“ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกค่ะ ฉันจะไม่คิดมากกับเรื่องนี้ ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะคิดอะไรจุกจิกนอกจากเรื่องของคุณพ่อ” แคทเธอรีนพูดแทรกขึ้นเขามาอย่างไม่ใส่ใจเขาไม่รู้ว่าเธอรู้เรื่องซาร่ามานานแล้วเธอยังรู้อีกว่าซาร่าตราตรึงอยู่ในส่วนลึกของหัวใจของเขานั่นคือเหตุผลที่ทำไมเธอไม่ควรที่จะรู้สึกอึดอัดเพราะเธอผ่านช่วงเวลาของความรู้สึกอึดอัดใจแบบนั้นมาแล้วไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะไม่ยอมรับเรื่องนั้นเหมือนกันคนตายสู้คนเป็นไม่ได้อยู่แล้ว“...ตกลง แบบนั้นก็ดีแล้ว” ถึงจะพูดแบบนั้นออกไป แต่หัวใจของฌอนยังคงรู้สึกห่อเหี่ยวโดยไม่รู้ตัวเขากลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดหรือคิดมาก ถึงอย่างไร เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจที่เห็นว่าเธอไม่ได้แสดงความรู้สึกกังวลใด ๆ ออกมาเลยไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เหตุผลที่ทำให้เธอไม่คิดมากอาจจะเป็นเพราะเธอไม่ได้รักเขามากพอเขาจ้องมองเธอความขุ่นเคืองภายในหัวใจของเขากำลังก่อตัวขึ้นใหม่อีกครั้งเขาออกไปสูบบุหรี่สองมวนเขากลับมาในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา แคทเธอรีนกำลังป้อนน้ำให้กับโจเอลตอนที่เธอได้ยินเสียงประตู เธอหันไปชำเลืองมองเขาแล้วก็เบี่ยงสายตาหนีฌอนรู้สึกอึดอัดภายในใจของเข
“ฉันก็แค่อยากรู้เอง เป็นไปได้ไหมคะที่เขาจะหยุดความต้องการของเขาเอาไว้ได้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้แต่งงานตอนที่เขาอายุมากแล้ว?”ฌอนเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองแคทเธอรีนด้วยสายตาที่ยากจะเข้าใจ “แน่นอนว่าเป็นไปได้ ผมเองก็อยู่คนเดียวมาตลอดก่อนที่ผมจะเจอกับคุณ”“...แล้วแฟนเก่าของคุณล่ะ?” เธอไม่อาจทนเก็บไว้ได้อีกแล้ว คำพูดบางคำไม่อาจพูดออกมาดัง ๆ ได้ แต่เธอก็ไม่ควรถูกทำเหมือนคนโง่ท่าทางของฌอนเปลี่ยนไปทันที หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นด้วยความรู้สึกที่ผสมปนกันไปหมด “ผม...”ทว่าแคทเธอรีนไม่อยากฟังเขาต่อ เธอจึงเปลี่ยนเรื่องคุยโดยพูดขึ้น “ถ้าผู้ชายไม่แต่งงาน มันเป็นเพราะเขามีเซ็กส์ไม่ได้ หรือเขาอาจจะมีใครในหัวใจ ฉันคิดว่าเขาต้องชอบนิโคลา”ฌอนพูดขึ้น “... ไม่มีทาง”“คุณไม่เชื่อฉันหรือคะ?” แคทเธอรีนนิ่วหน้า “สัญชาตญาณของผู้หญิงแม่นยำมากเลยนะคะ เมื่อก่อนฉันเคยอ่านหนังสือจิตวิทยามา คนที่พิการตั้งแต่ยังเด็ก บางคนก็มองโลกในแง่ดีและมีความสุข ในขณะที่บางคนก็มีนิสัยเลวร้าย”“ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม นี่ก็เป็นแค่การคาดเดาของคุณนะ ต้องมีหลักฐาน แต่คนที่ทำร้ายพ่อของคุณต้องกลัวว่าเขาจะฟื้นคืนสติขึ้นมา คนคนนั้นอาจ
