บทที่ 77 ข้าเจอเขาก่อน“เช่นนี้จะทำอย่างไรดีเล่า หากว่าแขนขวาของเจ้าเล็กใช้ไม่ได้แบบนี้ จะให้เจ้าเสี่ยวถังหยวนป้อนอาหารป้อนน้ำ เจ้านั้นก็มือไม้หยาบกระด้าง ข้าเกรงว่าเจ้าเล็กจะไม่ยอมกินนะสิ เอ… หรือว่าจะไปขอร้องให้แม่นางชุ่ยชุ่ยมาช่วยดูแลบ้างเป็นบางครั้งดีนะ”ใต้เท้าหวังบ่นคนเดียวด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง ทำให้ได้ยินกันทั้งสามคน“ไม่ได้นะเจ้าคะ ไม่ได้!!! เออ เออ ข้า.. ข้าหมายถึงว่า..เออ... เอาเป็นว่าไม่ได้เจ้าค่ะ ท่านพ่อสามี แม่นางชุ่ยๆ อะไรนั้นอาจจะทำงานได้ชุ่ยเหมือนชื่อของนางก็เป็นได้ อีกอย่างนางเป็นสาวเป็นนางจะมาดูแล สามีของข้าได้อย่างไรกัน และข้าก็อยู่ตรงนี้ ข้าเจอเขาก่อน ถึงแม้ว่าเขาจะจำข้ายังไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ข้ามีวิธีเจ้าค่ะ ครั้งที่แล้วข้าได้เขามาอย่างไร ครั้งนี้ก็จะไม่ให้หลุดมือไปได้หรอก" ..เฟิงเว่ยเว่ยถึงไอออกมาอย่างแรงในความหลุดของท่านแม่ที่รักของนาง..5555 “ท่านแม๊...ไม่กั๊กไม่เก็บอาการแล้วหรือเจ้าคะ แล้วๆ ที่ว่าครั้งที่แล้วท่านได้ท่านพ่อมาอย่างไร นี่มันอย่างไรกันเจ้าคะ? อย่าเพิ่งไปเจ้าคะท่านแม่…ท่านแม๊!! มาเหลาให้ข้ากับท่านตาฟังก๊อนนน… ตกลงเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่ ตกลงใครเ
บทที่ 78 วันประมูลและหลังวันประมูลวันนั้นท่านแม่บอกว่าจะอยู่เฝ้าท่านพ่อที่เรือนนั้นเอง ให้นางกลับมากับท่านจางเซี่ยโหย่วเอง บอกว่าไม่ต้องห่วงนาง ไม่ต้องห่วงท่านพ่อ เมื่อมีนางอยู่ทุกอย่างจะเรียบร้อยเอง ซึ่งเฟิงเว่ยเว่ยนั้นเชื่อท่านแม่ของนาง 100% อยู่แล้ว เมื่อท่านแม่อยู่ทุกอย่างต้องตกอยู่ในกำมือของนางแน่นอน...เช้าวันต่อมาเป็นวันประมูลซึ่งจะจัดขึ้นในยามเว่ย (บ่ายโมง) ทั่วทั้งเมืองมีบรรยากาศประหนึ่งมีงานรื่นเริงอย่างไรอย่างนั้น เพราะว่าประกาศที่แปลกตาที่จางเซี่ยโหย่วนั้นติดไปทั่วเมื่องและไหนจะมีการเดินรอบเมืองอีกวันละหลายรอบ ทำให้ชาวเมืองต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอว่ามันคืออะไรกันแน่ ซึ่งเฟิงเว่ยเว่ยนั้นได้บอกให้จางเซี่ยโหย่วนั้นเตรียมการเอาไว้แล้วนั้นคือ เช่าที่จอดรถม้าเอาไว้เป็นลานกว้างได้เลย และบริเวณใกล้เคียงก็ให้เช่าเป็นลานกว้างเอาไว้ด้วย เพราะหากคนแห่กันมาคงจะไม่สามารถที่จะเข้าไปในโรงประมูลได้ทั้งหมดแน่นอน ดังนั้นเตรียมพื้นที่ด้านนอกเอาไว้และไหนจะประกาศให้ชาวบ้านที่อยากขายของกินเล็กๆ น้อยๆ มาตั้งร้านในบริเวณที่พวกเขาเช่าเอาไว้ได้ โดยจัดให้เป็นโซนอย่างเป็นระเบียบ ไหนจะมีการให้มีนักดนตร
