บทที่ 88 ภัยหนาว“ทะ ท่านคือท่านพ่อของข้าจริงๆ หรือขอรับ ไม่ใช่ ไม่ใช่ว่าเป็นคุณชายหวังหย่งเล่อหรอกหรือ”เฟิงหลินเฟยนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนมองไปแขนที่ถูกมือใหญ่แข็งแรงของชายที่บอกว่าเป็นพ่อจับเอาไว้ เขามองไปที่ดวงตาที่มองไม่เห็นของชายคนนี้“พ่อคือ พ่อของเจ้า เมื่อก่อนพ่อชื่อจ้าวหลีเฉิง แต่ว่าตอนนี้พ่อชื่อหวังหย่งเล่อ แต่ไม่ว่าจะชื่ออะไรพ่อก็คือพ่อของเจ้า ในตอนนั้นพ่อไม่สบายเลยจำลูกไปไม่ได้ พ่อขอโทษเจ้าด้วยนะลูกรัก มานี่มา เจ้ามาให้พ่อกอดเจ้าหน่อยและน้องสาวของเจ้าเล่านางอยู่ที่ใดหรือ นางไม่ได้มากับเจ้าด้วยหรือ?”ขณะที่พูดเขาก็พยายามจะใช้มือข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกของตัวเองกอดลูกชายเอาไว้ ซึ่งตอนแรกเฟิงหลินเฟยก็ขัดขืนเล็กน้อยแต่พอเขาบอกว่าเขาไม่สบายเลยจำไม่ได้ ลูกชายของเขาก็ค่อยๆ เข้ามาให้เขากอด ในตอนนั้นเองประตูห้องของเขาก็ค่อยๆ เปิดออกมาอีกครั้งแต่ใบหน้าที่โผล่เข้ามาก็เป็นหน้าเล็กเท่าฝ่ามือที่แสนจะน่ารักของเจ้าเล็กนั้นเอง นางเดินตามพี่ชายมาและเมื่อเห็นเขาเข้ามาในห้องคนป่วยอย่างที่ท่านแม่บอก นางยืนรออยู่นานพี่รองก็ไม่ออกไปสักที นางจึงได้เปิดประตูเข้ามาดูนะสิเมื่อเฟิงหลินเฟยเห็นว่าคนที่เปิดป
บทที่ 89 ความลับของกระจกสั่งวิญญาณณ เมืองจิวโจวดินแดนทางเหนือของต้าหมิง“หัวหน้าหมู่บ้านเร่งมือหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ลูกชายของข้ายังติดอยู่ในเรือนอยู่เลย ฮื่ออออ....ต้าเกิน เจ้าต้าเกินของแม่ แม่มาช่วยเจ้าแล้วเจ้าอย่าเป็นอะไรไปนะ”น้ำเสียงร้องไห้โหยหวนของแม่ผู้แก่ชราของต้าเกินดังไปทั่วบริเวณนั้น หัวหน้าหมู่บ้านและชายฉกรรจ์เกือบ 20 คนต่างก็เร่งมือช่วยกันโกยหิมะที่ตกลงมาอย่างหนักและถล่มบ้านเรือนหลังน้อยจนพังทลายลงมาทับคนในบ้านบาดเจ็บและเสียชีวิตไปหลายรายแล้วบ้านหลังน้อยของต้าเกินถล่มทลายลงมาเพราะหิมะถล่ม ครอบครัวของต้าเกินติดอยู่ในซากปรักหักพัง แม่ของต้าเกินร้องไห้โหยหวนด้วยความสิ้นหวัง นางพาร่างที่เหนื่อยล้าและชราของตัวเองพยายามขุดคุ้ยหิมะเพื่อช่วยลูกชายของนาง หัวหน้าหมู่บ้านและชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านต่างก็เร่งมือช่วยกันโกยหิมะ กู้ภัยผู้ที่ติดอยู่ภายในบ้านหลังนี้สุดกำลังทุกคนได้แต่ภาวนาว่าเจ้าต้าเกินจะยังรอดชีวิตเสียงร้องไห้โหยหวนของแม่ต้าเกินดังก้องไปทั่วหมู่บ้าน สร้างความสะเทือนใจแก่ผู้คนที่ได้ยินอากาศหนาวเหน็บและหิมะที่ตกหนักเป็นอุปสรรคต่อการกู้ภัยของชาวบ้านมากชายฉกรรจ์ทุกคนต่างทุ่มเทกำลัง