“...”แบบนี้ควรเป็นเรื่องปกติหรือเปล่า? หัวข้อการสนทนาเปลี่ยนจากเรื่องหนึ่งไปสู่อีกเรื่องหนึ่งอย่างรวดเร็วถ้าเป็นเมื่อก่อนที่เมลเบิร์น แคทเธอรีนจะต้องตอบกลับว่าเธอรักเขาอย่างไม่ลังเลแน่นอน ทว่าในตอนนี้...ความลังเลในชั่วระยะสั้น ๆ ของเธอ ทำให้ฌอนรู้สึกใจหาย “ยากนักเหรอที่จะตอบคำถามนี้?”“คุณสามีคะ ตอนนี้คุณควรจะไปทำงานได้แล้วนะ” แคทเธอรีนผลักเขาออกไปและขึ้นไปที่ชั้นบนฌอนมองดูเธอจากไป และแววตาของเขาก็หม่นลงเขาไม่ได้โง่จนไม่รู้ความหมายของคำพูดเหล่านั้นของเธอว่ามันหมายความว่าอย่างไรหลังจากมาถึงที่บริษัทเขาสืบค้นในเว็บด้วยความหงุดหงิด: [ทำไมผู้หญิงถึงไม่หึง?]คำตอบที่ 1 : [ผู้หญิงคนนี้พึ่งพาตัวเองได้ เธอมีเหตุผล และรู้จักระงับความรู้สึกของตัวเองแม้ว่าเธอจะออกเดทอยู่]คำตอบที่ 2 : [ผู้หญิงคนนี้ใจแข็ง เธอมีความเชื่อใจในอีกฝ่าย และเธอให้ความเข้าใจเขาอย่างเต็มที่]คำตอบที่ 3 : [เธอไม่ได้รักคุณมากพอ]“...”คำตอบที่สามเป็นบ้าอะไร?เขาทำถ้วยที่ถืออยู่แตกเฮดลีย์ที่ได้ยินเสียงดังขึ้นมาและมองเขาด้วยความเป็นห่วง อารมณ์ของคุณชายฮิลล์คนโตเริ่มแย่ลงอีกแล้วเขาไม่เข้าใจ คุณชายฮิลล์ค
เป็นครั้งแรกที่แพทริครู้สึกว่าเขาไม่อาจแตะต้องเธอได้“เอาล่ะ ดูเหมือนเธอจะเจอกับแพทริคแล้ว” อีกด้านหนึ่งของปลายสาย แคทเธอรีนหัวเราะขึ้นอย่างเศร้าใจ “เขามาหาฉันเมื่อวานนี้ พวกเธอควรคุยกันนะ”“... ตกลง” เฟรยาค่อย ๆ ใจเย็นลง เธอเงยหน้าขึ้นมองแฟนเก่าของเธอ“เฟรยา ทำไมคุณถึงไม่บอกผมว่าคุณมาทำงานที่แคนเบอร์รา?” แพทริคยิ้มให้เธอเศร้า ๆ “คุณบล็อกเบอร์โทรศัพท์ของผมและข้อความวอทส์แอป คุณยังโกรธจนทำให้เป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดนี้เลยเหรอ?”“ทำให้เป็นเรื่องใหญ่อย่างนั้นเหรอ?” หัวใจของเฟรยาเย็นชา ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขายังคิดว่าเธอแค่โมโหตามปกติ แล้วมันจะผ่านไปตราบใดที่เขามาง้อเธออย่างนั้นเหรอ?“ได้ ผมยอมรับว่าตอนนั้นผมผิด ผมได้คิดไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของผมแล้ว แต่เรื่องที่เกิดขึ้นก็ผ่านมาตั้งนานแล้วนะ อย่าโกรธเลย เมื่อเรากลับไป ผมจะไปพบครอบครัวของคุณที่บ้านเพื่อแสดงความขอโทษ แล้วเราจะแต่งงานกันทันที” แพทริคจับมือของเธอเอาไว้เขาไม่ชินจริง ๆ กับวันเวลาที่ไม่มีเธออยู่ใกล้ ๆเขาเคยคิดว่าการออกเดทเป็นเรื่องวุ่นวาย ถึงเขาจะยุ่งอยู่กับงาน แต่เขายังต้องหาเวลาไปหาเธออีกทว่าหลังจากที่เธอจากมา เขาก็เริ่
