มันใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว หากเขาไม่วิ่งหนีไปในวินาทีนี้ เขาคงไม่รอดจากงูตัวนี้เป็นแน่ เขารนรานหวาดกลัวจนสติกระเจิง ก้มมองหญิงสาวที่นอนสลบอยู่ตรงหน้าอย่างเวทนาใจ
“ฉันคงพาเธอไปด้วยไม่ได้ ขอโทษจริงๆ ฉันไปละโว้ย”
ว่าแล้ว เจ้าอัคนีตัวร้ายก็วิ่งสุดชีวิต โดยออกไปทางด้านข้างของรีสอร์ท ซึ่งเป็นแนวป่าขนาดย่อมที่มีเส้นทางทะลุออกไปยังถนนใหญ่ด้านหน้า
เขาวิ่งแบบไม่คิดชีวิต วิ่งแบบคนหนีตาย!!!
โดยปล่อยให้ร่างไร้สติของหญิงสาวโชคร้ายนอนเป็นเหยื่ออันโอชะของงูจงอางยักษ์ขนาดห้าเมตร...หากงูตัวนั้นไม่ใช่มนุษย์ครึ่งงูที่มีหัวใจให้เธอแล้วล่ะก็ คืนนี้เธอคงไม่รอดคมเขี้ยวนั้นไปได้
จงอางจ้องมองเรือนกายขาวโพลนของหญิงสาว ภายใต้แสงจันทร์ที่อาบไล้ไปทั่วทุกซอกทุกมุม กลิ่นกายของเธอทำให้หัวใจของจงอางสูบฉีดอย่างบ้าคลั่ง เขาอยากเข้าไปรึงรัดเธอไว้ทั้งตัวแล้วสอดใส่เข้าสู่กายเธอจนหนำใจ พ่นพิษรักให้ทั่วสรรค์พางกายหอมหวานนี้เต็มไปด้วยพิษรักจากกายเขา
แต่เขาก็ทำไม่ได้อย่างใจสิเน่หา เธอไร้สติและคงสติแตกหากตื่นขึ้นมาแล้วพบว่ากำลังร่วมรักกับงูตัวเป็นๆ ซึ่งเป็นเพียงสัตว์เลื้อยคลานเลือดเย็นที่มนุษย์เรียกว่าอสรพิษ
ถึงแม้ว่ามันเป็นโอกาสที่จะทำให้เขาเป็นมนุษย์ แต่เขาก็ไม่อยากเห็นเธอช็อคจนเสียสติหรือตายไปต่อหน้าต่อตา มันยังไม่ถึงเวลา เธอไม่ได้รักเขา เหมือนที่เขารักเธอ เขาจึงควรห้ามใจ ห้ามกาย ห้ามตัณหาราคะอันร้อนแรง และทำได้ดีที่สุดในยามนี้
นั่นคือเฝ้ามองเธออยู่ห่างๆจนกว่าเธอจะตื่นขึ้นมา
ทว่า ไม่ทันที่เขาจะเลื้อยไปแอบหลังโขดหิน หญิงสาวกลับลืมตาตื่นขึ้นมาจากความมึนงงในวินาทีนั้นเอง และเมื่อเปลือกตาของเธอเปิดขึ้นจนหมดสิ้น สิ่งแรกที่เธอได้เห็นก็คือ...
“งู!!!” เธอช็อคจนอ้าปากค้าง หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ความหวาดกลัวและความสยดสยองระเบิดขึ้นในหัวของเธอราวกับพลุไฟ เธอเกือบจะกรี๊ดออกมาแล้ว แต่เสียงไม่ทันหลุดจากลำคอ เจ้างูยักษ์เคลื่อนตัวเร็ว กระโจนเข้าหาเธอแบบไม่ทันตั้งตัว
“ว๊าย....” ความแรงของมันผลักเธอให้นอนแผ่ลงไปกับพื้นหญ้าที่เย็นเฉียบ แล้วสติของเธอก็หลุดหาย
เธอเป็นลมหมดสติไปพร้อมกับความรู้สึกว่าเธอคงตายไปแล้วแน่ๆ
ตายเพราะโดนงูกัด!
“อือ....”
เธอครางออกมาแผ่วเบา ขณะงูจงอางยักษ์เลื้อยรัดไปตามลำตัวที่เปลือยล่อนจ้อนของเธอ
“ที่รัก...” เธอเรียกงูตัวนั้นด้วยเสียงอันหวานหวิว ก่อนใช้มือลูบไล้ลำตัวยาวเฟื้อยของอสรพิษที่พันร่างของเธอไว้อย่างโหยหา พึงพอใจอย่างที่สุด “ทำให้ฉันมีความสุขสิคะ”
เธอหลับตาพริ้มอย่างคนฝันหวาน ก่อนรู้สึกได้ถึงการล่วงล้ำเข้าไปภายในของบางสิ่ง ที่ชวนให้เธอเสียวสะท้านไปทั้งตัว
“โอ้ววววว....” หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนกรีดร้องแผ่วเบายามน้ำรักล้นทะลักออกมาจากปากถ้ำ เธอกระตุกซ้ำๆก่อนบิดบ่ายเนื้อตัวไปมาด้วยความสั่นสะท้าน “อ๊า....”
“ยัยผึ้ง!!!” เสียงเรียกที่ดังลั่นดังมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ แต่มันทำให้เธอสะดุ้งตื่นจากฝันบ้าบอคอแตกของเธอ “แกอยู่ไหน!!!”
แพรทองลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ
“เช้าแล้วเหรอ???”
