เมื่อกลับขึ้นมาบนห้องกานต์สิชาก็อาบและเปลี่ยนเป็นชุดนอน จากนั้นก็เปิดตู้เย็นเพื่อจะหาน้ำดื่มเมื่อเห็นทิรามิสุที่อยู่ในตู้เย็นก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองยังไม่ได้เอาขนมให้กันตภูมิและตอนนี้ซอฟต์คุกกี้ก็ยังอยู่ในรถ
กานต์สิชาคิดว่าจะตามเอาไปให้เขาที่ห้องพักเพราะมันไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ถึงแม้รู้ว่าพรุ่งนี้เช้าก็จะได้เจอกับเขาแต่ก็ไม่รู้ว่าที่ไซต์งานของชายหนุ่มจะมีตู้เย็นไว้เก็บทิรามิสุหรือเปล่าแต่ถ้าเอาไปให้เขาคืนนี้เขาก็จะได้แช่ตู้เย็นไว้
เธอรีบเปลี่ยนมาสวมกางเกงยีนกับกล้ามสีขาวและทับด้วยเชิ้ตตัวบางก่อนจะหยิบทิรามิสุในตู้เย็นเดินตรงไปที่รถ
หญิงสาวรู้ว่าห้องพักของกันภูมิอยู่ที่ไหนเพราะวันแรกที่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่เธอกลับมารดาและพี่สาวของเขาก็มาส่งและช่วยจัดของ
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสี่ทุ่มแล้วรถบนถนนไม่ค่อยมีมากเท่าไหร่หญิงสาวขับไปตาม GPS เพราะไม่คุ้นเส้นทางเท่าไหร่ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงห้องพักของเขา ตอนนี้บริเวณที่จอดรถมีรถจอดอยู่ไม่มากเธอขับรถไปจอดข้างๆ กับรถของกันตภูมิก่อนจะเดินขึ้นไปห้องพักของคนรักซึ่งอยู่บริเวณชั้นสามห้องริมสุด
กานต์สิชาถือทิรามิสุกับซอฟต์คุกกี้และตรงไปยังห้องพักของคนรัก เธอเคาะประตูและยืนรอไม่นาน เมื่อประตูห้องเปิดหญิงสาวยิ้มกว้างแต่ก็ต้องรีบหุบยิ้มเพราะคนที่มาเปิดไม่ใช่กันตภูมิอย่างที่คิดไว้
“คุณมาหาใครคะ” คนที่เปิดออกมาถามขึ้นทำให้กานต์สิชาทำหน้าไม่ถูก
“ฉันน่าจะเคาะห้องผิดค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”
“ใครมาเหรอส้ม”
เสียงผู้ชายที่ตะโกนมาจากในห้องทำให้กานต์สิชารู้ว่าตนเองไม่ได้เคาะห้องผิด
ชายหนุ่มนุ่งผ้าเช็ดตัวและกำลังเช็ดผมมาด้วยจึงไม่เห็นว่าตอนนี้หน้าประตูนั้นมีใครยืนอยู่ จนกระทั่งเดินมาใกล้ๆ เขาก็ต้องชะงักเพราะไม่คิดว่าจะเจอกับกานต์สิชาที่นี่
“ครีมมาได้ยังไง”
“พี่ภูมิรู้จักผู้หญิงคนนี้เหรอคะ”
“ครับ”
“ทำไมเธอถึงมาหาพี่ภูมิดึกแบบนี้” ผู้หญิงที่อยู่ในห้องหันไปถามกันตภูมิและมองหน้ากานต์สิชาสลับไปมา
“ครีมเป็นคนรู้จักของพี่ภูมิค่ะ บังเอิญผ่านมาแถวนี้ก็เลยแวะเอาขนมมาให้”
“ขอบคุณนะคะ ฉันชื่อส้มเป็นเมียพี่ภูมิค่ะ”
คำพูดของผู้หญิงที่ชื่อส้มทำให้กานต์สิชาหันมามองหน้าเธออีกครั้ง และเพิ่งสังเกตว่าหญิงสาวที่เธอคุยด้วยนั้นน่าจะกำลังตั้งครรภ์อยู่
“เมียพี่ภูมิเหรอคะ แต่งงานกันตอนไหนคะครีมไม่เห็นรู้เรื่องเลยพี่ภูมิก็น่าจะบอกกันบ้างนะคะ”
“เรายังไม่ได้แต่งงานกันหรอกค่ะ พอดีช่วงนี้พี่ภูมิเขายุ่งมาก”
“ถ้าแต่งกันตอนไหนอย่าลืมบอกนะคะครีมจะทำเค้กแต่งงานให้ฟรีเลยค่ะ แต่คืนนี้ขอตัวกลับก่อนนะคะและก็ขอโทษด้วยที่มารบกวนดึกเลยพอดีว่าที่นี่เป็นทางผ่านค่ะ”
“ครีมเดี๋ยวพี่โทรหานะ”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ภูมิพักผ่อนกับครอบครัวเถอะนะคะ คุณส้มคะฉันไปก่อนนะยินดีกับคุณด้วยที่กำลังจะมีครอบครัวที่อบอุ่น”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับขนมจากนั้นก็ยิ้มให้กับกานต์สิชาก่อนจะปิดประตูในขณะที่เธอก็หันหลังเดินออกมาจากบริเวณหน้าห้อง
กานต์สิชาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดและพยายามเดินอย่างเร็วที่สุดเมื่อรถก็รีบเปิดประตูเข้าไปนั่งน้ำตามันก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