เฟรยายังคงโกรธอยู่เมื่อเธอได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของผู้ชายคนหนึ่งเธอหันกลับไปมองแล้วก็เห็นร็อดนีย์ ผู้ชายที่สะดุดตาคนนั้นเดินเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางสบายใจ“ที่รัก ก็ไหนเมื่อคืนนี้คุณพูดเองว่าคุณรักผมแค่คนเดียว แต่วันนี้คุณกลับมาอยู่กับผู้ชายคนอื่น คุณกำลังล้อผมเล่นอยู่ใช่ไหม?” คำพูดที่กำกวมของร็อดนีย์ทำให้เฟรยาขนลุกไปทั้งตัว“เขาเป็นใคร? คุณเป็นอะไรกับเขา?” ใบหน้าอันหล่อเหลาของแพทริคเคร่งขรึมขึ้นเมื่อเขาเห็นผู้ชายที่จู่ ๆ ก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ผู้ชายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ระมัดระวังตัว ถ้าร็อดนีย์เทียบกับเขาไม่ได้ในทุก ๆ ด้าน เขาคงจะไม่สนใจเลย ทว่าร็อดนีย์กลับดูดีและมีท่าทีสง่างาม ร่างกายของเขาเปล่งออร่าความเอาแต่ใจและน่าเกรงขามออกมา เขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนเฟรยากลอกตา เธอคล้องแขนของเธอกับแขนของร็อดนีย์ทันทีและพูดขึ้นว่า “ฉันลืมบอกคุณไป ว่าฉันมีแฟนใหม่แล้ว เขานี่แหละ”ร่างกายของร็อดนีย์แข็งทื่อไปหมด ทำไมเหตุการณ์ถึงไม่เหมือนกับที่เขาคาดเอาไว้?นั่นไม่ใช่แฟนของเธอเหรอ? เขาแค่เข้ามาทำให้พวกเขาเลิกกัน แต่ทำไมกลับกลายเป็นว่าช่วยเฟรยาแทนล่ะ?“เป็นไปไม่ได้” ใบหน้าของแพทริคซีดเผือดด
ผู้หญิงที่เป็นคนจูบเขาก่อนหน้านี้กำลังเช็ดหน้าเช็ดปากของเธออย่างแรง ราวกับว่าเธอไปจูบอะไรที่สกปรกมา“เฟรยา ลินช์...” ร็อดนีย์โกรธจัด“อยากได้ทิชชู่ไหม?” เฟรยาหยิบกระดาษทิชชู่แผ่นหนึ่งส่งให้เขา ดวงตาลึกซึ้งของเธอยังส่องประกายด้วยน้ำตาราวกับลูกแมวไร้เดียงสาร็อดนีย์หยิบทิชชู่มาด้วยความรำคาญ และเช็ดริมฝีปากของเขาทันที “สกปรกโสโครก”“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกันแหละ” เฟรยาพยักหน้ารับในขณะที่เธอเห็นด้วย “จูบกับคนแปลกหน้าที่ฉันไม่ได้รักนี่อึดอัดมากเลยเนอะ”“...”เธอไม่รู้สึกเหรอว่าเขาพยายามทำให้เธอขายหน้า?ร็อดนีย์รู้สึกว่าความโกรธของเขากำลังถูกเมินเฉย และหัวใจของเขาแทบจะปวดร้าวจากความโกรธ “แล้วเธอร้องไห้ทำไม? ฝืนใจทิ้งผู้ชายคนนั้น แต่เธอกลับฉีกหน้าเขา เธอไม่คิดว่าดูเจ้ามารยาไปหน่อยเหรอ?”“นายไม่มีแฟนแน่ ๆ” เฟรยาพูดขึ้นทันที “จูบเมื่อกี้นายแบบเงอะ ๆ งะ ๆ สุด ๆ ไปเลย คงไม่ใช่จูบแรกของนายหรอกใช่ไหม?”“พล่ามอะไรไร้สาระ...”ร็อดนีย์รู้สึกอับอายเป็นอย่างมากที่เธอรู้ทันเขา เขาอดไม่ได้ที่จะพ่นคำหยาบคายออกไป“ดูเหมือนว่าฉันจะเดาถูก” เมื่อดูท่าทางที่เหมือนกับจะระเบิดด้วยความโกรธ ความรู้สึกแปล
“ฉันทำสำหรับสี่คนทานทุกครั้งเลยนะคะ แล้วฌอนก็ทานหมดตลอดเลย” แคทเธอรีนหยิบบล็อกโคลี่ออกมาจากตู้เย็นเพิ่มป้าจัสมินรู้สึกสนใจ “นี่เป็นอนุภาพแห่งความรักหรือเปล่าคะ? ดิฉันเฝ้าดูคุณชายฮิลล์คนโตเติบโตขึ้นมา เขาทานอาหารไม่เก่ง เหมือนกับว่าเขาไม่ชอบทานอะไรเลย แล้วมันก็ดีมากพอแล้วที่เขาจะทานข้าวได้สักชาม”“...”