บทที่ 30 โรงประมูลพยัคฆ์แดงหลังจากท่านแม่เดินไปหลังบ้านเพื่อดูเจ้าม้าเหงื่อโลหิตอยู่ครู่หนึ่งเมื่อนางเดินกลับมาจ้าวเว่ยเว่ยสังเกตเห็นหน้าผากของนางนั้นมีเหงื่อขึ้นมาตรงไรผมเล็กน้อยทั้งๆ ที่ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นแล้วก็ตาม นี่คงไม่ได้ไปทำอะไรมาอีกหรอกนะเจ้าค่ะท่านแม่! จ้าวเว่ยเว่ยคิด จากนั้นทั้งสี่แม่ลูกก็กระโดดขึ้นรถม้าที่ท่านแม่เตรียมจะขับออกจากบ้าน จ้าวเว่ยเว่ยเมื่อขึ้นมาบนรถม้าก็มองน้องๆ ที่ตอนนี้หาที่เกาะกันคนละมุมในรถม้าแล้วปากกระตุกนิดหน่อยพลางคิดว่าในใจว่า ไม่เหลือที่ให้พี่ใหญ่เกาะเลยนะเจ้าพวกนี้!แน่นอนด้วยการซิ่งแบบตีนผีของท่านแม่รถม้าของพวกเขามาถึงเมืองฟงในเวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วยามเท่านั้นซึ่งเป็นการทำลายสถิติเดิมที่ท่านแม่เคยทำเอาไว้เสียด้วยซ้ำ ในตอนที่เด็กๆ ลงจากรถม้า จ้าวเว่ยเว่ยและน้องๆ ถึงกับขาสั่นอยู่สักครู่ถึงได้ยืนกันได้แบบปรกติ พลางคิดกันในใจว่า สรุปว่าที่ผ่านมาคนอื่นเขาขับรถม้ากันไม่เป็นหรือว่าเป็นท่านแม่นั้นเข้าถึงศาตร์ด้านการขับรถม้าอย่างถ่องแท้กว่าพวกเขากันแน่!!!!ส่วนท่านแม่นั้นพอได้ออกมาซิ่งสีหน้าก็สดชื่นมากทีเดียว เพราะว่าตอนนี้อากาศเริ่มจะเย็นลงมากแล้ว ทำให้ตลา
บทที่ 31 ผ่าตัดต่อมือให้ฮูหยินท่านเจ้าเมืองหลังจากออกมาจากร้านขายสมุนไพรจงหยาเปาถุงสองแม่ลูกก็จูงเจ้าเล็กกับเจ้ารองเดินซื้อของกันอย่างสนุกสนาน จ้าวเว่ยเว่ยคิดว่าตัวเองช่างโชคดีจริงๆ ที่ถึงแม้จะทะลุมิติมาและมีภารกิจใหญ่หลวงรออยู่แต่ว่าชีวิตก็ไม่ได้ลำบากมาก ยังสามารถเดินช็อปปิ้งได้บ่อยกว่าครั้งที่อยู่ยุคนั้นเสียอีก เพราะในยุคนั้นด้วยความที่เป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงมากดังนั้นคิวการผ่าตัดที่นางรับเอาไว้นั้นยาวเหยียบข้ามปีเลยทีเดียว การจะหาเวลาออกไปซื้อของอย่างสบายใจจึงเป็นเรื่องอยากเพราะนางจะคิดเสมอว่าในตอนที่นางช็อปปิ้งสบายใจอยู่นั้น ยังมีคนไข้ที่นอนรอความหวังที่จะรอดชีวิตจากมือของนางอยู่ เมื่อคิดเช่นนี้ทีไรโปรแกรมการช็อปปิ้งของนางมักจะหดลง เรื่อยๆ จนในที่สุดก็คือ แทบจะไม่ได้ไปเลย ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่นางยังไม่ได้ลงมือรักษาใครอย่างจริงจังเลยก็เลยยังมีเวลาว่าง“ท่านแม่เจ้าคะ ไปดูปิ่นปักผมร้านนั้นดีหรือไม่เจ้าคะ ข้าอยากจะซื้อไปฝากท่านป้าถง ป้าหยู ป้าหง และก็ป้าเจียงด้วยเจ้าค่ะ ข้าเห็นพวกนางต่างก็ใช่ปิ่นไม้ปักผมของตัวเอง ท่านเป็นคนบอกเองว่าตอนที่ข้าถูกป้าสะใภ้ใหญ่ตีเป็นท่านป้าถงวิ่งไปบอก และยั
