มนตกานต์บิดกายดิ้นรน เพราะทั้งหมดนั้นทำให้เธอสะท้านสั่นไหวจนแทบจะลืมเลือนความเจ็บปวดในหัวใจที่จิณณ์เห็นเธอเป็นลูกไก่ตัวหนึ่งในกำมือของเขาเท่านั้น จิณณ์ไม่ได้วางเธอไว้ในตำแหน่งของผู้หญิงที่จะทำให้เขาถอดเขี้ยวเล็บ สัมผัสจากจิณณ์ทำให้เธอเคลิ้มจนแทบจะลืมเลือนทุกอย่าง ทว่านั่นยิ่งทำให้ความเจ็บปวดทวีคูณ เพราะร่างกายของเธอยังไม่รักดี ยังพร้อมจะทะยานตามติดไปสู่จุดที่จิณณ์ปรนเปรอ และหากเป็นเช่นนั้น เธอก็จะก้าวเข้าสู่วังวนของจิณณ์ จะกลายเป็น ‘ลูกไก่’ ในกำมือของเขาอย่างสมบูรณ์ ลูกไก่ตัวน้อยๆ ที่มีความหมายตรงตัวว่า ลูกเจี๊ยบ ลูกเจี๊ยบที่วางตัวเองไว้ให้แตกต่างจากลูกไก่เหล่านั้น ลูกเจี๊ยบที่คิดว่าจะเติบโตขึ้นเป็นนางหงส์คู่ควรกับเขา แต่สุดท้าย ลูกเจี๊ยบก็เป็นลูกเจี๊ยบวันยันค่ำ เป็นลูกไก่ตัวน้อยๆ ที่พร้อมจะกระโจนเข้าสู่เงื้อมมือของเขา รอคอยให้เขา ‘บีบ’ หรือจะ ‘คลาย’ เธอก็ต้องยินยอม ยอมเป็น ‘ของเล่น’ ชั่วคราวของเขา ถ้าเหตุการณ์ต่อจากนี้เป็นไปโดยเธอสมยอม จะด้วยความเต็มใจ หรือถูกจิณณ์ปรนเปรอให้คล้อยตาม คว
“ลูกเจี๊ยบ อาขอโทษ อาไม่ได้ตั้งใจ” เสียงพึมพำขอโทษนั่นยิ่งทำให้มนตกานต์สั่นสะอื้นอยู่กับอกของเขา ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ นั่นแปลว่าอะไร แค่เขาเห็นเธอเป็นเหมือนผู้หญิงที่เคยผ่านมา นั่นก็ช้ำจะแย่อยู่แล้ว เมื่อมาเจอคำว่า ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ ทับหัวใจเข้าไปอีก นั่นคือเขาอยากให้เธอตายเพราะใจสลายไปเลยใช่ไหม “โธ่... ลูกเจี๊ยบอย่าร้องไห้นะ จะให้อาทำอะไรก็ได้ แต่อย่าร้องไห้ และยกโทษให้อาด้วยเถอะ อาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” แรงกดดันในใจทำให้เธอทนอยู่ในอ้อมกอดเขาไม่ไหว ดวงตาฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำมองผู้ชายที่พยายามยื้อจะกอดเธอด้วยความร้าวราน ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ คำง่ายๆ สั้นๆ แต่เธอเจ็บปวดเหลือเกิน “ลูกเจี๊ยบ...” “อาจิ๋วบอกว่าไม่ได้ตั้งใจเหรอคะ อาจิ๋วเห็นลูกเจี๊ยบเป็นตัวอะไร เป็นลูกไก่ในกำมืออาจิ๋วเหรอ ตอนลูกเจี๊ยบอยากเป็น อาจิ๋วก็ไม่เอา นี่พอลูกเจี๊ยบไม่อยากเป็นแล้ว อาจิ๋วก็มาทำกับลูกเจี๊ยบแบบนี้ แล้วยังบอกว่าไม่ได้ตั้งใจอีกเหรอคะ” “ลูกเจี๊ยบ... อาไม่ได้หมายความอย่างนั้น” “แล้วหมายความว่ายังไงคะ อาจิ๋วมาจูบลูกเจี๊ยบ มาทำ... อาจิ๋วทำกับลูกเจี๊ยบแบบนี้ได้ยัง