บทที่ 90 “พรอันศักดิ์สิทธิ์นี้…..จงเป็นดั่งที่ท่านปรารถนา”แสงสว่างจ้า นั้นเจิดจรัสราวกับดวงอาทิตย์ยามเช้า มันส่องผ่านลวดลายอันวิจิตรบรรจงของกระจกทันใดนั้นเอง ปรากฏการณ์อันน่าทึ่งก็เกิดขึ้นแสงสว่างทั้งสองดวงรวมเข้าหากันกลายเป็นลำแสงพลังงานอันยิ่งใหญ่ ลำแสงนั้นส่องสว่างจ้าจนเฟิงเว่ยเว่ยต้องหรี่ตาลงอากาศรอบตัวเริ่มสั่นสะเทือนเสียงลมหวีดหวิวดังก้องไปทั่วห้องราวกับว่ามิติอื่นกำลังถูกเปิดเผยเฟิงเว่ยเว่ยรู้สึกเหมือนถูกดูดกลืนเข้าไปในแสงสว่างนั้นร่างกายของนางเบาหวิวไร้ซึ่งน้ำหนักเมื่อแสงสว่างจางลงเฟิงเว่ยเว่ยพบว่าตัวเองยืนอยู่ในสถานที่แปลกตาท้องฟ้าสีม่วงครามเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยพลังงานลี้ลับ ตรงหน้าของเฟิงเว่ยเว่ยปรากฏร่างโปร่งใสของหญิงสาวคนหนึ่ง หญิงสาวผู้นั้นมีใบหน้าที่งดงามมาก ผมของนางเป็นสีเงินยวง ดวงตาสดใส ทั่วทั้งร่างเหมือนกับมีแสงเงินแสงทองส่องประกายออกมา รอยยิ้มของนางอบอุ่นและอ่อนโยน ข้างๆ ร่างของนางนั้นคือ ร่างสูงโปร่งหล่อเหลาราวกับเทพจากสวรรค์ ร่างกายของเขาก็โปร่งใสและมีแสงทองส่องรอบๆ เช่นกันเขายืนยิ้มและมองมาที่นางด้วยดวงตาแห่งความเคารพและสำนึกบุญคุณ
บทที่ 91 ทดสอบพรที่ได้รับมาทันทีที่สิ้นเสียงหวานใสของวิญญาณผู้พิทักษ์กระจกวิเศษ บริเวณหน้าผากของท่านแม่ก็เกิดแสงสีทองสว่างวาบขึ้นมา เส้นแสงสีทองหมุนวนอยู่ไม่นานก็ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในศีรษะและจากนั้นก็กระจายไปทั่วร่างของท่านแม่ เมื่อท่านแม่ลืมตาอีกครั้งดวงตาของนางปรากฎสีทองขึ้นเพียงชั่วครู่ก็หายไปเมื่อวิญญาณผู้พิทักษ์ทั้งสองทำภารกิจของตนเสร็จพวกเขาก็หันมาทางเฟิงเว่ยเว่ย และจ้องจิกตาใส่นางประหนึ่งว่าท่านต้องการจะให้พวกเขาทำอะไรอีกหรือไม่ส่วนเฟิงเว่ยเว่ยนั้นมิได้สนใจอะไร เพียงบอกว่าให้พวกเขาไปพักได้ เพราะตอนนี้นางเพียงอยากจะพิสูจน์ว่าพรที่ท่านแม่ได้รับมานั้นได้ผลหรือไม่ จึงให้ท่านแม่นั้นลองเรียกวิญญาณของคนที่นางต้องการจะพบให้ขึ้นมาเพราะการสูญเสียอาจารย์ที่ดูแลนางมาตั้งแต่เล็กๆ ทำให้ยังคงเป็นบาดแผลในใจของเฟิงมิ่งจูอยู่ นางนั้นรู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยอาจารย์จากเงื้อมมือของภูติขาวภูติดำได้ทันเวลาความปรารถนาที่จะพบเจออีกสักครั้งและขอขมาอาจารย์นั้นเต็มในใจของเฟิงเว่ยเว่ย นางจึงตัดสินใจพิสูจน์พลังของกระจกสั่งวิญญาณที่ได้แบ่งพรของลูกสาวมาให้นางครึ่งหนึ่งนั้นทันทีนางหลับตาลง หายใจเข้าลึกๆ