แสงแรกจากดวงตะวันสาดส่องลงมาจนทั่วบริเวณ เป็นแสงสีทองสุดแสนจะอบอุ่นและหนาวยะเยือก เธอลุกขึ้นนั่ง แล้วหันมองโดยรอบ เธอนอนอยู่ริมลำธารทั้งคืนโดยไม่ได้รับอันตรายใดๆเลยอย่างนั้นหรือ?
“ฉันไม่ได้...ถูก..งู...” เธอไม่ได้ถูกงูกัด ทว่า ในฝัน เธอกับงูตัวนั้นกลับทำอย่างอื่นด้วยกัน “ใช่จริงๆด้วย งูตัวนั้น เหมือนงูที่อยู่ในฝันเราเลย”
“ยัยผึ้ง” วิมาลาวิ่งมาถึงตัวเธอแล้วหยุดหอบหายใจ จนหน้าอกอวบกระเพื่อมไม่หยุด “แกอยู่นี่เอง หายไปนอนที่ไหนมาทั้งคืนห๊า หรือว่า...นี่อย่าบอกนะว่าแกมานอนชมวิวเล่นที่นี่ทั้งคืน”
แพรทองยิ้มอ่อนๆให้เพื่อน ก่อนลุกขึ้นยืน ปัดเนื้อปัดตัว ปัดเศษใบไม้ให้หลุดออกจากเสื้อผ้า
“อืม สงสัยฉันจะนอนอยู่ที่นี่ทั้งคืน”
“ต๊าย! นี่แกบ้ารึเปล่า อากาศหนาวจะตาย มานอนได้ไง อีกอย่าง แกไม่กลัวงูกลัวตะขาบจะฉกบ้างรึไงห๊า”
เมื่อเพื่อนพูดถึงงู ก็ทำให้เธอหวนนึกถึงงูจงอางยักษ์ขึ้นมาอีกครั้ง เธอมั่นใจว่าเธอสบตากับมันอย่างแน่นอน และมันก็จ้องมองเธออย่างมีความหมาย ความหมายที่ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนไปทั้งร่าง “งู?”“ใช่ งูไงแก และที่สำคัญนะโว้ย คน! คนน่ากลัวที่สุด มานอนอยู่ได้ยังไง คนงานในรีสอร์ทครึ่งร้อยเลยนะโว้ย ไม่กลัวบ้างรึไงวะ”“จริงสิ!” เมื่อคืนเธอถูกฉุด ด้วยฝีมือของผู้ชายคนหนึ่ง เขาโปะยาสลบเธอแล้วลากมานี่ “ฉันต้องไปคุยกับยัยวันวิสาเดี๋ยวนี้ว่ะ”“ไม่ได้ ยัยสามันไปแต่งหน้าทำผมที่ร้านในตัวอำเภอแล้ว ส่วนเราสองคนก็ควรไปแต่งเนื้อแต่งตัวให้สวยๆเพื่อร่วมพิธีแต่งงานของเพื่อนในตอนเช้าเหมือนกันนะจ๊ะ อย่าลืมว่าเราสองคนเป็นเพื่อนเจ้าสาวนะจ๊ะ”“แต่...”“ไม่มีแต่ ไม่มีเวลาแล้ว แกค่อยคุยกับมันนะ ไม่สำคัญใช่มั้ย?”สำคัญสิ..สำคัญมาก“งานเพื่อนรักนะโว้ย เราต้องสวยนะแก”ใช่แล้ว วันนี้เป็นวันดีและวันสำคัญของเพื่อนรัก หากเธอโวยวายและเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ก็คงทำให้เกิดความวุ่นวายและเสียบรรยากาศไปหมด อีกอย่าง เพื่อนรักเพิ่งจะเปิดรีสอร์ท หากเสียชื่อตั้งแต่ยังไม่ทันเปิดบริการ งานที่ตระเตรียมไว้คงพังไม่เหลือชิ้นดี แต่เรื่อ
“ก็มันเป็น...พี่ชายของตรีนี่จ๊ะ ยังไงอนาคตก็ต้องเกี่ยวดองกันอยู่แล้ว แล้วจะมัวห้ำหั่นกันอยู่ทำไมให้เสียเวลา”ได้ยินนาคินทร์พูดอย่างนี้ เจ้าหล่อนถึงกับยิ้มแก้มปริ ด้วยรู้สึกว่ามีความหวังเรื่องการแต่งงานระหว่างเธอกับนาคินทร์ขึ้นมาบ้างแล้ว “แกสวยมากเลยผึ้ง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไม่มีผู้ชายเอาแก”สองสาวเพื่อนซี๊เดินพูดคุยกันมาตามทางเดินในตัวรีสอร์ท ขณะสายตาของแพรทองคอยเหลือบมองไปทั่วบริเวณเพื่อหาคนร้ายในเงามืดคนนั้น “ใครบอกว่าไม่มี ฉันเลือกต่างหากย่ะ”“จ๊ะแม่คนเลือกได้ แม้นางฟ้านางสวรรค์ แต่จะเลือกใครก็เลือกไปนะ กับคุณนาคินทร์ห้ามเด็ดขาด ห้ามแม้แต่คิด เข้าใจนะจ๊ะ”“ตามสบาย ฉันไม่ชอบคนมีเจ้าของแล้ว”“โอ๊ย ก็แค่คู่หมั้นที่ผู้ใหญ่คลุมถุงชนเท่านั้นแหละ ตราบใดที่ไม่ใช่คนรักที่แท้จริง ฉันก็ยังมีสิทธิ์ย่ะ”สองสาวเดินเม้าท์เพลินมาจนถึงตัวอาคารที่ใช้ประกอบพิธีแต่งงาน สองสาวหยุดยืนใต้ร่มไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ด้านข้างของตัวอาคาร เพื่อจัดแต่งเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง และดูความเรียบร้อยให้กันและกัน“โอ๊ย ตื่นเต้นอย่างกับจะแต่งงานเอง ฉันสวยพอรึยัง?”“แกสวยมากวิ แล้วฉันล่ะ”“สวยครับ” คนที่ตอบคำถามของหญิง