คำพูดที่ได้ยินจากปากของผู้หญิงคนนั้นมันทำให้เธอรู้สึกว่าโลกจะถล่มลงมา ไม่คิดเลยว่าคนที่จะไว้ใจจะหักหลังกันแบบนี้ เขาไม่ใช่เพียงแค่มีผู้หญิงแต่เขามีภรรยาเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วซึ่งเธอไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้มาก่อนเลย เขาทำเหมือนตัวเองไม่มีใครบางครั้งเขาก็วิดีโอคอลหาเธอในเวลาดึกมันเลยทำให้เธอเชื่อเขาหมดใจ
ระยะเวลาปีกว่าที่คบกันเธอไม่เคยมาหาเขาที่ห้องพักเลย เพราะกันตภูมิจะเป็นฝ่ายเข้าไปหาเธอที่กรุงเทพตลอด ที่เขาพูดบ่อยๆ ว่าไม่อยากให้เธอขับรถมาหาเขาที่นี่นั่นคงไม่ใช่เพราะเป็นห่วงอย่างที่พูดแต่น่าจะเป็นเพราะเขากลัวว่าเธอจะมาเจอครอบครัวของเขาที่นี่มากกว่า
ความรู้สึกของกานต์สิชากำลังจมดิ่งเธอเคยเจอมารดาและพี่สาวของเขาแต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้เลย หญิงสาวคิดว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้กันตภูมิน่าจะบอกให้ครอบครัวรู้ แต่ทำไมครอบครัวของเขาถึงไม่บอกกับเธอว่าชายหนุ่มมีคนอื่นไปแล้ว เธอให้เด็กเธอฝากขนมเด็กที่ร้านไปให้มารดาและพี่สาวของเขาอยู่บ่อยๆ บางครั้งตนเองก็แวะเอาไปให้ด้วยตัวเอง
แต่ทั้งสองคนก็ต้อนรับเธออย่างดีไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้เลย เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงทำแบบนั้น ทำไมพวกเขาถึงใจร้ายกับเธอแบบนี้ ถ้าหากบอกว่ากันตภูมิมีผู้หญิงคนอื่นเธอจะไม่ยุ่งกับเขาเลย
กานต์สิชาไม่รู้ว่าระหว่างตัวเองกับผู้หญิงที่ชื่อส้มใครกันแน่ที่เป็นมือที่สาม ความรักจะหากไม่มีแค่หนึ่งเดียวมันก็คงต้องจบ ต่อให้รักมากแค่ไหนก็ต้องถอยเพราะไม่อยากทำลายครอบครัวของใคร แม้ไม่รู้ว่าเขาจะคบกับเธอหรือผู้หญิงคนนั้นก่อนแต่เรื่องแบบนี้มันไม่ได้อยู่แล้วมันอยู่ที่ลำดับว่าใครมาก่อนหรือมาหลัง มันอยู่ที่ว่าตอนนี้ผู้ชายคนนั้นเขาเลือกอยู่กับใครมากกว่าและเธอก็รู้แล้วตนเองไม่ใช่คนที่ถูกเลือกเพราะถ้าหากเขาเลือกเธอเขาก็คงจะตามและมาอธิบายเหตุผลให้เธอฟัง
หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่หลังพวงมาลัยเพราะยังไม่สามารถขับรถออกจากบริเวณนี้ได้ เธอพยายามรวบรวมสติของตนเองให้ได้มากที่สุดแต่มันก็ยากเหลือเกินเพราะเธอรักเขามากเนื่องจากเขาเป็นรักแรกและก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะจบลงแบบนี้
กานต์สิชาไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องดีใจหรือเสียใจที่มาเจอเหตุการณ์วันนี้ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอเห็นแล้วว่าระยะทางมันคืออุปสรรคอย่างหนึ่งของความรัก ถ้าจะมองในแง่บวกเธอก็โชคดีที่มีสถานะเป็นแค่คนเคยรัก ดีแค่ไหนแล้วที่เธอยังไม่ตกลงนอนกับเขาเพราะถ้าไม่อย่างนั้นจากสถานะคนเคยรักมันก็อาจจะเป็นสถานะเมียน้อยก็ได้
หญิงสาวร้องไห้อยู่นานก่อนจะตั้งสติอีกครั้งและขับรถกลับมายังโรงแรม
กานต์สิชาอยากจะขับรถกลับกรุงเทพเสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่เพราะเห็นว่ามันดึกก็เลยจะรอให้ถึงเช้า แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืนนี้ตัวเองจะนอนหลับหรือเปล่าเมื่อมาถึงห้องก็หยิบเบียร์ในตู้เย็นมาสองกระป๋องจากนั้นก็เดินลงมานอนบนอาบแดดข้างสระว่ายน้ำ เธอแหงนมองพระจันทร์ดวงโตแล้วยิ้มให้กับมันด้วยน้ำตาหลังจากเบียร์กระป๋องแรกหมดหญิงสาวก็เปิดกระป๋องที่สองตอนนี้บริเวณสระว่ายน้ำไม่มีใครเลยนอกจากเธอคนเดียวกานต์สิชามองพระจันทร์และคิดเรื่องของตนเองแต่ก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงเหมือนคนกระโดดน้ำ เธอหันไปมองก็เห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังว่ายน้ำอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ชายหนุ่มว่ายน้ำกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบก็เห็นว่าตอนนี้มีคนนั่งอยู่ริมสระเขาก็รีบว่ายเข้ามาใกล้“ผมขอโทษทำให้บรรยากาศเงียบๆ ขอบคุณพังลงเพราะเสียงว่ายน้ำของผม ผมคิดว่าตัวเองลงมาว่ายน้ำเวลาดึกขนาดนี้ก็คงจะไม่รบกวนใครแต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะมีคนนั่งอยู่ด้วย”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”“ทำไมคุณมานั่งอยู่ตรงนี้คือคนเดียวล่ะ มันดึกมาแล้วนะครับ”“ค่ะมันดึกมาก แล้วเราทำไมคุณถึงมาว่ายน้ำเวลานี้ล่ะคะ” หญิงสาวถามกลับ“เพราะช่วงหัวค่ำคนเยอะครับ ผมว่ามาว่ายตอนที่ไม่มีใครมันน่
แล้วกานต์สิชาก็เล่าเรื่องราวความรักของตนเองให้กับชายหนุ่มตรงหน้าฟังเหมือนกับรู้จักกับเขามานานระหว่างเล่าหญิงสาวก็จีบเบียร์ไปด้วยจนกระทั่งเบียร์กระป๋องที่สองใกล้จะหมดเธอเริ่มเมานิดๆ ในขณะที่ความรู้สึกเสียใจน้อยใจพรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ ใบหน้าหวานตอนนี้เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาทำให้คุณมองรู้สึกสงสารและเห็นใจเธอเป็นอย่างมากผู้หญิงคนนี้ดูท่าทางจะรักแฟนของเธอมากจริงๆเขารู้สึกเห็นใจเธอที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้แต่ก็รู้สึกดีใจไปกับเธอด้วยที่รู้เรื่องนี้เร็วเพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาคบกันต่อ“เป็นไงคะคุณคิดว่าครีมเป็นผู้หญิงโง่หรือเปล่า”“ไม่เลยผมคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมากนะที่เดินออกมาจากตรงนั้นโดยไม่โวยวายอะไร”“ครีมก็อยากจะโวยวายนะคะ แต่ตอนนั้นสมองมันตื้อไปหมดเลยค่ะ”“แล้วตอนนี้ล่ะครับ”“ตอนนี้รู้สึกโล่งใจค่ะ และก็แอบดีใจที่รู้เรื่องนี้เพราะถ้าไม่มาหาเขาที่นี่ก็คงถูกเขาหลอกไปอีกนานเลย”“คุณเป็นผู้หญิงประเภทที่ไม่ทำตัวติดกับผู้ชายเป็นผู้หญิงในฝันของผู้ชายหลายๆ คนเลยนะ”“แต่มันก็เป็นช่องโหว่ให้ผู้ชายบางคนใช้ประโยชน์จากการที่ครีมไม่ตามติดเลยทำให้เขามีใครอีกคนได้ง่ายขึ้น”“ผมว่าปัญหานี้ม
“คุณพักห้องไหนครับ”“ครีมจำไม่ได้”“แล้วคีย์การ์ดล่ะครับ”“นี่ค่ะ” หญิงสาวหยิบคีย์การ์ดที่สอดไว้ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาให้เขาชายหนุ่มถอดหายใจเพราะถ้าหากเธอไม่มีคีย์การ์ดเขาก็คงต้องพาเธอไปที่ห้องของตนเองหรือไม่ก็คงก็ต้องเปิดอีกห้องในเธอได้นอนพักเขาประคองเธอไปวางเตียงถอดรองเท้าและดึงผ้าห่มมาคลุมให้ก่อนจะหันหลังกลับ“คุณเปรมจะไปไหน”“ผมก็จะกลับห้องของผมสิ”“แต่เราเป็นแฟนกันจะไม่นอนด้วยกันเหรอ” กานต์สิชาถามไปด้วยสติที่เหลือไม่ถึงครึ่ง“คุณคงไม่ได้หมายถึงให้ผมนอนกับคุณ”“แต่ครีมหมายถึงแบบนั้น นอนกับครีมได้ไหมช่วยทำให้ครีมลืมเรื่องแย่ๆ ที่ผู้ชายคนนั้นกับครีมได้ไหม”“คุณเมามากและผมจะไม่นอนกับคุณเพราะคุณเมา”“คุณก็คงรังเกียจใช่ไหม”“เปล่าแค่ผมไม่อยากเอาเปรียบคุณ”“ครีมเข้าใจ ครีมขอโทษที่ทำให้คุณลำบากใจ สุดท้ายแล้วคืนนี้ครีมก็ต้องอยู่คนเดียว” เสียงที่ฟังเหมือนกำลังเสียใจ น้อยใจทำให้ชายหนุ่มไม่อยากจะเดินออกจากห้องนี้ไปเลย“ครีม” ปุริมปรัชญ์นั่งลงบนเตียงในขณะที่กานต์สิชาก็ลุกขึ้นนั่งพอดี“คุณกำลังจะทิ้งครีมไปอีกคนใช่ไหมคะ”ปุริมปรัชญ์ไม่เคยคิดจะล่วงเกินผู้หญิงที่เมาไม่ได้สติ แต่ทุกอย่างในชีวิตก็
