เอาจริงเหรอ?ช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมาฌอนอดอยากหรืออย่างไร? เขาหิวมากจนเขาหยิบชามใบใหญ่ที่สุดในครัวของเธอให้ตัวเองเลยเหรอ?ในที่สุดแคทเธอรีนก็เข้าใจว่าซูซี่ได้นิสัยทานอาหารเก่งมาจากไหน“คุณตั้งใจจะกินอาหารของฉันหมดทุกอย่างเลยหรือไง?”เธอรู้สึกหงุดหงิดเมื่อคิดได้เช่นนั้น ในที่สุดเธอก็มีโอกาสทำอาหารหลังจากกลับมาที่บ้าน แล้วมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเนี่ยนะ?“เธอทำอาหารน้อยไป” เขาพูดก่อนจะตักกุ้งสีสดฉ่ำให้ตัวเอง ผ่านมาตั้งนานแล้วนับตั้งแต่เขาได้ทานอาหารอร่อยปกติฌอนไม่ค่อยรู้สึกหิว เขายังเป็นคนขี้จุกจิกที่แม้แต่เชฟที่มีชื่อก็ทำให้พอใจไม่ได้ ทว่าอาหารที่แคทเธอรีนทำทานเองที่บ้านกลับอร่อยจนน่าประหลาดใจมันฝรั่งหั่นบาง ๆ ที่มีรสเปรี้ยวเล็กน้อยก็ทำให้เจริญอาหารได้เหมือนกันไม่ต้องพูดถึงไส้กรอกที่เกรียมตรงขอบเล็กน้อย เขาสงสัยว่าเธอซื้อวัตถุดิบมาจากที่ไหนในเวลาเพียงไม่นาน เขาก็ทานอาหารในชามของเขาจนหมด… เช่นเดียวกับจานอื่น ๆ ที่อยู่บนโต๊ะแคทเธอรีนรู้สึกหงุดหงิด “คุณเหลือไว้ให้ฉันบ้างไม่ได้เหรอ? ฉันเพิ่งเริ่มทานเองนะ”“ฉันบอกเธอแล้วว่าให้ทำเยอะ ๆ เธอไม่ฟังฉันเอง” หลังจากตักมันฝรั่งคำสุดท้ายเ
ปัง! ประตูถูกเตะให้เปิดออกทันที เลียมที่กำลังนั่งทำงานอยู่ตรงโต๊ะทำงานเงยหน้าขึ้นมอง ใช้เวลาเพียงไม่นานเขาก็สงบสติอารมณ์ได้เมื่อเห็นความอึมครึมที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของฌอน“ประธานฮิลล์ มีเรื่อง...”ฌอนต่อยหน้าเขาก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบประโยคเลียมไม่ทันได้ตั้งตัว มุมปากของเขาเริ่มมีเลือดไหลซึมออกมาเลขาที่อยู่ข้างประตู รีบแอบโทรหารองประธาน“ฌอน พี่อย่าคิดว่าผมจะกลัวพี่เพียงเพราะพี่มีอำนาจควบคุมฮิลล์ คอร์ปอเรชั่น ผมก็เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเหมือนกัน” เลียมตัวสั่นเพราะความโกรธ“แกคิดไหมว่าทำไมฉันถึงต่อยแก?” ฌอนกระชากคอเสื้อของผู้ชายอีกคนอย่างแรง “แกหลอกฉันด้วยการโกหกเรื่องการตายของแคทเธอรีนเมื่อสามปีก่อน เลียม หมู่นี้ฉันใจดีกับแกเกินไปหรือเปล่า? คราวนั้นฉันก็ให้อภัยแกที่แกหลอกฉัน แต่ตอนนี้แกก็ทำมันอีกแล้ว”เลียมกระตุกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา “พี่ยังมีหน้ามาพูดแบบนั้นได้อีก เมื่อสามปีก่อนพี่คงฆ่าคนไปแล้วถ้าผมไม่เข้าไปยุ่ง”“ฉันกำลังรักษาเธอ แต่แกกลับช่วยเธอให้แกล้งตาย ทำไม? คราวนี้แกวางแผนจะทำอะไรอีก? เลียม แกชอบเธอหรือไง?”ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อเขาคิดว่าน้องชายต่างพ่อมีความรู
“ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ไม่ต้องเป็นห่วง “เขาจะไม่สร้างปัญหาให้ผมอีก” เลียมฝืนยิ้มออกมา “คุณแม่ไปเถอะครับ”หลังจากที่ลีอาออกไป เขาจึงก้มหน้าลงมองพื้นและแทบจะหักปากกาที่อยู่ในมือเขาคิดถึงสีหน้ามั่นใจและอวดดีของฌอนตอนที่บุกเข้ามาต่อยเขาวันนี้ ความจริงแล้ว เขารู้สึกรำคาญจริง ๆ ที่ฌอนได้เปรียบเหนือเขาทุกครั้งไป ช่วงเวลาเลิกงาน จู่ ๆ ชาร์ลีก็โทรมาหาเขา “เลียม ฉันได้ยินมาว่านายโดนต่อย”“นายไปได้ยินจากใครมาล่ะ?” เลียมหรี่ดวงตาลงคนที่ปลายสายถอนหายใจ “ไม่ใช่แค่ฉันหรอก ผู้คนจำนวนมากในวงสังคมผู้มีอิทธิพลของแคนเบอร์ราต่างก็ได้ยินว่าฌอนบุกเข้ามาต่อยนายในห้องทำงาน ที่นี่ไม่มีอะไรเป็นความลับหรอก”เลียมกำโทรศัพท์แน่น ในแคนเบอร์ราทุกคนต่างมองคุณชายฮิลล์คนรองเป็นเรื่องตลก“นี่ อย่างน้อยที่สุด นายก็เป็นคุณชายฮิลล์คนรองของฮิลล์ คอร์ปอเรชั่น เขาทำล้ำเส้นเมื่อเขาต่อยนาย ทำไมเขาถึงคุยกับนายดี ๆ ไม่ได้? เขาไม่ให้เกียรตินายเลย”“...”“เลียม นายตั้งใจจะอยู่รองมือรองเท้าเขาไปตลอดชีวิตของนายเลยหรือไง? ความจริงแล้ว… นายจะเป็นคนต่อไปของตระกูลฮิลล์ถ้าฌอนล้มเหลว”“จริง ๆ แล้วนายพยายามจะสื่ออะไร?” เลียมถาม
จากนั้นซาร่าก็จะเป็นคนโกหกฌอนเรื่องอาการซึมเศร้าของแคทเธอรีน ขณะเดียวกันเธอก็เป็นคนเกลี้ยกล่อมให้เขาส่งผู้หญิงคนนั้นไปที่โรงพยาบาลจิตเวชถ้าแคทเธอรีนไม่ ‘เสียชีวิต’ ไปเมื่อสามปีก่อน เขาคงจะส่งเธอกลับไปที่โรงพยาบาลจิตเวชและนั่นจะเป็นการทำให้เธอกลายเป็นบ้าไปจริง ๆเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาสั่นไปทั้งร่าง“เป็นอะไรไปคะ? ทำไมคุณมองฉันแบบนั้น?” ซาร่ารู้สึกไม่สบายใจกับสายตาที่จ้องมองมาของเขา“ซาร่า เมื่อสามปีก่อน แคทเธอรีนเป็นโรคซึมศร้าจริง ๆ เหรอ?” จู่ ๆ เขาก็มองเธอด้วยสายตาจริงจังผู้หญิงคนนั้นรู้สึกหงุดหงิดทว่าเธอยังคงนิ่งอยู่ “คุณไม่เชื่อฉันเหรอคะ?”ฌอนหลุบสายตาลงมองพื้น “ไม่ใช่อย่างนั้น ผมแค่… ผมแค่คิดว่าเธอดูปกติดี ไม่เหมือนคนที่เคยป่วยมาก่อน ความจริงแล้วผมจำไม่ได้เลยว่าเคยไปดูเธอหลังจากที่ส่งเธอไปโรงพยาบาลจิตเวชแล้ว”ริมฝีปากของเธอขยับ “จริง ๆ แล้ว ตอนที่เธอไปที่โรงพยาบาลเมื่อสามปีก่อน ฉันคิดจะตรวจดูอาการของเธอให้ละเอียด แต่ฉันไม่กล้าเข้าใกล้เธอหลังจากที่เธอสาดน้ำร้อนใส่ฉัน ฉันบอกคุณชัดเจนไม่ได้ว่าเธอเป็นโรคซึมเศร้าจริง ๆ ไหม แต่เธอมีอาการถูกต้อง ฉันมั่นใจว่าเจ้
“ฉันไม่รู้ว่าคุณทำแบบนี้เพื่อฉัน ขอโทษนะคะ”ซาร่ารู้สึกซาบซึ้งทว่าก็ผิดหวังในความเป็นจริงแล้ว เธอรู้สึกโกรธเธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าการตัดสินใจของเธอเมื่อสามปีก่อน ที่บีบบังคับให้แคทเธอรีนบอกต่อหน้าสาธารณชนว่าเธอหย่ากับฌอนแล้ว สุดท้ายจะย้อนกลับมาแว้งกัดเธอเอง“แล้ว… เธอจะใช้เรื่องนี้มาขู่คุณอีกหรือเปล่าคะ? งั้นเธอจะหย่ากับคุณจริง ๆ หรือเปล่า?” จู่ ๆ น้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้มเธอ “เรารู้จักกันมามากกว่า 20 ปี และเราก็อยู่ด้วยกันมามากกว่าสิบปี เมื่อไรฉันจะได้… แต่งงานกับคุณสักทีล่ะคะ?”