“ไปกันเถอะวิ” แพรทองลากวิมาลาออกไปจากกลุ่มสนทนา ทั้งนาคินทร์และอัคนีมองตามอย่างเสียดาย จนหญิงสาวอีกคนรู้สึกไม่พอใจ เพราะจับได้ทันทีว่าสองหนุ่มสนใจสาวๆพวกนั้น“พี่คินขา จะไปกันได้รึยังคะ ป่านนี้พิธีเริ่มแล้วมั้ง มัวแต่ชะเง้อเป็นยีราฟกันอยู่ได้ ก็แค่...ผู้หญิงหน้าแปลก!” สาวิตรีจึงทำหน้าที่คู่หมั้น ด้วยการดึงนาคินทร์ให้เดินตามเจ้าหล่อนไปทันที“ไอ้คิน! เดี๋ยวเหอะมึง” อัคนีที่รั้งท้ายสุด รีบเดินตามทุกคนไป ไม่ใช่เพราะเขาอยากไปร่วมอวยพรบ่าวสาว หากแต่ต้องการใกล้ชิดกับเพื่อนเจ้าสาวแสนสวยให้หนำใจต่างหากไม่นานนัก...พิธีแต่งงานระหว่างวันวิสาและชาญวุฒิก็เสร็จสิ้นลง โดยไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ตามที่หลายคนคาดการณ์ เพราะอัคนีตัวร้ายประจำอำเภอ ซึ่งตามจีบวันวิสามาหลายปี ไม่มีทีท่าจะป่วนงาน ตามข่าวลือที่สะพัดมาสักพัก...เกิดอะไรขึ้น ทำไมหมอนั่นถึงเปลี่ยนใจ!!! “ขอบใจเธอทั้งสองคนมากนะที่มาร่วมงานแต่งของฉัน” วันวิสากอดวิมาลาและแพรทองด้วยความซาบซึ้งใจ “พวกเธอสองคนแต่งงานเมื่อไหร่ รับรองฉันไปเป็นแม่งานแน่นอน”“ว่าแต่ จะไม่อยู่เที่ยวก่อนจริงๆหรือครับ” เจ้าบ่าวหมาดๆถามสองสาวอีกครั้ง ตัววิมาลานั้นอยากอ
“เมื่อคืนนี้น่ะสิ ฉันเจอ...” แต่ไม่ทันจะเล่าต่อ กลับมีเสียงหนึ่งตะโกนแทรกเข้ามาเสียก่อน จนทำให้สองสาวชะงัก“คุณแพรทองครับ” เสียงนั่นเป็นของนายอัคนีเจ้าเดิม เขาเดินเข้ามาจนใกล้กับสองสาว แล้วเอ่ยถามเสียงนุ่ม “ไม่ทราบว่า สนใจออกไปเที่ยวรอบๆเมืองมั้ยครับ...”“เผอิญนัดกับเจ้าสาวเอาไว้ว่าจะท่านมื้อเที่ยงด้วยกันค่ะ” แพรทองชิงพูดตัดหน้าก่อนเพื่อนตัวดีจะอ้าปาก ทำเอาวิมาลาขัดใจไปเลย“แต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องทานมื้อเที่ยงกับผู้หลักผู้ใหญ่ของจังหวัดนะครับ พอดีตะกี้ผู้ว่าท่านแวะมาน่ะครับ”“อ้าว หรือคะ ถ้าอย่างนั้น...”“ยังมีเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะค่ำ พวกคุณน่าจะใช้เวลาให้คุ้มหน่อย ที่นี่มีที่สวยๆเยอะนะครับ”“ก็ดีเหมือนกันนะผึ้ง” วิมาลากระดี๊กระด๊าใหญ่ “ออกไปเที่ยวดีกว่า ได้คุณอัคนีเจ้าถิ่นพาไปอย่างนี้ เราคงสนุกแน่ๆ”“ครับ รับรองสนุกสุดๆไปเลย”แต่แพรทองไม่สนุกด้วยหรอก เธอไม่ชอบสายตาของอัคนีเวลาที่มองเธอ มันเหมือนเขากำลังกลืนเธอทั้งตัว“วิไปเถอะ ฉันปวดหัว ว่าจะนอนพักสักหน่อย” แพรทองหันมายิ้มให้อัคนี “ฝากเพื่อนฉันด้วยนะคะ แล้วอย่ามาส่งช้าล่ะ เพราะคืนนี้เธออยากจัดเต็ม จะเต้นรำโชว์หนุ่มๆค่ะ”“ย
“ถ้าอย่างนั้นสบายใจได้ค่ะ ฉันจะบอกสาเองว่าให้คนรถไปส่งแทน”“ไม่ได้!”“ทำไมคะ คุณมีอะไรเหรอ?”จากสีหน้าตื่นๆ ชายหนุ่มรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติอีกครั้ง“คือ...ผมต้องเข้าจังหวัดอยู่แล้ว ไหนๆก็ไปทางเดียวกัน จะไปรบกวนคนรถทำไมล่ะครับ ให้พี่เขาทำงานของเขาไปดีกว่าครับ”“อ้อ ค่ะ” เธอถึงกับอึ้งในเหตุผลของเขา “ก็ได้ค่ะ งั้นพรุ่งนี้เจอกันสักหกโมงเช้าแล้วกัน คุณจะพาผู้หญิงสวยๆที่อยู่กับคุณในงานไปด้วยก็ได้นะคะ คู่หมั้นของคุณน่ะค่ะ”แล้วเธอจะพูดถึงยัยนั่นทำไม...แพรทองอยากจะตบปากตัวเองนัก!!! นาคินทร์หัวเราะนิดๆ “ทำไมครับ หรือว่าคุณอยากรู้จักเธอ”“ไม่หรอกค่ะ ฉันแค่เกรงใจเธอ กลัวเธอจะเข้าใจผิดคุณ ที่คอยเป็นสารถีให้ฉันกับเพื่อน”“เธอรู้ครับว่าพวกคุณเป็นเพื่อนเจ้าสาว ไม่ต้องห่วง”“อ้อ เป็นคู่หมั้นที่ใจกว้างสินะคะ”“ก็ไม่เชิงหรอกครับ แต่เธอไม่กล้างี่เง่ากับผมเท่านั้นเอง”คำตอบของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวอึ้งอีกครั้ง“เอ่อ...งั้นตามนั้นแล้วกันนะคะ ขอบคุณที่เทคแคร์ฉันกับเพื่อนค่ะ เจอกันพรุ่งนี้เช้านะคะ”เจ้าหล่อนบอกลาแล้วหมุนตัวหันหลัง“คุณปวดหัวใช่มั้ย” เขาหยิบซองยาออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้เธอพร้อมรอยยิ
“อย่านะ...อย่า...ย...”เธอหายใจหอบเล็กน้อย ก่อนกวาดตามองไปโดยรอบ แต่ก็ไม่เห็นอะไร นอกจากความว่างเปล่า “ทำไมเราถึงฟุ้งซ่านอย่างนี้นะ” เธอก่นด่าตัวเอง แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า เธอได้เจอกับงูในฝันของเธอแล้วจริงๆซึ่งมันอาศัยอยู่ที่นี่ “แต่งูทุกตัวก็เหมือนๆกันนั่นแหละ เราจะแน่ใจได้ไงว่ามันเป็นตัวเดียวกัน ไม่มีเหตุผลที่มันจะเป็นตัวเดียวกัน ไม่มีจริงๆ”เธอพยายามสลัดความคิดนั้นให้หลุดไป แต่เธอก็ทำไม่ได้ นั่นเพราะภาพสายตาของงูตัวนั้นยังหลอนอยู่ในความรู้สึกเธอ ทุกขณะจิต“โอ๊ย ให้ตายสิ ทำไมภาพไอ้งูบ้าตัวนั้นถึงได้หลอกหลอนฉันอยู่ได้นะ ฉันไปทำเวรทำกรรมอะไรกับมันไว้” เธอเริ่มจะหงุดหงิดแล้ว ก่อนจะนึกบางอย่างออกแล้วอดสงสัยไม่ได้ “แต่ทำไม ทำไมมันไม่ทำร้ายเรานะ ทำไมมันไม่กัดเรา ทำไมมันถึง...ปล่อยเรา!”ทำไมอสรพิษตัวนั้นถึงไม่ยอมแตะเนื้อต้องตัวเธอ...ทำไม?หญิงสาวลุกจากอ่างอาบน้ำ แล้วใช้ผ้าขนหนูห่อตัว จากนั้นก็เดินออกสู่ห้องนอนอย่างเร่งรีบ เธอตั้งใจจะนำความสงสัยนี้ไปสอบถามหัวหน้าคนงานหรือหัวหน้าคนสวน ใครสักคนที่ให้คำตอบเธอได้ “มันอาจเป็นงูที่ใครสักคนเลี้ยงไว้ก็ได้” เธอมั่นใจว่ามันต้องโดนถอดเขี้ยวเล็บแล
“มาไม่ให้สุ้มให้เสียง”“แหม ล้อเล่นบ้างไม่ได้รึไง แล้วนี่ยังไม่แต่งตัวอีกเหรอ”“กำลังจะแต่ง” แพรทองตอบขณะยังหายใจไม่ทั่วท้อง เธอเดินเข้าด้านในอย่างเสียดาย เกือบจะจับคนร้ายได้แล้วเชียว ถ้าวิมาลาไม่โผล่มาเสียก่อน “แกล่ะ ทำไมเพิ่งกลับมา”“ใครบอกเพิ่งกลับ ฉันกลับมาตั้งแต่เย็นแล้ว ก็เลยเข้าไปช่วยยัยสากับคนงานจัดสถานที่ ยัยสาเห็นว่าเกือบได้เวลาปาร์ตี้แล้วก็เลยไล่ให้ฉันมาแต่งตัวเนี่ยแหละ”แพรทองเป่าลมออกปากอย่างเซ็งๆ “แกจะอาบน้ำอีกมั้ย”“ไม่อ่ะ แต่งตัวแต่งหน้าเลย ขืนอาบน้ำอีกเสียเวลาตาย อยากไปดิ้นไปอ่อยหนุ่มๆจะแย่อยู่แล้ว”แพรทองหยิบเสื้อผ้าที่เตียมไว้ออกมาจากตู้ ซึ่งเป็นชุดเดรสผ้าลูกไม้สีเนื้อสั้นเหนือเข่า โดยแต่ช่วงบนออกแบบให้เป็นเสื้อแขนยาวคอกว้าง ที่โชว์ไหล่ทั้งสองข้าง และเผยเนินอกอิ่มสุดสวยงามอย่างเซ็กซี่ “แล้วที่ออกไปทั้งบ่ายล่ะ สรุปแกไม่ได้งั้นเหรอ ผู้ชงผู้ชาย!”“บ้า!!!” เจ้าหล่อนทำท่าเขินอาย “ไม่เล่าหรอก อยากกลับมานอนอยู่ห้องคนเดียวทำไมล่ะ” วิมาลาดึงชุดตัวเองออกจากตู้แล้วจัดการสวมใส่อย่างรวดเร็ว ก่อนเดินไปหน้ากระจกแล้วจัดการแต่งหน้าอย่างอารมณ์ดี“อารมณ์ดีจริง” ท่าทางของเพื่อนท
