บทที่ 68 อัมพาตช่วงล่างเมื่อจัดการจ่ายเงินเรียบร้อย จ้าวเว่ยเว่ยให้หลงจู๊จัดการให้ทาสทั้ง 43 คนอาบน้ำอาบท่าและให้เขาเป็นคนไปส่งที่จวนตระกูลเฟิงส่วนครอบครัว 6 คนพ่อแม่ลูกและเฟิงเสวี่ยนหลงพวกนางจะพากลับไปเองโดยก่อนกลับจ้าวเว่ยเว่ยยังให้เงินหลงจู๊เพิ่มอีกเล็กน้อยโดยบอกว่าให้ดูแลพวกเขาดีหน่อยโดยนางได้บอกให้ท่านแม่เดินมาบอกหลงจู๊ว่า ให้หาอาหารและเครื่องดื่มและเสื้อผ้าที่มีคุณภาพดีสักหน่อยสำหรับเปลี่ยนก่อนสักคนละ 2-3 ชุดให้พวกเขาก่อนที่จะส่งไปที่ตระกูลเฟิงเมื่อคนที่ ‘สั่ง’ และกำชับเป็นเฟิงมิ่งจู แน่นอนว่าทุกอย่างที่หลงจู๊ทำให้เหล่าทาสที่นางซื้อมาจะต้องดีกว่าปกติแน่ และอีกอย่างพวกนางก็ให้เงินเขาเพิ่มแล้วมิได้ใช้งานฟรีๆ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยพวกเขาก็หอบกันขึ้นรถม้า โดยที่จ้าวเว่ยเว่ยนั้นได้ตรวจดูชายที่ป่วยนั้นว่าอาการสาหัสหรือไม่ ปรากฎว่าเขาเป็นไข้สูงและเมื่อไม่รักษาหลายวันประกอบกับไม่มีอาหารทำให้อาการทรุดลง ไม่ได้มีโรคร้ายแรงอันใด พวกนางจึงคิดว่าเมื่อกลับไปถึงจวนค่อยทำการรักษาส่วนเฟิงเสวี่ยนหลงนั้นบาดแผลของเขามีหลายแห่งที่ยังเป็นแผลสดประกอบกับขาของเขาตั้งแต่เอวลงไปที่ไม่มีความรู้สึกทำให้เ
บทที่ 69 หมอ ‘ผี’ ประจำบ้าน“สามารถรักษาได้หรือไม่ลูกรัก” เฟิงมิ่งจูเมื่อได้รับรู้อาการของน้องเล็กของนาง ตอนนี้ใบหน้าของนางดำคล้ำขึ้นมาทันที มือสองข้างกำแน่น นางหลับตาลงและค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาเหมือนกับพยายามที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง“หากว่าได้รับรักษาที่เหมาะสม คนที่มีอาการอัมพาตช่วงล่างสามารถฟื้นฟูการทำงานบางส่วนหรือทั้งหมดได้เจ้าค่ะ ยิ่งมิใช่การเป็นอัมพาตถาวรก็จะสามารถรักษาได้ไม่ยาก แต่ว่าที่สำคัญคือจะต้องมีคนที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะวิธีการรักษานั้นจะต้องทำกายภาพบำบัดควบคู่ไปกับการใช้ยาและการผ่าตัดเข้าร่วมด้วยเจ้าค่ะ” ในขณะที่นางพูดนั้นเอง กระดาษตรงโต๊ะที่มี 4 สมบัติของห้องสมุดวางเอาไว้ก็เหมือนว่าถูกบางสิ่งใช้งานทันที แท่นหมึกถูกฝนและพู่กันถูกจุ่มและเขียนลงในกระดาษทันที ไม่นานกระดาษแผ่นนั้นก็เลยมาที่หน้าของนางเหมือนกับว่ามีบางอย่างถือมา ในกระดาษแผ่นนั้นเขียนเอาไว้ว่า“ให้ข้าเป็นคนดูแล ข้าสนใจที่จะศึกษาอาการนี้ ข้าอยากรู้ว่าการรักษาทำเช่นไร เจ้าเพียงบอกมาว่าจะให้ข้าทำอย่างไร” สิ่งนั้นเปิดเผยตัวเองออกมาเรื่อยๆ จ้าวเว่ยเว่ยอ่านแล้วเหลือบตามองแม่ของนาง ก่อนจะเอ่ยว่า“ข้ายังไม่