บทที่ 79 ข้าขอปล่อยมือจากเจ้าชั่วนิรันดร์“เพล้ง!!"ข้าไม่กิน! เจ้าไปให้พ้นเดี๋ยวนะข้าไม่อยากจะเห็นหน้าเจ้า”น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของคุณชายดังขึ้นเมื่อได้รับรู้ว่าคนที่กำลังป้อนอาหารป้อนน้ำเขาอยู่นั้นคือแม่นางเฟิงมิ่งจูนั้นเอง…จากนั้นก็มีเสียงที่เหมือนกับคนกำลังเก็บเศษกระเบื้องที่ถูกเขาปัดตกและมีน้ำแกงบางส่วนที่หกรดแขนของเขาเพราะว่าเขารู้สึกถึงความร้อนที่ราดรดลงมา มือซ้ายของเขากำแน่น“ยังไม่ไปให้พ้นอีก ไปสิข้าไม่อยากให้เจ้าอยู่ที่นี้ ไม่อยากอยู่ใกล้ไม่เข้าใจหรืออย่างไร?”น้ำเสียงที่ใช้ยังคงเกรี้ยวกราดเช่นเดิมเฟิงมิ่งจูเห็นแขนของเขาที่แดงจากน้ำแกงที่ลวกก็รีบน้ำผ้าเย็นมาค่อยๆ ประคองทันที หวังหย่งเล่อใช้มือซ้ายของเขาคว้าผ้ามาและขวางสุ่มสี่สุ่มห้า ผ้าผืนน้อยนั้นปลิวไปโดนที่ใบหน้าของนางพอดี เฟิงมิ่งจูค่อยๆ จับผ้าออก นางสูดหายใจเข้าปอดลึก เหมือนพยายามจะอดทนอดกลั้นเพราะว่าที่เขาเป็นเช่นนี้อาจจะเพราะว่าเขากลัวว่าตัวเองจะใช้แขนไม่ขวาไม่ได้อีกต่อไปเสียงหวานของนางยังคงดังขึ้นพยายามปลอบโยนให้หวังหย่งเล่อที่กำลังโกรธเคือง อาจจะเป็นเพราะแขนที่บาดเจ็บของเขาทำให้เขาหงุดหงิด นางจึงไม่อยากให้เขาต้อง
บทที่ 80 แรกพบสบตาเฟิงมิ่งจูเดินออกมาจากจวนหวังโดยมิได้บอกใคร นางเดินตามถนนมาเรื่อยๆ คิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านมาของตัวนางเองตอนนี้จิตใจของนางนั้นสับสนกับคำพูดร้ายกาจของสามีของนางทำให้นางลืมคิดไปว่า คาถาที่นางได้ร่ายไปนั้นมันแข็งแกร่งมากขนาดไหน นอกเสียจากว่าคนที่มองไม่เห็นเท่านั้นถึงจะไม่ได้รับผลของคาถาบทนี้ได้ ....นางไม่ยอมเรียกรถม้าของใครให้ไปส่งที่จวนเฟิงนอกเมือง วันนี้นางเพียงอยากจะเดินโง่ๆ ไปเรื่อยๆ เท่านั้นนี้คือสิ่งที่เฟิงมิ่งจูคิด ขณะที่เดินผ่านโรงเตี้ยมผิงอันที่นางเคยพักอยู่นั้น บนห้องชั้นสามผ้าม่านได้เปิดออกและชายร่างกายสูงใหญ่กำยำกำลังใส่เสื้อผ้าให้ตัวเองอยู่“แต่งตัวเสร็จแล้วก็รีบออกไป อย่าให้ใครเห็นเล่าว่าเจ้าเข้ามาที่นี่กับข้า หากว่าข้ารู้ว่าเจ้าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปละก็...เจ้าคงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเจ้า...ไปซะ ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าแล้ว.”เมื่อพูดเสร็จชายหนุ่มรูปงามคนนี้ก็หันไปมองที่ถนนอีกครั้ง เขาจ้องอยู่พักหนึ่งจึงได้แน่ใจว่าคนที่กำลังเดินอยู่นั้นเป็นคนที่เขาคิดถึงอยู่พอดี เขารีบหันกลับไปมองเตียงที่มีสาวน้อยที่มองเขาผ่านม่านน้ำตาอยู่ ทั้งเนื้อทั
