“เป็นความจริงเหรอ?”“ฉันจะโกหกได้ยังไงล่ะ? ถ้าผู้ช่วยของคุณชายคนโตไม่เซ็นเอกสาร ฉันไม่คิดว่าจะมีใครสนใจเธอ”“แถมฉันยังเห็นคุณชายคนโตกับผู้หญิงคนนั้นโอบกันออกไปด้วยนะ”“เฮ้อ ผู้ชายคนนั้น...”“...”น้ำตาไหลลงมาจากหางตาของแคทเธอรีน‘เหอะ’‘ฌอน ฮิลล์ คุณมันโหดร้ายเกินไป’กลับกลายเป็นว่าเขาไม่ยอมเซ็นชื่อเมื่อชีวิตของเธอตกอยู่ในความเสี่ยงสำหรับเขาแล้ว การที่เธอตายไปคงไม่สำคัญเท่ากับขอทานข้างถนน แม้กระทั่งเวลาแบบนี้ ในหัวใจของเขายังมีเพียงซาร่าเท่านั้นไม่ว่าความรักอะไรที่เธอมีให้เขาก็ตาม ดูเหมือนว่ามันจะกลับกลายเป็นผงธุลีและจางหายไปอย่างไร้ร่องรอยนับจากนี้เป็นต้นไป ตราบใดที่เธอยังมีชีวิตและยังหายใจอยู่ เธอจะมีเพียงความเกลียดชังต่อชู้รักคู่นั้น...ในห้องพักผู้ป่วย แคทเธอรีนลืมตาขึ้นซาร่ายืนอยู่ในห้องพักเพียงลำพัง กำลังส่งยิ้มและเล่นกับกุญแจรถในมือ “เห็นนี่ไหม? นี่เป็นรถสปอร์ตรุ่นลิมิตเต็ดอิดิชั่นที่ฌอนเคยมอบให้เธอเมื่อคราวที่แล้ว แต่ป้ายทะเบียนถูกเปลี่ยนเป็น SHLSN ฌอน ฮิลล์ รัก ซาร่า นีสัน ฟังดูดีไหมล่ะ?”แคทเธอรีนจำมันได้เพียงแค่ปรายตามองฌอนเคยมอบกุญแจรถคันนั้นให้เธอด้
เรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ปะติดปะต่อกัน ประกอบกับการที่ซาร่าเป็นนักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงระดับโลก จึงทำให้เขารู้สึกสงสัยขึ้นมาเหมือนกัน“ซาร่า นีสัน อย่ามาไร้สาระ ฉันไม่ได้ป่วย สุขภาพจิตของฉันดีมาก”เมื่อแคทเธอรีนเห็นว่าฌอนเงียบแค่ไหน เธอก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที เช่นนั้นเธอจึงรีบอธิบาย “พวกคุณทำให้ฉันโมโห”ซาร่าจ้องมองเธอด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ “ไม่มีใครที่เป็นโรคซึมเศร้าแล้วจะยอมรับว่าพวกเขาป่วยหรอกนะคะ ยิ่งไปกว่านั้น คุณก็เพิ่งแท้งลูกไป ฉันขอแนะนำให้คุณเข้ารับการรักษาเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”แคทเธอรีนไม่ต้องอะไรมากเกินไปกว่าลุกขึ้นแล้วฉีกใบหน้าที่ชั่วร้ายของซาร่าออกด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเธอทว่า เธอรู้ว่าฌอนยิ่งเชื่อซาร่ามากขึ้นไปอีกหากตอนนี้เธอแสดงความโกรธออกไป “ซาร่า นีสัน ฌอนเป็นของเธอแล้ว แล้วเธอก็ได้ตำแหน่งคุณนายฮิลล์ไปแล้วอีกด้วย แต่ทำไมเธอถึงปล่อยฉันไปไม่ได้ล่ะ? ฉันขอร้องให้คุณสองคนปล่อยฉันไปได้ไหม? ฉันสัญญาว่าฉันจะหลบหน้าพวกคุณถ้าในอนาคตฉันเจอพวกคุณ”ฌอนขมวดคิ้วเข้าหากันโดยที่ไม่รู้ตัวด้วยหลักเหตุผลแล้ว เขาเกลียดแคทเธอรีน แต่เมื่อคิดว่าเธอกำลังจะหลบหน้าเขากลับท