บทที่ 32 ท่านรับศิษย์หรือไม่?“เออ… เออ ข้าเป็นหมอข้านับเลขได้!”ถงเจี้ยนหลานรู้สึกเหมือนถูกสบประมาทเล็กๆ แต่เขาก็ตอบออกไปและมองค้อนเจ้าเด็กคนนี้เล็กน้อยจ้าวเว่ยเว่ยนำผ้ารองการผ่าตัดออกมาและค่อยให้คุณชายย้ายร่างของฮูหยินมาวางบนผ้าผ่าตัดเพราะเมื่อเสร็จจะได้เก็บกวาดง่าย“เช่นนั้นเรามาเริ่มกันเลย เจ้าเห็นเครื่องมือพวกนี้หรือไม่มันมีทั้งหมด 13 ชนิดเริ่มจากชิ้นนี้เป็นชิ้นที่ 1 นี้เป็นชิ้นที่ 2 ไล่ไปจนถึงนี้เป็นชิ้นที่ 13 หากว่าข้าเรียกชิ้นที่เท่าไหร่ให้เจ้ายื่นให้ข้า เจ้าทำได้หรือไม่ มาเรามานับกัน ชิ้นที่1 ชิ้นที่ 2...”เพราะไม่สามารถที่จะบอกชื่ออุปกรณ์การผ่าตัดกับคุณชายถงได้นางจึงใช้วิธีให้เขาจำหมายเลขเอา และเมื่อนางเรียกก็ให้เขายื่นมาให้ จ้าวเว่ยเว่ยนั้นกลัวความผิดพลาดจึงได้ทบทวนกับคุณชายอีกครั้งเมื่อทุกอย่างพร้อมยาสลบที่ฉีดไปก็เริ่มออกฤทธิ์แล้วการผ่าตัดก็เริ่มขึ้น“หยิบชิ้นที่ 7”“หยิบชิ้นที่ 2”การผ่าตัดดำเนินไปเรื่อยๆด้วยความระมัดระวัง “หยิบชิ้นที่ 11 .…...เจ้านับเลขไม่ถึง11หรืออย่างไรกัน นี้มันชิ้นที่ 10 !! แล้วบอกว่านับเลขได้ หยิบใหม่! ” มีเสียงจิกกัดเล็กน้อยแล้วสั่งใหม่“หยิบชิ
บทที่ 33 ท่านคือศิษย์อันดับที่หนึ่งของข้าเช้าวันต่อมาคุณชายก็ให้พ่อบ้านมาเชิญครอบครัวของจ้าวเว่ยเว่ยไปทานอาหารเช้าด้วยกันที่ห้องทานอาหาร เมื่อไปถึงอาหารหวานคาวมากมายถูกจัดเตรียมเอาไว้อย่างดี คุณชายถงเจี้ยนหลานเดินมานั่งเมื่อเขาหยิบตะเกียบคีบอาหารทุกคนก็เริ่มทานอาหารกันทันที เมื่อทานอาหารเสร็จจ้าวเว่ยเว่ยและคุณชายตกลงที่จะไปตรวจอาการของท่านฮูหยินเอกของท่านเจ้าเมืองก่อน หลังจากเมื่อคืนที่ไปตรวจก็พบว่าอาการของนางดีขึ้นมาก หลังจากฉีดยาให้อีกหนึ่งเข็มและบอกวิธีดูแลเบื้องต้นให้กับสาวใช้คนสนิทของฮูหยินพวกเขาทั้งสองก็กลับออกมาวันนี้ท่านแม่บอกว่าจะไปหากองคาราวานเพื่อสืบหาปรมาจารย์ท่านนั้นให้ซึ่งจ้าวเว่ยเว่ยก็ตกลงโดยวันนี้พวกเขาให้เด็กๆ เล่นอยู่ที่จวนก่อน เพราะจ้าวเว่ยเว่ยคิดว่านางไปไม่นานก็กลับแล้วขณะที่เดินลงจากรถม้าเพื่อเข้าไปในจวนท่านเจ้าเมืองจ้าวเว่ยเว่ยก็ยังหิ้วกระเป๋าเครื่องมือแพทย์ใบเดิม ถงเจี้ยนหลานเห็นเช่นนั้นจึงได้เอื้อมมือมาและดึงไปถือเองเมื่อพบว่ากระเป๋าค่อนข้างหนักทีเดียว และเขาก็เอ่ยขึ้นมาตามประสาคนขี้สงสัยว่า“คุณหนูขอรับกระเป๋าใบนี้คือกระเป๋าวิเศษใช่หรือไม่ขอรับ เพราะข้าเห็
บทที่ 34 ข้าต้องการหย่า“ท่านหมอน้อย ข้อมือที่ขาดไปแล้วของหลานสาวของข้าท่านกลับต่อกลับเข้าไปใหม่ได้ นี่มันอะไรกันแน่ขอรับ มันยังมีวิชาแพทย์ที่พิสดารแบบนี้อยู่ในโลกจริงๆ หรือ? และสิ่งที่เรียกว่าการผ่าตัดอะไรนั้นอีก ท่านหมอทำได้อย่างไรกันขอรับ เอ แต่ว่าท่านคือหมอเทวดานี้น่าเรื่องแบบนี้คงจะมีแต่หมอเทวดาเท่านั้นที่จะทำได้สินะ”ในที่สุดใต้เท้าหวังก็เอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาใจและสงสัยที่สุดออกมา จะไม่ให้ถามได้อย่างไร