บ้านเสิ่น“เปาหลิว ขยับเสื้อผ้าให้เข้ารูปเข้ารอย นั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง อี้ซากุมมือไว้แน่น“ข้าขอโทษต่อไปข้าไม่ ..ข่มเหงเจ้าอีกแล้ว”เปาหลิวถอนหายใจยาว“เราสองคนยังไม่ได้แต่ง ท่านก็ไม่ได้ล่วงเกินอะไรข้า รอให้เราแต่งกันเสียก่อนตอนนี้ถึงแม้ข้าจะบอกว่าไม่ หากท่านเป็นคนที่ชอบข่มเหงก็ไม่มีทางจะยอมเลิกราคุณชายอย่าได้กังวลเราสองคนควรที่จะเรียนรู้กันไปทีละเล็กทีละน้อยดีไหม”พูดให้อี้ซาที่กำลังกังวลใจสบายใจขึ้น ความจริง หากเป็นคนอื่นก็คงจะไม่พอใจกับสิ่งที่เปาหลิวทำ เพราะเคยผ่านมือชายมาแล้วก็ยังถือตัวไม่ยอมให้ กับว่าที่สามีง่ายดายดังกับเป็นหญิงพรหมจรรย์อี้ซาก้มหน้าก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าช้าๆ“ข้าขอโทษจากใจ”คำพูดที่ออกมาจากใจ เช่นไรจะสัมผัสไม่ได้ ความจริงอารมณ์รักใคร่ล้วนไม่อาจระงับยับยั้ง หากปล่อยให้มาก มากจนระเบิดออกมา“ข้า จะแต่งเจ้าให้เร็วที่สุด ระหว่างนี้เปาหลิว ข้าจะให้คนมาตัดชุดแต่งงานให้เจ้าที่นี่ ส่วนพิธีการข้ารับอาสาดูแลเอง หวังว่าเจ้าคงไม่ปฏิเสธข้าอีก”เปาหลิวแค่เพียงยิ้มบางๆ จะปฏิเสธทำไมกัน ไม่ได้รอใคร ไม่ได้คาดหวังอะไรคนดีดีเช่นอี้ซา หาได้ง่ายดายหรือไร ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านตู้ท
“คุณหนูเห็นใจข้าด้วย ทุกวันนี้คุณชาย มักจะอารมณ์ฉุนเฉียวและ เฉยชากับข้าหากมีเรื่องของท่านมากระทบความรู้สึกของคุณชาย คนที่ต้องรองรับอารมณ์ของคุณชายตคือข้าได้โปรดสงสารข้าด้วยเถิด”“เป็นท่าน เป็นท่านที่ยอมคนชั่วนั่นเอง”“คุณหนูท่าน ได้โปรดเถิดตอนนี้ข้ากำลังตั้งครรภ์หากคุณชายยังอารมณ์ฉุนเฉียวกับข้าแบบนี้ คิดว่าสงสารเราสองคนแม่ลูก ท่านเองก็มีลูกคงเข้าใจข้อนี้ดี”ยกมือขึ้นลูบท้องเบาๆ เปาหลิวถอนหายใจยาว“ข้า ข้าเห็นใจเจ้าเช่นนั้นสิ่งเดียวที่ข้าทำได้คือ รีบแต่งกับคุณชายตู้เสียเจ้าจะได้สบายใจส่วนเขาเองจะได้ไม่ต้องมาข้องแวะกับข้าอีก” ซีหยินย่อกายจากไป เปาหลิวถอนหายใจยาวเหยียด สวมเสื้อคลุม ก้าวเดินออกจากบ้านเสิ่น“คุณหนูเจ้าขากำลังจะไปไหน”“ป้าเหยา เปาหลิวกำลังจะไปบ้านตู้ หารือเรื่องการแต่งงานเร่งวันแต่งงานระหว่างข้ากับคุณชายตู้ให้เร็วขึ้น”ป้าเหยายิ้ม“ดีจังเลยค่ะคุณหนูจะได้มีคนคอยปกป้องและอีกอย่างหญิงงามเช่นคุณหนูไม่ควรเป็นหม้ายนานๆ ”เปาหลิวยิ้มเศร้าๆมีทางเดียวเท่านั้นที่ทำได้ในตอนนี้รถลาก แล่นมาเทียบตรงหน้า เปาหลิวก้าวขาขึ้นไปบนรถลาก“ไปบ้านตู้”เอ่ยปากเบาๆ“ขอรับ”รถเคลื่อนออกจากตัวบ้านเสิ่น
