ตอนที่ 39 ไอดอลในดวงใจ ในขณะที่พี่หยางหยางกับน้องหยางหยางยุ่งวุ่นวายกับการปรับลุคภาพลักษณ์ ไป๋หรงกำลังถ่ายโฆษณาอย่างตั้งใจ อี้เฟยหลิงก็กำลังยุ่งกำลังวางแผนการตลาด คลอเรคชั่นในฤดูร้อนใหม่นี้“นัดประชุม PR มะรืนนี้ แจ้งด้วยฉันต้องการแผนการที่ดีที่สุด” อี้เฟยหลิงเอ่ยสั่งเลขาเสียงเข้ม ในที่สุดผลงานชิ้นโบว์แดงของเธอก็กำลังจะเผยโฉมแล้ว เธอมั่นใจมั่นจะต้องออกมาดีที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์มา เธอนึกแผนการตลาดไว้ในใจตั้งใจอยากจะขอความคิดเห็นของไป๋หรงก่อนที่จะประชุม แต่เมื่อโทรติดต่อผ่านเบอร์ส่วนตัว พี่สาวคนงามไม่รับ ตอนนี้คงถ่ายโฆษณาน้ำหอมให้พี่ชายอยู่ กองแคสติ้งละคร “ข้านี่ล่ะคุณหนูใหญ่” ในบทของนางเอกเพราะไป๋หรงตอบรับเรียบร้อย จึงไม่มีการ แคสติ้ง เพราะดาราที่มีชื่อเสียงต่างสนใจบทนางร้าย ทำให้ต้องแคสติ้งหาตัวนักแสดงที่เหมาะสมที่สุดแทน กล่าวได้ว่าไป๋หรงทำให้เกิดปรากฏการณ์นางเอกให้ความสนใจบทนางร้ายมากขึ้น “คุณจือเซ่อค่ะ มีข่าววงในว่าจะจัดแคสติ้งคัดเลือกแอมบาสเดอร์ เสื้อผ้าแบรนด์ SKIII คลอเลคชั่นในฤดูร้อนใหม่นี้” เสียงผู้จัดการของจือเซ่อกระซิบบอกแผ่วเบา“คู่แข่
ตอนที่ 40 ก็เธอคือนางร้าย“เท่านี้พอ มากไปกว่านี้จะเกินความปกติ”“ค่ะท่าน” ภายใต้ข่าวแหวะไป๋หรงย่อมไม่มีความบังเอิญอย่างที่อี้เฟยหยางคิดมีคนควบคุมอยู่เบื้องหลัง เสื้อผ้าแบรนด์ SKIII ประกาศแคสติ้งคัดเลือก แอมบาสเดอร์ เพราะมีข่าวก่อนหน้านี้ว่าไป๋หรงจะได้รับตำแหน่งนี้ไปครอง จึงมีกระแสมากมายโดยทางด้านลบจะมีมากกว่า“งานนี้คุณจือเซ่อ ได้ตำแหน่งนี้แน่นอน เพราะในเมื่อมีประกาศแคสติ้ง แบรนด์ไม่กล้าสวนกระแสให้ไป๋หรงได้รับไป”ผู้จัดการของจืดเซ่อเอ่ยพูดยิ้มแย้มยินดี เพราะถึงแม้ผลแคสติ้งไป๋หรงจะทำได้ดีกว่าจือเซ่อ แต่การรับสมัครแล้วยังให้ไป๋หรง ยิ่งทำให้แบรนด์ดูเสียภาพลักษณ์เพราะทุกคนต่างเข้าใจแล้วว่ากำหนดคนแล้ว ทำไมยังรับสมัครอีก เรื่องดร่ามาคนชอบนัก จะมีใครสักกี่คนที่เบรกความคิด เชื่อว่า ไป๋หรงได้มาจริงจากความสามารถ“ไม่รู้ว่าแผนการนี้ใครคิด แต่ช่างเถอะเราได้ผลประโยชน์ก็พอแล้ว” สาวหน้าใสจือเซ่อเอ่ยพูดอย่างอารมณ์ดี เพราะดูแล้วการให้ข่าวเช่นนี้แสดงว่าผู้อยู่เบื้องหลังไม่ต้องการให้ไป๋หรงได้ ตำแหน่งแอมบาสเดอร์ไปกองถ่ายแคสติ้ง มีดารานักแสดงมาร่วมงานอย่างคับคั่ง
