แชร์

บทที่ 0002

ผู้เขียน: คนแหวกแนว
แต่พ่อกับแม่ไม่เคยสนใจเลยสักครั้ง

ไม่นานแม่ก็ใช้เส้นสายหางานในโรงงานแห่งหนึ่งให้ฉัน บอกให้ฉันไปทำงานหาเงิน

"ตั้งใจทำงานให้ดีๆ ล่ะ ส่งเงินกลับบ้านให้ตรงเวลาด้วย เสี่ยวเสี่ยวเข้าเรียนชั้นมัธยมปลายแล้ว ค่าใช้จ่ายเยอะมาก"

ทุกคำพูดของแม่พูดถึงแต่ซูเสี่ยวเสี่ยว ไม่สนใจฉันที่หน้าซีดและเพิ่งมีประจำเดือนครั้งแรกจนกางเกงเปื้อนเลือดแดงฉานแม้แต่น้อย

งานในโรงงานเหนื่อยมาก แต่ที่นั่นมีห้องสมุดที่เต็มไปด้วยตำราและหนังสือเก่าๆ ที่ชำรุด

ในเวลาพัก ฉันมักจะวิ่งไปอ่านหนังสือและศึกษาเล่าเรียนด้วยตัวเอง

ในโรงงานมีพนักงานที่เคยเรียนมัธยมปลาย เห็นฉันยังเด็กและมีใจรักในการเรียน พวกเขาเต็มใจสอนและช่วยเหลือฉัน แถมยังพยายามช่วยติดต่อโรงเรียนมัธยมปลายให้ฉันด้วย

ฉันส่งเงินเดือนส่วนใหญ่กลับบ้าน เก็บไว้นิดหน่อยด้วยความหวังว่าจะได้เรียนต่อ

แต่วันนั้น ฉันล้มป่วยและมีไข้สูง ทำให้ส่งเงินกลับไปให้ที่บ้านช้า พ่อกับแม่บุกมาถึงที่โรงงานเพื่อด่าทอและทุบตีฉัน

เพื่อนร่วมงานพยายามช่วยกันห้าม ท่ามกลางความชุลมุนนั้น เงินที่ฉันซ่อนเอาไว้ในหนังสือก็ร่วงออกมา

พ่อเตะท้องฉันอย่างแรง

"อีลูกชั่วกล้าซ่อนเงิน กูจะตีมึงให้ตายเลย!"

ส่วนแม่ฉีกตำราเรียนของฉันเป็นชิ้นๆ อย่างโหดร้าย

"ใครใช้ให้แกอ่านหนังสือ ใครใช้ให้แกเรียนหนังสือ ขยะอย่างแกยังคิดจะเรียนต่ออีกเหรอ!”

ฉันคุกเข่าอ้อนวอนแม่ "แม่ หนูขอร้องล่ะ อย่าฉีกเลย... พวกนี้ไม่ใช่หนังสือของหนู หนูพยายามหนักมากนะกว่าจะยืมมาได้...”

ฝ่ามือของพ่อฟาดใส่ใบหน้าฉัน

"ยังกล้าเถียงอีก? แม่แกจะทำอะไรก็เรื่องของเขา แกมีเงินทำไมไม่เอาไปใช้ให้ถูกทาง มัวแต่ทำเรื่องไร้สาระอยู่ได้!"

พวกเขาฉีกหนังสือและโยนลงน้ำ แถมยังใช้เท้าเหยียบซ้ำ

พวกเขาค้นห้องพักจนทั่ว เอาเงินเก็บของฉันไปหมด ไม่เหลือแม้แต่บาทเดียว

ก่อนจะไป แม่พูดอย่างเกรี้ยวกราด "ว่างนักก็ไปหางานพิเศษทำเพิ่ม เสี่ยวเสี่ยวต้องใช้เงินเรียนพิเศษอีกเยอะ"

ฉันไม่เหลือเงินแม้แต่บาทเดียว

พ่อแม่ของฉันเอาคิดถึงแต่ซูเสี่ยวเสี่ยว ไม่เคยคิดเลยว่าฉันที่ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียวจะกินอยู่อย่างไร

......

เมื่อหนังสือที่ยืมมาไม่สามารถเอาคืนได้ ฉันจึงต้องหางานพิเศษทำเพื่อหาเงินมาชดใช้

งานพิเศษคือการเป็นกรรมกรในไซต์งานก่อสร้าง ทำงานแบกหามทั่วไป

เหนื่อยกว่าทำงานในโรงงานมาก

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ถังปูนมันหนักมาก และฉันไม่ค่อยมีแรงเพราะประจำเดือนมา

ถังปูนเอียงล้มลง ปูนเปียกเลอะเท้าฉัน หัวหน้างานเห็นแล้วส่ายหน้า บอกให้ฉันเลิกทำงานที่นี่

ฉันคุกเข่าร้องไห้อ้อนวอน "หนูทำได้ค่ะ ขอโอกาสให้หนูอีกครั้งเถอะ"