พูดตามตรง ถ้าแคทเธอรีนไม่ได้อยู่กับเขาในแคนเบอร์รา เธอคงไม่มีวันเชื่อคำพูดของป้าจัสมินเมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เขาต้องชอบอาหารที่เธอทำตอนที่อยู่ที่เมลเบิร์นแน่นอน เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยพูดความรู้สึกและความคิดของเขาออกมา เขาบอกแค่ว่าอาหารของเธอก็พอจะกินได้เขานี่อวดดีอะไรขนาดนี้ทว่า เมื่อมีคนชอบอาหารที่เธอทำ นั่นทำให้เธอมีความกระตือรือร้นที่อยากจะทำอาหารมากขึ้น“เดี๋ยวป้าก็จะรู้ค่ะ ว่าเขาทานเก่งแค่ไหน” แคทเธอรีนเริ่มหั่นหมูการทำหมูย่างต้องใช้เวลานานพอสมควรระหว่างที่เธอรอ เธออ่านข่าวในโทรศัพท์ของเธอทว่า เมื่อเธอเห็นการค้นหายอดนิยมที่สุดในค่ำคืนนี้ [คุณชายฮิลล์คนโตกับการฆ่าคนตายในอดีต] หญิงสาวอึ้งไปเธอรู้สึกไม่ดีจอยโฟล์ค ไฟแนนเชี่ยล ไทมส์ : [ธาตุแท้ของคุณชายคนโตแห่งออสเต
แคทเธอรีนรีบขึ้นไปข้างบนและพบขวดยาหลายขวดในลิ้นชักของห้องทำงานเธอค้นหาชื่อยาในโทรศัพท์ และยาทั้งสองชนิดคือยาที่ทำให้อารมณ์คงที่และยารักษาโรคทางจิตข่าวนั่น… เป็นความจริงอย่างนั้นเหรอ?เมื่อก่อนเขาต้องการฆ่าพี่เลี้ยงที่ดูแลเขา และตอนนี้เขายังเคยทำร้ายเธอด้วยซ้ำ ในวันข้างหน้า เขาคงคิดที่จะ...หญิงสาวรู้สึกเย็นวาบไปทั้งกระดูกสันหลัง และไม่กล้าลงไปข้างล่าง“คุณผู้หญิงคะ คุณชายฮิลล์คนโตยังไม่กลับ คุณจะโทรหาเขาไหมคะ?” ป้าจัสมินปรากฏตัวที่ประตู เมื่อเธอเห็นยาที่แคทเธอรีนกำลังถืออยู่ สีหน้าของเธอก็ดูนิ่งอึ้งไป “ยาพวกนี้...”“ป้าจัสมินคะ ป้าบอกว่าป้าเฝ้ามองฌอนเติบโตมา ถ้างั้นป้าคงจะรู้… เรื่องอาการป่วยทางจิตของเขาใช่ไหมคะ?” ใบหน้าของแคทเธอรีนซีดเผือด ทั้งริมฝีปากของเธอก็สั่นเทาป้าจัสมินทำอะไรไม่ถูก เธอเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อน “คุณไปรู้มาจากที่ไหนคะ? เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้...”“มันอยู่ในอินเตอร์เน็ตเต็มไปหมดเลยค่ะ” แคทเธอรีนเอารูปภาพให้เธอดู “ป้าจัสมินคะ ทั้งหมดนั่นเป็นเรื่องจริงเหรอคะ?”ป้าจัสมินตกใจเมื่อได้เห็นรูปภาพ “ใครเป็นคนเผยแพร่รูปพวกนี้กันคะ? นี่มันมากเกินไปแล้ว… คุณผู้หญิงคะ คุ
ขณะฌอนอุ้มซูซี่ขึ้นรถ จู่ ๆ คนขับก็ถามขึ้นว่า “นี่ลูกของคุณหรือเปล่าครับ?”“... อืม” ฌอนตอบไปทั้งอย่างนั้นเนื่องจากเลียมหายตัวไป เขาจึงจะปฏิบัติต่อซูซี่เหมือนลูกสาวแท้ ๆ ของเขาต่อไปในอนาคต"คุณทั้งคู่ดูเหมือนกันมากเลยนะครับ" คนขับยิ้ม"ใช่ครับ เธอดูเหมือนผม" ฌอนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายผสมปนเป “คุณเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อเร็ว ๆ นี้ใช่ไหม? ผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลยครับ”"ใช่ครับ" คนขับหันกลับไปขึ้นรถหลังจากที่รถทั้งสองคันขับผ่านกันไป ฌอนก็เหลือบมองไปยังทิศทางที่รถคันนั้นกําลังมุ่งหน้าไปคฤหาสน์ที่ด้านบนนั้นเคยเป็นคฤหาสน์ของตระกูลฮิลล์ชายผู้นั้นใช่คนที่ซื้อคฤหาสน์ไปหรือเปล่านะ?