ใบหน้าเคร่งเครียดราวกับจะโมโหของจิณณ์ทำให้มนตกานต์ชะงัก เธอแค่อยากกินเผ็ดให้สมจริงกับสิ่งที่จะทำ อยากจะซี้ดปาก ซู้ดปาก เร้าอารมณ์เขา แต่ดันกลายเป็นเล่นจริงเผ็ดจริงโดยไม่ต้องใช้สแตนอิน และตอนนี้อารมณ์เร่าร้อนที่อยากกระตุ้นจิณณ์ กลับกลายเป็นกระตุ้นความร้อนอารมณ์โกรธของเขาเสียมากกว่า “อาจิ๋วคะ ลูกเจี๊ยบ ซี้ด... อูย... ซี้ด... ลูกเจี๊ยบขอโทษค่ะ ซี้ด...” พูดไปก็ซี้ดปากไป จิณณ์ไม่ชอบผู้หญิงที่ไม่รู้ในสิ่งที่ตัวเองเป็น เขาคงจะคิดว่าเธอไร้สาระที่กินเผ็ดทั้งที่รู้ตัวเองว่ากินเผ็ดไม่ได้ “อาจิ๋ว...” จิณณ์ไม่ตอบไม่ฟังเสียงเรียกของเธอ แต่กลับลุกขึ้นยืนและเดินจากไป แค่นั้นมนตกานต์ก็แทบจะสั่นสะอื้น ดวงตาพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา ทั้งร้อนผ่าว ทั้งเผ็ด ทั้งอึดอัดกับสถานการณ์ในเวลานี้ แต่ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาได้ยังไง เพราะตอนนี้เธอก็เผ็ดเสียจนร้อนไปถึงใบหู “กินซะ” “อาจิ๋ว...” เสียงทุ้มที่ดังอยู่ด้านข้างพร้อมกับแก้วใส่นมสดถูกยื่นมาตรงหน้า มนตกานต์เงยหน้ามองเขาทั้งน้ำตา “ลูกเจี๊ยบ... นี่เผ็ดมากจนร้องไห้เลยเหรอ เอ้า! ดื่ม
มนตกานต์เหมือนคนขาดอากาศหายใจ จิณณ์ร่ายมนตร์ให้เธอมึนงงและหลงไปกับการแลกลมหายใจ พอเธออึดอัดจนจะตาย เขาก็จะเริ่มขึ้นตอน ‘ผายปอด’ ทั้งๆ ที่เธอยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ จมูกโด่งซุกซอนไปตามเนินเนื้อที่ช่ำไปด้วยหยาดน้ำนม ทั้งดม ทั้งเลียหยาดขาวข้นกลืนกิน ปากก็พร่ำพูดแต่เพียงว่า “อืม... ลูกเจี๊ยบจ๋า... หวานเหลือเกิน อืม... หวาน...” ฝ่ามืออุ่นร้อนจับกระชับที่ไหล่แบบบางก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนลงไปตามต้นแขน ข้อศอก ข้อมือ จนทาบทับที่มือแบบบางทั้งสองข้าง ก่อนจะกระชับและนำมาคล้องรอบต้นคอของเขา เพื่อให้การคลุกวงในชอนชิมความหวานไม่มีสิ่งติดขัด มนตกานต์สะท้านเฮือกเมื่อร่างกายรับรู้ได้ถึงสัมผัสอุ่นวาบเข้าโอบประคองความอิ่มเอิบที่เธอภูมิใจนักหนา สิ่งที่แม่ให้มาอย่างมากล้น สิ่งที่ไม่เคยมีใครได้แตะต้องกำลังถูกมือใหญ่ร้อนเร่าครอบครอง ยามมือใหญ่ลงน้ำหนักบีบเคล้น ดวงตาสวยหวานก็เบิกกว้าง สิ่งที่มองเห็นคือโคมไฟโมเดิลเหนือโต๊ะกินข้าว ทว่าจมูกโด่งที่ซอนซุกกับความอุ่นชื้นที่กำลังเลียไล้บนเนินอิ่มกลับทำให้ภาพที่เห็นพร่าเลือนเพราะสติสตังของเธอพานจะขาดหายอยู่ทุกเมื่อ