เขากระซิบข้างหูจากนั้นจูบเร่าร้อนเธอเองก็จูบกลับอย่างดูดดื่มมันทำให้ไฟราคะในกายของทั้งสองพลุ่งพล่าน ฝ่ามือร้อนลากไปตามผิวนุ่ม นวดคลึงต้นขาก่อนจะดึงกางเกงชั้นในสีสวยออกให้พ้นทาง“คุณเปรม….”“ผมขอดูหน่อยสิว่าดอกกุหลาบของคุณจะสวยงามมากแค่ไหน”ชายหนุ่มดันเรียวขาของเธอให้แยกออกแล้วก็เหมือนกับถูกมนต์สะกด กุหลาบของหญิงสาวยังคงสวยงามและปิดสนิทเขาสัมผัสปลายนิ้วลงกลางกลีบกุหลาบหญิงสาวก็พยายามขยับหนีปุริมปรัชญ์ใช้ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งกดท้องน้อยไว้ ปลายนิ้วสัมผัสกลางกลีบลากขึ้นลงก่อนจะกดเน้นลงบนเกสรสวาทอย่างปลุกเร้า ไม่นานนักมันขยายตัวขึ้นเล็กน้อยเพราะถูกกระตุ้นจากคุณชำนาญเสียงหญิงสาวครางกระเส่าเมื่อเขากดเน้นยังเกสร สติของเธอแทบไม่หลงเหลือ สะโพกของเธอยกขึ้นขยับเข้าหาปลายนิ้วอย่างคุมตัวเองไม่อยู่ ทุกสัมผัสที่เขามอบให้มันไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอเลยและตอนนี้เธอก็กำลังรู้สึกเสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหญิงสาวดิ้นพล่านอยู่บนที่นอนนุ่ม เมื่อเขากดปลายนิ้วบนเกสรเร็วขึ้น น้ำหวานก็เริ่มไหลออกมาตรงกลางกลีบ ปุริมปรัชญ์สอดนิ้วเข้าไปทีละนิด“อ๊ะ!....”“ไม่เกร็งนะเดี๋ยวมันจะดีขึ้น”เขาสอดนิ้วเข้าไปทีละนิดก็รู้
กานต์สิชากรีดร้องเมื่อความสุขสมมาเยือนอีกครั้ง เธอรู้สึกตัวเบาหวิวความสุขที่ได้รับมันมากอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ร่างกายเกร็งสะท้านกระตุกถี่ร่องรักตอดรัดแท่งร้อนแรงจนชายหนุ่มปวดร้าวจนแทบจะระเบิด“เชื่อแล้วใช่ไหมว่ามันจะมีความสุข”“คุณเปรม...”“บอกผมสิว่าคุณมีความสุข”ปุริมปรัชญ์ถามขณะที่สะโพกยังขยับไม่มีพัก“ค่ะ ครีมมีความสุข”“มันจะสุขมากขึ้นเรื่อยๆ นะครีม ผมจะทำให้คุณลืมเรื่องแย่ๆ และจำว่าผมกับคุณมีความสุขกันมากแค่ไหน”ชายหนุ่มขยับสะโพกอย่างต่อเนื่องจนหญิงสาวรู้สึกถึงความเสียวซ่านอีกครั้ง เสียงหวานดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้คนที่ขยับอยู่ครางอย่างพอใจที่เห็นไฟสวาทของเธอมันลุกฮือขึ้นอย่างง่ายดายปุริมปรัชญ์ถาโถมแรงกระแทกกระทั้นไปตามอารมณ์พิศวาส ช่องสวาทร้อนระอุไปตามแรงเสียดสี โพรงอุ่นตอดรัดจนเขาครางแหบต่ำ ปากร้อนดูดเม้มเม็ดทับทิมที่ชูชันอย่างกระหาย กานต์สิชากดใบหนาเขาแนบกับอกอิ่มอย่าหลงลืมตัวสะโพกแกร่งเคลื่อนขยับอย่างไม่รู้เหนื่อย ยิ่งเมื่อได้ยินเธอเรียกชื่อเขามันก็ทำให้เขาโหมแรงเข้าหาอย่างไม่ยั้ง“อื้อ...อ๊ะ...คุณเปรม”เขารู้ว่าท่อนเอ็นมันกระแทกโดนจุดกระสันเพราะแรงตอดรัดที่มากขึ้นและร่า
แสงแดดที่เล็ดลอดเข้ามาจากรอยแยกของผ้าม่านทำให้กานต์สิชารู้สึกตัวตื่น หญิงสาวรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมดโดยเฉพาะช่วงล่างตั้งแต่บั้นเอวลงมาเธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องและนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หญิงสาวจำได้ว่าตนเองนั่งดื่มอยู่ที่ริมสระจากนั้นก็เจอกับผู้ชายคนหนึ่งและคุยกันอย่างถูกคอ เธอเล่าเรื่องที่ไปเจอมาให้กับเขาฟัง จากนั้นเขาก็ชวนเธอนั่งดื่มที่ผับข้างโรงแรมและก็พากันกลับมาที่ห้องของเธอกานต์สิชาจำบทสนทนาที่เธอกับเขาคุยกันได้ไม่ทั้งหมดแต่เมื่อคิดทบทวนแล้วก็เป็นเธอเองที่ชวนให้เขานอนกับเธอ ป่านนี้เขาคงคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายแน่ๆ แต่กานต์สิชาจะสนใจทำไมล่ะในเมื่อตื่นมาเขาก็ไม่อยู่ข้างกายแล้วหญิงสาวพยายามจะลุกขึ้นนั่งแต่มันก็ทำได้ค่อนข้างยากเพราะตอนนี้กลางกายของเธอมันรู้สึกระบมไปหมดเธอมองผ้าปูที่นอนยับย่นกับคราบเลือดจางๆ แล้วใบหน้าหวานก็แดงขึ้นมาทันที เธอขอร้องให้เขาช่วยทำลืมเรื่องแย่ๆ และเขาก็ทำได้จริงอย่างที่พูดเพราะตอนนี้ในสมองของหญิงสาวจำได้แต่บทรักอันเร่าร้อนที่เขามอบให้ประสบการณ์ครั้งนี้เธอคงลืมมันได้ยากและคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องลืมเพราะมันเต็มไปด้วยความสุขอย่างที่ไม่
