เฮือก!
ร่างบางสะดุ้งโหยงดวงตากลมเบิกโพลงขึ้น จู่ๆ ชายหนุ่มที่เธอคิดว่าเขาหลับสนิทลืมตาขึ้นจ้องมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่ายากจะคาดเดาความคิด อีกทั้งมือหนายังคว้าหมับจับมือบางออกห่างทำโมเอิร์นลืมหายใจชั่วขณะตกใจกับท่าทีเย็นชาของเขา
“ทำอะไร?”
“ปะ เปล่าซะหน่อย”
“ก็เห็นอยู่ ยังจะโกหก”
“โม เอ่อ โมแค่.....” ร่างบางตอบน้ำเสียงตะกุกตะกักพยายามคิดหาเหตุผลแต่ก็คิดไม่ออก“....ไปดีกว่า” ร่างบางดีดตัวลุกขึ้นดึงผ้าห่มผืนหนาพันตัววิ่งออกจากห้องไปอย่างทุลักทุเล โดยไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าหล่อเหลาโมเอิร์นกลับเข้ามาในห้องนอนเล็กรีบอาบน้ำแต่งตัวในชุดนักศึกษาเตรียมตัวไปเรียน
“เดี๋ยวฉันไปส่ง” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกเมื่อเห็นคนตัวเล็กก้าวเดินออกมา ร่างสูงดันตัวลุกจากโซฟาเดินนำไปยังลิฟท์สร้างความงุนงงให้โมเอิร์นมากไม่น้อย ‘อะไรของเขาเนี่ย จู่ๆอยากไปส่งฉันขึ้นมา’
“ทำไมวั
“ฉันก่อนกลับนะ”“เดี๋ยว...แกจะกลับยังไง ไหนว่าไม่ได้ขับรถมา”“หรือว่าแกจะไปกับเขา” พะแพงเบนสายตามองเซนโซ่เล็กน้อยเชิงถาม“ใช่...ไปก่อนนะ” เสียงหวานเอ่ยลาพร้อมกับผละออกจากเพื่อนรักก้าวเดินไปยังจุดที่คู่หมั้นหนุ่มรออยู่“รอนานมั้ยคะ”“ไม่นาน...ขึ้นรถ!” เซนโซ่ก้าวเดินไปเปิดประตูรถให้ ท่ามกลางสายตาจับจ้องมาที่เขาและเธอด้วยความอยากรู้“ไปไหนคะ” เส้นทางไม่คุ้นตาทำให้โมเอิร์นเอ่ยถามออกไปอย่างนั้น พักหลังมานี้เซนโซ่ขับรถไปไหนมาไหนกับโมเอิร์นสองคนแทบไม่ใช้จิมขับรถให้เหมือนเมื่อก่อน“ไปกินข้าว”“ไม่พาไปหาป๊าแล้วหรอ”“ป๊าไม่ว่าง” โมเอิร์นพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ภายในรถเกิดความเงียบขึ้นอีกครั้งกระทั่งรถสปอร์ตขับเข้ามาจอดบริเวณร้านอาหารแห่งหนึ่งบรรยากาศร่มรื่นไปด้วยเงาต้นไม้ปกคลุมราวกับอยู่ในป่าธรรมชาติ เซนโซ่เปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมไปหาหญิงสาวและพากันเดินเข้าไปข้างในร้านแห่งนี้ โดยมีพนักงานนำไปยังโต๊ะถูกจองไว้ก่อนหน
“ดื่มรึไง?”“นิดหน่อยค่ะ”ร่างสูงพยักหน้ารับเบี่ยงตัวเดินเลี่ยงไปยังห้องนอนใหญ่เพื่ออาบน้ำชำระล้างคราบเหงื่อไคลและนอนพักผ่อน พรุ่งนี้ยังมีอีกหลายอย่างรอให้เขาจัดการทว่า ร่างสูงไม่ทันได้หลับสนิท จู่ๆประตูบานใหญ่หน้าห้องถูกเปิดเข้ามาอย่างถือวิสาสะ ทำให้เซนโซ่เปิดเปลือกตาขึ้นเพ่งมองผ่านความมืดไปยังต้นทางของเสียงร่างบางระหงเดินโงนเงนจวนเจียนจะล้มแต่ก็ยังฝืนพาตัวเองก้าวเดินมาถึงจุดหมาย คือ เตียงกว้างขนาดคิงไซส์“อื้มม...