เขาเกิดมาจนผมขาวไปครึ่งศีรษะแบบนี้แล้วเพิ่งจะเคยพบเคยได้ยินเรื่องเช่นนี้ ตอนนี้ถงเจี้ยนหลานนั้นถอยออกมาแล้ว และก่อนที่จะถอยเขายังกระซิบบอกอาจารย์ของเขาด้วยว่าใต้เท้าหวังเทียนซาน คนนี้เป็นใคร เขามีอำนาจล้นฟ้าเหนือคนนับแสนนับล้าน และใต้หล้านี้เขาอยู่ภายใต้คนเพียงคนเดียวเท่านั้นเมื่อใต้เท้าหวังต้องการคุยกับอาจารย์เขาจึงได้ขยับออกไปด้านข้างให้อาจารย์น้อยของเขาได้คุยกับใต้เท้าหวังเต็มที่ ส่วนกั่วม่านม่านนั้น เมื่อรู้ว่าความจริงแล้วคนที่รักษาและต่อมือให้นางคือเด็กน้อยคนนี้นางก็ตกใจเป็นอย่างมากพลางคิดว่าแม้จะเด็กแต่ก็ช่างมีฝีมือร้ายกาจจริงๆ“ข้าไม่ใช่หมอเทวดาอะไรหรอกเจ้าค่ะใต้เท้าหวัง สิ่
บทที่ 35 ภูติดำภูติขาว“ท่านลุงเจ้าค่ะ ข้าต้องการหย่าเจ้าค่ะ” กั่วม่านม่านไม่มองหน้าสามีของหน้าเลยขณะที่พูดออกมา“ฮูหยิน ฮูหยินทำไมเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าขอโทษที่ผ่านมาเป็นข้าเองที่ผิด ข้าขอโทษ ฮูหยินได้โปรดให้โอกาสข้าสักครั้งเถิด.....”ใต้เท้าหวังเทียนซาน จ้าวเว่ยเว่ย คุณชายถงเจี้ยนหลาน และเสี่ยวเหม่ยต่างก็หันหน้ามองกันไปมา จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจพร้อมกัน เฮ้อออ...เรื่องของผัวเมียสินะ ตอนนี้คงไม่ใช่หน้าที่ของพวกเขาที่จะจัดการแล้วล่ะ เริ่มจากจ้าวเว่ยเว่ยที่หันหน้าไปทางประตูและเดินออกมา ตามด้วยศิษย์อันดับที่หนึ่งของนางและเสี่ยวเหม่ย ใต้เท้าหวังนั้นถอนหายใจและพูดหนึ่งประโยคก่อนจะตามทุกคนออกมานั้นคือ“พวกเจ้าตกลงกันเองเถิด ได้เรื่องอย่างไรค่อยมาบอกข้าก็แล้วกัน” แล้วเขาก็รีบเดินตามคนอื่นออกมาเดี๋ยวก็ไม่ทันท่านหมอน้อยกันพอดี“ท่านลุง ท่านลุงท่านอย่าเพิ่งไปเจ้าค่ะ..ข้าต้องการหย่าจากเขาจริงๆ เจ้าค่ะท่านลุง ท่านลุง.”“ไม่ ไม่ ไม่ฮูหยินข้าไม่ยอมหย่า ข้ารู้ตัวเองแล้วว่าข้าผิด ฮูหยินให้โอกาสข้าสักครั้งนะข้าสัญญ.....”เสียงพูดง้องอน คำตัดพ้อ และคำสัญญาที่ไม่อาจจะทำได้ของเจ้าเมืองฟงที่บอกฮูหยินของเขา
บทที่ 36 เงาอดีต“ท่านแม่! ท่านแม่เจ้าคะ”“มีอะไร มีอะไรลูกรัก”จ้าวเว่ยเว่ยเรียกนางจ้าวเม่ยอยู่ 2-3 ครั้งนางจ้าวเม่ยถึงได้รู้สึกตัว ท่านแม่มีอาการเช่นนี้ตั้งแต่ท่านแม่กลับมาจากไปตามหากองคาราวาน เมื่อกลับมาท่านแม่จ้าวเม่ยก็มีอาการหวาดระแวงและเหม่อลอยจนจ้าวเว่ยเว่ยเรียกอยู่หลายครั้งจึงได้รู้สึกตัว ตอนกลับมาถึงจวนของคุณชายถง นางจ้าวเม่ยก็รีบเก็บข้าวของและขึ้นรถม้ารอลูกๆ ทันที ไม่ถามพวกนางเลยว่าต้องการที่จะซื้อของอีกหรือไม่ จากนั้นก็บึ่งรถม้ากลับมาหมู่บ้านเลียงทันที จนคุณชายถงที่อยากจะมาด้วยต้องเปลี่ยนใจเพราะว่าตามไม่ทันรถม้าของท่านแม่“ท่านแม่ได้ข่าวของท่านปรมาจารย์ผู้ลึกลับท่านนั้นหรือไม่เจ้าคะ”จ้าวเว่ยเว่ยเอ่ยถามเมื่อพวกเขาถึงบ้านในที่สุด