หัวหน้างานถอนหายใจ พยายามจะพยุงฉันขึ้น แต่ปูนแข็งตัวเร็วมาก ฉันขยับเท้าไม่ได้

พวกเขาต้องใช้ค้อนทุบปูนออก ทำให้เท้าฉันได้รับบาดเจ็บ

หัวหน้างานยังคงไล่ฉันออกเหมือนเดิม แต่ให้เงินเพิ่มหนึ่งพันห้าร้อยบาท บอกให้ไปรักษาเท้าและซื้อของบำรุงร่างกายที่ผอมแห้ง

ฉันเดินกะเผลกไปตามทาง เงินพวกนี้หามาอย่างยากลำบาก แต่วันนี้เป็นวันเกิดฉัน ฉันอยากฉลองวันเกิดให้ตัวเอง

ฉันจึงเดินเข้าร้านก๋วยเตี๋ยว สั่งก๋วยเตี๋ยวมาหนึ่งชาม

ในตอนนั้นเอง พ่อแม่ก็พาซูเสี่ยวเสี่ยวเข้ามาในร้าน

พวกเขาแค่พาเธอมากินข้าวธรรมดา แต่บังเอิญเจอฉันที่อยู่ในร้านพอดี

พ่อโกรธจัด "แกซ่อนเงินอีกแล้วเหรอ! นังลูกอกตัญญู!"

แม่พุ่งเข้ามากระชากหัวฉันแล้วด่าว่า "แกปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ มีเงินมากินข้าวร้านข้างนอก ไม่สนใจว่าพ่อแม่จะเป็นตายยังไง”

พวกเขาแต่งตัวสะอาดเรียบร้อย ซูเสี่ยวเสี่ยวใส่ชุดกระโปรงฟูฟ่อง ติดโบว์ผูกผมที่น่ารักจนดูเหมือนเจ้าหญิง

ส่วนฉันที่ถูกเตะล้มลงกับพื้น สวมเสื้อผ้าเก่าๆ ที่ขนาดไม่พอดีตัว ผมเผ้ายุ่งเหยิง รองเท้าขาด มีแผลที่เท้าจนเลือดไหลซึมออกมาเปื้อนเป็นสีแดง

ฉันกอดชามก๋วยเตี๋ยวแน่น พยายามโกยเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตาย

อร่อยมาก ฉันไม่เคยกินก๋วยเตี๋ยวอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย มันทำให้ฉันลืมความเจ็บปวดทั้งหมดในตอนนี้

ฉันเห็นซูเสี่ยวเสี่ยวเอามือปิดจมูก หันหน้าหนีด้วยความรังเกียจ

พอเห็นฉันมีสภาพแบบนี้พวกเขาก็ยิ่งโกรธ แม่บิดข้อมือฉัน ส่วนพ่อแย่งชามก๋วยเตี๋ยวมาคว่ำใส่ศีรษะของฉัน

"กินสิ! กินให้พอเลย!"

พวกเขาพาซูเสี่ยวเสี่ยวจากไป ก่อนไปแม่ไม่ลืมที่จะค้นกระเป๋าฉัน เอาเงินหนึ่งพันห้าร้อยบาทไปด้วย

ฉันนั่งอยู่กับพื้นพร้อมเส้นก๋วยเตี๋ยวบนหัว มองพวกเขาเดินจากไปอย่างเงียบงัน

ช่างดูเหมือนครอบครัวจริงๆ

เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวไม่คิดเงินฉัน แถมยังให้ก๋วยเตี๋ยวฟรีอีกชาม

ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วเดินขากะเผลกออกจากร้าน

ด้านนอกมีฝนตกพรำๆ

ภาพบนจอ เงาร่างของฉันค่อยๆ หายไปท่ามกลางสายฝน

คณะลูกขุนร้อยคนเงียบกริบ พ่อแม่หันหน้าหลบสายตาผู้พิพากษา ส่วนซูเสี่ยวเสี่ยวก้มหน้า ไม่มองใคร

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ฉันพ้นผิดด้วยระบบพิจารณาคดีจากความทรงจำ   บทที่ 0003

