เสี่ยวอิ๋งรู้สึกตกตะลึงจนเกือบพลัดตกเก้าอี้! "เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้หรอกน่า!" "หลี่ชิงเฟิง แกคิดจะทำบ้าอะไรกันแน่! เลิกเล่นลูกไม้กับฉันสักที!" เสี่ยวอิ๋งไม่อยากเชื่อเลยว่า หลี่ชิงเฟิงจะเป็นหัวหน้าทีมโครงการนี้จริง ๆ! อีกฟากหนึ่งของสายสนทนา หลานหลานก็น้ำเสียงเย็นชา "คุณอยากจะคิดยังไงก็เชิญ ฉันส่งข้อความไปแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะ" เมื่อเสี่ยวอิ๋งรู้สึกว่าหลานหลานกำลังจะวางสาย เธอก็รีบเอ่ยขึ้นมาว่า "ช้าก่อนสิ! ต่อให้เป็นเธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะยกเลิกสัญญาโดยไม่ได้รับอนุญาต!" "ใครจะเป็นคนรับผิดชอบความเสียหายของเทียนชื่อกรุ๊ป? เธอน่ะเหรอ?" หลานหลานยิ้ม "ขอโทษทีค่ะ คุณจ้าวเทียนชื่อท่านประธานของพวกเราได้ส่งมอบโครงการนี้ให้แก่หัวหน้าทีมหลี่แล้ว" "พูดอีกอย่างก็คือ หัวหน้าทีมเป็นตัวแทนท่านประธานของพวกเรา!" "ยิ่งไปกว่านั้น เพียงเพราะโครงการเล็ก ๆ ของพวกคุณ คุณคิดว่าบริษัทของพวกเราจะสนใจงั้นเหรอ?" "แค่นั้นแหละ พูดไปก็เปล่าประโยชน์!" คราวนี้หลานหลานไม่ให้โอกาสได้พูดอะไรก็วางสายไปทันที... ตอนนี้พวกเขาสองคนตกตะลึงจะพูดไม่ออก... เกาหยางมองเสี่ยวอิ๋งแล้วโทสะอันไร้
เสี่ยวอิ๋งก้มหน้าตัวสั่นสะท้าน... "ฉันจะให้เวลาเธอคิดสิบวินาที จะคุกเข่าขอโทษหรือจะล้มเลิกโครงการ" "สิบ" "เก้า" "แปด" "..." เสี่ยวอิ๋งตัวสั่นเทิ้มและในที่สุดก็ทรุดตัวลง! "ไม่ต้องนับแล้ว! ฉันจะคุกเข่า!" ทันทีที่เสี่ยวอิ๋งพูดจบ เธอก็คุกเข่าลงกับพื้นดังตุ้บต่อหน้าผู้คน! บรรดาลูกค้าที่ผ่านไปผ่านมาอยู่หน้าโรงแรมต่างตื่นตกใจที่เธอคุกเข่าลง พวกเขาจึงหยุดมองแล้วคุยกัน... เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้เห็นสีหน้าสิ้นหวังของเสี่ยวอิ๋ง เขาก็ผลิยิ้มออกมา "ตระกูลที่แสนจะหยิ่งยโสโอหังของคุณหนูเซี่ยคุกเข่าให้ฉันจริง ๆ หรือนี่? ช่างน่าขันนัก!" "ตอนนั้นที่ตระกูลเซี่ยของเธอคิดจะฆ่าฉัน คงไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นใช่ไหมล่ะ?" เสี่ยวอิ๋งเงยหน้ามองเขาด้วยแววตามุ่งร้าย "แกพอใจรึยังล่ะ?" หลี่ชิงเฟิงยกยิ้ม "ไม่ต้องห่วงหรอกนะ นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น ฉันจะทวงคืนสิ่งที่ตระกูลเซี่ยติดค้างฉันตอนนั้นกลับมาเป็นสิบเท่าร้อยเท่าเลยเชียวล่ะ!" "กลับไปบอกคุณย่าของเธอด้วยว่า ฉันจะยกโครงการนี้ให้เธอก็ได้" "ฉันไม่ได้ทำแบบนี้เพราะเธอคุกเข่าหรอกนะ ฉันก็แค่อยากให้การละเล่นน่าเบื่อน้อยลงก็เท่านั้น...