และท่านแม่ก็รีบไปปิดประตูหน้าต่างทั้งบ้านทันที พฤติกรรมน่าสงสัยขนาดนี้จะไม่ให้นางถามได้อย่างไร“แม่ แม่ฝากคำพูดไปแล้วคิดว่าท่านปรมาจารย์คงจะได้รับนะลูก”จ้าวเม่ยตอบส่งๆ ไป ตอนนี้นางไม่มีสมาธิที่จะจดจ่อกับคำพูดของลูกสาวเลย จากนั้นนางจ้าวเม่ยก็เดินเข้าห้องของตัวเองและปิดประตูห้องทันที จ้าวเว่ยเว่ยมองตามด้วยความสงสัย มันเกิดอะไรขึ้นกับท่านแม่ในต้องที่ต
บทที่ 37 พลังจิตที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ …..กระจกสั่งวิญญาณนั้นเริ่มจะมีปฎิกิริยาตอบสนองต่อคาถาโบราณที่นางเฝ้าท่องอยู่หลายปี วันนั้นเป็นวันที่ลูกสาวของนางป่วยนอนไม่มีเรี่ยวแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อนางกลับมาจากทำงานก็เข้าไปดูลูกสาวเมื่อเห็นว่านางหลับอยู่นางจึงได้ไม่ปลุก จ้าวเม่ยนั้นรู้สึกสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง นางรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมากลางหน้าอกของนางมันเป็นความอบอุ่นที่นางคุ้นเคยเมื่อสิบหกปีก่อนนั้นเองกลางดึกคืนนั้นเมื่อลูกๆ หลับนางจึงได้เดินไปหยิบกระจกสั่งวิญญาณที่นางเก็บเอาไว้อย่างดีขึ้นมาดู จากนั้นนางก็ท่องคาถาโบราณที่ใช้ควบคุมกระจกเบาๆ เพียงไม่นางกระจกก็มีปฎิกิริยาตอบสนอง มันมีแสงสีทองสว่างวับขึ้นมาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะจางหายไป จ้าวเม่ยดีใจมาก นางจึงลองใช้พลังจิตของตัวเองดูอีกครั้ง นางมองไปที่ผ้าห่มผืนบางที่หลุดจากร่างของเจ้าเล็กชิงชิง และสั่งให้ผ้าห่มคลุมกลับเข้ามาใหม่ ผ้าห่มผืนบางค่อยๆ ขยับขึ้นมา แต่แล้วไม่นานมันก็ตกลงไปเช่นเดิม เช่นเดียวกับนางจ้าวเม่ยที่ตอนนั้นทั้งเหงื่อไหลออกมาเต็มตัวและมีเลือดซึมออกมาจากปากด้วย เพราะนางใช้พลังไปเยอะม
ตอนพิเศษ บทส่งท้าย ท่านราชครูหวังหย่งเล่อหลังพิธีแต่งงานของคุณชายหวังหย่งเล่อและเฟิงมิ่งจู่ผ่านมา 6 เดือน ตอนนี้อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันปีใหม่เช้าวันที่หนาวเหน็บหิมะตกโปรยปรายบรรยากาศเหมาะสมกับการเฉลิมฉลองเป็นอย่างยิ่งและอีก 2 วันก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว จวนเฟิงตอนนี้ถือได้ว่าคึกคักขึ้นมาไม่น้อย เพราะตั้งแต่ที่เฟิงฮองเฮาแต่งออกไปที่แคว้นต้าเจียง บรรดาคนไข้ต่างๆ ก็ลดลงมากทำให้จวนเฟิงไม่ค่อยได้รับแขกที่เป็นคนไข้อีกแล้ว แต่ทว่าบ้านพักฟื้นนั้นกลับไม่เคยว่างเลยก็ว่าได้ มันถูกจองเต็มกันข้ามปีกันเลยทีเดียว จนเฟิงฮองเฮานั้นชักจะสงสัยแล้วว่าที่นางทำนั้นคือ บ้านพักตากอากาศหรือสถานพักฟื้นสำหรับคนป่วยกันแน่ ส่วนเรื่องความวุ่นวายที่เริ่มกลับมาที่จวนเฟิงอีกครั้งนั้นมาจากสาเหตุนี้เรื่องแรกคือท่านหวังหย่งเล่อที่มีศักดิ์เป็นพ่อต่อขององค์ฮ่องเต้แคว้นต้าเจียง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นราชครูของไท่จื่อของแคว้นต้าหมิงนั้นเอง เขาได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของต้าหมิงมีหน้าที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ที่เขามีให้กับองค์ไท่จื่อ โดยเฉพาะด้านวรยุทธ์ที่สูงส่งของเขาและกาพย์กลอน แต่ในด้านการเข้าสังคมนั้นองค์ฮ่องเต้หยางเฟยหล