    เหมือนโลกทั้งใบหยุดนิ่ง มีเพียงข้อความที่เคลื่อนที่อยู่บนหน้าจอเท่านั้น"ไม่ใช่คนแล้ว! คนที่ควรโดนตัดสินคดีคือพ่อแม่ของเธอมากกว่า!”"เธอใช่ลูกแท้ๆ ของพวกเขาจริงเหรอ ขนาดศัตรูยังไม่ทำขนาดนี้เลยมั้ง!”ผู้พิพากษาเอ่ยขึ้น“คณะลูกขุน โปรดลงคะแนนเสียงตัดสินด้วย สามารถตัดสินให้พ้นความผิดโดยตรง หรือตัดสินให้พ้นผิดเฉพาะข้อกล่าวหานี้ก็ได้ ข้อกล่าวหาที่เหลือยังคงมีมูล คณะลูกขุนยังสามารถตัดสินว่ามีความผิดได้”สามสิบสามเสียง ตัดสินให้ฉันพ้นผิดโดยตรง......"อืม...ถึงสภาพความเป็นอยู่ของเธอในครอบครัวจะย่ำแย่มาก แต่หลังจากนั้นเธออาจจะกลับไปเอาคืนก็ได้”"ใช่ จะอ่อนแอและแสนดีแบบนี้ตลอดไปเลยเหรอ? ฉันว่าเธอต้องทำอะไรบางอย่างแน่ๆ"ต่อมาคือข้อหาที่สองที่พ่อแม่กล่าวหาฉัน"ขโมยเงินสินสอดหนึ่งล้านบาทและหลบหนีไป ไม่ส่งข่าวคราว ทำให้พ่อแม่ต้องแบกรับหนี้ก้อนโต"ข้อความบนหน้าจอปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง"อย่างที่คิดเลย เธอยังก่อวีรกรรมอย่างอื่นเอาไว้ด้วย!”"หนึ่งล้านบาท ถ้าไม่ใช่ญาติกัน นี่เข้าข่ายฉ้อโกงติดคุกได้เลยนะ!"พอเห็นว่าแนวโน้มความคิดเห็นเปลี่ยนไป พ่อก็ยืดหลังนั่งตรงอีกครั้งฉันมองไปที

  • ฉันพ้นผิดด้วยระบบพิจารณาคดีจากความทรงจำ   บทที่ 0004

    หนึ่งล้านบาทมิน่าล่ะถึงได้โทรเรียกฉันกลับมากะทันหันแบบนี้ฉันรู้สึกขำขึ้นมาทันที ชี้ไปที่ซูเสี่ยวเสี่ยวที่เอาแต่นั่งเงียบตลอดเวลา แล้วพูดกับลุงจางพร้อมรอยยิ้ม"ดูเธอสิคะ ทั้งสวยทั้งการศึกษาดี เหมาะสมกับคุณมากเลยนะ”"เพี้ยะ!"แม่ตบหน้าฉันอย่างแรง เล็บยาวของเธอข่วนแก้มฉันจนเลือดซิบ“แกพูดแบบนี้ได้ยังไง นังคนเลี้ยงไม่เชื่อง!”พวกเขาตะโกนสุดเสียง ราวกับว่าฉันเป็นคนที่ขายลูกสาวเสียเองที่แท้พวกเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นขุมนรกฉันวิ่งหนีออกมาจากบ้านในสภาพโซซัดโซเซ ร้องไห้เหมือนจะขาดใจฉันไม่หลงเหลือความผูกพันธ์กับครอบครัวแห่งนี้อีกแล้วไม่นานหลังจากนั้น ฉันก็ถูกลุงจางโทรมาก่อกวนและส่งข้อความข่มขู่ เรียกร้องให้คืนเงินสินสอดหนึ่งล้านบาท ไม่งั้นจะฆ่าทั้งครอบครัวฉันทั้งหมดฉันตอบอย่างเย็นชา "งั้นก็ทำสิ"ต่อมาการทวงเงินก็เปลี่ยนเป็นการคุกคามทางเพศ ฉันทนไม่ไหวเลยเปลี่ยนงาน ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ จึงหลุดพ้นจากลุงจางได้ในที่สุด รวมถึงคนในครอบครัวด้วยตอนที่ฉันคิดว่ากำลังจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ก็ดันเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น......"ถุย ไร้ยางอาย พ่อแม่ที่ขายลูกสาวกินแบบนี้สมควรตาย"