กานต์สิชามองกระทงรูปเต่าซึ่งทำจากขนมปังที่วางอยู่ข้างๆ เบาะฝั่งคนนั่งด้วยความภูมิใจ วันนี้เธอและพนักงานในร้านช่วยกันทำขนมปังเกือบอยู่หลายแบบเพื่อจะใช้ในงานลอยกระทงคืนนี้หญิงสาวปิดร้านเร็วกว่าทุกวันเพื่อขับรถมาหาแฟนหนุ่มซึ่งทำงานอยู่ที่จังหวัดนครนายกซึ่งเธอไม่ได้เจอกับคนรักมานานเกือบสองเดือนแล้วกานต์สิชาตั้งใจว่าจะชวนชายหนุ่มไปลอยกระทงเพราะเห็นว่าช่วงนี้เขาทำงานหนักก็เลยอยากจะให้เขาได้ผ่อนคลายบ้างหญิงสาวขับรถออกจากกรุงเทพตั้งแต่บ่ายและเข้าพักโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องพักของกันตภูมิ ปกติกันตภูมิจะเดินทางกลับมาบ้านของตนเองที่กรุงเทพเกือบทุกสัปดาห์แต่สองเดือนที่ผ่านมากันตภูมิบอกเธอว่างานที่ไซต์งานค่อนข้างหนักและเร่งมากจึงไม่มีเวลากลับบ้านกันตภูมิเป็นวิศวกรคุมโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการขนาดใหญ่ในตัวจังหวัดนครนายกซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการก่อสร้างนานถึงสี่ปีซึ่งตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะสองปีแล้ว เธอรู้จักกับชายหนุ่มผ่านทางรุ่นพี่คนหนึ่งตั้งแต่สมัยเรียนแต่เพิ่งจะตกลงคบกันได้ไม่ถึงสองปีที่ผ่านกานต์สิชาเธอไม่เคยมาหากันตภูมิที่นี่เลยสักครั้ง เขาจะเป็นฝ่ายไปหาเธอมากกว่าเพราะมารดาและพี่สา
“สวัสดีครับ พี่ดีใจนะที่ครีมมาหาพี่ที่นี่เป็นยังไงบ้างขับรถมาเหนื่อยไหม”“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ ครีมไม่ได้ขับเร็วมากเท่าไหร่ขับมาเรื่อยๆ”“แต่ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครีมพี่เป็นห่วงนะ” เขาทำเสียงไม่ค่อยพ่อใจเท่าไหร่“พี่ภูมิโกรธครีมเหรอคะ” กานต์สิชาหน้าเสียเพราะกลัวว่าเขาจะโกรธที่มาหาเขาโดยไม่บอกล่วงหน้า“พี่ไม่ได้โกรธพี่แค่เป็นห่วงถ้าเกิดครีมเป็นอะไรไปพี่จะทำยังไง”“ก็ครีมคิดถึงพี่ภูมิ”หญิงสาวมองหน้าเขาแล้วทำตาปริบๆ และมันก็ได้ผลเพราะตอนนี้กันตภูมิเลิกทำหน้าหงุดหงิดและมีรอยยิ้มให้เธอแล้ว“พี่ก็คิดถึงครีมเหมือนกันแต่พี่ต้องทำงาน”“ครีมเข้าใจค่ะ ครีมก็เลยขับรถมาหาพี่ภูมิที่นี่ พี่ภูมิคะกระทงของเราสวยไหมคะ” เธอรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากให้เขาหงุดหงิดชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่หันมามองกระทงที่หญิงสาวถืออยู่ซึ่งรูปร่างมันค่อนข้างจะประหลาดเพราะไม่ใช่กระทงใบตองเหมือนที่เขาเคยเห็นโดยทั่วไป”“มันเป็นรูปอะไรเหรอครีม”“พี่ภูมิดูไม่ออกเหรอดูดีๆ” กานต์สิชายื่นกระทงมาให้เขาดูใกล้ๆชายหนุ่มขับรถไปด้วยหันมองไปด้วยแต่ก็ยังนึกไม่ออกว่ามันคือรูปอะไรกันแน่“บอกพี่มาเถอะครีมพี่เดาไม่ออกหรอกแล้วตอนนี้พี่ก
แสงแดดที่เล็ดลอดเข้ามาจากรอยแยกของผ้าม่านทำให้กานต์สิชารู้สึกตัวตื่น หญิงสาวรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมดโดยเฉพาะช่วงล่างตั้งแต่บั้นเอวลงมาเธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องและนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หญิงสาวจำได้ว่าตนเองนั่งดื่มอยู่ที่ริมสระจากนั้นก็เจอกับผู้ชายคนหนึ่งและคุยกันอย่างถูกคอ เธอเล่าเรื่องที่ไปเจอมาให้กับเขาฟัง จากนั้นเขาก็ชวนเธอนั่งดื่มที่ผับข้างโรงแรมและก็พากันกลับมาที่ห้องของเธอกานต์สิชาจำบทสนทนาที่เธอกับเขาคุยกันได้ไม่ทั้งหมดแต่เมื่อคิดทบทวนแล้วก็เป็นเธอเองที่ชวนให้เขานอนกับเธอ ป่านนี้เขาคงคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายแน่ๆ แต่กานต์สิชาจะสนใจทำไมล่ะในเมื่อตื่นมาเขาก็ไม่อยู่ข้างกายแล้วหญิงสาวพยายามจะลุกขึ้นนั่งแต่มันก็ทำได้ค่อนข้างยากเพราะตอนนี้กลางกายของเธอมันรู้สึกระบมไปหมดเธอมองผ้าปูที่นอนยับย่นกับคราบเลือดจางๆ แล้วใบหน้าหวานก็แดงขึ้นมาทันที เธอขอร้องให้เขาช่วยทำลืมเรื่องแย่ๆ และเขาก็ทำได้จริงอย่างที่พูดเพราะตอนนี้ในสมองของหญิงสาวจำได้แต่บทรักอันเร่าร้อนที่เขามอบให้ประสบการณ์ครั้งนี้เธอคงลืมมันได้ยากและคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องลืมเพราะมันเต็มไปด้วยความสุขอย่างที่ไม่