จิณณ์มองใบหน้าสวยหวาน อมเปรี้ยว อมหวาน มีความเซ็กซี่ ขี้เล่นอยู่ในตัวเองอย่างมากล้น ทุกสิ่งที่มนตกานต์เป็นราวกับสิ่งที่ปั้นแต่งมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ เพราะตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน มนตกานต์มีผลต่อระบบความนึกคิดและจิตใจของเขา เธอทำให้เขาคิดถึงริมฝีปากจือขึ้นน้อยๆ ดวงตาสวยหวานเซ็กซี่ เสียงหัวเราะน้อยๆ และความเปิ่นหรือหน้าเหวอๆ บางครั้ง ราวกับว่าเธอเผลอทำอะไรที่ผิดไปจากเส้นทางที่ขีดไว้ ทั้งหมดนั้นทำให้แทบไม่มีช่วงเวลาใดเลยที่เขาไม่มีมนตกานต์เข้ามาเกี่ยวพัน และยังตอนนี้ เมื่อความเรียกร้องจากร่างกายเร่งเร้าให้เขาครอบครองเธอให้ได้ แต่หัวใจกลับร้องบอกว่าสิ่งนี้ไม่เหมาะสม เขาไม่ควรทำกับมนตกานต์เหมือนดั่งที่เคยทำกับผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามา แต่ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์เพศผู้ ความอยากและกระหายในเซ็กซ์ ที่ผิดสี ผิดกลิ่น ผิดรสชาติ ตามแต่โอกาสจะอำนวย นั่นทำให้เขาไม่กล้าก้าวเดินเข้าไปหามนตกานต์อย่างที่ควรจะเป็น แล้วเขาควรจะแก้ปัญหายังไง“ถ้าอาจิ๋วไม่คิดที่จะ ‘รัก’ โปรดอย่าทำแบบนี้กับลูกเจี๊ยบอีกค่ะ แม้จะแค่สัมผัสก็อย่าทำ ลูกเจี๊ยบควรจะเก็บสิ่งนี้ไว้ให้กับผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของลูกเจี๊ยบนะคะ
สีหน้าของมนตกานต์เต็มไปด้วยความเศร้า แต่แววตายังฉายความมุ่งมั่น นั่นทำให้วีนาต้องตัดสินใจพูดในสิ่งที่คิด “ลูกเจี๊ยบไม่คิดว่าทั้งหมดที่ผ่านมา ลูกเจี๊ยบมาผิดทางเหรอ” “ผิดทาง... ผิดยังไงคะป้า ลูกเจี๊ยบทำทุกอย่างที่อาจิ๋วชอบ อาจิ๋วชอบผู้หญิงสวย เซ็กซี่ หวานนิดๆ เปรี้ยวหน่อยๆ ชอบผู้หญิงที่มีความเป็นตัวของตัวเอง และก็ชอบผู้หญิง... นมใหญ่ ลูกเจี๊ยบเป็นได้ทุกอย่างที่อาจิ๋วชอบ แม้แต่เป็นมัณฑากร ลูกเจี๊ยบก็ทำได้ ถ้านั่นจะทำให้ได้ใกล้ชิดอาจิ๋ว” น้ำเสียงอ่อนลงเมื่อเส้นทางที่เลือกเดินมานั้นเริ่มจะรางเลือนลงเรื่อยๆ เพราะแม้จะได้อยู่บ้านเดียวกัน แม้จะอ่อยจิณณ์ทุกทาง จนเขาตบะแตก แต่จิณณ์ก็ยังไม่ยอมรับว่ามีเธออยู่ในหัวใจ เขายังคิดแค่เพียง ‘เซ็กซ์’ เท่านั้น “นั่นแหละที่ป้าว่าผิดทาง...” วีนามองใบหน้าสวยของหญิงสาวที่นั่งอยู่ในฝั่งตรงกันข้าม จริงอยู่ที่มนตกานต์มีความสวยจนจิณณ์ถึงกับยอมรับว่านี่คือผู้หญิงที่ตรงสเปคเขาที่สุด แต่สิ่งที่มนตกานต์ไม่มีเลยก็คือ ‘ตัวตน’ มนตกานต์ไม่มีความเป็น ‘ตัวตน’ ของตัวเองเลยสักนิด ทุกสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมานั้นคือสิ่งท