“ผมจะพยายามหย่ากับเธอให้ได้” ฌอนส่งกระดาษทิชชู่ให้เธอด้วยความรู้สึกผิด “ผมวางแผนเอาไว้แล้ว คุณไม่ต้องคิดมาก”“ตกลงค่ะ อ๋อ ใช่ วันนี้เป็นที่โรงพยาบาล… เป็นยังไงบ้างคะ?” เธอถามขึ้นมาเบา ๆยาเอลรู้ว่าต้องปลีกตัวออกมาใบหน้าหล่อเหลาของเขาหม่นลงในไม่กี่วินาทีเมื่อเขาก้มหน้าลง “ผมทานยาอยู่”“ดีแล้วค่ะ” ความรู้สึกดีใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซาร่าเขาทานอาหารต่ออีกไม่กี่คำก่อนจะขึ้นไปข้างบนเธอกัดฟันแน่นเมื่อมองสเต็กชิ้นใหญ่ที่เหลืออยู่...วันต่อมาที่ฮัดสัน คอร์ปอเรชั่นแคทเธอรีนเดินผ่านทางเข้าหลักเข้ามาในชุด
แคทเธอรีนชำเลืองมองคนที่แสดงความคิดเห็นแบบนั้นด้วยสายตาอันคมกริบ ที่ตลกมากกว่านั้นก็คือ เธอเป็นผู้ถือหุ้นหญิงที่ชื่อวูฟ“ผู้อำนวยการวูฟ คุณนี่เห่าสมชื่อคุณจริง ๆ เลยนะคะ” เธอพูดประชดประชันผู้อำนวยการวูฟรู้สึกโกรธเมื่อเธอเข้าใจการตีความนั้น “ประธานโจนส์ คุณหมายความว่ายังไง? ฉันพูดผิดเหรอที่ผู้ชายรักผู้หญิงที่สวยอ่อนโยน”“ฉันหายไปแค่สามปี แต่ทุกคนคิดว่าตอนนี้พวกเขาจะหยาบคายกับฉันแค่ไหนก็ได้ใช่ไหม? อย่าลืมว่าใครเป็นคนสั่งให้พวกคุณมาประชุมคณะกรรมการบริหารที่นี่” แคทเธอรีนกล่าวเตือนผู้คนที่อยู่เต็มห้องนั่นคือฌอนทุกคนต่างเงียบไป“ซาร่า ฉันขอแนะนำให้เธอออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะให้ฮาร์วีย์ลากเธอออกไป” เธอเตือนอย่างเย็นชา “นอกจากนั้น ฌอนยังไม่ได้บอกเธอเหรอ? หรือฉันควรจะเตือนเธออีกครั้งถึงสถานะของฉัน?”ใบหน้าสวยงามของซาร่าซีดลงทันทีเธอรู้ว่าพวกเขาสองคนยังไม่หย่ากัน ดังนั้นเธอจึงกลายเป็นมือที่สามไปโดนปริยายถ้าแคทธอรีนบอกความจริงกับทุกคน“ได้ ฉันจะออกไป”เธอลุกขึ้นยืนขณะที่ดูโศกเศร้าแคทเธอรีนไม่สนใจสายตาของพวกคณะกรรมการบริหารที่จ้องมองมายังเธอด้วยความเกลียดชัง “โอ้ ใช่แล้ว ใ
ความเงียบสงัดปกคลุมภายในห้องประชุม จากน้ำเสียงของฌอน ฟังดูเหมือนเขาจะให้ความเกรงใจกับแคทเธอรีนเป็นพิเศษ เป็นเพราะเธอเป็นภรรยาเก่าของเขาอย่างนั้นเหรอ?นอกจากนี้ วิธีที่เธอพูดกับเขาดูเหมือนยังคงมีอะไรบางอย่างระหว่างพวกเขาภายในเวลาไม่กี่นาที พวกผู้ถือหุ้นก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดและเสียใจที่ช่วยปกป้องซาร่าโอ๊ย ไม่นะ คงแย่มากถ้าพวกเขาถูกพาไปหาฌอนเพื่อ ‘คุย’ผู้อำนวยการเออร์ไวน์ไอแห้ง ๆ ออกมา “อืม… เราเคารพการตัดสินใจของประธานฮิลล์”“ใช่แล้ว พวกเราเห็นด้วยกับทุกอย่างที่ประธานฮิลล์พูด” คนอื่น ๆ ตอบกลับพลางพยักหน้ารับทันทีซาร่าเปลี่ยนเป็นหน้าซีดทันที เธออุตส่าห์รออยู่หน้าประตูเพื่อดูแคทเธอรีนถูกทำให้ขายหน้า ทว่าตอนนี้ดูเหมือนเธอจะเป็นคนที่รู้สึกขายหน้าแทน“ทำไมเธอถึงยังอยู่ที่นี่อีก?” จู่ ๆ แคทเธอรีนก็หันกลับมาโบกโทรศัพท์ให้ผู้หญิงคนนั้น “เธอไม่ได้ยินที่ฌอนพูดเหรอ? รีบไปเก็บของของเธอซะ ฉันไม่อยากเห็นเธอในบริษัทของฉันจริง ๆ”“...”