บทที่ 116 ตอนพิเศษ...คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง (ท่านพ่อท่านแม่)ภายในห้องหอที่ประดับประดาด้วยดอกไม้สีชมพูอ่อนระเรื่อ แสงเทียนระยิบระยับส่องกระทบกับผนังสีทองอร่าม กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้และน้ำมันหอมระเหยอบอวลไปทั่วห้องเฟิงมิ่งจู่นั่งก้มอยู่บนเตียงที่ประดับตกแต่งเอาไว้อย่างประณีตสวยงามสมกับเป็นเตียงของบ่าวสาว สีแดงที่ตัดเย็บอย่างประณีตและสวยงามอลังการสมกับเป็นชุดแต่งงานของคู่รักคู่ครองที่เคยอยู่ร่วมกันมานานปี นางกำลังรอให้เจ้าบ่าว หวังหย่งเล่อของนางที่ตอนนี้กำลังยกดื่มสุราอยู่กับเหล่าขุนนาง ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงเดินเข้ามา ในขณะนั้นข้างกายของเฟิงมิ่งจู่นั้นมีบ่าวรับใช่ขั้นหนึ่งที่หวังฮูหยินส่งมาเพื่อดูแลและแนะนำพิธีการต่างๆ อยู่ต้องทราบว่าก่อนหน้านี้ที่ทั้งสองแต่งงานกันนั้นพวกเขาทำด้วยความรีบร้อนและไม่ได้มีพิธีการใดๆ เลยนอกจากกราบไหว้ฟ้าดินกันสองคน เพราะครอบครัวจ้าวนั้นไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของพวกเขา มาตอนนี้หวังหย่งเล่อนั้นต้องการที่จะทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณีทั้งหมดไม่ให้ขาดแม้แต่ขั้นตอนเดียว เขาบอกกับทุกคนว่านี่เป็นวิธีการบอกรักและให้เกียรติฮูหยินของเขาอย่างหนึ่ง ซึ่งทุก
บทที่ 114 ตอนพิเศษ 3 คิดถึงเหลือเกิน..ที่รักของข้าหลังพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของทั้งสองแคว้นผ่านไปชีวิตผู้คนทั้งสองแคว้นต่างก็อยู่กันอย่างปรกติสุข เพราะทั้งสองแคว้นนั้นต่างก็ช่วยเหลือและพึ่งพาอาศัยกัน ตอนนี้ราคาของเกลือและน้ำตาลนั้นลดลงมาเป็นอย่างมากแล้ว เพราะการผลิตที่เข้มงวดและเพิ่มกำลังออกมาเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนของทั้งสองแคว้นได้มีสินค้าที่ดีและมีคุณภาพและราคายุติธรรมออกมาขาย ประชาชนจึงพออกพอใจการบริหารและดูแลพวกเขามาก ตอนนี้ไม่ว่าจะไปทางไหนก็มีแต่คนยกย่องสรรเสริญฮ่องเต้และราชวงค์ ไม่ว่าพวกเขาเดินทางไปทางไหนผู้คนก็จะทรงพระเจริญไปทั่ว เหล่าราชวงค์ พระสนมนางในต่างก็มีความสุขกันทั่วหน้าด้วยเช่นกัน เพราะว่าตอนนี้การเงิน การทอง และเบี้ยหวัดของพวกนางนั้นฮ่องเต็ได้เพิ่มให้มาขึ้นแล้ว ตอนนี้พวกนางสามารถซื้อครีม ซื้อกระเป๋ารองเท้าตามแบบเว่ยฮองเฮาได้แล้วไม่ว่านางจะออกแบบสิ่งที่เว่ยฮองเฮาเรียกว่า คอลเลกชั่น ออกมากี่คอลเลกชั่นพวกนางก็สามารถสั่งซื้อได้ทันที ความสุขจึงได้เกิดขึ้นภายในวังมังกรของฮ่องเต้หยางเฟยหลงแล้วแต่ทว่าสิ่งเหล่านั้นหาได้เกิดขึ้นกับวังหลงหว่างฝู่ ของชินอ๋องอย่างสิ้นเชิง เวล
