“ฉันก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน โดยปกติ เธอดูสง่างาม ใจดี และอ่อนโยนจนทำให้ฉันปฏิบัติต่อเธอเหมือนกับเธอเป็นนางฟ้า”“นี่ เบา ๆ หน่อย เธอเป็นประธานของพวกเรานะ เธอจะไล่เราออกถ้าเธอได้ยินเรื่องนี้”“...”ใบหน้าของซาร่ากลับกลายเป็นน่ากลัวนับตั้งแต่เธอเปิดเผยให้ทุกคนรู้กันถ้วนหน้าว่าเธอเป็นแฟนของฌอน ทุกคนต่างประจบประแจงเธอและปฏิบัติต่อเธอราวกับนางฟ้า เธอไม่เคยประสบพบเจอกับความอับอายขายหน้าเช่นนี้มาก่อน“แคทเธอรีน ฉันจะฟ้องเธอที่เธอกล่าวหาฉัน ถ้าเธอยังขืนแสดงความคิดเห็นอะไรออกมาอีก”“เอาที่สบายใจเลยจ้ะ ที่ฉันมาที่นี่วันนี้เพื่อมาดูบริษัทของฉัน ฉันจะเปิดวาระการประชุมใหญ่ขึ้นในวันพรุ่งนี้ ฉันจะรวบรวมผู้ถือหุ้นทั้งหมดของบริษัทนี้และแจ้งเรื่องนี้ให้พวกเขาทุกคนทราบ”แคทเธอรีนชี้นิ้วไปที่ซาร่า เธอทาเล็บสีแดง “ส่วนเธอ จะเป็นคนแรกที่ฉันไล่ออก”ซาร่าทำท่าราวกับได้ยินเรื่องตลก เธอก้มตัวหัวเราะออกมาด้วยน้ำตาที่เกือบจะไหลออกมาจากดวงตาของเธอ “แคทเธอรีน นี่เธอเข้าใจว่าเธอยังมีตำแหน่งสำคัญอยู่ที่นี่อีกเหรอ? ตอนนี้ฮัดสันต่างจากที่เป็นเมื่อสามปีก่อนแล้วนะ ก็ได้ เอาเลย ไปแจ้งพวกเขาเลย แล้วมาด
“ตกลงค่ะ ฉันจะพาเธอไป เอ่อ ฉันโทรหาคุณชายโดยที่คุณนีสันไม่ทราบ เธอสั่งห้ามฉันไม่ให้บอกคุณ” ยาเอลกระซิบ “เธอรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน เธอเข้าใจดีว่าคุณโจนส์ต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก”“เธอแค่ใจดีเกินไป” ฌอนพูดด้วยความสงสาร ฌอนนึกขึ้นมาได้ในทันทีว่าเขากำลังสงสัยว่าซาร่าโกหกเขาเรื่องโรคซึมเศร้าของแคทเธอรีน เขาก็รู้สึกเจ็บปลาบด้วยความรู้สึกผิด“จะว่าไปแล้ว คุณนีสันก็เอาแต่เหม่อลอยตั้งแต่เธอได้พบกับคุณโจนส์ ฉันเดาว่าเป็นเพราะคุณโจนส์อ้างว่าคุณเป็นสามีของเธอ ในตอนนี้เธอกลับมาแล้ว เธอยังเรียกคุณนีสันว่าภรรยาน้อยด้วยซ้ำค่ะ”“ฉันจะคุยกับซาร่าทีหลัง”ฌอนรู้สึกโมโหกับการกระทำที่ไร้ยางอายของแคทเธอรีนหลังจากที่ยาเอลวางสายไปแล้วเท่านั้น เธอจึงหันกลับมามองซาร่า“ทำได้ดีมาก” ซาร่าจับมือของยาเอลพลางพูดขึ้นอย่างน่าสงสาร “ขอบใจมากที่ช่วยฉันมาตลอดนะยาเอล”“ไม่เลยค่ะคุณนีสัน เมื่อครั้งที่ฉันทำผิดพลาดในตอนนั้น คุณช่วยฉันปกปิดเรื่องนั้นเอาไว้ ถ้าไม่ได้คุณ คุณชายฮิลล์คงไล่ฉันออกจากไลโอน่าและฉันคงไม่ได้เป็นฉันอย่างทุกวันนี้” ยาเอลพูดขึ้นด้วยความซาบซึ้งใจ “ฉํนไม่ได้โง่เหมือนแอลท