บทที่ 92 แม่สื่อณ จวนเฟิงเมืองหลวงแคว้นต้าหมิง“กระหม่อมไร้ความสามารถ องค์ชายเก้าโปรดลงโทษกระหม่อมด้วยพะยะค่ะ”แม่ทัพรักษาดินแดนหลี่ชิง ตอนนี้คุกเข่าอยู่ต่อหน้าขององค์ชายเก้าหรือฉู่อี้เทียน แม้ว่าร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เขาก็ยังลุกขึ้นมาเพื่อมาหาองค์ชายเก้าและเอ่ยขอรับโทษจากพระองค์“ลุกขึ้นเถอะ เรื่องทั้งหมดหาใช่ความผิดของท่านไม่ ท่านทำดีที่สุดแล้วท่านแม่ทัพ” องค์ชายเก้าไม่ได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่เขานั่งเอนหลังพักผ่อนข้างหน้าต่างอยู่“ขอบพระทัยพะยะค่ะ” แม่ทัพหลีชิงเอ่ยและค่อยๆ ลุกขึ้นมา ในตอนนั้นม่อไป่ได้นำเก้าอี้มาให้เขานั่งตามคำสั่งขององค์ชายเก้า เพราะถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นคนป่วยเช่นพระองค์จะให้ยืนหรือคุกเข่าคงจะไม่ถูกต้องนัก อีกอย่างองค์ชายเก้านั้นไม่ได้เคร่งครัดในเรื่องพวกนี้มาก อย่างที่ทราบพระองค์มักจะคิดว่าตัวเองคือ คุณชายฉู่มากกว่าจะเป็นองค์ชายเก้าเสียอีก“ตอนนี้ครอบครัวของข้าเป็นอย่างไรบ้างท่านแม่ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ฉู่อี้เทียนนั้นไม่ได้ห่วงตัวเองมากนัก เขาคิดถึงท่านแม่มากกว่าเพราะว่าตอนนี้ท่านแม่ของเขายังอยู่ในวังอยู่ และหากว่าพี่ห้าหาตราพระราชลัญจกร ไม่เจอไม่แ
บทที่ 93 โลกของข้าหยุดหมุนเพราะรอยยิ้มของเจ้า“มีแม่สื่อมาทาบทามท่านหมอน้อยของเขาเช่นนั้นรึ!”ฉู่อี้เทียนพึมพำกับตัวเองเบาๆเมื่อได้ยินเช่นนั้นคิ้วของฉู่อี้เทียนก็ขมวดขึ้นมาทันทีเขาคิดว่าเขาอาจจะจำเป็นต้องรีบชิงลงมือเสียแล้ว…มีหมาป่าสามตัวจ้องจะฉกเนื้อชิ้นงามหอมหวานที่เขาเฝ้าเอาไว้เสียแล้วสิ…ขณะที่กำลังจะหันกลับเข้าไปด้านใน เฟิงเว่ยเว่ยก็เดินออกมาพอดีเพราะว่านางได้ยินเสียงดังที่กำลังเกิดขึ้นที่หน้าบ้าน เมื่อกำลังจะเดินผ่านห้องโถงนางก็เห็นคุณชายฉู่อี้เทียนกำลังยืนอยู่พอดี จึงได้หยุดและเข้าไปทักเขาสักเล็กน้อยก็แล้วกัน"คุณชายกำลังจะออกไปที่สวนหรือเจ้าคะ?"เสียงหวานใสของเฟิงเว่ยเว่ยดังขึ้นในหูของฉู่อี้เทียน รอยยิ้มของนางค่อยๆ ปรากฏขึ้น ดั่งแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องฉู่อี้เทียน ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับกลองศึก รอยยิ้มของเฟิงเว่ยเว่ยปรากฏขึ้นบนใบหน้าเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ดั่งต้องมนต์ ดวงตาของเธอเปล่งประกายสดใส ดึงดูดสายตาของเขาจนไม่อาจละสายตาจากดวงหน้าหวานซึ้งนั้นได้ในชั่วพริบตา โลกทั้งใบของฉู่อี้เทียนหยุดหมุนทุกสิ่งทุกอย่างมัวม่นไปหมดเหลือเพียงรอยยิ้มหวานของเฟิงเว่ยเว่ย ท