กานต์สิชากรีดร้องเมื่อความสุขสมมาเยือนอีกครั้ง เธอรู้สึกตัวเบาหวิวความสุขที่ได้รับมันมากอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ร่างกายเกร็งสะท้านกระตุกถี่ร่องรักตอดรัดแท่งร้อนแรงจนชายหนุ่มปวดร้าวจนแทบจะระเบิด“เชื่อแล้วใช่ไหมว่ามันจะมีความสุข”“คุณเปรม...”“บอกผมสิว่าคุณมีความสุข”ปุริมปรัชญ์ถามขณะที่สะโพกยังขยับไม่มีพัก“ค่ะ ครีมมีความสุข”“มันจะสุขมากขึ้นเรื่อยๆ นะครีม ผมจะทำให้คุณลืมเรื่องแย่ๆ และจำว่าผมกับคุณมีความสุขกันมากแค่ไหน”ชายหนุ่มขยับสะโพกอย่างต่อเนื่องจนหญิงสาวรู้สึกถึงความเสียวซ่านอีกครั้ง เสียงหวานดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้คนที่ขยับอยู่ครางอย่างพอใจที่เห็นไฟสวาทของเธอมันลุกฮือขึ้นอย่างง่ายดายปุริมปรัชญ์ถาโถมแรงกระแทกกระทั้นไปตามอารมณ์พิศวาส ช่องสวาทร้อนระอุไปตามแรงเสียดสี โพรงอุ่นตอดรัดจนเขาครางแหบต่ำ ปากร้อนดูดเม้มเม็ดทับทิมที่ชูชันอย่างกระหาย กานต์สิชากดใบหนาเขาแนบกับอกอิ่มอย่าหลงลืมตัวสะโพกแกร่งเคลื่อนขยับอย่างไม่รู้เหนื่อย ยิ่งเมื่อได้ยินเธอเรียกชื่อเขามันก็ทำให้เขาโหมแรงเข้าหาอย่างไม่ยั้ง“อื้อ...อ๊ะ...คุณเปรม”เขารู้ว่าท่อนเอ็นมันกระแทกโดนจุดกระสันเพราะแรงตอดรัดที่มากขึ้นและร่า
เขากระซิบข้างหูจากนั้นจูบเร่าร้อนเธอเองก็จูบกลับอย่างดูดดื่มมันทำให้ไฟราคะในกายของทั้งสองพลุ่งพล่าน ฝ่ามือร้อนลากไปตามผิวนุ่ม นวดคลึงต้นขาก่อนจะดึงกางเกงชั้นในสีสวยออกให้พ้นทาง“คุณเปรม….”“ผมขอดูหน่อยสิว่าดอกกุหลาบของคุณจะสวยงามมากแค่ไหน”ชายหนุ่มดันเรียวขาของเธอให้แยกออกแล้วก็เหมือนกับถูกมนต์สะกด กุหลาบของหญิงสาวยังคงสวยงามและปิดสนิทเขาสัมผัสปลายนิ้วลงกลางกลีบกุหลาบหญิงสาวก็พยายามขยับหนีปุริมปรัชญ์ใช้ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งกดท้องน้อยไว้ ปลายนิ้วสัมผัสกลางกลีบลากขึ้นลงก่อนจะกดเน้นลงบนเกสรสวาทอย่างปลุกเร้า ไม่นานนักมันขยายตัวขึ้นเล็กน้อยเพราะถูกกระตุ้นจากคุณชำนาญเสียงหญิงสาวครางกระเส่าเมื่อเขากดเน้นยังเกสร สติของเธอแทบไม่หลงเหลือ สะโพกของเธอยกขึ้นขยับเข้าหาปลายนิ้วอย่างคุมตัวเองไม่อยู่ ทุกสัมผัสที่เขามอบให้มันไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอเลยและตอนนี้เธอก็กำลังรู้สึกเสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหญิงสาวดิ้นพล่านอยู่บนที่นอนนุ่ม เมื่อเขากดปลายนิ้วบนเกสรเร็วขึ้น น้ำหวานก็เริ่มไหลออกมาตรงกลางกลีบ ปุริมปรัชญ์สอดนิ้วเข้าไปทีละนิด“อ๊ะ!....”“ไม่เกร็งนะเดี๋ยวมันจะดีขึ้น”เขาสอดนิ้วเข้าไปทีละนิดก็รู้
“คุณพักห้องไหนครับ”“ครีมจำไม่ได้”“แล้วคีย์การ์ดล่ะครับ”“นี่ค่ะ” หญิงสาวหยิบคีย์การ์ดที่สอดไว้ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาให้เขาชายหนุ่มถอดหายใจเพราะถ้าหากเธอไม่มีคีย์การ์ดเขาก็คงต้องพาเธอไปที่ห้องของตนเองหรือไม่ก็คงก็ต้องเปิดอีกห้องในเธอได้นอนพักเขาประคองเธอไปวางเตียงถอดรองเท้าและดึงผ้าห่มมาคลุมให้ก่อนจะหันหลังกลับ“คุณเปรมจะไปไหน”“ผมก็จะกลับห้องของผมสิ”“แต่เราเป็นแฟนกันจะไม่นอนด้วยกันเหรอ” กานต์สิชาถามไปด้วยสติที่เหลือไม่ถึงครึ่ง“คุณคงไม่ได้หมายถึงให้ผมนอนกับคุณ”“แต่ครีมหมายถึงแบบนั้น นอนกับครีมได้ไหมช่วยทำให้ครีมลืมเรื่องแย่ๆ ที่ผู้ชายคนนั้นกับครีมได้ไหม”“คุณเมามากและผมจะไม่นอนกับคุณเพราะคุณเมา”“คุณก็คงรังเกียจใช่ไหม”“เปล่าแค่ผมไม่อยากเอาเปรียบคุณ”“ครีมเข้าใจ ครีมขอโทษที่ทำให้คุณลำบากใจ สุดท้ายแล้วคืนนี้ครีมก็ต้องอยู่คนเดียว” เสียงที่ฟังเหมือนกำลังเสียใจ น้อยใจทำให้ชายหนุ่มไม่อยากจะเดินออกจากห้องนี้ไปเลย“ครีม” ปุริมปรัชญ์นั่งลงบนเตียงในขณะที่กานต์สิชาก็ลุกขึ้นนั่งพอดี“คุณกำลังจะทิ้งครีมไปอีกคนใช่ไหมคะ”ปุริมปรัชญ์ไม่เคยคิดจะล่วงเกินผู้หญิงที่เมาไม่ได้สติ แต่ทุกอย่างในชีวิตก็
