ตอนที่ 42 ไม่ใช่ทุกอย่างจะราบเรียบ เปิดเทอมวันแรก อี้เฟยหลิงย่อมไปเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ ณ ร้านฟอเรสเต้ คาเฟ่ที่ติดกับรั้วโรงเรียน“ยินดีกับความสำเร็จว่าที่ท่านประธานบริษัท SKIII ด้วยนะคะ”เพื่อนเอ่ยกล่าวยินดีกับอี้เฟยหลิง ตอนนี้ยอดขายของบริษัทสูงสุดกว่าทุกไตรมาสที่ผ่านมา ส่งผลให้หุ้นของบริษัททะยายขึ้นอย่างรวดเร็ว“เรานึกถึงวันที่ ร้องไห้งอแงขอแม่ซื้อหุ้นบริษัท SKIII ตอนนี้แม่ตามใจให้เป็นของขวัญวันเกิด ฉันเกิดมาโชคดีที่มีเพื่อนเก่งแบบนี้ ตอนนี้แค่อาศัยผลกำไรที่แบ่งมาฉันก็รวยแล้ว”คงมีไม่กี่ตระกูลที่กล้าทุ่มเงินหลายพันล้านเปิดบริษัทให้เด็กสาวคนหนึ่งดูแล “โอ้ยย อิจฉาเพื่อน ว่าแต่ไป๋หรงเป็นดีไซน์เนอร์จริงรึ”เพื่อนหลายคนเกิดข้อกังขา ไม่น่าเชื่อว่าไป๋หรงจะมีความสามารถทางด้านนี้“จริง”อี้เฟยหลิงเอ่ยยืนยัน เมื่อเพื่อนยืนยันไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อ“ไม่ธรรมดาจริงๆ ฉันได้ยินข่าวว่า คุณหนูอี้เฟยหลิงเชิญไป๋หรงไปวาดภาพพร้อมบรรเลงพิณ อันนี้คงจริงด้วยกระมัง” แม้จะเป็นงานเล็กๆ แต่ข่าวซุบซิบย่อมเป็นที่ชื่นชอบทุกสังคม“จริง”“โอ้โห ไม่น่าเชื่อ ไป๋หรงนางร้ายคนนี้มาเหนือชั้นจริง”นอ
ตอนที่ 43 เธอยอมรับผิดเองหลังจากวางโทรศัพท์พี่สาวไป ฉินเหมยก็หันกลับมาคุยกับอาจารย์ประจำหอพักต่อ“ฉันไม่ได้เอามาค่ะ ฉันไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในห้องฉันได้อย่างไร”“ฉินเหมย ยอมรับผิดเถอะนะ ทุกอย่างจะได้ง่ายขึ้นครั้งนี้ครูจะทำโทษสถานเบา หากเธอไม่ยอมรับผิดครูจำเป็นต้องแจ้งผู้ปกครอง”เมื่อเอ่ยถึงผู้ปกครองฉินเหมยก็ตกใจทันที แม่จะรู้เรื่องนี้ไม่ได้“ไม่ได้นะคะอาจารย์ ฉันไม่ได้เอามาจริงๆ อาจารย์เชื่อฉันนะคะ”ฉินเหมยเริ่มร้องไห้อีกครั้ง เธอไม่รู้เลยว่ากระเป๋าสะพายใบเล็กของเพื่อนที่พักห้องตรงข้าม มาอยู่ในตู้เสื้อผ้าเธอได้อย่างไร “อาจารย์เชื่อตามหลักฐานที่มี ถ้าเธอไม่ยอมรับผิด พรุ่งนี้อาจารย์จะแจ้งผู้ปกครองให้ทราบถึงพฤติกรรมของเธอ”เมื่อเห็นว่าฉินเหมยกังวลเรื่องผู้ปกครอง อาจารย์ก็จับจุดอ่อนได้ เริ่มข่มขู่ต่อ“ไม่ค่ะ ไม่นะคะ แล้วถ้า ถ้าฉันยอมรับผิดฉันต้องทำอย่างไรบ้าง” แม่กำลังมีความสุขฉินเหมยไม่อยากให้แม่คิดมาก และถ้าพี่สาวรู้เรื่องนี้ พี่สาวจะผิดหวังในตัวเธอ“บำเพ็ญประโยชน์สำนึกผิด เธอจะต้องทำความสะอาดหอพักร่วมกับแม่บ้านเป็นเวลา 7 วัน”เมื่อได้ฟังบทลงโทษ ไม่ได้หนักแต่อย่างไร เพื่อให้เ