บทที่ 70 เช่นนั้นท่านก็มาเป็นบรรพบุรุษของตระกูลเฟิงเถิด“เป็นอย่างไร ค่าจ้างของข้าพอหรือไม่นังหนู” เย่เทียนซื่อลอยมาใกล้ๆ และเอ่ยขึ้นมา“พอ!! พอ!! ได้เลยเจ้าค่ะ ท่านอยากจะเรียนรู้วิชาแพทย์ใดข้าจะสอนให้หมดเลย พอแน่นอน ฮาฮาฮา!!!”เสียงหัวเราะที่เหมือนพ่อของนางดังลั่นขึ้นมาจนเฟิงมิ่งจูต้องขมวดคิ้ว พลางคิดว่าจะต้องสั่งสอนลูกสาวให้หัวเราะใหม่แล้ว แบบนี้มันไม่งามเลยจริงๆ แต่ว่าสมบัติก็เยอะจริงๆ นั้นแหล่ะหึหึหึ...“ในนี้มีแต่สมบัติของเจ้าของจวนเดิมหรือว่ามีของท่านที่รับมาจากแคว้นต่างๆ นั้นด้วยล่ะเจ้าคะ?”จ้าวเว่ยเว่ยเอ่ยถามขึ้นมาและแอบเหล่ตามองไปที่ผีชราตนนี้เล็กน้อย “มีสมบัติพวกนั้นด้วย..เออ... เออ... เจ้าเด็กบ้านี่!!! ถึงกับมาหลอกถามผีอย่างข้าเลยหรือ!!”เมื่อเผลอตอบไปแล้วเย่เทียนซื่อก็ทำเป็นโมโหกลบเกลื่อนไป ต้องทำหน้าด้านเข้าไว้!“เอาล่ะ เอาล่ะ ในเมื่อสมบัติพวกเจ้าก็เห็นแล้วเช่นนั้นก็ให้ข้าเป็นผู้ดูแลเจ้าหนุ่มนั้นถูกไหม พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกข้าจะไม่ทำให้เขากลัวข้าจะไปดูแลเฉพาะตอนที่เขาหลับเท่านั้น”เย่เทียนซื่อวางแผนเอาไว้แล้ว เพราะเขาก็เกรงว่าเจ้าหนุ่มนั้นจะช็อคตายก่อนที่จะรักษาหาย
บทที่ 71 ฉู่อี้เทียนชายแดนทางเหนือของแคว้นต้าเจียง“เจ้ารีบพาองค์ชายเก้าหนีไปก่อนเร็วเข้า ไม่ต้องห่วงทางนี้ เร็วเข้า นำจดหมายฉบับนี้ และกระบี่ด้านนี้ ไปให้แม่ทัพหวังหย่งเจี้ยน.. บอกว่าข้าแม่ทัพหลีชิงแห่งต้าเจียงขอทวงหนี้ที่เคยช่วยชีวิตท่านแม่ทัพหวังหย่งเจี้ยนเอาไว้”แม่ทัพหลี่ชิงแม่ทัพรักษาดินแดนของต้าเจียง ตะโกนสั่งลูกน้องคนสนิทให้รีบพาองค์ชายเก้าที่ตอนนี้บาดเจ็บจากธนูอาบยาพิษยิงเข้าที่ท้องหมดสติไปแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะให้ยาแก้พิษไปแล้วแต่ว่าองค์ชายก็ยังถือว่าบาดเจ็บสาหัสมาก พวกเขาช่วยกันพาองค์ชายเก้าตีฝ่าวงล้อมหนีออกมาจากการรอบสังหารที่มือสังหารถูกส่งมาจำนวนเกือบ 100 คน นายทหารของแม่ทัพหลี่ชิงนั้นมีเพียง 30 คนส่วนคนที่ทางตระกูลส่งมานั้นถูกวางยาพิษตายไปกว่าครึ่งแล้ว ตอนนี้พวกเขาจึงไม่อาจจะต้านยอดฝีมือที่ถูกจ้างมาเพื่อสังหารองค์ชายเก้าได้ แม่ทัพหลี่ชิงจึงตัดสินใจ ให้นายทหารคนสนิทพาหนีไป และเขาได้บอกให้พาองค์ชายเก้าที่อยู่ในรถม้านั้น ไปที่ชายแดนเพื่อที่จะหนีข้ามพรมแดนมาขอความช่วยเหลือจากค่ายทหารของต้าหมิงที่ตอนนี้มีแม่ทัพหวังหย่งเจี้ยนเป็นแม่ทัพรักษาดินแดนอยู่ ซึ่งทั้งสองคนนั้นรู้จักกันแ
บทที่ 72 ช่วยชีวิตองค์ชายเก้า“เรียกหมอ! เร็วเข้า! เรียกหมอมาเดี๋ยวนี้” เมื่อแม่ทัพหวังหย่งเจี้ยนมาถึงเขาให้นายทหารไปดูม่อไป่ นายทหารหายไปเพียงครู่เดียวก็วิ่งกลับมาพร้อมจดหมายและดาบที่มีสัญสักษณ์ของตระกูลหวังของเขาอยู่ในมือ หวังหย่งเจี้ยนก้มลงอ่านจดหมายเพียงครู่เดียวก็ตะโกนเรียกหมอเสียงดังลั่นทันทีหมอทหารสองคนวิ่งมาตามคำสั่งและรีบเข้าตรวจดูอาการของทั้งสองคนทันที พวกเขาช่วยกันห้ามร่างของม่อไป่และองค์ชายเก้าเข้าไปที่โรงหมอ หวังหย่งเจี้ยนรีบเดินตามไป“เจ้ารีบดูคุณชายฉู่เร็วเข้า