“สวัสดีครับ พี่ดีใจนะที่ครีมมาหาพี่ที่นี่เป็นยังไงบ้างขับรถมาเหนื่อยไหม”
“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ ครีมไม่ได้ขับเร็วมากเท่าไหร่ขับมาเรื่อยๆ”
“แต่ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครีมพี่เป็นห่วงนะ” เขาทำเสียงไม่ค่อยพ่อใจเท่าไหร่
“พี่ภูมิโกรธครีมเหรอคะ” กานต์สิชาหน้าเสียเพราะกลัวว่าเขาจะโกรธที่มาหาเขาโดยไม่บอกล่วงหน้า
“พี่ไม่ได้โกรธพี่แค่เป็นห่วงถ้าเกิดครีมเป็นอะไรไปพี่จะทำยังไง”
“ก็ครีมคิดถึงพี่ภูมิ”
หญิงสาวมองหน้าเขาแล้วทำตาปริบๆ และมันก็ได้ผลเพราะตอนนี้กันตภูมิเลิกทำหน้าหงุดหงิดและมีรอยยิ้มให้เธอแล้ว
“พี่ก็คิดถึงครีมเหมือนกันแต่พี่ต้องทำงาน”
“ครีมเข้าใจค่ะ ครีมก็เลยขับรถมาหาพี่ภูมิที่นี่ พี่ภูมิคะกระทงของเราสวยไหมคะ” เธอรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากให้เขาหงุดหงิด
ชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่หันมามองกระทงที่หญิงสาวถืออยู่ซึ่งรูปร่างมันค่อนข้างจะประหลาดเพราะไม่ใช่กระทงใบตองเหมือนที่เขาเคยเห็นโดยทั่วไป”
“มันเป็นรูปอะไรเหรอครีม”
“พี่ภูมิดูไม่ออกเหรอดูดีๆ” กานต์สิชายื่นกระทงมาให้เขาดูใกล้ๆ
ชายหนุ่มขับรถไปด้วยหันมองไปด้วยแต่ก็ยังนึกไม่ออกว่ามันคือรูปอะไรกันแน่
“บอกพี่มาเถอะครีมพี่เดาไม่ออกหรอกแล้วตอนนี้พี่ก็ต้องใช้สมาธิขับรถมาด้วย”
“รูปเต่าค่ะครีมอบมาจากขนมปังเวลาเราเอาไปลอยปลาก็จะได้กินไงคะ”
“เต่าเหรอพี่น่าจะมองไม่ชัด แล้วนึกยังไงถึงทำกระทงเองล่ะครับพี่ว่าที่เขาทำขายก็มีเยอะนะครีมไม่น่าจะต้องเสียเวลาเลย”
“ ก็ครีมอยากให้การลอยกระทงครั้งแรกของเราไม่เหมือนคนอื่นไงล่ะคะ” เธอพูดแล้วยิ้มด้วยความภูมิใจ
“มันก็สวยและแปลกดีนะ”
“พี่ภูมิจะพาครีมไปลอยกระทงที่ไหนคะ”
“เทศบาลเขาจัดงานลอยกระทงน่ะ แต่เราอาจจะต้องจอดรถไกลหน่อยครีมใส่รองเท้าอะไรมา เดินไกลได้หรือเปล่า”เขาหันถามคนรัก
“รองเท้าผ้าใบค่ะ ครีมเตรียมพร้อมหรอกน่า” หญิงสาวสวมรองเท้าผ้าใบกางเกงผ้าขายาวกับเสื้อสายเดี่ยวและสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตซึ่งดูทะมัดทะแมงเหมาะกับการออกไปเจอคนเยอะๆ
“ถ้างั้นก็ดีแล้วเพราะจุดที่เราจอดรถน่าจะไกลจากจุดที่จัดงานอยู่พอสมควร แล้วครีมกินอะไรหรือยังหิวไหม”
“ครีมกินอาหารของทางโรงแรมแล้วค่ะไม่หิวเลย”
“แต่ในงานน่าจะมีขนมขายนะ ถ้าหิวก็ค่อยซื้อกินนะครับ”
“พรุ่งนี้พี่ต้องทำงานอีกหรือเปล่าคะ”
“ทำครับ”
“ครีมนึกว่าพี่จะได้หยุด”
“ไม่ได้หยุดหรอกช่วงนี้พี่แทบจะไม่มีวันหยุดเลยจริงๆ พี่ก็อยากจะมีวันหยุดนะ อยากจะกลับกรุงเทพอยากจะไปหาครีมแล้วก็ไปเยี่ยมแม่กับพี่สาวด้วย”
“แม่พี่ภูมิไม่บ่นแย่เหรอคะที่ไม่กลับบ้าน”
“บ่นสิพี่โทรไปทีไรท่านก็บ่นทุกที แม่ฝากขอบคุณครีมมาด้วยนะที่ให้เด็กเอาขนมไปให้บ่อยๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พอดีว่าบ้านของพนักงานอยู่บริเวณนั้นค่ะครีมก็เลยฝากขนมไปให้แม่กับพี่สาวพี่ภูมิ”
“เอาไว้ถ้าช่วงไหนงานพี่ไม่ค่อยยุ่งพี่จะเข้ากรุงเทพแล้วจะรับครีมมากินข้าวกับแม่พี่ดีไหม”
“ดีค่ะ ครีมชอบทานกับข้าวฝีมือแม่ไปภูมิที่สุดเลย” แม้จะไม่ค่อยไปทานแต่กานต์สิชาก็ชอบอาหารที่แม่คนรักทำให้ทาน
“พี่ก็ชอบเหมือนกันไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กลับ”
“แต่จริงๆ แล้วกรุงเทพกับนครนายกใกล้แค่นี้เองนะคะ ถ้าพี่ภูมิอยากกลับให้ครีมขับรถมารับก็ได้พี่ภูมิจะได้นั่งหลับไปในรถ”