แต่เขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะรวบรวมความคิดที่เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์ เนื่องจากเขาเพิ่งรู้ว่าแคทเธอรีนกําลังจะไปอยู่ด้วยกันกับเวสลีย์เขามั่นใจว่าเวสลีย์คงนอนกับแคทเธอรีนแล้วหัวใจของเขาอัดแน่นเมื่อนึกถึงแคทเธอรีนนอนอยู่ใต้ร่างของเวสลีย์จุดนี้ไม่สำคัญอะไรหรอก สิ่งที่ฌอนกังวลมากกว่าคือความเป็นไปได้ที่แคทเธอรีนจะตั้งครรภ์ลูกของเวสลีย์ เวสลีย์ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน ฌอนไม่รังเกียจที่แยกทางกับแคทเธอรีนหรอก
“เวสลีย์ ลียงส์ นายก็หยาบคายกับฉันมาตลอดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? น่าเสียดายที่นายซ่อนมันดีเกินไป ไว้มาดูกันตอนที่หน้ากากของนายหลุดเถอะ”ทันทีที่ฌอนพูดจบเขาก็เหลือบมองแคทเธอรีน เมื่อได้เห็นสีหน้าเรียบเฉยของเธอ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดอยู่ลึก ๆ ข้างในซูซี่เลื่อนหน้าต่างด้านหลังลงและยื่นศีรษะเธอออกมา จากนั้นเธอก็ถามด้วยน้ำเสียงเร่งเร้าว่า “ลุงฌอนคะ ลุงจะพูดไปอีกนานแค่ไหนคะ?”"ลุงกําลังจะไปเดี๋ยวนี้จ้ะ" ฌอนก้าวขึ้นรถเมื่อเขาขับรถออกไป เขาเห็นเวสลีย์ก้มศีรษะลงจูบปากกับแคทเธอรีนผ่านกระจกมองหลังเขาจับพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดที่หลังมือปูดโปนออกมา ขณะเดียวกันเขาก็กดคันเร่งลงไปอย่างดุเดือดรุนแรงยิ่งขึ้นด้วยความโกรธซูซี่เริ่มหวีดร้องด้วยความตกใจ “ลุงฌอน ลุงขับรถเร็วเกินไปแล้ว! หนูกลัวนะคะ"ฌอนกลับมามีสติสัมปชัญญะทันที เขาลดความเร็วลงอย่างว่องไวและยอมรับความผิด "โทษทีนะจ๊ะ"“ลุงฌอน ลุงยังไม่บรรลุนิติภาวะเหรอเนี่ย ไม่น่าแปลกใจเลยที่ภรรยาของลุงทิ้งลุงไป” ซูซี่อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเขาด้วยมือเธอที่ท้าวสะเอวอยู่“... หนูพูดถูก" ฌอนหลบตาลงอย่างเศร้าซึมซูซี่ถอนหายใจกับพฤติกรรมของเขา เธอรู้ว่าแม่ของเ
แคทเธอรีนไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอื่นใดเลย ทว่าฌอนรู้สึกอารมณ์ปั่นป่วนกระวนกระวายช่วงสองสามวันมานี้ เขาพบว่าตัวเองอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่าจะพบเธอดีหรือไม่ เขาลังเลที่จะพบเธอ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็คิดถึงเธอสุดหัวใจ“แคธี่ผมขอโทษ ผมไม่รู้จริง ๆ นะ...” ฌอนเริ่มอธิบายเหมือนเด็กหลงทาง “ผมไม่ได้ตั้งใจจะทําตัวแบบนั้น ผมคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องไร้สาระเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับผมด้วย การสะกดจิตของซาร่านั้นแรงกล้ามากจนเขียนทับความทรงจําของผมไปจนหมดและทําให้ผมเกลียดคุณมากเหลือเกิน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมผมถึงไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่ามัน...” .