“อย่านะ...อย่า...ย...”
เธอหายใจหอบเล็กน้อย ก่อนกวาดตามองไปโดยรอบ แต่ก็ไม่เห็นอะไร นอกจากความว่างเปล่า
“ทำไมเราถึงฟุ้งซ่านอย่างนี้นะ” เธอก่นด่าตัวเอง แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า เธอได้เจอกับงูในฝันของเธอแล้วจริงๆซึ่งมันอาศัยอยู่ที่นี่ “แต่งูทุกตัวก็เหมือนๆกันนั่นแหละ เราจะแน่ใจได้ไงว่ามันเป็นตัวเดียวกัน ไม่มีเหตุผลที่มันจะเป็นตัวเดียวกัน ไม่มีจริงๆ”
เธอพยายามสลัดความคิดนั้นให้หลุดไป แต่เธอก็ทำไม่ได้ นั่นเพราะภาพสายตาของงูตัวนั้นยังหลอนอยู่ในความรู้สึกเธอ ทุกขณะจิต
“โอ๊ย ให้ตายสิ ทำไมภาพไอ้งูบ้าตัวนั้นถึงได้หลอกหลอนฉันอยู่ได้นะ ฉันไปทำเวรทำกรรมอะไรกับมันไว้” เธอเริ่มจะหงุดหงิดแล้ว ก่อนจะนึกบางอย่างออกแล้วอดสงสัยไม่ได้ “แต่ทำไม ทำไมมันไม่ทำร้ายเรานะ ทำไมมันไม่กัดเรา ทำไมมันถึง...ปล่อยเรา!”
ทำไมอสรพิษตัวนั้นถึงไม่ยอมแตะเนื้อต้องตัวเธอ...ทำไม?
หญิงสาวลุกจากอ่างอาบน้ำ แล้วใช้ผ้าขนหนูห่อตัว จากนั้นก็เดินออกสู่ห้องนอนอย่างเร่งรีบ เธอตั้งใจจะนำความสงสัยนี้ไปสอบถามหัวหน้าคนงานหรือหัวหน้าคนสวน ใครสักคนที่ให้คำตอบเธอได้
“มันอาจเป็นงูที่ใครสักคนเลี้ยงไว้ก็ได้” เธอมั่นใจว่ามันต้องโดนถอดเขี้ยวเล็บแล้ว ไม่ใช่อสรพิษที่น่ากลัวแต่อย่างใด ทว่า “ไม่ได้สิ เรายังไม่รู้เลยว่าคนร้ายเป็นใคร บางทีอาจจะเป็นใครสักคน ในคนงานพวกนี้ก็ได้”
หญิงสาวทรุดกายนั่งลงที่ปลายเตียง เธออดกังวลไม่ได้ว่าปาร์ตี้งานแต่งของเพื่อนรักในคืนนี้จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น แม้ไม่ใช่เธอ ก็อาจเป็นผู้หญิงคนอื่น คนที่มันจ้องมองอยู่อย่างกระหายอยาก
“เล่าให้ยัยสาฟังดีมั้ย แต่ถ้ายัยสารู้ตอนนี้ ยัยนั่นต้องไม่สบายใจ” เธอทอดร่างลงนอนแผ่หลาบนเตียงนอนนุ่ม นอนคิดจนหัวหมุน ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี กระทั่งเผลอหลับไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
ผ่านไปหลายชั่วโมงทีเดียว ตอนที่เจ้าหล่อนตื่นขึ้นมาแล้วเด้งตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ
“เวลาเท่าไหร่แล้ว” เธอหันมองหานาฬิกาติดผนังทันที พอเห็นว่าหกโมงเย็นแล้ว ก็กระโดดลงจากเตียงอย่างกับสไปเดอร์แมน “ตายแล้ว นี่ฉันจะแต่งตัวแต่งหน้าทันมั้ยเนี่ย”
เจ้าหล่อนตรงไปยังตู้เสื้อผ้ามุมห้อง เปิดหาชุดที่เตรียมไว้
“ยัยวิก็ยังไม่กลับมาอีก แล้วใครจะช่วยฉันทำผมล่ะเนี่ย” เจ้าหล่อนรนราน ลุกลี้ลุกลน จนทำให้ผ้าขนหนูที่ห่อพันกายหลุดล่วงลงพื้น “อุ๊ย! จะมาหลุดอะไรกันตอนนี้ยะ”
ขณะเจ้าหล่อนกำลังจะก้มลงหยิบผ้าขนหนูที่กองอยู่ปลายเท้า หากแล้วหางตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเสียก่อน มันอยู่ที่ฝาผนังใกล้หัวเตียง เธอชะงักอึ้ง นั่นเพราะเธอแน่ใจว่ามีสายตาของใครบางคนจ้องมองเธออยู่...แม่เจ้า...เธอเจอถ้ำมองเข้าแล้ว!!!
หัวใจเธอเต้นตุบตับไปหมด ด้วยมั่นใจว่ามันต้องเป็นคนร้ายแน่ๆ เธอตกใจช็อค แต่พยายามระงับสติที่สั่นพร่าให้เป็นปกติที่สุด
หญิงสาวค่อยๆก้มลงหยิบผ้าขนหนู แล้วนำมาห่อตัวไว้เหมือนเดิม เธอรู้ตัวดีว่าความเซ็กซี่ของเธอย่อมทำให้ผู้ที่กำลังแอบมองเกิดอารมณ์กระเจิงกระจายจนอยู่ไม่ติดแน่
ใครกันนะ!