หลังจากที่ฮาร์วีย์กลับไปได้ไม่นาน แคทเธอรีนจึงวิดีโอคอลคุยกับลูก ๆ ทั้งสองคนของเธอที่อยู่ที่ประเทศอเมริกา“คุณแม่ หนูคิดถึงคุณแม่” ซูซี่เผยให้เห็นใบหน้าน่ารักที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเธอ แต่ถึงอย่างนั้นแคทเธอรีนก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีเมื่อเธอสังเกตเห็นช็อกโกแลตอยู่บนปากของซูซี่“ซูซาน โจนส์ ลูกไปอ้อนให้แม่ทูนหัวซื้อช็อกโกแลตให้อีกแล้วใช่ไหมคะ?” ซูซี่กะพริบดวงตาไร้เดียงสา “เปล่านะคะ คุณแม่กล่าวหาหนู แบบนี้มันมากเกินไปแล้วนะคะ!”ลูคัสชำเลืองมองไปที่นักแสดงเจ้าบทบาทตัวน้อยอย่างพูดไม่ออก “นี่ เธอไม่ได้เช็ดช็อกโกแลตออกจากขอบปาก”ด้วยความตกใจ ซูซี่จึงรีบเลียช็อกโกแลตที่ติดอยู่ที่ขอบปากของเธอ “หนูไม่ได้กินค่ะ คุณแม่ทูนหัวกินช็อกโกแลตแล้วก็มาจุ๊บหนูทีหลัง”“...”แคทเธอรีนลูบหน้าผาก กำลังนึกสงสัยว่าทำไมเธอถึงได้คลอดนักกินตัวน้อยที่โกหกเก่งขนาดนี้ออกมาลูคัสพูดขึ้น “เธอคิดว่าคุณแม่จะเชื่อคำอธิบายโง่ ๆ ของเธอเหรอ?”“ใครโง่? หนูไม่เล่นกับลูคัสแล้ว” ซูซี่พ่นลมหายใจออกมา เธอหันหลังแล้วเมินลูคัสลูคัสถอนหายใจออกมาพลางถามขึ้น “คุณแม่ครับ ที่นั่นเป็นยังไงบ้างครับ? ผู้หญิงไม่ดีคนนั้นสร้างปัญหาให้
ยิ่งแคทเธอรีนพูดมากเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกโมโหมากขึ้นเท่านั้น ถึงจะเรียนรู้วิธีควบคุมอารมณ์ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา แต่ในตอนนี้เธอก็อดที่จะรู้สึกโกรธขึ้นมาไม่ได้ฌอนซึ่งรู้สึกเดือดดาลด้วยความโกรธ ไม่แน่ใจว่าจะตอบคำถามของเธออย่างไร “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าบริษัทนี้เป็นมรดกที่แม่ของเธอทิ้งไว้ให้เธอ?”แคทเธอรีนยิ้มออกมา “ค่ะ ถูกแล้ว คุณไม่รู้เรื่องนี้ คุณมันไม่รู้อะไรเลย”ความจริงแล้วเขารู้ เพียงว่าแต่เขาลืมไปแล้วเท่านั้นเองถึงอย่างนั้น เธอจะไม่ยกโทษให้เขา แค่เพียงเพราะเขาลืมมันไปแล้ว‘ไม่เป็นไรเลยถ้าคุณลืมไปแล้ว แต่คุณจะมาผิดคำสัญญากับฉันเพื่อเห็นแก่ผู้หญิงคนอื่นไม่ได้’“แต่ยังไงเธอก็ไม่ควรทำร้ายซาร่า” ฌอนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เธอผิดเองที่แกล้งตาย ซาร่าทุ่มเทอย่างหนักในการบริหารฮัดสันและปรับปรุงการทำงานของบริษัทให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น”“แล้วในฮัดสันไม่มีคนที่มีความสามารถคนอื่น ๆ อีกแล้วเหรอ? เมื่อก่อนผู้จัดการวูล์ฟก็บริหารจัดการบริษัทได้ดี ทำไมคุณถึงไม่ให้เขาจัดการไปล่ะคะ? เธอเรียนจิตวิทยามา ไม่ใช่การบริหารธุรกิจ ถ้าเธอต้องการบริหารบริษัท เธอไปบริหารนีสัน คอร์ปอเรชั่นสิ ทำไมเธอต้องมาหาฮ
แคทเธอรีนพยายามดิ้นหนีให้พ้นจากฌอนโดยไม่ทันได้รู้ตัวว่าเธอกำลังดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของฌอน เมื่อเธอรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเขา ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำด้วยความอับอาย“ฌอน คุณนี่มันเลวจริง ๆ”เขาเองก็รู้สึกอับอายอย่างเห็นได้ชัด ลึก ๆ แล้ว ฌอนก็รู้สึกค่อนข้างตกใจเหมือนกันเขาเข้าใจมาตลอดว่าเขาคงจะไม่ถูกเร้าอารมณ์ได้อีกแล้ว ดังนั้น เมื่อไรก็ตามที่เขาเจอซาร่า เขาจึงรู้สึกขยะแขยงเธอขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เขายังสงสัยด้วยซ้ำว่าเขาไร้สมรรถภาพเขาคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าจะถูกเร้าอารมณ์เพียงแค่กอดแคทเธอรีนเท่านั้นความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกอับอายเป็นพิเศษ และด้วยเหตุผลบางอย่างก็ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้อีกด้วยเขารู้สึกรำคาญกับคำพูดของแคทเธอรีนจึงพูดขึ้น “อะไรทำให้ฉันเลว? เธอน่ะสิที่เป็นคนทะลึ่ง ฉันเป็นคนปกติ”“คุณงั้นเหรอ? คุณไปที่บุรุษเวชวิทยาเมื่อเช้านี้” แคทเธอรีนพูดโพล่งออกมาฌอนรู้สึกอับอายจนหูแดงก่ำ เขาเกือบคิดจะฆ่าเธอ “ฉันบอกเธอแล้วไงว่าฉันพาเฮดลีย์ไปที่นั่น”“คุณคิดว่าฉันโง่อย่างนั้นเหรอ? ทำไมเจ้านายต้องพาผู้ช่วยไปที่แบบนั้นด้วย?” แคทเธอรีนผลักเขาออก เธอชี้นิ้วไปข้างนอกพลางพูดข
ฌอนกัดฟันแน่นพลางเดินไปหาแคทเธอรีน จากนั้นเขาจึงพูดขึ้นเสียงเรียบ “เธอพยายามยั่วฉัน”“คะ?” แคทเธอรีนประหลาดใจ ดวงตาสีเข้มที่มีเสน่ห์ของเธอเผยให้เห็นถึงความไร้เดียงสาและความสับสน เธอไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าในตอนนั้นเธอดูเย้ายวนมากแค่ไหน “ฉันทำอะไร?”“เธอรู้ดีกว่าใครทั้งนั้น” ฌอนจ้องไปที่ดวงตาเป็นประกายของเธอและรู้สึกเยาะเย้ยเธออยู่ลึก ๆ นี่คือวิธีที่เธอใช้ยั่วยวนเขาจริง ๆแคทเธอรีนพูดไม่ออก พลางมองต่ำลงไปโดยไม่รู้ตัว “เสร็จแล้วเหรอคะ?”ฌอนจ้องเขม็งไปที่เธอ ใบหูของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงโดยที่เขาไม่รู้ตัว “แคทเธอรีน โจนส์ เธอคิดอะไรของเธอ? ไม่อายบ้างหรือไง?”แคทเธอรีนเลิกคิ้วขึ้น ปกติเขาก็เป็นคนเลวอยู่แล้ว ทว่าทำไมเขาถึงหูแดง? หรือเขาแสร้งทำเป็นบริสุทธิ์อย่างนั้นเหรอ? “ฉันแค่คิดว่าคุณไม่เห็นต้องไปที่แผนกบุรุษเวชศาสตร์เลย ซาร่าน่าจะเป็นคนไปหาหมอมากกว่า ในฐานะผู้หญิง พวกเธอไม่จำเป็นต้องมีความต้องการมากก็ได้ จากสภาพของคุณ เธอน่าจะพอใจนะ”“ซาร่าไม่เหมือนเธอ” ฌอนเยาะเย้ยเธอด้วยความไม่พอใจแม้จะจับใจความที่เธอพูดได้ถึงจะพูดอย่างนั้น เขาก็ให้ซาร่ารอมาสามปี เธอ… จริง ๆ แล้ว เธอเหงาหรือเปล่า?คว
“...”การฟังสิ่งที่ฌอนพูดทำให้รู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาได้จริง ๆดังนั้นแคทเธอรีนจึงตัดสินใจเมินเฉยใส่เขาแล้วจดจ่ออยู่กับการหั่นผักเธอสไลด์มันฝรั่งเป็นแผ่นบาง ๆ ได้อย่างไม่มีที่ติเขาขมวดคิ้วเข้าหากัน “ฉันสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลได้ถ้าเธอปฏิเสธที่จะเซ็นใบหย่า คู่สมรสสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลได้หลังจากแยกกันอยู่แล้วสองปี”“ได้ค่ะ งั้นไปเจอกันที่ศาลได้เลย แต่เรื่องนี้ก็คงจะน่าสนใจขึ้นถ้าพวกนักข่าวรู้ว่าเรายังแต่งงานกันอยู่ ฉันจะไม่มานั่งรับผิดชอบรักษาชื่อเสียงของแฟนคุณอีกแล้วนะ”เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจการกระทำแบบนี้ทำให้เขาโมโห “ฉันต้องทำยังไงเธอถึงจะยอมเซ็นใบหย่า?”