“แล้วคุณมาขอให้ฉันยกโทษให้คุณเหรอ?” จู่ ๆ แคทเธอรีนก็หันหน้ากลับมาทันที ดวงตาเงียบสงบของเธอจับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขา“ผม...” ฌอนกระอักกระอ่วนใจจนไม่รู้จะพูดยังไง ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความทุกข์ระทม “แคธี่ผมรักคุณความรักของผมที่มีต่อคุณไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยนะ...”"ฮะ!"ในที่สุดแคทเธอรีนก็หัวเราะ “ฌอนถึงคุณจะไม่ได้ถูกซาร่าสะกดจิตแต่ป่านนี้เราอาจจะหย่ากันไปแล้วก็ได้นะ”ฌอนอึ้งไปเลย "คงไม่เป็นแบบนั้นหรอก"“ตลกดีที่ฉันเป็นคนเดียวที่จําความสัมพันธ์นั้นของเรา
แคทเธอรีนวางสายเมื่อเธอมาถึงวิลล่าของครอบครัวยูลเป็นเวลาสองทุ่มแล้ว เวสลีย์กําลังเล่านิทานให้เด็กทั้งสองฟังด้วยท่าทางอ่อนโยนและเสียงทุ้มเบา ๆ เขามองดูเหมือนคุณพ่อใจดีเมื่อเห็นภาพอย่างนี้ ความรู้สึกผิดก็พุ่งปะทะเข้ามาในจิตใจของแคทเธอรีน เธอนี่นะสงสัยเขาได้ลงคอนั่นมันมากไปแล้วจริง ๆหลังจากที่เวสลีย์เล่านิทานจบเขาถึงสังเกตเห็นเธอ "คุณกลับมาแล้ว"โจเอลจ้องแคทเธอรีนเขม็ง “ลูกเป็นแม่ของซูซี่และลูคัสนะแต่ลูกกลับบ้านดึกตลอด แม้แต่เวสลีย์ก็ยังทําหน้าที่เป็นพ่อแม่ได้ดีกว่าลูกอีก”“ลูกจะไตร่ตรองตัวเองและจะไม่ทําอีกค่ะ” แคทเธอรีนขอโทษอย่างจริงใจ“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณทุ่มเททํางานไปเถอะครับผมจะช่วยคุณดูแลลูก ๆ คุณที่บ้านเอง” เวสลีย์กล่าวด้วยรอยยิ้มมองเขาแล้วแคทเธอรีนจึงตัดสินใจบางอย่างอยู่ลึก ๆ ในใจ…ในตอนกลางคืนแคทเธอรีนอยู่เป็นเพื่อนซูซี่และลูคัสจนพวกเขาหลับ จู่ ๆ ซูซี่ก็พูดว่า “แม่ขา คุณย่าโทรหาหนูวันนี้และบอกว่าย่าคิดถึงหนู ปู่ทวดและย่าทวดก็คิดถึงหนูด้วยเช่นกันค่ะ หนูรู้สึกอยากเอ่อ ... อยู่ที่นั่นสักพักค่ะ”"การไปอยู่ที่นั่นดีอะไรนักหนา?" ลูคัสถามอย่างไม่พอใจซูซี่ทําหน้ามุ่ยโดย
"ไม่จําเป็น" เฟรยาส่ายหัว “ฉันไม่ต้องการให้คุณมารับผิดชอบฉันหรอก แต่เนื่องจากตระกูลสโนว์บังคับให้ฉันให้กําเนิดเด็กคนนี้และถึงกับข่มขู่ฉันด้วยเด็กคนนี้ดังนั้นฉันจะให้กําเนิดเขาแต่ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณหรอกนะ”ร็อดนีย์ไม่เคยคิดเลยว่าเธอเลือกจะให้กําเนิดลูกทั้งที่ยังไม่แต่งงานมากกว่าที่จะแต่งงานกับเขาซะอีกเขาควรจะดีใจสิ ทว่าเขาก็อารมณ์เสียซะอย่างนั้น“เฟรยา ลินช์ คุณไม่ชอบผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”“...”