ตอนที่ 41 สิ่งที่เรียกว่าโชคดีSKIII- Dream Girl Collection เหล่านางแบบก็ทยอยเดินออกมา แต่ละชุดล้วนสร้างความฮือฮา เป็นการออกแบบเสื้อผ้าที่ผสมผสานวัฒนธรรมใหม่และวัฒนธรรมเก่าได้อย่างลงตัว ทำให้ผู้ใส่ดูมีความเป็นตัวเองสูงแต่ไม่ลดความน่ารักสดใสที่สมวัยลงไปภาพเสื้อผ้าได้รับการโพสและแชร์ไปอย่างรวดเร็ว เด็กสาวมากมายอยากได้ชุดมาสวมใส่ และปรากฏการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นกลุ่มของผู้ปกครอง“ชุดนี้ชิงเอ๋อร์ของฉันใส่ต้องน่ารักมากๆ แน่นอน //เหมย”“ถ้าฉันซื้อมาใส่เองจะได้ไม่นะ //ปิงปิง”“เป็นแบบเสื้อผ้าที่ควรส่งเสริม //ชิงเหมย” ไม่เพียงแต่คุณแม่ที่เข้ามาสั่งจอง ทั้งลุง ป้า น้า อา ที่มีลูกหลาน ต่างเข้ามาสั่งเพื่อเป็นของขวัญและของฝากและเมื่อมาถึงชุดฟิลาเน่ แบรนด์ก็เปิดเผยผู้ที่ได้รับความเลือกเป็นแอมบาสเดอร์ของแบรนด์ เมื่อนางแบบเปิดเผยตัว กล้องจากสำนักนักข่าวและช่างภาพก็ถ่ายภาพรัวๆๆๆภาพเด็กสาววัย 15-16 ปี ปรากกฎขึ้นใบหน้ามีความเป็นเอกลักษณ์ แม้ไม่ได้มีใบหน้าสวยงดงามดั่งภาพวาดในแบบฉบับดาราทั่วไป แต่เธอเป็นเด็กสาวหมวยเก๋มีความทันสมัย ที่มีพลังงานของความฝัน เป็นตัวแทนของ
ตอนที่ 42 ไม่ใช่ทุกอย่างจะราบเรียบ เปิดเทอมวันแรก อี้เฟยหลิงย่อมไปเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ ณ ร้านฟอเรสเต้ คาเฟ่ที่ติดกับรั้วโรงเรียน“ยินดีกับความสำเร็จว่าที่ท่านประธานบริษัท SKIII ด้วยนะคะ”เพื่อนเอ่ยกล่าวยินดีกับอี้เฟยหลิง ตอนนี้ยอดขายของบริษัทสูงสุดกว่าทุกไตรมาสที่ผ่านมา ส่งผลให้หุ้นของบริษัททะยายขึ้นอย่างรวดเร็ว“เรานึกถึงวันที่ ร้องไห้งอแงขอแม่ซื้อหุ้นบริษัท SKIII ตอนนี้แม่ตามใจให้เป็นของขวัญวันเกิด ฉันเกิดมาโชคดีที่มีเพื่อนเก่งแบบนี้ ตอนนี้แค่อาศัยผลกำไรที่แบ่งมาฉันก็รวยแล้ว”คงมีไม่กี่ตระกูลที่กล้าทุ่มเงินหลายพันล้านเปิดบริษัทให้เด็กสาวคนหนึ่งดูแล “โอ้ยย อิจฉาเพื่อน ว่าแต่ไป๋หรงเป็นดีไซน์เนอร์จริงรึ”เพื่อนหลายคนเกิดข้อกังขา ไม่น่าเชื่อว่าไป๋หรงจะมีความสามารถทางด้านนี้“จริง”อี้เฟยหลิงเอ่ยยืนยัน เมื่อเพื่อนยืนยันไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อ“ไม่ธรรมดาจริงๆ ฉันได้ยินข่าวว่า คุณหนูอี้เฟยหลิงเชิญไป๋หรงไปวาดภาพพร้อมบรรเลงพิณ อันนี้คงจริงด้วยกระมัง” แม้จะเป็นงานเล็กๆ แต่ข่าวซุบซิบย่อมเป็นที่ชื่นชอบทุกสังคม“จริง”“โอ้โห ไม่น่าเชื่อ ไป๋หรงนางร้ายคนนี้มาเหนือชั้นจริง”นอ
ตอนที่ 43 เธอยอมรับผิดเองหลังจากวางโทรศัพท์พี่สาวไป ฉินเหมยก็หันกลับมาคุยกับอาจารย์ประจำหอพักต่อ“ฉันไม่ได้เอามาค่ะ ฉันไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในห้องฉันได้อย่างไร”“ฉินเหมย ยอมรับผิดเถอะนะ ทุกอย่างจะได้ง่ายขึ้นครั้งนี้ครูจะทำโทษสถานเบา หากเธอไม่ยอมรับผิดครูจำเป็นต้องแจ้งผู้ปกครอง”เมื่อเอ่ยถึงผู้ปกครองฉินเหมยก็ตกใจทันที แม่จะรู้เรื่องนี้ไม่ได้“ไม่ได้นะคะอาจารย์ ฉันไม่ได้เอามาจริงๆ อาจารย์เชื่อฉันนะคะ”ฉินเหมยเริ่มร้องไห้อีกครั้ง เธอไม่รู้เลยว่ากระเป๋าสะพายใบเล็กของเพื่อนที่พักห้องตรงข้าม มาอยู่ในตู้เสื้อผ้าเธอได้อย่างไร “อาจารย์เชื่อตามหลักฐานที่มี ถ้าเธอไม่ยอมรับผิด พรุ่งนี้อาจารย์จะแจ้งผู้ปกครองให้ทราบถึงพฤติกรรมของเธอ”เมื่อเห็นว่าฉินเหมยกังวลเรื่องผู้ปกครอง อาจารย์ก็จับจุดอ่อนได้ เริ่มข่มขู่ต่อ“ไม่ค่ะ ไม่นะคะ แล้วถ้า ถ้าฉันยอมรับผิดฉันต้องทำอย่างไรบ้าง” แม่กำลังมีความสุขฉินเหมยไม่อยากให้แม่คิดมาก และถ้าพี่สาวรู้เรื่องนี้ พี่สาวจะผิดหวังในตัวเธอ“บำเพ็ญประโยชน์สำนึกผิด เธอจะต้องทำความสะอาดหอพักร่วมกับแม่บ้านเป็นเวลา 7 วัน”เมื่อได้ฟังบทลงโทษ ไม่ได้หนักแต่อย่างไร เพื่อให้เ
ตอนที่ 44 คนโง่มักคิดว่าตนเองฉลาด“เธอขโมยของฉันไป หลักฐานก็คือฉันเจอมือถือฉันอยู่ในกระเป๋าของเธอ"น้ำเสียงไป๋หรงดุดัน คุกคามทำให้เด็กสาวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว มือของเธอชี้สั่นระริกมายังไป๋หรงเอ่ยพูดเสียงสั่นทั้งโกรธทั้งกลัว ชิงฮว่าจึงรีบโวยวายกลบเกลื่อน “จะบ้าหรอ!! ใครในนี้ก็เห็นว่าคุณเอามาใส่กระเป๋าฉันเอง”ต้องมั่นใจสิ ทุกคนในที่นี่ก็เห็นแบบนั้น “หึ!! เธอพูดแก้ตัวได้ แล้วน้องสาวฉันล่ะ ไม่แน่กระเป๋าใบนั้น อาจเป็นเธอที่เอาวางไว้ในห้องของน้องสาวฉันก็ได้”น้องสาว!! ไป๋หรงหมายถึงใคร หลายคนเริ่มปะติดปะต่อ ถ้าพูดถึงแก้ตัวก็ต้องเป็นฉินเหมยฉินเหมยเป็นน้องสาวของไป๋หรงเหรอ? แต่พวกเขาไม่ใช่แซ่เดียวกันเสียหน่อย ฉินเหมยเมื่อได้ยินคำพูดของพี่สาว พี่สาวเชื่อใจเธอใช่ไหม ทั้งที่เธอยังไม่ทันแก้ตัว ความน้อยใจอัดแน่นจุกอกสาวน้อยทนกลั้นไม่ไหว เธอจึงหันกายวิ่งไปโอบกอดไป๋หรงหน้าซุกอยู่อกพี่สาว พร้อมกับร้องไห้เสียงดังทันที“ฮื้อ พี่ฉันไม่ได้เอาไปนะ กระเป๋าใบนั้นไม่สวยสักนิดทำไมฉันต้องอยากได้ แต่ฉันไม่อยากให้มันเป็นเรื่องราวเลยยอมรับผิด”ไป๋หรงโอบกอดน้องสาวลูบผมเบาๆ พร้อมส่งแววตา อาฆาตไ
ตอนที่ 45 รักษาได้ก็ต้องรักษาในแต่ละห้องเรียนจะมีทีวีสื่อพร้อมทุกอย่าง ชายหนุ่มคนนั้นเปิดและฉายภาพวงจรปิดขึ้นจอทีวีขนาดใหญ่ ภาพวงจรปิดเผยให้เห็นว่าชิงฮว่าเปิดประตูเข้าห้องฉินเหมย ซ่งจวินมาถึงที่นี่ตามหลังไป๋หรงไม่กี่นาที เขาเพียงรอหลักฐานจึงรั้งรอก่อนจะเดินเข้าภาพจากกล้องวงจรปิดฉายให้ทุกคนเห็นเหตุการณ์ชัดเจน ว่าเป็นชิงฮว่าเองที่เอากระเป๋าใบนั้นไปไว้ที่ห้องฉินเหมย หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะแก้ตัวต่อไป ชิงฮว่ายืนตัวสั่นเทาด้วยความอับอายและหวาดกลัวเธอกอดแม่แน่นโดยผู้แม่ก็มีสีหน้าซีดไปไม่น้อยไปกว่าเธอ อาจารย์เอินจิงนั่งหมดสภาพอยู่ข้างๆ พวกเธอไม่คิดไม่ฝันว่าเหตุการณ์จะออกมาในรูปแบบนี้ไป๋หรงมีสีหน้าพึ่งพอใจ ก็เท่านี้ที่เธอต้องการเมื่อภาพวีดีโอปิดลงซ่งจวินก็หันกาย โค้งศรีษะไปทางไป๋หรงพร้อมเอ่ย“ทางเราต้องขออภัยคุณไป๋หรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมรับรองว่าจะชดเชยและลงโทษทุกคนที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมที่สุด”หญิงสาวคำนับศรีษะตอบอย่างมีมารยาท แตกต่างจากเมื่อสักครู่ที่พร้อมจะชน“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว” ไป๋หรงใจเย็นลงมา เธอพอใจเท่านี้แล้วจริงๆ“ผมคงปล่อยให้เป
ตอนที่ 46 จะปกป้องทุกคนเองเป็นบรรยากาศที่คุ้นเคย ซ่งจวินไม่เข้าใจเลย หากนับจำนวนครั้งที่ได้พบเจอไป๋หรง ถึงแม้ไม่ได้นับเขาก็มั่นใจได้ว่า ยังไม่ถึง 10 ครั้ง ระยะเวลารู้จักกันก็ยังไม่ถึงครึ่งปี หากแต่ว่า บรรยากาศเช่นนี้ การนั่งจิบกาแฟด้วยกัน ไม่มีความเคอะเขินแม้แต่น้อย“ผมต้องขอโทษอีกครั้งนะครับ”ซ่งจวินเอ่ยทำลายบรรยากาศที่เงียบงันนั้น เป็นเขาที่รู้สึกอึดอัด“ค่ะ ฉันไม่คิดอะไรแล้ว”ไป๋หรงเอ่ยอย่างสบายๆ เมื่อเช้าเธออาจจะฟิวขาดไปสักหน่อย “ทำไมผมรู้สึก เหมือนเราคุ้นเคยกันมานาน” หลายคนชอบใช้มุขนี้ในการจีบหญิงสาว ซ่งจวินรู้ดีแต่เขาก็เลือกที่จะพูดมันออกมา“คุณคิดไปเองค่ะ”ไป๋หรงหาคำตอบให้แบบง่ายๆ ทำให้ซ่งจวินอมยิ้มขำ“น่าจะเป็นคำตอบเดียวที่สมเหตุสมผลในตอนนี้”ซ่งจวินลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ย“ผมรบกวนคุณไป๋หรงเพียงเท่านี้ก่อน ผมยังอยู่ที่เมืองนี้อีก 2-3 วันเช่นกัน อย่างไรเย็นนี้เราอาจจะได้เจอกัน”ไม่แปลกที่ซ่งจวินจะเอ่ยเช่นนั้น เพราะเมืองหาวไม่ใช่เมืองใหญ่ การจะเจอกันที่โรงแรมหรือร้านอาหารย่อมมีโอกาสเจอกัน หรืออาจจะเป็นการบอกล่วงหน้า คุณไปร้านไหนผมก็จะไปร้านนั้น“ค่ะ” ไป๋หรงคำนับศร
ตอนที่ 63 ความคิดที่เรียบง่ายซ่งจวินไปถึงต่างประเทศไม่ได้ไปหา ซ่งเฟยซูโดยทันที“อันปิน”“ขอรับคุณชาย” ซ่งจวินเรียกลูกน้องคนสนิท ผู้ที่อยู่ข้างกายเขามานานหลายปี มีความสามารถหลากหลายสุขุมรอบคอบ แน่นอนว่าเป็นคนของคุณอาเจิ้นที่จัดหามาให้เขา“เรารู้จักกันมากี่ปีแล้วนะ”“15 ปี ขอรับ”อันปินโค้งต่ำบอกซ่งจวิน เขารับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่ไม่ปกติ“เราจะถามคำเดียว ต่อจากนี้คุณจะเป็นคนของเราหรือจะเป็นของคุณอา”หลังจากนี้ ซ่งจวินจะเริ่มเปลี่ยนคนข้างกาย แต่อันปินถือว่าพี่ชายคนหนึ่ง“กระผมยินดีรับใช้ ท่านขอรับ”แม้จะตื่นตระหนก อันปินก็เข้าใจทุกอย่าง ใครบ้างอยากอยู่ใต้อำนาจคนอื่นตลอดเวลา“ดี ไปได้”ซ่งจวินอยู่ต่างประเทศ 2-3 วัน จึงติดต่อหาทั้งซ่งเฟยซูและจ้าวอี้ถัง“ตายจริง หลานมาต่างประเทศทำไมถึงเพิ่งติดต่ออามา….