แคทเธอรีนเคาะประตูอยู่นาน ทว่าก็ไม่มีใครเปิดให้หลังจากนั้น เธอก็รู้สึกเหนื่อยมากจนนอนขดตัวแน่นบนเตียงของโรงพยาบาลสภาพอากาศร้อน และไม่มีพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศอยู่ข้างในในเวลาเพียงไม่นาน เธอก็ล้มป่วยลงด้วยความร้อนขณะที่เธอหมดสติ มีคนเข้ามาฉีดยาให้เธอเธอใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เธอมีขัดขืนพวกเขาทว่าผู้ชายคนนั้นกดเธอไว้กับเตียงแน่นเข็มฉีดยาแทงเข้าไปในผิวน้ำตาร้อนผ่าวไหลลงมาจากหางตาของเธอเพียงชั่วครู่ เธอก็รู้สึกเวียนศีรษะเธอรู้สึกว่าเธอกำลังจะเป็นบ้าไปจริง ๆเธอรู้สึกเกลียดมันมากชาติที่แล้วเธอไปทำอะไรผิด ที่ทำให้เธอไปตกหลุมรักซาตานอย่างฌอน ฮิลล์?เหอะ ครั้งหนึ่งเธออยากจะอยู่ต่อ และอยู่กับฌอนเพื่อฟื้นฟูเยียวยาเขาเพื่อที่เขาจะได้ไม่ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลจิตเวชฮ่าฮ่า เขาไม่ได้ไปที่นั่น ทว่าเขากลับส่งเธอไปที่นั่นเสียเอง‘ฌอน ฮิลล์ ซาร่า นีสัน’‘ถึงแม้ฉันจะกลายเป็นผี ฉันก็จะไม่ปล่อยพวกแกไป’...ในตอนดึกของคืนนั้น ภายในคลับเฮาส์ฌอนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาหนังพร้อมกับถือแก้วไวน์แดงไว้ในมือเขาสวมเสื้อเชิ้ตลายทางสีดำพร้อมกับปลดกระดุมเม็ดบนลงสองสามเม็ด ทำให้ใบหน้าเข้ม
เชสมองร็อดนีย์ แล้วจากนั้นจึงมองไปที่เชสเตอร์และฌอนที่ยังเงียบอยู่เขาแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงดูเหมือนถูกล้างสมองมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร?ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปตั้งแต่ซาร่าปรากฏตัว“เชสเตอร์ ร็อดนีย์ ไม่เป็นไรเลยเพราะฌอนป่วย แต่พวกนายสองคนเป็นคนปกติ เมื่ออาการป่วยของฌอนแสดงอาการ รีนไม่ยอมทิ้งเขา นายก็รู้ว่าเธอเสียโฉมและถูกขังเอาไว้ในห้องใต้ดินได้ยังไง? และตอนนั้นพวกนายสองคนยังชื่นชมเธอด้วยซ้ำ นายไม่ได้รู้จักเธอนานนัก แต่อย่างน้อยนายน่าจะเข้าใจเธอบ้าง”เชสตะโกนใส่ด้วยความโกรธ “ในตอนนั้น เป็นเธอที่พาฌอนออกมาและขัดขวางไม่ให้ตระกูลฮิลล์ส่งตัวเขาเข้าโรงพยาบาลจิตเวช แต่ตอนนี้ นายกลับเป็นคนส่งเธอไป นายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่า?”ฌอนขมวดคิ้วด้วยท่าทางจริงจังคำพูดของเชสฟังดูเหมือนเคยได้ยินเขาพยายามนึกถึงความทรงจำเหล่านั้น ทว่าจู่ ๆ เขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา อีกทั้งเขายังจำไม่ได้ร็อดนีย์เองก็ขมวดคิ้วเข้าหากันไม่ต่างกันเชสตะคอกใส่เขา “ร็อดนีย์ ฉันรู้ว่านายโทษรีนที่แย่งฌอนไป ตอนที่เธอไปจีบฌอน เธอไม่รู้แม้กระทั่งเรื่องที่ซาร่ามีตัวตนอยู่ แต่เมื่อเธอรู้ เธอยังคิดว่