ไม่เกิน 10 นาที กิจกรรมอาบน้ำและแต่งตัวก็เสร็จเรียบร้อย ทว่าเมื่อตรงไปยังห้องอาหาร เขากลับไม่เห็นเธออยู่ที่นั่น ทั้งบ้านก็เงียบเหงา ราวกับสิ่งมีชีวิตหนึ่งเดียวในบ้านนี้คือเขาเท่านั้น แน่นอนว่าโรงรถคือเป้าหมาย เมื่อไม่เห็นนังเขียวแปร๋น ร่างสูงก็รีบรี่ขึ้นไปคว้าโทรศัพท์มือถือในห้องนอนทันที “อยู่ไหนลูกเจี๊ยบ” เสียงเครียดๆ ที่ได้ยินจากสมอลทอร์ค ทำให้มนตกานต์อดไม่ได้ที่จะแอบยิ้ม ก่อนจะตอบเสียงอ่อน “กำลังไปออฟฟิศคะ” เธอตอบตามความจริง พยายามระงับความดีใจที่จิณณ์โทร. หา และน้ำเสียงนั้นก็ยืนยันได้ว่าเขาไม่พอใจที่เธอออกมาก่อนโดยไม่บอก “แล้วทำไมไม่รออา” “ลูกเจี๊ยบอยากเข้ามาเตรียมงานก่อนน่ะค่ะ พอพี่ณัฐกับทีมงานมาถึงจะได้เริ่มคุยงานกันได้เลย” “แค่รออาสิบนาทีรอไม่ได้เหรอ มันไม่ได้ช้าสักเท่าไหร่เลย” “ก็ลูกเจี๊ยบไม่รู้นี่คะว่าอาจิ๋วจะตื่นหรือยัง” “แล้วทำไมไม่ปลุก” “เอ่อ...” น้ำเสียงอึกอักของมนตกานต์ทำให้จิณณ์ต้องพ่นลมออกจากปาก หงุดหงิดที่ส่งคำถามไปแบบนั้น เพราะคำถามนั้นเขาควรจะเป็นคนตอบเองซะมากกว
ผู้หญิงที่ผ่านเข้ามา ล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันนั่นคือ ‘เซ็กซ์’ อาจเพราะตัวเขาเองไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครเกินกว่าสิ่งนั้นก็ได้ แต่สำหรับมนตกานต์ เธอเข้ามาอยู่ร่วมบ้านในฐานะเจ้าของบ้านและเขาเป็นผู้อยู่อาศัย เธอไปทำงานที่ออฟฟิศในฐานะหลานสาว และตอนนี้เธอก็กำลังเข้ามาวิ่งเล่นอยู่ในหัวใจ “นี่อากำลังรักลูกเจี๊ยบ...” จิณณ์พูดกับตัวเอง ยิ้มและส่ายศีรษะไปมา ชายหนุ่มวัย 38 ปีอย่างเขา ที่เพิ่งริมีรักแรก แม้จะแปลกที่เขาราวกับจะเสียการควบคุมตัวเองไปบ้าง แต่ทั้งหมดนั้นก็... หวานเหลือเกิน “ที่อารู้สึกทั้งหมดนี่ เรียกว่าความรักใช่มั้ย ลูกเจี๊ยบ...” หากจะบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในใจนี้ คงไม่มีใครให้คำตอบเขาได้เท่ากับตัวเขาเอง แต่ก็มีอีกคนหนึ่งที่จิณณ์ต้องปรึกษา คนสำคัญที่สุด.. จิณณ์มาถึงออฟฟิศด้วยสีหน้าที่แช่มชื่นสุด เพราะรู้แล้วว่าจะจัดการกับ ‘หัวใจ’ เวอร์จิ้นของเขาอย่างไรดี เขาจะไม่ห้ามตัวเองหากหัวใจร่ำร้องอยากจะแสดงความรักกับมนตกานต์ จะไม่ทำตัวขวางโลก หรือกันท่าใครอีก เพราะโลกของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยสีชมพูที่มนตกานต์นำมาระบายไว้จนทั่ว เมื่อมนตกาน