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้วงสนทนาหยุดชะงัก ทุกสายตาจับจ้องณัฐที่กำลังดูหน้าจอว่าใครโทร. เข้ามา และจากสายตาของณัฐที่เหลือบมองมนตกานต์ก็พอจะคาดเดาได้ว่าใครกัน “ครับ พี่จิ๋ว อ้อ... ครับ ผมแจ้งลูกค้าไปตามที่ลูกเจี๊ยบแจ้งมาแล้วครับ ช่วงเย็นๆ น่ะครับ เขาจะส่งข้อมูลเพิ่มเติมมาให้ ไม่ครับ ไม่มีปัญหาอะไร ลูกค้าฝากชมด้วยครับ เพราะทางเขาก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ครับพี่ เดี๋ยวถ้าได้ข้อมูลมา ผมจะรีบส่งให้ครับ” ณัฐตอบทุกคำถามที่จิณณ์อยากรู้ ท่ามกลางสายตาใคร่รู้จากทีมงานทั้งเก่าและใหม่ โดยเฉพาะคนใหม่นั้นเหมือนกำลังกลั้นใจฟังทุกคำพูดของเขา “อืม... ถ้าลูกค้าติดขัดอะไรก็บอกพี่ด้วยละกัน จะได้ช่วยกันตัดสินใจ ลูกเจี๊ยบยังใหม่ พี่อยากดูแลให้ทั่วถึง” “ครับพี่ เมื่อตอนบ่ายพี่นุเอาสต๊อกวัตถุดิบที่มีอยู่มาให้ดูคร่าวๆ น่ะครับ ผมวางไว้บนโต๊ะพี่จิ๋วแล้วนะครับ พี่นุแกว่าจะได้ดูเป็นไกด์ ตอนนี้แกจะสั่งเฉดที่เราใช้ปกติไปก่อน ส่วนจะใช้สีไหนมากหรือโดดเด่นก็ให้สรุปให้แกอีกทีนะครับ” “อืม... วางบนโต๊ะแหละ พรุ่งนี้พี่ไปดู หรือไม่เย็นๆ ถ้าพี่ผ่านไปทางนั้น จะแวะไปเอาล่ะกัน” “อ้
‘อาจิ๋วรอลูกเจี๊ยบนะคะ ลูกเจี๊ยบจะไปช่วย ง่ำ!’ “โอ๊ย!” เสียงร้องดังจากผู้ชายที่ซ้อนอยู่ด้านหลังเพราะมนตกานต์ดิ้นรนจนกัดฝ่ามือนั้นสุดแรง ก่อนจะได้จังหวะขยับลุกหนีแต่ยังช้าไปกว่าฝ่ามือที่เอื้อมมา กระชาก “ว้าย!” มนตกานต์หวีดร้อง ดิ้นรน แต่ก็ช้าไปเพราะร่างงามถูกกดไว้กับโซฟาพร้อมใช้ร่างกายทาบทับไว้ “ปล่อยฉันนะ! ปล่อย! อาจิ๋ว! อาจิ๋ว!” มนตกานต์ทั้งดิ้นรนทั้งกรีดร้องร่ำร้องหาจิณณ์ เธอห่วงเขามากกว่าห่วงตัวเอง “แกทำอะไรอาจิ๋ว! บอกมานะ ไอ้บ้า! แกทำอะไรอาจิ๋ว! ไอ้บ้า! ว้าย!” เสียงร้องถามหาใครอีกคนทำให้คนเหนือร่างชะงักเพียงนิดก่อนมือใหญ่จะรวบกำปั้นที่ทุบปึกปักหน้าอกไว้เหนือศีรษะ ส่งผลให้เต้าอวบอิ่มยิ่งดันชิดติดแผงอก นั่นทำให้มนตกานต์เบิกดวงตากว้างเพราะตื่นกลัวที่สุด นี่เธอกำลังถูก... “ไม่นะ... ไม่เอาแบบนี้นะ อย่า! อาจิ๋ว! ไม่นะ! กรี๊...” เสียงกรีดร้องหายเข้าไปในลำคอเมื่อจูบจาบจ้วงจากคนด้านบนทาบทับลงมา มนตกานต์ส่ายใบหน้าไม่ยอมให้ริมฝีปากนั้นประทับแน่น เธอจะไม่มีวันยอมให้ผู้ชายคนอื่นมาทับลอยของจิณณ์ ร่างดิ้นรน ใบหน้าส่า