เมื่อเสี่ยวอิ๋งนึกถึงเรื่องนั้น ก็รู้สึกว่าสิ่งที่คุณย่าพูดมาก็ไม่นับว่าไร้เหตุผลไปเสียทีเดียว บางทีหลี่ชิงเฟิงอาจจะแกล้งพูดออกมาเพียงเพราะอยากแก้แค้นก็ได้ จะมีขุมกำลังคอยหนุนหลังมันอยู่ได้ยังไงกันเล่า? "แต่ถึงพวกแมลงหวี่แมลงวันจะไม่กัด แต่พวกมันก็น่ารังเกียจอยู่ดี!" "คุณย่าคะ พวกเราต้องเจอหลี่ชิงเฟิงคนนี้อีกตั้งหลายครั้ง ช่างน่ารำคาญจริง ๆ เลย! พวกเราจะไม่ทำอะไรบ้างเลยเหรอคะ?" คำพูดประโยคนี้เป็นการเตือนให้คุณย่าตระหนักขึ้นมาได้ ไม่อาจปล่อยให้หลี่ชิงเฟิงคนนี้มีชีวิตที่ราบรื่นเช่นนั้นได้อีกต่อไปแล้ว ในยามนี้เอง เสี่ยวอิ๋งก็แววตาเป็นประกายแล้วผุดยิ้มขึ้นมาทันที "คุณย่าคะ หนู... ยังมีคุณอาอยู่อีกคนไม่ใช่เหรอคะ?" เมื่อคุณย่าเซี่ยได้ยินเช่นนั้น เธอก็หน้าถอดสี! เธอรีบถามขึ้นมาว่า "หละ...หลานพูดเรื่องอะไรน่ะ?" เสี่ยวอิ๋งยิ้มให้ "คุณย่าคะ ที่จริงหนูรู้มาตั้งนานแล้วว่าหนูยังมีคุณอาที่เป็นลูกชายของคุณย่าอยู่ข้างนอกอีกคนหนึ่ง แต่ลูกชายคนนี้มีที่มาไม่แน่ชัดจึงไม่ได้เข้ามาอยู่ในตระกูลเซี่ยของพวกเราอยู่นานหลายปี" คุณย่าเซี่ยจ้องมองเสี่ยวอิ๋งแล้วคิดกับตัวเองว่า "เสี่ยวอิ๋งคนนี้เก่งก
จ้าวเทียนชื่อรู้สึกสับสนอยู่บ้างจึงเอ่ยถามเสียงเบาว่า "คุณมีเรื่องบาดหมางกับตระกูลเซี่ย..." "ยังไงซะก็เป็นโครงการเล็ก ๆ แค่นี้เอง ยกให้พวกมันไปเถอะครับ ผมไม่อยากเล่นเกมที่ไม่มีความท้าทายอะไรเลย" จ้าวเทียนชื่อยิ้มให้ "เอาล่ะครับ งั้นก็ทำตามที่พี่บอกก็แล้วกัน พรุ่งนี้ผมจะได้ส่งคนไปมอบสัญญาให้ เรื่องจะได้จบสิ้นกันไป" "ดีครับ" "ผมขอตัวก่อนนะ" เมื่อหลี่ชิงเฟิงกลับมาที่ทีมสาม ทันทีที่เขาเดินมาถึงประตู จู่ ๆ ก็มีเสียงปังดังขึ้นสองครั้ง! หลี่ชิงเฟิงรีบถอยหลังไปสองก้าวตามสัญชาตญาณ! ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นพลุกระดาษหลากสีกำลังร่วงหล่นมาจากท้องฟ้า... หลังจากนั้น พนักงานหลายคนก็ยกเค้กก้อนใหญ่ออกมาแล้วเดินฮัมเพลงออกมา หลานหลานที่ยืนอยู่หัวแถวส่งยิ้มมาให้ "ขอแสดงความยินดีกับทีมสามที่โครงการสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี! ขอแสดงความยินดีกับหัวหน้าทีมหลี่ที่โครงการแรกสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีค่ะ!" ทุกคนต่างกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดีปรีดา อีกสองสามคนถึงขนาดจะแบกหลี่ชิงเฟิงขึ้นเสียด้วยซ้ำไป หลี่ชิงเฟิงโบกมือ "อย่าเพิ่งดีใจกันเร็วนักเลย นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น วันหน้ายังมีโครงการที่ใหญ่กว่านี