ซาร่าโกรธแค้นมาก ดวงตาของเธอคลอหน่วยไปด้วยน้ำตา ทว่าเธอก้มหน้าลงแล้วเดินออกไปทันทีพวกผู้ถือหุ้นทำอะไรไม่ถูก ทั้งหมดเป็นความผิดของประธานฮิลล์ที่เอาภรรยาเก่า
แคทเธอรีนปิดแล็ปท็อป พร้อมที่จะกลับบ้านสามปีผ่านไปนับตั้งแต่เธอออกจากบริษัทไป ทว่าเธอใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้นเพื่อเรียนรู้งานทุกอย่างเธอกำลังปลดล็อคประตูตรงหน้าบ้านเธอเมื่อจู่ ๆ ก็มีเงาดำมาปกคลุมเธอเอาไว้โดยสัญชาตญาณ เธอยกขาขึ้นแล้วเตะไปที่ด้านหลังมือใหญ่จับเธอเอาไว้ทันที ใบหน้าหล่อเหลาที่เย็นชาราวกับน้ำแข็งของฌอนปรากฏขึ้น “เธอคิดจะเตะฉันตรงไหน?”เธอกะพริบตาดวงตาคู่สวยโต้กลับอย่างไร้เดียงสา ก่อนจะเลื่อนสายตามองตรงเป้าของเขา “เดาดูไหม?”“ฉันกำลังคิดว่าเธอรนหาที่ตาย”เขาเกือบตายโดยไม่มีลูกหลานสืบตระกูลหลังจากข่มความโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในกายของเขาได้ เขาจึงดึงขาของเธอที่เขาจับเอาไว้อยู่แคทเธอรีนที่ยืนอยู่ด้วยขาข้างเดียวสูญเสียการทรงตัวจึงรีบคว้าเนคไทของเขาเอาไว้เพื่อเป็นหลักยึดเขาถูกจับโดยไม่ทันตั้งตัวจึงล้มไปข้างหน้าเหมือนกันเธอล้มหงายหลังลงบนพรมที่อยู่บนพื้น ริมฝีปากของเขาแตะลงบนริมฝีปากของเธอด้วยความบังเอิญเมื่อเขาล้มตามลงมาริมฝีปากของหญิงสาวอ่อนนุ่มราวกับเยลลี่ ลิปสติกรสส้มที่เธอทาชวนให้ลิ้มลองไม่น้อย ทำให้เขาอยากกัดริมฝีปากนั้นโดยไม่รู้ตัวในเวลาเดียว
ขณะฌอนอุ้มซูซี่ขึ้นรถ จู่ ๆ คนขับก็ถามขึ้นว่า “นี่ลูกของคุณหรือเปล่าครับ?”“... อืม” ฌอนตอบไปทั้งอย่างนั้นเนื่องจากเลียมหายตัวไป เขาจึงจะปฏิบัติต่อซูซี่เหมือนลูกสาวแท้ ๆ ของเขาต่อไปในอนาคต"คุณทั้งคู่ดูเหมือนกันมากเลยนะครับ" คนขับยิ้ม"ใช่ครับ เธอดูเหมือนผม" ฌอนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายผสมปนเป “คุณเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อเร็ว ๆ นี้ใช่ไหม? ผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลยครับ”"ใช่ครับ" คนขับหันกลับไปขึ้นรถหลังจากที่รถทั้งสองคันขับผ่านกันไป ฌอนก็เหลือบมองไปยังทิศทางที่รถคันนั้นกําลังมุ่งหน้าไปคฤหาสน์ที่ด้านบนนั้นเคยเป็นคฤหาสน์ของตระกูลฮิลล์ชายผู้นั้นใช่คนที่ซื้อคฤหาสน์ไปหรือเปล่านะ?แต่เขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะรวบรวมความคิดที่เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์ เนื่องจากเขาเพิ่งรู้ว่าแคทเธอรีนกําลังจะไปอยู่ด้วยกันกับเวสลีย์เขามั่นใจว่าเวสลีย์คงนอนกับแคทเธอรีนแล้วหัวใจของเขาอัดแน่นเมื่อนึกถึงแคทเธอรีนนอนอยู่ใต้ร่างของเวสลีย์จุดนี้ไม่สำคัญอะไรหรอก สิ่งที่ฌอนกังวลมากกว่าคือความเป็นไปได้ที่แคทเธอรีนจะตั้งครรภ์ลูกของเวสลีย์ เวสลีย์ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน ฌอนไม่รังเกียจที่แยกทางกับแคทเธอรีนหรอก