ขยับไปหน่อย~” เสียงหวานยานครางเอ่ยบอก พร้อมกับหย่อนตัวนั่งลงบนเตียงบดเบียดให้เขาทำตามความต้องการและได้ผลเซนโซ่ยอมขยับตัวเว้นที่ว่างให้“ขอหนุนแขนหน่อยนะ” น้ำเสียงอ้อนวอนราวกับเด็กน้อยอยากได้ของเล่น ทำคนตัวสูงเคลิ้มตามวางท่อนแขนเหยียดยาวให้ร่างบางหนุนนอนตามอำเภอใจ“กอดโมด้วยสิ” ไม่พูดเปล่ามือบางคว้าหมับจับแขนแข็งแรงอีกข้างที่ว่างวางพาดบนเอวบางคอดกิ่วแล้วตวัดแขนเรียวโอบกอดเอวสอบไว้ ขยับใบหน้าซบอกแกร่งรับสัมผัสอบอุ่น
“ฉันจะพาไปหาป๊า”“ไปหาป๊าหรอคะ?” โมเอิร์นทวนคำพูดด้วยท่าทีตกใจเล็กน้อย พลันก้มลงมองนิ้วเรียวไร้แหวนหมั้นทำให้คนตัวสูงมองตาม“สวมแหวนซะ...” เอ่ยบอกพร้อมกับจับมือเล็กอย่างถือวิสาสะสวมแหวนเพชรน้ำงามให้“...ถ้ากลัวลืมทีหลังก็อย่าถอดออก” ประโยคหลังของเขาทำให้โมเอิร์นเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยความงุนงง ‘เขากำลังบอกว่าไม่ให้ฉันถอดแหวนหมั้นอีกงั้นหรอ’ แต่เมื่อมองไปยังนิ้วยาวก็เห็นแหวนวงใหญ่สวมไว้แล้วเช่นเดียวกัน“ป๊า~” เสียงหวานลากยาวเอ่ยเรียกผู้เป็นพ่อ สองเท้าเล็กสับวิ่งแซงเซนโซ่เข้าไปในห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่คุ้ยตา แขนเรียวเล็กอ้ากว้างโอบกอดเอวหนาของผู้เป็นพ่อไว้แน่นด้วยความคิดถึง เรียกรอยยิ้มจากโฬมที่นั่งอยู่โซฟาอีกตัวใกล้กันได้ไม่ยากมองดูท่าทีออดอ้อนของหลานรักด้วยแววตาอบอุ่น“เป็นยังบ้างครับ”“โมสบายดีค่ะ กินอิ่มนอนหลับ...สวัสดีค่ะปู่” ไม่ลืมหันมาทักทายชายชราวัยเจ็ดสิบอันเป็นที่รักยิ่ง และพาตัวเองเข้าไปโอบกอดด้วยความคิดถึงไ
“เข้ามา!! ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญพวกมึงเตรียมตัวตายได้เลย” เสียงทุ้มตวาดลั่นอย่างไม่สบอารมณ์ มีนตรานั่งอยู่ใกล้ถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ“มีอะไรไอ้จิม!”ทันทีที่เห็นว่าคนมาใหม่เป็นใครเซนโซ่เอ่ยถามเสียงดุดัน ดันเก้าอี้ถอยหลังเล็กน้อยเว้นระยะห่างจากเจ้าหล่อน“แย่แล้วครับนาย” จิมเอ่ยด้วยท่าทีตื่นตระหนกยืนหอบหายใจจนตัวโยนราวกับวิ่งรอบสนามบอลซักสามสี่รอบยังไงอย่างงั้น“มีอะไรก็พูดมาสิวะ”“เมื่อห้านาทีก่อนผมไปเข้าห้องน้ำมาครับ พอเดินกลับมาการ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าห้องบอกว่าคุณโมเอิร์นมาหานายครับ...”“มึงว่าไงนะ!?”“คุณโมเอิร์นมาหานายที่ห้องนี้ เมื่อกี้ผมรีบวิ่งตามไปแต่ไม่ทันครับ เธอขับรถออกไปแล้ว” จิมเอ่ยรายงานทั้งที่ยังเหนื่อยไม่หาย เขาวิ่งไปถึงประตูหน้าคลับก็เห็นท้ายรถของโมเอิร์นขับออกถนนใหญ่พอดี จึงรีบพาตัวเองขึ้นมาหาเจ้านายเกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้น“แม่งเอ๊ย!มึงมัวยืนบื้ออยู่ทำไม รีบไปเอารถออกสิวะ!!”“ครับๆ”“นี่