ด้านในห้องคาราโอเกะ บรรยากาศคึกคักเป็นพิเศษ! ทุกคนกำลังดื่มฉลองและชนแก้ว บรรยากาศร้อนระอุถึงขีดสุด! สมาชิกในทีมสามไม่ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้มานานแล้ว เซี่ยเซียนอินเองก็รีบเข้าไปผสมโรงโดยไม่หลงเหลือท่าทีของผู้นำ จากนั้นเธอก็พูดคุยกับทุกคนอย่างมีความสุขจนเวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ในยามนี้เอง โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมา แต่เสียงดนตรีในห้องดังเกินไปจนเธอไม่ได้ยิน แต่หลี่ชิงเฟิงได้ยินเสียง เขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นโต้วโต่วที่โทรมา หลี่ชิงเฟิงยิ้มแล้วเดินออกมารับสาย "โต้วโต่วเหรอ? หนูกินข้าวหรือยัง? อยากให้พ่อเอาอะไรกลับไปให้หนูหรือเปล่า?" "หลี่ชิงเฟิง เป็นบ้าอะไรของแกวะ?" น้ำเสียงอึมครึมของเฮยหู่ดังขึ้นมาจากปลายสายของอีกฟากหนึ่ง หลี่ชิงเฟิงขมวดคิ้ว "แกเป็นใครกัน?" เฮยหู่จึงยิ้มเยาะขึ้นมา "แกไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าฉันเป็นใคร ฉันจะให้เวลาแกกลับบ้านครึ่งชั่วโมง" "ไม่งั้นถ้าขายลูกสาวที่แสนหมดจดและสะอาดสะอ้านของแกไป ก็น่าจะได้ราคาดีเชียวล่ะ" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จจะกำหมัดแน่น... "ถ้าแกกล้าแตะต้องเธอ ฉันจะทำให้แกต้องสำนึกเสียใจ"
"ให้ตายสิวะ! แกเป็นพวกเกาะผู้หญิงกินจริง ๆ เหรอเนี่ย?" หลังจากเฮยหู่พูดจบ เขาก็ตบ ๆ โต้วโต่วที่กำลังตัวสั่นเทาอยู่ข้าง ๆ แล้วค่อย ๆ พูดขึ้นมาว่า "งั้นฉันก็จะฆ่าพวกมันให้หมด แกก็จะได้รับมรดกทั้งหมดของเมียแกไป แบบนั้นแกก็ไม่ต้องเป็นไอ้พวกเกาะผู้หญิงกินอีกต่อไปแล้ว แบบนั้นไม่ดีรึไง!” เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ เขาก็ยกยิ้มมุมปากแล้วม้วนแขนเสื้อ "ฉันไม่ชอบคุยเรื่องไร้สาระหรอกนะ" "โอ้ โอ้ โอ้! พี่หู่! ไอ้ขี้แพ้คนนี้มันคิดจะท้าทายพี่อยู่นะ!" "แกมันใจกล้าเป็นบ้าเลยว่ะ! ไอ้เศษสวะเอ๊ย ฉันเกรงว่าแกคงจะไม่รู้ว่าพี่หู่ของพวกเราเคยเป็นแชมป์มวยใต้ดินมาสี่สมัยรวดใช่ไหม?" "แค่หมัดเดียว เขาก็ฆ่าแกได้แล้ว!" แม้แต่เฮยหู่เองก็คิดว่าหลี่ชิงเฟิงช่างน่าขันสิ้นดี จากนั้นเขาก็โบกมือพลางกล่าวว่า "พวกแกสองคน ฆ่ามันซะ" "ครับ!" ลิ่วล้อทั้งสองคนเดินทอดน่องเข้ามาหาหลี่ชิงเฟิง "ไอ้เศษสวะ แกอยากจะตายยังไงดีล่ะ? พวกเรา..." ตุ้บ ตุ้บ! เสียงทึบดังขึ้นสองครั้ง! ทั้งสองยังไม่ทันได้พูดให้จบ พวกเขาก็ลอยกระเด็นออกไปทันที! พวกเขาสองคนนอนกุมหน้าอกอยู่กับพื้น เฮยหู่สังเกตเห็นว่ามีรอยยุบเข้าไปในหน้าอก! เ
พี่เทียนที่อยู่อีกฟากของปลายสายสนทนา โมโหเสียจนหน้าตาซีดขาว "เกิดอะไรขึ้น! นายเป็นอะไรไป?" แต่เฮยหู่กลับไม่ขยับตัวอีกต่อไปแล้ว... "เฮยหู่! พูดสิวะ!" ยังไม่มีเสียงตอบกลับมาแต่อย่างใด พี่เทียนวางสายแล้ววิ่งออกจากห้อง จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วมาที่พวกลิ่วล้อไม่กี่คนตรงประตู "ไปตามหาเฮยหู่ให้ฉันเดี๋ยวนี้! เร็วเข้าสิ!" พวกที่กำลังเล่นไพ่ต่างรู้สึกหวาดกลัวมากเสียจนรีบทิ้งไพ่แล้ววิ่งออกไป เมื่อกลับเข้ามาในห้อง พี่เทียนก็ยิ่งสังหรณ์ใจไม่ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือว่าเฮยหู่จะจัดการกับหลี่ชิงเฟิงคนนี้ไม่ได้? ท่ามกลางบรรดาลูกน้องของเขา เฮยหู่เป็นคนที่มีฝีมือการต่อสู้มากที่สุด อีกฝ่ายจะพ่ายแพ้ให้ไอ้ขี้แพ้ไร้ประโยชน์พรรค์นั้นได้อย่างไรกัน? หรือว่าข้อมูลจะผิดพลาด? ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ชายสองคนก็วิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้ามาในห้องพร้อมหน้าตาเหยเก! "พะ...พี่เทียน! เกิดเรื่องกับพี่หู่แล้วล่ะ!" ถึงแม้ว่าพี่เทียนจะทำใจเอาไว้แล้ว แต่เขาก็ยังตะลึงงันอยู่บ้าง! เช่นนี้ก็เท่ากับเขาเสียทั้งแขนซ้ายและแขนขวาไปแล้วน่ะสิ! พี่เทียนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน "เขาอยู่ที่ไหน?" "นะ...ในห้องดับจิตของโรงพยาบาล ยังมีพี
ในห้องเรียน นอกเหนือไปจากเด็ก ๆ แล้ว ก็ยังมีผู้ปกครองอีกหลายคนนั่งอยู่ข้างใน ประชุมผู้ปกครองงั้นเหรอ? ขณะที่หลี่ชิงเฟิงกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ครูสาวคนหนึ่งก็เอ่ยถามจากโพเดียมขึ้นมาว่า "คุณคือ...ของโต้วโต่ว" เมื่อหลี่ชิงเฟิงรู้สึกตัวก็ยิ้มนิด ๆ แล้วพูดว่า "ผมเป็นพ่อของเธอเองครับ ผมมาที่นี่เพื่อส่งเธอเข้าโรงเรียน" "ครูครับ! หลี่โต้วโต่วไม่มีพ่อสักหน่อย! พ่อของเธอตายไปแล้ว!" "ฮ่าฮ่าฮ่า!" สิ่งที่เด็กชายพูดทำให้เด็ก ๆ ทุกคนในห้องเรียนต่างหัวเราะลั่น หลี่โต้วโต่วก้มหน้าลง หน้าตาของเธอเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ... "ชุยเสี่ยวกัง อย่าพูดจาเหลวไหลนะ!" ครูคนนั้นตำหนิเด็กชายแล้วหันไปมองหลี่ชิงเฟิง "คุณหลี่ ฉันขอโทษด้วยค่ะ เด็กยังไม่รู้ความ..." หลี่ชิงเฟิงย่อมไม่ลดตัวไปถือสาหาความกับเด็ก แต่สายตากลับทอดมองไปยังผู้ปกครองที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เด็ก เธอเป็นผู้หญิงที่แต่งกายราวกับตู้ทองเคลื่อนที่ ดูท่าทางครอบครัวของเธอคงจะฐานะดีไม่น้อยเลย ตอนที่ชุยเสี่ยวกังเอ่ยคำพูดเช่นนั้นออกมา คุณแม่ของเขากลับไม่มีท่าทีตอบสนองอะไรและถึงขั้นหัวเราะไปกับเขาด้วย "ครูครับ พอดีช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ผมต้องเดิน
"พ่อไม่ไปนะ!" จู่ ๆ เซี่ยเทาก็แผดเสียงร้องพลางกระโดดข้ามโซฟาแล้ววิ่งไปที่ประตูหลัง! เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายตอบสนองว่องไว! เพียงก้าวเดียวก็ประชิดตัวพลางจับเขากดลงกับพื้นแล้วบังคับสวมกุญแจมือ สิบนาทีต่อมา ภายในห้องสอบสวน เสี่ยวอิ๋งนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงนั้นพร้อมด้วยความคิดมากมาย ตำรวจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดูวิดีโอแล้วถามว่า "เท่าที่พวกเราทราบมา คนที่อยู่ในวิดีโอคือเซี่ยเทาพ่อของคุณ ตอนนี้เขาอยู่ห้องข้าง ๆ คุณจะอธิบายสิ่งที่เขาพูดว่ายังไงล่ะ?" เสี่ยวอิ๋งสูดลมหายใจลึก ๆ พลางผุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ทำไมคุณถึงไม่ถามเขาเองล่ะคะ?" "แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้องถามเขาอยู่แล้ว แต่คุณเป็นลูกสาวของเขา คุณจะไม่รู้เรื่องนี้เลยเชียวเหรอ?" เซี่ยอิ่งลูบคางพลางครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า "จริงด้วยสิ! ดูเหมือนเขาจะเคยบอกว่าทำความผิดร้ายแรงบางอย่างแล้วอยากจะหนีไป! ฉันถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยแถมยังบอกว่ายิ่งฉันรู้ให้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี! วันหน้าให้ฉันดูแลตัวเองให้ดี ๆ..." "พูดต่อไปสิ" "จากนั้น