  • ฉันพ้นผิดด้วยระบบพิจารณาคดีจากความทรงจำ   บทที่ 0005

    ฉันถึงกับสงสัยว่าพวกเขาเป็นพ่อแม่ของฉันจริงหรือไม่การพบกันครั้งที่สองของฉันกับซูเสี่ยวเสี่ยว คือตอนที่ฉันอายุสิบขวบในวันตรุษจีน ครอบครัวของซูเสี่ยวเสี่ยวมาเยี่ยมบ้านเรา พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายตกลงจะไปเที่ยวที่เมือง A ซึ่งมีชื่อเสียงเนื่องจากพ่อแม่ของฉันติดธุระด่วน พ่อแม่ของซูเสี่ยวเสี่ยวจึงพาฉันขึ้นรถไปก่อนระหว่างทาง พวกเขาทะเลาะกันอีกครั้ง แล้วก็เงียบใส่กัน ไม่พูดจากัน ไม่แม้แต่จะมองหน้ากันฉันกับซูเสี่ยวเสี่ยวนั่งอยู่ที่เบาะด้านหลัง รู้สึกกลัวบรรยากาศอึมครึมในรถจนไม่กล้าพูดอะไรซูเสี่ยวเสี่ยวยื่นมือไปดึงแขนแม่ของเธอที่นั่งข้างคนขับ พูดเบาๆ ว่า "แม่คะ อย่าโกรธเลยนะ"แม่ของซูเสี่ยวเสี่ยวกำลังโมโห จึงสะบัดมือออกแต่เธอออกแรงมากเกินไป และซูเสี่ยวเสี่ยวก็ดึงมือกลับกะทันหัน มือของแม่เธอจึงไปฟาดโดนหน้าพ่อที่กำลังขับรถอยู่พ่อของซูเสี่ยวเสี่ยวโกรธจัด กระโจนเข้าใส่แม่ของซูเสี่ยวเสี่ยวราวกับสิงโตที่กางกรงเล็บโจมตี ตบหน้าแม่ของซูเสี่ยวเสี่ยวอย่างแรงในจังหวะที่เขาปล่อยมือจากพวงมาลัยรถ ก็มีก้อนหินขนาดใหญ่กลิ้งลงมาจากบนเขาพอดีกว่าเขาจะสังเกตเห็นก็สายเกินไปแล้ว ได้แต่บังคับพวงมาลัยตามสัญ

  • ฉันพ้นผิดด้วยระบบพิจารณาคดีจากความทรงจำ   บทที่ 0006

    "ทุกอย่างของเธอเป็นของฉันแล้ว ทำไมเธอยังมีชีวิตอยู่ ทำไมไม่ตายไปสักที"ฉันค่อยๆ ตระหนักถึงความชั่วร้ายของซูเสี่ยวเสี่ยวฉันถอยออกห่างจากครอบครัว ไม่ใช่แค่เพราะพ่อแม่ แต่เพราะฉันไม่อยากแย่งชิงกับซูเสี่ยวเสี่ยวแม้แต่ความรักจากพ่อแม่แท้ๆ ยังถูกแย่งไป แล้วมีอะไรที่ซูเสี่ยวเสี่ยวจะแย่งไปไม่ได้อีกล่ะ?ฉันรู้จักประมาณตัวเอง แล้วก็ไม่อยากดิ้นรนโดยเปล่าประโยชน์แต่ถึงฉันจะไม่ได้ไปหาซูเสี่ยวเสี่ยว เธอก็เป็นฝ่ายมาหาฉันอยู่ดีเธอบอกฉันว่าการจับคลุมถุงชนรอบแรกล้มเหลว แต่พ่อก็ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆพวกเขาวางแผนครั้งที่สอง"ผู้ชายคนนี้น่ะ ทั้งแก่ทั้งขี้เหร่ ชอบเที่ยวผู้หญิงชอบเล่นการพนัน ยอมจ่ายค่าสินสอดตั้งหนึ่งล้านห้าแสนบาทเลยนะ ถ้าเธอมีลูกชาย จะได้เพิ่มอีกห้าแสน"ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมซูเสี่ยวเสี่ยวถึงเกลียดฉันขนาดนี้พวกเราทะเลาะกันฉันถามเธอว่า "ซูเสี่ยวเสี่ยว เธอเป็นบ้าหรือไง จะมาแก้แค้นอะไรกับฉัน? เธอรู้ดีกว่าฉันว่าพ่อแม่เธอตายยังไง!""พ่อแม่ฉันตายเพราะแก!" ซูเสี่ยวเสี่ยวอารมณ์พลุ่งพล่าน "แกควรตาย ทำไมแกถึงยังไม่ตายสักที!"เธอพุ่งเข้ามาจะทำร้ายฉันฉันหลบอย่างว่องไว แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็

  • ฉันพ้นผิดด้วยระบบพิจารณาคดีจากความทรงจำ   บทที่ 0007

    พ่อตะโกนทันที "รีบพาคนหน้าไหว้หลังหลอกนี่ออกไปซะ เธอนั่นแหละที่สมควรถูกลงโทษ!"ฉันลุกขึ้นยืน "ท่านผู้พิพากษา ฉันขอให้มีการดึงความทรงจำของซูเสี่ยวเสี่ยวด้วยค่ะ"ในห้องพิจารณาคดีเริ่มวุ่นวาย คณะลูกขุนกระซิบกระซาบกัน ข้อความบนหน้าจอไหลผ่านรัวเร็วจนแทบอ่านไม่ทันผู้พิพากษาครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าอนุญาตซูเสี่ยวเสี่ยวดิ้นรนขัดขืน แต่เธอไม่มีแรงต่อต้าน จำต้องสวมอุปกรณ์ดึงความทรงจำภาพเริ่มปรากฏบนจอทนายวางสัญญาฉบับหนึ่งตรงหน้าซูเสี่ยวเสี่ยว"พ่อแม่ของเธอต่างก็ทำประกันชีวิตไว้ โดยมีเธอเป็นผู้รับผลประโยชน์ เงินค่าสินไหมมีมูลค่าหลายสิบล้าน แต่เพราะเธออายุยังน้อย เงินเหล่านี้ต้องให้ผู้ปกครองคนใหม่เป็นผู้ดูแล""แต่พวกเขามีสิทธิ์แค่ดูแลเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์นำเงินออกมาใช้จนกว่าเธอจะบรรลุนิติภาวะ พอเธอโตแล้วก็จะสามารถจัดการเงินพวกนี้ได้อย่างอิสระ”ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป ประตูเปิดออก พ่อและแม่ยืนอยู่ที่หน้าประตู สีหน้าตกตะลึงยังไม่จางหาย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาแอบฟังอยู่นานแล้วภาพมืดสว่างสลับกัน ซูเสี่ยวเสี่ยวยืนอยู่ที่ประตู มือจับสายกระเป๋านักเรียนแน่น กัดริมฝีปากลังเลคล้ายตัดสินใจไม่ถูก