บทที่ 81 ข้าจะเป็นคนปล่อยมือจากเจ้าเองหวังหย่งเล่อตัดมาที่เฟิงมิ่งจู ตอนนี้นางกำลังยืนต่อหน้าเจ้าควายซื่อบื้อ และกำลังโบกไม้โบกมือต่อหน้าเขาอยู่โดยที่เจ้าควายตัวนี้ไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่านางแอบกลับเข้ามาใหม่ เพราะก่อนที่จะเดินเข้ามานางได้เก็บกลิ่นหอมของตัวเองเอาไว้ เพราะต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่าง และแล้วสิ่งนั้นก็เป็นจริงอย่างที่นางคิดจริงๆ เจ้านี้มองไม่เห็นนั้นเอง เพราะว่าในโลกที่เต็มไปด้วยอันตรายนี้ นางยึดมั่นในสองสิ่งเท่านั้นคือ พลังจิตอันลี้ลับที่แข็งแกร่งของสำนักของนาง และฝีมือการขับรถม้าที่ไร้เทียมทานของตัวเอง วิชาพลังจิต ของสำนักของนางมีความแข็งแกร่งและรุนแรงมากและเมื่อร่ายมนต์สะกดออกไปแล้วมันทรงพลังจนยากที่ใครจะต่อต้านได้ เช่นเดียวกับ ฝีมือการบังคับม้า ของนางที่ว่องไวเฉียบคม พานางฝ่าอันตรายมานับครั้งไม่ถ้วนทว่า เหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้กลับสร้างความหวาดหวั่นให้กับนางมากเมื่อเจ้าจางเซี่ยโหย่ว เจ้าหนุ่มไร้สติผู้นั้นไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้ขับรถม้าซิ่งไปทั่วถนนในเมืองแและฝีมืออันห่วยแตกของเขาเกือบจะคร่าชีวิตนางนะสิแต่ว่าเหตุการณ์นั้นก็มีข้อดีของมันอยู่ นั้นคือทำให้นางได้สตินั้น
บทที่ 82 หลบหนี“คุณหนูจะไปจริงๆ หรือเจ้าคะ?” เสี่ยวเป่าสาวใช้ของถังลี้อิงนั่งลงแล้วช่วยนายสาวของนางเก็บของถังลี้อิงหยิบมีดที่ท่านพ่อให้ไว้ป้องกันตัวใส่ในห้อผ้าไปด้วย เพราะว่านางตั้งใจจะเดินทางไปชายแดนจำเป็นต้องมีอาวุธเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ป้องกันตัวเองได้“ข้าจำเป็นต้องไป หาไม่แล้วข้าคงจะเป็นของเล่นให้เขาคนนั้นดูถูกเหยียบหยามอีกนาน ถึงอย่างไรข้าก็เป็นถึงลูกแม่ทัพ ตระกูลถังของข้ามีเกียรติมีศักดิ์ศรีพอ ข้าคิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นข้าได้ชดใช้ความผิดของตัวเองมาพอแล้ว ต่อไปข้ากับเขาคนนั้นก็ให้ต่างคนต่างไป ข้าจะไปอยู่ชายแดนกับท่านพ่อ”ถังลี้อิงตัดสินใจเด็ดขาด คนเราหากถูกรังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่จะต้องฮึดสู้ขึ้นมาบ้าง เหมือนกับกระต่ายที่หากว่าจนตรอกมันก็ยังหันมากัดคนได้ นางก็เช่นกันตลอดเวลาเกือบปีที่นางตกเป็นเบี้ยล่างให้กับชายที่โหดร้ายคนนั้นโดยเขาใช้ความผิดพลาดที่ภรรยาของเขามาเข้าช่วยนางจนตัวเองตกน้ำและป่วยอยู่นานในที่สุดภรรยาของเขาก็เสียชีวิต ชินอ๋องนั้นกล่าวโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของนางที่ตกน้ำ และทำให้ภรรยาของเขาจำเป็นต้องกระโดดลงไปช่วยเหลือ ทุกครั้งที่เขาพบเจอนา