เย็นนี้ได้สิ…อี้ถังก็อยากเจอพี่จวินเหมือนกัน…จ้ะ..แล้วเจอกัน”การนัดทานข้าวครั้งนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา เฉกการทานข้าวของเครือญาติทั่วไปบนโต๊ะอาหาร จ้าวอี้ถังพูดคุยกับซ่งจวินอย่างตื่นเต้น เขาเองก็ฝันอยากเติบโตและมากความสามารถอย่างลูกพี่ลูกน้องคนนี้“ถ้าเราสนใจ ช่วงนี้ก็มาเราลองดู
ตอนที่ 62 สวยและเก่งเหมือนกันอี้หลิงซือตามติดชีวิตไป๋หรงยิ่งกว่าแฟนคลับตัวจริง“ฮืม แต่ก่อนก็คงเป็นเด็กอ่ะเนอะ พอเริ่มคิดได้ก็ดูเปลี่ยนไป”จากนั้นก็หยิบภาพโปสเตอร์ที่ไป๋หรงเป็นพรีเซนเตอร์ขึ้นมา“พอมีเงินก็ยังตั้งใจเรียนอยู่”พอเริ่มอ่านอะไรมากขึ้นความคิดที่บอกว่าหญิงสาวไม่เหมาะสมกับลูกชายตัวเองก็ลดลง“ถังรั่ว เธอว่าไป๋หรงเป็นอย่างไรบ้าง” พอตัดสินใจไม่ได้อี้หลิงซือก็หันมาถามความคิดเห็นกับคนของตัวเอง เหมือนหาแนวร่วมกลบความเขินอาย“เหมาะสมกับคุณชายอี้มากค่ะ”ตั้งแต่วันที่ไปบ้านของหญิงสาวและรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ มาให้ ถังรั่วอยากจะบอกกับคุณนายว่า [ไป๋หรงอาจจะดีเกินไปสำหรับคุณชายค่ะ]พอเริ่มรู้สึกชอบ อี้หลิงซือก็เริ่มเข้าข้าง “ฮืม ถึงแม้จะเกิดจากตระกูล..ที่..ไม่เท่าไร ฮืม..ไปหน่อย แต่อย่างไรหลานๆ ของฉันก็ใช้แซ่อี้ ก็ไม่เป็นไร”อี้หลิงซือหยุดคำว่า ตระกูลชั้นต่ำ เธอเลือกใช้คำอื่นแทน“ท่านค่ะ เหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มไม่ดีแล้ว”ปกติเรื่องของเจ้านายไม่ใช่สิ่งที่ลูกน้องจะพูดถึง แต่เรื่องของลูกๆ อี้หลิงซือจะพูดถึงและพูดคุยกับคนสนิทตลอด ความรักความเอ็นดูของถังรั่วที่มีต
ตอนที่ 61 ฉันอยู่ตรงนี้ก็ดีอยู่แล้วความลำบากนี้ใจนี้ไม่ใช่ของเธอ แต่เป็นของคุณลุง“พวกท่านตัดสินใจอย่างไร”“เราไม่คิดอะไรแล้ว ในเมื่อหนูเป็นลูกเป็นทายาทของไป๋หรง ปู่กับย่าก็ให้หนูตัดสินใจ เรื่องต่อจากนี้พวกเราไม่เกี่ยวข้องแล้ว”ให้มันได้อย่างนี้ ไป๋หรงรู้สึกเบื่อหน่าย เธอไม่เข้าใจเลยความจริงแล้วเธอไปเกี่ยวอะไรด้วย“ในเมื่อตอนนี้คุณซ่งเฟยซูไม่อยู่ เรื่องนี้ก็พักเก็บไว้ก่อน ฉันคิดว่าให้ทุกคนได้ไตร่ตรองกันให้รอบคอบ”อย่างไรก็ต้องนึกถึงเด็ก ๆ ทั้ง 3 คน“แล้วหลานจะไม่กลับเข้าตระกูลหรือ”ทั้งสองผู้อาวุโสจากตระกูลจ้าวรับรู้ได้ถึงความเย็นชาของไป๋หรง ถึงได้เอ่ยคำถามนี้“ฉันอยู่ตรงนี้ มีความสุขดีอยู่แล้ว”เธอจะทำตัวเองให้สูงส่งด้วยตัวของเธอเอง เธออยากจะพิสูจน์ความสามารถของตนเอง ชาติที่แล้วเธอโดนปรามาสว่าเป็นเพราะมีตระกูลหนุนหลังเธอถึงได้เป็นฮองเฮา ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้ทำอะไรเธอทำอะไรไม่ได้ต่างหาก ชาตินี้เธอก็อยากใช้ชีวิตให้เต็มที่โดยที่ไม่มีต้องมีตระกูลหรือคนในตระกูลมาวุ่นวาย จะดีจะร้ายก็ให้มันเป็นไปอย่างนั้น“ได้ แต่หลานอย่าลืมตระกูลจ้าวพร้อมรับหลานกลับเข้าตระกูล ไม่ว่าจะเกิดอะไ