“หยุดรถ”เขาส่งเสียงดังลั่น คนลากรถหยุดชะงักในทันที ฟ่านหงเหวินกระโดดเข้าไปดึงตัวเปาหลิวที่จุกแอ่กให้ ลุกขึ้น“เกิดอะไรขึ้น”เสียงผู้คนเอ่ยปากถาม ฟ่านหงเหวิน ดึงเสื้อคลุมให้ปิดบังใบหน้าของเปาหลิว“ภรรยาข้าเราสองคนมีเรื่องบาดหมางกันนิดหน่อยนางจึง ตั้งใจกระโดดด้วยน้อยใจข้า ขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วงซินอ้ายเตอะ (ที่รัก) ข้าไม่ขัดใจแล้วเอาตามนี้ไปหออิงฟ้า เจ้าอยากจะอุ่นเตียงให้ข้าเวลากลางวัน ทำไมต้องเอาแต่ใจด้วย ข้ายอมเจ้าแล้ว เราไปนอนพักที่หออิงฟ้าจึงดี ที่นั่นงดงามยิ่งนัก”ทั้งดึงทั้งลากเปาหลิวให้ขึ้นไปบนรถลากที่จอดรออยู่เปาหลิวส่ายหน้าไปมารู้ว่าอีกคนโมโหแค่ไหน ดวงตาแข็งกร้าวที่สบตาน่ากลัวยิ่งนักอีกทั้งยังจุกจนพูดไปม่ออก ปล่อยให้หงเหวินลากตัวขึ้นไปบนรถลากคราวนี้กลายเป็นคีมเหล็กที่รั้งเอวบางไว้แน่นทั้งสองข้าง ดึงเข้าหาตัวจนเปาหลิวไม่อาจกระดิกกระเดี้ย“ปล่อยข้า ข้าหายใจไม่ออก”“อย่าใช้ลูกไม้เดิมๆ หากพูดมากข้าจะจูบเจ้า บนรถลากให้คนทั้งเมืองได้เห็น”เปาหลิวหลับตาปี๋ ยอมนั่งนิ่งไปจนรถลากมาถึงหออิงฟ้าที่เป็นที่พักคล้ายโรงเตี๊ยมห่างออกมานอกเขตวังหลวง ล้อมรอบด้วยดอกไม้นานาพันธ์ สะพานทอดยาดไปกลา
เปาหลิวหันมาฟาดมือลงบนใบหน้า ของหงเหวินอย่างแรงหงเหวินยิ้มหยัน“อย่าทำแบบนี้อีก”จ้องตา ด้วยสีหน้าดุดัน“ข้ากับ คุณชายตู้เราเป็นสามีภรรยากันแล้วถึงจะยังไม่ได้แต่งกันก็ตามแต่ข้ามอบกายให้เขาแล้ว หากไม่ยอมปล่อยข้าเท่ากับท่านเองก็โง่งมที่กินน้ำใต้ศอกคุณชายตู้เช่นกัน”“คนชั่วเช่นข้าหาถือสาไม่ อย่างไรเจ้าก็ยังเป็นของข้ามาก่อน ครั้งหรือสองครั้งข้าบอกแล้วว่าบุปผาของเจ้ามันก็ยังคง แน่นจนข้าสุขสมอยู่ดี”“หยาบคาย หยาบคายที่สุด” หงเหวินกระชากร่างบางลงบนแท่นนอนหนากลางห้องทิ้งตัวทาบทับ ล้วงมือเข้าไปในกระโปรงกี่เพ่าที่ รัดสะโพกกลมกลึง แต่แหกออกด้านข้างเพื่อเผยให้เห็นเรียวขาขาว มืออุ่นรุกล้ำเข้าไปในกลีบบุปผา สอดนิ้วเรียวเข้าไปในทันทีไม่ทันให้ได้หายใจหายคอ เปาหลิวขยับตัวคลานหนีอีกคนตะปบราวกับเสือร้าย ดึงซิปที่ต้นคอด้านหลังรูดลงมาจนเห็นแผ่นหลังขาวเนียนก้มลงใช้ลิ้นเลีย ไล่ลงมาตรงกลางแผ่นหลังดึงกี่เพ่าให้หลุดออกอย่างง่ายดายเมื่อซิปถูกรูดจนสุดที่เอวกิ่ว“ยังหอมหวานเหมือนเดิม”ดึงเอวบางให้ กระแทกเข้าที่เอวของเขา“กรี๊ด”มือบางไขว่คว้าหลบหลีก มือรั้งเอวบางให้แนบชิดเอวหนาของหงเหวินกระแทกเข้าที่บั้นท้ายงอนง