ดูเหมือนว่าเขาจะถูกพิษ” ในจดหมายของแม่ทัพหลี่ชิงนั้นได้บอกเอาไว้แล้วว่าองค์ชายเก้าถูกพิษแต่ว่าพวกเขาได้ให้ยาแก้พิษไปแล้ว แต่ว่าบาดแผลนั้นยังฉกรรจ์อยู่มากหมอทหารผู้เชี่ยวชาญด้านพิษรีบเข้าตรวจสอบชายหนุ่มที่บาดเจ็บ ในขณะเดียวกัน หมอทหารอีกคนก็เริ่มดูแลบาดแผลที่ท้องของเขาหลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด หลังจากผ่านไปไม่นาน หมอทั้งสองคนก็เงยหน้าขึ้นมา"ท่านแม่ทัพ ขอรับ คุณชายท่านนี้ได้รับพิษร้ายแรง" หมอทหารผู้เชี่ยวชาญด้านพิษกล่าว"พิษอะไร?" แม่ทัพหวังหย่งเจี้ยนเอ่ยถามด้วยความกังวล"ท่านแม่ทัพ" หมอคนแรกกล่าวขึ้นมาอีกครั้
บทที่ 73 ตราพระราชลัญจกรของฮ่องเต้จ้าวเว่ยเว่ยรีบให้ท่านจางเซี่ยโหย่วที่ยังอยากจะโม้กับท่านแม่ เดินมาอุ้มคุณชายท่านนี้เข้าไปด้านใน และตรงไปห้องที่ว่างอยู่ทันที จากนั้นก็มาอุ้มม่อไป่ตามไปอีกคน ขณะนั้นหมอที่มาด้วยก็ค่อยๆ ฟื้นเขาพยายามบอกเล่าอาการให้ทราบมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จากนั้นเขาก็หลับตาลงอีกครั้งและหลับไปตรงนั้น เฟิงมิ่งจูเห็นก็เกิดอาการเวทนา เมื่อจางเซี่ยโหย่วกลับออกมาเพื่อจะโม้ต่อ นางก็ให้เขาพยุงท่านหมอท่านนี้เข้าไปในห้องพักแขกและจัดให้เขาพักผ่อน เพราะว่าจากที่เขาเล่ามาพวกเขาคงจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาหลายวันจริงๆ นอกจากนี้นางยังเตรียมห้องเอาไว้ให้พวกที่กำลังตามมาด้วยตามที่ท่านจางบอกเมื่อคนเจ็บมาถึง นางรีบเปิดไฟและเดินไปดูคนไข้คนนี้ทันที นางนำเตียงอีกหลังออกมาวางข้างๆ กันเพื่อความสะดวกในการรักษา โดยใช้ผ่าม่านกันระหว่างทั้งสองเตียง เมื่อเสร็จก็รีบมาดูอาการของคุณชายที่มีอาการสาหัสก่อน สภาพของเขาตอนนี้นั้นแย่มากตัวร้อนเป็นไฟ หน้าตาแดงก่ำไปหมด จ้าวเว่ยเว่ยจัดการเปิดดูแผลของเขาที่อาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการไข้ขึ้นสูงเช่นนี้ และก็เป็นอย่างที่นางคิดแผลมีอาการอักเสบอย่างรุนแรงและดูเ
บทที่ 74 ความทรงจำที่หวนคืนสายลมหนาวพัดโชยผ่านประตูห้องนอนที่ตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหราที่เรือนด้านหลังภายในจวนอัครเสนาบดีหวัง ภายในห้องนอนที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหราของเรือนหลังนี้ บนเตียงมีร่างของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งนอนอยู่ เขาหลับตาแน่น เขาพยายามข่มความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นที่ศีรษะอย่างรุนแรงมาหลายวันแล้วตั้งแต่วันที่เขาแพ้การประกวดแข่งขันบทกวีกับแม่สาวชาวบ้านแสนสวยของเขา เมื่อกลับมาถึงเรือนเขารู้สึกปวดศีรษะมาก จากนั้นก็มีเลือดไหลออกมาจากจมูกเขาอีกครั้ง หวังหย่งเล่อทนความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันไม่ไหว