“อืมม ฉันยังไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลยค่ะ”เธอผลักเขาให้พ้นทางแล้วเริ่มตั้งกระทะบนไฟเมื่อน้ำมันร้อน เธอจึงใส่มันฝรั่งหั่นบางลงไป และภายในเวลาไม่นาน กลิ่นหอมน่ารับประทานก็อบอวลไปทั้งห้องครัว เธอโรยหน้าด้วยต้นหอมซอยในขั้นตอนสุดท้าย การจัดจานและกลิ่นหอมชวนให้รับประทานทันใดนั้นเอง ท้องของฌอนก็เริ่มร้องขึ้นมาแคทเธอรีนส่งยิ้มที่มีเลศนัยให้เขา แล้วเขาก็มองกลับมาด้วยแววตาอับอาย “ฉันไม่ได้ทานอาหารกลางวันเพราะฉันมาคุยกับเธอที่นี่”
เอาจริงเหรอ?ช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมาฌอนอดอยากหรืออย่างไร? เขาหิวมากจนเขาหยิบชามใบใหญ่ที่สุดในครัวของเธอให้ตัวเองเลยเหรอ?ในที่สุดแคทเธอรีนก็เข้าใจว่าซูซี่ได้นิสัยทานอาหารเก่งมาจากไหน“คุณตั้งใจจะกินอาหารของฉันหมดทุกอย่างเลยหรือไง?”เธอรู้สึกหงุดหงิดเมื่อคิดได้เช่นนั้น ในที่สุดเธอก็มีโอกาสทำอาหารหลังจากกลับมาที่บ้าน แล้วมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเนี่ยนะ?“เธอทำอาหารน้อยไป” เขาพูดก่อนจะตักกุ้งสีสดฉ่ำให้ตัวเอง ผ่านมาตั้งนานแล้วนับตั้งแต่เขาได้ทานอาหารอร่อยปกติฌอนไม่ค่อยรู้สึกหิว เขายังเป็นคนขี้จุกจิกที่แม้แต่เชฟที่มีชื่อก็ทำให้พอใจไม่ได้ ทว่าอาหารที่แคทเธอรีนทำทานเองที่บ้านกลับอร่อยจนน่าประหลาดใจมันฝรั่งหั่นบาง ๆ ที่มีรสเปรี้ยวเล็กน้อยก็ทำให้เจริญอาหารได้เหมือนกันไม่ต้องพูดถึงไส้กรอกที่เกรียมตรงขอบเล็กน้อย เขาสงสัยว่าเธอซื้อวัตถุดิบมาจากที่ไหนในเวลาเพียงไม่นาน เขาก็ทานอาหารในชามของเขาจนหมด… เช่นเดียวกับจานอื่น ๆ ที่อยู่บนโต๊ะแคทเธอรีนรู้สึกหงุดหงิด “คุณเหลือไว้ให้ฉันบ้างไม่ได้เหรอ? ฉันเพิ่งเริ่มทานเองนะ”“ฉันบอกเธอแล้วว่าให้ทำเยอะ ๆ เธอไม่ฟังฉันเอง” หลังจากตักมันฝรั่งคำสุดท้ายเ
ขณะฌอนอุ้มซูซี่ขึ้นรถ จู่ ๆ คนขับก็ถามขึ้นว่า “นี่ลูกของคุณหรือเปล่าครับ?”“... อืม” ฌอนตอบไปทั้งอย่างนั้นเนื่องจากเลียมหายตัวไป เขาจึงจะปฏิบัติต่อซูซี่เหมือนลูกสาวแท้ ๆ ของเขาต่อไปในอนาคต"คุณทั้งคู่ดูเหมือนกันมากเลยนะครับ" คนขับยิ้ม"ใช่ครับ เธอดูเหมือนผม" ฌอนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายผสมปนเป “คุณเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อเร็ว ๆ นี้ใช่ไหม? ผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลยครับ”"ใช่ครับ" คนขับหันกลับไปขึ้นรถหลังจากที่รถทั้งสองคันขับผ่านกันไป ฌอนก็เหลือบมองไปยังทิศทางที่รถคันนั้นกําลังมุ่งหน้าไปคฤหาสน์ที่ด้านบนนั้นเคยเป็นคฤหาสน์ของตระกูลฮิลล์ชายผู้นั้นใช่คนที่ซื้อคฤหาสน์ไปหรือเปล่านะ?