“ได้ที่ไหนล่ะครีม ใครรู้เขาอายเขาตายเลยนะให้แฟนขับรถให้แล้วตัวเองหลับอยู่ในรถ”
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลยก็พี่ภูมิทำงานหนัก”
“แต่ครีมก็ต้องขับรถเหนื่อยเหมือนกันนะ พี่ว่าอย่าทำแบบนั้นเลย ให้พี่เคลียร์งานตรงนี้ให้เรียบร้อยแล้วว่าจะลางานกลับบ้านสักสองสามวัน”
“จริงนะคะ” เมื่อได้ยินแบบนั้นหญิงสาวก็ดีใจมากเพราะนานแล้วที่ได้อยู่กับคนรัก
“จริงสิ”
“ถ้าพี่ภูมิเข้ากรุงเทพเราไปดูหนังกันไหม ครีมไม่ได้ดูหนังตั้งนานแล้ว”
“ได้สิเอาไว้จะกลับเมื่อไหร่แล้วพี่จะบอกนะ”
ชายหนุ่มพูดขณะที่วนหาที่จอดรถอยู่นะแต่ในที่สุดก็ได้จอดรถซึ่งระยะทางเดินจากจุดนี้ไปยังจุดที่จัดงานลอยกระทงก็ค่อนข้างไกลเขาจับมือหญิงสาวข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ถือกระทงที่เธอทำมาให้ถึงแม้หน้าตามันจะค่อนข้างประหลาดแต่เขาก็ไม่ได้หัวเราะหรือพูดอะไรก็รู้ว่ากานต์สิชาตั้งใจทำมากๆ
เมื่อถึงจุดที่ลอยกระทงทั้งสองก็อธิษฐานร่วมกันก่อนจะปล่อยกระทงลงไปในแม่น้ำ กระทงลอยออกจากฝั่งได้ไม่ไกลปลาที่อยู่ในแม่น้ำก็แย่งกันกินขนมปังจนในที่สุดกระทงของหญิงสาวก็จมลง“ว้า...กระทงลอยได้แป๊บเดียวเลย” กานต์สิชาบ่นด้วยความเสียดาย“ปลามันคงหิวน่ะครีม ไม่เป็นไรหรอกถือว่าทำบุญ”“ครีมรู้ค่ะแค่อยากจะเห็นมันลอยออกไปไกลกว่านี้อีกหน่อย” กานต์สิชามองกระทงตาละห้อย“ลอยกระทงเสร็จแล้วไปเดินหาขนมกินกันดีไหม”“ดีเหมือนกันค่ะ”กันตภูมิพาคนรักเดินอยู่ในบริเวณที่จัดงานอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงจากนั้นก็พาเธอเดินการกลับมาที่รถ“เรายังเดินกันไม่ทั่วงานนะครีม ทำไมครีมถึงจะรีบกลับล่ะ” กันตภูมิถามคนรักด้วยความสงสัยเพราะเธอตอนแรกก็เห็นว่าเธอกระตือรือร้นอยากจะมาลอยกระทงแต่พอเขาพาเดินเข้าจริงๆ หญิงสาวก็ชวนกลับ"พรุ่งนี้พี่ภูมิต้องทำงานนี่คะ ครีมไม่อยากให้พี่นอนดึก”“ไม่เป็นไรหรอกน่า นานๆ ครีมถึงจะมาหาพี่ที่นี่ เรามีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยมากคืนนี้ไปค้างกับพี่ที่ห้องพักดีไหม”“ไม่เป็นไรค่ะ ครีมคิดว่านอนที่โรงแรมสะดวกกว่า”เมื่อได้ฟังคำตอบของกานต์สิชาแล้วเขาก็โล่งใจแต่ถ้าไม่เอ่ยชวนเลยมันก็ดูไม่เหมือนคนรักกันเท่าไหร่ นี่ไ
เมื่อกลับขึ้นมาบนห้องกานต์สิชาก็อาบและเปลี่ยนเป็นชุดนอน จากนั้นก็เปิดตู้เย็นเพื่อจะหาน้ำดื่มเมื่อเห็นทิรามิสุที่อยู่ในตู้เย็นก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองยังไม่ได้เอาขนมให้กันตภูมิและตอนนี้ซอฟต์คุกกี้ก็ยังอยู่ในรถกานต์สิชาคิดว่าจะตามเอาไปให้เขาที่ห้องพักเพราะมันไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ถึงแม้รู้ว่าพรุ่งนี้เช้าก็จะได้เจอกับเขาแต่ก็ไม่รู้ว่าที่ไซต์งานของชายหนุ่มจะมีตู้เย็นไว้เก็บทิรามิสุหรือเปล่าแต่ถ้าเอาไปให้เขาคืนนี้เขาก็จะได้แช่ตู้เย็นไว้เธอรีบเปลี่ยนมาสวมกางเกงยีนกับกล้ามสีขาวและทับด้วยเชิ้ตตัวบางก่อนจะหยิบทิรามิสุในตู้เย็นเดินตรงไปที่รถหญิงสาวรู้ว่าห้องพักของกันภูมิอยู่ที่ไหนเพราะวันแรกที่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่เธอกลับมารดาและพี่สาวของเขาก็มาส่งและช่วยจัดของตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสี่ทุ่มแล้วรถบนถนนไม่ค่อยมีมากเท่าไหร่หญิงสาวขับไปตาม GPS เพราะไม่คุ้นเส้นทางเท่าไหร่ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงห้องพักของเขา ตอนนี้บริเวณที่จอดรถมีรถจอดอยู่ไม่มากเธอขับรถไปจอดข้างๆ กับรถของกันตภูมิก่อนจะเดินขึ้นไปห้องพักของคนรักซึ่งอยู่บริเวณชั้นสามห้องริมสุดกานต์สิชาถือทิรามิสุกับซอฟต์คุกกี้และตรงไปยังห้องพักของคนรัก เธอเคา