“ไม่ต้องหรอกค่ะ อย่าลำบากเลย ฉันดูแลตัวเองได้”“ถ้าอย่างนั้นพี่คินนั่งเถอะค่ะ” เจ้าหล่อนพูดพลางดึงแขนนาคินทร์ให้นั่งลงเช่นเดิม “นั่งสิคะพี่คิน”นาคินทร์จำใจนั่งลง เพราะแพรทองเสียงแข็งจนเขารู้สึกได้“คุยอะไรกันอยู่เอ่ย ท่าทางสนุก”และแล้ว ชายหนุ่มผู้ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความเกเรก็เข้ามานั่งร่วมโต๊ะโดยไม่ต้องมีใครเชิญ“อ้าวยัยตรี แต่งตัวสวยเชียวนะ คิดจะแข่งกับเจ้าสาวรึไง”“ไม่ได้หรอกค่ะ งานนี้มีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ และก็เศรษฐีของอำเภอ ตรีต้องสวยไว้หน้าคู่หมั้นหน่อยค่ะ อีกอย่าง งานนี้คนเยอะ เลยถือโอกาสเปิดตัวเพราะถ้าไม่เปิด เดี๋ยวหมาคาบไปแดก” เจ้าหล่อนพูดพลางชม้ายชายตาไปยังวิมาลาและแพรทองที่เพิ่งจะนั่งลงตรงข้ามกัน วิมาลาถึงกับหน้าร้อน บ่นอุบ “ยัยนี่”“คุณสาวิตรีพูดอย่างกับคุณนาคินทร์เป็นแค่กระดูกติดเนื้อ หรือไม่ก็อาหารหมา ตลกจังเลยค่ะ” แพรทองยิ้มเชือดเฉือน คำพูดของเจ้าหล่อนทำให้ทั้งหมดบนโต๊ะอึ้งไปเลย“วะ...ว่าไงนะ” สาวิตรีปากสั่น แต่อัคนีกลับหัวเราะลั่น“อาหารหมา ฮ่าๆๆ”“พี่หิน!!!”นาคินทร์ขยับตัวเล็กน้อย ใบหน้ายังนิ่งขรึม ไม่บอกอารมณ์ใดๆ“ผมขอตัวไปคุยกับเจ้าบ่าวก่อนนะ เผื่อมีอะไรขาด
“เออสิ ก็ยัยสาวิตรีน่ะมันชอบคินมาตั้งแต่เด็กแล้ว พอโตขึ้นมันก็ร้องจะฆ่าตัวตายถ้าไม่ให้มันแต่งงานกับคิน”“ว๊ายตาย อยากมีผัวจนตัวสั่นเลยเหรอ”“แล้วทำไมเขาตกลงล่ะ” แพรทองเองที่อยากรู้ “หรือว่าตอนนั้นก็แอบมีใจให้ยัยนั่นอยู่เหมือนกัน”“ฉันว่าไม่ใช่ เดาว่าคินทำตามที่พ่อต้องการ และตอนนั้นเขาก็ไม่ได้มีใครด้วย ไม่เหมือนตอนนี้...”วินาทีนั้นเองที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น...ก่อนชายหนุ่มจะก้าวเข้ามาในห้อง ด้วยท่าทีตื่นเต้นดีใจ“วุฒิ กลับมาแล้วหรือคะ”“ใช่ ผมได้หลักฐานมาแล้วนะ แล้วก็จัดการส่งให้ตำรวจแล้ว ตอนนี้นายอัคนีถูกเรียกไปสอบสวนแล้ว”ทั้งสามสาวพากันดีใจเฮละโล “แล้วภาพจากกล้องวงจรปิดที่รีสอร์ทเราล่ะ?”“แน่นอน” ชาญวุฒิหมายมั่นปั้นมือ “ภาพจากกล้องวงจรปิดมัดตัวนายอัคนีแบบดิ้นไม่หลุดเลยล่ะ”“อะไรนะ นี่มีภาพจากกล้องวงจรปิดด้วยเหรอ” แพรทองถามอย่างตื่นเต้น “จริงเหรอยัยสา?”“ใช่ ไม่ต้องห่วงนะ ถึงพ่อมันจะใหญ่แค่ไหน แต่ถ้าหลักฐานมันชัดขนาดนี้ มันก็หนีคุกหนีตะรางไม่พ้นหรอก” วันวิสาพูดด้วยความสะใจ “โทษฐานที่มันล้วงคองูเห่า”ใครบอกว่าล้วงคองูเห่า...มันล้วงคองูจงอางต่างหาก!!!“อ้อ สาจ๊ะ ได้ข่าวเรื่องบ
เธอลูบไล้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาอย่างโหยหา “อะไรคะ”“ถ้าเราสองคนอยู่ด้วยกันในคืนพระจันทร์เต็มดวง แสงจันทร์จะล้างคำสาปในตัวผมจนหมดสิ้น แล้วผมจะกลายเป็นมนุษย์เต็มตัว ไม่ต้องเป็นงูอีกแล้ว”“หืม...” หญิงสาวรู้สึกตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก “จริงหรือคะ?”“จริง คุณจะช่วยล้างคำสาปให้ผมรึเปล่า”“ช่วยสิคะ แล้วฉันต้องทำยังไง”“คุณก็แค่รักผมให้มากๆ และยอมให้ผมทำอะไรกับคุณก็ได้ในคืนนั้น”“ทำอะไรก็ได้ หมายถึงกัดรึคะ” เจ้าหล่อนยิ้มยั่ว“มั้ง” เขายิ้มพรายก่อนก้มลงจุมพิตที่ปลายจมูกสวยของหญิงสาว “แต่อีกตั้งเดือนกว่าจะถึงวันเพ็ญ คุณก็ต้องยอมเป็นเมียงูไปก่อนนะ”“ใครบอกคะ ฉันลาพักร้อนได้แค่สิบห้าวันเท่านั้น แล้วตอนนี้ก็ใช้ไปตั้งสามวันแล้วนะคะ ฉันคงต้องกลับกรุงเทพฯก่อนถึงวันเพ็ญ”“ผมไม่ยอมให้คุณไปไหนหรอก”“ก็คอยดูว่าฉันจะไปได้รึเปล่า ฉันไม่ได้มีคู่หมั้นอย่างใครบางคนนี่คะ” เจ้าหล่อนแสร้งพูดเรื่องนี้อีกครั้ง เพื่อเตือนความจำของเขา“พรุ่งนี้ผมกูกถอนหมั้นแล้วคุณ”หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น “เหรอ?”เขายิ้มร่า ดูกะล่อนไม่เบา “ไม่เชื่อคุณก็คอยดูแล้วกัน”“อืม....อ้า!!!...” เขาใช้จังหวะที่หญิงสาวเผลอ ก้าวล้ำเข้าไปภายในของเจ้า