บทที่ 94 การผ่าตัดครั้งประวัติศาตร์ของแคว้นต้าหมิง"คุณชายหวังไม่ต้องเป็นกังวลใดๆ เลยนะขอรับ"ฟู่จิ้งอวิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน"ท่านหมอน้อยนั้นเก่งมาก อย่างที่ท่านรู้ว่าท่านหมอน้อยนั้นมือขาด ก็สามารถต่อให้กับญาติผู้น้องของท่านมาแล้ว และยังจะมาต่อขาที่ขาดให้ข้าอีก ท่านเพียงแต่มีแผลที่ศีรษะและจะเอาเลือดที่ยังเอาออกไม่หมดจากสมอง ต้องผ่าหัว เออ เออ... ข้าคิดว่าไม่น่าจะเกินความสามารถของท่านหมอน้อยไปได้"ฟู่จิ้งอวิ่นนั้นพยายามรวบรวมคำปลอบใจจากหลายๆ แหล่งมาผสมผสานกัน แต่ดูเหมือนว่า กรณีของคุณชายหวังนั้นจะหนักสุด เพราะนั่นคือการผ่าตัดหัว! ผ่าหัวเลยน่ะ ไม่เคยมีใครทำมาก่อนด้วย ทำให้เขาคิดจะหาคำปลอบที่พอจะเบาๆ ไม่ค่อยจะได้ผล เขาจึงหยุดพูด มองไปรอบๆ ห้องอย่างจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ"ข้าว่า... พวกเราช่วยกันปลอบคุณชายหวังหน่อยเถอะขอรับ อย่าได้ทิ้งภารทิ้งให้ข้าคิดคนเดียวเช่นนี้"ฟู่จิ้งอวิ่นเมื่อเห็นว่าคำปลอบใจของเขานั้นดูเหมือนจะน้อยไป และไม่ค่อยได้ผลเขาจึงได้เอ่ยเรียกเพื่อนๆ ให้ช่วยเขาปลอบใจคุณชายน้อยหวังหย่งเล่อบ้าง ส่วนเพื่อนๆ ที่พากันเฮโลเข้ามาในห้องนั้น บ้างก็นั่งรถเข็นมานั้นคือเฟิงเสวี
บทที่ 95 พระราชทานตำแหน่งจวิ่นจู่สองสัปดาห์หลังจากที่เฟิงเว่ยเว่ยได้ทำการผ่าตัดนำเลือดคั่งที่อยู่ในสมองของท่านพ่อของนางออกมาได้สำเร็จ และการพักฟื้นก็ครบแล้ว วันนี้จะเป็นวันที่นางจะให้ท่านพ่อของนางทดสอบดูว่าดวงตาของเขานั้นสามารถกลับมามองเห็นได้เหมือนเดิมหรือยัง วันนี้นางจะให้ท่านแม่เข้าไปด้วยระหว่างที่เปิดผ้าปิดตาของท่านพ่อ แน่นอนว่านางให้ท่านแม่แต่งตัวสักเล็กน้อยหากว่าท่านพ่อลืมตามาเห็นเขาจะได้มีกำลังใจดูแลตัวเองให้หายเร็วและมาง้อท่านแม่ของนางได้เร็วขึ้นอย่างไรเล่า เพราะนางคิดว่าคู่นี้รู้สึกจะพ่อแง่แม่งอนกันนานเกินไปแล้ววันนี้เฟิงมิ่งจูก็เลยจัดชุดใหญ่ไฟกะพริบเสียเลย นางอยากจะให้เจ้าหวังหย่งเล่อได้รู้ว่าที่ผ่านมาเขาพลาดอะไรไปบ้าง ว่ะฮาฮาฮา!!ขณะที่สองแม่ลูกเดินไปที่ห้องพักฟื้นของท่านพ่อนั้น วันนี้จวนเฟิงของนางก็ได้รับแขกมากมายอีกครั้งและครั้งนี้มีผู้สูงศักดิ์มากที่สุดในแผ่นดินแอบมาพักอยู่ที่ห้องข้างๆ ด้วยเพราะว่าเขาเองก็ตื่นเต้นมากเหมือนกันกับการผ่าตัดครั้งประวัติศาตร์นี้เลยอยากจะมาเห็นด้วยตัวเอง เพราะว่าคราวที่แล้วเว่ยกงกงนั้นเมื่อเสร็จการผ่าตัดเขาก็รีบกลับไปรายงานฮ่องเต้ทันที และเว
บทที่ 98 จวิ่นจู่ทวงของรางวัล“เช่นนั้นก็ตกลงไปเลยเพคะในเมื่อเขาให้ของมาแบบไม่มีข้อผูกมัดเราก็รับเอาไว้เถอะ”จวิ่นจูเว่ยเว่ยเอ่ยพลางนึกถึงใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของคุณชายฉู่อี้เทียนพลางคิดว่า นี้นางเจอสายเปย์ที่แทร่จริงเข้าแล้วกระมัง....“แล้วเจ้าต้องการส่วนแบ่งที่องค์ชายเก้าให้มาคราวนี้หรือไม่?”