“รถคุณโมเอิร์นหยุดเคลื่อนที่แล้วครับนาย แต่ตำแหน่งเครื่องติดตามที่สร้อยอยู่คนละที่...เหมือนจะหยุดอยู่ที่โรงพยาบาลครับ” จิมนั่งเบาะข้างคนขับมองดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือแสดงพิกัดของโมเอิร์น และเอ่ยรายงานเจ้านาย“เกิดอะไรขึ้นวะรีบไปโรงพยาบาลเร็ว ส่งคนไปดูรถด้วย”“ครับ” บอดี้การ์ดที่ถูกเรียกมาทำหน้าที่ขับรถตอบรับคำสั่งเร่งความเร็วรถเพื่อพาเจ้านายไปถึงที่หมายให้เร็วที่สุดเอี๊ยด!!เซนโซ่เปิดประตูลงจากรถสาวเท้าเข้าไปในโรงพยาบาลโดยมีจิมกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมาติดๆ สายตาคู่คมกวาดมองโดยรอบพร้อมกับสาวเท้าก้าวเดินไม่หยุด ก่อนสายตาจะสะดุดเข้ากับคู่หมั้นสาวยืนอยู่หน้าห้องจ่ายยาร่างสูงไม่ช้ารีบเร่งฝีเท้าเข้าไปหาทันที“โมเอิร์นเป็นอะไร? ทำไมมาอยู่ที่นี่” มือหนาจับคนตัวเล็กหมุนซ้ายหมุนขวามองหาสิ่งผิดปกติบนร่างกายเธอด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าหล่อเหลาฉายชัดความกังวลออกมาอย่างปิดไม่มิด“ปล่อยนะ ฉันเจ็บ!”“เกิดอะไรขึ้น?เจ็บตรงไหน” ร่างสูงยอมผละออกและตั้งคำถามให้เธอตอบ“จะเป็นอะไร
หลายวันต่อมา...“เดี๋ยวไปส่ง” ร่างสูงดูดีนั่งจิบกาแฟร้อนบนโซฟากลางห้องโถงเอ่ยบอก เมื่อมองเห็นคนตัวเล็กในชุดนักศึกษาเดินออกมาจากห้องนอน“...” โมเอิร์นไม่พูดตอบยอมเดินตามเซนโซ่ไปยังลิฟท์ จะให้ฉันปฏิเสธแล้วลำบากนั่งแท็กซี่ไปเรียนงั้นหรอ เหอะ!ไม่มีทาง ค่อยดูเถอะแม่จะทำให้หมดตัวเลย 'คนนิสัยไม่ดี'“รถต้องใช้เวลาซ่อมประมาณสามสัปดาห์หรืออาจจะมากกว่านั้น” ระหว่างทางเซนโซ่เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบภายในรถ ตั้งแต่ขับออกจากเพนท์เฮาส์โมเอิร์นเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ ‘ยังไม่หายโกรธหรอวะ’ เซนโซ่คิดในใจ“...ระหว่างนี้ฉัน เอ่อ...พี่จะเป็นคนไปรับไปส่งเอง ไม่ก็ไอ้จิม”“....”“เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว หน้าผากย่น” ประโยคนั้นของเขาเรียกให้โมเอิร์นหันกลับมามอง พลางยกมือขึ้นลูบหน้าผากเนียนจึงได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา“นี่!พี่โซ่