ตอนที่ 44 คนโง่มักคิดว่าตนเองฉลาด“เธอขโมยของฉันไป หลักฐานก็คือฉันเจอมือถือฉันอยู่ในกระเป๋าของเธอ"น้ำเสียงไป๋หรงดุดัน คุกคามทำให้เด็กสาวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว มือของเธอชี้สั่นระริกมายังไป๋หรงเอ่ยพูดเสียงสั่นทั้งโกรธทั้งกลัว ชิงฮว่าจึงรีบโวยวายกลบเกลื่อน “จะบ้าหรอ!! ใครในนี้ก็เห็นว่าคุณเอามาใส่กระเป๋าฉันเอง”ต้องมั่นใจสิ ทุกคนในที่นี่ก็เห็นแบบนั้น “หึ!! เธอพูดแก้ตัวได้ แล้วน้องสาวฉันล่ะ ไม่แน่กระเป๋าใบนั้น อาจเป็นเธอที่เอาวางไว้ในห้องของน้องสาวฉันก็ได้”น้องสาว!! ไป๋หรงหมายถึงใคร หลายคนเริ่มปะติดปะต่อ ถ้าพูดถึงแก้ตัวก็ต้องเป็นฉินเหมยฉินเหมยเป็นน้องสาวของไป๋หรงเหรอ? แต่พวกเขาไม่ใช่แซ่เดียวกันเสียหน่อย ฉินเหมยเมื่อได้ยินคำพูดของพี่สาว พี่สาวเชื่อใจเธอใช่ไหม ทั้งที่เธอยังไม่ทันแก้ตัว ความน้อยใจอัดแน่นจุกอกสาวน้อยทนกลั้นไม่ไหว เธอจึงหันกายวิ่งไปโอบกอดไป๋หรงหน้าซุกอยู่อกพี่สาว พร้อมกับร้องไห้เสียงดังทันที“ฮื้อ พี่ฉันไม่ได้เอาไปนะ กระเป๋าใบนั้นไม่สวยสักนิดทำไมฉันต้องอยากได้ แต่ฉันไม่อยากให้มันเป็นเรื่องราวเลยยอมรับผิด”ไป๋หรงโอบกอดน้องสาวลูบผมเบาๆ พร้อมส่งแววตา อาฆาตไ
ตอนที่ 45 รักษาได้ก็ต้องรักษาในแต่ละห้องเรียนจะมีทีวีสื่อพร้อมทุกอย่าง ชายหนุ่มคนนั้นเปิดและฉายภาพวงจรปิดขึ้นจอทีวีขนาดใหญ่ ภาพวงจรปิดเผยให้เห็นว่าชิงฮว่าเปิดประตูเข้าห้องฉินเหมย ซ่งจวินมาถึงที่นี่ตามหลังไป๋หรงไม่กี่นาที เขาเพียงรอหลักฐานจึงรั้งรอก่อนจะเดินเข้าภาพจากกล้องวงจรปิดฉายให้ทุกคนเห็นเหตุการณ์ชัดเจน ว่าเป็นชิงฮว่าเองที่เอากระเป๋าใบนั้นไปไว้ที่ห้องฉินเหมย หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะแก้ตัวต่อไป ชิงฮว่ายืนตัวสั่นเทาด้วยความอับอายและหวาดกลัวเธอกอดแม่แน่นโดยผู้แม่ก็มีสีหน้าซีดไปไม่น้อยไปกว่าเธอ อาจารย์เอินจิงนั่งหมดสภาพอยู่ข้างๆ พวกเธอไม่คิดไม่ฝันว่าเหตุการณ์จะออกมาในรูปแบบนี้ไป๋หรงมีสีหน้าพึ่งพอใจ ก็เท่านี้ที่เธอต้องการเมื่อภาพวีดีโอปิดลงซ่งจวินก็หันกาย โค้งศรีษะไปทางไป๋หรงพร้อมเอ่ย“ทางเราต้องขออภัยคุณไป๋หรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมรับรองว่าจะชดเชยและลงโทษทุกคนที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมที่สุด”หญิงสาวคำนับศรีษะตอบอย่างมีมารยาท แตกต่างจากเมื่อสักครู่ที่พร้อมจะชน“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว” ไป๋หรงใจเย็นลงมา เธอพอใจเท่านี้แล้วจริงๆ“ผมคงปล่อยให้เป