“ฉันไม่เคยชอบคุณเลยน่ะสิ”เฟรยาเก็บอาการดูถูกเขาไว้ข้างในใจก่อนที่เธอจะเอ่ยอย่างจริงจังว่า “เมื่อสามปีก่อนฉันเคยมีความสัมพันธ์ฉันตกหลุมรักชายคนหนึ่งที่วิทยาลัยและเราอยู่ด้วยกันมาสี่ถึงห้าปี เรายังได้พบกับพ่อแม่ของแต่ละฝ่ายและพร้อมที่จะมีงานแต่งงานของเรา แต่แล้ววันหนึ่งเขาปล่อยให้ครอบครัวของฉันกับฉันต้องรอเก้อเพื่อหวานใจในวัยเด็กของเขา เขาไม่ได้ทําแค่ครั้งเดียวแต่เป็นครั้งแล้วครั้งเล่า เขามักจะยกให้เพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาอยู่เหนือสิ่งอื่นใดเสมอ“เมื่อใดก็ตามที่เราไปออกเดทกัน เขาก็จะพาเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาไปด้วย“เมื่อเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาป่วยเขาก็จะดูแลเธอ“เขาอ้างว่าเขาปฏิบ
“ฉันไม่สน เนื่องจากคุณโยนผักดองของฉันทิ้งไปแล้ว คุณต้องทําอาหารให้ฉัน ฉันหิวนะ"ร็อดนีย์เหลือบมองท้องของเฟรยา ตอนแรกเขาไม่อยากทําอาหารให้เธอหรอก ทว่าเขากังวลว่าเฟรยาจะนําลูกอ๊อดน้อยในตัวเธอออกไปกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ในที่สุดเขาก็ยอมจํานนต่อโชคชะตาของเขาและตัดสินใจทําอาหารให้เธอแต่เมื่อเขาเปิดตู้เย็นของเธอดู เขาก็ไม่พบส่วนประกอบเครื่องปรุงใด ๆ นอกจากเส้นพาสต้าเขาถอนหายใจออกมา “เฟรยา ลินช์ คุณเป็นผู้หญิงนะ คุณทําตัวเป็นแม่บ้านให้มากกว่านี้ไม่ได้เหรอ? คุณไม่มีไข่ที่บ้านด้วยซ้ำ ไม่มีใครอยากอยู่กับคุณหรอก” “ฉันกินในที่ทำงานทุกวัน ฉันทํางานให้คุณยังกับหมานะ แล้วคุณยังมาคาดหวังให้ฉันกลับมาเข้าครัวทําอาหารหลังจากที่ฉันเพิ่งทํางานล่วงเวลาเสร็จอีกเหรอ? ฉันมีเวลาว่างมากนักเหรอไง?”เฟรยาวิจารณ์เขาอย่างเผ็ดร้อน “อย่ามองฉันแบบนั้นสิ ซาร่าก็ไม่ดีไปกว่าฉันหรอก เธอยังจ้างแม่บ้านมาคนหนึ่งไม่ใช่เหรอไง?” “คุณนี่พล่ามไปใหญ่ บางครั้งเธอก็ทําอาหารด้วยตัวเองแหละน่า”“ฮ่า! คุณหมายถึงสัปดาห์ละครั้งเหรอ? ฉันก็ทําแบบนั้นแหละ”“...”ร็อดนีย์เงียบไปเลยเมื่อเอ่ยเรื่องนั้นขึ้นมาเห็นได้ชัดว่าเขาโน้
เฟรยาขมวดคิ้วย่น ก่อนหน้านี้เธอไม่ชอบกินผักดองและสงสัยว่าทําไมผู้คนมากมายถึงได้ชอบกินอาหารหมักดองอย่างนี้กันนัก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้ตัวว่าติดหนึบมันเข้าแล้วในเดือนนี้ด้วยเหตุนี้เธอถึงได้รู้ว่าเพราะการตั้งครรภ์ของเธอนั่นเองเป็นเหตุ“เข้าใจผิดแล้ว ฉันเพิ่งจะเริ่มชอบผักดองเพราะว่าฉันตั้งครรภ์ เป็นทารกเองที่ต้องการหม่ำของพวกนั้น” เธอตอบด้วยท่าทางว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก“ลูกของผมไม่ชอบกินอาหารหมักดองแบบนี้หรอก” ร็อดนีย์คว้าขวดโหลออกไปและเทผักดองทั้งหมดลงไปในถังขยะโดยไม่ลังเลเฟรยาระเบิดลงทันที “ร็อดนีย์ สโนว์ คุณรู้ไหมว่าผักดองขวดหนึ่งมันแพงขนาดไหน? มันมีราคากว่าสิบดอลลาร์เชียวนะ”“...”ร็อดนีย์อึ้งจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด “นั่นแพงเรอะ ฮึ? คุณกําลังพักอยู่ในอพาร์ตเมนต์แบบดูเพล็กซ์มูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์และได้รับค่าจ้างเดือนละหลายแสนดอลลาร์ คุณยังมีเงิน 100 ล้านดอลลาร์ในบัตรที่โอเชอร์ คอร์ปอเรชั่นมอบให้คุณไปเมื่อวันก่อนด้วย คุณกล้าพูดว่าผักดองมีราคาแพงได้ยังไงกัน?!”“มันก็แพงอยู่ดี ผักดองในถุงเล็ก ๆ ที่ฉันได้มาบ่อย ๆ ราคาเพียงแค่ห้าดอลลาร์เอง”"หุบปากเลย"ร็อดนีย์เบื่อหน่ายกับเธอ