บทที่ 83 หากข้าไม่ต้องการให้พบแม้ว่าอยู่ตรงหน้าก็ไม่สามารถเห็นได้“คือว่า เออ..ข้า… ข้าเพียงต้องการจะไปหาท่านพ่อของข้าที่ชายแดนเจ้าค่ะ แม่นางเฟิงมิ่งจู”ถังลี้อิงนั่งก้มหน้าอยู่บนเตียงและค่อยๆ เอื้อนเอ่ยออกมา เมื่อถูกเฟิงมู่งจูถามว่าพวกนางกำลังจะไปไหนกันทำไมถึงได้มาเป็นลมเป็นแล้งที่หน้าจวนนางเช่นนี้“ไปชายแดนด้วยรถม้าเก่าๆ กับม้าแก่ที่มีคนขับรถม้าแก่เหมือนกับม้าเช่นนั้นหรือเจ้าคะ แล้วมันจะถึงรึ ว่าแต่ชายแดนที่ท่านว่านี้มันห่างจากเมืองหลวงเท่าไหร่เจ้าคะ”เฟิงมิ่งจูเน้นม้าแก่คนแก่กว่าพลางถามจี้เข้าไปอีกว่า“และตอนนี้ท่านก็ท้องอ่อนๆด้วย ข้าว่าไม่ทันจะพ้นเขตเมืองหลวงท่านอาจจะแท้งเสียก่อนแล้วเจ้าค่ะ”ถังลี้อิงก้มหน้าลงไปอีก และหากนางก้มหนักกว่านี้หน้าของนางอาจจะติดกับหน้าอกก็เป็นได้ เฟิงมิ่งจูนั้นสงสารจึงได้เลิกที่จะซักไซ้นาง เสี่ยวเป่านั้นไม่อาจจะทนได้อีกต่อไปแล้ว นางเดินมาแล้วคุกเข่าโขกศีรษะกับพื้นจนหน้าผากแดงพลางร้องไห้และเอ่ยขึ้นมาว่า“แม่นางเฟิงมิ่งจูเจ้าคะ ได้โปรดช่วยคุณหนูด้วยเถอะเจ้าค่ะ ได้โปรดช่วยพวกเราด้วยเถิด หากว่าไม่หนีไปตอนนี้คนผู้นั้นก็คงจะไม่เลิกที่จะย่ำยีคุณหนูของข้า และไห
บทที่ 84 นางคือญาติผู้น้องของข้าฤดูหนาวมาเยือนแล้ว แม้หิมะจะยังไม่ตก แต่ความหนาวเย็นก็แผ่ปกคลุมไปทั่ว ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะผิงไฟคลายหนาวภายในบ้าน ปีนี้นับว่าโชคดี พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัวของแม่นางจ้าวเม่ย ทำให้มีเงินเพียงพอที่จะซื้อหาอาหาร เสื้อผ้า ผ้าห่มใหม่แม่นางจ้าวเม่ยยังได้มอบหมายให้เมียหัวหน้าหมู่บ้านเปิดร้านค้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวบ้าน ไม่ต้องเดินทางไกลเข้าเมือง หาซื้อของจำเป็นในช่วงฤดูหนาวที่อากาศหนาวเย็นด้วยความเมตตาของแม่นางจ้าวเม่ย ปีนี้นับได้ว่า ชาวบ้านเลียงมีความสุขกันทั่วหน้า ยามเช้าเสียงไก่ขันปลุกให้ผู้คนตื่นจากหลับกลิ่นหอมของอาหารโชยมาแตะจมูก เด็กๆ ต่างวิ่งเล่นในลานบ้านของตัวเองอย่างร่าเริง เสียงหัวเราะของพวกเขา ดังก้องไปทั่วหมู่บ้านไม่ไกลจากทางเข้าของหมูบ้านเลียงมากนักมีรถม้าหรูหราคันใหญ่กำลังวิ่งอย่างเร็วพุ่งตามถนนมา มันขับเลยผ่านบ้านของชาวบ้านไปเลยไปจนกระทั่งจอดสนิทที่เรือนสี่ประสานหลังใหญ่ใหม่เอี่ยมที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน เฟิงมิ่งจูกระโดดลงจากรถม้าและเดินไปเปิดประตูบ้าน แม้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะปิดล็อกเอาไว้อย่างดี แต่ว่ามันไม่ใช่อุปสรรคห
บทที่ 98 จวิ่นจู่ทวงของรางวัล“เช่นนั้นก็ตกลงไปเลยเพคะในเมื่อเขาให้ของมาแบบไม่มีข้อผูกมัดเราก็รับเอาไว้เถอะ”จวิ่นจูเว่ยเว่ยเอ่ยพลางนึกถึงใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของคุณชายฉู่อี้เทียนพลางคิดว่า นี้นางเจอสายเปย์ที่แทร่จริงเข้าแล้วกระมัง....“แล้วเจ้าต้องการส่วนแบ่งที่องค์ชายเก้าให้มาคราวนี้หรือไม่?”