หยางเฟยหลงนั้นอดดีใจไม่ได้ที่นังหนูจวิ่นจู่นั้นให้เขาตอบรับของเหล่านั้นอย่างน้อยหนาวนี้ก็คงจะสามารถเพิ่มอาหารให้ราษฎรของพระองค์ได้บ้าง“เช่นนั้นก็แบ่งผ้าไหมมาให้หม่อมฉันสัก 10,000 พับก็แล้ว พวกข้าว เกลือ ธัญพืชข้าไม่ต้องการเพคะให้พระองค์ไปเลย รวมทั้งเงินตำลึงและของอื่นๆ พระองค์นำไปแจกจ่ายได้เลยเพคะ”นางใจกว้างอยู่แล้ว จะอยากได้ทำไม นางมีของเหล่านั้นมากเท่าที่ต้องการอยู่แล้ว ให้ฮ่องเต้เอาไปแจกประชาชนเถิด“จริงหรือ!! ดี ดี ดี เช่นนั้นผ้าไหมนี้ข้าจะได้แบ่งไปให้ฮองเฮาเอาไปแจกบรรดาสนมของข้าบ้าง เฮ้ออ พวกนางลำบากกับข้ามากแล้วจริงๆ”หยางเฟยหลงพูดเหมือนบ่นกับตัวเอง จากนั้นเขาก็ยกไวน์ขึ้นจิบอีกครั้งเมื่อแบ่งของที่ได้เป็นค่านายหน้ามาแล้ว จวิ่นจู่ก็เอ่ยขึ้นมาว่า“ฮ่องเต้เพคะ คือว่าหม่อมฉันว่าจะถามหลายครั้
บทที่ 97 ‘ซื้อ’ พระราชโองการหมั้น“ไม่ดีแล้วพะยะค่ะองค์ชายเก้า ไม่ดีแล้ว ตอนนี้คู่แข่ง...เออ ตอนนี้คุณชายตระกูลใหญ่ทั่วเมืองหลวง ต่างก็ส่งแม่สื่อ มาทาบทามจวิ่นจูแล้วพะยะค่ะ อ้อ!! แล้วก็สิ่งที่จวิ่นจูชอบมากที่สุดเท่าที่พวกกระหม่อมสืบมาได้ก็คือ เงิน พะยะค่ะ คือเงินเยอะๆ กระหม่อมคิดว่านั้นเป็นสิ่งที่พระองค์มีพอดีเช่นนั้นพวกเราต้องรีบลงมือแล้ว กระหม่อมได้ยินมาว่า มีกั่วกงอยู่2-3 คนพยายามจะไปขอให้ฮ่องเต้ออกพระราชโองการขอพระราชสมรสให้กับหลานชายของตัวเอง ดีว่าตอนนี้พวกเขาขัดแย้งกันอยู่จึงยังไม่ลงมือ”คนที่รายงานอยู่ตอนนี้คือ แม่ทัพหลีชิง“หา...มากกว่าคราวที่แล้วอีกหรือ นี้ถึงกับจะไปบังคับให้ฮ่องเต้ออกพระราชโองการให้เลยหรือ ไม่ได้การแล้ว!” ฉู่อี้เทียนที่ตอนนี้ฟังรายงานอยู่เอ่ยขึ้นมาอย่างร้อนรนทันที“ออกพระราชโองการเช่นนั้นหรือ...ฮืมมมม น่าสนใจ ตอนนี้ทางแคว้นต้าหมิงกำลังประสบภัยพิบัติใช่หรือไม่ เช่นนั้นเจ้าติดต่อไปที่ใต้เท้าหวังให้แจ้งว่าข้าต้องการจะขอเข้าพบท่านผู้นั้นให้เขาช่วยอำนวยความสะดวกให้หน่อย ตอนนี้ข้าต้องไปจัดการกับพี่ห้าเสียก่อน อาจจะไม่มีเวลามาเฝ้า...เออ ไม่มีเวลามาดูแลนาง แต่หากว
บทที่ 96 ตระกูลเฟิงผู้นำแฟชั่นในขณะที่ทางพระราชวังออกประกาศเรื่องการแต่งตั้งจวิ่นจูเฟิงเว่ยเว่ยนั้น ก็ทำให้เกิดกระแสที่คนในเมืองหลวงต่างก็หันมาจับตามองตระกูลของจวิ่นจูมากขึ้น ไม่ว่าพวกนางจะทำอะไรมันจะเป็นที่สังเกตและเป็นที่พูดถึงเสมอทั้งเรื่องความดีความชอบที่จวิ่นจูนั้นได้ช่วยเหลือมอบขอบบริจาคมากมายไปช่วยชาวบ้านที่ประสบภัย และหลายครั้งที่นางได้ช่วยเหลือผู้คนและไหนจะคนป่วยที่ล้วนแต่อาการสาหัสที่นางรับรักษาจนหายดี และมาตอนนี้นางยังสามารถที่จะผ่าตัดรักษาอาการตาบอดของคุณชายเล็กของตระกูลหวังได้ ซึ่งเป็นการพลิกประศาสตร์ของวงการแพทย์ของต้าหมิงครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งก็ว่าได้ ดังนั้นทุกครั้งที่พวกนางขยับทำอะไรชาวเมืองมักจะเอาอย่างหรืออยากจะทำตามทั้งนั้นขณะที่ตระกูลเฟิงของแม่นางเฟิงมิ่งจูเป็นที่จับตามองของคนทั้งเมืองอยู่นั้น ก็เกิดกระแสบางอย่างขึ้นมาในเมืองหลวงอีกแล้ว นั้นคือคุณชายเล็กหวังหย่งเล่อของตระกูลหวังนั่นเอง ตอนนี้ชาวเมืองหลวงนั้นเริ่มทราบบ้างแล้วว่าเขาคือสามีของแม่นางเฟิงมิ่งจูและเป็นพ่อของเด็กๆ ของตระกูลเฟิงทั้งสามคน และเพราะว่าตอนนี้แผลผ่าตัดของเขานั้นเริ่มจะหาดีแล้วและดวงตาก็ส
บทที่ 95 พระราชทานตำแหน่งจวิ่นจู่สองสัปดาห์หลังจากที่เฟิงเว่ยเว่ยได้ทำการผ่าตัดนำเลือดคั่งที่อยู่ในสมองของท่านพ่อของนางออกมาได้สำเร็จ และการพักฟื้นก็ครบแล้ว วันนี้จะเป็นวันที่นางจะให้ท่านพ่อของนางทดสอบดูว่าดวงตาของเขานั้นสามารถกลับมามองเห็นได้เหมือนเดิมหรือยัง วันนี้นางจะให้ท่านแม่เข้าไปด้วยระหว่างที่เปิดผ้าปิดตาของท่านพ่อ แน่นอนว่านางให้ท่านแม่แต่งตัวสักเล็กน้อยหากว่าท่านพ่อลืมตามาเห็นเขาจะได้มีกำลังใจดูแลตัวเองให้หายเร็วและมาง้อท่านแม่ของนางได้เร็วขึ้นอย่างไรเล่า เพราะนางคิดว่าคู่นี้รู้สึกจะพ่อแง่แม่งอนกันนานเกินไปแล้ววันนี้เฟิงมิ่งจูก็เลยจัดชุดใหญ่ไฟกะพริบเสียเลย นางอยากจะให้เจ้าหวังหย่งเล่อได้รู้ว่าที่ผ่านมาเขาพลาดอะไรไปบ้าง ว่ะฮาฮาฮา!!ขณะที่สองแม่ลูกเดินไปที่ห้องพักฟื้นของท่านพ่อนั้น วันนี้จวนเฟิงของนางก็ได้รับแขกมากมายอีกครั้งและครั้งนี้มีผู้สูงศักดิ์มากที่สุดในแผ่นดินแอบมาพักอยู่ที่ห้องข้างๆ ด้วยเพราะว่าเขาเองก็ตื่นเต้นมากเหมือนกันกับการผ่าตัดครั้งประวัติศาตร์นี้เลยอยากจะมาเห็นด้วยตัวเอง เพราะว่าคราวที่แล้วเว่ยกงกงนั้นเมื่อเสร็จการผ่าตัดเขาก็รีบกลับไปรายงานฮ่องเต้ทันที และเว
บทที่ 94 การผ่าตัดครั้งประวัติศาตร์ของแคว้นต้าหมิง"คุณชายหวังไม่ต้องเป็นกังวลใดๆ เลยนะขอรับ"ฟู่จิ้งอวิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน"ท่านหมอน้อยนั้นเก่งมาก อย่างที่ท่านรู้ว่าท่านหมอน้อยนั้นมือขาด ก็สามารถต่อให้กับญาติผู้น้องของท่านมาแล้ว และยังจะมาต่อขาที่ขาดให้ข้าอีก ท่านเพียงแต่มีแผลที่ศีรษะและจะเอาเลือดที่ยังเอาออกไม่หมดจากสมอง ต้องผ่าหัว เออ เออ... ข้าคิดว่าไม่น่าจะเกินความสามารถของท่านหมอน้อยไปได้"ฟู่จิ้งอวิ่นนั้นพยายามรวบรวมคำปลอบใจจากหลายๆ แหล่งมาผสมผสานกัน แต่ดูเหมือนว่า กรณีของคุณชายหวังนั้นจะหนักสุด เพราะนั่นคือการผ่าตัดหัว! ผ่าหัวเลยน่ะ ไม่เคยมีใครทำมาก่อนด้วย ทำให้เขาคิดจะหาคำปลอบที่พอจะเบาๆ ไม่ค่อยจะได้ผล เขาจึงหยุดพูด มองไปรอบๆ ห้องอย่างจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ"ข้าว่า... พวกเราช่วยกันปลอบคุณชายหวังหน่อยเถอะขอรับ อย่าได้ทิ้งภารทิ้งให้ข้าคิดคนเดียวเช่นนี้"ฟู่จิ้งอวิ่นเมื่อเห็นว่าคำปลอบใจของเขานั้นดูเหมือนจะน้อยไป และไม่ค่อยได้ผลเขาจึงได้เอ่ยเรียกเพื่อนๆ ให้ช่วยเขาปลอบใจคุณชายน้อยหวังหย่งเล่อบ้าง ส่วนเพื่อนๆ ที่พากันเฮโลเข้ามาในห้องนั้น บ้างก็นั่งรถเข็นมานั้นคือเฟิงเสวี