“ไหนอาดูสิ นี่ไง... หน้าเห่อมาก นี่เราขนลุกขึ้นหน้าเชียวเหรอ” หลังนิ้วเกลี่ยที่ข้างแก้มขึ้นลงเพื่อสัมผัสเส้นขนที่ลุกตั้ง และก็ดูเหมือนว่ามนตกานต์จะสะท้านมากขึ้น และครั้งนี้ไม่ใช่เห่อแค่หน้าแต่เป็นเห่อทั้งตัว “อืม... สงสัยจะหนาวจริงนะ อาพากลับบ้านมั้ย” “ไม่ค่ะ ลูกเจี๊ยบหายแล้ว” “หายตรงไหน ดูสิ ต้นแขนนี่ก็เห่อเป็นปื้นเลย” หลังมือที่ไล่จากข้างแก้มลงไปถึงต้นแขน ยิ่งทำให้มนตกานต์สะท้านตาลุกวาว พยายามหาทางหนีทีไล่ เพราะขืนให้จิณณ์ทำกับเธออยู่แบบนี้ มีหวังเธอนี่แหละที่จะกอดรัดเขาจนแน่น ก็ใจมันรักอยู่แล้วหนิ “ลูกเจี๊ยบไม่เป็นอะไรจริงๆ อาจิ๋วดูแบบให้ลูกเจี๊ยบหน่อย ตรงนี้อ่ะค่ะ อาจิ๋วว่าลูกเจี๊ยบทำเป็นชั้นวางของแบบนี้ดีมั้ย ให้ตู้วางเป็นพื้นโปร่งมีรูระบายอากาศ เพราะร้านนี้เขาจะขายพวกกระเป๋าสานน่ะค่ะ” “ไหนดูสิ” มนตกานต์ลอบยิ้มเมื่อเรื่องงานแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้เธอได้จริงๆ จิณณ์ก็ยังเป็นจิณณ์วันยันค่ำ ยังไงเรื่องงานก็มาก่อนเรื่องอื่นเสมอ และดูว่าวิธี ‘เป็นตัวเอง’ ของเธอจะได้ผล เพราะแค่เธอทำไม่สนใจเขา นั่นก็คือเขากลับมา
หลังจากที่จิณณ์เดินออกไป มนตกานต์ก็รีบเปิดห้องแชทไลน์เพื่อคุยกับใครบางคนที่คงกำลังรอฟังผล มนตกานต์ : ไม้ตายได้ผล เสือหื่นเหมือนจะหึง วีนา : เหมือนจะไม่ได้ ต้องแสดงออกมากกว่านี้ มนตกานต์ : ป้าไม่ต้องห่วงค่ะ ลูกเจี๊ยบจะทำให้เสือสารภาพ วีนา : คอยลุ้น แต่แผน 2 กำลังเริ่ม มนตกานต์ : แผน 2 อะไรคะป้า วีนา : แผนดีๆ แน่นอน แค่นี้ก่อนนะ เสือหื่นมา วีนาปิดห้องแชทไลน์ และเปิดหน้าเอกสารขึ้นมา ทำทีเป็นละสายตาจากหน้าจอขึ้นมอง ‘เสือหื่น’ ที่เดินหน้าตูมเข้ามาในห้อง “ไง หน้าตูมมาเลย ลูกไก่ไม่ยอมให้กำหรือไง” จิณณ์ไม่ตอบแต่ทรุดร่างสูงลงนั่งที่โซฟาในห้องฝ่ายบัญชีและการเงิน “ถามไม่ตอบ เออ... อี๊ให้โทร. หาด้วยนะ” คิ้วเข้มเลิกสูง สายตาขุ่นเครียดมองมาที่วีนาอย่างต้องการคำตอบว่า ‘อี๊’ ที่วีนาพูดถึงนั้นต้องการให้เขาโทร. หา ด้วยเรื่องอะไร “อย่ามามองเจ้แบบนี้นะจิ๋ว แม่ใครก็โทร. หากันเอาเอง ไม่ใช่ต้องเคลียร์ให้ตลอดนะ” “เจ้อ
ทว่าสิ่งที่จิณณ์คิดไว้ก็ไม่ได้เป็นไปตามคาด เพราะมนตกานต์โฟกัสเรื่องงาน จนเขาไม่มีช่องว่างที่จะแทรกเข้าไปได้ และเพราะเขาเป็นผู้บริหาร เมื่อเห็นพนักงานมีความมุ่งมั่นและตั้งใจทำงานมากขนาดนี้ เขาควรยินดี และไม่ควรที่สุดที่จะเอาตัวเองเข้าไปขวาง โปรเจกต์สำคัญ เวลาจำกัด โจทย์ละเอียด และเป็นงานแรกของมนตกานต์ที่ได้ร่วมงานกับ ‘JINN’ เขาเข้าใจว่าเธอจึงต้องออกมาให้ดีที่สุด ในแต่ละวันเขาและเธอจึงหมดเวลาไปกับการคุยงาน