“สองคันเชียวรึ?”“คันแรกเกิดอุบัติเหตุค่ะคุณปู่ไซ โมก็เลย.... ซื้อ ใหม่” โมเอิร์นย้ายตัวเองไปนั่งโซฟาเดียวกับไซซี มือเล็กกอดแขนเหี่ยวย่นตามวัยของชายชราอย่างขอความช่วยเหลือ“เธอคงลืมไปว่าโชว์รูมมีกล้องวงจรปิด”“ทำไมคะ ตอนเอาเงินไปแจกผู้หญิงคนอื่นไม่เห็นเสียดายเลย”“แกจะอะไรนักหนาเจ้าโซ่ มีเงินเยอะแยะซื้อรถสองคันจะเป็นไรไป”“ใช่ค่ะคุณปู่” โมเอิร์นตอบกลับยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันราวกับว่าเธอเป็นผู้ชนะยังไงอย่างงั้น ยิ่งทำให้เซนโซ่นึกอยากลงโทษเธอให้หลาบจำ ‘กลับเพนท์เฮาส์เมื่อไหร่พ่อจะกดให้จมเตียงเลย’“โมเอิร์นตั้งใจจะแกล้งผมมากกว่า” มีปู่คนเดียวนั่นแหละที่ดูไม่ออกว่าเธอจงใจแกล้งผม“ทำไมหนูโมต้องแกล้งแก หรือว่าแกทำอะไรไม่ดีให้หนูโมโกรธ” ไซซีหรี่ตามองหลานชาย ถ้าไม่ใช่เพราะแกยังมั่วไม่เลิกเรื่องทุกอย่างก็คงไม่เกิดขึ้น
“เชิญนั่งครับน้องโมเอิร์น ดีใจจังที่คืนนี้มีสาวสวยมาร่วมโต๊ะด้วย” ฟาสเอ่ยด้วยท่าทีเป็นมิตร เมื่อหันมาเห็นเพื่อนเดินเข้ามาใกล้โต๊ะที่เขานั่ง โดยมีคู่หมั้นสาวเดินเคียงข้างมาด้วย“สวัสดีค่ะพี่ฟาสพี่นอร์ธ เรียกโมก็พอค่ะ” เสียงหวานหูเอ่ยทักทายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ท่าทีนั้นทำเซนโซ่ถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม เวลาคุยกับผมไม่เห็นทำเสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้บ้างวะ“น้องโมดื่มอะไรดีครับพี่สั่งให้” เป็นนอร์ธพูดขึ้นมาบ้าง“โมดื่มเหล้าก็ได้ค่ะ”“โอเคครับ พี่ชงให้” นอร์ธหยิบแก้วใบใหม่รินน้ำสีอำพันตามด้วยมิกเซอร์ส่งให้หญิงสาวเพียงคนเดียวในโต๊ะและทำแบบเดียวกันยื่นให้เพื่อนสนิท“นึกว่าจะไม่ชงให้กู” เซนโซ่รับแก้วเหล้ามาถือไว้ ไม่วายพูดประชดประชันจ้องมองนอร์ธตาเขม็ง“น้อยใจหรือไงวะ มึงไม่ใช่ผู้หญิงไอ้โซ่”“ว่าแต่...เรื่องไอ้ฟาโรไปถึงไหนแล้ววะ” ฟาสเข้าเรื่องทันที หลังจบเคส
ร่างบางจมอยู่กับความคิดจึงไม่ทันสังเกตเห็น เซนโซ่ลุกจากเก้าอี้ก้าวเดินมาหยุดยืนใกล้ๆ พร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ในมือ“โมเอิร์น”“คะ?”“แต่งงานกับพี่นะ”ร่างบางนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนหูดับไม่รับรู้สิ่งรอบข้าง สายตาทอดมองไปยังวิวเมืองยามค่ำคืน คิ้วเรียวสวยได้รูปขมวดมุ่นราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ร่างสูงทรุดตัวลงคุกเข่าพร้อมกับยื่นดอกไม้ในมือให้ เป็นเวลาเดียวกับโมเอิร์นได้สติกลับคืน หันมาหาชายหนุ่มมองจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว“แต่งงานกันนะ” เสียงทุ้มนุ่มเอื้อนเอ่ยประโยคเดิมอีกครั้ง“เอ่อ...