"จะวิธีอะไร ฉันก็อยากลองดูทั้งนั้น!" เสี่ยวอิ๋งเอ่ยโดยไม่ลังเล "ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก! วิธีไหนฉันก็อยากจะลองดู!" เย่เจี้ยนเหอเงยหน้ามองเธอแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า "โยนความผิดเรื่องทั้งหมดนี้ให้พ่อของเธอแบกรับไว้!" เมื่อเสี่ยวอิ๋งได้ยินเช่นนี้ ศีรษะของเธอก็ส่งเสียงอื้ออึง! ตอนแรกสังเวยคุณย่าไปแล้ว ตอนนี้ถึงทีพ่อของเธอแล้วงั้นเหรอ? เย่เจี้ยนเหอจ้องมองเธอ "ไม่มีเวลาคิดแล้ว จะตกลงหรือจะติดคุก!" "ฉันตกลง! ฉันตกลงค่ะ! ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก คุณอยากให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!" เสี่ยว อิ๋งผงกศีรษะซ้ำไปซ้ำมา เย่เจี้ยนเหอจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า "เดี๋ยวฉันจะเรียกทนายเข้ามา พวกเขาจะบอกเธอว่าต้องพูดหรือทำอะไร จากนั้นเธอก็แค่รอให้ตำรวจเรียกตัว" เสี่ยวอิ๋งผงกศีรษะ "ฉะ...ฉันเข้าใจแล้วค่ะ" พอกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวอิ๋งก็เจอพ่อของเธอ เมื่อทั้งสองคนสบตากัน ดวงตาของเสี่ยวอิ๋งก็ฉายแววน่าหวาดกลัว เซี่ยเทาก็รู้ได้โดยไม่ต้องคิดเลย ลูกสาวของเขารู้เรื่องแล้ว "เสี่ยวอิ๋ง พ่อทำอาหารให้ลูกกินด้วยนะ ดูสิ..." "กินบ้าอะไรเล่า!" เสี่ยวอิ๋งพลันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ขึ้นมาทันที! เธอร
ในสถานการณ์เช่นนี้ ขืนเสี่ยวอิ๋งมัวแต่เข้าไปพัวพันคงได้จบเห่กันพอดี การเก็บเธอไว้น่าจะยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เสี่ยวอิ๋งเองก็เป็นคนฉลาดจึงผงกศีรษะแล้ววิ่งออกทางประตูหลัง... เย่เซียวคิดจะเข้าไปขวาง แต่กลับถูกหลี่ชิงเฟิงห้ามเอาไว้ "ไม่ต้องไล่ตามหรอก วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของหวังเจิ้น อย่าทำอะไรน่าเกลียดเกินไปเท่านี้ก็พอแล้ว" เย่เซียวพยักหน้าแล้วยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำ ในตอนนี้เอง ปี้ไห่เทาก็เดินยิ้มเข้ามา "เหล่าหวัง วันนี้ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ! ทั้ง ๆ ที่เป็นงานเลี้ยงวันเกิดดี ๆ ที่นายควรจะมีความสุขแท้ ๆ แต่กลับลงเอยแบบนี้เสียได้..." หวังเจิ้นถอนหายใจ "ช่างเถอะ" "เหล่าหวัง ตระกูลเย่ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกหอการค้าเทียนเหมินของพวกเรา เย่เจี้ยนเหอดันพานังคนชั้นต่ำแบบนั้นมาเสียได้ กลับไปเมื่อไหร่ฉันย่อมต้องตำหนิเขาแน่! ฉันจะทำให้เขาจำให้ขึ้นใจเชียวล่ะ! เมื่อพวกเรากลับถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่ ไห่เทาย่อมต้องมาขอขมาของแน่นอน" หวังเจิ้นโบกมือ "คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ช่างมันเถอะ ผมไม่ถือสาหรอก" ปี้ไห่เทาพยักหน้าพลางขยิบตาให้เย่เจี้ยนเหอ จากนั้นพวกเขาสองคนก็ก้าวเดินจากไป ขณ