บทที่ 93 โลกของข้าหยุดหมุนเพราะรอยยิ้มของเจ้า“มีแม่สื่อมาทาบทามท่านหมอน้อยของเขาเช่นนั้นรึ!”ฉู่อี้เทียนพึมพำกับตัวเองเบาๆเมื่อได้ยินเช่นนั้นคิ้วของฉู่อี้เทียนก็ขมวดขึ้นมาทันทีเขาคิดว่าเขาอาจจะจำเป็นต้องรีบชิงลงมือเสียแล้ว…มีหมาป่าสามตัวจ้องจะฉกเนื้อชิ้นงามหอมหวานที่เขาเฝ้าเอาไว้เสียแล้วสิ…ขณะที่กำลังจะหันกลับเข้าไปด้านใน เฟิงเว่ยเว่ยก็เดินออกมาพอดีเพราะว่านางได้ยินเสียงดังที่กำลังเกิดขึ้นที่หน้าบ้าน เมื่อกำลังจะเดินผ่านห้องโถงนางก็เห็นคุณชายฉู่อี้เทียนกำลังยืนอยู่พอดี จึงได้หยุดและเข้าไปทักเขาสักเล็กน้อยก็แล้วกัน"คุณชายกำลังจะออกไปที่สวนหรือเจ้าคะ?"เสียงหวานใสของเฟิงเว่ยเว่ยดังขึ้นในหูของฉู่อี้เทียน รอยยิ้มของนางค่อยๆ ปรากฏขึ้น ดั่งแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องฉู่อี้เทียน ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับกลองศึก รอยยิ้มของเฟิงเว่ยเว่ยปรากฏขึ้นบนใบหน้าเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ดั่งต้องมนต์ ดวงตาของเธอเปล่งประกายสดใส ดึงดูดสายตาของเขาจนไม่อาจละสายตาจากดวงหน้าหวานซึ้งนั้นได้ในชั่วพริบตา โลกทั้งใบของฉู่อี้เทียนหยุดหมุนทุกสิ่งทุกอย่างมัวม่นไปหมดเหลือเพียงรอยยิ้มหวานของเฟิงเว่ยเว่ย ท
บทที่ 92 แม่สื่อณ จวนเฟิงเมืองหลวงแคว้นต้าหมิง“กระหม่อมไร้ความสามารถ องค์ชายเก้าโปรดลงโทษกระหม่อมด้วยพะยะค่ะ”แม่ทัพรักษาดินแดนหลี่ชิง ตอนนี้คุกเข่าอยู่ต่อหน้าขององค์ชายเก้าหรือฉู่อี้เทียน แม้ว่าร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เขาก็ยังลุกขึ้นมาเพื่อมาหาองค์ชายเก้าและเอ่ยขอรับโทษจากพระองค์“ลุกขึ้นเถอะ เรื่องทั้งหมดหาใช่ความผิดของท่านไม่ ท่านทำดีที่สุดแล้วท่านแม่ทัพ” องค์ชายเก้าไม่ได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่เขานั่งเอนหลังพักผ่อนข้างหน้าต่างอยู่“ขอบพระทัยพะยะค่ะ” แม่ทัพหลีชิงเอ่ยและค่อยๆ ลุกขึ้นมา ในตอนนั้นม่อไป่ได้นำเก้าอี้มาให้เขานั่งตามคำสั่งขององค์ชายเก้า เพราะถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นคนป่วยเช่นพระองค์จะให้ยืนหรือคุกเข่าคงจะไม่ถูกต้องนัก อีกอย่างองค์ชายเก้านั้นไม่ได้เคร่งครัดในเรื่องพวกนี้มาก อย่างที่ทราบพระองค์มักจะคิดว่าตัวเองคือ คุณชายฉู่มากกว่าจะเป็นองค์ชายเก้าเสียอีก“ตอนนี้ครอบครัวของข้าเป็นอย่างไรบ้างท่านแม่ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ฉู่อี้เทียนนั้นไม่ได้ห่วงตัวเองมากนัก เขาคิดถึงท่านแม่มากกว่าเพราะว่าตอนนี้ท่านแม่ของเขายังอยู่ในวังอยู่ และหากว่าพี่ห้าหาตราพระราชลัญจกร ไม่เจอไม่แ