ฌอนยกผ้าขาวขึ้นด้วยมืออันสั่นเทา ขณะเห็นเพียงแคทเธอรีนที่กำลังนอนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ ถ้าไม่มีรอยห้อเลือดสีเขียวคล้ำอยู่บนคอของเธอ เธอคงดูเหมือนกำลังหลับอยู่เขาวางมืออันสั่นเทาเอาไว้ใต้จมูกของเธอเพื่อให้รู้ว่าเธอกำลังหายใจอยู่หรือไม่มันไม่มีความรู้สึกเธอตายแล้วจริง ๆ หรือ?จากนั้นเขาก็ทุบหัวตัวเองอย่างแรงเขาต้องฝันไป เรื่องนี้ไม่ใช่ความจริงครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้พบกัน เธอยังต่อว่าและกัดคนอื่นอยู่เลยเธอจากไปอย่างกะทันหันแบบนี้ได้อย่างไร?“ไปให้พ้นนะฌอน”เขาถูกผลักอย่างแรงจากด้านหลังเฟรยารีบไปที่ข้างเตียง หลังจากที่ได้เห็นศพของแคทเธอรีนแล้ว เธอก็จ้องเขม็งไปที่ฌอนด้วยความโกรธแค้น “ทั้งหมดเป็นการกระทำของแก คนสารเลว แกเป็นคนทำให้เธอตาย ฆาตกร”“ฉันไม่ได้ทำ เธอ… เธอป่วย”ฌอนไม่กล้าแม้แต่จะสบดวงตาที่แดงก่ำของเขากับเฟรยาด้วยซ้ำ เขาแค่นิ่งอึ้งไปเมื่อยืนอยู่ตรงนั้น จ้องมองไปที่แคทเธอรีนเขายังยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เขาไม่เข้าใจตัวเอง เขาไม่ได้รักแคทเธอรีนเลยทว่าทำไมเขาถึงรู้สึกราวกับว่าจิตวิญญาณของเขาได้หลุดลอยไป? ราวกับว่าเขาสูญเสียคนที่สำคัญในชีวิตของเขาไป?แม้กระ
“เพราะว่าฉันไม่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องของแกไง แกเลยลงเอยด้วยการผลักแคทเธอรีนและฆ่าลูกแฝดไป ฉันเพิ่งรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อน” คุณท่านฮิลล์พูดขึ้นด้วยความโกรธ “แกโหดเหี้ยมแบบนี้ได้ยังไง? แกเป็นคนหลายใจได้ แต่แกจะทำกับภรรยาและลูกของแกแบบนี้ไม่ได้ แม้แต่แม่ของแก เธอก็ยังไม่ทำถึงขนาดนี้”“ใช่” คุณผู้หญิงพูดขึ้นอย่างผิดหวัง “ตอนที่ภรรยาของแกกำลังท้อง แกก็ไปเล่นชู้อยู่กับยัยซาร่าทั้งวันทั้งคืน ไม่เพียงแค่แกไม่สนใจเธอเท่านั้น แต่แกยังขังเธอเอาไว้และทำให้เธอต้องเข้าโรงพยาบาลจิตเวช แกเคยมีประสบการณ์อยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชตอนที่แกยังเด็กเหมือนกัน แล้วแกทำเรื่องใจร้ายแบบนั้นลงไปได้ยังไง? นี่เธอตายไปแล้ว แกยังไม่ให้อิสระเธออีก หรือแกตั้งใจจะแสดงให้เธอเห็นว่าแกรักยัยซาร่ามากแค่ไหนในงานศพของเธอใช่ไหม?”“ได้โปรด ฉันขอร้อง ปล่อยเธอไปเถอะ” จู่ ๆ เฟรยาก็ทรุดลงคุกเข่าและร้องไห้ด้วยความเสียใจ “เธอไม่เคยมีความสุขเลยระหว่างช่วงเวลาที่เธออยู่ที่แคนเบอร์รา ฉันอยากพาเธอกลับเมลเบิร์น กลับไปยังที่ที่เธอจากมา”“พาเธอกลับไป” คุณท่านฮิลล์โบกมือ ท่านอาจจะไม่ได้ชอบแคทเธอรีนในตอนแรก แต่ในช่วงที่พวกเขาได้อยู่ด้
พระเจ้าทรงลงทัณฑ์ฌอนที่ให้ความช่วยเหลือคนสารเลวอย่างโทมัสนั่นอย่างนั้นหรือ?“ขะ… ขอโทษค่ะ ฉันไม่คิดว่าเรื่องจะกลับตาลปัตรเป็นแบบนี้” ซาร่าตกใจกับท่าทางโกรธแค้นของเขา เธอไม่เคยเห็นฌอนดูน่ากลัวมากขนาดนี้มาก่อนถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในตอนนั้น เขาจะต้องรู้สึกผิดทันทีที่เกรี้ยวกราดใส่เธอถึงอย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่อาจยอมรับการจากไปของแคทเธอรีนได้ “ใช่ คุณคิดไม่ถึงหรอก เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณคิดคือการตามใจโทมัส ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาเขาฆ่าคนมากี่คนแล้ว?”