ลุกขึ้นสวมอาภรณ์อีกทั้งยังไม่รั้งรอทีจะสวมอาภรณ์ให้กับเปาหลิวที่นอนสะอื้นเบาๆ“ไปให้พ้นข้าเกลียดท่าน ข้าเกลียดท่านที่สุด”“เจ้าอย่างไรก็คือเมียข้าจะปฏิเสธข้อนี้ไปได้อย่างไร”“ข้าจะหนีไปเสียไปจากที่นี่ไม่ต้องพบเจอกันอีก”“คิดหรือว่าจะหนีไปได้ง่ายดายเช่นนั้นวันนี้อย่าหวังว่าจะได้กลับไป ข้าจะพาเจ้าไปยังที่ที่ใครก็ไม่อาจหาตัวเจ้าได้”เปาหลิวลุกขึ้นยกมือบางขึ้นทุบที่อกกกว้างทว่ากลับถูกคว้ามือไว้แน่น สายตายียวนก่อนที่จะก้มลงบดริมฝีปากกับปากบางอีกครั้งอย่างหนักหน่วง เปาหลิวกลั้นใจกัดเข้าที่ลิ้นนุ่มลื่น ฟ่านหงเหวินเงื้อมือด้วยโทสะ“เจ้าบังอาจนัก ข้าเป็นบุรุษยังไม่เคยคิดทำร้ายเจ้า”“ผิดแล้วท่านทำร้ายข้าทุกครั้งที่พบเจอกัน จงรอรับความเกลียดชังจากข้า ไม่มีทางที่ข้าจะยอมเป็นของท่านอีก หากมีเรื่องบัดสีแบบนี้อีกครั้งข้ายอมตาย”ดึงปิ่นปักผมจากผมที่หลุดหลุ่ยมาจี้เข้าที่คอหอย“โครมมมม”เสียงประตูถูกกระแทกจนพังบุรุษร่างใหญ่หลายคนที่เปาหลิวคุ้นหน้าว่าคือคนของบ้านตู้นั่นเองต่างยืนรายล้อมฟ่านหงเหวินไว้“เปาหลิวอย่าทำแบบนี้ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว” ตู้อี้ซาถลาเข้าพยุงร่างเล็กดึงปิ่นปักผมโยนทิ้งเสีย ฟ่านหงเหวินยิ
ยิ้มกระหยิ่มในใจ นางกำนัลคนสนิทยิ้ม ปลดอาภรณ์ของเปาหลิวออกดึงมือบางเข้าไปในห้องแช่น้ำอบกลิ่นดอกไม้นานาพันธ์หอมหวนฟงหงเหวินในชุดเกราะของแม่ทัพงามสง่า“ท่านแม่ทัพ อีกสามวันจึงจะเดินทางกลับด่านชายแดน ระหว่างนี้หวังว่าจะหาความสำราญอย่างที่ ห่างหายมาตลอด หออิงฟ้ามีหญิงงามมากหน้า ท่านแม่ทัพกรำศึกมานานควรจะผ่อนคลายเสียบ้าง”ฟงหงเหวินใบหน้าใสซื่อจริงใจ กะพริบตาปริบๆ“ท่านรองแม่ทัพ ข้ามานี่ ตั้งใจถวายงานฝ่าบาทไม่ได้ตั้งใจมาหาความสำราญ”“ไม่น่าเชื่อบุรุษหนุ่มองอาจจะไม่นิยมเรื่องผ่อนคลาย เฮ้อท่านแม่ทัพช่างเป็นบุรุษที่ น่าชื่นชมเสียจริงหากข้ามีบุตรีคงยกให้ท่านแม่ทัพไปเสียแล้ว”“ข้าน้อยมีหญิงที่หมายปองแล้ว ท่านรองแม่ทัพข้ารอว่าสักวันเราสองคนจะได้ครองคู่กัน”รองแม่ทัพยิ้ม“บุตรีบ้านใดกันช่างโชคดียิ่งนัก ยินดีด้วย ยินดีด้วย หวังว่าสักวันข้าจะได้รับเชิญไปงานแต่งของท่านแม่ทัพหนุ่มไฟแรง”ท่านรองแม่ทัพจากไปทหารหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามากระซิบที่หูของหงเหวินเบาๆ“เข้าใจแล้วยามจื่อ (23.00.-24.59น) ข้าจะไปพบฮองเฮา”หงเหวินขมวดคิ้ว เปาหลิวฮองเฮาหญิงงามอันดับหนึ่งของแคว้นฉินมีเรื่องใดหารือยามจื่อจึงให้ไปพบยามจื
หงเหวินพลิกร่างบางลงใต้ร่างเขาคล้ายต้องมนตร์ กับเสียงกระซิบข้างหูหวานหยดลืมเรื่องราวรอบกาย มีเพียงร่างเล็กใต้ร่างเขาเท่านั้นที่ยังอุ่นร้อน ดิ้นพล่านด้วยไฟเสน่หา แรงทั้งหมดที่มีจากบุรุษหนุ่มที่เต็มไปด้วยเนื้อหนันแกร่งขย่มเขย่า กอดรัดพันตูกับร่างบางอ้อนแอ้นในอ้อมแขนนานนับชั่วยาม เปาหลิวฮองเฮาดึงมือหงเหวินให้ลุกขึ้นจากพื้นศาลาที่ประทับรอยรักร่วมกัน ร่างเปลอยของเปาหลิวฮองเฮานั่งอยู่ตรงหน้า