ตอนที่ 60 ขอโทษที่รบกวนใจคุณซ่งจวินฟื้นขึ้นมาได้หลายชั่วโมงแล้ว สิ่งที่เขารับรู้ได้ตอนนี้เขาถูกควบคุมตัว“คุณอา ผมขอโทรศัพท์”เขาอยากรู้เรื่องราวสถานการณ์ตอนนี้“ไว้เราหายดีแล้วอาจะให้เราจัดการเองตอนนี้อาขอให้พักก่อนได้ไหม”ซ่งเจิ้นให้เหตุผลที่เหมาะสมที่สุดแล้ว“เมื่อไร”“ตามที่หมอบอก 2-3 วัน ไม่ต้องเป็นห่วงทุกอย่างเรียบร้อยมีแค่หลานของอาที่บาดเจ็บ”พอเอ่ยเสร็จซ่งเจิ้นก็พยักหน้าให้หมอฉีดยานอนหลับ รออีก 2-3 วัน หลังจากน้องสาวเขาเดินทางไปต่างประเทศทุกอย่างจะเรียบร้อยซ่งจวินออกจากโรงพยาบาลหลักฐานอะไรก็ไม่มีเหลือแล้วไป๋หรงไม่ได้ติดต่อ จ้าวไป๋ตงเธอรู้ว่าอีกสักหน่อยคุณลุงคนนี้ต้องติดต่อมา โชคดีที่เธอพึ่งถ่ายละครเสร็จทีมตัดต่อยังไม่เรียบร้อยทำให้ยังไม่ถึงช่วงที่ต้องโปรโมทละครและไม่ได้รับงานอย่างอื่น ยังพอมีเวลาได้หายใจ แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ออกไปไหนเลย“ลูกจะไปไหน”ฉินฟางเอ่ยถามไป๋หรงอย่างตกใจ เธอยังไม่อยากให้ลูกสาวออกไปไหนทั้งนั้น“ฉันจะออกไปเรียนภาษาค่ะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงตอนนี้น่าจะมีคนคุ้มครองหนูอยู่แล้ว”ไป๋หรงไม่ได้ตกใจกลัว ชาติที่แล้วเธอโดนลอบวางยาพิษไม่รู้กี่ครั้ง ชาตินี
ตอนที่ 59 ทำความรู้จักกันซ่งเฟยซูกลับถึงบ้านก็เจอจ้าวไป๋ตงกำลังนั่งเล่นกับบุตรสาวอยู่เธอเดินเข้าไปร่วมวงอย่างปกติ “ฉันไปหาพี่ชายมา ตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมซ่งจวินแต่เห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงกลับบ้านมา”“คุณเป็นคนตระกูลจ้าวแล้ว ไม่ควรไปวุ่นวายเรื่องราวในตระกูลซ่งอีก” จ้าวไป๋ตงเอ่ยขึ้นพยายามเก็บซ่อนความคิดในใจ“ทราบแล้วค่ะ ต่อไปฉันจะระวังตัว”จ้าวไป๋ตงไม่ได้เอ่ยเกินจริง หากจะไปเยี่ยมก็ควรรอไปพร้อมกันไม่ใช่แอบไปเช่นนี้ มันไม่ใช่การไปหาสู่กันปกติ ถึงแม้ซ่งเฟยซูไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์แต่การเข้าไปสอบถามเช่นนี้ก็ถือว่าเกินสิ่งที่คนแซ่อื่นจะกระทำเมื่อเห็นสีหน้าภรรยาสลดลงก็ใจอ่อนลง“ช่างเถอะ คุณอาจจะตกใจ" จ้าวไป๋ตงมีเปลี่ยนเป็นเสียงนุ่มนวลขึ้น ทว่าซ่งเฟยซูก็ตัดสินใจบางอย่าง“ฉันว่าจะไปหาลูกอี้ถัง แต่พอมีเรื่องอาจจะไม่ไปแล้วค่ะ” ซ่งเฟยซูบอกแผนการของตัวเอง มาคิดดูแล้วเธอควรจะไปต่างประเทศ“ไปเถอะ เรื่องนี้ผมจะจัดการเองลูกอาจจะรอคุณอยู่”จ้าวไป๋ตงเอ่ยอนุญาต เขาก็เป็นห่วงลูกชายเหมือนกันมีมารดาไปอยู่ด้วยน่าจะดี“หนูไปด้วยได้ไหมคะ ฟางฟางคิดถึงพี่ชาย” จ้าวเย่วฟางเอ่ยถามขึ้นเสียงใ