เขาจึงสลบไปบนเตียงนอนของตัวเองนั้นเอง เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เมื่อเขาค่อยลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ในสมองของเขาก็มีความทรงจำมากมายไหลทะลักเข้ามาเหมือนกับเขื่อนแตกอย่างไรอย่างนั้นมีภาพเหตุการณ์ของเด็กน้อยชาวนายากจนที่ถูกที่บ้านรังแกทุบตีเอาเปรียบมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งเด็กน้อยคนนั้นกลายเป็นหนุ่มน้อยที่ทำงานอย่างขยันขันแข็งให้กับบ้านหลังนั้นโดยที่เขาไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองใดๆ เพราะว่าแม่ของเจ้าเด็กคนนี้มักจะมาย้ำกับเขาอยู่เสมอว่าเขาเป็นเพียงเด็กที่เก็บมาเลี้ยง เป็นเพียงกาฝากของครอ
บทที่ 75 พิการซ้ำซ้อนแล้วกระมัง“เพล้ง!!”แก้วไวน์ที่อยู่ในมือของเฟิงมิ่งจู ที่อยู่ๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้หลุดจากมือและตกลงไปกระแทกพื้นแตกละเอียด ไวน์แดงรสละมุมหอมกรุ่นที่อยู่ในแก้วหกกระจายเปื้อนชุดสีขาวของนางที่สวมใส่อยู่ เมื่อมองดูแล้วคล้ายกับเลือดที่กระจายอยู่อย่างไรอย่างนั้นนางถอนหายใจเล็กน้อย จากนั้นก็ยกนิ้วชี้กับนิ้วกลางขึ้นมาและชี้ไปที่แก้วที่แตกกระจายนั้น เพราะลูกสาวบอกว่าแก้วเหล่านี้ทำจากคริสตัลแท้ คุณภาพเยี่ยมมาก และราคาแพงมาก เมื่อใส่ไวน์จะทำให้ไวน์น่าดื่ม รสชาติดีมากขึ้นไม่ถึงอึดใจแก้วไวน์ที่แตกละเอียดใบนั้นก็กลับมาอยู่ในมือนางในสภาพ กริบเช่นเดิม ...ใช่แล้วเมื่อแตกก็ทำให้กลับมาใหม่สิ จะยากอะไร คนมันมีฝีมือนี้น่า นางคิดอยู่คนเดียว...ตอนนี้ที่จวนเฟิงนั้นเติมไปด้วยคนไข้ก็ว่าได้ ไหนจะท่านน้า คุณชายที่ถูกพิษ และคุณชายอีกคนที่ถูกธนูยิงมานั้นด้วย ที่นี่เหมือนจะกลายเป็นสถานพยาบาลเข้าไปทุกทีแล้วเฟิงเว่ยเว่ยคิด ส่วนท่านหมอที่มากับคุณชาย2คนนั้น กลับไปพร้อมกับนายทหารที่มาส่งตั้งแต่เช้าวันต่อมาแล้ว ตอนนี้จ้าวเว่ยเว่ยนั้นค่อนข้างวุ่นที่เดียวนางต้องขึ้นวอร์ดในตอนเช้ากับท่านผีหมอเย่ท
ตอนพิเศษ บทส่งท้าย ท่านราชครูหวังหย่งเล่อหลังพิธีแต่งงานของคุณชายหวังหย่งเล่อและเฟิงมิ่งจู่ผ่านมา 6 เดือน ตอนนี้อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันปีใหม่เช้าวันที่หนาวเหน็บหิมะตกโปรยปรายบรรยากาศเหมาะสมกับการเฉลิมฉลองเป็นอย่างยิ่งและอีก 2 วันก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว จวนเฟิงตอนนี้ถือได้ว่าคึกคักขึ้นมาไม่น้อย เพราะตั้งแต่ที่เฟิงฮองเฮาแต่งออกไปที่แคว้นต้าเจียง บรรดาคนไข้ต่างๆ ก็ลดลงมากทำให้จวนเฟิงไม่ค่อยได้รับแขกที่เป็นคนไข้อีกแล้ว แต่ทว่าบ้านพักฟื้นนั้นกลับไม่เคยว่างเลยก็ว่าได้ มันถูกจองเต็มกันข้ามปีกันเลยทีเดียว จนเฟิงฮองเฮานั้นชักจะสงสัยแล้วว่าที่นางทำนั้นคือ บ้านพักตากอากาศหรือสถานพักฟื้นสำหรับคนป่วยกันแน่ ส่วนเรื่องความวุ่นวายที่เริ่มกลับมาที่จวนเฟิงอีกครั้งนั้นมาจากสาเหตุนี้เรื่องแรกคือท่านหวังหย่งเล่อที่มีศักดิ์เป็นพ่อต่อขององค์ฮ่องเต้แคว้นต้าเจียง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นราชครูของไท่จื่อของแคว้นต้าหมิงนั้นเอง เขาได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของต้าหมิงมีหน้าที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ที่เขามีให้กับองค์ไท่จื่อ โดยเฉพาะด้านวรยุทธ์ที่สูงส่งของเขาและกาพย์กลอน แต่ในด้านการเข้าสังคมนั้นองค์ฮ่องเต้หยางเฟยหล
บทที่ 116 ตอนพิเศษ...คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง (ท่านพ่อท่านแม่)ภายในห้องหอที่ประดับประดาด้วยดอกไม้สีชมพูอ่อนระเรื่อ แสงเทียนระยิบระยับส่องกระทบกับผนังสีทองอร่าม กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้และน้ำมันหอมระเหยอบอวลไปทั่วห้องเฟิงมิ่งจู่นั่งก้มอยู่บนเตียงที่ประดับตกแต่งเอาไว้อย่างประณีตสวยงามสมกับเป็นเตียงของบ่าวสาว สีแดงที่ตัดเย็บอย่างประณีตและสวยงามอลังการสมกับเป็นชุดแต่งงานของคู่รักคู่ครองที่เคยอยู่ร่วมกันมานานปี นางกำลังรอให้เจ้าบ่าว หวังหย่งเล่อของนางที่ตอนนี้กำลังยกดื่มสุราอยู่กับเหล่าขุนนาง ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงเดินเข้ามา ในขณะนั้นข้างกายของเฟิงมิ่งจู่นั้นมีบ่าวรับใช่ขั้นหนึ่งที่หวังฮูหยินส่งมาเพื่อดูแลและแนะนำพิธีการต่างๆ อยู่ต้องทราบว่าก่อนหน้านี้ที่ทั้งสองแต่งงานกันนั้นพวกเขาทำด้วยความรีบร้อนและไม่ได้มีพิธีการใดๆ เลยนอกจากกราบไหว้ฟ้าดินกันสองคน เพราะครอบครัวจ้าวนั้นไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของพวกเขา มาตอนนี้หวังหย่งเล่อนั้นต้องการที่จะทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณีทั้งหมดไม่ให้ขาดแม้แต่ขั้นตอนเดียว เขาบอกกับทุกคนว่านี่เป็นวิธีการบอกรักและให้เกียรติฮูหยินของเขาอย่างหนึ่ง ซึ่งทุก
บทที่ 114 ตอนพิเศษ 3 คิดถึงเหลือเกิน..ที่รักของข้าหลังพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของทั้งสองแคว้นผ่านไปชีวิตผู้คนทั้งสองแคว้นต่างก็อยู่กันอย่างปรกติสุข เพราะทั้งสองแคว้นนั้นต่างก็ช่วยเหลือและพึ่งพาอาศัยกัน ตอนนี้ราคาของเกลือและน้ำตาลนั้นลดลงมาเป็นอย่างมากแล้ว เพราะการผลิตที่เข้มงวดและเพิ่มกำลังออกมาเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนของทั้งสองแคว้นได้มีสินค้าที่ดีและมีคุณภาพและราคายุติธรรมออกมาขาย ประชาชนจึงพออกพอใจการบริหารและดูแลพวกเขามาก ตอนนี้ไม่ว่าจะไปทางไหนก็มีแต่คนยกย่องสรรเสริญฮ่องเต้และราชวงค์ ไม่ว่าพวกเขาเดินทางไปทางไหนผู้คนก็จะทรงพระเจริญไปทั่ว เหล่าราชวงค์ พระสนมนางในต่างก็มีความสุขกันทั่วหน้าด้วยเช่นกัน เพราะว่าตอนนี้การเงิน การทอง