เชสเตอร์ตะคอก “ก็ได้ นายแค่ลําเอียงเข้าข้างซาร่า แต่ขอฉันเตือนนายหน่อยนะว่าหากนายออกจากตระกูลสโนว์ไปแล้ว รับรองว่ายัยซาร่าจะทิ้งนายไปในไม่ช้าก็เร็ว”"นายนี่ตอแหลว่ะ"ร็อดนีย์อดไม่ได้ที่จะโวยวายใส่เขา “เชสเตอร์ จิวเวลนายก็เหมือนกับฌอน! ทําไมพวกนายถึงเป็นแบบนี้กันไปได้? พวกเราทั้งห้าคนโตมาด้วยกัน แต่พวกนายก็ยังมาเลือกปฏิบัติต่อซาร่าอีก”“ใช่ คนทั้งโลกกําลังเลือกปฏิบัติต่อซาร่าและนายเป็นเพียงคนเดียวที่ปกป้องเธอ นายเป็นคนฉลาดหัวใสและคนอื่นมีบางอย่างผิดปกติ งั้นเอาเลยไปสู้โลกเพื่อประโยชน์ของเธอรวมทั้งฆ่าลูกของนายเองด้วย”เชสเตอร์เริ่มรําคาญ “ฉันกําลังจะทําการผ่าตัดตอนนี้ ฉันไม่ว่างที่จะคุยกับนายละนะ”ทันทีที่เขาจบการสนทนา เขาก็เดินดุ่มออกไปด้วยสีหน้าสงบนิ่งอันที่จริงการพูดคุยกับร็อดนีย์ทําให้เลือดของเขาเดือดดาลเชสเตอร์เริ่มรู้สึกเห็นอกเห็นใจเฟรยาขึ้นมาเล็กน้อยจากนั้นร็อดนีย์ก็เดินออกจากสำนักงานแพทย์เขาเดินลงบันไดมาอย่างร่างไร้วิญญาณเมื่อเขาเซล้มลงไปโดยบังเอิญที่หน่วยกุมารเวชศาสตร์คุณพ่อคนหนึ่งในวัย 30 ปีที่กําลังกอดทารกน้อยน่ารักเดินผ่านเขาไปพอดี ทารกขวบเดียวคนนั้นมีดวงตาโ
พ่อ...คํานี้ทําให้ร็อดนีย์อึ้งไปครู่หนึ่งทันทีเวนดี้พูดอย่างตั้งใจว่า “ใช่ ลูกอาจมีส่วนแค่สเปิร์มตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้เด็กคนนี้มีความยาวประมาณหนึ่งเซนติเมตรแล้วนะ ลูกอาจเคยคิดที่จะทําให้เธอแท้งเด็ก แต่ลูกเคยคิดบ้างไหมว่าการทําแท้งจะสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของผู้หญิงคนหนึ่งได้มากขนาดไหน?“มันง่ายมากเลยที่ลูกจะพูดแบบนั้นเพราะว่าลูกไม่ใช่คนที่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด ร่างกายของผู้หญิงจะได้รับความเสียหายหลังจากผ่านการทําแท้ง ผู้หญิงบางคนถึงกับประสบกับภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ นานาหรือมีอุปสรรคปัญหาในการตั้งครรภ์อีกครั้ง“นอกจากนี้ลูกคิดว่าถ้าแฟนหรือสามีในอนาคตของเธอรู้ว่าเธอเคยทำแท้งลูกของชายอื่นมาก่อน พวกเขาจะมองเธอยังไง? ลูกลองมองในมุมของเธอบ้าง ถ้าลูกรู้ว่าภรรยาในอนาคตของลูกเคยตั้งท้องลูกของชายอื่นมา ลูกจะผิดหวังไหม?”ร็อดนีย์ยังคงเงียบขณะฟังถ้อยคําเหล่านั้นเขาไม่ได้ใจร้ายโดยสันดาน หลังจากที่เวนดี้ชี้แนะเขาอย่างละเอียด ความสับสนเจ็บแปลบและความรู้สึกผิดก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในจิตใจของเขาในตอนนั้นเขาเคยคิดที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนก็ได้เพื่อตอบสนองความปรารถนาของพ่อแม่ถ้าหาก