แต่เขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะรวบรวมความคิดที่เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์ เนื่องจากเขาเพิ่งรู้ว่าแคทเธอรีนกําลังจะไปอยู่ด้วยกันกับเวสลีย์เขามั่นใจว่าเวสลีย์คงนอนกับแคทเธอรีนแล้วหัวใจของเขาอัดแน่นเมื่อนึกถึงแคทเธอรีนนอนอยู่ใต้ร่างของเวสลีย์จุดนี้ไม่สำคัญอะไรหรอก สิ่งที่ฌอนกังวลมากกว่าคือความเป็นไปได้ที่แคทเธอรีนจะตั้งครรภ์ลูกของเวสลีย์ เวสลีย์ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน ฌอนไม่รังเกียจที่แยกทางกับแคทเธอรีนหรอก
“เวสลีย์ ลียงส์ นายก็หยาบคายกับฉันมาตลอดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? น่าเสียดายที่นายซ่อนมันดีเกินไป ไว้มาดูกันตอนที่หน้ากากของนายหลุดเถอะ”ทันทีที่ฌอนพูดจบเขาก็เหลือบมองแคทเธอรีน เมื่อได้เห็นสีหน้าเรียบเฉยของเธอ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดอยู่ลึก ๆ ข้างในซูซี่เลื่อนหน้าต่างด้านหลังลงและยื่นศีรษะเธอออกมา จากนั้นเธอก็ถามด้วยน้ำเสียงเร่งเร้าว่า “ลุงฌอนคะ ลุงจะพูดไปอีกนานแค่ไหนคะ?”"ลุงกําลังจะไปเดี๋ยวนี้จ้ะ" ฌอนก้าวขึ้นรถเมื่อเขาขับรถออกไป เขาเห็นเวสลีย์ก้มศีรษะลงจูบปากกับแคทเธอรีนผ่านกระจกมองหลังเขาจับพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดที่หลังมือปูดโปนออกมา ขณะเดียวกันเขาก็กดคันเร่งลงไปอย่างดุเดือดรุนแรงยิ่งขึ้นด้วยความโกรธซูซี่เริ่มหวีดร้องด้วยความตกใจ “ลุงฌอน ลุงขับรถเร็วเกินไปแล้ว! หนูกลัวนะคะ"ฌอนกลับมามีสติสัมปชัญญะทันที เขาลดความเร็วลงอย่างว่องไวและยอมรับความผิด "โทษทีนะจ๊ะ"“ลุงฌอน ลุงยังไม่บรรลุนิติภาวะเหรอเนี่ย ไม่น่าแปลกใจเลยที่ภรรยาของลุงทิ้งลุงไป” ซูซี่อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเขาด้วยมือเธอที่ท้าวสะเอวอยู่“... หนูพูดถูก" ฌอนหลบตาลงอย่างเศร้าซึมซูซี่ถอนหายใจกับพฤติกรรมของเขา เธอรู้ว่าแม่ของเ
แคทเธอรีนไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอื่นใดเลย ทว่าฌอนรู้สึกอารมณ์ปั่นป่วนกระวนกระวายช่วงสองสามวันมานี้ เขาพบว่าตัวเองอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่าจะพบเธอดีหรือไม่ เขาลังเลที่จะพบเธอ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็คิดถึงเธอสุดหัวใจ“แคธี่ผมขอโทษ ผมไม่รู้จริง ๆ นะ...” ฌอนเริ่มอธิบายเหมือนเด็กหลงทาง “ผมไม่ได้ตั้งใจจะทําตัวแบบนั้น ผมคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องไร้สาระเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับผมด้วย การสะกดจิตของซาร่านั้นแรงกล้ามากจนเขียนทับความทรงจําของผมไปจนหมดและทําให้ผมเกลียดคุณมากเหลือเกิน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมผมถึงไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่ามัน...” .