และเบี้ยหวัดของพวกนางนั้นฮ่องเต็ได้เพิ่มให้มาขึ้นแล้ว ตอนนี้พวกนางสามารถซื้อครีม ซื้อกระเป๋ารองเท้าตามแบบเว่ยฮองเฮาได้แล้วไม่ว่านางจะออกแบบสิ่งที่เว่ยฮองเฮาเรียกว่า คอลเลกชั่น ออกมากี่คอลเลกชั่นพวกนางก็สามารถสั่งซื้อได้ทันที ความสุขจึงได้เกิดขึ้นภายในวังมังกรของฮ่องเต้หยางเฟยหลงแล้วแต่ทว่าสิ่งเหล่านั้นหาได้เกิดขึ้นกับวังหลงหว่างฝู่ ของชินอ๋องอย่างสิ้นเชิง เวล
ตอนที่ 113 ตอนพิเศษ2 ฮันนีมูนที่ปารีสดึกดื่นคืนหนึ่งภายใต้แสงจันทร์นวลฉายแสงระยิบระยับลงบนผิวน้ำใสของทะเลสาบหูซีอันเลื่องชื่อบรรยากาศเงียบสงบ ไร้เสียงรบกวนเหลือเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งแผ่วเบาฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนที่ทรงว่างจากภาระงานราชการพระองค์เอ่ยชวนเฟิงฮองเฮาอันเป็นที่รักกลับมาที่แคว้นต้าหมิง โดยทิ้งเหล่าองค์ชายและองค์หญิงให้กับทางแม่ยายและพ่อตาดูแล ฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนทรงจับมือเฟิงฮองเฮาสุดที่รัก พาท่านล่องเรือไม้ลำน้อยออกสู่กลางทะเลสาบ สายลมเย็นพัดโชยมาแตะใบหน้า กลิ่นหอมของดอกไม้ป่าโชยมาตามสายลม บรรยากาศโรแมนติกโอบล้อม ฉู่อี้เทียนที่มีเฟิงฮองเฮาอิงแอบอยู่ในอ้อมแขน เขาก้มลงมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ทรงเอ่ยขึ้นว่า"คืนนี้น้องหญิงช่างงดงามเหลือเกิน" ก่อนจะจุมพิตลงบนผมที่มีกลิ่นหอมของดอกกุหลาบอ่อนๆ ของนางเฟิงฮองเฮาเงยหน้าขึ้นมา นางยื่นหน้าขึ้นมาจูบที่คางของเขาเบาๆ และยิ้มอย่างอ่อนหวาน ก่อนจะเอ่ยตอบว่า“ท่านพี่ก็เช่นกัน คืนนี้ท่านดูหล่อเหลาเป็นพิเศษข้าชอบ”พูดเสร็จก็ยื่นหน้าไปจุมพิตเขาอีก 2 ทีฉู่อี้เทียนยิ้มทรงโอบไหล่เฟิงฮองเฮาเข้าไว้เขาค่อยๆ ถอนหายใจออกมาอย่างมีความสุข และ
บทที่ 113 ตอนพิเศษ 1 CPR มิใช่การจุมพิตแต่เป็นการช่วยชีวิต“เพี๊ยะ!”ใบหน้าอันหล่อเหลาของคุณชายถงเจี้ยนหลานหันไปตาแรงตบของฝ่ามือเล็กๆ นั้น เขาค่อยๆ หันหน้ากลับมาและมองมือเล็กที่ยังคงเปียกชื้นอยู่ ซึ่งตอนนี้มันแดงก่ำเพราะการใช้กำลัง และแน่นอนบนใบหน้าของเขาก็ปรากฎรอยแดงขึ้นมาทันทีเช่นกัน“เจ้า..เจ้าคนสารเลว เจ้าเป็นโจรเด็ดบุปผาหรืออย่างไรกัน ทำไมถึงได้ทำกับข้ากลางวันแสกๆเช่นนี้” เสียงเล็กหวาน แว๊ดขึ้นมาใส่เขาอีกครั้งหนึ่ง นางน่าจะตกใจจนลืมไปว่าตัวเองเพิ่งจะตกน้ำจนหมดสติไป ตอนนี้ถงเจี้ยนหลานยังคงหาเสียงของตัวเองไม่เจอและเขาก็ค่อนข้างตกใจเหมือนกันที่อยู่ๆ ก็โดนตบเช่นนี้ เขาที่เป็นถึงเจ้ากระทรวงสาธารณสุขที่ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นต้าหมิง ช่วยชีวิตคนแล้วโดนตบ รู้ถึงไหนอายถึงนั้นจริงๆ แล้ว!!!!ย้อนไปเมื่อ หนึ่งเคอก่อนหน้านี้ ถงเจี้ยนหลานที่ปีนี้อายุอานามเข้า35ปีแล้ว แต่ว่าเขายังไม่แต่งงาน ตอนนี้เขากำลังอ่านหนังสือแพทย์ที่ท่านอาจารย์ซึ่งก็คือฮองเฮาแห่งแคว้นตาเจียงให้มา ในหนังสือแพทย์เล่มนั้นสอนเรื่องการผ่าตัดที่ซับซ้อนทำให้เขาสนใจมาก ตอนนี้คุณชายถงเจี้ยนหลานนั้นมีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงเจ้ากระทรวงสาธา