แคทเธอรีนพูดถูกฌอนมองว่าชีวิตของคนอื่นไร้ค่า ยกเว้นชีวิตของซาร่าเขาก้าวข้ามบรรทัดฐานของศีลธรรมเพื่อเธอครั้งแล้วครั้งเล่า“ฌอนนิค ฉันรับผิดชอบเอง เป็นความผิดของฉัน”ซาร่าคุกเข่าลงพลางร้องไห้ตีโพยตีพาย “ฉันคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเรื่องทุกอย่างจะกลายเป็นแบบนี้”“ช่วยกลับไปก่อน ผมอยากอยู่คนเดียว” ฌอนขึ้นรถไปทันทีโดยไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเมินเฉยต่อซาร่านับตั้งแต่เขาโดนเธอสะกดจิตเอาไว้ซาร่าเงยหน้าขึ้นช้า ๆ และมองรถที่ขับห่างออกไป เธอกัดฟันและกำมือแน่นเธอไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะโกรธเพราะการตายของแคทเธอรีนเพราะเธอ
ซาร่าเดาะลิ้นแล้วพูดขึ้นว่า “ทำไมฉันจะต้องโกหกเธอด้วย? แคทเธอรีนรับความจริงที่ฉันกับฌอนคบกันไม่ได้ นอกเหนือจากนั้นพี่ชายของฉันยังขืนใจเฟรยาอีกด้วย แต่ฌอนทนเห็นเขาเดือดร้อนไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงช่วยพี่ชายฉันออกจากคุก และห้ามเฟรยาเอาเรื่อง แคทเธอรีนโกรธฌอนนิคเรื่องนี้มากจนเธอทะเลาะกับฌอนนิค ฌอนนิคเลยผลักเธอ และทำให้เธอสูญเสียลูกในท้องไป เพราะเธอบอบช้ำทางจิตใจ ฉันเลยบอกให้ฌอนนี่ส่งเธอไปที่โรงพยาบาลจิตเวช ทั้งการฉีดยาและยาทั้งหมดที่เธอได้รับ เธอจึงฆ่าตัวตายในที่สุด”เธอพูดทุกคำพูดอย่างไม่ยี่หระทว่า หูของแชริตี้วิ้งไปหมดราวกับได้ยินเสียงระเบิดโทมัสขืนใจเฟรยาอย่างนั้นเหรอ?แคทเธอรีนฆ่าตัวตายอย่างนั้นเหรอ?แม้ว่าแชริตี้จะรู้จักเฟรยาและแคทเธอรีนได้ไม่นาน ทว่าเธอบอกได้เลยว่าพวกเธอเป็นเพียงสองคนที่เชื่อมั่นในตัวเธอด้วยใจจริงเมื่อเธอมีปัญหาแต่ดูเอาเถอะ พวกเธอต้องเอยอย่างไร“ซาร่า ทำไมเธอถึงโหดร้ายได้ขนาดนี้?” แชริตี้โมโหมากจนดวงตาแดงก่ำ อีกทั้งร่างกายของเธอสั่นเทา ถ้าไม่มีกระจกกั้นระหว่างพวกเธอสองคน เธอคงจะพุ่งเข้าไปและจัดการซาร่าด้วยตัวเอง“ฉันโหดร้ายได้มากกว่านี้อีก”ซาร่าพอใจที่เห็นว
ขณะฌอนอุ้มซูซี่ขึ้นรถ จู่ ๆ คนขับก็ถามขึ้นว่า “นี่ลูกของคุณหรือเปล่าครับ?”“... อืม” ฌอนตอบไปทั้งอย่างนั้นเนื่องจากเลียมหายตัวไป เขาจึงจะปฏิบัติต่อซูซี่เหมือนลูกสาวแท้ ๆ ของเขาต่อไปในอนาคต"คุณทั้งคู่ดูเหมือนกันมากเลยนะครับ" คนขับยิ้ม"ใช่ครับ เธอดูเหมือนผม" ฌอนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายผสมปนเป “คุณเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อเร็ว ๆ นี้ใช่ไหม? ผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลยครับ”"ใช่ครับ" คนขับหันกลับไปขึ้นรถหลังจากที่รถทั้งสองคันขับผ่านกันไป ฌอนก็เหลือบมองไปยังทิศทางที่รถคันนั้นกําลังมุ่งหน้าไปคฤหาสน์ที่ด้านบนนั้นเคยเป็นคฤหาสน์ของตระกูลฮิลล์ชายผู้นั้นใช่คนที่ซื้อคฤหาสน์ไปหรือเปล่านะ?