“ฮึ่ม....ใส่ชุดไหนดีนะ” ใครกันที่อาจหาญมาทำแบบนี้กับแขกของเจ้านาย...เธอจะจับให้ได้คาหนังคาเขาเลยเชียวล่ะ
แพรทองทำทีเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วกดปุ่มเร็คคอร์ทตรงฟังก์ชั่นบันทึกวิดีโอ จากนั้นก็นำมันไปวางไว้ที่มุมหนึ่งบนโต๊ะมุมห้อง โดยทำทุกอย่างแบบเนียนๆไม่ดูมีพิรุธ
“ไอ้พวกถ้ำมอง เจอฉันแน่” เธอเดินออกไปเลื่อนประตูกระจกตรงระเบียงจนกว้างสุด เวลานี้ใกล้โพล้เพล้เต็มทีแล้ว แสงสุดท้ายของดวงตะวันทำให้บริเวณโดยรอบดูอบอุ่น งดงาม
“ปาร์ตี้ใกล้จะเริ่มแล้วสินะ” และแล้วเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้า ที่ขยับย่องเข้ามาทางด้านหลังของเธอ หัวใจของเธอเต้นรัวเร็วถี่ยิบ หากมันรวบตัวเธอโดยการโปะยาสลบอีกครั้ง เธอจะแทงมันด้วยมีดที่อยู่ในมือนี่แหละ
“จ๊ะเอ๋!!!” วิมาลาโผล่มาจากข้างหลังเธอแล้วตะโกนลั่น จนทำให้แพรทองตกใจหน้าเสีย เธอเกือบจะแทงวิมาลาเข้าแล้ว หากยั้งมือทัน
“ยัยวิ!!”
“ว๊ายตาย เล่นของมีคมหรือยะ”
เจ้าหล่อนรีบเก็บมีดอย่างเร็ว ก่อนเหลือบไปมองตรงรูบนฝาผนังที่คนร้ายใช้มองเธอ แต่ตาคู่นั้นหายไปแล้ว
“มาไม่ให้สุ้มให้เสียง”“แหม ล้อเล่นบ้างไม่ได้รึไง แล้วนี่ยังไม่แต่งตัวอีกเหรอ”“กำลังจะแต่ง” แพรทองตอบขณะยังหายใจไม่ทั่วท้อง เธอเดินเข้าด้านในอย่างเสียดาย เกือบจะจับคนร้ายได้แล้วเชียว ถ้าวิมาลาไม่โผล่มาเสียก่อน “แกล่ะ ทำไมเพิ่งกลับมา”“ใครบอกเพิ่งกลับ ฉันกลับมาตั้งแต่เย็นแล้ว ก็เลยเข้าไปช่วยยัยสากับคนงานจัดสถานที่ ยัยสาเห็นว่าเกือบได้เวลาปาร์ตี้แล้วก็เลยไล่ให้ฉันมาแต่งตัวเนี่ยแหละ”แพรทองเป่าลมออกปากอย่างเซ็งๆ “แกจะอาบน้ำอีกมั้ย”“ไม่อ่ะ แต่งตัวแต่งหน้าเลย ขืนอาบน้ำอีกเสียเวลาตาย อยากไปดิ้นไปอ่อยหนุ่มๆจะแย่อยู่แล้ว”แพรทองหยิบเสื้อผ้าที่เตียมไว้ออกมาจากตู้ ซึ่งเป็นชุดเดรสผ้าลูกไม้สีเนื้อสั้นเหนือเข่า โดยแต่ช่วงบนออกแบบให้เป็นเสื้อแขนยาวคอกว้าง ที่โชว์ไหล่ทั้งสองข้าง และเผยเนินอกอิ่มสุดสวยงามอย่างเซ็กซี่ “แล้วที่ออกไปทั้งบ่ายล่ะ สรุปแกไม่ได้งั้นเหรอ ผู้ชงผู้ชาย!”“บ้า!!!” เจ้าหล่อนทำท่าเขินอาย “ไม่เล่าหรอก อยากกลับมานอนอยู่ห้องคนเดียวทำไมล่ะ” วิมาลาดึงชุดตัวเองออกจากตู้แล้วจัดการสวมใส่อย่างรวดเร็ว ก่อนเดินไปหน้ากระจกแล้วจัดการแต่งหน้าอย่างอารมณ์ดี“อารมณ์ดีจริง” ท่าทางของเพื่อนท
“ไม่ต้องหรอกค่ะ อย่าลำบากเลย ฉันดูแลตัวเองได้”“ถ้าอย่างนั้นพี่คินนั่งเถอะค่ะ” เจ้าหล่อนพูดพลางดึงแขนนาคินทร์ให้นั่งลงเช่นเดิม “นั่งสิคะพี่คิน”นาคินทร์จำใจนั่งลง เพราะแพรทองเสียงแข็งจนเขารู้สึกได้“คุยอะไรกันอยู่เอ่ย ท่าทางสนุก”และแล้ว ชายหนุ่มผู้ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความเกเรก็เข้ามานั่งร่วมโต๊ะโดยไม่ต้องมีใครเชิญ“อ้าวยัยตรี แต่งตัวสวยเชียวนะ คิดจะแข่งกับเจ้าสาวรึไง”“ไม่ได้หรอกค่ะ งานนี้มีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ และก็เศรษฐีของอำเภอ ตรีต้องสวยไว้หน้าคู่หมั้นหน่อยค่ะ อีกอย่าง งานนี้คนเยอะ เลยถือโอกาสเปิดตัวเพราะถ้าไม่เปิด เดี๋ยวหมาคาบไปแดก” เจ้าหล่อนพูดพลางชม้ายชายตาไปยังวิมาลาและแพรทองที่เพิ่งจะนั่งลงตรงข้ามกัน วิมาลาถึงกับหน้าร้อน บ่นอุบ “ยัยนี่”“คุณสาวิตรีพูดอย่างกับคุณนาคินทร์เป็นแค่กระดูกติดเนื้อ หรือไม่ก็อาหารหมา ตลกจังเลยค่ะ” แพรทองยิ้มเชือดเฉือน คำพูดของเจ้าหล่อนทำให้ทั้งหมดบนโต๊ะอึ้งไปเลย“วะ...ว่าไงนะ” สาวิตรีปากสั่น แต่อัคนีกลับหัวเราะลั่น“อาหารหมา ฮ่าๆๆ”“พี่หิน!!!”นาคินทร์ขยับตัวเล็กน้อย ใบหน้ายังนิ่งขรึม ไม่บอกอารมณ์ใดๆ“ผมขอตัวไปคุยกับเจ้าบ่าวก่อนนะ เผื่อมีอะไรขาด