  • ฉันพ้นผิดด้วยระบบพิจารณาคดีจากความทรงจำ   บทที่ 0001

    บนแท่นพิจารณาคดี มีหน้าจอขนาดใหญ่ยาวหลายเมตรวางอยู่ พร้อมกันข้อความที่แสดงแบบเรียลไทม์“เป็นคนแรกเลยที่กล้าขึ้นมายืนบนแท่นพิจารณาคดี!”“อาชญากรพวกนี้จะยอมรับก็ต่อเมื่อมีหลักฐานมัดตัว”“ใกล้ได้ดูเรื่องสนุกแล้ว”ก่อนจะเริ่มการพิจารณาคดี ผู้พิพากษาได้ประกาศคำเตือนสุดท้ายให้ฉัน“จำเลย คุณทราบขั้นตอนการพิจารณาคดี เข้าใจผลลัพธ์ที่จะตามมา และตัดสินใจแล้วใช่ไหมว่าจะเข้าร่วมการพิจารณาคดี?”หากพิจารณาคดีออกมาและพบว่าฉันมีความผิดจริง ฉันจะถูกการุณยฆาตทันที อวัยวะทั้งหมดในร่างกายของฉันจะตกเป็นของพ่อแม่เมื่อถึงตอนนั้น หัวใจของฉันก็จะถูกนำไปช่วยชีวิตซูเสี่ยวเสี่ยวบนที่นั่งโจทก์ พ่อแม่แท้ๆ ของฉันมองมาด้วยความรังเกียจพวกเขามั่นใจมากว่าจะต้องชนะการพิจารณาคดีครั้งนี้ฉันไม่เข้าใจเลย ฉันต่างหากที่เป็นลูกสาวแท้ๆ ของพวกเขา พวกเขากลับเอาแต่ทำร้ายฉันซ้ำๆ เกลียดชังและรังแกฉันมาตลอดสิบปีสุดท้าย พวกเขายังคิดจะเอาหัวใจของฉันไปอีกฉันแอบสงสัยอยู่หลายครั้งเลยนะ ว่าซูเสี่ยวเสี่ยวที่นั่งอยู่ข้างพวกเขามากกว่าที่เป็นลูกสาวแท้ๆน่าเสียดายที่ซูเสี่ยวเสี่ยวสวมแว่นกันแดดและหน้ากาก ฉันเลยมองไม่เห็นสีหน้าขอ

บทล่าสุด

  • ฉันพ้นผิดด้วยระบบพิจารณาคดีจากความทรงจำ   บทที่ 0007

    พ่อตะโกนทันที "รีบพาคนหน้าไหว้หลังหลอกนี่ออกไปซะ เธอนั่นแหละที่สมควรถูกลงโทษ!"ฉันลุกขึ้นยืน "ท่านผู้พิพากษา ฉันขอให้มีการดึงความทรงจำของซูเสี่ยวเสี่ยวด้วยค่ะ"ในห้องพิจารณาคดีเริ่มวุ่นวาย คณะลูกขุนกระซิบกระซาบกัน ข้อความบนหน้าจอไหลผ่านรัวเร็วจนแทบอ่านไม่ทันผู้พิพากษาครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าอนุญาตซูเสี่ยวเสี่ยวดิ้นรนขัดขืน แต่เธอไม่มีแรงต่อต้าน จำต้องสวมอุปกรณ์ดึงความทรงจำภาพเริ่มปรากฏบนจอทนายวางสัญญาฉบับหนึ่งตรงหน้าซูเสี่ยวเสี่ยว"พ่อแม่ของเธอต่างก็ทำประกันชีวิตไว้ โดยมีเธอเป็นผู้รับผลประโยชน์ เงินค่าสินไหมมีมูลค่าหลายสิบล้าน แต่เพราะเธออายุยังน้อย เงินเหล่านี้ต้องให้ผู้ปกครองคนใหม่เป็นผู้ดูแล""แต่พวกเขามีสิทธิ์แค่ดูแลเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์นำเงินออกมาใช้จนกว่าเธอจะบรรลุนิติภาวะ พอเธอโตแล้วก็จะสามารถจัดการเงินพวกนี้ได้อย่างอิสระ”ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป ประตูเปิดออก พ่อและแม่ยืนอยู่ที่หน้าประตู สีหน้าตกตะลึงยังไม่จางหาย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาแอบฟังอยู่นานแล้วภาพมืดสว่างสลับกัน ซูเสี่ยวเสี่ยวยืนอยู่ที่ประตู มือจับสายกระเป๋านักเรียนแน่น กัดริมฝีปากลังเลคล้ายตัดสินใจไม่ถูก