กานต์สิชาอยากจะขับรถกลับกรุงเทพเสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่เพราะเห็นว่ามันดึกก็เลยจะรอให้ถึงเช้า แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืนนี้ตัวเองจะนอนหลับหรือเปล่าเมื่อมาถึงห้องก็หยิบเบียร์ในตู้เย็นมาสองกระป๋องจากนั้นก็เดินลงมานอนบนอาบแดดข้างสระว่ายน้ำ เธอแหงนมองพระจันทร์ดวงโตแล้วยิ้มให้กับมันด้วยน้ำตาหลังจากเบียร์กระป๋องแรกหมดหญิงสาวก็เปิดกระป๋องที่สองตอนนี้บริเวณสระว่ายน้ำไม่มีใครเลยนอกจากเธอคนเดียวกานต์สิชามองพระจันทร์และคิดเรื่องของตนเองแต่ก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงเหมือนคนกระโดดน้ำ เธอหันไปมองก็เห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังว่ายน้ำอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ชายหนุ่มว่ายน้ำกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบก็เห็นว่าตอนนี้มีคนนั่งอยู่ริมสระเขาก็รีบว่ายเข้ามาใกล้“ผมขอโทษทำให้บรรยากาศเงียบๆ ขอบคุณพังลงเพราะเสียงว่ายน้ำของผม ผมคิดว่าตัวเองลงมาว่ายน้ำเวลาดึกขนาดนี้ก็คงจะไม่รบกวนใครแต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะมีคนนั่งอยู่ด้วย”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”“ทำไมคุณมานั่งอยู่ตรงนี้คือคนเดียวล่ะ มันดึกมาแล้วนะครับ”“ค่ะมันดึกมาก แล้วเราทำไมคุณถึงมาว่ายน้ำเวลานี้ล่ะคะ” หญิงสาวถามกลับ“เพราะช่วงหัวค่ำคนเยอะครับ ผมว่ามาว่ายตอนที่ไม่มีใครมันน่
แล้วกานต์สิชาก็เล่าเรื่องราวความรักของตนเองให้กับชายหนุ่มตรงหน้าฟังเหมือนกับรู้จักกับเขามานานระหว่างเล่าหญิงสาวก็จีบเบียร์ไปด้วยจนกระทั่งเบียร์กระป๋องที่สองใกล้จะหมดเธอเริ่มเมานิดๆ ในขณะที่ความรู้สึกเสียใจน้อยใจพรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ ใบหน้าหวานตอนนี้เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาทำให้คุณมองรู้สึกสงสารและเห็นใจเธอเป็นอย่างมากผู้หญิงคนนี้ดูท่าทางจะรักแฟนของเธอมากจริงๆเขารู้สึกเห็นใจเธอที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้แต่ก็รู้สึกดีใจไปกับเธอด้วยที่รู้เรื่องนี้เร็วเพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาคบกันต่อ“เป็นไงคะคุณคิดว่าครีมเป็นผู้หญิงโง่หรือเปล่า”“ไม่เลยผมคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมากนะที่เดินออกมาจากตรงนั้นโดยไม่โวยวายอะไร”“ครีมก็อยากจะโวยวายนะคะ แต่ตอนนั้นสมองมันตื้อไปหมดเลยค่ะ”“แล้วตอนนี้ล่ะครับ”“ตอนนี้รู้สึกโล่งใจค่ะ และก็แอบดีใจที่รู้เรื่องนี้เพราะถ้าไม่มาหาเขาที่นี่ก็คงถูกเขาหลอกไปอีกนานเลย”“คุณเป็นผู้หญิงประเภทที่ไม่ทำตัวติดกับผู้ชายเป็นผู้หญิงในฝันของผู้ชายหลายๆ คนเลยนะ”“แต่มันก็เป็นช่องโหว่ให้ผู้ชายบางคนใช้ประโยชน์จากการที่ครีมไม่ตามติดเลยทำให้เขามีใครอีกคนได้ง่ายขึ้น”“ผมว่าปัญหานี้ม
“คุณพักห้องไหนครับ”“ครีมจำไม่ได้”“แล้วคีย์การ์ดล่ะครับ”“นี่ค่ะ” หญิงสาวหยิบคีย์การ์ดที่สอดไว้ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาให้เขาชายหนุ่มถอดหายใจเพราะถ้าหากเธอไม่มีคีย์การ์ดเขาก็คงต้องพาเธอไปที่ห้องของตนเองหรือไม่ก็คงก็ต้องเปิดอีกห้องในเธอได้นอนพักเขาประคองเธอไปวางเตียงถอดรองเท้าและดึงผ้าห่มมาคลุมให้ก่อนจะหันหลังกลับ“คุณเปรมจะไปไหน”“ผมก็จะกลับห้องของผมสิ”“แต่เราเป็นแฟนกันจะไม่นอนด้วยกันเหรอ” กานต์สิชาถามไปด้วยสติที่เหลือไม่ถึงครึ่ง“คุณคงไม่ได้หมายถึงให้ผมนอนกับคุณ”“แต่ครีมหมายถึงแบบนั้น นอนกับครีมได้ไหมช่วยทำให้ครีมลืมเรื่องแย่ๆ ที่ผู้ชายคนนั้นกับครีมได้ไหม”“คุณเมามากและผมจะไม่นอนกับคุณเพราะคุณเมา”“คุณก็คงรังเกียจใช่ไหม”“เปล่าแค่ผมไม่อยากเอาเปรียบคุณ”“ครีมเข้าใจ ครีมขอโทษที่ทำให้คุณลำบากใจ สุดท้ายแล้วคืนนี้ครีมก็ต้องอยู่คนเดียว” เสียงที่ฟังเหมือนกำลังเสียใจ น้อยใจทำให้ชายหนุ่มไม่อยากจะเดินออกจากห้องนี้ไปเลย“ครีม” ปุริมปรัชญ์นั่งลงบนเตียงในขณะที่กานต์สิชาก็ลุกขึ้นนั่งพอดี“คุณกำลังจะทิ้งครีมไปอีกคนใช่ไหมคะ”ปุริมปรัชญ์ไม่เคยคิดจะล่วงเกินผู้หญิงที่เมาไม่ได้สติ แต่ทุกอย่างในชีวิตก็
เขากระซิบข้างหูจากนั้นจูบเร่าร้อนเธอเองก็จูบกลับอย่างดูดดื่มมันทำให้ไฟราคะในกายของทั้งสองพลุ่งพล่าน ฝ่ามือร้อนลากไปตามผิวนุ่ม นวดคลึงต้นขาก่อนจะดึงกางเกงชั้นในสีสวยออกให้พ้นทาง“คุณเปรม….”“ผมขอดูหน่อยสิว่าดอกกุหลาบของคุณจะสวยงามมากแค่ไหน”ชายหนุ่มดันเรียวขาของเธอให้แยกออกแล้วก็เหมือนกับถูกมนต์สะกด กุหลาบของหญิงสาวยังคงสวยงามและปิดสนิทเขาสัมผัสปลายนิ้วลงกลางกลีบกุหลาบหญิงสาวก็พยายามขยับหนีปุริมปรัชญ์ใช้ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งกดท้องน้อยไว้ ปลายนิ้วสัมผัสกลางกลีบลากขึ้นลงก่อนจะกดเน้นลงบนเกสรสวาทอย่างปลุกเร้า ไม่นานนักมันขยายตัวขึ้นเล็กน้อยเพราะถูกกระตุ้นจากคุณชำนาญเสียงหญิงสาวครางกระเส่าเมื่อเขากดเน้นยังเกสร สติของเธอแทบไม่หลงเหลือ สะโพกของเธอยกขึ้นขยับเข้าหาปลายนิ้วอย่างคุมตัวเองไม่อยู่ ทุกสัมผัสที่เขามอบให้มันไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอเลยและตอนนี้เธอก็กำลังรู้สึกเสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหญิงสาวดิ้นพล่านอยู่บนที่นอนนุ่ม เมื่อเขากดปลายนิ้วบนเกสรเร็วขึ้น น้ำหวานก็เริ่มไหลออกมาตรงกลางกลีบ ปุริมปรัชญ์สอดนิ้วเข้าไปทีละนิด“อ๊ะ!....”“ไม่เกร็งนะเดี๋ยวมันจะดีขึ้น”เขาสอดนิ้วเข้าไปทีละนิดก็รู้
กานต์สิชากรีดร้องเมื่อความสุขสมมาเยือนอีกครั้ง เธอรู้สึกตัวเบาหวิวความสุขที่ได้รับมันมากอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ร่างกายเกร็งสะท้านกระตุกถี่ร่องรักตอดรัดแท่งร้อนแรงจนชายหนุ่มปวดร้าวจนแทบจะระเบิด“เชื่อแล้วใช่ไหมว่ามันจะมีความสุข”“คุณเปรม...”“บอกผมสิว่าคุณมีความสุข”ปุริมปรัชญ์ถามขณะที่สะโพกยังขยับไม่มีพัก“ค่ะ ครีมมีความสุข”“มันจะสุขมากขึ้นเรื่อยๆ นะครีม ผมจะทำให้คุณลืมเรื่องแย่ๆ และจำว่าผมกับคุณมีความสุขกันมากแค่ไหน”ชายหนุ่มขยับสะโพกอย่างต่อเนื่องจนหญิงสาวรู้สึกถึงความเสียวซ่านอีกครั้ง เสียงหวานดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้คนที่ขยับอยู่ครางอย่างพอใจที่เห็นไฟสวาทของเธอมันลุกฮือขึ้นอย่างง่ายดายปุริมปรัชญ์ถาโถมแรงกระแทกกระทั้นไปตามอารมณ์พิศวาส ช่องสวาทร้อนระอุไปตามแรงเสียดสี โพรงอุ่นตอดรัดจนเขาครางแหบต่ำ ปากร้อนดูดเม้มเม็ดทับทิมที่ชูชันอย่างกระหาย กานต์สิชากดใบหนาเขาแนบกับอกอิ่มอย่าหลงลืมตัวสะโพกแกร่งเคลื่อนขยับอย่างไม่รู้เหนื่อย ยิ่งเมื่อได้ยินเธอเรียกชื่อเขามันก็ทำให้เขาโหมแรงเข้าหาอย่างไม่ยั้ง“อื้อ...อ๊ะ...คุณเปรม”เขารู้ว่าท่อนเอ็นมันกระแทกโดนจุดกระสันเพราะแรงตอดรัดที่มากขึ้นและร่า