แต่เขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะรวบรวมความคิดที่เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์ เนื่องจากเขาเพิ่งรู้ว่าแคทเธอรีนกําลังจะไปอยู่ด้วยกันกับเวสลีย์เขามั่นใจว่าเวสลีย์คงนอนกับแคทเธอรีนแล้วหัวใจของเขาอัดแน่นเมื่อนึกถึงแคทเธอรีนนอนอยู่ใต้ร่างของเวสลีย์จุดนี้ไม่สำคัญอะไรหรอก สิ่งที่ฌอนกังวลมากกว่าคือความเป็นไปได้ที่แคทเธอรีนจะตั้งครรภ์ลูกของเวสลีย์ เวสลีย์ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน ฌอนไม่รังเกียจที่แยกทางกับแคทเธอรีนหรอก
“เวสลีย์ ลียงส์ นายก็หยาบคายกับฉันมาตลอดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? น่าเสียดายที่นายซ่อนมันดีเกินไป ไว้มาดูกันตอนที่หน้ากากของนายหลุดเถอะ”ทันทีที่ฌอนพูดจบเขาก็เหลือบมองแคทเธอรีน เมื่อได้เห็นสีหน้าเรียบเฉยของเธอ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดอยู่ลึก ๆ ข้างในซูซี่เลื่อนหน้าต่างด้านหลังลงและยื่นศีรษะเธอออกมา จากนั้นเธอก็ถามด้วยน้ำเสียงเร่งเร้าว่า “ลุงฌอนคะ ลุงจะพูดไปอีกนานแค่ไหนคะ?”"ลุงกําลังจะไปเดี๋ยวนี้จ้ะ" ฌอนก้าวขึ้นรถเมื่อเขาขับรถออกไป เขาเห็นเวสลีย์ก้มศีรษะลงจูบปากกับแคทเธอรีนผ่านกระจกมองหลังเขาจับพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดที่หลังมือปูดโปนออกมา ขณะเดียวกันเขาก็กดคันเร่งลงไปอย่างดุเดือดรุนแรงยิ่งขึ้นด้วยความโกรธซูซี่เริ่มหวีดร้องด้วยความตกใจ “ลุงฌอน ลุงขับรถเร็วเกินไปแล้ว! หนูกลัวนะคะ"ฌอนกลับมามีสติสัมปชัญญะทันที เขาลดความเร็วลงอย่างว่องไวและยอมรับความผิด "โทษทีนะจ๊ะ"“ลุงฌอน ลุงยังไม่บรรลุนิติภาวะเหรอเนี่ย ไม่น่าแปลกใจเลยที่ภรรยาของลุงทิ้งลุงไป” ซูซี่อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเขาด้วยมือเธอที่ท้าวสะเอวอยู่“... หนูพูดถูก" ฌอนหลบตาลงอย่างเศร้าซึมซูซี่ถอนหายใจกับพฤติกรรมของเขา เธอรู้ว่าแม่ของเ
แคทเธอรีนไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอื่นใดเลย ทว่าฌอนรู้สึกอารมณ์ปั่นป่วนกระวนกระวายช่วงสองสามวันมานี้ เขาพบว่าตัวเองอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่าจะพบเธอดีหรือไม่ เขาลังเลที่จะพบเธอ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็คิดถึงเธอสุดหัวใจ“แคธี่ผมขอโทษ ผมไม่รู้จริง ๆ นะ...” ฌอนเริ่มอธิบายเหมือนเด็กหลงทาง “ผมไม่ได้ตั้งใจจะทําตัวแบบนั้น ผมคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องไร้สาระเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับผมด้วย การสะกดจิตของซาร่านั้นแรงกล้ามากจนเขียนทับความทรงจําของผมไปจนหมดและทําให้ผมเกลียดคุณมากเหลือเกิน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมผมถึงไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่ามัน...” .