ตอนที่ 46 จะปกป้องทุกคนเองเป็นบรรยากาศที่คุ้นเคย ซ่งจวินไม่เข้าใจเลย หากนับจำนวนครั้งที่ได้พบเจอไป๋หรง ถึงแม้ไม่ได้นับเขาก็มั่นใจได้ว่า ยังไม่ถึง 10 ครั้ง ระยะเวลารู้จักกันก็ยังไม่ถึงครึ่งปี หากแต่ว่า บรรยากาศเช่นนี้ การนั่งจิบกาแฟด้วยกัน ไม่มีความเคอะเขินแม้แต่น้อย“ผมต้องขอโทษอีกครั้งนะครับ”ซ่งจวินเอ่ยทำลายบรรยากาศที่เงียบงันนั้น เป็นเขาที่รู้สึกอึดอัด“ค่ะ ฉันไม่คิดอะไรแล้ว”ไป๋หรงเอ่ยอย่างสบายๆ เมื่อเช้าเธออาจจะฟิวขาดไปสักหน่อย “ทำไมผมรู้สึก เหมือนเราคุ้นเคยกันมานาน” หลายคนชอบใช้มุขนี้ในการจีบหญิงสาว ซ่งจวินรู้ดีแต่เขาก็เลือกที่จะพูดมันออกมา“คุณคิดไปเองค่ะ”ไป๋หรงหาคำตอบให้แบบง่ายๆ ทำให้ซ่งจวินอมยิ้มขำ“น่าจะเป็นคำตอบเดียวที่สมเหตุสมผลในตอนนี้”ซ่งจวินลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ย“ผมรบกวนคุณไป๋หรงเพียงเท่านี้ก่อน ผมยังอยู่ที่เมืองนี้อีก 2-3 วันเช่นกัน อย่างไรเย็นนี้เราอาจจะได้เจอกัน”ไม่แปลกที่ซ่งจวินจะเอ่ยเช่นนั้น เพราะเมืองหาวไม่ใช่เมืองใหญ่ การจะเจอกันที่โรงแรมหรือร้านอาหารย่อมมีโอกาสเจอกัน หรืออาจจะเป็นการบอกล่วงหน้า คุณไปร้านไหนผมก็จะไปร้านนั้น“ค่ะ” ไป๋หรงคำนับศร
ตอนที่ 47 ถ้าเครียดให้ออกกำลังกายแม้ฉินหยางจะฝึกศิลปะการป้องกันตัวไม่นาน แต่ด้วยความตั้งใจ รูปร่างที่มีสัดส่วนของกล้ามเนื้อที่แน่นเป็นทุนเดิม และเหมือนเขาจะมีพรสวรรค์ในด้านนี้ ทำให้เขามีฝีมือมากกว่าหลายคนที่ฝึกมาเป็นปี“รอฉินหยางอายุมากกว่านี้สักหน่อย พี่จะพาไปฝึกยิงปืน”ครูฝึกเอ่ยบอกฉินหยางในขณะที่เตรียมตัวกลับบ้าน“ผมฝึกตรงนี้ให้เชี่ยวชาญก่อนก็ได้ครับ”ฉินหยางมีความรู้สึกว่า เขายังไม่เก่งพอ“เชื่อพี่ นายเก่งแล้ว”ครูฝึกตบไหล่เด็กหนุ่มที่โตเกินไวเบาๆ ก่อนจะสะพานกระเป๋าแยกเดินทางฉินหยางขึ้นรถเมย์และลงบริเวณใกล้บ้าน จากนั้นก็เดินเท้าเขาไม่เรียกแท๊กซี่แต่จะใช้วิธีเดิน เพื่อออกกำลังกายไปในตัวขณะนั้นรถคันงามของอี้เฟยหลิงก็ขับเคลื่อนผ่านชายหนุ่มไป เธอขมวดคิ้วสงสัยจึงสั่งให้รถจอดหน้าเด็กหนุ่มไปประมาณ 500 เมตรอี้เฟยหลิงเดินทอดน่องรอผ่านไปไม่ถึง 10 นาที ฉินหยางก็เดินมาใกล้ถึงเธอจังหวะนั้นกลับมีคนร้ายตั้งใจจะวิ่งมาประชิดตัวอี้เฟยหลิงเพื่อชิงกระเป๋า บอดี้การ์ดเห็นอย่างนั้นเขากระชากมือของคนร้ายก่อนที่จะถึงตัวอี้เฟยหลิง กำลังจะจัดการคนร้าย แต่เมื่อมองมาก็เจอสายตากระพริบของเจ้านา
ตอนที่ 48 รอหัวเราะตอนที่สนุกกว่าวันนี้ไป๋หรงต้องไปร่วมงานวันเกิดของท่านย่าตระกูลซ่ง เธอขอให้เฟยเฟย มาช่วยแต่งกายที่บ้านและไปงานร่วมกัน ชุดที่นางใส่เป็นยังคงเป็นชุดจากแบรนด์ SKIII เหมาะสมกับหญิงสาวในวันสดใส ตอนนี้เธอเปลี่ยนบทมาเป็นนางเอก จึงคิดจะสร้างภาพลักษณ์ใหม่ไปในตัวเฟยเฟยมองภาพหญิงสาวตรงหน้าอย่างตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ไป๋หรงในลุคใหม่ ชุดแต่งกาย ทรงผมและการแต่งหน้าปรับเปลี่ยนได้ขนาดนี้เลยหรือ กลิ่นอายของหญิงสาวแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิงไป๋หรงในวันนี้กลายเป็นผู้มีที่ใบหน้าอ่อนเยาว์สดใสและไร้เดียงสา “ไป๋หรง นู๊.. ลูกช่างน่าทะนุถนอม ดูบอบบางอะไรเช่นนี้”เฟยเฟยเอ่ยชมจากใจ จริงแล้วตั้งแต่แรกไป๋หรงควรจะเป็นนางเอกไม่ใช่นางร้ายไป๋หรงยกปากยิ้มตามฉบับหญิงสาวในห้องหอ บทที่เธอถนัดยิ่งกว่านางร้ายก็คือการทำใบหน้าไร้เดียงสาบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ใช่เพียงนางที่เป็นเช่นนี้ สตรีในวังหลวงก็ล้วนถนัดสีหน้าอ่อนโยนเช่นกัน ทว่าผู้ที่เก่งกาจที่สุดย่อมเป็นเธอและยังมีสมญานามการันตรีหวงโฮ่วผู้เปี่ยมด้วยเมตตาคนรักก็รัก คนเกลียดก็หามีน้อย ไป๋หรงหัวเราะในใจแล้วพูดขึ้น“ขอบคุณค่ะ
ตอนที่ 49 จะธรรมดาได้อย่างไรไป๋หรงเริ่มวาดภาพท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความกังขาแฝงกดอีกฝ่ายให้ต่ำลง สายตาบางคู่จับจ้องรอดูเรื่องขบขัน กระนั้นก็ไม่ทำให้หญิงสาวรู้สึกเกร็ง เทียบกับครั้งอดีตชาติตอนที่ยังไม่ได้เป็นพระชายา นางตอนนั้นอ่อนเยาว์ดุจดั่งมวลผกาแรกแย้ม ได้อวดฝีมือในงานชมบุปผาร่วมกับราชวงศ์อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ฮองเต้ เหล่าสนม ขุนนาง นางก็เคยแสดงฝีมือมาแล้ว แค่นี้ย่อมไม่ทำให้เธอเสียอาการได้อี้เฟยหยางมองสีหน้ามั่นใจของไป๋หรง รู้สึกภูมิใจคนที่เขาชื่นชอบคนที่เขาต้องตา คนที่เขาหลงใหลจะธรรมดาได้อย่างไรคนที่เขารัก จะต้องเป็นอย่างนี้ เพียงแค่อัปกริยาก็ทำให้เหล่าศิลปิน จากสีหน้าไม่มั่นใจในตัวเด็กสาวผู้อ่อนเยาว์ก็กลายเป็นชื่นชม ชิงชิงจึงเอ่ยถามขึ้น“เราเดินไปดูไหม ฉันเริ่มอยากรู้แล้วว่ากาตัวนั้นฝีมือเป็นอย่างไร” เมื่อเห็นสีหน้าชื่นชมของเหล่าอาจารย์อาวุโส ชิงชิงก็เก็บอาการอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว“จะบ้ารึ เธอจะไปเพิ่มความจองหองให้มันเหรอ เธอไปเถอะฉันไม่ไป”เพื่อนอีกคนไม่เห็นด้วย เมื่อหันไปเห็นฉีป๋านเฉินที่นิ่งไม่คิดเดินไปดูก็เกิดความนับถือ เพื่อนของเธอช่างนิ่งเหลือเกิน
ตอนพิเศษ บุรุษเฉกเช่นนี้ ไป๋หรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการสูงสุดและเป็นผู้นำตระกูลอี้ วันนี้เธอประชุมเพื่อกำหนดเกณฑ์การให้รางวัลพนักงานดีเด่น นอกจากโบนัสและการเลื่อนขั้นที่มีปกติแล้ว “ตกลง อูจิ้งเตรียมวันนำเสนอ” “ครับท่านไป๋หรง”ไป๋หรงได้นำวิธีการสร้างคนของตัวเองให้คนรักในองค์กร มาจากสมัยที่เธอเป็นฮองเฮา นั่นคือ มันต้องมีรางวัลสำหรับคนที่มีผลงานดีเด่นในแต่ละแผนก ทุกสายงานเริ่มตั้งแต่แม่บ้านจนถึงระดับผู้จัดการแต่จัดให้มาการประกวดผลงานประจำปีขึ้น