คือ” ร่างบางอึกอักไม่ตอบรับด้วยความสับสน การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่เธอจะด่วนตัดสินใจไม่ได้ อย่างน้อยคงต้องรอถามความเห็นผู้เป็นพ่อกับปู่เสียก่อน แต่จะว่าไปท่านทั้งสองคงไม่ขัดอะไรในเมื่อเห็นชอบให้เธอหมั้นหมายตั้งแต่แรก“ว่าไงครับ?” รอยยิ้มที่เคยมีบัดนี้จืดจางลงเพราะเริ่มไม่มั่นใจกับคำตอบของสาวเจ้า กล
ปึก!มือบางปิดแฟ้มงานกระแทกลงบนพื้นโต๊ะเต็มแรงด้วยอารมณ์หงุดหงิดกำลังก่อตัวขึ้น คิดไม่ตกหากสิ่งที่คิดเป็นความจริง“โมให้เวลาแค่คืนนี้ถ้าไม่กลับมาหรือยังติดต่อไม่ได้ เราสองคนก็ทางใครทางมัน” เสียงหวานบ่นพึมพำ พลางเก็บของบนโต๊ะ สายตาเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังห้อง เวลานี้คลับปิดให้บริการยี่สิบนาทีแล้ว โมเอิร์นจึงตัดสินใจกลับไปรอที่เพนท์เฮาส์โดยมีจิมขับรถมาส่งร่างบางระหงในชุดเดรสพอดีตัวสีแดงเลือดนกยืนมองตัวเลขเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามระดับชั้นที่ลิฟท์สี่เหลี่ยมกำลังเคลื่อนตัวผ่านอย่างรวดเร็ว กระทั่งถึงจุดหมายปลายทางประตูเปิดออกกว้าง สองเท้าเล็กก้าวเดินเข้ามาในโถง แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะไฟภายในห้องไม่เปิดอัตโนมัติเช่นเคย คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นด้วยความสงสัยแต่ก็พยายามทำใจดีสู้เสือ ‘ระบบไฟมีปัญหางั้นหรอ’ คิดได้อย่างนั้นมือเล็กเลื่อนหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋า“อุ้ย!ปล่อยฉัน!” โมเอิร์นสะดุ้งเฮือก จู่ๆก็มีมือปริศนาโอบกอดเอวบางจากทางด้านหลัง แต่ทว่าสัมผัสอบอุ่นและกลิ่นน้ำหอมคุ้นเคยทำให้เธอรู้ได
“แบบไหนคะ อื้อ...” ไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กสงสัยนาน ริมฝีปากหนาประกบจูบริมฝีปากบางทันที บดจูบดูดดื่มแฝงไปด้วยความเร่าร้อนชนิดที่ว่าไม่เปิดโอกาสให้คนใต้ร่างได้ตั้งตัวไม่เว้นช่วงให้หายใจ จนร่างบางร้องท้วงในลำคอปานจะขาดใจมือเล็กทุบแผงอกแกร่งราวกับกำลังร้องขอชีวิตกระทั่งคนตัวสูงยอมผละออกอย่างอ้อยอิ่ง“แฮ่ก! แฮ่ก! พี่โซ่ โมเกือบตายแหนะ” เมื่อได้รับอิสระโมเอิร์นรีบโกยอากาศเข้าปอดด้วยอาการเหนื่อยหอบจนตัวโยน ‘ให้ตายเถอะ เขาจะฆ่ากันรึไง’“เด็กดื้อก็ต้องถูกลงโทษ ห้ามงอแงครับ” ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงคลอเคลียซอกคอขาว ขบเม้มทิ้งรอยแดงสีกลีบกุหลาบเอาไว้บนเรือนร่างบางหลายต่อหลายจุดแสดงความเป็นเจ้าของ คืนนี้เขาจะลงโทษเมียเด็กให้หลาบจำ เสร็จจากบนเตียงค่อยย้ายไประเบียง โซฟา เคาน์เตอร์บนโต๊ะอาหารก็ดีไม่น้อย ต่อไปเธอจะได้ไม่กล้าขัดคำสั่งเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังกึกก้องทั่วทั้งเพนท์เฮาส์สุดหรูตามจังหวะตอกอัดของคนตัวสูงกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างไม่ออมแรง ดังประสานกับเสียงครางกระเส่าของคนทั้งสองที่กำลังเสพ
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงค่ำ หลังจากโทรนัดแนะกับเพื่อนสาวทั้งสองคนรวมถึงน้องรหัสไม่ได้เจอกันนาน คืนนี้จึงถือโอกาสนัดมานั่งดื่มด้วยกัน“ทางนี้ครับพี่โมเอิร์น” เฟิร์สโบกมือเรียกเมื่อเห็นพี่รหัสเดินฝ่าผู้คนจำนวนมากเข้ามา“เฟิร์สมาถึงนานรึยัง”“ไม่นานครับ นี้แก้วเหล้าพี่ มาเหนื่อยๆน่าจะคอแห้ง”“โอ้โห...ทั้งโต๊ะนั่งกันแค่สองคนรึไงยะ” พะแพงว่าด้วยท่าทีหมั่นไส้ เบะปากมองบนอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะคว้าแขนเฟิร์สกอดไว้แน่นเผื่อว่าคืนนี้เธอจะได้ชิมเด็ก เฟิร์สเองก็ไม่ได้ขัดขืน ออกจะขบขันด้วยซ้ำที่เห็นรุ่นพี่ลุกหนักขนาดนี้“น้อยๆหน่อยยัยแพงสงสารน้องมัน” นิวถึงกับส่ายหน้าให้กับความเจนจัดของเพื่อน ทำเป็นล่าเหยื่อพอเอาเข้าจริงก็ไม่กล้า นี่แหละนิสัยพวกเธอ“มาๆดื่มๆ คืนนี้ไม่เมาไม่กลับ” เป็นไปตามคำพูดโมเอิร์นไม่มีผิดเพี้ยน เพราะยิ่งดึกก็ยิ่งชนแก้วถี่ขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีใครห้ามใคร กระทั่งเวลาห้าทุ่มครึ่งเห็นจะได้ ทุกคนในโต๊ะเมามายไม่ต่างกันชนิดที่ว่ายืนแทบไม่อยู่“เอ่อ...คุณโมเอิร์
“พี่ว่าชุดมันสั้นมากขึ้นทุกวัน” คิ้วหนาขมวดเป็นปมอย่างไม่พอใจ ไหนจะเสื้อนักศึกษาพอดีตัวนั่นอีก รัดจนกระดุมแทบกระเด็นไม่อึดอัดบ้างรึไง“ปกตินะคะ...”โมเอิร์นเอ่ยตอบพลางจัดแจ้งชุดให้เรียบร้อยหมุนซ้ายหมุนขวาหน้ากระจกเงาบานใหญ่ภายในห้องแต่งตัวโดยมีร่างสูงมองดูไม่ห่าง หลายวันมานี้เขาพูดเรื่องชุดทุกวันจนคนตัวเล็กชินเสียแล้ว จึงไม่ได้ตอบโต้อะไรให้มากความแต่กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาหึงหวงหลังจากมาส่งโมเอิร์นที่มหาลัยเซนโซ่ก็ไปทำงานเฉกเช่นทุกวันโดยมีจิมเป็นคนขับรถ“ไอ้ฟาโรเคลื่อนไหวบ้างรึเปล่า” เซนโซ่เอ่ยถามลูกน้องคนสนิททั้งที่สายตาคมยังคงจ้องมองหน้าไอแพดนั่งเอนหลังพิงเบาะท่าสบาย