มนตกานต์บิดกายดิ้นรน เพราะทั้งหมดนั้นทำให้เธอสะท้านสั่นไหวจนแทบจะลืมเลือนความเจ็บปวดในหัวใจที่จิณณ์เห็นเธอเป็นลูกไก่ตัวหนึ่งในกำมือของเขาเท่านั้น จิณณ์ไม่ได้วางเธอไว้ในตำแหน่งของผู้หญิงที่จะทำให้เขาถอดเขี้ยวเล็บ สัมผัสจากจิณณ์ทำให้เธอเคลิ้มจนแทบจะลืมเลือนทุกอย่าง ทว่านั่นยิ่งทำให้ความเจ็บปวดทวีคูณ เพราะร่างกายของเธอยังไม่รักดี ยังพร้อมจะทะยานตามติดไปสู่จุดที่จิณณ์ปรนเปรอ และหากเป็นเช่นนั้น เธอก็จะก้าวเข้าสู่วังวนของจิณณ์ จะกลายเป็น ‘ลูกไก่’ ในกำมือของเขาอย่างสมบูรณ์ ลูกไก่ตัวน้อยๆ ที่มีความหมายตรงตัวว่า ลูกเจี๊ยบ ลูกเจี๊ยบที่วางตัวเองไว้ให้แตกต่างจากลูกไก่เหล่านั้น ลูกเจี๊ยบที่คิดว่าจะเติบโตขึ้นเป็นนางหงส์คู่ควรกับเขา แต่สุดท้าย ลูกเจี๊ยบก็เป็นลูกเจี๊ยบวันยันค่ำ เป็นลูกไก่ตัวน้อยๆ ที่พร้อมจะกระโจนเข้าสู่เงื้อมมือของเขา รอคอยให้เขา ‘บีบ’ หรือจะ ‘คลาย’ เธอก็ต้องยินยอม ยอมเป็น ‘ของเล่น’ ชั่วคราวของเขา ถ้าเหตุการณ์ต่อจากนี้เป็นไปโดยเธอสมยอม จะด้วยความเต็มใจ หรือถูกจิณณ์ปรนเปรอให้คล้อยตาม คว
“ลูกเจี๊ยบ อาขอโทษ อาไม่ได้ตั้งใจ” เสียงพึมพำขอโทษนั่นยิ่งทำให้มนตกานต์สั่นสะอื้นอยู่กับอกของเขา ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ นั่นแปลว่าอะไร แค่เขาเห็นเธอเป็นเหมือนผู้หญิงที่เคยผ่านมา นั่นก็ช้ำจะแย่อยู่แล้ว เมื่อมาเจอคำว่า ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ ทับหัวใจเข้าไปอีก นั่นคือเขาอยากให้เธอตายเพราะใจสลายไปเลยใช่ไหม “โธ่... ลูกเจี๊ยบอย่าร้องไห้นะ จะให้อาทำอะไรก็ได้ แต่อย่าร้องไห้ และยกโทษให้อาด้วยเถอะ อาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” แรงกดดันในใจทำให้เธอทนอยู่ในอ้อมกอดเขาไม่ไหว ดวงตาฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำมองผู้ชายที่พยายามยื้อจะกอดเธอด้วยความร้าวราน ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ คำง่ายๆ สั้นๆ แต่เธอเจ็บปวดเหลือเกิน “ลูกเจี๊ยบ...” “อาจิ๋วบอกว่าไม่ได้ตั้งใจเหรอคะ อาจิ๋วเห็นลูกเจี๊ยบเป็นตัวอะไร เป็นลูกไก่ในกำมืออาจิ๋วเหรอ ตอนลูกเจี๊ยบอยากเป็น อาจิ๋วก็ไม่เอา นี่พอลูกเจี๊ยบไม่อยากเป็นแล้ว อาจิ๋วก็มาทำกับลูกเจี๊ยบแบบนี้ แล้วยังบอกว่าไม่ได้ตั้งใจอีกเหรอคะ” “ลูกเจี๊ยบ... อาไม่ได้หมายความอย่างนั้น” “แล้วหมายความว่ายังไงคะ อาจิ๋วมาจูบลูกเจี๊ยบ มาทำ... อาจิ๋วทำกับลูกเจี๊ยบแบบนี้ได้ยัง