แล้วกานต์สิชาก็เล่าเรื่องราวความรักของตนเองให้กับชายหนุ่มตรงหน้าฟังเหมือนกับรู้จักกับเขามานานระหว่างเล่าหญิงสาวก็จีบเบียร์ไปด้วยจนกระทั่งเบียร์กระป๋องที่สองใกล้จะหมดเธอเริ่มเมานิดๆ ในขณะที่ความรู้สึกเสียใจน้อยใจพรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ ใบหน้าหวานตอนนี้เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาทำให้คุณมองรู้สึกสงสารและเห็นใจเธอเป็นอย่างมากผู้หญิงคนนี้ดูท่าทางจะรักแฟนของเธอมากจริงๆเขารู้สึกเห็นใจเธอที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้แต่ก็รู้สึกดีใจไปกับเธอด้วยที่รู้เรื่องนี้เร็วเพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาคบกันต่อ“เป็นไงคะคุณคิดว่าครีมเป็นผู้หญิงโง่หรือเปล่า”“ไม่เลยผมคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมากนะที่เดินออกมาจากตรงนั้นโดยไม่โวยวายอะไร”“ครีมก็อยากจะโวยวายนะคะ แต่ตอนนั้นสมองมันตื้อไปหมดเลยค่ะ”“แล้วตอนนี้ล่ะครับ”“ตอนนี้รู้สึกโล่งใจค่ะ และก็แอบดีใจที่รู้เรื่องนี้เพราะถ้าไม่มาหาเขาที่นี่ก็คงถูกเขาหลอกไปอีกนานเลย”“คุณเป็นผู้หญิงประเภทที่ไม่ทำตัวติดกับผู้ชายเป็นผู้หญิงในฝันของผู้ชายหลายๆ คนเลยนะ”“แต่มันก็เป็นช่องโหว่ให้ผู้ชายบางคนใช้ประโยชน์จากการที่ครีมไม่ตามติดเลยทำให้เขามีใครอีกคนได้ง่ายขึ้น”“ผมว่าปัญหานี้ม
กานต์สิชาอยากจะขับรถกลับกรุงเทพเสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่เพราะเห็นว่ามันดึกก็เลยจะรอให้ถึงเช้า แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืนนี้ตัวเองจะนอนหลับหรือเปล่าเมื่อมาถึงห้องก็หยิบเบียร์ในตู้เย็นมาสองกระป๋องจากนั้นก็เดินลงมานอนบนอาบแดดข้างสระว่ายน้ำ เธอแหงนมองพระจันทร์ดวงโตแล้วยิ้มให้กับมันด้วยน้ำตาหลังจากเบียร์กระป๋องแรกหมดหญิงสาวก็เปิดกระป๋องที่สองตอนนี้บริเวณสระว่ายน้ำไม่มีใครเลยนอกจากเธอคนเดียวกานต์สิชามองพระจันทร์และคิดเรื่องของตนเองแต่ก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงเหมือนคนกระโดดน้ำ เธอหันไปมองก็เห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังว่ายน้ำอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ชายหนุ่มว่ายน้ำกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบก็เห็นว่าตอนนี้มีคนนั่งอยู่ริมสระเขาก็รีบว่ายเข้ามาใกล้“ผมขอโทษทำให้บรรยากาศเงียบๆ ขอบคุณพังลงเพราะเสียงว่ายน้ำของผม ผมคิดว่าตัวเองลงมาว่ายน้ำเวลาดึกขนาดนี้ก็คงจะไม่รบกวนใครแต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะมีคนนั่งอยู่ด้วย”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”“ทำไมคุณมานั่งอยู่ตรงนี้คือคนเดียวล่ะ มันดึกมาแล้วนะครับ”“ค่ะมันดึกมาก แล้วเราทำไมคุณถึงมาว่ายน้ำเวลานี้ล่ะคะ” หญิงสาวถามกลับ“เพราะช่วงหัวค่ำคนเยอะครับ ผมว่ามาว่ายตอนที่ไม่มีใครมันน่