การออกแบบ แก้ไขจุดบกพร่อง ประสานงานกับโรงงานเรื่องวัตถุดิบ รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทางฝ่ายการตลาด และฝ่ายการผลิต เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ จะต้องไม่มีจุดใดสะดุด ทว่าเมื่ออยู่บ้าน มนตกานต์ก็ดูแลเรื่องอาหารเช้าและอาหารเย็น หรืออาจรวมมื้อค่ำ ได้ไม่บกพร่อง อาหารที่เธอทำดูเป็นอาหารง่ายๆ ไม่ได้ใช้เทคนิคมากมายอะไร เพราะคงเป็นไลฟ์สไตล์การใช่ชีวิตแบบคนรุ่นใหม่ ที่จัดเตรียมอาหารเน้นประโยชน์มากกว่าเครื่องปรุง โดยเฉพาะอาหารเช้าแสนอร่อยที่เขาได้ลิ้มลองในทุกเช้า สลับเปลี่ยนกันไป ไม่ว่าจะเป็นข้าวต้มกุ้ง ข้าวต้มปลา โจ๊กหมู และบางวันก็เป็นอเมริกันเบรคฟาสต์ แต่ทุกมื้
เกือบตี 2 กว่าที่จิณณ์จะขับรถกลับมาถึงบ้าน แม้จะไม่ไกล แต่คนด้านข้างก็ผล็อยหลับไปซะแล้ว จิณณ์จอดรถในโรงจอด แต่คนด้านข้างก็ยังหลับปุ๋ย เขาเอี้ยวตัวไปด้านข้างเพื่อปลดเข็มขัดนิรภัยให้กับเธอ ทว่าใบหน้าที่ห่างกันไม่ถึงคืบก็ทำให้จิณณ์อดใจไม่ไหว เพราะตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากวันนั้น วันที่มนตกานต์บอกให้คงระยะห่างระหว่างกันไว้แค่สถานะของอากับหลาน เขาก็ไม่เคยได้ใกล้ชิดเธอขนาดนี้อีกเลย ริมฝีปากจดลงที่หน้าผากเกลี้ยงเกลา จมูกโด่งคลอเคลีย ก่อนจะจูบเบาๆ ที่เปลือกตาทั้งสองข้างที่หลับพริ้ม ลากเรื่อยลงมาที่แก้มนวล จูบที่ปลายจมูกโด่ง ก่อนจะเคลื่อนหาจุดหมาย “อืม...” ทว่าเสียงหัวเงียของคนหลับกลับทำให้จิณณ์ชะงัก รอยยิ้มระบายบนใบหน้า เพราะมนตกานต์น่ารักจนเขาอดใจไม่ไหว แต่ต้องอดใช่ไหม... คิดแล้วยิ่งขำตัวเองเสียงเปิดประตูรถ ตามมาด้วยเสียงเขาที่เคลื่อนไหว ก่อนเสียงประตูรถปิดจะดังตามมา นั่นทำให้มนตกานต์หรี่เปลือกตาขึ้นมอง รอยยิ้มน้อยๆ เกิดขึ้นอย่างระงับไม่อยู่ เพราะสิ่งที่จิณณ์ทำกับเธอเมื่อครู่ทั้งหวานและอ่อนโยนที่สุด แต่ก็ต้องรีบฝืนและทำเป็นหลับต่อ เมื่อจิณณ์กำลังเด
ลิ้นร้อนตวัดลงตามรอยแยกที่มองเห็นเป็นสีชมพูสด หอมหวานและเย้ายวนใจจนจิณณ์อดไม่ได้ที่จะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแยกกลีบดอกออกจากกัน และเขาก็ได้เห็นอีกหนึ่งความงดงามที่รอคอย หยาดเยิ้ม และท่วมท้น มนตกานต์พร้อมแล้ว สิ่งสัมผัสที่หยุดลงพร้อมกับกายแกร่งลุกขึ้นนั่งแทรกกลางระหว่างขา ทำให้มนตกานต์เบิกดวงตากว้างมองดูเขา ก่อนจะหลุบมองความยิ่งใหญ่ที่เธอกลัวเหลือเกิน เมื่อสิ่งนั้นคล้ายจะเคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิต ดวงตาสวยหวานจึงต้องเสมองไปอีกทาง ไม่กล้ามองดูสิ่งนั้นได้อีก เพราะเจ้าของความยิ่งใหญ่กำลังทอดสายตามองเธออย่างร้องขอ “อารักลูกเจี๊ยบนะคะ” ทว่าคำพูดจากเขากลับทำให้มนตกานต์ต้องหันมอง นั่นคือการร้องขอ มนตกานต์พยักหน้าน้อยๆ ทั้งกลัวทั้งอายจนทนมองหน้าเขาไม่ไหว แต่ก็ให้ความร่วมมือเต็มที่ เมื่อจิณณ์ขยับท่อนขาเข้ามาใต้สะโพก มนตกานต์ก็หลับตาพริ้ม ปล่อยกาย ปล่อยใจไปกับความยิ่งใหญ่ที่ค่อยๆ สอดแทรกเข้ามา ทว่า... “อาจิ๋ว!” “อืม... อาจะค่อยๆ อารักลูกเจี๊ยบนะคะ” อีกครั้งที่เสียงหวานบอกรักนั้นทำให้มนตกานต์ล่องลอย แม้ความอึดอัดคับแน่นจนอาจเรียกว่าเจ็บนั้นกำลั
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้อาจะไม่ทำแบบนั้น แต่อาจะทำแบบเมื่อคืนกับเมื่อเช้า นะ...” จิณณ์ไม่รอคำตอบเพราะทันทีที่มนตกานต์ช้อนสายตาขึ้นมองเขา ริมฝีปากเร่าร้อนก็ประทับจูบที่ปากสีระเรื่อทันที ความหวานปะปนความเร่าร้อนดูดดื่มชอนชิมไม่หยุด ตวัดต้อน ชอนลึก จนมนตกานต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่เรียวลิ้นร้อนของจิณณ์จะหยอกยั่วให้มนตกานต์คล้อยตาม ลิ้นสากอุ่นชื้นสอนให้ลิ้นน้อยอ่อนไหวแตะไต่ตอบสนอง ตวัดต้อนชอนชิมความดุดันของเขาบ้าง 2 ครั้งแรกนั้นมนตกานต์กล้าๆ กลัวๆ ทำได้ดีบ้าง และสำลักบ้าง แต่ครั้งนี้เธอทำได้ดี ลิ้นน้อยหยอกเย้าดูดดุนความสากชื้น จนมนตกานต์ได้ยินเสียงครางงึมงำในลำคอ ใบหน้าสวยจึงมีรอยยิ้ม ทั้งๆ ที่ลิ้นน้อยทำหน้าที่ต่อสู้ฟาดฟันกับจิณณ์ไม่ลดละ ปากประกบ ลิ้นต่อสู้ และฝ่ามือของเจ้าบ่าวก็ทำหน้าที่ จิณณ์เอื้อมฝ่ามือไปใต้แผ่นหลัง ค่อยๆ รูดซิปชุดเดรสตัวสวยอย่างแผ่วเบา ก่อนจะรั้งให้พ้นร่างงามอย่างง่ายดาย ทั่วทั้งร่างของเจ้าสาวที่เขาสัมผัสได้จากฝ่ามือจึงเหลือเพียงบราเซียร์และแพนตี้เข้าชุด จากนั้นนิ้วเร่าร้อนก็ทำหน้าที่ปลดรังดุมได้ตัวเอง ก่อนที่จิณณ์จะครางด้วยความซ่านเสียว เพร
ส่วนภานุก็รับหน้าที่ปิ้งย่างอาหารทะเลร่วมกับวีนาที่คอยดูความเรียบร้อยโดยรวม แม้จะมีป้าแม่บ้านกับน้องฝึกงานที่ออฟฟิศมาช่วยแล้วก็ตาม บรรยากาศชื่นมื่นมีความสุข ทว่าเจ้าบ่าวก็หงุดหงิดไม่เลิก “เป็นอะไรนักหนาวะจิ๋ว แกทำหน้าแบบนี้ เดี๋ยวใครเขาก็เอาไปพูดว่าพี่ให้ลูกสาวมาจับแกนะโว้ย แล้วนี่หงุดหงิดเรื่องอะไร” “กี่โมงแล้วพี่” จิณณ์ตอบไม่ตรงคำถามแต่กลับถามไก่อูกลับ “แกก็มีนาฬิกา ทำไมไม่ดูเองล่ะ” “ก็ผมอยากให้พี่ดู” ไก่อูงงแต่ก็ยกข้อมือขึ้นดูเวลา “จะสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ทำไม” “พี่อ่ะ ก็สี่ทุ่มครึ่งแล้วน่ะสิ พี่ลืมอะไรไปหรือเปล่า” “ลืมอะไรวะ ไม่มี!” ไก่อูเสียงสูง ยิ่งทำให้จิณณ์หน้าบึ้ง ก่อนว่าที่พ่อตาจะหลุดขำ เพราะ 4 ทุ่ม 59 นาทีเป็นเวลาส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอ นั่นจึงทำให้จิณณ์กระวนกระวาย “เฮ้ยจิ๋ว แกนี่เสียชื่อตัวพ่อสายดาร์กหมดเลยนะโว้ย แกตื่นเต้นเหรอที่จะได้เข้าหอ ไม่ต้องตื่นเต้นนะน้อง มันเรื่องธรรมดา นี่ม้าแกกับพี่นกก็ไปปูที่นอนรอแล้วไง” “จริงเหรอพี่” จิณณ์เกาะแขนไก่อูถามเพื่อความแน่ใจ
มนตกานต์หลบเลี่ยงเมื่อจิณณ์ทำท่าจะโถมเข้ามา ก่อนจะชี้ชวนให้ดูหนุ่มสาวที่กำลังก้าวออกจากออฟฟิศตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์ เพราะณัฐอาสาจะพาขิมไปเย็บแผลที่โรงพยาบาล “พี่ขิมชอบพี่ณัฐค่ะ” “ไม่ได้ชอบ แต่ขิมรักณัฐ รักมาสามปีแล้ว ณัฐมันไม่รู้หรอก มันคิดว่าไอ้ขิมเป็นทอม” “ไม่จริงมั้งคะ ลูกเจี๊ยบว่าพี่ณัฐเขารู้แล้วนะ อาจิ๋วดูสิ” ภาพที่เห็นคือณัฐกำลังใส่หมวกกันน็อคให้ขิมอย่างระมัดระวังที่สุดที่จะไม่ให้โดนแผล และขิมก็อายกับสัมผัสใกล้ชิดจนต้องหลุบสายตา ก่อนจะสะดุ้งเมื่อนิ้วมือของณัฐแฉลบแผลของเธอไป ณัฐตกใจที่ทำขิมเจ็บ ดึงขิมเข้ามากอด ก่อนที่สาวทอมประจำออฟฟิศจะสั่นสะอื้นฮึกฮักอยู่กับอกของณัฐ “สงสัยจะเจ็บแผล” “ผิดค่ะ มีความสุขต่างหาก” “หมดเรื่องแล้ว กลับบ้านเถอะ” “อื้อ... ยังไม่เลิกงานเลยค่ะ” “วันนี้วันทำงานที่ไหนเล่า” “อาจิ๋วจะแกล้งอะไรลูกเจี๊ยบอีกเนี่ย เมื่อเช้าก็ทีนึงแล้วนะ” “ทีนึงอะไร ยังไม่ได้สักที” “อาจิ๋ว!” จิณณ์ยิ้มเข้ามาสวมกอดมนตกานต์ที่หน้าแดงจากคำพูดของเขา พลางชี้ชวนใ
มนตกานต์อมยิ้มน้อยๆ เพราะสาเหตุที่จิณณ์บอกว่าจะเข้างานสาย ไม่ใช่สิ่งที่เธอเข้าใจ แต่เป็นสิ่งนี้ เธอเปิดซองกระดาษหยิบเอกสารด้านในออกมาดู เพราะตอนที่รับมาจากเจ้าหน้าที่ ความตื่นเต้นและเขินอายมีมากจนไม่กล้าจะชื่นชม ดวงตาสวยหวานไล่ไปตามตัวอักษรที่กำกับอยู่บนกระดาษสีนวลมีลวดลายดอกกุหลาบอยู่รอบด้าน ‘ใบสำคัญการสมรส แสดงว่า นายจิณณ์ จิตติกรณรงค์ กับ นางสาวมนตกานต์ ฤทธาอภินันท์ ได้จดทะเบียนสมรส ณ สำนักงานทะเบียน... จังหวัด... เลขทะเบียนที่... เมื่อวันที่ 7 เดือนธันวาคม พ.ศ.2560 นายทะเบียน’ “เราแต่งงานกันแล้วนะ” รอยยิ้มแสนหวานส่งให้คนที่กระชับฝ่ามือ “ขอบคุณนะคะอาจิ๋ว ขอบคุณที่รักลูกเจี๊ยบ ขอบคุณทุกอย่างค่ะ” “อาสิต้องขอบคุณลูกเจี๊ยบ ที่สอนให้อารู้จักความรัก อาไม่สัญญานะว่าจะรักลูกเจี๊ยบมากที่สุดในโลก แต่อาสัญญาว่าจะรักลูกเจี๊ยบทุกวัน สามเวลาหลังอาหาร หัวค่ำ ก่อนนอน และล้างหน้าไก่” “อาจิ๋วอ่ะบ้า!” “บ้าแต่ไม่ห้ามใช่มั้ย” “อาจิ๋ว!” มนตกานต์ฮึดฮัดด้วยความอายก่อนจะเร่งให้จิณณ์รีบออกรถ เพราะที่จิณณ์ว่าสิบโมง แต่น