“คุณผึ้งครับ คุณผึ้ง!” อัคนีเกือบจะวางมือลงบนหลังมือของหล่อนแล้ว หากเธอไม่หลุดจากภวังค์เสียก่อน“คะ อ่อ...ขอเป็นน้ำส้มก็ได้ค่ะ” ให้อัคนีไปซะ เธอจะได้ชิ่ง เธอคิดอย่างนั้น “ขอบคุณนะคะ”“ด้วยความยินดีครับ” ครั้นอัคนีเดินไปที่ซุ้มเครื่องดื่มและสั่งน้ำส้มคั้นให้เธอ โดยตั้งใจจะแอบใส่ยานอนหลับเป็นของแถมให้เธอด้วย หญิงสาวก็ได้โอกาสทำตามแผน เธอลุกจากโต๊ะทันที เธอจงใจเดินออกจากงาน โดยใช้เส้นทางเดิมเดียวกับตอนขามา อันเป็นเส้นทางที่เธอเคยถูกคนในเงามืดฉุดคร่าอย่างน่ากลัวนั่นเอง แพรทองจงใจเดินไปยังจุดที่เธอเคยถูกคนร้ายลากตัวออกไปเมื่อคืนก่อน เธอจงใจวางตัวเองเป็นเป้าหมาย เป็นตัวล่อสุดยั่วยวน ทำให้มันน้ำลายหก แล้วลงมือฉุดคร่าเธออีกครั้ง หากแต่คราวนี้ เธอไม่ได้มามือเปล่า เธอมีสติ มีแผนการและพกซ่อนมีดเล่มเล็กไว้ในกระเป๋าด้วยเธอตั้งใจจะเสียบคนร้ายสักแผลสองแผลแล้วตัดท่อนเนื้อของมันให้ขาดวิ่น จากนั้นก็ลากเข้าคุก!!!หญิงสาวแสร้งเดินเอื่อยเฉื่อยอยู่บริเวณนั้นครู่ใหญ่ โดยทำทีเป็นคุยโทรศัพท์ไปด้วย แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีวี่แววของคนร้ายปรากฏ นอกจากยุงและแมลงที่บินว่อนไปทั่วเธอเลยเดินต่อไปยังริมลำธาร
“คุณอัคนี ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันไมได้ยั่วคุณ”“คุณยั่วผม จนทำให้ผมทนไม่ไหวแล้วนะ” เขาเข้าจู่โจมแล้วกอดรัดเจ้าหล่อนทันที แล้วพยายามจูบไซ้ไม่หยุด หญิงสาวดีดดิ้นผลักดันตัวเขาให้ออกห่าง แต่ไม่สำเร็จ เขายิ่งรัดรึงและเบียดบดร่างกายเธออย่างดุดัน “ปล่อยฉันนะ”“ไม่ปล่อย หอมจังเลยทูนหัว” เขาทั้งจูบทั้งไซ้ซอกคอของเธออย่างหิวกระหาย ฝ่ามือป่ายปีนหน้าอกของเธอแล้วบีบนวดอย่างหยามใจ“อร๊ายยย ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า ช่วยด้วย!!” หญิงสาวทุบตีเข้าพลาง อ้าปากตะโกนขอความช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ “ปล่อย...”“ร้องอีก ร้องดังๆเลย ฮ่าๆ”“ช่วย....”“อุ๊บ!...” แต่ยังไม่จบประโยค แค่คำเดียวที่หลุดออกจากริมฝีปากอิ่มหวาน ชายหนุ่มต่อยหน้าท้องเธอไปเต็มแรงจนตัวงอ เธออ้าปากหวอ น้ำตาไหลด้วยความเจ็บ มือที่เคยทุบตีกลับต้องมากุมหน้าท้องไว้แทน “โอ๊ย...”อัคนีหัวเราะหึๆ ก่อนอุ้มร่างของหญิงสาวขึ้น “ชอบให้ใช้กำลังอยู่เรื่อย อย่าร้องไปเลยน่า เดี๋ยวก็มีความสุขเองแหละ”“ปล...ปล่อยฉัน...”เขาหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข อย่างกับคนบ้า ขณะอุ้มร่างอันไร้เรี่ยวแรงเพราะความเจ็บปวดเข้าไปในซอกหินกองโต ซึ่งสามารถใช้บังตาคนและแสงจากเรือนพักที่