เสี่ยวอิ๋งโมโหจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว เธอชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วด่ากราดว่า "แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! คู่ควรที่จะมอบของขวัญให้ฉันแล้วงั้นเหรอ?" "หุบปากไปซะ พ่อตาของแกโดนซ้อมขนาดนั้น เขยอย่างแกไม่กล้าแม้แต่จะผายลมเสียด้วยซ้ำไป! แกยังกล้ามาก่อเรื่องที่นี่อีกงั้นรึ?" "ถ้าฉันเป็นแกล่ะก็ คงได้โหม่งเสาโทรศัพท์ตายไปแล้ว!" "ไร้ยางอายสิ้นดี!" เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งหน้าแดงก่ำและลำคอแข็ง หลี่ชิงเฟิงกลับยิ่งขบขันพลางกล่าวว่า "ฉันคิดว่าเธอต่างหาก มั้งที่น่าจะเป็นฝ่ายโหม่งเสาโทรศัพท์?" ทันทีที่เขาพูดจบ หน้าจอขนาดยักษ์ข้างหลังล็อบบี้ก็พลันสว่างขึ้น! หลังจากนั้นไม่กี่วินาที แสงก็สลัวลงแล้ววิดีโอก็เริ่มฉายบนหน้าจอขนาดยักษ์ เมื่อเสี่ยวอิ๋งหันหน้าไป สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือเซี่ยเทาที่กำลังนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง โดยมีสาวสวยอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธออยู่ข้างกาย! หึ่ง! เสี่ยวอิ๋งศีรษะจวนจะระเบิดอยู่แล้ว! เธอได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น! มันเป็นวิดีโอที่ก่อนหน้านี้หลี่ชิงเฟิงถ่ายเอาไว้นั่นเอง! เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งนิ่งงันไป หลี่ชิงเฟิงก็นิ้มแล้วพูดเสียงดังขึ้นมาว่า "ทุกท่าน ผู้ชายที่อยู่ในวิดี
เงินหลายล้านบาทไม่ได้จ่ายไปโดยไร้ประโยชน์แล้ว! ศาสตราจารย์เฒ่าโดนเขาหลอกเข้าแล้วจริง ๆ! เสี่ยวอิ๋งเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นก็ยิ้มพลางชี้นิ้วมาที่หลี่ชิงเฟิง "ตอนนี้แกจะว่ายังไงเล่า? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าแจกันของแกมันเป็นของปลอม!" "น่าตลกชะมัดเลย! ฉันเสนอทางออกให้ แต่แกกลับยืนกรานที่จะขุดหลุมฝังตัวเองให้ได้! ไม่มีใครห้ามแกได้เลย!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มจาง ๆ แล้วหันมามองศาสตราจารย์หลี่พลางพูดว่า "ศาสตราจารย์หลี่ ช่วยดูขอองผมอีกสักครั้งเถอะครับ" คาดไม่ถึงว่าศาสตราจารย์หลี่จะส่ายหน้าแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า "ไม่ต้องดูหรอก" เซี่ยอิ่งหัวเราะพลางกล่าวว่า "แจกันใบนั้นของแกมันปลอมชัดเจนเกินไป! ศาสตราจารย์หลี่ไม่มองให้เสียสายตาหรอก!" ในยามนี้เอง ศาสตราจารย์หลี่ก็เหลือบมองเธอแล้วสายหน้า "สาวน้อย ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย ฉันยังพูดไม่ทันจบเลย ถึงแม้ว่าแจกันใบนี้จะฝีมือยอดเยี่ยมจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่มันเป็นของปลอมจริง ๆ" "ส่วนแจกันของคุณหลี่ ทันทีที่เข้ามาผมก็เห็นแล้วล่ะ มันเป็นของจริง ดังนั้นผมจึงไม่ต้องตรวจดูเลย" หลังจากศาสตราจารย์หลี่พูดจบ ทั้งห้องก็เ