บทที่ 91 ทดสอบพรที่ได้รับมาทันทีที่สิ้นเสียงหวานใสของวิญญาณผู้พิทักษ์กระจกวิเศษ บริเวณหน้าผากของท่านแม่ก็เกิดแสงสีทองสว่างวาบขึ้นมา เส้นแสงสีทองหมุนวนอยู่ไม่นานก็ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในศีรษะและจากนั้นก็กระจายไปทั่วร่างของท่านแม่ เมื่อท่านแม่ลืมตาอีกครั้งดวงตาของนางปรากฎสีทองขึ้นเพียงชั่วครู่ก็หายไปเมื่อวิญญาณผู้พิทักษ์ทั้งสองทำภารกิจของตนเสร็จพวกเขาก็หันมาทางเฟิงเว่ยเว่ย และจ้องจิกตาใส่นางประหนึ่งว่าท่านต้องการจะให้พวกเขาทำอะไรอีกหรือไม่ส่วนเฟิงเว่ยเว่ยนั้นมิได้สนใจอะไร เพียงบอกว่าให้พวกเขาไปพักได้ เพราะตอนนี้นางเพียงอยากจะพิสูจน์ว่าพรที่ท่านแม่ได้รับมานั้นได้ผลหรือไม่ จึงให้ท่านแม่นั้นลองเรียกวิญญาณของคนที่นางต้องการจะพบให้ขึ้นมาเพราะการสูญเสียอาจารย์ที่ดูแลนางมาตั้งแต่เล็กๆ ทำให้ยังคงเป็นบาดแผลในใจของเฟิงมิ่งจูอยู่ นางนั้นรู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยอาจารย์จากเงื้อมมือของภูติขาวภูติดำได้ทันเวลาความปรารถนาที่จะพบเจออีกสักครั้งและขอขมาอาจารย์นั้นเต็มในใจของเฟิงเว่ยเว่ย นางจึงตัดสินใจพิสูจน์พลังของกระจกสั่งวิญญาณที่ได้แบ่งพรของลูกสาวมาให้นางครึ่งหนึ่งนั้นทันทีนางหลับตาลง หายใจเข้าลึกๆ
บทที่ 90 “พรอันศักดิ์สิทธิ์นี้…..จงเป็นดั่งที่ท่านปรารถนา”แสงสว่างจ้า นั้นเจิดจรัสราวกับดวงอาทิตย์ยามเช้า มันส่องผ่านลวดลายอันวิจิตรบรรจงของกระจกทันใดนั้นเอง ปรากฏการณ์อันน่าทึ่งก็เกิดขึ้นแสงสว่างทั้งสองดวงรวมเข้าหากันกลายเป็นลำแสงพลังงานอันยิ่งใหญ่ ลำแสงนั้นส่องสว่างจ้าจนเฟิงเว่ยเว่ยต้องหรี่ตาลงอากาศรอบตัวเริ่มสั่นสะเทือนเสียงลมหวีดหวิวดังก้องไปทั่วห้องราวกับว่ามิติอื่นกำลังถูกเปิดเผยเฟิงเว่ยเว่ยรู้สึกเหมือนถูกดูดกลืนเข้าไปในแสงสว่างนั้นร่างกายของนางเบาหวิวไร้ซึ่งน้ำหนักเมื่อแสงสว่างจางลงเฟิงเว่ยเว่ยพบว่าตัวเองยืนอยู่ในสถานที่แปลกตาท้องฟ้าสีม่วงครามเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยพลังงานลี้ลับ ตรงหน้าของเฟิงเว่ยเว่ยปรากฏร่างโปร่งใสของหญิงสาวคนหนึ่ง หญิงสาวผู้นั้นมีใบหน้าที่งดงามมาก ผมของนางเป็นสีเงินยวง ดวงตาสดใส ทั่วทั้งร่างเหมือนกับมีแสงเงินแสงทองส่องประกายออกมา รอยยิ้มของนางอบอุ่นและอ่อนโยน ข้างๆ ร่างของนางนั้นคือ ร่างสูงโปร่งหล่อเหลาราวกับเทพจากสวรรค์ ร่างกายของเขาก็โปร่งใสและมีแสงทองส่องรอบๆ เช่นกันเขายืนยิ้มและมองมาที่นางด้วยดวงตาแห่งความเคารพและสำนึกบุญคุณ