  • ฉันพ้นผิดด้วยระบบพิจารณาคดีจากความทรงจำ   บทที่ 0006

    "ทุกอย่างของเธอเป็นของฉันแล้ว ทำไมเธอยังมีชีวิตอยู่ ทำไมไม่ตายไปสักที"ฉันค่อยๆ ตระหนักถึงความชั่วร้ายของซูเสี่ยวเสี่ยวฉันถอยออกห่างจากครอบครัว ไม่ใช่แค่เพราะพ่อแม่ แต่เพราะฉันไม่อยากแย่งชิงกับซูเสี่ยวเสี่ยวแม้แต่ความรักจากพ่อแม่แท้ๆ ยังถูกแย่งไป แล้วมีอะไรที่ซูเสี่ยวเสี่ยวจะแย่งไปไม่ได้อีกล่ะ?ฉันรู้จักประมาณตัวเอง แล้วก็ไม่อยากดิ้นรนโดยเปล่าประโยชน์แต่ถึงฉันจะไม่ได้ไปหาซูเสี่ยวเสี่ยว เธอก็เป็นฝ่ายมาหาฉันอยู่ดีเธอบอกฉันว่าการจับคลุมถุงชนรอบแรกล้มเหลว แต่พ่อก็ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆพวกเขาวางแผนครั้งที่สอง"ผู้ชายคนนี้น่ะ ทั้งแก่ทั้งขี้เหร่ ชอบเที่ยวผู้หญิงชอบเล่นการพนัน ยอมจ่ายค่าสินสอดตั้งหนึ่งล้านห้าแสนบาทเลยนะ ถ้าเธอมีลูกชาย จะได้เพิ่มอีกห้าแสน"ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมซูเสี่ยวเสี่ยวถึงเกลียดฉันขนาดนี้พวกเราทะเลาะกันฉันถามเธอว่า "ซูเสี่ยวเสี่ยว เธอเป็นบ้าหรือไง จะมาแก้แค้นอะไรกับฉัน? เธอรู้ดีกว่าฉันว่าพ่อแม่เธอตายยังไง!""พ่อแม่ฉันตายเพราะแก!" ซูเสี่ยวเสี่ยวอารมณ์พลุ่งพล่าน "แกควรตาย ทำไมแกถึงยังไม่ตายสักที!"เธอพุ่งเข้ามาจะทำร้ายฉันฉันหลบอย่างว่องไว แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็

  • ฉันพ้นผิดด้วยระบบพิจารณาคดีจากความทรงจำ   บทที่ 0005

    ฉันถึงกับสงสัยว่าพวกเขาเป็นพ่อแม่ของฉันจริงหรือไม่การพบกันครั้งที่สองของฉันกับซูเสี่ยวเสี่ยว คือตอนที่ฉันอายุสิบขวบในวันตรุษจีน ครอบครัวของซูเสี่ยวเสี่ยวมาเยี่ยมบ้านเรา พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายตกลงจะไปเที่ยวที่เมือง A ซึ่งมีชื่อเสียงเนื่องจากพ่อแม่ของฉันติดธุระด่วน พ่อแม่ของซูเสี่ยวเสี่ยวจึงพาฉันขึ้นรถไปก่อนระหว่างทาง พวกเขาทะเลาะกันอีกครั้ง แล้วก็เงียบใส่กัน ไม่พูดจากัน ไม่แม้แต่จะมองหน้ากันฉันกับซูเสี่ยวเสี่ยวนั่งอยู่ที่เบาะด้านหลัง รู้สึกกลัวบรรยากาศอึมครึมในรถจนไม่กล้าพูดอะไรซูเสี่ยวเสี่ยวยื่นมือไปดึงแขนแม่ของเธอที่นั่งข้างคนขับ พูดเบาๆ ว่า "แม่คะ อย่าโกรธเลยนะ"แม่ของซูเสี่ยวเสี่ยวกำลังโมโห จึงสะบัดมือออกแต่เธอออกแรงมากเกินไป และซูเสี่ยวเสี่ยวก็ดึงมือกลับกะทันหัน มือของแม่เธอจึงไปฟาดโดนหน้าพ่อที่กำลังขับรถอยู่พ่อของซูเสี่ยวเสี่ยวโกรธจัด กระโจนเข้าใส่แม่ของซูเสี่ยวเสี่ยวราวกับสิงโตที่กางกรงเล็บโจมตี ตบหน้าแม่ของซูเสี่ยวเสี่ยวอย่างแรงในจังหวะที่เขาปล่อยมือจากพวงมาลัยรถ ก็มีก้อนหินขนาดใหญ่กลิ้งลงมาจากบนเขาพอดีกว่าเขาจะสังเกตเห็นก็สายเกินไปแล้ว ได้แต่บังคับพวงมาลัยตามสัญ