นางดึงมือหงเหวินให้กำที่ประทุมถันแต่งตึง“ข้าเป็นของท่าน แล้วในตอนนี้ แม้ว่าข้าจะเป็นของใครมาก่อนไม่สำคัญ ทว่าข้าคือของท่าน ท่านจะต้องเป็นของข้าคนเดียว”หงเหวิน ก้มหน้าแม้จะรู้สึกผิด ทว่าปฏิเสธไม่ได้ว่ารสสวาทเมื่อครู่ที่ผ่านมาล้วนหอมหวานและเต็มใจ“กลับไปปฏิเสธนางเสีย ข้าจะย้ายเจ้าเข้ามาเป็นหัวหน้าองครักษ์ในตำหนักชิงหนิงกง ด่านชายแดนนั่น ให้คนอื่นดูแลแล้วเราจะได้บอกรักในทุกค่ำคืน”มือเล็กโอบรอบลำคอกดริมฝีปากเพื่อส่งท้าย“คืนพรุ่งนี้ ข้าจะเปิดหน้าต่างตำหนักทางด้านข้างไว้รอท่าน ห้ามเกินยามจื่อหากช้าเกินไปกว่านั้นพรุ่งนี้เตรียมรอที่ลานประหารได้เลย”“ฮองเฮาได้โปรด ให้ทำทุกอย่างข้าฟงหงเหวินไม่ขัด แต่ให้ปฏิเสธ
“ท่านเป็นอะไรไป ท่านกำลังปิดบังอะไรไม่จริงข้าไม่เชื่อว่าท่านมีใคร..อีกคน”ดึงร่างซีหยินเข้ามาใกล้“เจ้ายอมหรือ ยอมเป็นแค่นางบำเรอของข้า หรือว่าอยากจะได้ข้าเป็นสามีจนตัวสั่น คนเช่นเจ้าไม่น่าจะคิดเช่นนั้นได้แต่จากที่ข้าปฏิเสธเจ้าแล้วเจ้ายัง ไม่ยอมเข้าใจทำให้ข้าอดคิดแบบนั้นไม่ได้ว่าเจ้าไม่อาจลืมข้าได้เช่นนั้น…”ผลักรางซีหยินลงกับพื้นทิ้งตัวลงทาบทับดึงอาภรณ์ออกอย่างแรงซีหยินฟาดฝ่ามือลงบนแก้มของหงเหวินสุดแรง รวบอาภรณ์ให้ปิดบังร่างกาย”หยาบช้าที่สุด ข้า ทำไปทั้งหมดเพราะมีใจให้ท่าน ข้ามีใจให้ท่าข้ารักท่านไม่ได้เหมือนอย่างที่ท่านคิด”ลุกขึ้นวิ่งออกจากตรงนั้นไปทันที หงเหวินเห็นรอยน้ำตาและความเจ็บซ้ำในสายตานั้นได้ทันพอดิบพอดี ทิ้งตัวลงบนทุ่งหญ้ากว้างทอดถอนหายใจยาวเหยียดวังหลวง“ฟงหงเหวินหรือ อืมมมกงกง คิดว่าเขาภักดีจนถึงกลับอยากให้เป็นหัวหน้าองครักษ์คอยดูแลตำหนักชิงหนิงกงเลยหรือ”อี้ซาลูบไล้ปิ่นปักผม งดงามในมือปากก็พูดไปกงกงชราที่มีใบหน้าละม้าย ลุงกวงประสานมือ“ฟงหงเหวินทำหน้าที่แม่ทัพที่ด่านชายแดนมาหลายปี ตอนนี้การศึกสงครามเงียบสงบ ควรจะตอบแทนเข้าบ้าง คนที่อยู่ในวังหลวงจนตัวเป็นขนให้ผลัดเปล
ด่านชายแดนร่างสูงของ ตู้อี้ซาก้าวขายาวๆ ยังค่าย ผู้ใช้แรงงานด่านชายแดน“ฟ่านหงเหวิน”ร่างผอมบางนอน อยู่แคร่ไม้ไผ่ ซูบผอมจนอี้ซาจำแทบไม่ได้เนื้อตัวมีแต่รอยแผลผุพองและรอยเลือดแห้งเกราะกรัง“อะอะอะ อี้ซา”“ข้า นำเงินมาไถ่ตัวท่าน อีกอย่างตอนนี้คือช่วงเปลี่ยนผ่านไม่มีฮ่องเต้ไม่มีไท่จือทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันแล้ว ต่างชาติเข้ามาปกครองต้าชิงของเราจนสิ้น ฟ่านหงเหวินยิ้มเศร้าๆ“คงไม่ทันแล้วข้า คงไม่อาจกลับไปที่นั่น มิใช่แค่ไม่กล้าสู้หน้าเปาหลิวหากแต่แม้แต่ขยับกายข้ายังไม่อาจกระทำ ข้าทรมานเหลือเกินอี้ซาพูดกับนางแทนข้า บอกนางว่าข้าขอโทษ แค่กกก”เสียงหายใจหอบเหนื่อยอี้ซาลุกขึ้นมาชะโงกด้านหน้า“ใครก็ได้ตามท่านหมอข้ามีเงินทองมากมายตามท่านหมอมาตรวจดูอาการเขาที”คนติดตามมาประสานมือ“ท่านตู้ที่นี่ไร้หมอ อีกอย่าง”กระซิบข้างหูตู้อี้ซาเบาๆตู้อี้ซาหลับตาลงช้าๆ“มีเวลาอีกนานแค่ไหน”“อีกไม่เกินหนึ่งชั่วยามขอรับ ตอนนี้คุณชายฟ่านกระอักเลือดสดๆ ออกมาตั้งแต่เมื่อวาน นี่ก็ถือว่ามีความอดทนที่สุดแล้ว คงเพื่อรอพบท่านตู้คุณชายฟ่านจึงยังอยู่ถึงตอนนี้”“แค่กๆๆๆ ”ข้าจะพาเขากลับต้าชิงพวกเจ้าหาเกี้ยวและคนเพื่อพาคุณชา
ดวงตาเบิกโพลง พ่นเลือดสดๆ ออกมาก่อนที่วิญญาณจะหลุดออกจากร่าง“ถอยไปถอยไป”ผู้คุมใช้ทวนในมือกันให้หงเหวินถอยห่างออกไป“ตายเสียแล้ว ขอรับนายท่าน”“เอาไปเผา ตอนนี้กำลังเกิดโรคระบาด เผาให้สิ้นซาก”หงเหวินทอดถอนใจเขตวังหลวงต้าชิง“นายหญิงเจ้าขา คุณชายน้อย กับท่านตู้กลับมาจากบ้านตู้แล้วเจ้าค่ะ”ป้าเหยาเอ่ยปากเบาๆ เมื่อเห็นว่าเปาหลิวนั่งเหม่อมองไปไกล“ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้กับคุณชายด้วย อากาศข้างนอกหนาวเหน็บ ท่านตู้ตามใจคุณชายให้ออกไปตกปลาประจำ”“ทั้งสองคนเข้ากันได้ดีน่าชื่นใจยิ่งนัก”“ป้าเหยา ข้าได้ยินว่าเกิดโรคระบาดด่านชายแดน”ป้าเหยายิ้มบางๆ“นายหญิงเจ้าขา อย่าห่วงเลยเจ้าค่ะโรคระบาดไม่มาถึงนี่”เปาหลิวยิ้มเศร้าๆก่อนหน้านั้น“ เจ้าควรอภัยให้ฟ่านหงเหวินได้แล้ว เขารับกรรมที่ก่อไปแล้ว ต่อไปไม่แน่ว่าจะได้พบหน้ากันอีกหรือไม่ เขาฝากให้ข้าอี้ซาดูแลเจ้า แต่ทว่า เมื่อเจ้ายืนยันที่จะไม่แต่งกับข้าทางเดียวที่ทำได้คือ เราสองคนอยู่กันแบบสหายข้าสัญญาไม่มีทางทอดทิ้งโดดเดี่ยวเจ้า เงินทองที่เคยให้ก็ยังจุนเจือเหมือนเดิมที่ท่านพ่อเคยทำอย่างไรก็ยังอย่างนั้นเพราะเจ้าช่วยบ้านตู้ได้ไม่น้อยตอนนี้กิจการของบ้านตู้เป็น
“นี่เจ้า ตู้อี้ซาจะมากไปแล้วข้าเป็นถึงไท่จืออีกอย่างข้ากับฟงหงเหวินก็มีความสัมพันธ์อันดี ข้าจะให้ร้ายเขาได้อย่างไร”ตู้อี้ซายิ้มหยันหาได้รู้สึกหวาดกลัวในบารมีของฟงกัวไม่“ข้าได้ยินว่า ไท่จือยึดทรัพย์ของบ้านฟ่าน เป็นของตัวเองขับไล่มารดาของฟ่านหงเหวินออกจากแคว้นทรัพย์สินของบ้านฟ่านมีไม่น้อย แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วยังถึงกับจะตัดรากถอนโคนเชียวหรือ”ฮ่องเต้ชราโบกมือห้าม เพราะกลัวว่าไท่จือจะถูกเปิดโปงมากไปกว่านี้และจะทำให้ความศรัทธาลดน้อยลงไปฮ่องเต้ชราก้มลงกระซิบกับขันทีข้างกายที่ก้าวออกมายืนข้างหน้า“ละเว้นโทษตาย เนรเทศออกจากต้าชิง ให้ใช้แรงงานยังด่านชายแดน ส่วนทรัพย์สินที่ยึดไว้ส่งเข้าคลังหลวงทำนุบำรุงต้าชิงเสีย”อี้ซา ส่ายหน้าไปมา อย่างน้อยก็ยังรักษาชีวิตของฟ่านหงเหวินไว้ได้หากเป็นก่อนนั้นคงถูกประหารทั้งๆ ที่ยังไม่ทันไต่สวนเดินไปข้างๆ ร่างผอมโซของฟ่านหงเหวินใบหน้าซีดเซียวหมดความองอาจที่ถูกจำกัดอิสรภาพโดยโซ่ตรวน“ข้าช่วยท่านได้แค่นี้จริงๆ คุณชายฟ่านขอให้ท่านโชคดี”“ข้า ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดจากด่านชายแดนได้หรือไม่ ข้า ..หวังเพียงว่านางจะอภัยให้ข้าและนางกับลูกของข้าจะมีความสุข อี้ซาดูแลน