“เวสลีย์ ลียงส์ นายก็หยาบคายกับฉันมาตลอดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? น่าเสียดายที่นายซ่อนมันดีเกินไป ไว้มาดูกันตอนที่หน้ากากของนายหลุดเถอะ”ทันทีที่ฌอนพูดจบเขาก็เหลือบมองแคทเธอรีน เมื่อได้เห็นสีหน้าเรียบเฉยของเธอ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดอยู่ลึก ๆ ข้างในซูซี่เลื่อนหน้าต่างด้านหลังลงและยื่นศีรษะเธอออกมา จากนั้นเธอก็ถามด้วยน้ำเสียงเร่งเร้าว่า “ลุงฌอนคะ ลุงจะพูดไปอีกนานแค่ไหนคะ?”"ลุงกําลังจะไปเดี๋ยวนี้จ้ะ" ฌอนก้าวขึ้นรถเมื่อเขาขับรถออกไป เขาเห็นเวสลีย์ก้มศีรษะลงจูบปากกับแคทเธอรีนผ่านกระจกมองหลังเขาจับพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดที่หลังมือปูดโปนออกมา ขณะเดียวกันเขาก็กดคันเร่งลงไปอย่างดุเดือดรุนแรงยิ่งขึ้นด้วยความโกรธซูซี่เริ่มหวีดร้องด้วยความตกใจ “ลุงฌอน ลุงขับรถเร็วเกินไปแล้ว! หนูกลัวนะคะ"ฌอนกลับมามีสติสัมปชัญญะทันที เขาลดความเร็วลงอย่างว่องไวและยอมรับความผิด "โทษทีนะจ๊ะ"“ลุงฌอน ลุงยังไม่บรรลุนิติภาวะเหรอเนี่ย ไม่น่าแปลกใจเลยที่ภรรยาของลุงทิ้งลุงไป” ซูซี่อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเขาด้วยมือเธอที่ท้าวสะเอวอยู่“... หนูพูดถูก" ฌอนหลบตาลงอย่างเศร้าซึมซูซี่ถอนหายใจกับพฤติกรรมของเขา เธอรู้ว่าแม่ของเ
แคทเธอรีนไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอื่นใดเลย ทว่าฌอนรู้สึกอารมณ์ปั่นป่วนกระวนกระวายช่วงสองสามวันมานี้ เขาพบว่าตัวเองอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่าจะพบเธอดีหรือไม่ เขาลังเลที่จะพบเธอ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็คิดถึงเธอสุดหัวใจ“แคธี่ผมขอโทษ ผมไม่รู้จริง ๆ นะ...” ฌอนเริ่มอธิบายเหมือนเด็กหลงทาง “ผมไม่ได้ตั้งใจจะทําตัวแบบนั้น ผมคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องไร้สาระเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับผมด้วย การสะกดจิตของซาร่านั้นแรงกล้ามากจนเขียนทับความทรงจําของผมไปจนหมดและทําให้ผมเกลียดคุณมากเหลือเกิน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมผมถึงไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่ามัน...” .