ตอนที่ 113 ตอนพิเศษ2 ฮันนีมูนที่ปารีสดึกดื่นคืนหนึ่งภายใต้แสงจันทร์นวลฉายแสงระยิบระยับลงบนผิวน้ำใสของทะเลสาบหูซีอันเลื่องชื่อบรรยากาศเงียบสงบ ไร้เสียงรบกวนเหลือเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งแผ่วเบาฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนที่ทรงว่างจากภาระงานราชการพระองค์เอ่ยชวนเฟิงฮองเฮาอันเป็นที่รักกลับมาที่แคว้นต้าหมิง โดยทิ้งเหล่าองค์ชายและองค์หญิงให้กับทางแม่ยายและพ่อตาดูแล ฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนทรงจับมือเฟิงฮองเฮาสุดที่รัก พาท่านล่องเรือไม้ลำน้อยออกสู่กลางทะเลสาบ สายลมเย็นพัดโชยมาแตะใบหน้า กลิ่นหอมของดอกไม้ป่าโชยมาตามสายลม บรรยากาศโรแมนติกโอบล้อม ฉู่อี้เทียนที่มีเฟิงฮองเฮาอิงแอบอยู่ในอ้อมแขน เขาก้มลงมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ทรงเอ่ยขึ้นว่า"คืนนี้น้องหญิงช่างงดงามเหลือเกิน" ก่อนจะจุมพิตลงบนผมที่มีกลิ่นหอมของดอกกุหลาบอ่อนๆ ของนางเฟิงฮองเฮาเงยหน้าขึ้นมา นางยื่นหน้าขึ้นมาจูบที่คางของเขาเบาๆ และยิ้มอย่างอ่อนหวาน ก่อนจะเอ่ยตอบว่า“ท่านพี่ก็เช่นกัน คืนนี้ท่านดูหล่อเหลาเป็นพิเศษข้าชอบ”พูดเสร็จก็ยื่นหน้าไปจุมพิตเขาอีก 2 ทีฉู่อี้เทียนยิ้มทรงโอบไหล่เฟิงฮองเฮาเข้าไว้เขาค่อยๆ ถอนหายใจออกมาอย่างมีความสุข และ
บทที่ 113 ตอนพิเศษ 1 CPR มิใช่การจุมพิตแต่เป็นการช่วยชีวิต“เพี๊ยะ!”ใบหน้าอันหล่อเหลาของคุณชายถงเจี้ยนหลานหันไปตาแรงตบของฝ่ามือเล็กๆ นั้น เขาค่อยๆ หันหน้ากลับมาและมองมือเล็กที่ยังคงเปียกชื้นอยู่ ซึ่งตอนนี้มันแดงก่ำเพราะการใช้กำลัง และแน่นอนบนใบหน้าของเขาก็ปรากฎรอยแดงขึ้นมาทันทีเช่นกัน“เจ้า..เจ้าคนสารเลว เจ้าเป็นโจรเด็ดบุปผาหรืออย่างไรกัน ทำไมถึงได้ทำกับข้ากลางวันแสกๆเช่นนี้” เสียงเล็กหวาน แว๊ดขึ้นมาใส่เขาอีกครั้งหนึ่ง นางน่าจะตกใจจนลืมไปว่าตัวเองเพิ่งจะตกน้ำจนหมดสติไป ตอนนี้ถงเจี้ยนหลานยังคงหาเสียงของตัวเองไม่เจอและเขาก็ค่อนข้างตกใจเหมือนกันที่อยู่ๆ ก็โดนตบเช่นนี้ เขาที่เป็นถึงเจ้ากระทรวงสาธารณสุขที่ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นต้าหมิง ช่วยชีวิตคนแล้วโดนตบ รู้ถึงไหนอายถึงนั้นจริงๆ แล้ว!!!!ย้อนไปเมื่อ หนึ่งเคอก่อนหน้านี้ ถงเจี้ยนหลานที่ปีนี้อายุอานามเข้า35ปีแล้ว แต่ว่าเขายังไม่แต่งงาน ตอนนี้เขากำลังอ่านหนังสือแพทย์ที่ท่านอาจารย์ซึ่งก็คือฮองเฮาแห่งแคว้นตาเจียงให้มา ในหนังสือแพทย์เล่มนั้นสอนเรื่องการผ่าตัดที่ซับซ้อนทำให้เขาสนใจมาก ตอนนี้คุณชายถงเจี้ยนหลานนั้นมีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงเจ้ากระทรวงสาธา