แสงแดดที่เล็ดลอดเข้ามาจากรอยแยกของผ้าม่านทำให้กานต์สิชารู้สึกตัวตื่น หญิงสาวรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมดโดยเฉพาะช่วงล่างตั้งแต่บั้นเอวลงมาเธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องและนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หญิงสาวจำได้ว่าตนเองนั่งดื่มอยู่ที่ริมสระจากนั้นก็เจอกับผู้ชายคนหนึ่งและคุยกันอย่างถูกคอ เธอเล่าเรื่องที่ไปเจอมาให้กับเขาฟัง จากนั้นเขาก็ชวนเธอนั่งดื่มที่ผับข้างโรงแรมและก็พากันกลับมาที่ห้องของเธอกานต์สิชาจำบทสนทนาที่เธอกับเขาคุยกันได้ไม่ทั้งหมดแต่เมื่อคิดทบทวนแล้วก็เป็นเธอเองที่ชวนให้เขานอนกับเธอ ป่านนี้เขาคงคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายแน่ๆ แต่กานต์สิชาจะสนใจทำไมล่ะในเมื่อตื่นมาเขาก็ไม่อยู่ข้างกายแล้วหญิงสาวพยายามจะลุกขึ้นนั่งแต่มันก็ทำได้ค่อนข้างยากเพราะตอนนี้กลางกายของเธอมันรู้สึกระบมไปหมดเธอมองผ้าปูที่นอนยับย่นกับคราบเลือดจางๆ แล้วใบหน้าหวานก็แดงขึ้นมาทันที เธอขอร้องให้เขาช่วยทำลืมเรื่องแย่ๆ และเขาก็ทำได้จริงอย่างที่พูดเพราะตอนนี้ในสมองของหญิงสาวจำได้แต่บทรักอันเร่าร้อนที่เขามอบให้ประสบการณ์ครั้งนี้เธอคงลืมมันได้ยากและคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องลืมเพราะมันเต็มไปด้วยความสุขอย่างที่ไม่
แสงแดดที่เล็ดลอดเข้ามาจากรอยแยกของผ้าม่านทำให้กานต์สิชารู้สึกตัวตื่น หญิงสาวรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมดโดยเฉพาะช่วงล่างตั้งแต่บั้นเอวลงมาเธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องและนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หญิงสาวจำได้ว่าตนเองนั่งดื่มอยู่ที่ริมสระจากนั้นก็เจอกับผู้ชายคนหนึ่งและคุยกันอย่างถูกคอ เธอเล่าเรื่องที่ไปเจอมาให้กับเขาฟัง จากนั้นเขาก็ชวนเธอนั่งดื่มที่ผับข้างโรงแรมและก็พากันกลับมาที่ห้องของเธอกานต์สิชาจำบทสนทนาที่เธอกับเขาคุยกันได้ไม่ทั้งหมดแต่เมื่อคิดทบทวนแล้วก็เป็นเธอเองที่ชวนให้เขานอนกับเธอ ป่านนี้เขาคงคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายแน่ๆ แต่กานต์สิชาจะสนใจทำไมล่ะในเมื่อตื่นมาเขาก็ไม่อยู่ข้างกายแล้วหญิงสาวพยายามจะลุกขึ้นนั่งแต่มันก็ทำได้ค่อนข้างยากเพราะตอนนี้กลางกายของเธอมันรู้สึกระบมไปหมดเธอมองผ้าปูที่นอนยับย่นกับคราบเลือดจางๆ แล้วใบหน้าหวานก็แดงขึ้นมาทันที เธอขอร้องให้เขาช่วยทำลืมเรื่องแย่ๆ และเขาก็ทำได้จริงอย่างที่พูดเพราะตอนนี้ในสมองของหญิงสาวจำได้แต่บทรักอันเร่าร้อนที่เขามอบให้ประสบการณ์ครั้งนี้เธอคงลืมมันได้ยากและคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องลืมเพราะมันเต็มไปด้วยความสุขอย่างที่ไม่
กานต์สิชากรีดร้องเมื่อความสุขสมมาเยือนอีกครั้ง เธอรู้สึกตัวเบาหวิวความสุขที่ได้รับมันมากอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ร่างกายเกร็งสะท้านกระตุกถี่ร่องรักตอดรัดแท่งร้อนแรงจนชายหนุ่มปวดร้าวจนแทบจะระเบิด“เชื่อแล้วใช่ไหมว่ามันจะมีความสุข”“คุณเปรม...”