“แล้วคุณมาขอให้ฉันยกโทษให้คุณเหรอ?” จู่ ๆ แคทเธอรีนก็หันหน้ากลับมาทันที ดวงตาเงียบสงบของเธอจับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขา“ผม...” ฌอนกระอักกระอ่วนใจจนไม่รู้จะพูดยังไง ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความทุกข์ระทม “แคธี่ผมรักคุณความรักของผมที่มีต่อคุณไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยนะ...”"ฮะ!"ในที่สุดแคทเธอรีนก็หัวเราะ “ฌอนถึงคุณจะไม่ได้ถูกซาร่าสะกดจิตแต่ป่านนี้เราอาจจะหย่ากันไปแล้วก็ได้นะ”ฌอนอึ้งไปเลย "คงไม่เป็นแบบนั้นหรอก"“ตลกดีที่ฉันเป็นคนเดียวที่จําความสัมพันธ์นั้นของเรา
แคทเธอรีนวางสายเมื่อเธอมาถึงวิลล่าของครอบครัวยูลเป็นเวลาสองทุ่มแล้ว เวสลีย์กําลังเล่านิทานให้เด็กทั้งสองฟังด้วยท่าทางอ่อนโยนและเสียงทุ้มเบา ๆ เขามองดูเหมือนคุณพ่อใจดีเมื่อเห็นภาพอย่างนี้ ความรู้สึกผิดก็พุ่งปะทะเข้ามาในจิตใจของแคทเธอรีน เธอนี่นะสงสัยเขาได้ลงคอนั่นมันมากไปแล้วจริง ๆหลังจากที่เวสลีย์เล่านิทานจบเขาถึงสังเกตเห็นเธอ "คุณกลับมาแล้ว"โจเอลจ้องแคทเธอรีนเขม็ง “ลูกเป็นแม่ของซูซี่และลูคัสนะแต่ลูกกลับบ้านดึกตลอด แม้แต่เวสลีย์ก็ยังทําหน้าที่เป็นพ่อแม่ได้ดีกว่าลูกอีก”“ลูกจะไตร่ตรองตัวเองและจะไม่ทําอีกค่ะ” แคทเธอรีนขอโทษอย่างจริงใจ“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณทุ่มเททํางานไปเถอะครับผมจะช่วยคุณดูแลลูก ๆ คุณที่บ้านเอง” เวสลีย์กล่าวด้วยรอยยิ้มมองเขาแล้วแคทเธอรีนจึงตัดสินใจบางอย่างอยู่ลึก ๆ ในใจ…ในตอนกลางคืนแคทเธอรีนอยู่เป็นเพื่อนซูซี่และลูคัสจนพวกเขาหลับ จู่ ๆ ซูซี่ก็พูดว่า “แม่ขา คุณย่าโทรหาหนูวันนี้และบอกว่าย่าคิดถึงหนู ปู่ทวดและย่าทวดก็คิดถึงหนูด้วยเช่นกันค่ะ หนูรู้สึกอยากเอ่อ ... อยู่ที่นั่นสักพักค่ะ”"การไปอยู่ที่นั่นดีอะไรนักหนา?" ลูคัสถามอย่างไม่พอใจซูซี่ทําหน้ามุ่ยโดย
"ไม่จําเป็น" เฟรยาส่ายหัว “ฉันไม่ต้องการให้คุณมารับผิดชอบฉันหรอก แต่เนื่องจากตระกูลสโนว์บังคับให้ฉันให้กําเนิดเด็กคนนี้และถึงกับข่มขู่ฉันด้วยเด็กคนนี้ดังนั้นฉันจะให้กําเนิดเขาแต่ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณหรอกนะ”ร็อดนีย์ไม่เคยคิดเลยว่าเธอเลือกจะให้กําเนิดลูกทั้งที่ยังไม่แต่งงานมากกว่าที่จะแต่งงานกับเขาซะอีกเขาควรจะดีใจสิ ทว่าเขาก็อารมณ์เสียซะอย่างนั้น“เฟรยา ลินช์ คุณไม่ชอบผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”“...”“ฉันไม่เคยชอบคุณเลยน่ะสิ”เฟรยาเก็บอาการดูถูกเขาไว้ข้างในใจก่อนที่เธอจะเอ่ยอย่างจริงจังว่า “เมื่อสามปีก่อนฉันเคยมีความสัมพันธ์ฉันตกหลุมรักชายคนหนึ่งที่วิทยาลัยและเราอยู่ด้วยกันมาสี่ถึงห้าปี เรายังได้พบกับพ่อแม่ของแต่ละฝ่ายและพร้อมที่จะมีงานแต่งงานของเรา แต่แล้ววันหนึ่งเขาปล่อยให้ครอบครัวของฉันกับฉันต้องรอเก้อเพื่อหวานใจในวัยเด็กของเขา เขาไม่ได้ทําแค่ครั้งเดียวแต่เป็นครั้งแล้วครั้งเล่า เขามักจะยกให้เพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาอยู่เหนือสิ่งอื่นใดเสมอ“เมื่อใดก็ตามที่เราไปออกเดทกัน เขาก็จะพาเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาไปด้วย“เมื่อเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาป่วยเขาก็จะดูแลเธอ“เขาอ้างว่าเขาปฏิบ
“ฉันไม่สน เนื่องจากคุณโยนผักดองของฉันทิ้งไปแล้ว คุณต้องทําอาหารให้ฉัน ฉันหิวนะ"ร็อดนีย์เหลือบมองท้องของเฟรยา ตอนแรกเขาไม่อยากทําอาหารให้เธอหรอก ทว่าเขากังวลว่าเฟรยาจะนําลูกอ๊อดน้อยในตัวเธอออกไปกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ในที่สุดเขาก็ยอมจํานนต่อโชคชะตาของเขาและตัดสินใจทําอาหารให้เธอแต่เมื่อเขาเปิดตู้เย็นของเธอดู เขาก็ไม่พบส่วนประกอบเครื่องปรุงใด ๆ นอกจากเส้นพาสต้าเขาถอนหายใจออกมา “เฟรยา ลินช์ คุณเป็นผู้หญิงนะ คุณทําตัวเป็นแม่บ้านให้มากกว่านี้ไม่ได้เหรอ? คุณไม่มีไข่ที่บ้านด้วยซ้ำ ไม่มีใครอยากอยู่กับคุณหรอก” “ฉันกินในที่ทำงานทุกวัน ฉันทํางานให้คุณยังกับหมานะ แล้วคุณยังมาคาดหวังให้ฉันกลับมาเข้าครัวทําอาหารหลังจากที่ฉันเพิ่งทํางานล่วงเวลาเสร็จอีกเหรอ? ฉันมีเวลาว่างมากนักเหรอไง?”เฟรยาวิจารณ์เขาอย่างเผ็ดร้อน “อย่ามองฉันแบบนั้นสิ ซาร่าก็ไม่ดีไปกว่าฉันหรอก เธอยังจ้างแม่บ้านมาคนหนึ่งไม่ใช่เหรอไง?” “คุณนี่พล่ามไปใหญ่ บางครั้งเธอก็ทําอาหารด้วยตัวเองแหละน่า”“ฮ่า! คุณหมายถึงสัปดาห์ละครั้งเหรอ? ฉันก็ทําแบบนั้นแหละ”“...”ร็อดนีย์เงียบไปเลยเมื่อเอ่ยเรื่องนั้นขึ้นมาเห็นได้ชัดว่าเขาโน้
เฟรยาขมวดคิ้วย่น ก่อนหน้านี้เธอไม่ชอบกินผักดองและสงสัยว่าทําไมผู้คนมากมายถึงได้ชอบกินอาหารหมักดองอย่างนี้กันนัก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้ตัวว่าติดหนึบมันเข้าแล้วในเดือนนี้ด้วยเหตุนี้เธอถึงได้รู้ว่าเพราะการตั้งครรภ์ของเธอนั่นเองเป็นเหตุ“เข้าใจผิดแล้ว ฉันเพิ่งจะเริ่มชอบผักดองเพราะว่าฉันตั้งครรภ์ เป็นทารกเองที่ต้องการหม่ำของพวกนั้น” เธอตอบด้วยท่าทางว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก“ลูกของผมไม่ชอบกินอาหารหมักดองแบบนี้หรอก” ร็อดนีย์คว้าขวดโหลออกไปและเทผักดองทั้งหมดลงไปในถังขยะโดยไม่ลังเลเฟรยาระเบิดลงทันที “ร็อดนีย์ สโนว์ คุณรู้ไหมว่าผักดองขวดหนึ่งมันแพงขนาดไหน? มันมีราคากว่าสิบดอลลาร์เชียวนะ”“...”ร็อดนีย์อึ้งจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด “นั่นแพงเรอะ ฮึ? คุณกําลังพักอยู่ในอพาร์ตเมนต์แบบดูเพล็กซ์มูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์และได้รับค่าจ้างเดือนละหลายแสนดอลลาร์ คุณยังมีเงิน 100 ล้านดอลลาร์ในบัตรที่โอเชอร์ คอร์ปอเรชั่นมอบให้คุณไปเมื่อวันก่อนด้วย คุณกล้าพูดว่าผักดองมีราคาแพงได้ยังไงกัน?!”“มันก็แพงอยู่ดี ผักดองในถุงเล็ก ๆ ที่ฉันได้มาบ่อย ๆ ราคาเพียงแค่ห้าดอลลาร์เอง”"หุบปากเลย"ร็อดนีย์เบื่อหน่ายกับเธอ