หยางเฟยหลงนั้นอดดีใจไม่ได้ที่นังหนูจวิ่นจู่นั้นให้เขาตอบรับของเหล่านั้นอย่างน้อยหนาวนี้ก็คงจะสามารถเพิ่มอาหารให้ราษฎรของพระองค์ได้บ้าง“เช่นนั้นก็แบ่งผ้าไหมมาให้หม่อมฉันสัก 10,000 พับก็แล้ว พวกข้าว เกลือ ธัญพืชข้าไม่ต้องการเพคะให้พระองค์ไปเลย รวมทั้งเงินตำลึงและของอื่นๆ พระองค์นำไปแจกจ่ายได้เลยเพคะ”นางใจกว้างอยู่แล้ว จะอยากได้ทำไม นางมีของเหล่านั้นมากเท่าที่ต้องการอยู่แล้ว ให้ฮ่องเต้เอาไปแจกประชาชนเถิด“จริงหรือ!! ดี ดี ดี เช่นนั้นผ้าไหมนี้ข้าจะได้แบ่งไปให้ฮองเฮาเอาไปแจกบรรดาสนมของข้าบ้าง เฮ้ออ พวกนางลำบากกับข้ามากแล้วจริงๆ”หยางเฟยหลงพูดเหมือนบ่นกับตัวเอง จากนั้นเขาก็ยกไวน์ขึ้นจิบอีกครั้งเมื่อแบ่งของที่ได้เป็นค่านายหน้ามาแล้ว จวิ่นจู่ก็เอ่ยขึ้นมาว่า“ฮ่องเต้เพคะ คือว่าหม่อมฉันว่าจะถามหลายครั้
บทที่ 97 ‘ซื้อ’ พระราชโองการหมั้น“ไม่ดีแล้วพะยะค่ะองค์ชายเก้า ไม่ดีแล้ว ตอนนี้คู่แข่ง...เออ ตอนนี้คุณชายตระกูลใหญ่ทั่วเมืองหลวง ต่างก็ส่งแม่สื่อ มาทาบทามจวิ่นจูแล้วพะยะค่ะ อ้อ!! แล้วก็สิ่งที่จวิ่นจูชอบมากที่สุดเท่าที่พวกกระหม่อมสืบมาได้ก็คือ เงิน พะยะค่ะ คือเงินเยอะๆ กระหม่อมคิดว่านั้นเป็นสิ่งที่พระองค์มีพอดีเช่นนั้นพวกเราต้องรีบลงมือแล้ว กระหม่อมได้ยินมาว่า มีกั่วกงอยู่2-3 คนพยายามจะไปขอให้ฮ่องเต้ออกพระราชโองการขอพระราชสมรสให้กับหลานชายของตัวเอง ดีว่าตอนนี้พวกเขาขัดแย้งกันอยู่จึงยังไม่ลงมือ”คนที่รายงานอยู่ตอนนี้คือ แม่ทัพหลีชิง“หา...มากกว่าคราวที่แล้วอีกหรือ นี้ถึงกับจะไปบังคับให้ฮ่องเต้ออกพระราชโองการให้เลยหรือ ไม่ได้การแล้ว!” ฉู่อี้เทียนที่ตอนนี้ฟังรายงานอยู่เอ่ยขึ้นมาอย่างร้อนรนทันที“ออกพระราชโองการเช่นนั้นหรือ...ฮืมมมม น่าสนใจ ตอนนี้ทางแคว้นต้าหมิงกำลังประสบภัยพิบัติใช่หรือไม่ เช่นนั้นเจ้าติดต่อไปที่ใต้เท้าหวังให้แจ้งว่าข้าต้องการจะขอเข้าพบท่านผู้นั้นให้เขาช่วยอำนวยความสะดวกให้หน่อย ตอนนี้ข้าต้องไปจัดการกับพี่ห้าเสียก่อน อาจจะไม่มีเวลามาเฝ้า...เออ ไม่มีเวลามาดูแลนาง แต่หากว
บทที่ 96 ตระกูลเฟิงผู้นำแฟชั่นในขณะที่ทางพระราชวังออกประกาศเรื่องการแต่งตั้งจวิ่นจูเฟิงเว่ยเว่ยนั้น ก็ทำให้เกิดกระแสที่คนในเมืองหลวงต่างก็หันมาจับตามองตระกูลของจวิ่นจูมากขึ้น ไม่ว่าพวกนางจะทำอะไรมันจะเป็นที่สังเกตและเป็นที่พูดถึงเสมอทั้งเรื่องความดีความชอบที่จวิ่นจูนั้นได้ช่วยเหลือมอบขอบบริจาคมากมายไปช่วยชาวบ้านที่ประสบภัย และหลายครั้งที่นางได้ช่วยเหลือผู้คนและไหนจะคนป่วยที่ล้วนแต่อาการสาหัสที่นางรับรักษาจนหายดี และมาตอนนี้นางยังสามารถที่จะผ่าตัดรักษาอาการตาบอดของคุณชายเล็กของตระกูลหวังได้ ซึ่งเป็นการพลิกประศาสตร์ของวงการแพทย์ของต้าหมิงครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งก็ว่าได้ ดังนั้นทุกครั้งที่พวกนางขยับทำอะไรชาวเมืองมักจะเอาอย่างหรืออยากจะทำตามทั้งนั้นขณะที่ตระกูลเฟิงของแม่นางเฟิงมิ่งจูเป็นที่จับตามองของคนทั้งเมืองอยู่นั้น ก็เกิดกระแสบางอย่างขึ้นมาในเมืองหลวงอีกแล้ว นั้นคือคุณชายเล็กหวังหย่งเล่อของตระกูลหวังนั่นเอง ตอนนี้ชาวเมืองหลวงนั้นเริ่มทราบบ้างแล้วว่าเขาคือสามีของแม่นางเฟิงมิ่งจูและเป็นพ่อของเด็กๆ ของตระกูลเฟิงทั้งสามคน และเพราะว่าตอนนี้แผลผ่าตัดของเขานั้นเริ่มจะหาดีแล้วและดวงตาก็ส
บทที่ 95 พระราชทานตำแหน่งจวิ่นจู่สองสัปดาห์หลังจากที่เฟิงเว่ยเว่ยได้ทำการผ่าตัดนำเลือดคั่งที่อยู่ในสมองของท่านพ่อของนางออกมาได้สำเร็จ และการพักฟื้นก็ครบแล้ว วันนี้จะเป็นวันที่นางจะให้ท่านพ่อของนางทดสอบดูว่าดวงตาของเขานั้นสามารถกลับมามองเห็นได้เหมือนเดิมหรือยัง วันนี้นางจะให้ท่านแม่เข้าไปด้วยระหว่างที่เปิดผ้าปิดตาของท่านพ่อ แน่นอนว่านางให้ท่านแม่แต่งตัวสักเล็กน้อยหากว่าท่านพ่อลืมตามาเห็นเขาจะได้มีกำลังใจดูแลตัวเองให้หายเร็วและมาง้อท่านแม่ของนางได้เร็วขึ้นอย่างไรเล่า เพราะนางคิดว่าคู่นี้รู้สึกจะพ่อแง่แม่งอนกันนานเกินไปแล้ววันนี้เฟิงมิ่งจูก็เลยจัดชุดใหญ่ไฟกะพริบเสียเลย นางอยากจะให้เจ้าหวังหย่งเล่อได้รู้ว่าที่ผ่านมาเขาพลาดอะไรไปบ้าง ว่ะฮาฮาฮา!!ขณะที่สองแม่ลูกเดินไปที่ห้องพักฟื้นของท่านพ่อนั้น วันนี้จวนเฟิงของนางก็ได้รับแขกมากมายอีกครั้งและครั้งนี้มีผู้สูงศักดิ์มากที่สุดในแผ่นดินแอบมาพักอยู่ที่ห้องข้างๆ ด้วยเพราะว่าเขาเองก็ตื่นเต้นมากเหมือนกันกับการผ่าตัดครั้งประวัติศาตร์นี้เลยอยากจะมาเห็นด้วยตัวเอง เพราะว่าคราวที่แล้วเว่ยกงกงนั้นเมื่อเสร็จการผ่าตัดเขาก็รีบกลับไปรายงานฮ่องเต้ทันที และเว
บทที่ 94 การผ่าตัดครั้งประวัติศาตร์ของแคว้นต้าหมิง"คุณชายหวังไม่ต้องเป็นกังวลใดๆ เลยนะขอรับ"ฟู่จิ้งอวิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน"ท่านหมอน้อยนั้นเก่งมาก อย่างที่ท่านรู้ว่าท่านหมอน้อยนั้นมือขาด ก็สามารถต่อให้กับญาติผู้น้องของท่านมาแล้ว และยังจะมาต่อขาที่ขาดให้ข้าอีก ท่านเพียงแต่มีแผลที่ศีรษะและจะเอาเลือดที่ยังเอาออกไม่หมดจากสมอง ต้องผ่าหัว เออ เออ... ข้าคิดว่าไม่น่าจะเกินความสามารถของท่านหมอน้อยไปได้"ฟู่จิ้งอวิ่นนั้นพยายามรวบรวมคำปลอบใจจากหลายๆ แหล่งมาผสมผสานกัน แต่ดูเหมือนว่า กรณีของคุณชายหวังนั้นจะหนักสุด เพราะนั่นคือการผ่าตัดหัว! ผ่าหัวเลยน่ะ ไม่เคยมีใครทำมาก่อนด้วย ทำให้เขาคิดจะหาคำปลอบที่พอจะเบาๆ ไม่ค่อยจะได้ผล เขาจึงหยุดพูด มองไปรอบๆ ห้องอย่างจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ"ข้าว่า... พวกเราช่วยกันปลอบคุณชายหวังหน่อยเถอะขอรับ อย่าได้ทิ้งภารทิ้งให้ข้าคิดคนเดียวเช่นนี้"ฟู่จิ้งอวิ่นเมื่อเห็นว่าคำปลอบใจของเขานั้นดูเหมือนจะน้อยไป และไม่ค่อยได้ผลเขาจึงได้เอ่ยเรียกเพื่อนๆ ให้ช่วยเขาปลอบใจคุณชายน้อยหวังหย่งเล่อบ้าง ส่วนเพื่อนๆ ที่พากันเฮโลเข้ามาในห้องนั้น บ้างก็นั่งรถเข็นมานั้นคือเฟิงเสวี