บทที่ 112 การจากลา (จบ)พิธีแต่งงานระหว่างสองแคว้น ต้าเจียงและต้าหมิง จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ ด้วยการเฉลิมฉลองที่ยาวนานถึง 7 วัน 7 คืน ประชาชนต่างมาร่วมแสดงความยินดีอย่างล้นหลาม สร้างความชื่นมื่นทั่วทั้งแคว้นต้าเจียง นับเป็นงานสมรสที่ยิ่งใหญ่และทรงเกียรติที่สุดในยุคสมัยสามเดือนผ่านไป ภายในพระตำหนัก ฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนในเวลานี้กำลังนอนเอนอยู่บนแท่นบรรทมอันหนานุ่มที่ฮองเฮาทรงเตรียมไว้เป็นพิเศษ ข้างกายของพระองค์มีจานมะนาวฝานบางๆ วางอยู่ ถัดจากนั้นเป็นถาดผลไม้รสเปรี้ยวหลากหลายชนิด ตั้งเรียงไว้เพื่อช่วยบรรเทาอาการอยากอาเจียนที่ฮ่องเต้กำลังประสบ ฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนหลับตาแน่น คิ้วขมวดเป็นปม พร้อมกับอมมะนาวไว้ในปากเพื่อบรรเทาความรู้สึกคลื่นไส้ที่ไม่หายไปง่ายๆขันทีประจำพระองค์ยืนอยู่ใกล้ๆ คอยมองด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าฮองเฮา ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะตรวจและบอกไปแล้วว่านี่เป็นอาการปรกติของผู้ชายที่ "แพ้ท้องแทนเมีย" ซึ่งไม่ร้ายแรงและจะหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป แต่ความทุกข์ทรมานที่ฮ่องเต้ต้องเผชิญทุกครั้งที่มีอาการอยากอาเจียน ทำให้ขันทีอดที่จะรู้สึกไม่สบายใจตามไปด้วยไม่ได้ฮ่องเต้ฉู่อี้เทีย
บทที่ 111 แต่งงานด้วยความสำเร็จในการป้องกันและควบคุมโรคระบาดครั้งนี้ ฮ่องเต้หยางเฟยหลงทรงรู้สึกพอพระทัยอย่างยิ่ง พระองค์ทรงเห็นถึงความร่วมมือและความเสียสละของประชาชนที่ช่วยกันฝ่าฟันวิกฤตใหญ่หลวงนี้มาได้ ด้วยความยินดี พระองค์ทรงตกรางวัลให้กับเหล่าขุนนาง ตั้งแต่ตำแหน่งสูงสุดจนถึงคนงานเก็บขยะที่ทำงานอย่างหนัก ทุกคนได้รับการยกย่องในความพยายามและความตั้งใจบรรยากาศในเมืองเต็มไปด้วยความชื่นชมและความสุข แม้จะเพิ่งผ่านหายนะครั้งใหญ่ แต่การปลอบขวัญและการสนับสนุนจากฮ่องเต้ที่ประชาชนรัก ทำให้ทุกคนมีกำลังใจและพร้อมที่จะก้าวต่อไป อีกคนหนึ่งที่ประชาชนไม่มีทางลืมบุญคุณได้คือ จวิ่นจู่เว่ยเว่ย ผู้หญิงเก่งของแคว้นต้าหมิง นางเป็นผู้ที่นำความรู้และความสามารถมาช่วยเหลือแคว้นในยามที่ต้องการมากที่สุดตอนนี้ ครอบครัวหลายๆ ครอบครัวที่มีลูกสาว ต่างก็ปรารถนาให้ลูกหลานของตนได้เรียนแพทย์และพยาบาลเช่นเดียวกับจวิ่นจู่เว่ยเว่ย พวกเขาเห็นว่านี่เป็นวิธีที่ลูกสาวของพวกเขาจะสามารถช่วยเหลือแคว้นและชุมชนในยามที่ลำบาก เช่นเดียวกับที่จวิ่นจู่ได้ทำ สตรีในแคว้นต้าหมิงได้รับแรงบันดาลใจจากนาง ทำให้เกิดความตื่นตัวในการศึกษาและพ