“บอกผมสิว่าคุณมีความสุข”ปุริมปรัชญ์ถามขณะที่สะโพกยังขยับไม่มีพัก“ค่ะ ครีมมีความสุข”“มันจะสุขมากขึ้นเรื่อยๆ นะครีม ผมจะทำให้คุณลืมเรื่องแย่ๆ และจำว่าผมกับคุณมีความสุขกันมากแค่ไหน”ชายหนุ่มขยับสะโพกอย่างต่อเนื่องจนหญิงสาวรู้สึกถึงความเสียวซ่านอีกครั้ง เสียงหวานดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้คนที่ขยับอยู่ครางอย่างพอใจที่เห็นไฟสวาทของเธอมันลุกฮือขึ้นอย่างง่ายดายปุริมปรัชญ์ถาโถมแรงกระแทกกระทั้นไปตามอารมณ์พิศวาส ช่องสวาทร้อนระอุไปตามแรงเสียดสี โพรงอุ่นตอดรัดจนเขาครางแหบต่ำ ปากร้อนดูดเม้มเม็ดทับทิมที่ชูชันอย่างกระหาย กานต์สิชากดใบหนาเขาแนบกับอกอิ่มอย่าหลงลืมตัวสะโพกแกร่งเคลื่อนขยับอย่างไม่รู้เหนื่อย ยิ่งเมื่อได้ยินเธอเรียกชื่อเขามันก็ทำให้เขาโหมแรงเข้าหาอย่างไม่ยั้ง“อื้อ...อ๊ะ...คุณเปรม”เขารู้ว่าท่อนเอ็นมันกระแทกโดนจุดกระสันเพราะแรงตอดรัดที่มากขึ้นและร่า
เขากระซิบข้างหูจากนั้นจูบเร่าร้อนเธอเองก็จูบกลับอย่างดูดดื่มมันทำให้ไฟราคะในกายของทั้งสองพลุ่งพล่าน ฝ่ามือร้อนลากไปตามผิวนุ่ม นวดคลึงต้นขาก่อนจะดึงกางเกงชั้นในสีสวยออกให้พ้นทาง“คุณเปรม….”“ผมขอดูหน่อยสิว่าดอกกุหลาบของคุณจะสวยงามมากแค่ไหน”ชายหนุ่มดันเรียวขาของเธอให้แยกออกแล้วก็เหมือนกับถูกมนต์สะกด กุหลาบของหญิงสาวยังคงสวยงามและปิดสนิทเขาสัมผัสปลายนิ้วลงกลางกลีบกุหลาบหญิงสาวก็พยายามขยับหนีปุริมปรัชญ์ใช้ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งกดท้องน้อยไว้ ปลายนิ้วสัมผัสกลางกลีบลากขึ้นลงก่อนจะกดเน้นลงบนเกสรสวาทอย่างปลุกเร้า ไม่นานนักมันขยายตัวขึ้นเล็กน้อยเพราะถูกกระตุ้นจากคุณชำนาญเสียงหญิงสาวครางกระเส่าเมื่อเขากดเน้นยังเกสร สติของเธอแทบไม่หลงเหลือ สะโพกของเธอยกขึ้นขยับเข้าหาปลายนิ้วอย่างคุมตัวเองไม่อยู่ ทุกสัมผัสที่เขามอบให้มันไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอเลยและตอนนี้เธอก็กำลังรู้สึกเสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหญิงสาวดิ้นพล่านอยู่บนที่นอนนุ่ม เมื่อเขากดปลายนิ้วบนเกสรเร็วขึ้น น้ำหวานก็เริ่มไหลออกมาตรงกลางกลีบ ปุริมปรัชญ์สอดนิ้วเข้าไปทีละนิด“อ๊ะ!....”“ไม่เกร็งนะเดี๋ยวมันจะดีขึ้น”เขาสอดนิ้วเข้าไปทีละนิดก็รู้
“คุณพักห้องไหนครับ”“ครีมจำไม่ได้”“แล้วคีย์การ์ดล่ะครับ”“นี่ค่ะ” หญิงสาวหยิบคีย์การ์ดที่สอดไว้ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาให้เขาชายหนุ่มถอดหายใจเพราะถ้าหากเธอไม่มีคีย์การ์ดเขาก็คงต้องพาเธอไปที่ห้องของตนเองหรือไม่ก็คงก็ต้องเปิดอีกห้องในเธอได้นอนพักเขาประคองเธอไปวางเตียงถอดรองเท้าและดึงผ้าห่มมาคลุมให้ก่อนจะหันหลังกลับ“คุณเปรมจะไปไหน”“ผมก็จะกลับห้องของผมสิ”“แต่เราเป็นแฟนกันจะไม่นอนด้วยกันเหรอ” กานต์สิชาถามไปด้วยสติที่เหลือไม่ถึงครึ่ง“คุณคงไม่ได้หมายถึงให้ผมนอนกับคุณ”“แต่ครีมหมายถึงแบบนั้น นอนกับครีมได้ไหมช่วยทำให้ครีมลืมเรื่องแย่ๆ ที่ผู้ชายคนนั้นกับครีมได้ไหม”“คุณเมามากและผมจะไม่นอนกับคุณเพราะคุณเมา”“คุณก็คงรังเกียจใช่ไหม”“เปล่าแค่ผมไม่อยากเอาเปรียบคุณ”“ครีมเข้าใจ ครีมขอโทษที่ทำให้คุณลำบากใจ สุดท้ายแล้วคืนนี้ครีมก็ต้องอยู่คนเดียว” เสียงที่ฟังเหมือนกำลังเสียใจ น้อยใจทำให้ชายหนุ่มไม่อยากจะเดินออกจากห้องนี้ไปเลย“ครีม” ปุริมปรัชญ์นั่งลงบนเตียงในขณะที่กานต์สิชาก็ลุกขึ้นนั่งพอดี“คุณกำลังจะทิ้งครีมไปอีกคนใช่ไหมคะ”ปุริมปรัชญ์ไม่เคยคิดจะล่วงเกินผู้หญิงที่เมาไม่ได้สติ แต่ทุกอย่างในชีวิตก็