“แล้วคุณมาขอให้ฉันยกโทษให้คุณเหรอ?” จู่ ๆ แคทเธอรีนก็หันหน้ากลับมาทันที ดวงตาเงียบสงบของเธอจับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขา“ผม...” ฌอนกระอักกระอ่วนใจจนไม่รู้จะพูดยังไง ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความทุกข์ระทม “แคธี่ผมรักคุณความรักของผมที่มีต่อคุณไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยนะ...”"ฮะ!"ในที่สุดแคทเธอรีนก็หัวเราะ “ฌอนถึงคุณจะไม่ได้ถูกซาร่าสะกดจิตแต่ป่านนี้เราอาจจะหย่ากันไปแล้วก็ได้นะ”ฌอนอึ้งไปเลย "คงไม่เป็นแบบนั้นหรอก"“ตลกดีที่ฉันเป็นคนเดียวที่จําความสัมพันธ์นั้นของเรา
แคทเธอรีนวางสายเมื่อเธอมาถึงวิลล่าของครอบครัวยูลเป็นเวลาสองทุ่มแล้ว เวสลีย์กําลังเล่านิทานให้เด็กทั้งสองฟังด้วยท่าทางอ่อนโยนและเสียงทุ้มเบา ๆ เขามองดูเหมือนคุณพ่อใจดีเมื่อเห็นภาพอย่างนี้ ความรู้สึกผิดก็พุ่งปะทะเข้ามาในจิตใจของแคทเธอรีน เธอนี่นะสงสัยเขาได้ลงคอนั่นมันมากไปแล้วจริง ๆหลังจากที่เวสลีย์เล่านิทานจบเขาถึงสังเกตเห็นเธอ "คุณกลับมาแล้ว"โจเอลจ้องแคทเธอรีนเขม็ง “ลูกเป็นแม่ของซูซี่และลูคัสนะแต่ลูกกลับบ้านดึกตลอด แม้แต่เวสลีย์ก็ยังทําหน้าที่เป็นพ่อแม่ได้ดีกว่าลูกอีก”“ลูกจะไตร่ตรองตัวเองและจะไม่ทําอีกค่ะ” แคทเธอรีนขอโทษอย่างจริงใจ“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณทุ่มเททํางานไปเถอะครับผมจะช่วยคุณดูแลลูก ๆ คุณที่บ้านเอง” เวสลีย์กล่าวด้วยรอยยิ้มมองเขาแล้วแคทเธอรีนจึงตัดสินใจบางอย่างอยู่ลึก ๆ ในใจ…ในตอนกลางคืนแคทเธอรีนอยู่เป็นเพื่อนซูซี่และลูคัสจนพวกเขาหลับ จู่ ๆ ซูซี่ก็พูดว่า “แม่ขา คุณย่าโทรหาหนูวันนี้และบอกว่าย่าคิดถึงหนู ปู่ทวดและย่าทวดก็คิดถึงหนูด้วยเช่นกันค่ะ หนูรู้สึกอยากเอ่อ ... อยู่ที่นั่นสักพักค่ะ”"การไปอยู่ที่นั่นดีอะไรนักหนา?" ลูคัสถามอย่างไม่พอใจซูซี่ทําหน้ามุ่ยโดย
"ไม่จําเป็น" เฟรยาส่ายหัว “ฉันไม่ต้องการให้คุณมารับผิดชอบฉันหรอก แต่เนื่องจากตระกูลสโนว์บังคับให้ฉันให้กําเนิดเด็กคนนี้และถึงกับข่มขู่ฉันด้วยเด็กคนนี้ดังนั้นฉันจะให้กําเนิดเขาแต่ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณหรอกนะ”ร็อดนีย์ไม่เคยคิดเลยว่าเธอเลือกจะให้กําเนิดลูกทั้งที่ยังไม่แต่งงานมากกว่าที่จะแต่งงานกับเขาซะอีกเขาควรจะดีใจสิ ทว่าเขาก็อารมณ์เสียซะอย่างนั้น“เฟรยา ลินช์ คุณไม่ชอบผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”“...”“ฉันไม่เคยชอบคุณเลยน่ะสิ”เฟรยาเก็บอาการดูถูกเขาไว้ข้างในใจก่อนที่เธอจะเอ่ยอย่างจริงจังว่า “เมื่อสามปีก่อนฉันเคยมีความสัมพันธ์ฉันตกหลุมรักชายคนหนึ่งที่วิทยาลัยและเราอยู่ด้วยกันมาสี่ถึงห้าปี เรายังได้พบกับพ่อแม่ของแต่ละฝ่ายและพร้อมที่จะมีงานแต่งงานของเรา แต่แล้ววันหนึ่งเขาปล่อยให้ครอบครัวของฉันกับฉันต้องรอเก้อเพื่อหวานใจในวัยเด็กของเขา เขาไม่ได้ทําแค่ครั้งเดียวแต่เป็นครั้งแล้วครั้งเล่า เขามักจะยกให้เพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาอยู่เหนือสิ่งอื่นใดเสมอ“เมื่อใดก็ตามที่เราไปออกเดทกัน เขาก็จะพาเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาไปด้วย“เมื่อเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาป่วยเขาก็จะดูแลเธอ“เขาอ้างว่าเขาปฏิบ