ช่วงเวลาเร่งด่วนบนถนนกลางกรุงการจราจรติดขัดทำให้ต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่าปกติกว่าจะถึงโกดังชานเมือง“ยังส่งออกสินค้าปกติครับ ผมสืบรู้มาว่าคุณลูกตาลมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฟาโรแต่ไม่ได้เปิดเผยครับ ก่อนหน้านี้ที่พยายามเข้าหานายคงเป็นเพราะผลประโยชน์ที่ฟาโรเสนอให้”“อืม..จับตาดูไว้” ผมคิดแล้วไม่มีผิด ผมกับลูกตาลเป็นเพื่อนกันก็
ปึก!“อ๊ะ!” หัวสมองมัวแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่ทันระวังตัว ร่างสูงข้างหน้าหยุดเดินกะทันหันทำให้โมเอิร์นชนเข้ากับแผ่นหลังหนาอย่างจัง มือบางยกขึ้นลูบจมูกปรอยๆ ยู่หน้าให้อย่างเง้างอน“หึ!เมื่อไหร่จะเลิกซุ่มซ่าม” มือหนาเชยคางเล็ก โน้มหน้ามองดูจมูกเชิดรั้นแดงก่ำ ก่อนโอบไหล่เล็กให้เธอเดินเคียงข้างเขาเข้าไปในโกดังที่มีอีกฝ่ายรออยู่ก่อนแล้ว“มาแล้วหรอ.....” ทว่า เสียงทุ้มของฟาโรต้องหยุดไว้แต่เพียงเท่านั้นเมื่อหันกลับมามองคนมาใหม่ ที่จริงเขารู้อยู่แล้วว่าโมเอิร์นคือคู่หมั้นของเซนโซ่เพียงแต่ไม่คิดว่าจะพาเธอมาด้วย เขาสืบรู้มาว่าทั้งสองไม่ได้รักกันแต่ต้องอยู่ด้วยกันเพราะพันธสัญญาหมั้นหมายที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นคนกำหนด ที่ผ่านมาเซนโซ่ไม่เคยเปิดตัวเธอ แม้แต่งานหมั้นก็ถูกจัดขึ้นอย่างเงียบๆ ครั้งแรกที่ได้เจอโมเอิร์นเขารู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูกจึงพยายามเข้าหาเธอและส่งคนสืบประวัติจึงได้รู้ความจริงไม่เพียงแต่ฟาโรที่แปลกใจ โมเอิร์นเองก็ยืนมองอย่างอึ้งๆไม่ต่างกัน มันเก
“ไอ้โซ่มึงกลับไปห้องทำงานก่อน”“กูไม่ไป ที่นี่คลับกู” คนที่สมควรออกไปคือคนไม่คิดให้เกียรติเจ้าของสถานที่เขาคิดอย่างนั้น“โซ่เห็นผู้หญิงคนอื่นสำคัญกว่าเพื่อนอย่างตาลงั้นหรอ” ลูกตาลไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หล่อนถูกปฏิเสธมาแล้วครั้งหนึ่งตอนเรียน วันนี้หล่อนก็ยังต้องการเซนโซ่มาเป็นคนรักไม่ใช่เพื่อน“โมเอิร์นเป็นเมียฉัน ถ้าเธอไม่ให้เกียรติเราก็ไม่ควรเป็นเพื่อนกัน” เซนโซ่เอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น บ่งบอกได้ว่าเขาเลือกทำเช่นนั้นหากผู้หญิงตรงหน้ายังแสดงท่าทีหยาบคายใส่คนรัก“ไอ้โซ่ถือว่ากูขอ มึงใจเย็นก่อนดิวะ กลับไปสงบสติอารมณ์ก่อนดีมั้ย”“ไม่!!”“น้องโมช่วยพามันไปทีครับ” ฟาสเลือกขอความช่วยเหลือจากโมเอิร์นแทน รู้ดีว่าคนอย่างเซนโซ่ถ้าลองได้ฟาดงวงฟาดงาแล้วไม่ยอมลามือง่ายๆ“พี่โซ่คะ...เราไปห้องทำงานกันเถอะนะ ยืนนานโมเมื่อยขาแล้ว” โมเอิร์นเอ่ยอ้างถึงความเมื่อยล้าเผื่อว่าเข
