตัวนางเอาไว้โถงใหญ่ตกแต่งด้วยภาพวาดและพรรณไม้หายาก กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ลอยอบอวลในอากาศ แต่ในขณะนี้
บทที่ 24 ลูกเขยพ่อตาภายในรถม้าที่มุ่งหน้าสู่จวนสกุลมู่ มู่หรงกอดร่างอันอ่อนระโหยของหนานหงหงเอาไว้แนบอก เขามองใบหน้าซีดเซียวของนางด้วยแววตาเจ็บปวด น้ำตาของเขาไหลอาบแก้ม เมื่อเห็นบาดแผลที่แผ่นหลังของนางซึ่งซึมเลือดออกมาไม่หยุดเขาให้อาซูบ่าวของหนานหงหงกลับไปที่จวนแม่ทัพหนาน เพื่อแจ้งข่าวหนานหงหงถูกทำ
ปีค.ศ.1970คุณนายสกุลฉางให้กำเนิดบุตรีคนแรก ผิวขาวราวหยกใบหน้าจิ้มลิ้ม ซินแสทำนายวาสนาสูงส่งยิ่งนัก ทำให้กิจการค้าขายของบิดามารดาเจริญรุ่งเรืองในยามนั้นบิดาได้หมั้นหมายเด็กหญิงเอาไว้กับบุตรชายคนโตของเพื่อนรักแห่งสกุลต้วนต้วนชางหลางเด็กชายอายุราวหกขวบกำลังจ้องมองทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลด้วยความสน
จูชางหลางอุ้มสตรีร่างผอมขึ้นมาวางนางเอาไว้บนตักของเขาโถมร่างกายก้มกอดนางแนบแน่นจนลึกสุดหัวใจ เส้นผมของนางกลายเป็นสีขาวโพลน รวมทั้งผมของเขาเช่นกัน ยามนี้เมื่อใกล้ชิดเส้นผมขาวของคนทั้งคู่กำลังเคลียคลอซึ่งกันและกันโดยไม่อาจแยกแยะว่าเป็นผมของผู้ใดกันแน่จูชางหลางเข้าใจชีวิต มิมีผู้ใดฝืนสังขารของร่างกาย
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1ยี่สิบปีต่อมา“ท่านตา ท่านยายแย่แล้วขอรับ”จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาบอกเขาในเรือนสมุนไพร จูชางหลางที่กำลังนั่งยอง ๆ พร้อมกับใช้พัดโหมไฟให้ลุกโชนเพื่อต้มสมุนไพรให้กับหยางอี้หงถึงกับมือสั่นระริกทำพัดที่อยู่ในมือหลุดลงทันใดเขาวิ่งไปที่เรือนของนางอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้หยางอี้
มู่เหยาทอดสายตามองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่คล้ายกำลังเต้นรำระริกไหวไปตามแสงจันทราแล้วยิ้มงดงาม“ท่านแม่ ขอให้ท่านคุ้มครองให้ข้ามีความสุขด้วยนะเจ้าคะ”เอ่ยคำนี้แล้วนางจึงโปรยดอกไม้ลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะเดินกลับลงมายังหมู่บ้านก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านนั่นเอง จู่ ๆ มู่เหยาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของค
มู่เหยายิ้มไม่หุบ คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาใจนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลต่อนางเพียงนี้ "หลานชายช่างปากหวานยิ่งนัก เช่นนี้สตรีใดได้พบคงไม่อาจถอนใจได้ ด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ต่อไปคงทำให้สตรีเสียใจอีกหลายคน"จูอี้หลางส่ายหน้า"ข้าไม่คิดหลอกสตรีใด จิตใจของข้าจะมอบให้กับสตรีที่ข้ารักเพียงผู้เดียวเช่นท่านพ่
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังจูชางหลางจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าได้พบนางแล้วใช่หรือไม่”จูอี้หลางพยักหน้า“ท่านพ่อ เป็นท่านแม่จริงหรือ”จูชางหลางพยักหน้า“ที่นี่ไกลจากหน้าผาที่แม่เจ้าตกลงมายิ่งนัก พ่อไม่คิดว่านางจะรอดกระทั่งมีคนของหมู่บ้านนายพรานไปพบเข้าระหว่างที่นางลอยไปตามกระแสน้ำ ท่านแม่ของเจ้าลืมทุกเรื่องไปจ
จูอี้หลางขมวดคิ้ว เขาแน่ใจว่านางย่อมคือมารดาของเขา อยากจะบอกออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าสตรีนางนั้นจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น จูอี้หลางถอนหายใจยาวเขาต้องสนิทกับเด็กคนนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อสืบถามเรื่องราวเอาไปบอกบิดา“แล้วพ่อแม่ของเจ้าเล่า”“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าหรือ
"ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องรีบปล่อยเขาออกจากเขตหมู่บ้านตามกฎ มิใช่จับเขามามัดเอาไว้เช่นนี้ เห็นท่าแล้วเจ้าอยากได้ม้าของเขาใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตราประจำตัวม้าเป็นตราราชสำนัก เจ้ากำลังนำความเดือดร้อนมาให้คนในหมู่บ้านแล้ว”มู่เยี่ยนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ดวงตากลมโตตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ท่านน้าของนางจ
จูอี้หลางเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนล้วนนอบน้อมกับเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าเจ้าหน้าขาว ทั้งยังกล้าจับเขามัดอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของเด็กหญิงผู้นี้แล้วเขากลับไม่นึกโกรธ ยังนึกชื่นชมในความกล้าหาญของนางด้วยซ้ำ“เช่นนั้นบอกข้ามาก่อนว่าข้าอยู่ที่ใด แล้วเจ