ตอนที่ 58 ตอนนี้ความปลอดภัยต้องมาก่อน“ตามเธอไป” จ้าวไป๋ตงสั่งลูกน้องให้เฝ้าดูภรรยาตัวเอง ไม่นานก็เห็นถึงความผิดปกติ อาซ่งเจิ้น นั่งหน้าเครียดท่ามกลางเหล่าบอดี้การ์ด เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่สืบมาได้ กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อชำเลืองดูหมายเลขก็บอกได้ว่าสิ่งที่กังวลจะเป็นจริง“มาหาฉันที่บริษัท เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ซ่งเฟยซู เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของพี่ชายซ่งเฟยซูก็เอ่ยถามทันที“หลานเป็นอย่างไรบ้าง”“ปลอดภัยดี”ซ่งเจิ้นตอบเสียงเรียบ“ทำไมต้องทำแบบนี้!!” เสียงคุกคามกดดัน ทำให้ซ่งเฟยซูตกใจรีบโผล่เข้าไปกอดพี่ชาย“ฉันไม่ได้ตั้งใจทำร้ายหลานนะ เพราะนังนั่นต่างหาก หากไม่มีมัน..ใช่แล้ว...มันควรตาย ตาย ไปซะ”“หยุดนะ ซูเออร์” ซ่งเจิ้น ปิดข่มอารมณ์จนปานนี้น้องสาวของเขายังไม่สำนึกผิด“ฉันไม่หยุด” ซ่งเฟยซูกรีดร้องโวยวาย“พี่สั่งให้เธอหยุด!!” เป็นซ่งเจิ้นที่ตวาดเสียงอย่างแรง ซ่งเฟยซูโดนเสียงพี่ชายตวาด ตกใจ นั่งลงโซฟาร่างกายสั่นเทาความกลัวที่แอบเก็บซ่อนไว้เผยออกมา จริงแล้วเธอกลัวพี่ชายมาก“ทำไมยังทำแบบนี้อีก” พอเห็นน้องสาวตัวสั่น จิต
ตอนที่ 57 ทำไมใส่ใจได้ขนาดนั้นโรงพยาบาลซ่งจวินโดนนำส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว และเข้ารับการผ่าตัดทันที แม้หมอจะบอกว่ากระสุนไม่โดนจุดสำคัญ ไป๋หรงก็นั่งหน้าซีดใจสั่น เธอพยายามหลีกเลี่ยงผู้ชายคนนี้มาตลอด สุดท้ายก็ยังหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ไม่ได้อี้เฟยหยางนั่งอยู่เคียงข้างหญิงสาว ความรู้สึกเป็นห่วงของไป๋หรงที่มีต่อซ่งจวินเอ่อล้นออกมามากมายผ่านทั้งแววตาและท่าทาง เขามั่นใจว่าไป๋หรงมีซ่งจวินอยู่ในใจ “เขาจะปลอดภัยครับ” อี้เฟยหยางเอ่ยปลอบใจหญิงสาว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมาอยู่จุดนี้ได้จุดที่ส่งคนที่รักสุดหัวใจ ให้ผู้ชายอีกคน “ค่ะ” ไป๋หรงก็เชื่อเช่นนั้น ผู้ชายคนนี้เขาแกร่งมาแต่ไหนแต่ไร เขาไม่เคยเป็นอะไรไปง่ายๆทุกอย่างเขาล้วนฝ่าฟันผ่านไปได้ ฉันรู้จักเขาดี “พี่ชาย” เสียงอี้เฟยหลิงเอ่ยเรียกอี้เฟยหยางแผ่วเบา เธอเดินเข้าไปนั่งข้างกายไป๋หรงและกุมมือหญิงสาวไว้ อี้เฟยหลิงชำเลืองตาดูสีหน้าไป๋หรง ใบหน้าซีดเซียวแฝงความตื่นตระหนก แม้จะไม่เสียอาการทว่าเท่านี้ก็มากพอสำหรับไป๋หรงพี่ไป๋หรงชอบพี่ซ่งจวินหรือนี่ ทำไมไม่มีท่าทีมาก่อน ความรักช่างน่ากลัวเหลือเกิน ฉันไม่อยากมี