ซึ่งข้อกำหนดกฎเกณฑ์มีไม่มากขอแค่ท่านประธานไป๋หรงพอใจก็คือได้รางวัล เธอก็ให้ความสำคัญตรงนี้มาก และจะต้องเป็นผู้ตัดสินเองเพื่อลดการมีเส้นสายและคำครหา เพราะมันคือรางวัลชอบอะไรก็คือให้อันนั้นแค่นั้น “เมียจ๋า พักก่อน พักก่อน” อี้เฟยหยางเดินมาพร้อมถาดใส่หม้อชา ในขณะที่พนักงานระดับสูงหลายคนกำลังอยู่ในห้องประชุม เขาไม่ได้สนใจสายตาคือการคำนับทักทายของใครเลย เดินตรงมาหาไป๋หรงเท่านั้น “สามีลองฝึกชงชา ตามที่เมียจ๋าสั่งแล้วนะจ้ะ ชิมดูสิว่าได้ไหม” ไป๋หรงยกจอกชาละเมียดจิบด้วยท
ตอนพิเศษ ค่ำคืนพิเศษไป๋หรงได้เข้าไปเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัย และยังเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่ปรึกษาด้านการควบคุมสื่อของรัฐ และมีธุรกิจที่ต้องดูแลช่วยอี้เฟยหยางทำให้แขกที่มาร่วมงานแต่งงานของพวกเขา มีมากมายหลากหลายอาชีพ แต่การต้อนรับแขกจะขาดตกบกพร่องไม่ได้เด็ดขาด กว่าจะต้อนรับแขกจนครบในงานแต่งก็ทำให้ไป๋หรงเหนื่อยสายตัวแทบขาด“เหนื่อยมากเลย ฉันขอเปลี่ยนเสื้อผ้านอนเลยนะคะ”“ได้ยังไง วันนี้คุณสัญญาว่าจะให้ผมทั้งคืนนะ”อี้เฟยหยางรีบเข้ามาโอบกอดไป๋หรงทันที“พี่หยางหยาง ฉันเหนื่อยมากเลยฉันขอนอนนะคะ”เสียงหวานไป๋หรงออดอ้อนเธอรู้ว่า อย่างไรอี้เฟยหยางจะยอมเธอ“เรื่องนี้พี่ให้หรงเอ๋อร์ไม่ได้จริง ๆ มา ๆ พี่จะช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า”กลิ่นสุราจากอี้เฟยหยางส่งกลิ่นมากับน้ำเสียง ลมหายใจรวยรินรดต้นคอระหงของหญิงสาวทำให้เธอเริ่มรู้สึกวาบวิวไม่น้อย “ไม่เป็นไร ฉันจัดการเองได้ค่ะ” ไป๋หรงรีบเอ่ยขัดไม้มือของอี้เฟยหยางแม้จะเป็นแฟนกันมา 4-5 ปี นอกจากจูบแล้วอี้เฟยหยางก็ไม่เคยเกินเลยกับหญิงสาว วันนี้คืนแต่งงานของเขา เขาย่อมไม่ยอมปล่อยไป๋หรงไปแน่นอน“หรงเอ๋อร์ ที่รักของพี่” อี้เฟยหยางเองก็เมามายไม่ใ
ตอนที่ 77 เปิดตัว ภาพไป๋หรงเคียงคู่กับอี้เฟยหยางที่ต่างประเทศถูกเผยแพร่ออกมา หลายคนเริ่มตั้งข้อคำถามถึงความสัมพันธ์ เฟย เฟย ให้ข้อมูลกับสื่อว่า ไป๋หรงจะชี้แจงด้วยตนเองในช่วงเช้าอี้เฟยหยางไปส่งไป๋หรงไปทำงานเป็นประชาสัมพันธ์ที่โรงพยาบาล รถหรูคันใหญ่จอดอยู่ตรงบริเวณด้านหลังของโรงพยาบาล“ไม่ต้องเข้าไปส่งหรอกค่ะ ฉันเข้าไปเองได้” “แล้วตอนเย็นจะผมมารับได้ไหม”“ทำให้เป็นปกติดีกว่านะคะ ฉันไม่อยากจะเก็บไว้เปรียบเทียบช่วงที่คุณเริ่มเบื่อแล้ว” อี้เฟยหยางชะงักเล็กน้อย แล้วยิ้มตอบ“ถ้าอย่างนั้น ถ้าผมว่างผมมารับนะคะ”“ค่ะ” เมื่ออี้เฟยหยางเดินกลับขึ้นไปบนรถ ซีซานก็เดินมาประกบหญิงสาวเดินเข้าไปยังโรงพยาบาล บรรยากาศของโรงพยาบาลยังเต็มไปด้วยผู้คนขวักไขว่ เป็นสถานที่ที่ทุกคนไม่รู้สึกยินดีที่จะมา