บทที่ 112 การจากลา (จบ)พิธีแต่งงานระหว่างสองแคว้น ต้าเจียงและต้าหมิง จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ ด้วยการเฉลิมฉลองที่ยาวนานถึง 7 วัน 7 คืน ประชาชนต่างมาร่วมแสดงความยินดีอย่างล้นหลาม สร้างความชื่นมื่นทั่วทั้งแคว้นต้าเจียง นับเป็นงานสมรสที่ยิ่งใหญ่และทรงเกียรติที่สุดในยุคสมัยสามเดือนผ่านไป ภายในพระตำหนัก ฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนในเวลานี้กำลังนอนเอนอยู่บนแท่นบรรทมอันหนานุ่มที่ฮองเฮาทรงเตรียมไว้เป็นพิเศษ ข้างกายของพระองค์มีจานมะนาวฝานบางๆ วางอยู่ ถัดจากนั้นเป็นถาดผลไม้รสเปรี้ยวหลากหลายชนิด ตั้งเรียงไว้เพื่อช่วยบรรเทาอาการอยากอาเจียนที่ฮ่องเต้กำลังประสบ ฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนหลับตาแน่น คิ้วขมวดเป็นปม พร้อมกับอมมะนาวไว้ในปากเพื่อบรรเทาความรู้สึกคลื่นไส้ที่ไม่หายไปง่ายๆขันทีประจำพระองค์ยืนอยู่ใกล้ๆ คอยมองด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าฮองเฮา ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะตรวจและบอกไปแล้วว่านี่เป็นอาการปรกติของผู้ชายที่ "แพ้ท้องแทนเมีย" ซึ่งไม่ร้ายแรงและจะหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป แต่ความทุกข์ทรมานที่ฮ่องเต้ต้องเผชิญทุกครั้งที่มีอาการอยากอาเจียน ทำให้ขันทีอดที่จะรู้สึกไม่สบายใจตามไปด้วยไม่ได้ฮ่องเต้ฉู่อี้เทีย
บทที่ 111 แต่งงานด้วยความสำเร็จในการป้องกันและควบคุมโรคระบาดครั้งนี้ ฮ่องเต้หยางเฟยหลงทรงรู้สึกพอพระทัยอย่างยิ่ง พระองค์ทรงเห็นถึงความร่วมมือและความเสียสละของประชาชนที่ช่วยกันฝ่าฟันวิกฤตใหญ่หลวงนี้มาได้ ด้วยความยินดี พระองค์ทรงตกรางวัลให้กับเหล่าขุนนาง ตั้งแต่ตำแหน่งสูงสุดจนถึงคนงานเก็บขยะที่ทำงานอย่างหนัก ทุกคนได้รับการยกย่องในความพยายามและความตั้งใจบรรยากาศในเมืองเต็มไปด้วยความชื่นชมและความสุข แม้จะเพิ่งผ่านหายนะครั้งใหญ่ แต่การปลอบขวัญและการสนับสนุนจากฮ่องเต้ที่ประชาชนรัก ทำให้ทุกคนมีกำลังใจและพร้อมที่จะก้าวต่อไป อีกคนหนึ่งที่ประชาชนไม่มีทางลืมบุญคุณได้คือ จวิ่นจู่เว่ยเว่ย ผู้หญิงเก่งของแคว้นต้าหมิง นางเป็นผู้ที่นำความรู้และความสามารถมาช่วยเหลือแคว้นในยามที่ต้องการมากที่สุดตอนนี้ ครอบครัวหลายๆ ครอบครัวที่มีลูกสาว ต่างก็ปรารถนาให้ลูกหลานของตนได้เรียนแพทย์และพยาบาลเช่นเดียวกับจวิ่นจู่เว่ยเว่ย พวกเขาเห็นว่านี่เป็นวิธีที่ลูกสาวของพวกเขาจะสามารถช่วยเหลือแคว้นและชุมชนในยามที่ลำบาก เช่นเดียวกับที่จวิ่นจู่ได้ทำ สตรีในแคว้นต้าหมิงได้รับแรงบันดาลใจจากนาง ทำให้เกิดความตื่นตัวในการศึกษาและพ