ท้องพระโรง ฟ่านหงเหวินถูกคุมตัวมา ยังหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้ ขุนนางที่บ้านฟ่านเคยเกื้อหนุน ต่างถอนหายใจไม่อาจช่วยเหลือท่านตู้กับตู้อี้ซาสวมอาภรณ์แบบตะวันตก ท่านตู้ถือไม้เท้าพยุงตัวเหมือนแบบที่สมัยนิยม (ปีค.ศ1800ก่อนสงครามฝิ่น) ส่วนตู้อี้ซาสวมแว่นสายตาในมือถือไปป์“ตู้อ้ายซา ตู้อี้ซา ถวายพระพรฝ่าบาท”ฮ่องเต้ชราโบกมือให้ ทั้งสองคนลุกขึ้น ฟงกัวขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกไม่พอใจ“ข้าน้อยสองคนเข้ามาฟังคำไต่สวน ความผิดของคุณชายฟ่านหงเหวิน” ฮ่องเต้ชรากระซิบกับขันทีชราข้างกายด้วยจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใครคือฟ่านหงเหวินโบกมือให้ขันทีจีบปากจีบคอพูดแทน“ฟ่านหงเหวิน ความผิดลบหลู่เบื้องสูง กล้าส่งหญิงงามที่ด่างพร้อยมีรอยมลทินให้กับไท่จือประมุขตำหนักบูรพาด้วยหวังผลประโยชน์ในการส่งวัตถุดิบสำหรับห้องเครื่องเข้ามาในวังหลวงผูกขาดเพียงเจ้าเดียวมีความผิดมหันต์สมควรได้รับโทษตาย ประหารเจ็ดชั่วโครต แต่ด้วยพระบารมีและพระเมตตา จึงลดโทษให้แค่เพียงประหารตัวคนผิด คือฟ่านหงเหวินผู้ที่ทำการหลบลู่เบื้องสูงเท่านั้น”อี้ซา ยกไปป์ขึ้นจรดปากสูดควันเข้าไปเต็มปอดพ่นออกมาหนักหน่วง ไม่ได้สนใจสายตาของฮ่องเต้ ไท่จือหรือเหล่านางในที
“ทะทะไท่จือโปรดอภัยหรูหรานไม่ได้เป็นคนที่คิดจะหลอกลวงเบื้องสูง ตะตะแต่เป็นคุณชายฟ่าน ที่ ที่แอบพรากพรหมจรรย์ของข้าไปเสียก่อน” ฟงกัวยิ้มเย็น กระบี่ในมือเสียบเข้าที่ยอดอกของหรูหรานอย่างจัง“เลวที่สุดพวกเจ้ากล้า หลอกลวงเบื้องสูงกล้าหลอกลวงข้าคิดว่าข้าเป็นตัวตลกหรือไร”เช็ดรอยเลือดที่คมกระบี่ ก่อนจะก้าวขาจากไป“องครักษ์ส่งคนคุมตัวฟ่านหงเหวินมาที่ ตำหนักบูรพาข้าจะฆ่าเขาเสีย”กัดฟันจนเป็นสันนูน มิใช่แค่การเลี้ยงดูแต่ด้วยสันดานเดิมของ ฟงกัวที่ไม่เคยยอมใคร เขาจึงไม่ยอมให้ใครมาลูบคมได้ง่ายดายฟ่านหงเหวิน ป่านนี้คงเย้ยหยันที่เขา กินเศษเดนที่ฟ่านหงเหวินหยิบยื่นมาให้ฟ่านหงเหวิน กดริมฝีปากของกับปากบางของ เปาหลิวส่งต่อลมหายใจแบกร่างเล็กขึ้นบ่าวิ่งวนไปรอบๆ อี้ซาได้แต่ถอนหายใจ“แค่กๆๆๆ ”เปาหลิวส่งเสียงไอออกมาเบาๆ“คุณชายฟ่าน พานางไปที่ร้านหมอจะดีกว่า”อี้ซาเอ่ยปาก เมื่อเห็นว่าฟ่านหงเหวินทำอะไรไม่ถูก ด้วยความห่วงใยเปาหลิวฟ่านหงเหวินรีบอุ้มร่างบางของเปาหลิวยังร้านหมอแต่ไม่ทันจะก้าวเข้าไปในร้านหมอ ทหารนับสิบต่างวิ่งเข้ามารายล้อมรอบตัว“เกิดอะไรขึ้น”หงเหวินถามด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ“ฟ่านหงเหวินหลอกลวงเ