แม้จะรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เจอกับไป๋หรงแต่ก็ไม่ได้เข้ามาวุ่นวายใด ๆ นักข่าวที่มารอทำข่าวก็มีมารยาท ไป๋หรงแจ้งว่าไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ในเวลางาน พวกเขามาเพียงเก็บภาพถ่ายก็ออกไปในขณะนั้นที่สำนักงานใหญ่บริษัทตระกูลอี้ “ในเมื่อตกลงคบกันแล้วก็ชวนเธอมากินข้าวที่บ้านสิ” อี้เฟยหยางเงยหน
ตอนที่ 76 ขอบคุณที่ไม่ใส่ใจ...อดีต การที่อี้เฟยหยางเป็นหนุ่มเจ้าสำราญทำให้ชายหนุ่มสามารถคิดแผนท่องเที่ยวได้หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการดื่มดำไปกับบรรยากาศในเมืองหรือลิ้มลองอาหารที่แปลกใหม่หรือแม้กระทั้งแหล่งศูนย์รวมสินค้า แบรนด์เนมที่สาวๆ พลาดไม่ได้เด็ดขาด นับได้ว่าการเริ่มต้นของอี้เฟยหยางครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ไม่มีอะไรผิดพลาดเหมือนเช่นเคย หลังจากที่ได้พักผ่อนมาหลายวันก็ได้เวลากลับไปลุยงานกันอีกครั้งขณะที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางออกจากโรงแรมไป๋หรงก็เอ่ยถามชายหนุ่ม “ไม่สบายหรือคะ” “เปล่าหรอกครับ ผมแค่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปรวดเร็วนัก” ไป๋หรงยิ้มตอบ “ไว้โอกาสหน้า พวกเรามากันอีกนะคะ ฉันสนุกมากเลย” อี้เฟยหยางกุมมือของไป๋หรงขึ้นมา “สัญญานะครับ” “ค่ะสัญญา” เมื่อกลับมาถึงสนามบิน อี้เฟยหยางก็ส่งไป๋หรงกลับบ้านทันทีเพราะรู้ว่าการเดินทางมันเหนื่อยจำเป็นต้องรีบพักผ่อน ส่วนตัวเองรีบเดินทางกลับบริษัท“กลับมาแล้วหรือคะพี่ชาย” เมื่อไปถึงห้องทำงาน ยังไม่ทันได้นั่งก็ได้ยินเสียงน้องสาวสุดแสบดังขึ้น
ตอนที่ 75 แล้วต่อกัน ให้โอกาสตัวเองได้เดินต่อ อี้เฟยหยางไม่ได้รับรู้เรื่องราวระหว่างไป๋หรงกับตระกูลซ่งและตระกูลจ้าว เมื่อเห็นซ่งเฟยซูก็โค้งศรีษะกล่าวทักทายอีกฝ่ายด้วยไมตรี “ไม่แปลกใจเลยนะครับที่ได้เจอกันที่นี่” เสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนของชายหนุ่มดึงซ่งเฟยซูมีสติ เธอเสียอาการเพียงเล็กน้อยรีบปรับสีหน้าพูดตอบอีกฝ่าย “นั่นสิค่ะ อืม...คุณไป๋หรงฉันขอรบกวนเวลาสักครู่จะได้ไหมคะ” แม้จะรู้ตัวว่าตนเองผิดและอยู่ในจุดที่เสียเปรียบอีกฝ่าย แต่ว่าความจองหองที่ติดตัวทำให้ซ่งเฟยซูยังคงอวดดีอยู่ น้ำเสียงที่พูดยังดูไร้ความสำนึกผิดใด ๆไป๋หรงไม่ถือสา เธอหันไปขอตัวกับอี้เฟยหยางแล้วหันมาพูด“ค่ะ...เชิญคุณซ่งเฟยซูค่ะ” ภายในงานมีที่นั่งรับรองแขกอยู่หลายจุด ซ่งเฟยซูเลือกจุดที่ค่อนข้างห่างไกลผู้คน เห็นความนิ่งเงียบของไป๋หรงยิ่งทำให้ซ่งเฟยซูรู้สึกกระสับกระส่าย เมื่อนั่งลงจึงรีบพูดสิ่งที่อยู่ในใจซ่งเฟยซูยกชาดื่มเพื่อปกปิดอาการเธอหรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้าถามขึ้น “เธอไม่คิดจะกลับตระกูล” “ตรงที่ฉันอยู่ตอนนี้ไม่ดีตรงไหนคะ ฉันมีครอบครัวที่อบอุ่น มีคนที่รักข้างกาย”