บทที่ 93 โลกของข้าหยุดหมุนเพราะรอยยิ้มของเจ้า“มีแม่สื่อมาทาบทามท่านหมอน้อยของเขาเช่นนั้นรึ!”ฉู่อี้เทียนพึมพำกับตัวเองเบาๆเมื่อได้ยินเช่นนั้นคิ้วของฉู่อี้เทียนก็ขมวดขึ้นมาทันทีเขาคิดว่าเขาอาจจะจำเป็นต้องรีบชิงลงมือเสียแล้ว…มีหมาป่าสามตัวจ้องจะฉกเนื้อชิ้นงามหอมหวานที่เขาเฝ้าเอาไว้เสียแล้วสิ…ขณะที่กำลังจะหันกลับเข้าไปด้านใน เฟิงเว่ยเว่ยก็เดินออกมาพอดีเพราะว่านางได้ยินเสียงดังที่กำลังเกิดขึ้นที่หน้าบ้าน เมื่อกำลังจะเดินผ่านห้องโถงนางก็เห็นคุณชายฉู่อี้เทียนกำลังยืนอยู่พอดี จึงได้หยุดและเข้าไปทักเขาสักเล็กน้อยก็แล้วกัน"คุณชายกำลังจะออกไปที่สวนหรือเจ้าคะ?"เสียงหวานใสของเฟิงเว่ยเว่ยดังขึ้นในหูของฉู่อี้เทียน รอยยิ้มของนางค่อยๆ ปรากฏขึ้น ดั่งแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องฉู่อี้เทียน ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับกลองศึก รอยยิ้มของเฟิงเว่ยเว่ยปรากฏขึ้นบนใบหน้าเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ดั่งต้องมนต์ ดวงตาของเธอเปล่งประกายสดใส ดึงดูดสายตาของเขาจนไม่อาจละสายตาจากดวงหน้าหวานซึ้งนั้นได้ในชั่วพริบตา โลกทั้งใบของฉู่อี้เทียนหยุดหมุนทุกสิ่งทุกอย่างมัวม่นไปหมดเหลือเพียงรอยยิ้มหวานของเฟิงเว่ยเว่ย ท
บทที่ 92 แม่สื่อณ จวนเฟิงเมืองหลวงแคว้นต้าหมิง“กระหม่อมไร้ความสามารถ องค์ชายเก้าโปรดลงโทษกระหม่อมด้วยพะยะค่ะ”แม่ทัพรักษาดินแดนหลี่ชิง ตอนนี้คุกเข่าอยู่ต่อหน้าขององค์ชายเก้าหรือฉู่อี้เทียน แม้ว่าร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เขาก็ยังลุกขึ้นมาเพื่อมาหาองค์ชายเก้าและเอ่ยขอรับโทษจากพระองค์“ลุกขึ้นเถอะ เรื่องทั้งหมดหาใช่ความผิดของท่านไม่ ท่านทำดีที่สุดแล้วท่านแม่ทัพ” องค์ชายเก้าไม่ได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่เขานั่งเอนหลังพักผ่อนข้างหน้าต่างอยู่“ขอบพระทัยพะยะค่ะ” แม่ทัพหลีชิงเอ่ยและค่อยๆ ลุกขึ้นมา ในตอนนั้นม่อไป่ได้นำเก้าอี้มาให้เขานั่งตามคำสั่งขององค์ชายเก้า เพราะถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นคนป่วยเช่นพระองค์จะให้ยืนหรือคุกเข่าคงจะไม่ถูกต้องนัก อีกอย่างองค์ชายเก้านั้นไม่ได้เคร่งครัดในเรื่องพวกนี้มาก อย่างที่ทราบพระองค์มักจะคิดว่าตัวเองคือ คุณชายฉู่มากกว่าจะเป็นองค์ชายเก้าเสียอีก“ตอนนี้ครอบครัวของข้าเป็นอย่างไรบ้างท่านแม่ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ฉู่อี้เทียนนั้นไม่ได้ห่วงตัวเองมากนัก เขาคิดถึงท่านแม่มากกว่าเพราะว่าตอนนี้ท่านแม่ของเขายังอยู่ในวังอยู่ และหากว่าพี่ห้าหาตราพระราชลัญจกร ไม่เจอไม่แ