เชสเตอร์ตะคอก “ก็ได้ นายแค่ลําเอียงเข้าข้างซาร่า แต่ขอฉันเตือนนายหน่อยนะว่าหากนายออกจากตระกูลสโนว์ไปแล้ว รับรองว่ายัยซาร่าจะทิ้งนายไปในไม่ช้าก็เร็ว”"นายนี่ตอแหลว่ะ"ร็อดนีย์อดไม่ได้ที่จะโวยวายใส่เขา “เชสเตอร์ จิวเวลนายก็เหมือนกับฌอน! ทําไมพวกนายถึงเป็นแบบนี้กันไปได้? พวกเราทั้งห้าคนโตมาด้วยกัน แต่พวกนายก็ยังมาเลือกปฏิบัติต่อซาร่าอีก”“ใช่ คนทั้งโลกกําลังเลือกปฏิบัติต่อซาร่าและนายเป็นเพียงคนเดียวที่ปกป้องเธอ นายเป็นคนฉลาดหัวใสและคนอื่นมีบางอย่างผิดปกติ งั้นเอาเลยไปสู้โลกเพื่อประโยชน์ของเธอรวมทั้งฆ่าลูกของนายเองด้วย”เชสเตอร์เริ่มรําคาญ “ฉันกําลังจะทําการผ่าตัดตอนนี้ ฉันไม่ว่างที่จะคุยกับนายละนะ”ทันทีที่เขาจบการสนทนา เขาก็เดินดุ่มออกไปด้วยสีหน้าสงบนิ่งอันที่จริงการพูดคุยกับร็อดนีย์ทําให้เลือดของเขาเดือดดาลเชสเตอร์เริ่มรู้สึกเห็นอกเห็นใจเฟรยาขึ้นมาเล็กน้อยจากนั้นร็อดนีย์ก็เดินออกจากสำนักงานแพทย์เขาเดินลงบันไดมาอย่างร่างไร้วิญญาณเมื่อเขาเซล้มลงไปโดยบังเอิญที่หน่วยกุมารเวชศาสตร์คุณพ่อคนหนึ่งในวัย 30 ปีที่กําลังกอดทารกน้อยน่ารักเดินผ่านเขาไปพอดี ทารกขวบเดียวคนนั้นมีดวงตาโ
พ่อ...คํานี้ทําให้ร็อดนีย์อึ้งไปครู่หนึ่งทันทีเวนดี้พูดอย่างตั้งใจว่า “ใช่ ลูกอาจมีส่วนแค่สเปิร์มตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้เด็กคนนี้มีความยาวประมาณหนึ่งเซนติเมตรแล้วนะ ลูกอาจเคยคิดที่จะทําให้เธอแท้งเด็ก แต่ลูกเคยคิดบ้างไหมว่าการทําแท้งจะสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของผู้หญิงคนหนึ่งได้มากขนาดไหน?“มันง่ายมากเลยที่ลูกจะพูดแบบนั้นเพราะว่าลูกไม่ใช่คนที่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด ร่างกายของผู้หญิงจะได้รับความเสียหายหลังจากผ่านการทําแท้ง ผู้หญิงบางคนถึงกับประสบกับภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ นานาหรือมีอุปสรรคปัญหาในการตั้งครรภ์อีกครั้ง“นอกจากนี้ลูกคิดว่าถ้าแฟนหรือสามีในอนาคตของเธอรู้ว่าเธอเคยทำแท้งลูกของชายอื่นมาก่อน พวกเขาจะมองเธอยังไง? ลูกลองมองในมุมของเธอบ้าง ถ้าลูกรู้ว่าภรรยาในอนาคตของลูกเคยตั้งท้องลูกของชายอื่นมา ลูกจะผิดหวังไหม?”ร็อดนีย์ยังคงเงียบขณะฟังถ้อยคําเหล่านั้นเขาไม่ได้ใจร้ายโดยสันดาน หลังจากที่เวนดี้ชี้แนะเขาอย่างละเอียด ความสับสนเจ็บแปลบและความรู้สึกผิดก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในจิตใจของเขาในตอนนั้นเขาเคยคิดที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนก็ได้เพื่อตอบสนองความปรารถนาของพ่อแม่ถ้าหาก