บทที่ 110 ผ่านพ้นหายนะครั้งใหญ่วันเวลาผันผ่านไปไวราวกับสายลมพัด แคว้นต้าหมิงหลังจากเผชิญหน้ากับฤดูฝนที่ยาวนานและโหดร้าย ก็ต้องพบกับภัยแล้งที่จวิ่นจู่เคยเอ่ยเตือนเอาไว้จริงๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่แคว้นต้าหมิงได้เตรียมการรับมือไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งจากการให้ความช่วยเหลือจากแคว้นต้าเจียง ทำให้พวกเขาสามารถผ่านพ้นภัยแล้งนี้ไปได้ แม้ว่าจะเป็นไปอย่างทุลักทุเล แต่ก็ไม่ถึงกับสิ้นหวังประชาชนในแคว้นต้าหมิง แม้จะเผชิญอุปสรรคมากมายในปีนี้ แต่พวกเขากลับรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้งใจ เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้ของพวกเขาไม่เคยทอดทิ้ง ไม่ว่าช่วงเวลาจะยากลำบากเพียงใด พระองค์ทรงจัดหาอาหาร น้ำดื่ม และแม้แต่แจกเงินเพื่อบรรเทาทุกข์ ช่วยให้ประชาชนสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้ด้วยการสนับสนุนและส่งเสริมอย่างต่อเนื่องจากราชสำนัก ทำให้ประชาชนในแคว้นต้าหมิงมีกำลังใจและแรงใจมากขึ้น พวกเขาตระหนักดีว่าฮ่องเต้ของพวกเขาทรงห่วงใยและคอยดูแลไม่เพียงแค่ในยามที่บ้านเมืองสงบสุข แต่ยังรวมถึงในยามที่เกิดวิกฤติอย่างนี้ด้วย ความเชื่อมั่นในผู้นำเพิ่มพูนขึ้น และประชาชนต่างพร้อมใจกันที่จะฟื้นฟูบ้านเมือง และสู้ต่อไปด้วยคว
บทที่109 ข้าต้องการเวลา“ต่อไปนี้สำนักแห่งนี้คือสำนักพลังจิตเฟิงหวง ข้าคือรองเจ้าสำนัก ส่วนเจ้าสำนักตัวจริงนั้นยังไม่มา คิดว่าอีกไม่นานนางก็คงจะว่างมาที่นี่”หวังหย่งเล่อที่ตอนนี้เดินขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งเจ้าสำนักและพูดขึ้นมา“งานสกปรกทุกชนิดที่พวกเจ้าเคยทำให้หยุดให้หมด และเปิดรับลูกศิษย์ใหม่อีกครั้ง ส่วนพวกเจ้ามีทางเลือก เพียงหนึ่งทางเท่านั้นคือ สวามิภักดิ์ต่อข้าเพียงคนเดียว”เมื่อเขาเอ่ยเสร็จ ก็มีเสียงเล็กๆ ดังขึ้นมาจากแถวด้านหลังสุดของเหล่าศิษย์เก่าของสำนัก เอ่ยเบาๆ เหมือนคุยกันเองสองคนว่า“หากว่ามีแค่ทางเดียวจะเรียกว่าทางเลือกได้อย่างไรกัน เขาเรียกว่าบังคับ!!!”จากนั้นสายตาเกือบสิบคู่ก็พุ่งไปหาเจ้าของเสียงนั้นทันที ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเห็นด้วยที่เจ้านี่พูด แต่เจ้าจำเป็นต้องพูดออกมารึ เจ้าโง่!! สายตาประนามเหล่านั้นทำให้เจ้าคนที่พูดแทบจะเงยหน้าไม่ขึ้นเลยทีเดียว....เจ้านั้นเหมือนจะรู้ตัวว่าคิดเสียงดังไปจึงได้ค่อยๆ ก้มหน้ามองหามดหาแมลงบนพื้นอย่างแข็งขันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาอีกเลย…“ส่วนงานที่พวกเจ้าจะรับต่อไปนั้นคืองานสำนักคุ้มภัย รับดูแลคุ้มครองสินค้าและบุคคลสำคัญของทั้งสองแคว้น และคอยช่วย