“ฉันยังเจ็บอยู่ ยังลุกไปไหนไม่ได้ แต่คงไม่มีใครย้อนกลับมาหรอก” เธอชะเง้อหาไปในแสงสลัว ว่าจะมีใครออกมาตามหาเธอมั้ย แต่ก็ไม่มี “ไอ้บ้านั่นก็คงจะไม่บอกใครหรอก เพราะคิดว่าฉันคงถูก...นายกัด...ไปแล้ว”ขาดคำนั้นเจ้างูยักษ์ก็วางหัวลงมาที่ปลายเท้าของเธอแล้วถูไถสัมผัสอย่างนุ่มนวล มันทำให้เธอตกใจมากถึงมากที่สุด“ว๊าย!...” แล้วเจ้างูยักษ์ก็เลื้อยผ่านลำตัวเธอขึ้นมาจนเผชิญหน้ากันในระยะใกล้ ใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของมัน...เธอคงถึงเวลาตายแล้วจริงๆ...เธอหลับตาแน่น ยอมรับในชะตากรรมหากแล้ววินาทีต่อมา กลับเป็นสัมผัสอุ่นซ่านที่ริมฝีปาก เธอลืมตาโพลง แล้วตกใจตาค้าง เธอโดนงูจงอางจูบปากอยู่อย่างนั้นหรือ???เธอไม่ได้ตัวสั่น แต่เธอตัวแข็งเป็นหินไปเลยในวินาทีนี้ ด้วยลำตัวของจงอางที่ใหญ่พอสมควรซึ่งพาดพักอยู่บนเรือนร่างของเธอ น้ำหนักตัวของมันทำให้เธอทรุดลงแล้วทิ้งกายนอนราบลงกับพื้นดิน“โอ...อะ...นาย...” เมื่อมันผละริมฝีปากออกไป แล้วจ้องเธออีกครั้ง มันทำให้หัวใจเธอเต้นรัวไปหมด เธอรู้สึกสยิวขึ้นมาเมื่อลำตัวยาวเฟื้อยของมันพาดผ่านระหว่างสองขาของเธอ จนเนินเนื้อของเธอสัมผัสกับลำตัวของมันอย่างแนบแน่น “นาย...”มันจ้องเ
“เป็นไงบ้าง ไปหาหมอมั้ย?”เจ้าหล่อนส่ายหน้าช้าๆ“ขอผมดูตรงที่ถูกทำร้ายหน่อยได้มั้ย”“ไม่เอา” เจ้าหล่อนตาเหลือก หน้าแดง “ไม่ต้องดูหรอก ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”“แน่ใจนะ”“แน่สิ ว่าแต่ ทำไมคุณถึงไปที่นั่นล่ะ”เขาเงียบไป ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ผมยอมรับก็ได้ ว่าผมออกไปตามหาคุณ ผมเห็นคุณไม่อยู่ในงาน แล้วก็...ไอ้อัคนีด้วย ผมไม่เห็นมัน”“คุณคงคิดว่าฉันนัดกับเขาล่ะสิ”“เปล่าหรอก ผมแค่กลัวคุณจะมีอันตราย”เจ้าหล่อนจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง “คุณรู้ตัวรึเปล่า ว่าคุณพูดแบบนี้มาสองครั้งแล้วนะ เรื่องที่ฉันจะมีอันตราย คุณรู้อะไรใช่มั้ย”ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไม่ คุณจะไม่เป็นอะไรทั้งนั้น พรุ่งนี้ผมจะพาคุณกับเพื่อนคุณไปส่งให้เร็วที่สุด”หญิงสาวหันหน้าไปทางอื่น เพราะรู้สึกงอนเล็กๆ “คุณคงอยากให้ฉันกลับซะตั้งแต่คืนนี้เลยสินะ”“ใช่ ถ้าเป็นไปได้นะ ที่นี่มันอันตรายสำหรับคุณ”หญิงสาวหันกลับมามองหน้าชายหนุ่ม “อันตรายเหรอ ใช่ อันตรายมาก ทั้งคน ทั้ง...เอ่อ...ฉันถามอะไรคุณหน่อยสิ เกี่ยวกับ...งู!”เขาหน้าเหวอไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ“งู...อะไรของคุณ”“ฉันเจองู้ตัวหนึ่งมาสองครั้งแล้ว
“จะดีเหรอคุณ ใครมาเห็นเข้า น่าเกลียดตายเลย”แต่มันคือสิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่เหรอ?“เราไม่ได้ทำอะไรกันสักหน่อย” เขาพูดยิ้มๆ ทำเอาเธอเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยความกระดากอาย “คุณพักผ่อนเถอะ ผมจะไปนั่งอยู่ที่ระเบียงแล้วกัน ไม่ต้องห่วง ผมไม่ทำอะไรคุณแน่ๆ”เขาพูดแล้วก็ลุกออกไปนั่งที่ระเบียงตามคำพูด เขาทำอย่างนี้ยิ่งทำให้เธอลำบากใจ เพราะหากใครมาเห็นเข้าก็อาจเก็บไปนินทาเอาได้“คุณ เข้ามาข้างในเถอะ เดี๋ยวมีคนเห็น”“เรือนหลังนี้อยู่ไกลสุด ไม่มีใครเห็นหรอก”“แล้วถ้ามีล่ะ ใครจะรับผิดชอบ”“ผมไง” เขาหัวเราะ “โอเค ผมเข้าข้างในแล้วคุณกล้านอนรึเปล่า ถ้ากล้านอน ผมจะเข้าไปนั่งบนเตียงเลย”“กล้าสิ ทำไมจะไม่กล้า ให้คุณมานั่งบนเตียง ยังดีกว่าให้ไปนั่งโชว์ตัวอยู่ข้างนอกล่ะนั่น ฉันไม่อยากตอบคำถามใครด้วยเรื่องเข้าใจผิด”“ครับๆ ผมยอมคุณแล้ว”ชายหนุ่มกลับเข้ามาแล้วนั่งลงที่โซฟาตัวยาวตรงมุมห้อง ไม่ได้ขึ้นไปนั่งบนเตียงตามที่ขู่แต่อย่างใด เพียงสายตาเท่านั้น ที่เอาแต่จ้องมองเธอตลอดเวลาซึ่งมันทำให้หญิงสาวรู้สึกเขินไม่น้อย“ไม่ว่าจะด้วยเหตุบังเอิญ หรืออะไรก็ตาม ยังไงก็ขอบคุณนะ ที่ช่วยฉันไว้ ไม่ได้คุณฉันแย่แน่”“ผม
เธอนอนรอเขาอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มก็ยังไม่กลับมาซะที มันทำให้เธอชักใจคอไม่ดี รู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก“กลับมาได้แล้ว อย่าไปนานนักสิ ฉันเป็นห่วงนะ”เธอลุกจากเตียง เดินไปแง้มดูทางหน้าต่าง เมื่อไม่เห็นวี่แววของเขา ก็กลับมาเดินวนเวียนไปมาในห้องไม่รู้สักกี่เที่ยว ก่อนตัดสินใจแน่วแน่“เอาวะ ออกไปตามดีกว่า ขืนรออยู่แบบนี้ฉันต้องบ้าตายแน่ๆ” เธอกระชับปืนในมือ ก่อนเดินไปที่ประตู หากแล้วพอเปิดประตูก็พบชายหนุ่มกลับมาพอดี ด้วยสภาพมีบาดแผลจากการถูกชกต่อยตรงใบหน้าและลำตัวเล็กน้อย“เฮ๊ย คุณ!”“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก” เขาพาสภาพสะบักสะบอมของตัวเองกลับมา พร้อมกระเป๋าสะพายเปียกซ่กของเธอ “ผมสู้กับคนร้ายสองคน มันน่าจะเป็นคนของไอ้อัคนีนั่นแหละ วกกลับมาดูคุณ แต่ไม่เจอ”“มันคงไม่ได้อะไรไปใช่มั้ย”“ไม่ได้” เขายื่นกระเป๋าให้เธอ “แต่มือถือคุณพังไปแล้วล่ะ มันหล่นอยู่ในลำธาร โชคดีที่ติดแง่งหินอยู่ ยังไม่ลอยออกไป”“พัง!” เธอรีบเปิดกระเป๋า แล้วล้วงมือถือออกมา ปรากฏว่ามือถือแตกร้าวและเละจนแทบจำสภาพเดิมไม่ได้ “ไม่ใช่แค่เปียกอย่างเดียว มันเละเลยอ่ะ แย่ชะมัดเลย”“คงกระแทกหินอย่างแรงน่ะ”ชายหนุ่มบอ
“เออสิ ก็ยัยสาวิตรีน่ะมันชอบคินมาตั้งแต่เด็กแล้ว พอโตขึ้นมันก็ร้องจะฆ่าตัวตายถ้าไม่ให้มันแต่งงานกับคิน”“ว๊ายตาย อยากมีผัวจนตัวสั่นเลยเหรอ”“แล้วทำไมเขาตกลงล่ะ” แพรทองเองที่อยากรู้ “หรือว่าตอนนั้นก็แอบมีใจให้ยัยนั่นอยู่เหมือนกัน”“ฉันว่าไม่ใช่ เดาว่าคินทำตามที่พ่อต้องการ และตอนนั้นเขาก็ไม่ได้มีใครด้วย ไม่เหมือนตอนนี้...”วินาทีนั้นเองที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น...ก่อนชายหนุ่มจะก้าวเข้ามาในห้อง ด้วยท่าทีตื่นเต้นดีใจ“วุฒิ กลับมาแล้วหรือคะ”“ใช่ ผมได้หลักฐานมาแล้วนะ แล้วก็จัดการส่งให้ตำรวจแล้ว ตอนนี้นายอัคนีถูกเรียกไปสอบสวนแล้ว”ทั้งสามสาวพากันดีใจเฮละโล “แล้วภาพจากกล้องวงจรปิดที่รีสอร์ทเราล่ะ?”“แน่นอน” ชาญวุฒิหมายมั่นปั้นมือ “ภาพจากกล้องวงจรปิดมัดตัวนายอัคนีแบบดิ้นไม่หลุดเลยล่ะ”“อะไรนะ นี่มีภาพจากกล้องวงจรปิดด้วยเหรอ” แพรทองถามอย่างตื่นเต้น “จริงเหรอยัยสา?”“ใช่ ไม่ต้องห่วงนะ ถึงพ่อมันจะใหญ่แค่ไหน แต่ถ้าหลักฐานมันชัดขนาดนี้ มันก็หนีคุกหนีตะรางไม่พ้นหรอก” วันวิสาพูดด้วยความสะใจ “โทษฐานที่มันล้วงคองูเห่า”ใครบอกว่าล้วงคองูเห่า...มันล้วงคองูจงอางต่างหาก!!!“อ้อ สาจ๊ะ ได้ข่าวเรื่องบ
เธอลูบไล้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาอย่างโหยหา “อะไรคะ”“ถ้าเราสองคนอยู่ด้วยกันในคืนพระจันทร์เต็มดวง แสงจันทร์จะล้างคำสาปในตัวผมจนหมดสิ้น แล้วผมจะกลายเป็นมนุษย์เต็มตัว ไม่ต้องเป็นงูอีกแล้ว”“หืม...” หญิงสาวรู้สึกตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก “จริงหรือคะ?”“จริง คุณจะช่วยล้างคำสาปให้ผมรึเปล่า”“ช่วยสิคะ แล้วฉันต้องทำยังไง”“คุณก็แค่รักผมให้มากๆ และยอมให้ผมทำอะไรกับคุณก็ได้ในคืนนั้น”“ทำอะไรก็ได้ หมายถึงกัดรึคะ” เจ้าหล่อนยิ้มยั่ว“มั้ง” เขายิ้มพรายก่อนก้มลงจุมพิตที่ปลายจมูกสวยของหญิงสาว “แต่อีกตั้งเดือนกว่าจะถึงวันเพ็ญ คุณก็ต้องยอมเป็นเมียงูไปก่อนนะ”“ใครบอกคะ ฉันลาพักร้อนได้แค่สิบห้าวันเท่านั้น แล้วตอนนี้ก็ใช้ไปตั้งสามวันแล้วนะคะ ฉันคงต้องกลับกรุงเทพฯก่อนถึงวันเพ็ญ”“ผมไม่ยอมให้คุณไปไหนหรอก”“ก็คอยดูว่าฉันจะไปได้รึเปล่า ฉันไม่ได้มีคู่หมั้นอย่างใครบางคนนี่คะ” เจ้าหล่อนแสร้งพูดเรื่องนี้อีกครั้ง เพื่อเตือนความจำของเขา“พรุ่งนี้ผมกูกถอนหมั้นแล้วคุณ”หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น “เหรอ?”