บทที่ 110 ผ่านพ้นหายนะครั้งใหญ่วันเวลาผันผ่านไปไวราวกับสายลมพัด แคว้นต้าหมิงหลังจากเผชิญหน้ากับฤดูฝนที่ยาวนานและโหดร้าย ก็ต้องพบกับภัยแล้งที่จวิ่นจู่เคยเอ่ยเตือนเอาไว้จริงๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่แคว้นต้าหมิงได้เตรียมการรับมือไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งจากการให้ความช่วยเหลือจากแคว้นต้าเจียง ทำให้พวกเขาสามารถผ่านพ้นภัยแล้งนี้ไปได้ แม้ว่าจะเป็นไปอย่างทุลักทุเล แต่ก็ไม่ถึงกับสิ้นหวังประชาชนในแคว้นต้าหมิง แม้จะเผชิญอุปสรรคมากมายในปีนี้ แต่พวกเขากลับรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้งใจ เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้ของพวกเขาไม่เคยทอดทิ้ง ไม่ว่าช่วงเวลาจะยากลำบากเพียงใด พระองค์ทรงจัดหาอาหาร น้ำดื่ม และแม้แต่แจกเงินเพื่อบรรเทาทุกข์ ช่วยให้ประชาชนสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้ด้วยการสนับสนุนและส่งเสริมอย่างต่อเนื่องจากราชสำนัก ทำให้ประชาชนในแคว้นต้าหมิงมีกำลังใจและแรงใจมากขึ้น พวกเขาตระหนักดีว่าฮ่องเต้ของพวกเขาทรงห่วงใยและคอยดูแลไม่เพียงแค่ในยามที่บ้านเมืองสงบสุข แต่ยังรวมถึงในยามที่เกิดวิกฤติอย่างนี้ด้วย ความเชื่อมั่นในผู้นำเพิ่มพูนขึ้น และประชาชนต่างพร้อมใจกันที่จะฟื้นฟูบ้านเมือง และสู้ต่อไปด้วยคว
บทที่109 ข้าต้องการเวลา“ต่อไปนี้สำนักแห่งนี้คือสำนักพลังจิตเฟิงหวง ข้าคือรองเจ้าสำนัก ส่วนเจ้าสำนักตัวจริงนั้นยังไม่มา คิดว่าอีกไม่นานนางก็คงจะว่างมาที่นี่”หวังหย่งเล่อที่ตอนนี้เดินขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งเจ้าสำนักและพูดขึ้นมา“งานสกปรกทุกชนิดที่พวกเจ้าเคยทำให้หยุดให้หมด และเปิดรับลูกศิษย์ใหม่อีกครั้ง ส่วนพวกเจ้ามีทางเลือก เพียงหนึ่งทางเท่านั้นคือ สวามิภักดิ์ต่อข้าเพียงคนเดียว”เมื่อเขาเอ่ยเสร็จ ก็มีเสียงเล็กๆ ดังขึ้นมาจากแถวด้านหลังสุดของเหล่าศิษย์เก่าของสำนัก เอ่ยเบาๆ เหมือนคุยกันเองสองคนว่า“หากว่ามีแค่ทางเดียวจะเรียกว่าทางเลือกได้อย่างไรกัน เขาเรียกว่าบังคับ!!!”จากนั้นสายตาเกือบสิบคู่ก็พุ่งไปหาเจ้าของเสียงนั้นทันที ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเห็นด้วยที่เจ้านี่พูด แต่เจ้าจำเป็นต้องพูดออกมารึ เจ้าโง่!! สายตาประนามเหล่านั้นทำให้เจ้าคนที่พูดแทบจะเงยหน้าไม่ขึ้นเลยทีเดียว....เจ้านั้นเหมือนจะรู้ตัวว่าคิดเสียงดังไปจึงได้ค่อยๆ ก้มหน้ามองหามดหาแมลงบนพื้นอย่างแข็งขันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาอีกเลย…“ส่วนงานที่พวกเจ้าจะรับต่อไปนั้นคืองานสำนักคุ้มภัย รับดูแลคุ้มครองสินค้าและบุคคลสำคัญของทั้งสองแคว้น และคอยช่วย