แล้วกานต์สิชาก็เล่าเรื่องราวความรักของตนเองให้กับชายหนุ่มตรงหน้าฟังเหมือนกับรู้จักกับเขามานานระหว่างเล่าหญิงสาวก็จีบเบียร์ไปด้วยจนกระทั่งเบียร์กระป๋องที่สองใกล้จะหมดเธอเริ่มเมานิดๆ ในขณะที่ความรู้สึกเสียใจน้อยใจพรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ ใบหน้าหวานตอนนี้เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาทำให้คุณมองรู้สึกสงสารและเห็นใจเธอเป็นอย่างมากผู้หญิงคนนี้ดูท่าทางจะรักแฟนของเธอมากจริงๆเขารู้สึกเห็นใจเธอที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้แต่ก็รู้สึกดีใจไปกับเธอด้วยที่รู้เรื่องนี้เร็วเพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาคบกันต่อ“เป็นไงคะคุณคิดว่าครีมเป็นผู้หญิงโง่หรือเปล่า”“ไม่เลยผมคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมากนะที่เดินออกมาจากตรงนั้นโดยไม่โวยวายอะไร”“ครีมก็อยากจะโวยวายนะคะ แต่ตอนนั้นสมองมันตื้อไปหมดเลยค่ะ”“แล้วตอนนี้ล่ะครับ”“ตอนนี้รู้สึกโล่งใจค่ะ และก็แอบดีใจที่รู้เรื่องนี้เพราะถ้าไม่มาหาเขาที่นี่ก็คงถูกเขาหลอกไปอีกนานเลย”“คุณเป็นผู้หญิงประเภทที่ไม่ทำตัวติดกับผู้ชายเป็นผู้หญิงในฝันของผู้ชายหลายๆ คนเลยนะ”“แต่มันก็เป็นช่องโหว่ให้ผู้ชายบางคนใช้ประโยชน์จากการที่ครีมไม่ตามติดเลยทำให้เขามีใครอีกคนได้ง่ายขึ้น”“ผมว่าปัญหานี้ม
กานต์สิชาอยากจะขับรถกลับกรุงเทพเสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่เพราะเห็นว่ามันดึกก็เลยจะรอให้ถึงเช้า แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืนนี้ตัวเองจะนอนหลับหรือเปล่าเมื่อมาถึงห้องก็หยิบเบียร์ในตู้เย็นมาสองกระป๋องจากนั้นก็เดินลงมานอนบนอาบแดดข้างสระว่ายน้ำ เธอแหงนมองพระจันทร์ดวงโตแล้วยิ้มให้กับมันด้วยน้ำตาหลังจากเบียร์กระป๋องแรกหมดหญิงสาวก็เปิดกระป๋องที่สองตอนนี้บริเวณสระว่ายน้ำไม่มีใครเลยนอกจากเธอคนเดียวกานต์สิชามองพระจันทร์และคิดเรื่องของตนเองแต่ก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงเหมือนคนกระโดดน้ำ เธอหันไปมองก็เห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังว่ายน้ำอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ชายหนุ่มว่ายน้ำกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบก็เห็นว่าตอนนี้มีคนนั่งอยู่ริมสระเขาก็รีบว่ายเข้ามาใกล้“ผมขอโทษทำให้บรรยากาศเงียบๆ ขอบคุณพังลงเพราะเสียงว่ายน้ำของผม ผมคิดว่าตัวเองลงมาว่ายน้ำเวลาดึกขนาดนี้ก็คงจะไม่รบกวนใครแต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะมีคนนั่งอยู่ด้วย”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”“ทำไมคุณมานั่งอยู่ตรงนี้คือคนเดียวล่ะ มันดึกมาแล้วนะครับ”“ค่ะมันดึกมาก แล้วเราทำไมคุณถึงมาว่ายน้ำเวลานี้ล่ะคะ” หญิงสาวถามกลับ“เพราะช่วงหัวค่ำคนเยอะครับ ผมว่ามาว่ายตอนที่ไม่มีใครมันน่
เมื่อกลับขึ้นมาบนห้องกานต์สิชาก็อาบและเปลี่ยนเป็นชุดนอน จากนั้นก็เปิดตู้เย็นเพื่อจะหาน้ำดื่มเมื่อเห็นทิรามิสุที่อยู่ในตู้เย็นก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองยังไม่ได้เอาขนมให้กันตภูมิและตอนนี้ซอฟต์คุกกี้ก็ยังอยู่ในรถกานต์สิชาคิดว่าจะตามเอาไปให้เขาที่ห้องพักเพราะมันไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ถึงแม้รู้ว่าพรุ่งนี้เช้าก็จะได้เจอกับเขาแต่ก็ไม่รู้ว่าที่ไซต์งานของชายหนุ่มจะมีตู้เย็นไว้เก็บทิรามิสุหรือเปล่าแต่ถ้าเอาไปให้เขาคืนนี้เขาก็จะได้แช่ตู้เย็นไว้เธอรีบเปลี่ยนมาสวมกางเกงยีนกับกล้ามสีขาวและทับด้วยเชิ้ตตัวบางก่อนจะหยิบทิรามิสุในตู้เย็นเดินตรงไปที่รถหญิงสาวรู้ว่าห้องพักของกันภูมิอยู่ที่ไหนเพราะวันแรกที่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่เธอกลับมารดาและพี่สาวของเขาก็มาส่งและช่วยจัดของตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสี่ทุ่มแล้วรถบนถนนไม่ค่อยมีมากเท่าไหร่หญิงสาวขับไปตาม