ร่างงามระหงที่ยืนหันหลังให้เขา อยู่ในชุดเดรสสีเทาอ่อนแขนสั้นตัวยาวกรอมเท้าดูสุภาพอยู่นะ ถ้าด้านหลังจะไม่กว้านลึกจนถึงบั้นเอว ใครจะอยากให้คนอื่นเห็นกันล่ะ “อุ้ย!” มนตกานต์สะดุ้งเมื่อท่อนแขนแกร่งแทรกเข้ามากระชับบั้นเอว พร้อมริมฝีปากแตะเบาๆ ที่ข้างแก้ม แค่นั้นความร้อนก็วูบขึ้นที่ใบหน้าก่อนจะกระจายวาบไปทั่วร่าง เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนเพิ่งผ่านพ้นไปไม่กี่ชั่วโมง “หอมจัง... วันนี้มีอะไรกิน” คนพูดว่าหอมจัง หอมอีกหลายครั้งที่สองแก้ม สลับไปมาซ้ายขวา ดั่งความหอมนั้นไม่ได้มาจากอาหารแต่เป็นสองแก้มนี้ “ข้าวต้มไก่น่ะค่ะ เมื่อวานเราไม่ได้กินข้าวที่บ้าน ข้าวเย็นเลยเหลือเยอะ ลูกเจี๊ยบเลยเอามาทำข้าวต้มมื้อเช้า” “อืม... ข้าวต้มมื้อเช้า อยากกินจังเลย เมื่อคืนกินไม่อิ่ม” “อาจิ๋ว!” มนตกานต์หน้าร้อนซ่าน คำพูดสองแง่สองง่ามนั้น เขาช่างพูดได้ไม่อายปาก “เสียงดังทำไม ก็เมื่อคืนอากินข้าวไม่อิ่มจริงๆ นี่นา ได้กินข้าวต้มร้อนๆ ตอนเช้า เพิ่มพลังงานดีออก อยากกินแล้วล่ะ จะกินให้เกลี้ยงชามเลย” จิณณ์หัวเราะในลำคอเ
“อื้อ... อาจิ๋ว... อื้อ...” ทำได้เพียงส่งเสียงร่ำร้องเรียกหาแต่เขา เพราะความเต้มตื้น อัดอั้น รุมเร้าอยู่ในร่างกาย อย่างไม่มีที่ระบายออก เขากำลังจะฆ่าเธอด้วยปลายลิ้นหรือเปล่า ไม่หรอก... เสียงหนึ่งในหัวร้องบอก เธอรู้ว่าหญิงชายจะไปบรรจบกันตรงจุดไหน นี่เพิ่งเริ่มต้น ‘อา... แค่เริ่มต้น ลูกเจี๊ยบก็จะไม่ไหวแล้วค่ะ’ “อื้อ... อาจิ๋วขา... อื้อ... อาจิ๋ว...” เสียงร่ำร้องปะปนกับเสียงทอดถอนหายใจของมนตกานต์ นั่นคืออาการของคนที่หายใจไม่ทัน มนตกานต์ต้องเรียนรู้ที่จะผ่อนคลาย จิณณ์ละริมฝีปากจากปลายยอดสีหวาน พาตัวเองคร่อมทับร่างงดงาม ประคองใบหน้ามนตกานต์ให้สบสายตากับเขา “ลูกเจี๊ยบขา... ปล่อยกายปล่อยใจให้สบาย อาจิ๋วจะทำให้ลูกเจี๊ยบมีความสุข นะคะ เชื่ออาจิ๋ว...” “ค่ะ... อาจิ๋วขา... อื้อ...” เธอมองหน้าเขา ก่อนจะหลับตาส่ายใบหน้า เพราะริมฝีปากของจิณณ์อยู่ที่นี่ แต่ฝ่ามือกับปลายนิ้วของเขายังเร่งเร้า “ร้องอย่างที่ลูกเจี๊ยบอยากร้อง อาจิ๋วเป็นของลูกเจี๊ยบ” มนตกานต์ยิ้มกับเสียงทุ้มที่กระซิบบอกข้างหู เธอทำตามที่เขาบ