ลิ้นร้อนตวัดลงตามรอยแยกที่มองเห็นเป็นสีชมพูสด หอมหวานและเย้ายวนใจจนจิณณ์อดไม่ได้ที่จะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแยกกลีบดอกออกจากกัน และเขาก็ได้เห็นอีกหนึ่งความงดงามที่รอคอย หยาดเยิ้ม และท่วมท้น มนตกานต์พร้อมแล้ว สิ่งสัมผัสที่หยุดลงพร้อมกับกายแกร่งลุกขึ้นนั่งแทรกกลางระหว่างขา ทำให้มนตกานต์เบิกดวงตากว้างมองดูเขา ก่อนจะหลุบมองความยิ่งใหญ่ที่เธอกลัวเหลือเกิน เมื่อสิ่งนั้นคล้ายจะเคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิต ดวงตาสวยหวานจึงต้องเสมองไปอีกทาง ไม่กล้ามองดูสิ่งนั้นได้อีก เพราะเจ้าของความยิ่งใหญ่กำลังทอดสายตามองเธออย่างร้องขอ “อารักลูกเจี๊ยบนะคะ” ทว่าคำพูดจากเขากลับทำให้มนตกานต์ต้องหันมอง นั่นคือการร้องขอ มนตกานต์พยักหน้าน้อยๆ ทั้งกลัวทั้งอายจนทนมองหน้าเขาไม่ไหว แต่ก็ให้ความร่วมมือเต็มที่ เมื่อจิณณ์ขยับท่อนขาเข้ามาใต้สะโพก มนตกานต์ก็หลับตาพริ้ม ปล่อยกาย ปล่อยใจไปกับความยิ่งใหญ่ที่ค่อยๆ สอดแทรกเข้ามา ทว่า... “อาจิ๋ว!” “อืม... อาจะค่อยๆ อารักลูกเจี๊ยบนะคะ” อีกครั้งที่เสียงหวานบอกรักนั้นทำให้มนตกานต์ล่องลอย แม้ความอึดอัดคับแน่นจนอาจเรียกว่าเจ็บนั้นกำลั
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้อาจะไม่ทำแบบนั้น แต่อาจะทำแบบเมื่อคืนกับเมื่อเช้า นะ...” จิณณ์ไม่รอคำตอบเพราะทันทีที่มนตกานต์ช้อนสายตาขึ้นมองเขา ริมฝีปากเร่าร้อนก็ประทับจูบที่ปากสีระเรื่อทันที ความหวานปะปนความเร่าร้อนดูดดื่มชอนชิมไม่หยุด ตวัดต้อน ชอนลึก จนมนตกานต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่เรียวลิ้นร้อนของจิณณ์จะหยอกยั่วให้มนตกานต์คล้อยตาม ลิ้นสากอุ่นชื้นสอนให้ลิ้นน้อยอ่อนไหวแตะไต่ตอบสนอง ตวัดต้อนชอนชิมความดุดันของเขาบ้าง 2 ครั้งแรกนั้นมนตกานต์กล้าๆ กลัวๆ ทำได้ดีบ้าง และสำลักบ้าง แต่ครั้งนี้เธอทำได้ดี ลิ้นน้อยหยอกเย้าดูดดุนความสากชื้น จนมนตกานต์ได้ยินเสียงครางงึมงำในลำคอ ใบหน้าสวยจึงมีรอยยิ้ม ทั้งๆ ที่ลิ้นน้อยทำหน้าที่ต่อสู้ฟาดฟันกับจิณณ์ไม่ลดละ ปากประกบ ลิ้นต่อสู้ และฝ่ามือของเจ้าบ่าวก็ทำหน้าที่ จิณณ์เอื้อมฝ่ามือไปใต้แผ่นหลัง ค่อยๆ รูดซิปชุดเดรสตัวสวยอย่างแผ่วเบา ก่อนจะรั้งให้พ้นร่างงามอย่างง่ายดาย ทั่วทั้งร่างของเจ้าสาวที่เขาสัมผัสได้จากฝ่ามือจึงเหลือเพียงบราเซียร์และแพนตี้เข้าชุด จากนั้นนิ้วเร่าร้อนก็ทำหน้าที่ปลดรังดุมได้ตัวเอง ก่อนที่จิณณ์จะครางด้วยความซ่านเสียว เพร
ส่วนภานุก็รับหน้าที่ปิ้งย่างอาหารทะเลร่วมกับวีนาที่คอยดูความเรียบร้อยโดยรวม แม้จะมีป้าแม่บ้านกับน้องฝึกงานที่ออฟฟิศมาช่วยแล้วก็ตาม บรรยากาศชื่นมื่นมีความสุข ทว่าเจ้าบ่าวก็หงุดหงิดไม่เลิก “เป็นอะไรนักหนาวะจิ๋ว แกทำหน้าแบบนี้ เดี๋ยวใครเขาก็เอาไปพูดว่าพี่ให้ลูกสาวมาจับแกนะโว้ย แล้วนี่หงุดหงิดเรื่องอะไร” “กี่โมงแล้วพี่” จิณณ์ตอบไม่ตรงคำถามแต่กลับถามไก่อูกลับ “แกก็มีนาฬิกา ทำไมไม่ดูเองล่ะ” “ก็ผมอยากให้พี่ดู” ไก่อูงงแต่ก็ยกข้อมือขึ้นดูเวลา “จะสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ทำไม” “พี่อ่ะ ก็สี่ทุ่มครึ่งแล้วน่ะสิ พี่ลืมอะไรไปหรือเปล่า” “ลืมอะไรวะ ไม่มี!” ไก่อูเสียงสูง ยิ่งทำให้จิณณ์หน้าบึ้ง ก่อนว่าที่พ่อตาจะหลุดขำ เพราะ 4 ทุ่ม 59 นาทีเป็นเวลาส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอ นั่นจึงทำให้จิณณ์กระวนกระวาย “เฮ้ยจิ๋ว แกนี่เสียชื่อตัวพ่อสายดาร์กหมดเลยนะโว้ย แกตื่นเต้นเหรอที่จะได้เข้าหอ ไม่ต้องตื่นเต้นนะน้อง มันเรื่องธรรมดา นี่ม้าแกกับพี่นกก็ไปปูที่นอนรอแล้วไง” “จริงเหรอพี่” จิณณ์เกาะแขนไก่อูถามเพื่อความแน่ใจ
มนตกานต์หลบเลี่ยงเมื่อจิณณ์ทำท่าจะโถมเข้ามา ก่อนจะชี้ชวนให้ดูหนุ่มสาวที่กำลังก้าวออกจากออฟฟิศตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์ เพราะณัฐอาสาจะพาขิมไปเย็บแผลที่โรงพยาบาล “พี่ขิมชอบพี่ณัฐค่ะ” “ไม่ได้ชอบ แต่ขิมรักณัฐ รักมาสามปีแล้ว ณัฐมันไม่รู้หรอก มันคิดว่าไอ้ขิมเป็นทอม” “ไม่จริงมั้งคะ ลูกเจี๊ยบว่าพี่ณัฐเขารู้แล้วนะ อาจิ๋วดูสิ” ภาพที่เห็นคือณัฐกำลังใส่หมวกกันน็อคให้ขิมอย่างระมัดระวังที่สุดที่จะไม่ให้โดนแผล และขิมก็อายกับสัมผัสใกล้ชิดจนต้องหลุบสายตา ก่อนจะสะดุ้งเมื่อนิ้วมือของณัฐแฉลบแผลของเธอไป ณัฐตกใจที่ทำขิมเจ็บ ดึงขิมเข้ามากอด ก่อนที่สาวทอมประจำออฟฟิศจะสั่นสะอื้นฮึกฮักอยู่กับอกของณัฐ “สงสัยจะเจ็บแผล” “ผิดค่ะ มีความสุขต่างหาก” “หมดเรื่องแล้ว กลับบ้านเถอะ” “อื้อ... ยังไม่เลิกงานเลยค่ะ” “วันนี้วันทำงานที่ไหนเล่า” “อาจิ๋วจะแกล้งอะไรลูกเจี๊ยบอีกเนี่ย เมื่อเช้าก็ทีนึงแล้วนะ” “ทีนึงอะไร ยังไม่ได้สักที” “อาจิ๋ว!” จิณณ์ยิ้มเข้ามาสวมกอดมนตกานต์ที่หน้าแดงจากคำพูดของเขา พลางชี้ชวนใ
มนตกานต์อมยิ้มน้อยๆ เพราะสาเหตุที่จิณณ์บอกว่าจะเข้างานสาย ไม่ใช่สิ่งที่เธอเข้าใจ แต่เป็นสิ่งนี้ เธอเปิดซองกระดาษหยิบเอกสารด้านในออกมาดู เพราะตอนที่รับมาจากเจ้าหน้าที่ ความตื่นเต้นและเขินอายมีมากจนไม่กล้าจะชื่นชม ดวงตาสวยหวานไล่ไปตามตัวอักษรที่กำกับอยู่บนกระดาษสีนวลมีลวดลายดอกกุหลาบอยู่รอบด้าน ‘ใบสำคัญการสมรส แสดงว่า นายจิณณ์ จิตติกรณรงค์ กับ นางสาวมนตกานต์ ฤทธาอภินันท์ ได้จดทะเบียนสมรส ณ สำนักงานทะเบียน... จังหวัด... เลขทะเบียนที่... เมื่อวันที่ 7 เดือนธันวาคม พ.