บทที่ 91 ทดสอบพรที่ได้รับมาทันทีที่สิ้นเสียงหวานใสของวิญญาณผู้พิทักษ์กระจกวิเศษ บริเวณหน้าผากของท่านแม่ก็เกิดแสงสีทองสว่างวาบขึ้นมา เส้นแสงสีทองหมุนวนอยู่ไม่นานก็ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในศีรษะและจากนั้นก็กระจายไปทั่วร่างของท่านแม่ เมื่อท่านแม่ลืมตาอีกครั้งดวงตาของนางปรากฎสีทองขึ้นเพียงชั่วครู่ก็หายไปเมื่อวิญญาณผู้พิทักษ์ทั้งสองทำภารกิจของตนเสร็จพวกเขาก็หันมาทางเฟิงเว่ยเว่ย และจ้องจิกตาใส่นางประหนึ่งว่าท่านต้องการจะให้พวกเขาทำอะไรอีกหรือไม่ส่วนเฟิงเว่ยเว่ยนั้นมิได้สนใจอะไร เพียงบอกว่าให้พวกเขาไปพักได้ เพราะตอนนี้นางเพียงอยากจะพิสูจน์ว่าพรที่ท่านแม่ได้รับมานั้นได้ผลหรือไม่ จึงให้ท่านแม่นั้นลองเรียกวิญญาณของคนที่นางต้องการจะพบให้ขึ้นมาเพราะการสูญเสียอาจารย์ที่ดูแลนางมาตั้งแต่เล็กๆ ทำให้ยังคงเป็นบาดแผลในใจของเฟิงมิ่งจูอยู่ นางนั้นรู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยอาจารย์จากเงื้อมมือของภูติขาวภูติดำได้ทันเวลาความปรารถนาที่จะพบเจออีกสักครั้งและขอขมาอาจารย์นั้นเต็มในใจของเฟิงเว่ยเว่ย นางจึงตัดสินใจพิสูจน์พลังของกระจกสั่งวิญญาณที่ได้แบ่งพรของลูกสาวมาให้นางครึ่งหนึ่งนั้นทันทีนางหลับตาลง หายใจเข้าลึกๆ
บทที่ 90 “พรอันศักดิ์สิทธิ์นี้…..จงเป็นดั่งที่ท่านปรารถนา”แสงสว่างจ้า นั้นเจิดจรัสราวกับดวงอาทิตย์ยามเช้า มันส่องผ่านลวดลายอันวิจิตรบรรจงของกระจกทันใดนั้นเอง ปรากฏการณ์อันน่าทึ่งก็เกิดขึ้นแสงสว่างทั้งสองดวงรวมเข้าหากันกลายเป็นลำแสงพลังงานอันยิ่งใหญ่ ลำแสงนั้นส่องสว่างจ้าจนเฟิงเว่ยเว่ยต้องหรี่ตาลงอากาศรอบตัวเริ่มสั่นสะเทือนเสียงลมหวีดหวิวดังก้องไปทั่วห้องราวกับว่ามิติอื่นกำลังถูกเปิดเผยเฟิงเว่ยเว่ยรู้สึกเหมือนถูกดูดกลืนเข้าไปในแสงสว่างนั้นร่างกายของนางเบาหวิวไร้ซึ่งน้ำหนักเมื่อแสงสว่างจางลงเฟิงเว่ยเว่ยพบว่าตัวเองยืนอยู่ในสถานที่แปลกตาท้องฟ้าสีม่วงครามเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยพลังงานลี้ลับ ตรงหน้าของเฟิงเว่ยเว่ยปรากฏร่างโปร่งใสของหญิงสาวคนหนึ่ง หญิงสาวผู้นั้นมีใบหน้าที่งดงามมาก ผมของนางเป็นสีเงินยวง ดวงตาสดใส ทั่วทั้งร่างเหมือนกับมีแสงเงินแสงทองส่องประกายออกมา รอยยิ้มของนางอบอุ่นและอ่อนโยน ข้างๆ ร่างของนางนั้นคือ ร่างสูงโปร่งหล่อเหลาราวกับเทพจากสวรรค์ ร่างกายของเขาก็โปร่งใสและมีแสงทองส่องรอบๆ เช่นกันเขายืนยิ้มและมองมาที่นางด้วยดวงตาแห่งความเคารพและสำนึกบุญคุณ