“ฉันไม่สน เนื่องจากคุณโยนผักดองของฉันทิ้งไปแล้ว คุณต้องทําอาหารให้ฉัน ฉันหิวนะ"ร็อดนีย์เหลือบมองท้องของเฟรยา ตอนแรกเขาไม่อยากทําอาหารให้เธอหรอก ทว่าเขากังวลว่าเฟรยาจะนําลูกอ๊อดน้อยในตัวเธอออกไปกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ในที่สุดเขาก็ยอมจํานนต่อโชคชะตาของเขาและตัดสินใจทําอาหารให้เธอแต่เมื่อเขาเปิดตู้เย็นของเธอดู เขาก็ไม่พบส่วนประกอบเครื่องปรุงใด ๆ นอกจากเส้นพาสต้าเขาถอนหายใจออกมา “เฟรยา ลินช์ คุณเป็นผู้หญิงนะ คุณทําตัวเป็นแม่บ้านให้มากกว่านี้ไม่ได้เหรอ? คุณไม่มีไข่ที่บ้านด้วยซ้ำ ไม่มีใครอยากอยู่กับคุณหรอก” “ฉันกินในที่ทำงานทุกวัน ฉันทํางานให้คุณยังกับหมานะ แล้วคุณยังมาคาดหวังให้ฉันกลับมาเข้าครัวทําอาหารหลังจากที่ฉันเพิ่งทํางานล่วงเวลาเสร็จอีกเหรอ? ฉันมีเวลาว่างมากนักเหรอไง?”เฟรยาวิจารณ์เขาอย่างเผ็ดร้อน “อย่ามองฉันแบบนั้นสิ ซาร่าก็ไม่ดีไปกว่าฉันหรอก เธอยังจ้างแม่บ้านมาคนหนึ่งไม่ใช่เหรอไง?” “คุณนี่พล่ามไปใหญ่ บางครั้งเธอก็ทําอาหารด้วยตัวเองแหละน่า”“ฮ่า! คุณหมายถึงสัปดาห์ละครั้งเหรอ? ฉันก็ทําแบบนั้นแหละ”“...”ร็อดนีย์เงียบไปเลยเมื่อเอ่ยเรื่องนั้นขึ้นมาเห็นได้ชัดว่าเขาโน้
เฟรยาขมวดคิ้วย่น ก่อนหน้านี้เธอไม่ชอบกินผักดองและสงสัยว่าทําไมผู้คนมากมายถึงได้ชอบกินอาหารหมักดองอย่างนี้กันนัก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้ตัวว่าติดหนึบมันเข้าแล้วในเดือนนี้ด้วยเหตุนี้เธอถึงได้รู้ว่าเพราะการตั้งครรภ์ของเธอนั่นเองเป็นเหตุ“เข้าใจผิดแล้ว ฉันเพิ่งจะเริ่มชอบผักดองเพราะว่าฉันตั้งครรภ์ เป็นทารกเองที่ต้องการหม่ำของพวกนั้น” เธอตอบด้วยท่าทางว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก“ลูกของผมไม่ชอบกินอาหารหมักดองแบบนี้หรอก” ร็อดนีย์คว้าขวดโหลออกไปและเทผักดองทั้งหมดลงไปในถังขยะโดยไม่ลังเลเฟรยาระเบิดลงทันที “ร็อดนีย์ สโนว์ คุณรู้ไหมว่าผักดองขวดหนึ่งมันแพงขนาดไหน? มันมีราคากว่าสิบดอลลาร์เชียวนะ”“...”ร็อดนีย์อึ้งจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด “นั่นแพงเรอะ ฮึ? คุณกําลังพักอยู่ในอพาร์ตเมนต์แบบดูเพล็กซ์มูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์และได้รับค่าจ้างเดือนละหลายแสนดอลลาร์ คุณยังมีเงิน 100 ล้านดอลลาร์ในบัตรที่โอเชอร์ คอร์ปอเรชั่นมอบให้คุณไปเมื่อวันก่อนด้วย คุณกล้าพูดว่าผักดองมีราคาแพงได้ยังไงกัน?!”“มันก็แพงอยู่ดี ผักดองในถุงเล็ก ๆ ที่ฉันได้มาบ่อย ๆ ราคาเพียงแค่ห้าดอลลาร์เอง”"หุบปากเลย"ร็อดนีย์เบื่อหน่ายกับเธอ