ศ.2560 นายทะเบียน’ “เราแต่งงานกันแล้วนะ” รอยยิ้มแสนหวานส่งให้คนที่กระชับฝ่ามือ “ขอบคุณนะคะอาจิ๋ว ขอบคุณที่รักลูกเจี๊ยบ ขอบคุณทุกอย่างค่ะ” “อาสิต้องขอบคุณลูกเจี๊ยบ ที่สอนให้อารู้จักความรัก อาไม่สัญญานะว่าจะรักลูกเจี๊ยบมากที่สุดในโลก แต่อาสัญญาว่าจะรักลูกเจี๊ยบทุกวัน สามเวลาหลังอาหาร หัวค่ำ ก่อนนอน และล้างหน้าไก่” “อาจิ๋วอ่ะบ้า!” “บ้าแต่ไม่ห้ามใช่มั้ย” “อาจิ๋ว!” มนตกานต์ฮึดฮัดด้วยความอายก่อนจะเร่งให้จิณณ์รีบออกรถ เพราะที่จิณณ์ว่าสิบโมง แต่น
ร่างงามระหงที่ยืนหันหลังให้เขา อยู่ในชุดเดรสสีเทาอ่อนแขนสั้นตัวยาวกรอมเท้าดูสุภาพอยู่นะ ถ้าด้านหลังจะไม่กว้านลึกจนถึงบั้นเอว ใครจะอยากให้คนอื่นเห็นกันล่ะ “อุ้ย!” มนตกานต์สะดุ้งเมื่อท่อนแขนแกร่งแทรกเข้ามากระชับบั้นเอว พร้อมริมฝีปากแตะเบาๆ ที่ข้างแก้ม แค่นั้นความร้อนก็วูบขึ้นที่ใบหน้าก่อนจะกระจายวาบไปทั่วร่าง เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนเพิ่งผ่านพ้นไปไม่กี่ชั่วโมง “หอมจัง... วันนี้มีอะไรกิน” คนพูดว่าหอมจัง หอมอีกหลายครั้งที่สองแก้ม สลับไปมาซ้ายขวา ดั่งความหอมนั้นไม่ได้มาจากอาหารแต่เป็นสองแก้มนี้ “ข้าวต้มไก่น่ะค่ะ เมื่อวานเราไม่ได้กินข้าวที่บ้าน ข้าวเย็นเลยเหลือเยอะ ลูกเจี๊ยบเลยเอามาทำข้าวต้มมื้อเช้า” “อืม... ข้าวต้มมื้อเช้า อยากกินจังเลย เมื่อคืนกินไม่อิ่ม” “อาจิ๋ว!” มนตกานต์หน้าร้อนซ่าน คำพูดสองแง่สองง่ามนั้น เขาช่างพูดได้ไม่อายปาก “เสียงดังทำไม ก็เมื่อคืนอากินข้าวไม่อิ่มจริงๆ นี่นา ได้กินข้าวต้มร้อนๆ ตอนเช้า เพิ่มพลังงานดีออก อยากกินแล้วล่ะ จะกินให้เกลี้ยงชามเลย” จิณณ์หัวเราะในลำคอเ
“อื้อ... อาจิ๋ว... อื้อ...” ทำได้เพียงส่งเสียงร่ำร้องเรียกหาแต่เขา เพราะความเต้มตื้น อัดอั้น รุมเร้าอยู่ในร่างกาย อย่างไม่มีที่ระบายออก เขากำลังจะฆ่าเธอด้วยปลายลิ้นหรือเปล่า ไม่หรอก... เสียงหนึ่งในหัวร้องบอก เธอรู้ว่าหญิงชายจะไปบรรจบกันตรงจุดไหน นี่เพิ่งเริ่มต้น ‘อา... แค่เริ่มต้น ลูกเจี๊ยบก็จะไม่ไหวแล้วค่ะ’ “อื้อ... อาจิ๋วขา... อื้อ... อาจิ๋ว...” เสียงร่ำร้องปะปนกับเสียงทอดถอนหายใจของมนตกานต์ นั่นคืออาการของคนที่หายใจไม่ทัน มนตกานต์ต้องเรียนรู้ที่จะผ่อนคลาย จิณณ์ละริมฝีปากจากปลายยอดสีหวาน พาตัวเองคร่อมทับร่างงดงาม ประคองใบหน้ามนตกานต์ให้สบสายตากับเขา “ลูกเจี๊ยบขา... ปล่อยกายปล่อยใจให้สบาย อาจิ๋วจะทำให้ลูกเจี๊ยบมีความสุข นะคะ เชื่ออาจิ๋ว...” “ค่ะ... อาจิ๋วขา... อื้อ...” เธอมองหน้าเขา ก่อนจะหลับตาส่ายใบหน้า เพราะริมฝีปากของจิณณ์อยู่ที่นี่ แต่ฝ่ามือกับปลายนิ้วของเขายังเร่งเร้า “ร้องอย่างที่ลูกเจี๊ยบอยากร้อง อาจิ๋วเป็นของลูกเจี๊ยบ” มนตกานต์ยิ้มกับเสียงทุ้มที่กระซิบบอกข้างหู เธอทำตามที่เขาบ