ตอนที่ 74 ร้อนตัว อี้เฟยหยางตื่นมายืนรอไป๋หรงก่อนเวลานัดหมายเกือบชั่วโมง เขายืนนิ่งพิงกายอยู่หน้าประตูห้องของหญิงสาวใบหน้ายิ้มแย้มคล้ายคนโง่งม ชายหนุ่มปัดหน้าจอมือถือไปมา เมื่อก่อนเขาไม่เคยจะโพสลงเวยปั๋วส่วนตัวเองสักครั้ง หากจำไม่ผิดโพสเองล่าสุดจะเมื่อ 3 ปีที่แล้ว นอกนั้นจะเป็นของสื่อหรือเหล่าเซเลบแท็กมาเสียมากกว่า เพราะเรื่องราวเหล่านั้นล้วนไร้สาระสนุกสนานไปวัน ๆ ทว่าวันนี้เป็นวันแรกที่เขาอยากจะโพสเก็บความทรงจำไว้ เขาจึงอยากจะขอไป๋หรงโพสข้อความประทับใจเก็บไว้ด้วยกันดวงตาของอี้เฟยหยางเป็นประกายวับวาว รอยยิ้มกดลึกลงกว่าเดิมแต่ว่า!!! สิ่งที่อยู่ในหน้าจอมือถือที่หน้าเวยปั๋วส่วนตัวของเขา ทำให้ดวงตาของชายหนุ่มกลายเป็นสีหม่นเบิกกว้างตกตะลึง อะไรกัน ทำไมมีโพสไร้สาระมากมายขนาดนี้กันเนี้ย เฮ้ย!! ไม่นะ ความฝันหวานฉ่ำพังทลายลงไม่มีสิ้นดี ในเวยปั๋วล้วนมีแต่ภาพอี้เฟยหยางโอบกอดคอลเคลียกับดาราหญิงมากหน้าหลายตาในงานเลี้ยงสังสรรค์แทบจะไม่ซ้ำสถานที่ บางชนแก้ว บางชนแก้ม แม้จะดูไม่วาบหวิวทว่าแต่ละรูปล้วนเต็มไปด้วยความผิดค่อนข้างร้ายแรงภาพเหล่า
ตอนที่ 73 อาจจะเป็นเรื่องเพ้อเจ้ออี้เฟยหยางเดินส่งไป๋หรงเข้าห้องพัก พลางชำเลืองมองดูมือที่กุมอยู่เรื่อย ๆ เกรงว่าสิ่งที่เป็นอยู่จะเป็นเพียงแค่ฝันไป แม้ฝีเท้าอิดออดทว่าก็พาพวกเขามาถึงหน้าห้องพักอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มไม่กล้าทำท่าทางงอแงเอายกมือของหญิงสาวขึ้นมา กุมวางไว้บนหน้าอกพูดขึ้น “นอนหลับฝันดีนะครับ พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปเยี่ยมชมแกลลอรี่” ไป๋หรงยิ้มอ่อนละมุน “ค่ะ ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ” เพิ่งจะเป็นแฟนกันไม่กี่ชั่วโมง หัวใจของอี้เฟยหยางยังเต้นระรัวแรงไม่หยุด หากเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาสามารถเอ่ยพูดจาหวานเสนาะหูได้อีกหลายคำ ทว่าพอเป็นไป๋หรงชายหนุ่มกลับพูดออกมาเป็นประโยคสั้น “ครับคนดี ผม ผมไปล่ะนะ” “ค่ะ” อี้เฟยหยางยังคงยืนอยู่กับที่ จนหญิงสาวส่งสายตาคำถาม ไปสิค่ะ ฉันจะได้เข้าห้อง ถูกสายตาไล่แบบกลาย ๆ ชายหนุ่มจึงได้แต่หันตัวกลับ เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดเขาก็หันกลับไปมองยิ้มแบบคนโง่งมเป็นแฟนกันแล้ว ต้องบอกท่านแม่ก่อน อี้เฟยหยางเดินเข้าห้องพักที่อยู่ข้างกัน เขากระโดดลงบนโซฟาแล้วหยิบมือถือขึ้นมาส่