“ข้า ปักใจกับฟงหงเหวินก่อนที่จะถวายตัว เป็นฝ่าบาทที่ฝืนใจข้า และเป็นนางที่แย่งชิงเขาไป ข้าทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขาใกล้ชิดข้า แม้ว่าเขาจะไม่มีใจให้ข้าก็ตาม”ฟงหงเหวินยิ้มหยันอี้ซายิ้มเศร้าเจ็บปวดใจอย่างที่สุดคำหวานของเปาหลิวที่ผ่านมา วนเวียนในหู นางล่อหลอกจนเขาตายใจเพื่อให้ฟงหงเหวินเข้ามาในวังหลวงอย่างแนบเนียน“เจ้ามีใจให้ฟงหงเหวินอย่างนั้นหรือ”“ข้ารักพี่ฟงรักเขามาตลอด แม้ว่าเขาจะไม่เคยรักหลิวหลิวคนนี้ก็ตาม เราสองคนไม่ควรต้องจากกัน เราสองคนไม่ควรต้องหลบซ่อน”เสียงแหบพร่า ฟงหงเหวินตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน“เจ้า เลือกเขาใช่ไหม เปาหลิวเจ้าเลือกฟงหงเหวิน ไม่เสียใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นใช่ไหมฮองเฮา”ฟงหงเหวินเองก็เจ็บที่ใจภาพความทรงจำที่ร่างเล็กของหลิวหลิววิ่งตามเขายามเยาว์วัยยังติดอยู่ในใจเปาหลิวก้มหน้านิ่ง ไม่เอ่ยคำใดเหมือนเป็นการตอบรับอี้ซายิ้มหยันชักกระบี่ข้างกายองครักษ์หมายจะเสียบคมกระบี่เข้าที่อกกว้างของฟงหงเหวินที่ถูกองครักษ์จับตัวไว้เสียให้ตายลงบัดนั้นทว่า“ฝ่าบาทอย่า”เปาหลิวถลาเข้าไปขวางคมกระบี่ที่คมกริบ ด้วยแรงโทสะคมกระบี่ในมือของอี้ซาเสียบทะลุอกขาวของเปาหลิวเลือดสีแดงไหลทะลักซ
เปาหลิวนิ่งงันหนึ่งปีผ่านไปไม่มีคืนไหนที่ไม่ร่วมรักกันแต่ทว่าก็ไม่เคยตั้งครรภ์ใครกันที่ร่างกายมีปัญหาเปาหลิวหรือว่าอี้ซา"รอให้เปาหลิวหายาบำรุงร่างกายที่ดีเพื่อเตรียมพร้อม แต่ฝ่าบาทแน่ใจหรือว่าหากเปาหลิวตั้งครรภ์แล้วฝ่าบาทจะจะไม่ปันใจให้หญิงอื่น”"ไม่มีทางข้าสัญญาให้ข้าตายลงตรงหน้าก็จะรักเจ้าตลอดไป"เปาหลิวยิ้มกับคำสาบานซีหยินยกถาดชาเข้ามาอี้ซามองตามสะโพกกลมกลึงกับรู้สึก กระสันขึ้นมาในทันทีหยุดนิ่งไม่ยอมสางผมให้กับเปาหลิว ที่ลอบมองอี้ซาผ่านบานกระจก"คืนนี้เปาหลิวรอฝ่าบาท ไม่ต้องส่งอาภรณ์ไปฝ่าบาทรู้แล้วเช่นนี้ต้องมาเพราะเปาหลิวไม่อาจรอได้นานๆ อากาศหนาวหากให้รอนานจะบั่นทอนหัวใจ"อี้ซายังนิ่งมองเสี้ยวหน้าและอกอิ่มของซีหยินที่ดันเสื้ออกมาคิดถึงร่างเปลือยเปล่าในน้ำอุ่นที่เขาเสพสมเมื่อไม่นานผ่านมาเปาหลิวยิ้มมุมปาก อยากจะให้อี้ซาหลงใหลซีหยินบัดนี้ได้ดั่งใจแล้วส่วนเปาหลิวก็แค่รอว่าหงเหวินจะเจ็บช้ำแล้วหันมามองเปาหลิวบ้างก็เท่านั้นค่ำคืนมืดมิดนางกำนัลเตรียมน้ำอุ่นใส่ผงหอมดอกไม้ในอ่างใหญ่ที่ทำขึ้นสำหรับเปาหลิวในตำหนักชิงหนิงกงเพื่อให้นางสำราญกับการแช่น้ำอุ่นที่นางชอบ ปลดอาภรณ์ออกจนเหลือเพียงร่