ตอนที่ 56 ความสัญญาในอดีตคอมเมนต์เริ่มต้นจุดประกายให้คนโจมตีผู้ไม่หวังดี คนเริ่มเห็นด้วยมากขึ้น มากขึ้น จนเกิดแคปชั่น กระทู้มากมายโจมมีคนผู้นั้น#คนแบบไหนถึงอิจฉาไป๋หรง#ใครๆก็ต้องอยากได้ดี#ไม่อิจฉานะคะ“คนบางคนไม่ยอมพัฒนาตัวเองคอยแต่อิจฉาคนอื่น” “วงการนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว”“รอชมผลงานนะคะ”“ไป๋หรงสู้ๆ ค่ะ คุณทำดีแล้ว”“เน้นผลงานค่ะ”ฯลฯอี้หลิงซือนั่งหน้าบึงตึงในใจเคียดแค้น บ่นพึมพำ“ใคร ใครว่าฉันอิจฉา ทำไมคนระดับฉัน คนอย่างฉันทำไมต้องไปอิจฉาดาราด้วย ฉันแค่อยากให้ทุกคนเห็นว่า กาตัวนี้ทะเยอทะยานแค่ไหน”อี้เฟยเยี่ยเห็นสีหน้าภรรยาก็พอรู้แล้วว่าคงโดนโต้ตอบกลับมา “ผมเตือนคุณแล้ว” ยิ่งได้ยินเสียงซ้ำเติมจากสามี อี้หลิงซือยิ่งโมโห“คุณ!!”ไม่รอให้ภรรยาวีนใส่ อี้เฟยเยี่ยก็ลุกเดินหนีทันทีพอดีที่อี้เฟยหลิงโทรมา“เป็นอย่างไรบ้างลูก” อี้เฟยเยี่ยรับสายลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“พ่อขา เมื่อไรจะกลับมา” อี้เฟยหลิงส่งเสียงออดอ้อน “น่าจะไม่เกิน 2 เดือน ถ้าหนูคิดถึงก็มาหาพ่อสิค่ะ” “หนูไม่ว่างเลย และตอนนี้ก็เปิดเทอมแล้ว” อี้เฟยหลิงเอ่ยบอกงานเธอเยอะมาก“แล้วทำไมต้องทำให้ชีวิต
ตอนที่ 55 ผู้ไม่หวังดีคนนั้น ณ ต่างประเทศอี้เฟยเยี่ยกับอี้หลิงซือ พ่อแม่ของอี้เฟยหยางกับอี้เฟยหลิงด้วยภาระของผู้นำตระกูลทำให้ต้องไปดูแลบริษัทที่พึ่งไปลงทุนที่ต่างประเทศให้มั่นคงอี้เฟยเยี่ยชำเลืองผู้เป็นภรรยา กำลังนั่งดูข่าวบันเทิงเขาเห็นว่าข่าวเกี่ยวกับดาราไป๋หรงคนนี้ ภรรยาให้ความสำคัญเป็นพิเศษ และได้ยินแว่วๆ ว่ามีข่าวคบหากับบุตรชายของเขา“คุณอย่าไปยุ่งกับเรื่องของลูกๆ เชียว”เป็นสามีภรรยากันมานาน เขาย่อมดูออกว่าตอนนี้ภรรยาของตนเองมีแผนการบางอย่าง“ไม่ได้นะคุณ ที่ผ่านมาฉันไม่เคยสนใจ ว่าแล้วเชียว สักวันหยางหยางน้อยของฉันต้องตกหลุมพลางมารยาของเหล่าพวกดาราพวกนี้”พอนึกถึงคำที่ฉีป๋านเฉินเล่าให้ฟังเธอยิ่งร้อนใจ เพราะตอนนี้ผู้หญิงคนนี้ได้เข้าบ้านไปไหว้ท่านย่าอี้และยังเข้าไปทำงานร่วมกับอี้เฟยหลิงน้อย ทั้งที่เธอวางแผนไว้อย่างดียังพลาดได้ ฝีมือผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา เด็กน้อยทั้งสองลูกของเธอยังอ่อนเยาว์เธอจะปล่อยไม่ได้เห็นสายตาของภรรยาผู้เป็นสามีจึงพูดขึ้น“คุณกำลังคิดว่าลูกๆ ของเราโง่รึ”คำถามที่ตรงไปตรงมา ทำให้อี้หลิงซือสะดุ้ง ไม่นะลูกเธอไม่ได้โง่เธอรีบบอกปัด“เปล่าสักหน่อย