  • ฉันพ้นผิดด้วยระบบพิจารณาคดีจากความทรงจำ   บทที่ 0004

    หนึ่งล้านบาทมิน่าล่ะถึงได้โทรเรียกฉันกลับมากะทันหันแบบนี้ฉันรู้สึกขำขึ้นมาทันที ชี้ไปที่ซูเสี่ยวเสี่ยวที่เอาแต่นั่งเงียบตลอดเวลา แล้วพูดกับลุงจางพร้อมรอยยิ้ม"ดูเธอสิคะ ทั้งสวยทั้งการศึกษาดี เหมาะสมกับคุณมากเลยนะ”"เพี้ยะ!"แม่ตบหน้าฉันอย่างแรง เล็บยาวของเธอข่วนแก้มฉันจนเลือดซิบ“แกพูดแบบนี้ได้ยังไง นังคนเลี้ยงไม่เชื่อง!”พวกเขาตะโกนสุดเสียง ราวกับว่าฉันเป็นคนที่ขายลูกสาวเสียเองที่แท้พวกเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นขุมนรกฉันวิ่งหนีออกมาจากบ้านในสภาพโซซัดโซเซ ร้องไห้เหมือนจะขาดใจฉันไม่หลงเหลือความผูกพันธ์กับครอบครัวแห่งนี้อีกแล้วไม่นานหลังจากนั้น ฉันก็ถูกลุงจางโทรมาก่อกวนและส่งข้อความข่มขู่ เรียกร้องให้คืนเงินสินสอดหนึ่งล้านบาท ไม่งั้นจะฆ่าทั้งครอบครัวฉันทั้งหมดฉันตอบอย่างเย็นชา "งั้นก็ทำสิ"ต่อมาการทวงเงินก็เปลี่ยนเป็นการคุกคามทางเพศ ฉันทนไม่ไหวเลยเปลี่ยนงาน ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ จึงหลุดพ้นจากลุงจางได้ในที่สุด รวมถึงคนในครอบครัวด้วยตอนที่ฉันคิดว่ากำลังจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ก็ดันเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น......"ถุย ไร้ยางอาย พ่อแม่ที่ขายลูกสาวกินแบบนี้สมควรตาย"

  • ฉันพ้นผิดด้วยระบบพิจารณาคดีจากความทรงจำ   บทที่ 0003

    เหมือนโลกทั้งใบหยุดนิ่ง มีเพียงข้อความที่เคลื่อนที่อยู่บนหน้าจอเท่านั้น"ไม่ใช่คนแล้ว! คนที่ควรโดนตัดสินคดีคือพ่อแม่ของเธอมากกว่า!”"เธอใช่ลูกแท้ๆ ของพวกเขาจริงเหรอ ขนาดศัตรูยังไม่ทำขนาดนี้เลยมั้ง!”ผู้พิพากษาเอ่ยขึ้น“คณะลูกขุน โปรดลงคะแนนเสียงตัดสินด้วย สามารถตัดสินให้พ้นความผิดโดยตรง หรือตัดสินให้พ้นผิดเฉพาะข้อกล่าวหานี้ก็ได้ ข้อกล่าวหาที่เหลือยังคงมีมูล คณะลูกขุนยังสามารถตัดสินว่ามีความผิดได้”สามสิบสามเสียง ตัดสินให้ฉันพ้นผิดโดยตรง......"อืม...ถึงสภาพความเป็นอยู่ของเธอในครอบครัวจะย่ำแย่มาก แต่หลังจากนั้นเธออาจจะกลับไปเอาคืนก็ได้”"ใช่ จะอ่อนแอและแสนดีแบบนี้ตลอดไปเลยเหรอ? ฉันว่าเธอต้องทำอะไรบางอย่างแน่ๆ"ต่อมาคือข้อหาที่สองที่พ่อแม่กล่าวหาฉัน"ขโมยเงินสินสอดหนึ่งล้านบาทและหลบหนีไป ไม่ส่งข่าวคราว ทำให้พ่อแม่ต้องแบกรับหนี้ก้อนโต"ข้อความบนหน้าจอปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง"อย่างที่คิดเลย เธอยังก่อวีรกรรมอย่างอื่นเอาไว้ด้วย!”"หนึ่งล้านบาท ถ้าไม่ใช่ญาติกัน นี่เข้าข่ายฉ้อโกงติดคุกได้เลยนะ!"พอเห็นว่าแนวโน้มความคิดเห็นเปลี่ยนไป พ่อก็ยืดหลังนั่งตรงอีกครั้งฉันมองไปที