“แล้วคุณมาขอให้ฉันยกโทษให้คุณเหรอ?” จู่ ๆ แคทเธอรีนก็หันหน้ากลับมาทันที ดวงตาเงียบสงบของเธอจับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขา“ผม...” ฌอนกระอักกระอ่วนใจจนไม่รู้จะพูดยังไง ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความทุกข์ระทม “แคธี่ผมรักคุณความรักของผมที่มีต่อคุณไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยนะ...”"ฮะ!"ในที่สุดแคทเธอรีนก็หัวเราะ “ฌอนถึงคุณจะไม่ได้ถูกซาร่าสะกดจิตแต่ป่านนี้เราอาจจะหย่ากันไปแล้วก็ได้นะ”ฌอนอึ้งไปเลย "คงไม่เป็นแบบนั้นหรอก"“ตลกดีที่ฉันเป็นคนเดียวที่จําความสัมพันธ์นั้นของเรา
แคทเธอรีนวางสายเมื่อเธอมาถึงวิลล่าของครอบครัวยูลเป็นเวลาสองทุ่มแล้ว เวสลีย์กําลังเล่านิทานให้เด็กทั้งสองฟังด้วยท่าทางอ่อนโยนและเสียงทุ้มเบา ๆ เขามองดูเหมือนคุณพ่อใจดีเมื่อเห็นภาพอย่างนี้ ความรู้สึกผิดก็พุ่งปะทะเข้ามาในจิตใจของแคทเธอรีน เธอนี่นะสงสัยเขาได้ลงคอนั่นมันมากไปแล้วจริง ๆหลังจากที่เวสลีย์เล่านิทานจบเขาถึงสังเกตเห็นเธอ "คุณกลับมาแล้ว"โจเอลจ้องแคทเธอรีนเขม็ง “ลูกเป็นแม่ของซูซี่และลูคัสนะแต่ลูกกลับบ้านดึกตลอด แม้แต่เวสลีย์ก็ยังทําหน้าที่เป็นพ่อแม่ได้ดีกว่าลูกอีก”“ลูกจะไตร่ตรองตัวเองและจะไม่ทําอีกค่ะ” แคทเธอรีนขอโทษอย่างจริงใจ“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณทุ่มเททํางานไปเถอะครับผมจะช่วยคุณดูแลลูก ๆ คุณที่บ้านเอง” เวสลีย์กล่าวด้วยรอยยิ้มมองเขาแล้วแคทเธอรีนจึงตัดสินใจบางอย่างอยู่ลึก ๆ ในใจ…ในตอนกลางคืนแคทเธอรีนอยู่เป็นเพื่อนซูซี่และลูคัสจนพวกเขาหลับ จู่ ๆ ซูซี่ก็พูดว่า “แม่ขา คุณย่าโทรหาหนูวันนี้และบอกว่าย่าคิดถึงหนู ปู่ทวดและย่าทวดก็คิดถึงหนูด้วยเช่นกันค่ะ หนูรู้สึกอยากเอ่อ ... อยู่ที่นั่นสักพักค่ะ”"การไปอยู่ที่นั่นดีอะไรนักหนา?" ลูคัสถามอย่างไม่พอใจซูซี่ทําหน้ามุ่ยโดย
"ไม่จําเป็น" เฟรยาส่ายหัว “ฉันไม่ต้องการให้คุณมารับผิดชอบฉันหรอก แต่เนื่องจากตระกูลสโนว์บังคับให้ฉันให้กําเนิดเด็กคนนี้และถึงกับข่มขู่ฉันด้วยเด็กคนนี้ดังนั้นฉันจะให้กําเนิดเขาแต่ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณหรอกนะ”ร็อดนีย์ไม่เคยคิดเลยว่าเธอเลือกจะให้กําเนิดลูกทั้งที่ยังไม่แต่งงานมากกว่าที่จะแต่งงานกับเขาซะอีกเขาควรจะดีใจสิ ทว่าเขาก็อารมณ์เสียซะอย่างนั้น“เฟรยา ลินช์ คุณไม่ชอบผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”“...”