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลี่ชิงเฟิงจะมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นนั้น! ปี้ไห่เทาที่คอยสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ แอบรู้สึกว่าชักไม่ได้การเสียแล้ว หลี่ชิงเฟิงคนนี้ดูไม่เหมือนเขยไร้ประโยชน์อย่างที่ข่าวร่ำลือกันเอาไว้เลยสักนิด การที่ยังสามารถสงบนิ่งได้ในภาวะคับขันเช่นนั้น มิหนำซ้ำยังพูดจาเสียคล่องปากและท่าทีเจ้าแผนการของอีกฝ่าย เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนแบบนี้จะเป็นเขยไร้ประโยชน์ไปได้ สิ่งที่น่าสงสัยมากที่สุดคือ ต่อให้อีกฝ่ายจะก่อเรื่องเช่นนั้น แต่หวังเจิ้นที่อยู่ข้าง ๆ กลับไม่มีวี่แววที่จะโมโหเลยสักนิด พวกเขาต่างอาศัยอยู่ในเมืองหลวง เขาเองก็รู้นิสัยของหวังเจิ้น อีกฝ่ายไม่ใช่ตาเฒ่าที่นิสัยดิบดีอะไรเลย พอปี้ไห่เทานึกได้เช่นนี้ เขาก็ทอดสายตามองเย่เจี้ยนเหออีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสายตาหลุกหลิกอยู่บ้าง เขาก็พอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบนี้จะมีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ เสียด้วย ตอนนี้เย่เซียวยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมเจตนาสังหารอันแรงกล้า! เย่เจี้ยนเหอกับเสี่ยวอิ๋งหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัวไปชั่วขณะ ไม่นานปี้ไห่เทาก็ลุกขึ้นแล้วมองหลี่ชิงเฟิงด้วยสายตาเย็นชา "ทำแบบนี้
"ฉุดเศรษฐกิจให้ดิ่งลงเหวงั้นรึ? ถ้าทุกคนทำตัวเป็นไอ้เศษสวะชอบหลอกกินข้าวนิ่มอย่างแก ประเทศชาติก็คงจะพินาศไปตั้งนานแล้ว!" "ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี! แกมันก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งแท้ ๆ กล้าดียังไงถึงได้มาหัวเราะเยาะใส่พวกเรา?" ในตอนนี้เอง จู่ ๆ หวังเจิ้นที่เอาแต่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็ตบโต๊ะ! ทุกคนพลันหุบปากฉับ! หวังเจิ้นแววตามืดมน เขาเหลือบมองทุกคนแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า "พวกคุณหมายความว่ายังไงกัน? คิดจะก่อจลาจลในงานเลี้ยงวันเกิดของผมรึไง? พวกคุณไม่เห็นแก่หน้าผมเลย! คิดจะทำอะไรกันแน่!" เมื่อหวังเจิ้นโกรธขึ้นมา แม้แต่ปี้ไห่เทาก็ยังไม่กล้าล่วงเกิน นับประสาอะไรกับพวกเขากันเล่า "เหล่าหวัง ได้โปรดใจเย็นลงก่อนเถอะ เอาแบบนี้เป็นยังไง เพื่อจะได้รู้ว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบไหนเป็นของจริงใบไหนเป็นของปลอม คุณก็แค่เชิญผู้เชี่ยวชาญให้มาประเมินก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" "คุณเองคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงของเก่ามานานหลายปี เช่นนั้นก็น่าจะรู้จักผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้เยอะอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ?" หวังเจิ้นถอนหายใจพลางพยักหน้าแล้วพูดว่า "ก็ได้! ในเมื่อพวกคุณอยากเถียงกันดีนัก งั้นก็มาทำให้เรื่องนี้กระจ่างกันไปเลย