เมื่อกลับขึ้นมาบนห้องกานต์สิชาก็อาบและเปลี่ยนเป็นชุดนอน จากนั้นก็เปิดตู้เย็นเพื่อจะหาน้ำดื่มเมื่อเห็นทิรามิสุที่อยู่ในตู้เย็นก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองยังไม่ได้เอาขนมให้กันตภูมิและตอนนี้ซอฟต์คุกกี้ก็ยังอยู่ในรถกานต์สิชาคิดว่าจะตามเอาไปให้เขาที่ห้องพักเพราะมันไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ถึงแม้รู้ว่าพรุ่งนี้เช้าก็จะได้เจอกับเขาแต่ก็ไม่รู้ว่าที่ไซต์งานของชายหนุ่มจะมีตู้เย็นไว้เก็บทิรามิสุหรือเปล่าแต่ถ้าเอาไปให้เขาคืนนี้เขาก็จะได้แช่ตู้เย็นไว้เธอรีบเปลี่ยนมาสวมกางเกงยีนกับกล้ามสีขาวและทับด้วยเชิ้ตตัวบางก่อนจะหยิบทิรามิสุในตู้เย็นเดินตรงไปที่รถหญิงสาวรู้ว่าห้องพักของกันภูมิอยู่ที่ไหนเพราะวันแรกที่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่เธอกลับมารดาและพี่สาวของเขาก็มาส่งและช่วยจัดของตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสี่ทุ่มแล้วรถบนถนนไม่ค่อยมีมากเท่าไหร่หญิงสาวขับไปตาม GPS เพราะไม่คุ้นเส้นทางเท่าไหร่ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงห้องพักของเขา ตอนนี้บริเวณที่จอดรถมีรถจอดอยู่ไม่มากเธอขับรถไปจอดข้างๆ กับรถของกันตภูมิก่อนจะเดินขึ้นไปห้องพักของคนรักซึ่งอยู่บริเวณชั้นสามห้องริมสุดกานต์สิชาถือทิรามิสุกับซอฟต์คุกกี้และตรงไปยังห้องพักของคนรัก เธอเคา
เมื่อถึงจุดที่ลอยกระทงทั้งสองก็อธิษฐานร่วมกันก่อนจะปล่อยกระทงลงไปในแม่น้ำ กระทงลอยออกจากฝั่งได้ไม่ไกลปลาที่อยู่ในแม่น้ำก็แย่งกันกินขนมปังจนในที่สุดกระทงของหญิงสาวก็จมลง“ว้า...กระทงลอยได้แป๊บเดียวเลย” กานต์สิชาบ่นด้วยความเสียดาย“ปลามันคงหิวน่ะครีม ไม่เป็นไรหรอกถือว่าทำบุญ”“ครีมรู้ค่ะแค่อยากจะเห็นมันลอยออกไปไกลกว่านี้อีกหน่อย” กานต์สิชามองกระทงตาละห้อย“ลอยกระทงเสร็จแล้วไปเดินหาขนมกินกันดีไหม”“ดีเหมือนกันค่ะ”กันตภูมิพาคนรักเดินอยู่ในบริเวณที่จัดงานอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงจากนั้นก็พาเธอเดินการกลับมาที่รถ“เรายังเดินกันไม่ทั่วงานนะครีม ทำไมครีมถึงจะรีบกลับล่ะ” กันตภูมิถามคนรักด้วยความสงสัยเพราะเธอตอนแรกก็เห็นว่าเธอกระตือรือร้นอยากจะมาลอยกระทงแต่พอเขาพาเดินเข้าจริงๆ หญิงสาวก็ชวนกลับ"พรุ่งนี้พี่ภูมิต้องทำงานนี่คะ ครีมไม่อยากให้พี่นอนดึก”“ไม่เป็นไรหรอกน่า นานๆ ครีมถึงจะมาหาพี่ที่นี่ เรามีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยมากคืนนี้ไปค้างกับพี่ที่ห้องพักดีไหม”“ไม่เป็นไรค่ะ ครีมคิดว่านอนที่โรงแรมสะดวกกว่า”เมื่อได้ฟังคำตอบของกานต์สิชาแล้วเขาก็โล่งใจแต่ถ้าไม่เอ่ยชวนเลยมันก็ดูไม่เหมือนคนรักกันเท่าไหร่ นี่ไ
“สวัสดีครับ พี่ดีใจนะที่ครีมมาหาพี่ที่นี่เป็นยังไงบ้างขับรถมาเหนื่อยไหม”“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ ครีมไม่ได้ขับเร็วมากเท่าไหร่ขับมาเรื่อยๆ”“แต่ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครีมพี่เป็นห่วงนะ” เขาทำเสียงไม่ค่อยพ่อใจเท่าไหร่“พี่ภูมิโกรธครีมเหรอคะ” กานต์สิชาหน้าเสียเพราะกลัวว่าเขาจะโกรธที่มาหาเขาโดยไม่บอกล่วงหน้า“พี่ไม่ได้โกรธพี่แค่เป็นห่วงถ้าเกิดครีมเป็นอะไรไปพี่จะทำยังไง”“ก็ครีมคิดถึงพี่ภูมิ”หญิงสาวมองหน้าเขาแล้วทำตาปริบๆ และมันก็ได้ผลเพราะตอนนี้กันตภูมิเลิกทำหน้าหงุดหงิดและมีรอยยิ้มให้เธอแล้ว“พี่ก็คิดถึงครีมเหมือนกันแต่พี่ต้องทำงาน”“ครีมเข้าใจค่ะ ครีมก็เลยขับรถมาหาพี่ภูมิที่นี่ พี่ภูมิคะกระทงของเราสวยไหมคะ” เธอรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากให้เขาหงุดหงิดชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่หันมามองกระทงที่หญิงสาวถืออยู่ซึ่งรูปร่างมันค่อนข้างจะประหลาดเพราะไม่ใช่กระทงใบตองเหมือนที่เขาเคยเห็นโดยทั่วไป”“มันเป็นรูปอะไรเหรอครีม”“พี่ภูมิดูไม่ออกเหรอดูดีๆ” กานต์สิชายื่นกระทงมาให้เขาดูใกล้ๆชายหนุ่มขับรถไปด้วยหันมองไปด้วยแต่ก็ยังนึกไม่ออกว่ามันคือรูปอะไรกันแน่“บอกพี่มาเถอะครีมพี่เดาไม่ออกหรอกแล้วตอนนี้พี่ก