“ฉันไม่เคยชอบคุณเลยน่ะสิ”เฟรยาเก็บอาการดูถูกเขาไว้ข้างในใจก่อนที่เธอจะเอ่ยอย่างจริงจังว่า “เมื่อสามปีก่อนฉันเคยมีความสัมพันธ์ฉันตกหลุมรักชายคนหนึ่งที่วิทยาลัยและเราอยู่ด้วยกันมาสี่ถึงห้าปี เรายังได้พบกับพ่อแม่ของแต่ละฝ่ายและพร้อมที่จะมีงานแต่งงานของเรา แต่แล้ววันหนึ่งเขาปล่อยให้ครอบครัวของฉันกับฉันต้องรอเก้อเพื่อหวานใจในวัยเด็กของเขา เขาไม่ได้ทําแค่ครั้งเดียวแต่เป็นครั้งแล้วครั้งเล่า เขามักจะยกให้เพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาอยู่เหนือสิ่งอื่นใดเสมอ“เมื่อใดก็ตามที่เราไปออกเดทกัน เขาก็จะพาเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาไปด้วย“เมื่อเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาป่วยเขาก็จะดูแลเธอ“เขาอ้างว่าเขาปฏิบ
“ฉันไม่สน เนื่องจากคุณโยนผักดองของฉันทิ้งไปแล้ว คุณต้องทําอาหารให้ฉัน ฉันหิวนะ"ร็อดนีย์เหลือบมองท้องของเฟรยา ตอนแรกเขาไม่อยากทําอาหารให้เธอหรอก ทว่าเขากังวลว่าเฟรยาจะนําลูกอ๊อดน้อยในตัวเธอออกไปกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ในที่สุดเขาก็ยอมจํานนต่อโชคชะตาของเขาและตัดสินใจทําอาหารให้เธอแต่เมื่อเขาเปิดตู้เย็นของเธอดู เขาก็ไม่พบส่วนประกอบเครื่องปรุงใด ๆ นอกจากเส้นพาสต้าเขาถอนหายใจออกมา “เฟรยา ลินช์ คุณเป็นผู้หญิงนะ คุณทําตัวเป็นแม่บ้านให้มากกว่านี้ไม่ได้เหรอ? คุณไม่มีไข่ที่บ้านด้วยซ้ำ ไม่มีใครอยากอยู่กับคุณหรอก” “ฉันกินในที่ทำงานทุกวัน ฉันทํางานให้คุณยังกับหมานะ แล้วคุณยังมาคาดหวังให้ฉันกลับมาเข้าครัวทําอาหารหลังจากที่ฉันเพิ่งทํางานล่วงเวลาเสร็จอีกเหรอ? ฉันมีเวลาว่างมากนักเหรอไง?”เฟรยาวิจารณ์เขาอย่างเผ็ดร้อน “อย่ามองฉันแบบนั้นสิ ซาร่าก็ไม่ดีไปกว่าฉันหรอก เธอยังจ้างแม่บ้านมาคนหนึ่งไม่ใช่เหรอไง?” “คุณนี่พล่ามไปใหญ่ บางครั้งเธอก็ทําอาหารด้วยตัวเองแหละน่า”“ฮ่า! คุณหมายถึงสัปดาห์ละครั้งเหรอ? ฉันก็ทําแบบนั้นแหละ”“...”ร็อดนีย์เงียบไปเลยเมื่อเอ่ยเรื่องนั้นขึ้นมาเห็นได้ชัดว่าเขาโน้
เฟรยาขมวดคิ้วย่น ก่อนหน้านี้เธอไม่ชอบกินผักดองและสงสัยว่าทําไมผู้คนมากมายถึงได้ชอบกินอาหารหมักดองอย่างนี้กันนัก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้ตัวว่าติดหนึบมันเข้าแล้วในเดือนนี้ด้วยเหตุนี้เธอถึงได้รู้ว่าเพราะการตั้งครรภ์ของเธอนั่นเองเป็นเหตุ“เข้าใจผิดแล้ว ฉันเพิ่งจะเริ่มชอบผักดองเพราะว่าฉันตั้งครรภ์ เป็นทารกเองที่ต้องการหม่ำของพวกนั้น” เธอตอบด้วยท่าทางว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก“ลูกของผมไม่ชอบกินอาหารหมักดองแบบนี้หรอก” ร็อดนีย์คว้าขวดโหลออกไปและเทผักดองทั้งหมดลงไปในถังขยะโดยไม่ลังเลเฟรยาระเบิดลงทันที “ร็อดนีย์ สโนว์ คุณรู้ไหมว่าผักดองขวดหนึ่งมันแพงขนาดไหน? มันมีราคากว่าสิบดอลลาร์เชียวนะ”“...”ร็อดนีย์อึ้งจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด “นั่นแพงเรอะ ฮึ? คุณกําลังพักอยู่ในอพาร์ตเมนต์แบบดูเพล็กซ์มูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์และได้รับค่าจ้างเดือนละหลายแสนดอลลาร์ คุณยังมีเงิน 100 ล้านดอลลาร์ในบัตรที่โอเชอร์ คอร์ปอเรชั่นมอบให้คุณไปเมื่อวันก่อนด้วย คุณกล้าพูดว่าผักดองมีราคาแพงได้ยังไงกัน?!”“มันก็แพงอยู่ดี ผักดองในถุงเล็ก ๆ ที่ฉันได้มาบ่อย ๆ ราคาเพียงแค่ห้าดอลลาร์เอง”"หุบปากเลย"ร็อดนีย์เบื่อหน่ายกับเธอ