หลังจากหลี่ชิงเฟิงพูดจบ ทุกคนก็ตะลึงงันไปชั่วขณะแล้วหัวเราะลั่น! เสี่ยวอิ๋งกับเย่เจี้ยนเหอหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง จากนั้นพวกเขาก็ชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วพูดว่า "แกมันขี้โม้จนไม่เลือกเวลาจริง ๆ พับผ่าสิ! ลำพังแค่คุยโวโอ้อวดต่อหน้าพ่อตาโง่ ๆ ของแกไม่พอ แต่ยังจะมาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าพวกเราอีกงั้นเหรอ?" ปี้ไห่เทาที่อยู่อีกด้านเองก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยแววดูถูกดูแคลน "ลำพังแค่พวกเราคนใดคนหนึ่งก็ผ่านโลกมามากกว่าแกถึงสิบชาติภพรวมกันเสียอีก แกกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ คิดว่าพวกเราโง่หรือไงกัน?" "ผ่านโลกมามาก? คุณคิดว่าตัวเองผ่านโลกมามากแล้วงั้นรึ?" หลี่ชิงเฟิงยิ้มเหยียดหยันพลางเอ่ยเสียงทุ้มลึก "วันนี้ผมจะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคุณเองก็แล้วกัน เย่เซียว เอาของขวัญของพวกเราออกมา" เย่เซียวผงกศีรษะ จากนั้นเขาก็หยิบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนออกมาจากกล่องแล้ววางลงต่อหน้าทุกคน ทันทีที่พวกเขาเห็นแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวน ทุกคนก็ถูกแจกันใบนั้นดึงดูดความสนใจเข้าแล้วจริง ๆ เย่เจี้ยนเหอหน้าถอดสีแล้วตรวจสอบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้วให้รู้สึกสับสน ฝีมือช่างวิจิตรประณีตนัก!
เย่เจี้ยนเหอยิ้มเหยียดหยัน "แกคิดจะแข่งกับฉันงั้นรึ? ก็ได้ ฉันจะเอาออกมาให้แกได้เปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน ฉันขอพนันเลยว่าชั่วชีวิตแกน่าจะได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ" หลังจากเย่เจี้ยนเหอพูดจบก็ดีดนิ้ว จากนั้นผู้ช่วยคนงามที่อยู่ข้างหลังก็รีบเดินเข้ามา ของขวัญของอีกฝ่ายเองก็อยู่ในกล่อง มิหนำซ้ำยังมีขนาดพอ ๆ กับของเขาอีกต่างหาก เย่เจี้ยนเหอยิ้มอวดดีแล้วพูดว่า "มหาเศรษฐีหวัง ผมได้ยินมาว่าคุณชอบสะสมของเก่ามากทีเดียว ดังนั้นผมจึงสั่งให้เพื่อนที่อยู่ต่างประเทศประมูลของสิ่งนี้มาให้คุณเป็นพิเศษ เชิญดูเอาเองเถอะครับ!" หลังจากพูดจบ ผู้ช่วยสาวก็เปิดกล่องแล้วสายตาของทุกคนก็ทอดมองมาที่มือของผู้ช่วยสาว! แจกันลายครามใบหนึ่งค่อย ๆ เผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา! เมื่อหลี่ชิงเฟิงเห็นแจกันใบนี้ก็ถึงกับตะลึงงัน... ช่างเหมือนกับแจกันลายครามที่เขาซื้อมาไม่มีผิดเพี้ยนเลย! เขาเหลือบมองเย่เซียวที่อยู่ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเย่เซียวก็เอ่ยกระซิบข้างหูว่า "เป็นของปลอมแน่ ๆ ครับ" ในยามนี้เอง เย่เจี้ยนเหอก็หยิบแจกันขึ้นมาแล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคนแล้วพูดเสียงดังว่า "แจกันลายครามสมัยราชวงศ์ห