"พี่ฟงท่าน ช่วยข้าแก้แค้นนาง ช่วยข้า ข้าเกลียดนาง"สะอื้นกับอกกว้างราวว่าน้ำตาที่หลั่งรินนั้นยิ่งมากเท่าไหร่ฟงเหวินยิ่งต้องรับผิดชอบในความแค้นของซีหยิน"ให้ข้าทำอย่างไร"ซีหยินปาดน้ำตา"ท่าน ช่วยให้ฝ่าบาทโปรดปรานข้าแล้วลืมเลือนนางไปเสีย"หงเหวินนิ่งงันคลายอ้อมกอดออกช้าๆเหมือนเพิ่งจะนึกได้ว่าซีหยินคือคนของอี้ซาไปแล้ว"พี่ฟงได้โปรด"เขย่งเท้าขึ้นจุมพิตที่ปากอุ่นแต่หงเหวินกลับเบี่ยงตัวหลบเสีย"เจ้าเป็นคนของฝ่าบาทแล้ว โปรดปรานหรือไม่ข้าไม่อาจช่วยได้ อย่าทำแบบนี้อีกส่วนเรื่องของเจ้าข้าสัญญาจะพูดกับฮองเฮาทางเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือ. .ยอม..เป็นคนของฝ่าบาท เจ้าไม่ได้ต้องการจะแก้แค้นนางแต่เจ้าต้องการที่จะเป็นที่โปรดปรานซีหยินบอกข้ามาตามตรงเจ้า ยินดีที่เป็นคนของฝ่าบาทใช่หรือไม่” ซีหยินก้มหน้า“พี่ฟง ข้า ข้าข้าไม่อาจปฏิเสธว่าข้า แอบชื่นชมฝ่าบาทเมื่อครั้งที่เข้ามาที่นี่แต่ พี่ฟงนาง ทำให้ข้าต้องเป็นของฝ่าบาทง่ายดาย แล้วๆๆๆ ฝ่าบาทก็ยัง มีนางในใจไม่เหลียวแลข้าทั้งๆ ที่เพิ่งจะพรากพรหมจรรย์ของข้าไป”“เจ้าแค้นเคืองฝ่าบาทริษยานาง ซีหยิน เดิมเจ้าไม่ใช่คนแบบนี้ ซีหยินเจ้าลองตรองดูว่าเจ้าต้องการอะไรกันแน่”"
อ้อมแขนแข็งแรงของอี้ซาลูบไล้ร่างเปลือยก่อนรวบร่างบางไว้ในอ้อมแขน“ปะปปล่อยเพคะ”“ข้ากำลังจะทำโทษเจ้าที่บังอาจมาแช่น้ำอุ่นของข้ากับฮองเฮา กดจมูกโด่งลงบนแก้มใส เลื่อนริมฝีปากมาที่ปากบางบดเบียดทั้งๆที่ซีหยินตัวแข็งทื่อ มืออุ่นลื่นลงไปที่เอวบางลูบไล้เอวคอด ต่ำลงไปที่กลีบบุปผานุ่มมือ วนนิ้วมือไปมาไม่กล้าสอดล้วงเข้าไปเห็นได้ชัดว่าอีกคนตื่นกลัวเพียงใด“อ่าาา เจ้ายังไม่ต้องมือชาย ข้าต้องการเจ้า”กดเอวหนาถูไถเพิ่มความกระสัน“ฝ่าบาทอย่าเพคะเดี๋ยวฮองเฮาก็คงเข้ามา”หน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย“นางบอกเจ้าอย่างนั้นหรือ”จมูกโด่งเลาะเล็มที่หลังใบหู ลมหายใจร้อนผ่าว“พะพะเพคะ ฝ่าบาทได้โปรดปล่อยซีหยินก่อน”แม้จะปฏิเสธแต่ใจกับรู้สึกว่าอยากให้อี้ซาทำมากกว่านั้น“ยะยะอย่าเพคะ”ส่งเสียงกระเส่า“หืมม กล้าห้ามข้าหรือ” พลิกร่างบางมาประชิดตัว ร่างเปลือยแนบชิดในน้ำอุ่น อี้ซาประกบริมฝีปากเข้ากับปากบางใจเต้นไม่เป็นจังหวะ คิดถึงบทรักเร่าร้อนหอมหวานอาจจะยากไปหน่อยแต่ก็ทำให้คิดถึงครั้งแรกกับเปาหลิว ทำให้เขาคิดถึงเปาหลิวขึ้นมาในทันที ป่านนี้นางคงไปเปลือยกายรอเขาที่ห้องบรรทมของนาง รอเขาเสพสมกับซีหยินแล้วเขาก็คงจะต้อ