“อื้อ... อาจิ๋ว... อาจิ๋วขา...” มนตกานต์ส่ายสะบัดเรือนผม ดวงตาหลับพริ้มมึนงงกับรสจูบดูดดื่ม สับสนกับสัมผัสเร่าร้อนที่ทวีเพิ่มขึ้นในร่างกายของเธอ เธอเร่าร้อน เรียกร้อง อยากให้จิณณ์สัมผัสเธอให้ทั่ว อยากให้เขาพรมจูบตีตราจองเธอไปทั่วทั้งตัว อยากให้เขาเห็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยเห็น ตอนนี้ เวลานี้ และเดี๋ยวนี้ “อาจิ๋วขา... อื้อ...” “ขา... อืม... หอม... ลูกเจี๊ยบขา... ลูกเจี๊ยบหอม อืม...” ฝ่ามือกระชับความอวบที่อิ่มจนล้นฝ่ามือ ดันเข้าชิดเพื่อฝังหน้าลงไป นั่นทำให้จิณณ์สูดดมความหอมหนักๆ ใคร่อยากหอม อยากสัมผัสใต้ร่มผ้า และนิ้วมือก็ทำงานสอดประสานกับหัวใจ เมื่อเดรสตัวสวยถูกนิ้วเกลี่ยให้ขยับขึ้นสูงจนถึงบั้นเอว จิณณ์ผละร่างออกห่าง รั่งร่างอ่อนระโหยของมนตกานต์ขึ้นนั่ง ดวงตาสวยหวานยังไม่ทันได้คลายความหวั่นไหว เดรสตัวสวยก็ถูกรูดขึ้นผ่านทางศีรษะ พร้อมถูกเหวี่ยงไปอย่างไร้ทิศทาง นั่นจึงทำให้มนตกานต์ได้สติ และเป็นสติที่เธอพร้อมจะสมยอม ทว่าความอายก็ยังมี ต้นขาจึงเบียดเข้าหากันแนบชิด ฝ่ามือยกขึ้นปิดความอวบอิ่มที่สวยงามราวภาพเขียน จิณณ์มองภาพตรงหน้า แทบจ
ทำนบน้ำตาที่อัดอั้นไว้พังทลาย มนตกานต์สะอื้นฮึกฮักกับสิ่งที่ได้ยิน นั่นคือคำสารภาพใช่ไหม เขาเห็น ‘ความรัก’ ของเธอแล้วใช่ไหม เขามองเธอด้วยความรักไม่ใช่เซ็กซ์ใช่หรือไม่ จิณณ์เกลี่ยซับหยาดน้ำตาที่พรั่งพรู แต่มนตกานต์ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมองดูเขา เขารู้... ผู้หญิงชอบความชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยให้เธอคิดไปเพียงฝ่ายเดียว “ลูกเจี๊ยบ ตอนนี้... อารู้จักความรักแล้วนะ ลืมตามองอาจิ๋วสิคะ อาจิ๋วอยากให้ลูกเจี๊ยบเห็นความรักของอาจิ๋ว” นิ้วมือแตะที่ริมฝีปากแดงระเรื่อด้วยกลั้นก้อนสะอื้น ค่อยๆ จดริมฝีปากร้อนรุ่มแต่อ่อนหวานที่สุดของเขาลงไป เขาจูบซับด้วยความรักด้วยหัวใจที่มี บอกเธอด้วยภาษากาย ภาษาใจ ว่าเขามี ‘ความรัก’ มอบให้ และบอกซ้ำอีกครั้งด้วยภาษาพูด เมื่อดวงตาฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาเปิดขึ้นมองเขา “อาจิ๋ว ‘รัก’ ลูกเจี๊ยบ... แต่งงานกับอาจิ๋วนะคะ” มนตกานต์พยักหน้ารับทั้งน้ำตา เมื่อใจพร้อมรับก็ไม่ต้องเล่นตัว เพราะสิ่งนี้ที่เธอต้องการ “อาจิ๋วจะหยุดก็ต่อเมื่อเจอ... ลูกเจี๊ยบ พูดประโยคต่อไปให้อาฟังได้มั้ย อาจิ๋วอยากได้ยินจากปากของลูกเจี๊ยบ” คำบอก