  • ฉันพ้นผิดด้วยระบบพิจารณาคดีจากความทรงจำ   บทที่ 0002

    แต่พ่อกับแม่ไม่เคยสนใจเลยสักครั้งไม่นานแม่ก็ใช้เส้นสายหางานในโรงงานแห่งหนึ่งให้ฉัน บอกให้ฉันไปทำงานหาเงิน"ตั้งใจทำงานให้ดีๆ ล่ะ ส่งเงินกลับบ้านให้ตรงเวลาด้วย เสี่ยวเสี่ยวเข้าเรียนชั้นมัธยมปลายแล้ว ค่าใช้จ่ายเยอะมาก"ทุกคำพูดของแม่พูดถึงแต่ซูเสี่ยวเสี่ยว ไม่สนใจฉันที่หน้าซีดและเพิ่งมีประจำเดือนครั้งแรกจนกางเกงเปื้อนเลือดแดงฉานแม้แต่น้อยงานในโรงงานเหนื่อยมาก แต่ที่นั่นมีห้องสมุดที่เต็มไปด้วยตำราและหนังสือเก่าๆ ที่ชำรุดในเวลาพัก ฉันมักจะวิ่งไปอ่านหนังสือและศึกษาเล่าเรียนด้วยตัวเองในโรงงานมีพนักงานที่เคยเรียนมัธยมปลาย เห็นฉันยังเด็กและมีใจรักในการเรียน พวกเขาเต็มใจสอนและช่วยเหลือฉัน แถมยังพยายามช่วยติดต่อโรงเรียนมัธยมปลายให้ฉันด้วยฉันส่งเงินเดือนส่วนใหญ่กลับบ้าน เก็บไว้นิดหน่อยด้วยความหวังว่าจะได้เรียนต่อแต่วันนั้น ฉันล้มป่วยและมีไข้สูง ทำให้ส่งเงินกลับไปให้ที่บ้านช้า พ่อกับแม่บุกมาถึงที่โรงงานเพื่อด่าทอและทุบตีฉันเพื่อนร่วมงานพยายามช่วยกันห้าม ท่ามกลางความชุลมุนนั้น เงินที่ฉันซ่อนเอาไว้ในหนังสือก็ร่วงออกมาพ่อเตะท้องฉันอย่างแรง"อีลูกชั่วกล้าซ่อนเงิน กูจะตีมึงให้ตายเลย!

  • ฉันพ้นผิดด้วยระบบพิจารณาคดีจากความทรงจำ   บทที่ 0001

    บนแท่นพิจารณาคดี มีหน้าจอขนาดใหญ่ยาวหลายเมตรวางอยู่ พร้อมกันข้อความที่แสดงแบบเรียลไทม์“เป็นคนแรกเลยที่กล้าขึ้นมายืนบนแท่นพิจารณาคดี!”“อาชญากรพวกนี้จะยอมรับก็ต่อเมื่อมีหลักฐานมัดตัว”“ใกล้ได้ดูเรื่องสนุกแล้ว”ก่อนจะเริ่มการพิจารณาคดี ผู้พิพากษาได้ประกาศคำเตือนสุดท้ายให้ฉัน“จำเลย คุณทราบขั้นตอนการพิจารณาคดี เข้าใจผลลัพธ์ที่จะตามมา และตัดสินใจแล้วใช่ไหมว่าจะเข้าร่วมการพิจารณาคดี?”หากพิจารณาคดีออกมาและพบว่าฉันมีความผิดจริง ฉันจะถูกการุณยฆาตทันที อวัยวะทั้งหมดในร่างกายของฉันจะตกเป็นของพ่อแม่เมื่อถึงตอนนั้น หัวใจของฉันก็จะถูกนำไปช่วยชีวิตซูเสี่ยวเสี่ยวบนที่นั่งโจทก์ พ่อแม่แท้ๆ ของฉันมองมาด้วยความรังเกียจพวกเขามั่นใจมากว่าจะต้องชนะการพิจารณาคดีครั้งนี้ฉันไม่เข้าใจเลย ฉันต่างหากที่เป็นลูกสาวแท้ๆ ของพวกเขา พวกเขากลับเอาแต่ทำร้ายฉันซ้ำๆ เกลียดชังและรังแกฉันมาตลอดสิบปีสุดท้าย พวกเขายังคิดจะเอาหัวใจของฉันไปอีกฉันแอบสงสัยอยู่หลายครั้งเลยนะ ว่าซูเสี่ยวเสี่ยวที่นั่งอยู่ข้างพวกเขามากกว่าที่เป็นลูกสาวแท้ๆน่าเสียดายที่ซูเสี่ยวเสี่ยวสวมแว่นกันแดดและหน้ากาก ฉันเลยมองไม่เห็นสีหน้าขอ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status