ตอนที่ 72 วันเวลาของสองเราเริ่มต้นแล้วหญิงสาวกลับเข้าห้องพักด้วยจิตใจที่อ่อนเพลีย เธอได้เห็นคลิปที่จ้าวซูเฟยโดนย้ำยี เพราะจิตใจครึ่งหนึ่งของไป๋หรงเป็นคนสมัยโบราณ หากเธอโดนกระทำเช่นนี้คงไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ความโกรธแค้นของจ้าวซูเฟยเธอรับรู้ได้ดี ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะอยู่อย่างมีความสุขได้อย่างไรบิดาของเธอก็ช่างเลวเหลือเกิน ความจริงแล้วหากให้เป็นคดีเหตุทำไปเพราะความแค้นชั่ววูบจ้าวซูเฟยเองอาจจะไม่ต้องทนทุกข์ขนาดนี้ หากไม่ใช่เพราะคนในตระกูลจ้าวจะใครล่ะที่ทำให้มันออกมาแบบนี้ หน้าตาและชื่อเสียงวงศ์ตระกูลคลิปและข่าวจึงไม่อาจจะหลุดรอดออกมาได้ ทุกอย่างย่อมต้องมีเรื่องราวให้แลกหากไม่ใช่เพราะจ้าวซูเฟย เธอเองก็คงไม่รับรู้เรื่องบิดาไปตลอดชีวิตและแถมยังได้เงินมรดกมาอีกตั้งหลายหมื่นล้าน เรื่องราวในครั้งนี้สำหรับรุ่นลูกควรจะให้มันจบไปน่าจะดีที่สุด ไป๋หรงหลับไปด้วยความเพลีย ด้วยความว้าวุ่นในใจทำให้กึ่งหลับกึ่งตื่น รู้สึกตัวขึ้นมากลางดึก เมื่อมองไปตรงประตูสีขาวนวลส่องแสงคล้ายกำลังรอเธอเดินเข้าไป จึงลุกขึ้นเดินออกไปคล้ายมีมนต์สะกดใจ ปลายทางประตูเป็นสุสานแห่งหนึ่ง “สุสานของราชวงศ์รึ”
ตอนที่ 71 ขอให้คุณมีความสุขไป๋หรงไปศึกษาข้อมูลที่โรงพยาบาลทุกวันและเข้าเรียนการแสดงเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง“คุณไป๋หรง มีพื้นฐานด้านการแสดงดีมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงการดีใจ เสียใจ หดหู่ สะเทือนใจ ทั้งสีหน้าและแววตาแม้กระทั่งกายล้วนไม่มีที่ติ” อาจารย์สอนการแสดงเอ่ยชมไป๋หรงอย่างภูมิใจในตัวลูกศิษย์ “ขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ” ไป๋หรงโค้งคำนับอาจารย์ด้วยมารยาทเรียบร้อย “แต่การรับบทหมอ คุณไป๋หรงได้ไปเรียนรู้ที่สถานที่จริง ฉันเชื่อว่าคุณสามารถนำมาปรับใช้ได้ คุณมีพรสวรรค์ด้านการแสดงนะคะ”ก่อนมาเรียน ไป๋หรงได้บอกอาจารย์ไว้ก่อนล่วงหน้าว่าเธออยากรู้ว่าเธอความมีความสามารถด้านการแสดงหรือไม่ หากไม่มีเธอจะได้ตั้งใจทำงานด้านอื่นแทน อยากให้อาจารย์ประเมินตามความเป็นจริง“ขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้งที่ใส่ใจฉันมากขนาดนี้”ไป๋หรงจบคอร์สเรียนการแสดงอย่างรวดเร็ว อาจารย์บอกไม่มีอะไรจะสอนเธออีกแล้วนอกจากนี้จะเป็นการหาประสบการณ์ด้วยตนเอง เวลาส่วนมากเธอจึงปักหลักอยู่โรงพยาบาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วพรุ่งนี้ไป๋หรงต้องเดินทางไปดูงานแกลลอรี่ที่ต่างประเทศกับอี้เฟยหยางการไปครั้งนี้เธอตั้งใจไ