เชสเตอร์ตะคอก “ก็ได้ นายแค่ลําเอียงเข้าข้างซาร่า แต่ขอฉันเตือนนายหน่อยนะว่าหากนายออกจากตระกูลสโนว์ไปแล้ว รับรองว่ายัยซาร่าจะทิ้งนายไปในไม่ช้าก็เร็ว”"นายนี่ตอแหลว่ะ"ร็อดนีย์อดไม่ได้ที่จะโวยวายใส่เขา “เชสเตอร์ จิวเวลนายก็เหมือนกับฌอน! ทําไมพวกนายถึงเป็นแบบนี้กันไปได้? พวกเราทั้งห้าคนโตมาด้วยกัน แต่พวกนายก็ยังมาเลือกปฏิบัติต่อซาร่าอีก”“ใช่ คนทั้งโลกกําลังเลือกปฏิบัติต่อซาร่าและนายเป็นเพียงคนเดียวที่ปกป้องเธอ นายเป็นคนฉลาดหัวใสและคนอื่นมีบางอย่างผิดปกติ งั้นเอาเลยไปสู้โลกเพื่อประโยชน์ของเธอรวมทั้งฆ่าลูกของนายเองด้วย”เชสเตอร์เริ่มรําคาญ “ฉันกําลังจะทําการผ่าตัดตอนนี้ ฉันไม่ว่างที่จะคุยกับนายละนะ”ทันทีที่เขาจบการสนทนา เขาก็เดินดุ่มออกไปด้วยสีหน้าสงบนิ่งอันที่จริงการพูดคุยกับร็อดนีย์ทําให้เลือดของเขาเดือดดาลเชสเตอร์เริ่มรู้สึกเห็นอกเห็นใจเฟรยาขึ้นมาเล็กน้อยจากนั้นร็อดนีย์ก็เดินออกจากสำนักงานแพทย์เขาเดินลงบันไดมาอย่างร่างไร้วิญญาณเมื่อเขาเซล้มลงไปโดยบังเอิญที่หน่วยกุมารเวชศาสตร์คุณพ่อคนหนึ่งในวัย 30 ปีที่กําลังกอดทารกน้อยน่ารักเดินผ่านเขาไปพอดี ทารกขวบเดียวคนนั้นมีดวงตาโ
พ่อ...คํานี้ทําให้ร็อดนีย์อึ้งไปครู่หนึ่งทันทีเวนดี้พูดอย่างตั้งใจว่า “ใช่ ลูกอาจมีส่วนแค่สเปิร์มตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้เด็กคนนี้มีความยาวประมาณหนึ่งเซนติเมตรแล้วนะ ลูกอาจเคยคิดที่จะทําให้เธอแท้งเด็ก แต่ลูกเคยคิดบ้างไหมว่าการทําแท้งจะสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของผู้หญิงคนหนึ่งได้มากขนาดไหน?“มันง่ายมากเลยที่ลูกจะพูดแบบนั้นเพราะว่าลูกไม่ใช่คนที่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด ร่างกายของผู้หญิงจะได้รับความเสียหายหลังจากผ่านการทําแท้ง ผู้หญิงบางคนถึงกับประสบกับภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ นานาหรือมีอุปสรรคปัญหาในการตั้งครรภ์อีกครั้ง“นอกจากนี้ลูกคิดว่าถ้าแฟนหรือสามีในอนาคตของเธอรู้ว่าเธอเคยทำแท้งลูกของชายอื่นมาก่อน พวกเขาจะมองเธอยังไง? ลูกลองมองในมุมของเธอบ้าง ถ้าลูกรู้ว่าภรรยาในอนาคตของลูกเคยตั้งท้องลูกของชายอื่นมา ลูกจะผิดหวังไหม?”ร็อดนีย์ยังคงเงียบขณะฟังถ้อยคําเหล่านั้นเขาไม่ได้ใจร้ายโดยสันดาน หลังจากที่เวนดี้ชี้แนะเขาอย่างละเอียด ความสับสนเจ็บแปลบและความรู้สึกผิดก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในจิตใจของเขาในตอนนั้นเขาเคยคิดที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนก็ได้เพื่อตอบสนองความปรารถนาของพ่อแม่ถ้าหาก