เขายิ้มร่า ดูกะล่อนไม่เบา “ไม่เชื่อคุณก็คอยดูแล้วกัน”“อืม....อ้า!!!...” เขาใช้จังหวะที่หญิงสาวเผลอ ก้าวล้ำเข้าไปภายในของเจ้า
วันวิสาและวิมาลามองหน้ากัน รู้สึกทะแม่งๆกับท่าทางของเพื่อนสาวที่ไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนมาก่อน“อ๊ะๆ ทำไมห่วงนายคินขนาดนั้นยะ มีอะไรในกอไผ่รึเปล่าเนี่ยคู่นี้” วันวิสาแซว แพรทองทำหน้าแทบไม่ถูก เธอหันไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียง อย่างรู้สึกสำนึกผิด“วิ แกอย่าโกรธฉันนะ”วิมาลาจ้องแพรทองนิ่ง ก่อนเอ่ยเสียงขรึม “ไปถึงไหนกันแล้วล่ะ”แพรทองก้มหน้านิดๆ เธอจะพูดอย่างไรดี ให้เพื่อนเสียใจน้อยที่สุด และไม่เกลียดโกรธเธอที่แย่งผู้ชายที่เธอหมายปองไปแต่เจ้าหล่อนไม่ทันจะตอบเพื่อน เสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียก่อน วันวิสาเป็นคนเดินไปเปิดประตูให้แขกที่ทุกคนกำลังรอคอย“นาคินทร์!!!” เขากลับมาแล้ว ในสภาพที่ปกติ ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด “ทุกอย่างเรียบร้อย คลิปของคุณถูกทำลายแล้ว ตอนนี้สองคนนั้นอยู่ที่โรงพักแล้ว ยอมออกไปมอบตัวด้วยตัวเอง”“จริงหรือคะ!!!” วิมาลาดีใจจนเกือบจะกรี๊ดออกมา “ขอบคุณนะคะคุณคิน คุณนี่ทั้งหล่อทั้งเก่งเลยค่ะ แล้ววิจะเลี้ยงข้าวนะคะ”“แล้วคินทำยังไงให้พวกนั้นมันยอมมอบตัวได้” วันวิสาถามอย่างใคร่รู้นาคินทร์หันมองหญิงสาวที่กุมความลับเขาไว้ เธอยิ้มนิดๆให้เขา“ก็ไม่ได้ทำอะไร พวกมันคงสำนึกผิดเองมั้ง”“
“คุณอย่าชะล่าใจนะ หมองูคนนั้นท่าทางน่ากลัวจะตายไป บางทีเขาอาจจะมีคาถาอาคมแก่กล้าจนคุณนึกไม่ถึงก็ได้”เขาหัวเราะ “เอาเป็นว่า เรามาคอยดูกันคืนนี้ดีมั้ย ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะเก่งสักแค่ไหน”“คุณนี่นะ ยังจะปากดีอีก ฉันว่าคืนนี้คุณอย่าอยู่ที่เมืองนี้เลย ไปไหนก็ได้ ให้มันไกลๆ เชียงใหม่เชียงราย หรือ...”“ไม่ ผมจะอยู่ที่นี่” เขาจับมือเธอแล้วบีบแน่น “ผมวางแผนจะออกไปเล่นงานลูกน้องไอ้อัคนีคืนนี้ ผมนัดแนะกับงูตัวอื่นๆไว้แล้ว พวกเขาเตรียมตัวกันหมดแล้ว ผมไปไหนไม่ได้หรอก”“คุณนี่ดื้อจริงๆเลย” เธอเริ่มจะหัวเสียแล้ว “เออ อยากทำอะไรก็ทำเถอะค่ะ ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว ขอตัวก่อน เดี๋ยวยัยสาจะมารับไปเยี่ยมยัยวิที่โรงพยาบาล”เจ้าหล่อนหมุนตัวหันหลังให้ชายหนุ่ม เขาคว้าข้อมือเธอไว้“ผมไม่ยอมตายง่ายๆหรอกนะคุณ มีเมียสวยขนาดนี้จะทิ้งให้เป็นหม้ายได้ยังไง คืนนี้รอฟังข่าวดีนะ”ในที่สุดเธอก็แพ้เขา ยอมปล่อยเขาไป ตามที่เขาต้องการ เธอกลับมาอาบน้ำแต่งตัวที่บ้านพักเรียบร้อย ไม่นานนัก วันวิสาก็โทรศัพท์ให้เธอออกไปรอที่ลานจอดรถด้านหน้ารีสอร์ทขณะเดินออกจากเรือนพัก เธอเห็นหมองู เสี่ยอาทรและลูกน้องสามสี่คน กำลังจัดเตรี
“ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่สบายใจอยู่ดี”ชายหนุ่มคว้ามือเธอมาจูบแน่น ก่อนเงยหน้ามองด้วยสายตาออดอ้อน “ผมรักคุณนะ รักคุณมากจริงๆ อดทนอีกนิด แล้วผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย รับรองว่าสาวิตรีจะทิ้งผมทันทีเลย”เธอหน้าตื่น “คุณจะทำยังไงคะ หรือว่าคุณจะเผยตัวตน”เขาส่ายหน้า “มันมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น”ขณะนั้นเอง บริเวณด้านหน้าของตัวอาคารกลางของรีสอร์ท ได้มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมา หนึ่งในนั้น มีบิดามารดาของวันวิสา และเสี่ยอาทร บิดาของอัคนีและสาวิตรีเดินมาด้วยกัน ดูจากสีหน้าท่าทางของทุกคน เหมือนมีเรื่องกังวลใจหนักหนา“มีเรื่องอะไรรึเปล่า เสี่ยอาทรถึงมาที่นี่”“ใครคะ”“โน่น พ่อของนายอัคนีตัวแสบ”“อ่อ ว่าที่พ่อตาคุณ”“เอ๊ะนั่น!” ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเสี่ยอาทรเท่ากับชายชราอีกคน ที่สวมชุดขาวทั้งตัวและมีหนาวเคราขาวรกรุงรัง “หมองู”“ว่าไงนะคะ” เจ้าหล่อนหันไปมองตามสายตาของชายหนุ่มทันที “หมายความว่าไงคะ เสี่ยอาทรพาหมองูมาที่นี่ทำไมคะ”“คุณจะกลับห้องพักไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ใช่เหรอ ลงไปได้แล้ว เดี๋ยวผมจะไปคุยกับพวกเขาหน่อย เผื่อมีอะไรจะช่วยได้”หญิงสาวรู้สึกเป็นห่วงเขา แต่ก็ยอมทำตามที่เขาสั่ง เธอลงจากรถไปด้
“แต่พี่ชายตรียังอยู่โรงพยาบาลอยู่เลยนะครับ”“พี่หินฟื้นแล้วค่ะ พ้นขีดอันตรายแล้วด้วย ตรีบอกป๊ากับม๊าแล้ว ท่านทั้งสองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรนะคะ”แต่คนที่ขัดข้องคือว่าที่เจ้าบ่าวนี่แหละ เขายิ้มแทบไม่ออก ที่ยอมหมั้นในเวลานั้นก็เพราะบิดาใกล้เสียชีวิต อยากให้ท่านมีความสุขและสบายใจที่ลูกชายกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝา ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลยเถิดขนาดนี้“ไหนๆก็หมั้นกันมาตั้งหลายปีแล้ว แต่งกันสักที จะได้ไม่เป็นขี้ปากชาวบ้านเขา แม่ว่าจะไปสู่ขอน้องตรีอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า ลูกคิดว่าไงจ๊ะ”“ผมยังไม่พร้อมครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาคมดุหันมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า เจ้าหล่อนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทันที“แล้วเมื่อไหร่จะพร้อมล่ะลูก นี่ลูกพูดแบบนี้มาหลายครั้งแล้วนะ น้องตรีเสียหายมากนะลูก ถูกคนเขาเม้าท์ไปทั่วว่าลูกไม่เอา...”“คุณน้าคะ...” เจ้าหล่อนสะอื้นฮึกฮักขึ้นมาจนทำให้มารดาของชายหนุ่มสงสาร คว้ามากอดแนบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ตรีรอได้ นานแค่ไหนก็จะรอ”“ไม่เอานะลูก ไม่ร้องนะหนูตรี ยังไงพี่คินก็ต้องแต่งกับหนูตรีนะ”นาคินทร์ลอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เขาควรต้องจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะคนที่เ
นาคินทร์ยิ้มนิดๆอย่างรู้ทัน “ไม่ต้องทำเสียงหวานเลย”“อ้าว นี่คุณจะไม่ช่วยหรือคะ”“ช่วยสิ ทำไมจะไม่ช่วยล่ะ เพื่อนรักของคุณทั้งคนนะ”“นี่ถ้ามันจับตัวฉันไป คุณจะทำไงคะ” เจ้าหล่อนแสร้งทำเสียงฉอเลาะ ยั่วเย้า เบียดเนื้อเบียดตัว “หือ...”“ผมก็จะฆ่ามันน่ะสิ” สายตาของเขายิ่งกว่าอสรพิษ ยามก้มเข้าหาใบหน้าเธอแล้วจูบแน่น เธอไม่ปล่อยให้เขาสูบเอาความหวานจากริมฝีปากอิ่มไปแต่เพียงผู้เดียว จึงจูบตอบพร้อมเคลื่อนขยับงับเม้มริมฝีปากร้ายของเขาอย่างกระหาย“อืม...” เขาพึงพอใจไม่น้อย ยามลิ้นอุ่นของหญิงสาวทะลวงเข้ามาในโพรงปากของเขา ชายหนุ่มจึงตวัดลิ้นรัดรึงดุนดันจนพัลวันไปหมด“อา....” เธอครางผ่านลำคอออกมา ขณะเขาอุ้มร่างกายอรชนขึ้นแล้วนำไปที่เตียงนอน ก่อนกระโจนลงไปนัวเนียเล้าโลมอย่างกระหืดกระหาย จนร่างกายหญิงสาวอ่อนระทวย“ที่รักขา....”“ผมรักคุณ...แพทอง ผมรักคุณ” เขาคร่ำครวญขณะสอดใส่ลำยาวเข้าไปในกายเธอ หญิงสาวสะดุ้งโหยง ก่อนตวัดสองขาขึ้นรัดสะเอวของชายหนุ่มไว้ สะโพกแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อเริ่มขยับ กระแทกกระทั้นอย่างดุดัน“โอ้วววววว” หากแต่ทำไปได้สักพัก เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก๊อกๆ ก๊อกๆ ชายหนุ่มจำต้องหยุดทำรั
“อยู่กับตรีที่นี่ได้มั้ยคะ ตรีเหงาน่ะค่ะ”เขาปลดมือเจ้าหล่อนออกอีกครั้ง อย่างไม่ไยดี “พี่มีอะไรต้องทำเยอะแยะเลย ไม่ว่างมาเฝ้าพี่ชายตรีหรอก อีกอย่าง ตรีก็รู้อยู่แก่ใจว่าพี่ชายของตรีก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าพี่สักเท่าไหร่ จริงมั้ย?”เมื่อฟังเหตุผลข้อหลัง เจ้าหล่อนจึงยอมปล่อยชายหนุ่มออกจากห้องไป ไม่กล้ากระเง้ากระงอดอีก เพราะกลัวเขารำคาญ เธอตั้งใจจะหาโอกาสครั้งใหม่ ในการยั่วชายหนุ่มแล้วรวบหัวรวมหางซะ ให้เขาตกเป็นของเธอเธอกับเขาจะได้แต่งงานกันให้เร็วที่สุด!!! วิมาลายังนอนลืมตานิ่งๆอยู่บนเตียงคนไข้ โดยมีเพื่อนรักสองคนนั่งข้างเตียง ดูแลไม่ห่าง เจ้าหล่อนกำลังนึกถึงสิ่งที่โดนสองคนร้าย ลูกน้องสุดชั่วของอัคนีกระทำกับเธอ!!!“ว่าไงยัยวิ จะบอกได้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้น?” แพรทองเริ่มคาดคั้น เพราะเห็นเพื่อนเงียบไปนาน แต่วันวิสาแอบหยิกเนื้อแพรทองเบาๆเพื่อเตือนให้หยุดกวนสมาธิเพื่อนเสีย “พักผ่อนก่อนเถอะวิ จะได้แข็งแรงเร็วๆ”“ไม่” วิมาลาพูดขัดขึ้น “ฉันหลับไม่ลงจริงๆ”แพรทองจับมือวิมาลาไว้แน่น “พวกมันทำอะไรเธอรึเปล่า”“ทำสิ พวกมันทำ”“ไอ้พวกเลวระยำ” วันวิสาสบถด้วยความเจ็บใจ “เธอจำหน้าพวกมันได้ครบใช่มั้ย”“ใ
“บอกว่าคุณเป็นงูจงอางเหรอ”เขาหัวเราะเสียงใส อารมณ์ดี ก่อนจะหอมแก้มเธอเสียฟอดใหญ่ “บอกว่าเราสองคนเป็นผัวเมียกันแล้ว และจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด”หญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุข ในอ้อมกอดของชายหนุ่มคนแรกในชีวิตที่เธอร่วมรักด้วยและมีใจเสน่หา เธอเสียพรหมจรรย์ให้แก่เขา ผู้ชายครึ่งงู ตัวประหลาดที่มีอยู่จริงในโลกนี้“คุณวิฟื้นรึยัง”ชาญวุฒิถามเมีย ทันทีที่เจ้าหล่อนออกมาจากห้องพักฟื้นคนไข้ของโรงพยาบาลอำเภอ “ฟื้นแล้ว แต่หลับไปอีก เพราะฤทธิ์ยา”“เสียดายที่จับคนร้ายไม่ได้”“เอาไว้ให้ยัยวิฟื้นและมีสติก่อน เมื่อไหร่มันพร้อมจะให้ปากคำกับตำรวจ ไม่ว่าจะใหญ่โตคับฟ้ามาจากไหน ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลย”“ยัยสา!” เสียงเรียกของแพรทองดังมาแต่ไกล วันวิสากับชาญวุฒิหันไปมองต้นเสียง ก็ได้เห็นแพรทองกับนาคินทร์เดินมาด้วยกัน“ยัยผึ้ง!”วันวิสาและแพรทองเข้าสวมกอดกันทันที เพื่อปลอบโยนกันและกัน ตามประสาเพื่อนรักที่รักกันราวกับพี่น้องท้องเดียว “ไม่เป็นไรแล้ว ยัยวิปลอดภัยแล้ว มันไม่เป็นอะไรแล้ว”เมื่อผละจากกัน วันวิสาจับมือแพรทองไว้แน่น“ฉันขอโทษนะที่ชวนพวกแกมา เลยทำให้พวกแกต้องเจอกับเหตุการณ์บ้าบอแบบนี้ ฉันดูแลพวก