วันวิสาและวิมาลามองหน้ากัน รู้สึกทะแม่งๆกับท่าทางของเพื่อนสาวที่ไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนมาก่อน“อ๊ะๆ ทำไมห่วงนายคินขนาดนั้นยะ มีอะไรในกอไผ่รึเปล่าเนี่ยคู่นี้” วันวิสาแซว แพรทองทำหน้าแทบไม่ถูก เธอหันไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียง อย่างรู้สึกสำนึกผิด“วิ แกอย่าโกรธฉันนะ”วิมาลาจ้องแพรทองนิ่ง ก่อนเอ่ยเสียงขรึม “ไปถึงไหนกันแล้วล่ะ”แพรทองก้มหน้านิดๆ เธอจะพูดอย่างไรดี ให้เพื่อนเสียใจน้อยที่สุด และไม่เกลียดโกรธเธอที่แย่งผู้ชายที่เธอหมายปองไปแต่เจ้าหล่อนไม่ทันจะตอบเพื่อน เสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียก่อน วันวิสาเป็นคนเดินไปเปิดประตูให้แขกที่ทุกคนกำลังรอคอย“นาคินทร์!!!” เขากลับมาแล้ว ในสภาพที่ปกติ ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด “ทุกอย่างเรียบร้อย คลิปของคุณถูกทำลายแล้ว ตอนนี้สองคนนั้นอยู่ที่โรงพักแล้ว ยอมออกไปมอบตัวด้วยตัวเอง”“จริงหรือคะ!!!” วิมาลาดีใจจนเกือบจะกรี๊ดออกมา “ขอบคุณนะคะคุณคิน คุณนี่ทั้งหล่อทั้งเก่งเลยค่ะ แล้ววิจะเลี้ยงข้าวนะคะ”“แล้วคินทำยังไงให้พวกนั้นมันยอมมอบตัวได้” วันวิสาถามอย่างใคร่รู้นาคินทร์หันมองหญิงสาวที่กุมความลับเขาไว้ เธอยิ้มนิดๆให้เขา“ก็ไม่ได้ทำอะไร พวกมันคงสำนึกผิดเองมั้ง”“
“คุณอย่าชะล่าใจนะ หมองูคนนั้นท่าทางน่ากลัวจะตายไป บางทีเขาอาจจะมีคาถาอาคมแก่กล้าจนคุณนึกไม่ถึงก็ได้”เขาหัวเราะ “เอาเป็นว่า เรามาคอยดูกันคืนนี้ดีมั้ย ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะเก่งสักแค่ไหน”“คุณนี่นะ ยังจะปากดีอีก ฉันว่าคืนนี้คุณอย่าอยู่ที่เมืองนี้เลย ไปไหนก็ได้ ให้มันไกลๆ เชียงใหม่เชียงราย หรือ...”“ไม่ ผมจะอยู่ที่นี่” เขาจับมือเธอแล้วบีบแน่น “ผมวางแผนจะออกไปเล่นงานลูกน้องไอ้อัคนีคืนนี้ ผมนัดแนะกับงูตัวอื่นๆไว้แล้ว พวกเขาเตรียมตัวกันหมดแล้ว ผมไปไหนไม่ได้หรอก”“คุณนี่ดื้อจริงๆเลย” เธอเริ่มจะหัวเสียแล้ว “เออ อยากทำอะไรก็ทำเถอะค่ะ ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว ขอตัวก่อน เดี๋ยวยัยสาจะมารับไปเยี่ยมยัยวิที่โรงพยาบาล”เจ้าหล่อนหมุนตัวหันหลังให้ชายหนุ่ม เขาคว้าข้อมือเธอไว้“ผมไม่ยอมตายง่ายๆหรอกนะคุณ มีเมียสวยขนาดนี้จะทิ้งให้เป็นหม้ายได้ยังไง คืนนี้รอฟังข่าวดีนะ”ในที่สุดเธอก็แพ้เขา ยอมปล่อยเขาไป ตามที่เขาต้องการ เธอกลับมาอาบน้ำแต่งตัวที่บ้านพักเรียบร้อย ไม่นานนัก วันวิสาก็โทรศัพท์ให้เธอออกไปรอที่ลานจอดรถด้านหน้ารีสอร์ทขณะเดินออกจากเรือนพัก เธอเห็นหมองู เสี่ยอาทรและลูกน้องสามสี่คน กำลังจัดเตรี
“ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่สบายใจอยู่ดี”ชายหนุ่มคว้ามือเธอมาจูบแน่น ก่อนเงยหน้ามองด้วยสายตาออดอ้อน “ผมรักคุณนะ รักคุณมากจริงๆ อดทนอีกนิด แล้วผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย รับรองว่าสาวิตรีจะทิ้งผมทันทีเลย”เธอหน้าตื่น “คุณจะทำยังไงคะ หรือว่าคุณจะเผยตัวตน”เขาส่ายหน้า “มันมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น”ขณะนั้นเอง บริเวณด้านหน้าของตัวอาคารกลางของรีสอร์ท ได้มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมา หนึ่งในนั้น มีบิดามารดาของวันวิสา และเสี่ยอาทร บิดาของอัคนีและสาวิตรีเดินมาด้วยกัน ดูจากสีหน้าท่าทางของทุกคน เหมือนมีเรื่องกังวลใจหนักหนา“มีเรื่องอะไรรึเปล่า เสี่ยอาทรถึงมาที่นี่”“ใครคะ”“โน่น พ่อของนายอัคนีตัวแสบ”“อ่อ ว่าที่พ่อตาคุณ”“เอ๊ะนั่น!” ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเสี่ยอาทรเท่ากับชายชราอีกคน ที่สวมชุดขาวทั้งตัวและมีหนาวเคราขาวรกรุงรัง “หมองู”“ว่าไงนะคะ” เจ้าหล่อนหันไปมองตามสายตาของชายหนุ่มทันที “หมายความว่าไงคะ เสี่ยอาทรพาหมองูมาที่นี่ทำไมคะ”“คุณจะกลับห้องพักไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ใช่เหรอ ลงไปได้แล้ว เดี๋ยวผมจะไปคุยกับพวกเขาหน่อย เผื่อมีอะไรจะช่วยได้”หญิงสาวรู้สึกเป็นห่วงเขา แต่ก็ยอมทำตามที่เขาสั่ง เธอลงจากรถไปด้
“แต่พี่ชายตรียังอยู่โรงพยาบาลอยู่เลยนะครับ”“พี่หินฟื้นแล้วค่ะ พ้นขีดอันตรายแล้วด้วย ตรีบอกป๊ากับม๊าแล้ว ท่านทั้งสองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรนะคะ”แต่คนที่ขัดข้องคือว่าที่เจ้าบ่าวนี่แหละ เขายิ้มแทบไม่ออก ที่ยอมหมั้นในเวลานั้นก็เพราะบิดาใกล้เสียชีวิต อยากให้ท่านมีความสุขและสบายใจที่ลูกชายกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝา ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลยเถิดขนาดนี้“ไหนๆก็หมั้นกันมาตั้งหลายปีแล้ว แต่งกันสักที จะได้ไม่เป็นขี้ปากชาวบ้านเขา แม่ว่าจะไปสู่ขอน้องตรีอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า ลูกคิดว่าไงจ๊ะ”“ผมยังไม่พร้อมครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาคมดุหันมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า เจ้าหล่อนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทันที“แล้วเมื่อไหร่จะพร้อมล่ะลูก นี่ลูกพูดแบบนี้มาหลายครั้งแล้วนะ น้องตรีเสียหายมากนะลูก ถูกคนเขาเม้าท์ไปทั่วว่าลูกไม่เอา...”“คุณน้าคะ...” เจ้าหล่อนสะอื้นฮึกฮักขึ้นมาจนทำให้มารดาของชายหนุ่มสงสาร คว้ามากอดแนบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ตรีรอได้ นานแค่ไหนก็จะรอ”“ไม่เอานะลูก ไม่ร้องนะหนูตรี ยังไงพี่คินก็ต้องแต่งกับหนูตรีนะ”นาคินทร์ลอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เขาควรต้องจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะคนที่เ
นาคินทร์ยิ้มนิดๆอย่างรู้ทัน “ไม่ต้องทำเสียงหวานเลย”“อ้าว นี่คุณจะไม่ช่วยหรือคะ”“ช่วยสิ ทำไมจะไม่ช่วยล่ะ เพื่อนรักของคุณทั้งคนนะ”“นี่ถ้ามันจับตัวฉันไป คุณจะทำไงคะ” เจ้าหล่อนแสร้งทำเสียงฉอเลาะ ยั่วเย้า เบียดเนื้อเบียดตัว “หือ...”“ผมก็จะฆ่ามันน่ะสิ” สายตาของเขายิ่งกว่าอสรพิษ ยามก้มเข้าหาใบหน้าเธอแล้วจูบแน่น เธอไม่ปล่อยให้เขาสูบเอาความหวานจากริมฝีปากอิ่มไปแต่เพียงผู้เดียว จึงจูบตอบพร้อมเคลื่อนขยับงับเม้มริมฝีปากร้ายของเขาอย่างกระหาย“อืม...” เขาพึงพอใจไม่น้อย ยามลิ้นอุ่นของหญิงสาวทะลวงเข้ามาในโพรงปากของเขา ชายหนุ่มจึงตวัดลิ้นรัดรึงดุนดันจนพัลวันไปหมด“อา....” เธอครางผ่านลำคอออกมา ขณะเขาอุ้มร่างกายอรชนขึ้นแล้วนำไปที่เตียงนอน ก่อนกระโจนลงไปนัวเนียเล้าโลมอย่างกระหืดกระหาย จนร่างกายหญิงสาวอ่อนระทวย“ที่รักขา....”