เชสเตอร์ตะคอก “ก็ได้ นายแค่ลําเอียงเข้าข้างซาร่า แต่ขอฉันเตือนนายหน่อยนะว่าหากนายออกจากตระกูลสโนว์ไปแล้ว รับรองว่ายัยซาร่าจะทิ้งนายไปในไม่ช้าก็เร็ว”"นายนี่ตอแหลว่ะ"ร็อดนีย์อดไม่ได้ที่จะโวยวายใส่เขา “เชสเตอร์ จิวเวลนายก็เหมือนกับฌอน! ทําไมพวกนายถึงเป็นแบบนี้กันไปได้? พวกเราทั้งห้าคนโตมาด้วยกัน แต่พวกนายก็ยังมาเลือกปฏิบัติต่อซาร่าอีก”“ใช่ คนทั้งโลกกําลังเลือกปฏิบัติต่อซาร่าและนายเป็นเพียงคนเดียวที่ปกป้องเธอ นายเป็นคนฉลาดหัวใสและคนอื่นมีบางอย่างผิดปกติ งั้นเอาเลยไปสู้โลกเพื่อประโยชน์ของเธอรวมทั้งฆ่าลูกของนายเองด้วย”เชสเตอร์เริ่มรําคาญ “ฉันกําลังจะทําการผ่าตัดตอนนี้ ฉันไม่ว่างที่จะคุยกับนายละนะ”ทันทีที่เขาจบการสนทนา เขาก็เดินดุ่มออกไปด้วยสีหน้าสงบนิ่งอันที่จริงการพูดคุยกับร็อดนีย์ทําให้เลือดของเขาเดือดดาลเชสเตอร์เริ่มรู้สึกเห็นอกเห็นใจเฟรยาขึ้นมาเล็กน้อยจากนั้นร็อดนีย์ก็เดินออกจากสำนักงานแพทย์เขาเดินลงบันไดมาอย่างร่างไร้วิญญาณเมื่อเขาเซล้มลงไปโดยบังเอิญที่หน่วยกุมารเวชศาสตร์คุณพ่อคนหนึ่งในวัย 30 ปีที่กําลังกอดทารกน้อยน่ารักเดินผ่านเขาไปพอดี ทารกขวบเดียวคนนั้นมีดวงตาโ
พ่อ...คํานี้ทําให้ร็อดนีย์อึ้งไปครู่หนึ่งทันทีเวนดี้พูดอย่างตั้งใจว่า “ใช่ ลูกอาจมีส่วนแค่สเปิร์มตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้เด็กคนนี้มีความยาวประมาณหนึ่งเซนติเมตรแล้วนะ ลูกอาจเคยคิดที่จะทําให้เธอแท้งเด็ก แต่ลูกเคยคิดบ้างไหมว่าการทําแท้งจะสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของผู้หญิงคนหนึ่งได้มากขนาดไหน?“มันง่ายมากเลยที่ลูกจะพูดแบบนั้นเพราะว่าลูกไม่ใช่คนที่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด ร่างกายของผู้หญิงจะได้รับความเสียหายหลังจากผ่านการทําแท้ง ผู้หญิงบางคนถึงกับประสบกับภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ นานาหรือมีอุปสรรคปัญหาในการตั้งครรภ์อีกครั้ง“นอกจากนี้ลูกคิดว่าถ้าแฟนหรือสามีในอนาคตของเธอรู้ว่าเธอเคยทำแท้งลูกของชายอื่นมาก่อน พวกเขาจะมองเธอยังไง? ลูกลองมองในมุมของเธอบ้าง ถ้าลูกรู้ว่าภรรยาในอนาคตของลูกเคยตั้งท้องลูกของชายอื่นมา ลูกจะผิดหวังไหม?”ร็อดนีย์ยังคงเงียบขณะฟังถ้อยคําเหล่านั้นเขาไม่ได้ใจร้ายโดยสันดาน หลังจากที่เวนดี้ชี้แนะเขาอย่างละเอียด ความสับสนเจ็บแปลบและความรู้สึกผิดก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในจิตใจของเขาในตอนนั้นเขาเคยคิดที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนก็ได้เพื่อตอบสนองความปรารถนาของพ่อแม่ถ้าหาก