“พี่โซ่”ร่างบางงัวเงียตื่นขึ้นมาหลังจากผล็อยหลับไปนานนับชั่วโมง แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าเซนโซ่ยังนั่งอยู่ที่เดิม“ครับ”“ยังทำงานไม่เสร็จหรอคะ...โอ๊ะ!” สงสัยนอนนานไปหน่อย พอขยับตัวลุกขึ้นมาอีกครั้งอาการปวดเมื่อยก็เข้าเลยงานอย่างจังจนโมเอิร์นนิ่วหน้า“เป็นอะไร? มานี่มา” ร่างสูงดันเก้าอี้ห่างโต๊ะทำงานเล็กน้อยรอให้คนตัวเล็กเดินมาหา มือหนารั้งให้เธอนั่งลงบนตักแกร่ง โมเอิร์นไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใดใช้แขนเรียวโอบลำคอหนาประคองตัวเองไว้ มืออีกข้างดึงชายกระโปรงไม่ให้ร่นขึ้นสูงไปมากกว่านั้น“โมปวดหลัง”ได้รับรู้ถึงสาเหตุมือหนายกขึ้นบีบนวดแผ่นหลังเล็กเบาๆคลายความปวดเมื่อยให้โดยที่เธอไม่ได้ร้องขอ แต่เป็นเขาเองอยากทำด้วยความเต็มใจ“ดีขึ้นมั้ยครับ”“ดีมากเลยค่ะ” โมเอิร์นตอบด้วยท่าทีอารมณ์ดี ก่อนจะเอี้ยวตัวหันไปหาเจ้าของตักหอมแก้มสากเป็นรางวัล การกระทำของเธอเรียกรอยยิ้มจากเซนโซ่ได้เป็นอย่างดี ‘น่ารักจังวะ’“เราจะไปกันตอนไหนคะ”
“ยัยโมจะไปไหนต่อ? ฉันกับนิวอยากดูหนัง” ให้หลังอาจารย์ผู้สอนเดินออกจากห้องไปพะแพงหันมาถามโมเอิร์นในขณะที่เพื่อนคนอื่นทะยอยกันลุกจากเก้าอี้ ส่วนเธอกับเพื่อนสนิทยังเก็บของไม่เสร็จ“ฉันมีนัดแล้ว ไว้วันหยุดนะ”“คู่หมั้นสุดหล่อมารับอีกแล้วล่ะสิ ฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆ ผู้ชายอะไรทั้งหล่อทั้งรวยเพอร์เฟคที่สุด”“เว่อร์...วันนี้ฉันขับรถมาย่ะ แล้วนัดของฉันก็ไม่ใช่พี่โซ่”“งั้นฉันจะโทรศัพท์ไปฟ้องพี่เซนโซ่ดีมั้ย” นิวแทรกขึ้นมาบ้างหลังจากเก็บของใส่กระเป๋าเรียบร้อย พร้อมกับเดินมาหยุดยืนตรงหน้าโมเอิร์นด้วยท่าทีทะเล้น“หยุดเลย ไปได้แล้ว จะไปดูหนังไม่ใช่รึไงรีบไปสิ” โมเอิร์นยกมือดันแผ่นหลังเพื่อนทั้งสองออกจากห้องเรียนตรงไปยังลิฟท์ เสียงพูดคุยหัวเราะคิกคักดังขึ้นเป็นระยะตลอดทางเดินก่อนแยกย้ายกันไปโมเอิร์นเดินเลี่ยงมายังมุมตึกจุดที่เจอฟาโรเมื่อเช้า ก็เห็นว่าเขานั่งรออยู่ที่โต๊ะหินอ่อนอย่างที่ว่าไว้ ทว่า เสี้ยววินาทีสายตาเหลือบมองแหวนหมั้นที่นิ้วเรียว หัวสมองพลันนึกถึงเซนโซ่ขึ้นมา จู่ๆเธอก็รู้สึ