“ผมรักคุณ...แพทอง ผมรักคุณ” เขาคร่ำครวญขณะสอดใส่ลำยาวเข้าไปในกายเธอ หญิงสาวสะดุ้งโหยง ก่อนตวัดสองขาขึ้นรัดสะเอวของชายหนุ่มไว้ สะโพกแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อเริ่มขยับ กระแทกกระทั้นอย่างดุดัน“โอ้วววววว” หากแต่ทำไปได้สักพัก เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก๊อกๆ ก๊อกๆ ชายหนุ่มจำต้องหยุดทำรั
“อยู่กับตรีที่นี่ได้มั้ยคะ ตรีเหงาน่ะค่ะ”เขาปลดมือเจ้าหล่อนออกอีกครั้ง อย่างไม่ไยดี “พี่มีอะไรต้องทำเยอะแยะเลย ไม่ว่างมาเฝ้าพี่ชายตรีหรอก อีกอย่าง ตรีก็รู้อยู่แก่ใจว่าพี่ชายของตรีก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าพี่สักเท่าไหร่ จริงมั้ย?”เมื่อฟังเหตุผลข้อหลัง เจ้าหล่อนจึงยอมปล่อยชายหนุ่มออกจากห้องไป ไม่กล้ากระเง้ากระงอดอีก เพราะกลัวเขารำคาญ เธอตั้งใจจะหาโอกาสครั้งใหม่ ในการยั่วชายหนุ่มแล้วรวบหัวรวมหางซะ ให้เขาตกเป็นของเธอเธอกับเขาจะได้แต่งงานกันให้เร็วที่สุด!!! วิมาลายังนอนลืมตานิ่งๆอยู่บนเตียงคนไข้ โดยมีเพื่อนรักสองคนนั่งข้างเตียง ดูแลไม่ห่าง เจ้าหล่อนกำลังนึกถึงสิ่งที่โดนสองคนร้าย ลูกน้องสุดชั่วของอัคนีกระทำกับเธอ!!!“ว่าไงยัยวิ จะบอกได้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้น?” แพรทองเริ่มคาดคั้น เพราะเห็นเพื่อนเงียบไปนาน แต่วันวิสาแอบหยิกเนื้อแพรทองเบาๆเพื่อเตือนให้หยุดกวนสมาธิเพื่อนเสีย “พักผ่อนก่อนเถอะวิ จะได้แข็งแรงเร็วๆ”“ไม่” วิมาลาพูดขัดขึ้น “ฉันหลับไม่ลงจริงๆ”แพรทองจับมือวิมาลาไว้แน่น “พวกมันทำอะไรเธอรึเปล่า”“ทำสิ พวกมันทำ”“ไอ้พวกเลวระยำ” วันวิสาสบถด้วยความเจ็บใจ “เธอจำหน้าพวกมันได้ครบใช่มั้ย”“ใ
“บอกว่าคุณเป็นงูจงอางเหรอ”เขาหัวเราะเสียงใส อารมณ์ดี ก่อนจะหอมแก้มเธอเสียฟอดใหญ่ “บอกว่าเราสองคนเป็นผัวเมียกันแล้ว และจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด”หญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุข ในอ้อมกอดของชายหนุ่มคนแรกในชีวิตที่เธอร่วมรักด้วยและมีใจเสน่หา เธอเสียพรหมจรรย์ให้แก่เขา ผู้ชายครึ่งงู ตัวประหลาดที่มีอยู่จริงในโลกนี้“คุณวิฟื้นรึยัง”ชาญวุฒิถามเมีย ทันทีที่เจ้าหล่อนออกมาจากห้องพักฟื้นคนไข้ของโรงพยาบาลอำเภอ “ฟื้นแล้ว แต่หลับไปอีก เพราะฤทธิ์ยา”“เสียดายที่จับคนร้ายไม่ได้”“เอาไว้ให้ยัยวิฟื้นและมีสติก่อน เมื่อไหร่มันพร้อมจะให้ปากคำกับตำรวจ ไม่ว่าจะใหญ่โตคับฟ้ามาจากไหน ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลย”“ยัยสา!” เสียงเรียกของแพรทองดังมาแต่ไกล วันวิสากับชาญวุฒิหันไปมองต้นเสียง ก็ได้เห็นแพรทองกับนาคินทร์เดินมาด้วยกัน“ยัยผึ้ง!”วันวิสาและแพรทองเข้าสวมกอดกันทันที เพื่อปลอบโยนกันและกัน ตามประสาเพื่อนรักที่รักกันราวกับพี่น้องท้องเดียว “ไม่เป็นไรแล้ว ยัยวิปลอดภัยแล้ว มันไม่เป็นอะไรแล้ว”เมื่อผละจากกัน วันวิสาจับมือแพรทองไว้แน่น“ฉันขอโทษนะที่ชวนพวกแกมา เลยทำให้พวกแกต้องเจอกับเหตุการณ์บ้าบอแบบนี้ ฉันดูแลพวก