“อื้อ... อาจิ๋ว... อาจิ๋วขา...” มนตกานต์ส่ายสะบัดเรือนผม ดวงตาหลับพริ้มมึนงงกับรสจูบดูดดื่ม สับสนกับสัมผัสเร่าร้อนที่ทวีเพิ่มขึ้นในร่างกายของเธอ เธอเร่าร้อน เรียกร้อง อยากให้จิณณ์สัมผัสเธอให้ทั่ว อยากให้เขาพรมจูบตีตราจองเธอไปทั่วทั้งตัว อยากให้เขาเห็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยเห็น ตอนนี้ เวลานี้ และเดี๋ยวนี้ “อาจิ๋วขา... อื้อ...” “ขา... อืม... หอม... ลูกเจี๊ยบขา... ลูกเจี๊ยบหอม อืม...” ฝ่ามือกระชับความอวบที่อิ่มจนล้นฝ่ามือ ดันเข้าชิดเพื่อฝังหน้าลงไป นั่นทำให้จิณณ์สูดดมความหอมหนักๆ ใคร่อยากหอม อยากสัมผัสใต้ร่มผ้า และนิ้วมือก็ทำงานสอดประสานกับหัวใจ เมื่อเดรสตัวสวยถูกนิ้วเกลี่ยให้ขยับขึ้นสูงจนถึงบั้นเอว จิณณ์ผละร่างออกห่าง รั่งร่างอ่อนระโหยของมนตกานต์ขึ้นนั่ง ดวงตาสวยหวานยังไม่ทันได้คลายความหวั่นไหว เดรสตัวสวยก็ถูกรูดขึ้นผ่านทางศีรษะ พร้อมถูกเหวี่ยงไปอย่างไร้ทิศทาง นั่นจึงทำให้มนตกานต์ได้สติ และเป็นสติที่เธอพร้อมจะสมยอม ทว่าความอายก็ยังมี ต้นขาจึงเบียดเข้าหากันแนบชิด ฝ่ามือยกขึ้นปิดความอวบอิ่มที่สวยงามราวภาพเขียน จิณณ์มองภาพตรงหน้า แทบจ
ทำนบน้ำตาที่อัดอั้นไว้พังทลาย มนตกานต์สะอื้นฮึกฮักกับสิ่งที่ได้ยิน นั่นคือคำสารภาพใช่ไหม เขาเห็น ‘ความรัก’ ของเธอแล้วใช่ไหม เขามองเธอด้วยความรักไม่ใช่เซ็กซ์ใช่หรือไม่ จิณณ์เกลี่ยซับหยาดน้ำตาที่พรั่งพรู แต่มนตกานต์ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมองดูเขา เขารู้... ผู้หญิงชอบความชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยให้เธอคิดไปเพียงฝ่ายเดียว “ลูกเจี๊ยบ ตอนนี้... อารู้จักความรักแล้วนะ ลืมตามองอาจิ๋วสิคะ อาจิ๋วอยากให้ลูกเจี๊ยบเห็นความรักของอาจิ๋ว” นิ้วมือแตะที่ริมฝีปากแดงระเรื่อด้วยกลั้นก้อนสะอื้น ค่อยๆ จดริมฝีปากร้อนรุ่มแต่อ่อนหวานที่สุดของเขาลงไป เขาจูบซับด้วยความรักด้วยหัวใจที่มี บอกเธอด้วยภาษากาย ภาษาใจ ว่าเขามี ‘ความรัก’ มอบให้ และบอกซ้ำอีกครั้งด้วยภาษาพูด เมื่อดวงตาฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาเปิดขึ้นมองเขา “อาจิ๋ว ‘รัก’ ลูกเจี๊ยบ... แต่งงานกับอาจิ๋วนะคะ” มนตกานต์พยักหน้ารับทั้งน้ำตา เมื่อใจพร้อมรับก็ไม่ต้องเล่นตัว เพราะสิ่งนี้ที่เธอต้องการ “อาจิ๋วจะหยุดก็ต่อเมื่อเจอ... ลูกเจี๊ยบ พูดประโยคต่อไปให้อาฟังได้มั้ย อาจิ๋วอยากได้ยินจากปากของลูกเจี๊ยบ” คำบอก