GPS เพราะไม่คุ้นเส้นทางเท่าไหร่ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงห้องพักของเขา ตอนนี้บริเวณที่จอดรถมีรถจอดอยู่ไม่มากเธอขับรถไปจอดข้างๆ กับรถของกันตภูมิก่อนจะเดินขึ้นไปห้องพักของคนรักซึ่งอยู่บริเวณชั้นสามห้องริมสุดกานต์สิชาถือทิรามิสุกับซอฟต์คุกกี้และตรงไปยังห้องพักของคนรัก เธอเคา
เมื่อถึงจุดที่ลอยกระทงทั้งสองก็อธิษฐานร่วมกันก่อนจะปล่อยกระทงลงไปในแม่น้ำ กระทงลอยออกจากฝั่งได้ไม่ไกลปลาที่อยู่ในแม่น้ำก็แย่งกันกินขนมปังจนในที่สุดกระทงของหญิงสาวก็จมลง“ว้า...กระทงลอยได้แป๊บเดียวเลย” กานต์สิชาบ่นด้วยความเสียดาย“ปลามันคงหิวน่ะครีม ไม่เป็นไรหรอกถือว่าทำบุญ”“ครีมรู้ค่ะแค่อยากจะเห็นมันลอยออกไปไกลกว่านี้อีกหน่อย” กานต์สิชามองกระทงตาละห้อย“ลอยกระทงเสร็จแล้วไปเดินหาขนมกินกันดีไหม”“ดีเหมือนกันค่ะ”กันตภูมิพาคนรักเดินอยู่ในบริเวณที่จัดงานอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงจากนั้นก็พาเธอเดินการกลับมาที่รถ“เรายังเดินกันไม่ทั่วงานนะครีม ทำไมครีมถึงจะรีบกลับล่ะ” กันตภูมิถามคนรักด้วยความสงสัยเพราะเธอตอนแรกก็เห็นว่าเธอกระตือรือร้นอยากจะมาลอยกระทงแต่พอเขาพาเดินเข้าจริงๆ หญิงสาวก็ชวนกลับ"พรุ่งนี้พี่ภูมิต้องทำงานนี่คะ ครีมไม่อยากให้พี่นอนดึก”“ไม่เป็นไรหรอกน่า นานๆ ครีมถึงจะมาหาพี่ที่นี่ เรามีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยมากคืนนี้ไปค้างกับพี่ที่ห้องพักดีไหม”“ไม่เป็นไรค่ะ ครีมคิดว่านอนที่โรงแรมสะดวกกว่า”เมื่อได้ฟังคำตอบของกานต์สิชาแล้วเขาก็โล่งใจแต่ถ้าไม่เอ่ยชวนเลยมันก็ดูไม่เหมือนคนรักกันเท่าไหร่ นี่ไ
“สวัสดีครับ พี่ดีใจนะที่ครีมมาหาพี่ที่นี่เป็นยังไงบ้างขับรถมาเหนื่อยไหม”“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ ครีมไม่ได้ขับเร็วมากเท่าไหร่ขับมาเรื่อยๆ”“แต่ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครีมพี่เป็นห่วงนะ” เขาทำเสียงไม่ค่อยพ่อใจเท่าไหร่“พี่ภูมิโกรธครีมเหรอคะ” กานต์สิชาหน้าเสียเพราะกลัวว่าเขาจะโกรธที่มาหาเขาโดยไม่บอกล่วงหน้า“พี่ไม่ได้โกรธพี่แค่เป็นห่วงถ้าเกิดครีมเป็นอะไรไปพี่จะทำยังไง”“ก็ครีมคิดถึงพี่ภูมิ”หญิงสาวมองหน้าเขาแล้วทำตาปริบๆ และมันก็ได้ผลเพราะตอนนี้กันตภูมิเลิกทำหน้าหงุดหงิดและมีรอยยิ้มให้เธอแล้ว“พี่ก็คิดถึงครีมเหมือนกันแต่พี่ต้องทำงาน”“ครีมเข้าใจค่ะ ครีมก็เลยขับรถมาหาพี่ภูมิที่นี่ พี่ภูมิคะกระทงของเราสวยไหมคะ” เธอรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากให้เขาหงุดหงิดชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่หันมามองกระทงที่หญิงสาวถืออยู่ซึ่งรูปร่างมันค่อนข้างจะประหลาดเพราะไม่ใช่กระทงใบตองเหมือนที่เขาเคยเห็นโดยทั่วไป”“มันเป็นรูปอะไรเหรอครีม”“พี่ภูมิดูไม่ออกเหรอดูดีๆ” กานต์สิชายื่นกระทงมาให้เขาดูใกล้ๆชายหนุ่มขับรถไปด้วยหันมองไปด้วยแต่ก็ยังนึกไม่ออกว่ามันคือรูปอะไรกันแน่“บอกพี่มาเถอะครีมพี่เดาไม่ออกหรอกแล้วตอนนี้พี่ก